The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kantaphit.jai, 2024-01-29 23:52:20

รายวิชาการแกะสลัก

ilovepdf_merged (2)

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแกะสลักผักและผลไม้ ประวัติและความเป็นมา ประวัติความเป็นมาของงานแกะสลักไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเร่ิมมีมาตั้งแต่เมื่อใดเนื่องจากไม่มีการจดบันทึกเป็น ลายลักษณ์อักษรแน่ชัด จากหลักฐานที่อ้างถึงในหนังสือพระราชพิธี 12 เดือน ได้กล่าวถึงพระราชพิธีจองเปรียงในสมัยกรุง สุโขทัยท่ีมีพระร่วงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระสนมเอกคือท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือนางนพมาศ โดยนางนพมาศได้ร่วมประดิษฐ์ ตกแต่งโคมลอย นางได้คิดเอาดอกไม้ต่างๆ มาประดิษฐ์เป็นรูป ดอกบัวเบ่งบานรับแสงจันทร์ ใช้ดอกไม้ซ้อนสลับสีให้เป็น ลวดลาย แล้วนำเอาผลไม้มาแกะสลักเป็นรูปนกจิกกัน เกสรดอกบัว (ศักรันทร์ หงส์รัตนาวรกิจ , 2550, หน้า 5) การแกะสลักผักและผลไม้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปรากฏร่องรอยตามพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงประพันธ์เกี่ยวกับการกินอยู่ของคนไทยในราชสำนักพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเคร่ื องคาวหวาน กาพย์เห่ชมผลไม้ บทละครเร่ืองสังข์ทอง ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งที่ได้นำวิธีการแกะสลักผักและผลไม้ไปประกอบ เรื่องราวในบทละคร ได้บรรยายตอนนางจันทน์เทวีแกะชิ้นฟัก (ณภัทร ทองแย้ม, 2551 ,หน้า 8) การแกะสลักผักและผลไม้ บางทีเรียกว่า การทำเครื่องสด เป็นงานที่ต้องอาศัยความประณีต อดทนและละเอียดอ่อนใน การทำ เป็นศิลปวัฒนธรรมที่มีมาแต่สมัยโบราณ จัดเป็นศิลปะประจำชาติซ่ึงควรค่าแก่การส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติ ของชาติ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้และมีความภาคภูมิใจในภมิปัญญาของบรรพบรุษุ ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์ งานแขนงนี้สืบไป การแกะสลักผักและผลไม้เป็นงานฝีมือที่เป็นศิลปะ ประกอบด้วย การตกแต่งอย่างประณีต สวยงาม ยากที่จะหาชาติใดทัดเทียมได้ ศิลปะแขนงนี้สืบเนื่องมาแต่โบราณ แต่มิได้แพร่หลายทั่วไป ทั้งที่เป็นศิลปะเก่าแก่ประจำชาติ ไทย เดิมเป็นวิชาการชั้นสูงของกุลสตรีในรั้วในวัง ต้องฝึกฝนและเรียนรู้จนเกิดความชำนาญปัจจุบันงานแกะสลักผักและ ผลไม้มิได้นิยมเฉพาะในรั้วในวังหรือบ้านเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น แต่มีบทบาทในชีวิตประจำวันและเชิงธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะ เป็นโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ตลอดจนงานเลี้ยงเน่ืองในโอกาสพิเศษต่าง ๆ งานศิลปะดั้งเดิมของไทยนั้นมีอยู่มากมายหลายอย่างหลายแขนงการแกะสลักก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่ถือเป็นมรดกมี ค่าที่สืบทอดกันมาช้านาน เป็นงานฝีมือท่ีต้องใช้ความถนัด สมาธิ ความสามารถเฉพาะตัวและความละเอียดอ่อนมาก การ แกะสลักผักและผลไม้ เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็น เอกลักษณ์ประจำของชาติไทยเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีชาติใด สามารถเทียบเทียมได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงท่ีสุดในปัจจุบันนี้คงจะเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ ศิลปะแขนงนี้ที่มีแนวโน้มจะสูญ หายไปและลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ


ความหมายของการแกะสลักผักและผลไม้ การแกะสลัก หมายถึง การนำวัสดุต่างๆ เช่น พืชผัก สบู่ ขึ้ผึ้ง และวัสดุอื่น ๆ มาประดิษฐ์เป็น รูปลักษณ์ลวดลายต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือตัด จัก เฉือน เกลา แกะ แซะ คว้านออกจากชิ้นเดิมจนสำเร็จรูป (แสงอรุณ เชื้อวงษ์บุญ, 2542,หน้า 6) การแกะสลักผักและผลไม้ ความหมายของการแกะสลักผักและผลไม้ สามารถอธิบายความหมายตามพจนานุกรมฉบับราช บัณฑิตติยสถาน พ.ศ.2542 ได้ดังนี้ แกะ หมายถึง เอาเล็บมือค่อย ๆ แคะเพ่ือให้หลุดออก สลัก หมายถึง ทำให้เป็นลวดลายหรือรูปภาพ ด้วยใช้วิธีสิ่วสกัด ผัก หมายถึง อาหารที่เป็นพืชโดยใช้ใบ หรือ ต้น ผลไม้ หมายถึง ลูก ไม้ ผลของต้นไม้ การแกะสลักผักและผลไม้ หมายถึง การใช้อุปกรณ์เคร่ืองมือด้วยวิธีการต่าง ๆ ทำให้ผัก และผลไม้เกิดลวดลายตาม ต้องการ นอกจากนี้ยัง มีอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่ได้ให้ความหมายของการแกะสลักผักและผลไม้ไว้ดังนี้ การแกะสลักผักและผลไม้ หมายถึง การประดิษฐ์ผัก หรือ ผลไม้ให้ เป็น ลวดลายต่าง ๆ โดยการใช้มีด แกะส่วนที่ไม่ ต้องการออก แกะให้เป็นลวดลายสวยงามประณีต (ศักรินทร์ หงส์รัตนาวรกิจ,2550,หน้า 5) การแกะสลักผักและผลไม้ หมายถึง การประดิษฐ์ผักหรือผลไม้เป็นลวดลายต่าง ๆ ตามที่ออกแบบไว้ได้อย่างสวยงาม ประณีต (จอมขวัญ สุวรรณรกั ษ,์ 2547, หน้า 6) การแกะสลักผักและผลไม้ หมายถึง การตัด แต่งผักและผลไม้ทำให้มีรูปทรง และประดิษฐ์ลวดลายต่างๆ ด้วยมีด หรือ อาจใช้เครื่องมือ คล้ายสิ่วช่วยเซาะร่อง (มณีรัตน์ จันทนะผะลิน, 2547, หน้า 6) สรุปได้ว่า การแกะสลักผักและผลไม้ หมายถึง การนำเอาเครื่องมือและอุปกรณ์มาประดิษฐ์ผักและผลไม้ให้เป็นลวดลาย ต่างๆ อย่างสวยงามและประณีต


อุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลัก 1. มีดหั่น ควรเตรียมมีดหลาย ๆ ขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน 2. มีดแกะสลัก ควรเลือกมีด ที่มีความคมปลายแหลม ทำด้วยแสตนเลส หรือมีดทองเหลือง เพราะมีดเหล็กจะทำให้ผักผลไม้ ดำ 3. มีดปอก ควรเลือกมีดที่มีความคม ทำด้วยแสตนเลส เพราะมีดเหล็กจะทำให้ผักผลไม้ดำ 4. หินลับ มีด เลือกชนิดหินละเอียด 5. เขียง ควรเลือกใช้เขียงพลาสติกใช้สำหรับหั่นผักและผลไม้ เพราะจะไม่เป็นราเมื่อ ใช้หลาย ๆ ครั้งควรใช้เฉพาะผักและ ผลไม้ไม่ควรใช้ร่วมกับเขียงเนี้อ 6. ภาชนะใส่น้ำ สำหรับแช่ผักแกะสลัก เสร็จแล้ว ควรเลือกที่เป็นกะละมังเคลือบ หรือ แก้วหรือแสตนเลส ไม่ควรใช้ภาชนะ พลาสติกเพราะจะเป็น อันตรายถ้าผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว 7. ถาด สำหรับรองรับ เศษผัก และผลไม้ขณะที่กำลัง แกะสลัก 8. ผ้าเช็ดมือ ใช้เช็ดมือขณะแกะสลักผัก ผลไม้ เพื่อช่วยรักษาความสะอาด 9. ผ้าขาวบาง สำหรับคลุมผัก และผลไม้ที่แกะสลัก เสร็จใช้ผ้า สำลูซักน้ำให้หมดแป้ง 10. ที่ฉีดน้ำ เลือกที่มีละอองน้ำ เล็ก ๆ ขนาดเหมาะมือ 11. กล่องพลาสติกหรือถุงพลาสติก สำหรับ ใส่ผัก ผลไม้ที่แกะสลัก เสร็จ แล้ว เพื่อแช่ในตู้เย็น ชั้นผักระหว่างรอการ จัดเสิรฟ์ 12. พลาสติกปิดอาหาร ใช้ปิดผัก ผลไม้ที่แกะสลักแล้ว หรือที่จัดเสร็จแล้ว รอเสริฟเพื่อปิด ไม่ให้ถูก ลม และฝุ่น การเก็บรักษาเครื่องมือ/อุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลัก 1. หลังใช้งานแล้วต้องทำความสะอาดทุกครั้ง วัสดุที่นำมาแกะสลักบางชนิดมียาง ต้องล้างยางที่คมมีดด้วยมะนาวหรือน้ำมัน ก่อน แล้วจึงล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง เก็บปลายมีดในฝักหรือปลอก 2. มีดแกะสลักต้องลับให้คมอยู่เสมอ ผักและผลไม้ที่แกะสลักจะได้ไม่ชำ้ 3. วิธีเก็บมีดแกะสลัก ควรทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง เก็บในปลอกที่เป็น ฝักหรือ ทำด้วยโฟม เพื่อป้องกันการกระทบกับ ของแข็งทำให้คมมีดเสีย เป็นอุปสรรคในการแกะสลักผักผลไม้ และเก็บ ไว้ให้พ้นมือเด็ก 4. เขียงที่ใช้ควรล้างและเช็ดให้สะอาด ตากให้แห้ง และควรใช้เฉพาะกับผักผลไม้เท่านั้น ไม่ควรใช้หั่นเนื้อสัตว์ 5. ถาดหรือพาน เมื่อใช้แล้วล้างเช็ดให้แห้งและเก็บให้มิดชิดกันแมลงสาบ เพราะจะทำให้มีกลิ่นเหม็น วิธีการจับมีดแกะสลัก การจับมีดแกะสลักถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจและนำมาใช้ปฏิบัติให้ถูกต้อง การจับมีดแกะสลัก มีอยู่ 2 แบบ คือ 1. การจับมีดแกะสลักแบบหั่นผัก ด้ามมีดจะอยู่ในอุ้งมือ เหมาะสำหรับการแกะสลักผักผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ เชน่ มะละกอ แตงโม


2. การจับมีดแกะสลักแบบจับปากกา ด้ามมีด จะมีอิสระสามารถวาดลวดลายได้อย่างอิสระใช้สำหรับงานแกะสลักผักผลไม้ ทั่ว ๆ ไป การเลือกผักและผลไม้ที่ใช้ในการแกะสลัก เลือกผักและผลไม้ที่มีตามฤดูกาล ใหม่ สด ไม่มีตำหนิ เมื่อแกะสลักแล้ว ผลงานจะสวยและคงสภาพเดิมและเก็บไว้ได้นาน หลายวัน ผัก ผลไม้แต่ละชนิด มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งมีวิธีการเลือกดังนี้ 1. การเลือกผัก 1.1 แตงกวา ควรเลือกผลที่มีรูป ทรงตรง ผิว อวบตึง สดและอ่อน มีผลเล็กกว่าแตงร้าน ผิวสีเขียวสด เขียวอ่อน จนถึงขาว นวล 1.2 แตงร้าน ควรเลือกผลที่มีรูป ทรงตรง ผิวอวบตึง สดและอ่อนมีผลใหญ่กว่าแตงกวา เลือกสีเขียวเข้มไม่มีเหลืองปน ควร เลือกขนาดเท่า ๆ กัน 1.3 มะเขือเปราะเลือกที่มีรูป ทรงกลม สีเขียวอ่อน ผิวเรียบมัน บริเวณขั้วค่อนข้างอูมผลจะอ่อนควรเลือกขนาดเท่า ๆ กัน 1.4 มะเขือเทศ เลือกที่มีสีแดงอมเหลือง แสดงว่ายัง ไม่สุกเต็มที่จะแกะสลัก ได้ดีกว่าและทนกว่ามะเขือเทศที่สุก แล้วผิว ใสตึง ไม่เหยี่วขนาดเท่า ๆ กันผลรูปทรงรีจะมีเนื้อหนากว่าทรงกลม


1.5 ฟักทอง เลือกเนื้อหนา ๆ และแน่น ๆ โดยสังเกตได้จากผิวต้องขุรขระ มีน้ำหนัก ดี 1.6 พริกชี้ฟ้าสด เลือกสด ๆ ผิวตึง ๆ เลือกเม็ดเล็ก ๆเพราะถ้าใช้เม็ดใหญ่จะเต็มจาน ถ้าแกะเป็นดอกหน้าวัวจึงใช้เม็ดใหญ่ 1.7 ต้นหอม ต้นกระเทียม เลือกต้นที่ใบเขียวสด ไม่เหลือง ต้นขนาดกลาง ๆ อวบ ๆ 1.8 หัวไชเท้า ควรเลือกหัวตรง ขนาดกลาง เปลือกใส ไม่ขุ่น ถ้า หัวใหญ่เนื้อ จะฟ่าม 1.9 เผือก ใช้หัวขนาดกลาง ใช้เผือกหอมเนื้อจะละเอียด 1.10 แครอท ควรเลือกพันธ์ุต่างประเทศ หัว ตรง ๆขนาดกลางและใหญ่ ผิว ใสและตึง สีส้ม 1.11 หอมหัวใหญ่ ควรเลือกหัวที่แน่น ๆ สด เลือกหัวที่มีขนาดกลางหรือเล็กโดยมีขนาดเท่า ๆ กันกดที่ก้านใบแข็ง ไมบุ่บ 2. การเลือกผลไม้ ผลไม้ที่ใช้ในการแกะสลัก ให้เลือกที่สดใหม่ไม่มีตำหนิ ไมเห่ียว ไม่สุกงอมเกิน ไปเพราะเมื่อแกะสลักแล้วผลไม้จะช้ำและ ควรเลือกผลไม้ตามฤดูกาล ทั่วไปมีวีธีเลือกดังนี้ 2.1 มะม่วงดิบ เลือกที่แก่ สด ผิว ไม่ช้ำ ส่วนใหญ่นิยมใช้มะม่วงเขียวเสวย เพราะเนื้อแน่นเหมาะสำหรับแกะสลักตกแต่ง และจัด เสริฟเป็นชิ้น ๆ 2.2 แตงโม เลือกผลขนาดกลาง ผิวเขียวเข้ม สด เลือกที่มีน้ำหนัก 2.3 แอปเปิ้ล เลือกที่ใหม่ สด ผลขนาดกลางสีเสมอ ผลกลม เลือกขนาดเท่า ๆ กัน 2.4 สับปะรด เลือกที่แก่สุก เพราะดิบจะเปรี้ยว 2.5 มะละกอ เลือกลูกที่มีทรงตรง สีเขียวเข้ม ผิว เรียบ ถ้า ต้องการแกะเป็นภาชนะหรือดอกไม้ ควรเลือกมะละกอ ที่ห่ามเล็กน้อย 2.6 ฝรั่ง เลือกที่แก่ใหม่สด ผิวเรียบ ผลเสมอกัน สีเขียวอมเหลือง 2.7 สาล่ี เลือกผลกลาง ๆ มีน้ำหนัก ผิว ไม่ช้ำ ถ้าผิวมีกระมากมักจะฟ่าม 2.8 แคนตาลูป เลือกผลขนาดกลางและใหญ่ ใหม่ สด เลือกเนื้อมีน้ำหนักดี หลักการแกะสลักผักและผลไม้ 1. ต้องล้างผัก และผลไม้ให้สะอาด ผึ่ง หรือเช็ด ให้แห้ง ปอกหรือหั่น แกะสลัก และเก็บรักษา 2. เลือกแบบในการแกะสลักให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ เช่น ถ้าแกะสลักตกแต่งจานอาหารควรใช้แบบ ดอกไม้ ใบไม้ ไม่ ควรนำรูป สัตว์ที่ไม่เหมาะสม เช่น หนู งู สุนัข มาตกแต่ง จานอาหาร 3. การเลือกผักที่ประกอบเป็นผักจิ้ม ควรเลือกให้เหมาะสม เช่น หลน ใช้กระชาย ขมื้นขาว แตงกวา และมะเขือต่าง ๆ 4. การแกะสลักผักและผลไม้เพื่อรับประทาน ควรมีขนาดชิ้นพอเหมาะที่จะรับประทานได้สะดวกผักผลไม้ที่มีเนื้อแข็งควร แกะสลักก่อน ส่วนผักผลไม้ที่เนื้อนิ่ม ควรแกะสลักทีหลัง เช่นแตงโม 5. ผักที่นำมาแกะสลักตกแต่ง ควรรับประทานกับอาหารชนิดนั้นได้ และเป็นผักที่ไม่เหี่ยวง่าย เช่น แครอท หัวไชเท้า 6. ต้องแกะสลักด้วยความระมัดระวัง โดยไม่ให้ผักหรือผลไม้นั้นช้ำโดยจับเบามือ และมีดควรลับให้คมอยู่เสมอ 7. ต้องดูแลรักษาความ สด สะอาด ของผัก ผลไม้ ภาชนะที่ใช้ และพื้นที่ ปฏิบัติงาน


การดูแลและเก็บรักษาผักและผลไม้ที่แกะสลัก การแกะสลักผักสดและผลไม้ ควรจะมีการดูแลรักษาก่อน ระหว่าง และหลังแกะสลักจำเป็นจะต้องรู้วิธีไม่ให้ผักและ ผลไม้ชิ้นนั้นเปลี่ยนสภาพ และสงวนคุณค่าทางโภชนาการ มีหลักการดูแลและเก็บรักษาดังนี้ 1. ก่อนแกะสลักผักสดและผลไม้ ต้องล้างน้ำให้สะอาด อย่าแช่น้ำนาน จะสูญเสียวิตามินและเกลือแร่ พยายามรักษาคุณค่า ไว้ให้มาก ตัดส่วนที่รับประทานได้ออกให้น้อยที่สุด 2. ระหว่างแกะสลัก ผักและผลไม้บางชนิด เมื่อปอกเปลือกหรือแกะสลักแล้ว จะเปลี่ยนแปลงเป็นสีน้ำตาลอ่อน ทั้งนี้ เนื่องจากเอ็นไซม์และอากาศเป็นเหตุกระตุ้นการเปล่ียนแปลงครั้งนี้ การป้องกันทำได้โดย การแช่ในน้ำเปล่า น้ำเกลือเจือ จาง น้ำมะนาว และสารละลายน้ำตาล ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ผักและผลไม้ถูกกับอากาศโดยตรง 3. หลังการแกะสลัก เก็บผักสดและผลไม้โดยใส่ถาดปิดด้วยพลาสติก ปิดอาหาร หรือใส่ถุงพลาสติก หรือใส่กล่องพลาสติก ปิดปากถุงและฝากล่องให้สนิท แช่ในตู้เย็นชั้นผัก ที่มีความเย็นระหว่าง 40-50 องศาฟาเรนไฮต์สามารถยืด อายุความสด ของผัก และผลไม้ หลัง การแกะสลัก ไว้ได้นาน 3-5 วัน 4. การเก็บรักษาด้วยการถนอมอาหาร ถ้านำผักหรือผลไม้มาแช่ในน้ำตาลหรือน้ำเกลือที่มีความเข้ม ข้น สูง ก็จะสามารถ ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ทำให้อาหารไม่เน่าเสียได้ เช่น ฟักทองเชื่อม ฟักเชื่อม การทำผักดองเกลือ ขิงดอง 3 รส ประโยชน์ของการแกะสลักผักและผลไม้ ประโยชน์ของการแกะสลักผัก และผลไม้มีมากมายทั้งในชีวิตประจำวัน โอกาสพิเศษ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ศิลปะของไทย ไว้ การเรียนการแกะสลักผักและผลไม้นอกจากจะให้ความเพลิดเพลิน ระหว่างเรียนแล้วยัง สามารถพัฒนาฝีมือ เพื่อยึดเป็น อาชีพแขนงหนึ่งได้ 1. ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ➢ แกะสลักเป็น ภาชนะบรรจุอาหาร จำพวกผอบต่าง ๆ ➢ แกะสลัก เป็นดอก ใบ ใช้ประกอบอาหาร ประเภทแกงจืด ซุป หรือผัด ➢ แกะสลัก เป็นผักเคร่ืองจิ้ม โดยจัดชุดน้ำพริกต่าง ๆ ➢ จัดเป็น ชุดสลัด แบบต่าง ๆ ทั้ง สลัดผักสดและผักดิบ ➢ แต่ง ผักและผลไม้ให้สวยงามวิจิตร น่ารับประทาน และสะดวกแก่การรับประทาน หรือ นำมาจัดแจกันทรงต่าง ๆ วาง บนโต๊ะอาหาร 2. ประโยชน์ในโอกาสพิเศษ เช่น ➢ ใช้สำหรับจัดตกแต่ง เช่น แกะสลัก มะละกอเป็น แจกัน แกะสลักผัก ผลไม้เป็น ช่อ ดอกไม้แทน ดอกไม้สด เพื่อใช้ตก แต่งโต๊ะอาหาร งานเลี้ยง งานประเพณีต่าง ๆ หรือ ใช้ในการตกแต่งสถานที่ เช่น งานขึ้น บ้านใหม่ งานแต่งงาน ➢ งานวัน สำคัญ เช่น นำไปเชื่อมเพื่อบรรจุใส่ในภาชนะที่สวยงามนำไปมอบให้กับญาติผู้ใหญ่หรือ ผู้ที่เคารพนับถือเนื่อง ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 3. เพื่อ ใช้ในการประกอบอาชีพ


➢ ทำเป็นอาชีพช่างแกะสลักผักและผลไม้ ตามโรงแรม ร้านค้า 4. จัดประกวดการแกะสลัก ผักและผลไม้ เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม 5. สร้างความคิดสร้างสรรค์ในการคิดลวดลายที่แปลกใหม่ 6. ทำให้ผู้แกะสลักเกิดความภาคภูมิใจในผลงานและได้รับการยกย่อง 7. สร้างงานและรายได้


ความรู้เกี่ยวกับแตงกวา แตงกวา เป็นผักที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ขายเป็นกิโลกรัม ขายเป็นกอง หรือเป็นถุง ราคาค่อนข้างถูกคนไทยทุกภาค นิยมกินแตงกวากันทั้งนั้น คนเหนือ คนอีสานกินแตงกวากับน้ำพริก ต่าง ๆ กินกับลาบ คนภาคกลาง ก็กินกับน้ำพริก คนใต้ ก็มีแตงกวาเป็น “ผักเหนาะ” ชนิดหนึ่งในจานผักที่หลากหลายที่นิยมกินกับอาหารใต้ที่มีรสจัด และโดยทั่วไปแตงกวายัง ได้รับเกียรติให้กินคู่กับอาหารจานเดียวอีกหลายชนิด เป็นต้นว่า ข้าวผัด ข้าวมันไก่ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวหมกไก่ รวมทั้งในจานสลัดก็ยังมีแตงกวาเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้เนื่องจากแตงกวา เป็น ผักที่มีน้ำมาก แตงกวาจึงช่วยผ่อนคลาย ความเผ็ด ได้ดีและช่วยแก้เลี่ยนในอาหารจานเดียว คุณค่าทางอาหาร แตงกวานิยมรับประทานทั้งสดและนำมาประกอบอาหารต่างๆ ได้มากมาย นอกจากกินแตงกวาเป็นผักสดแล้ว แตงกวา สามารถนำไปประกอบอาหาร เราสามารถนำแตงกวาไปทำแกงจืด หรือผัดใส่ไข่ก็ยังได้ ถ้ามีแตงกวาเยอะก็ยังนำไปดองเก็บ เอาไว้กินได้อีกหลายวัน อาหารตะวันตกหลายชนิดก็นิยมกินกับแตงดอง ประโยชน์ของแตงกวา แตงกวามีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 96 จึงมีคุณสมบัติแก้กระหาย และเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยการกำจัดของเสีย ตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้แตงกวามีสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ วิตามินซี กรดคาเฟอิก กรดทั้ง 2 นี้ป้องกันการสะสม น้ำเกินจำเป็นในร่างกาย เปลือกแตงกวามีกากใยอาหาร และแร่ธาตุจำเป็น เช่น ซิลิก้า โพแทสเซียม โมลิบดีนั่ม แมงกานีส และแมกนีเซียม ซิลิก้าเป็นแร่ธาตุที่เสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อกระดูกอ่อน เส้นเอ็น และกระดูก ปริมาณ เส้นใย ธาตุ โพแทสเซียมและแมงกานีส ในเปลือกแตงกวาช่วยควบคุมความดันเลือดและความ สมดุลของสารอาหารในร่างกาย ธาตุ แมกนีเซียมช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทกล้ามเนื้อ และระบบการหมุนเวียนเลือด เส้นใยอาหารควบคุมระดับ คอเลสเตอรอล และช่วยระบบขับถ่ายโดยมีพลังงานต่ำเหมาะ กับ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เฉลิมเกียรติ โภคาวัฒนา ภัสรา ชวประดิษฐ์. (2539). แตงกวา. กรมส่งเสริมการเกษตร. [online]. เข้าถึง ได้จาก: http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=442&s=tblplant.


ขั้นตอนการแกะสลัก การดูแลรักษา ใบไม้แกะสลักจากแตงกวา เมื่อแกะสลักเสร็จแล้วนำไปเก็บใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาเข้าตู้เย็น ประโยชน์ การใช้งานใบไม้แกะสลักจากแตงกวา 1. จัดผักเครื่องจิ้ม 2. จัดจานอาหาร 3. รับประทานกับน้ำพริก หลน


ข้อเสนอแนะ นักเรียนสามารถใช้ผักและผลไม้ชนิดอื่น แทนแตงกวาได้ เช่น แครอท หัวไชเท้า มะละกอ ฟักทอง การดูแลรักษาอุปกรณ์ เมื่อเราปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้ว ต้องเก็บรักษาอุปกรณ์ให้เป็นที่ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสามารถนำมาใช้ ครั้งต่อไปได้สะดวก โดยมีข้อปฏิบัดิดังนี้ 1. หลังจากใช้วัสดุอุปกรณ์ในการแกะสลักแล้วควรเก็บทุกครั้ง 2. ก่อนเก็บวัสดุอุปกรณ์ควรล้างทำความสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นมีดชนิดดต่าง ๆ ควรเช็ดด้วยน้ำมันก่อนเก็บ 3. เมื่อทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์แล้ว เก็บใส่ซอง ใส่กล่อง ให้เรียบร้อย


ความรู้เกี่ยวกับมะละกอ มะละกอ เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 3-6 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลออกขาว ลำต้นตรง ไม่มีแก่นแตกกิ่งก้าน น้อย มีรอยแผลใบชัดเจน มียางขาวข้น เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรอบต้นหนาแน่นที่ปลายยอดใบรูปฝ่ามือ ขนาด 80-120 ซม. ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวงยาว 25-100 ซม. ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกล่ินหอม ดอกเพศ เมียสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกมี ขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผลรูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปล่ียนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเย่ือหุ้มเมล็ด สีขาวใส มะละกอมีมากมายหลายพันธุ์ แต่มะละกอเป็นพืชท่ีมีความไวต่อการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อมจึงมีอยู่ไม่กี่พันธุ์ท่ี เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศของบ้านเรา พันธ์ุมะละกอที่นิยมปลูกในบ้านเรามีด้วยกันทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ 1. พันธุ์โกโก้ มีท้ังก้านใบสีน้ำตาลเข้มหรือสีม่วงเข้มหรือสีเขียวอ่อน พวกที่ก้านสีเขียวอ่อนหรือสีเขียวจะสังเกตเห็นจุดประสี ม่วงตามบริเวณลำต้น ได้ชัดเจน โดยเฉพาะในขณะต้นอายุไม่มาก พันธ์ุโกโก้ เป็นพันธ์ุที่ออกดอกติดผลเร็ว ต้นเตี้ย อวบ แข็งแรง มีขนาดผลขนาดเล็กถึงปานกลางผลค่อนข้างยาวผิวเกลี้ยงเป็นมัน ปลายผลใหญ่ หัวผลเรียว เนื้อแน่นและหนาสแี ดงหรือ สีชมพูเข้ม รสหวานอร่อย 2. พันธ์ุแขกดำ เป็นพันธ์ุที่ลำต้นอวบแข็งแรง ต้นเตี้ยให้ดอกติดผลเร็ว ก้านใบสีเขียวอ่อน รูปทรงของผล ยาวรีสีผลออกสี เขียวแก่หรือสีเขียวเข้ม มีเนื้อ หนาแน่น เมล็ดน้อย ผลสุก เนื้อสีแดงเข้ม มีรสหวาน 3. พันธ์ุสายน้ำผึ้ง ลักษณะต้นเตี้ย ก้านใบยาวกว่าพันธุ์แขกดำ ผลค่อนข้างโตทรงผลป้าน คือด้านขั้วผลเล็ก และขยายออก ด้านท้ายผล เปลือกผลสีเขียว เมื่อสุกเนื้อออกสีแดงปนส้ม เนื้อหนาเนื้อ แน่น มีเมล็ดมากรสหวาน 4. พันธุ์จำปาดะ เป็นพันธุ์ท่ีมีลำต้นอวบแข็งแรง ออกดอกติดผลช้ากว่าพันธ์ุโกโก้และพันธ์ุแขกดำ ใบและก้านใบออกสีเขียว อ่อน ผลมีขนาดยาว ผลดิบ มีสีเขียวอ่อนผลสุกเป็น สีเหลือง เนื้อค่อนข้างบางกว่าพันธ์ุอื่น สรรพคุณ แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ยาระบาย ช่วยย่อยฆ่าพยาธิ ขับปัสสาวะ


การแกะสลักมะละกอเป็นดอกรักเร่ ขั้นตอนการแกะสลัก


การดูแลรักษา ดอกรักเร่จากมะละกอ เมื่อแกะสลักเสร็จแล้ว นำไปแช่น้ำเย็นไว้สักครู่ เนื้อจะแข็งสด กลีบจะแข็งอยู่ตัวแล้วเอาขี้นจาก


น้ำนำไปเก็บใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาเข้าตู้เย็น ประโยชน์ การใช้งานดอกรักเร่แกะสลักจากมะละกอ 1. จัดผักเครื่องจิ้ม 2. จัดจานอาหาร 3. จัดแจกันใช้แทนดอกไม้สด 4. นำไปเชื่อม รับประทานเป็นอาหารหวาน ข้อเสนอแนะ นักเรียนสามารถใช้ผัก และผลไม้ชนิดอื่นแทนมะละกอได้ เช่น แครอท หัวผักกาด เผือก มะละกอ การดูแลรักษาอุปกรณ์ เมื่อปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้วต้องเก็บรักษาอุปกรณ์ให้เป็นที่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสามารถนำมาใช้ครั้ง ต่อไปได้สะดวก โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1. หลังจากใช้วัสดุอุปกรณ์ในการแกะสลักแล้วควรเก็บทุกครั้ง 2. ก่อนเก็บวัสดุอุปกรณ์ควรล้างทำความสะอาดแล้ว ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นมีดชนิด ต่าง ๆ ควรเช็ดด้วยน้ำมัน ก่อนเก็บ 3. เมื่อทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์แล้ว เก็บใส่ซ่อง ใส่กล่อง และเก็บ ในตู้ให้เป็นระเบียบ ความรู้เกี่ยวกับแครอท แครอทเป็นพืชในวงศ์เดียวกับผักชี มีชื่อท้องถิ่นว่า ผักกาดหัวเหลือง ผักชีหัว เป็นพืชล้มลุก มีอายุ 1-2 ปีสูง 1-1.50 เมตร รากมีลักษณะยาวเรียว ใช้เป็นที่สะสมอาหารเรียกว่าหัว มีสีส้มทั้งเนื้อและผิว ใบ ประกอบ แบบขนนก มีลักษณะเป็น ฝอย รูปสามเหล่ียม รูปใบหอกโผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นกระจุก ดอกออกเป็นช่อรูปร่าง คล้ายร่มสีขาว-เหลือง ผล เป็นรูปยาว


รี แข็ง มีสันกว้าง 3 มม. ยาว 4 มม. ทั้งต้นจะมีกลิ่นเฉพาะ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนและอากาศเย็นจึง ปลูกได้ดีในภาคเหนือของประเทศไทย สารเคมีและสารอาหาร สำคัญได้แก่ สารแคโรทีนอยด์ ชื่อ เบต้าแคโรทีน (เมื่อเข้าสู่ ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ) คาร์โบไฮเดรท วิตามินซี ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม สรรพคุณ ทางยา และวิธีใช้บำรุง สายตา และป้องกันการเกิดมะเร็งปอด ใช้หัวรับประทานเป็นอาหารหรือคั้นเอาน้ำดื่ม แต่งกลิ่นอาหารและเครื่องดื่ม ใช้น้ำ มัน เมล็ด แครอท ไปแต่ง กลิ่นอาหารและเครื่องดื่มทั้ง ชนิดที่มีแฮลกอฮอล์และชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์บำรุงผิว นำหัวแค รอทมาคั้น เอาแต่น้ำผสมกับน้ำมะนาว ทาผิวเพื่อป้องกันแสงแดด ท่ีมา : http://www.tungsong.com/samunpai/Drink/carrot/index_carrot.htm การแกะสลักแครอทเป็นดอกข่า


ขั้นตอนการแกะสลักดอกข่า


การดูแลรักษา ดอกข่าแกะสลักจากแครอท เมื่อแกะสลัก เสร็จแล้ว นำไปแช่น้ำ เย็นไว้สักครู่ เนื้อจะแข็ง สด กลีบ จะแข็ง อยู่ตัว แล้ว เอาขึ้นจากน้ำนำไปเก็บใส่กล่องพลาสติกปิดฝาเข้าตู้เย็น ประโยชน์ การใช้งานดอกข่าแกะสลักจากแครอท 1. จัดผักเครื่องจิ้ม 2. จ้ดจานอาหาร 3. จัดแจกันใช้แทนดอกไม้สด ข้อเสนอแนะ นักเรียนสามารถใช้ผักและผลไม้ชนิดอื่นแทนแครอทได้ เช่น ฟักทอง หัวผักกาด เผือก มะละกอ การดูแลรักษาอุปกรณ์ เมื่อปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้วต้องเก็บรักษาอุปกรณ์ให้เป็นที่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสามารถนำมาใช้ครั้ง ต่อไปได้สะดวก โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1. หลังจากใช้วัสดุอุปกรณ์ในการแกะสลักแล้วควรเก็บทุกครั้ง 2. ก่อนเก็บวัสดุอุปกรณ์ควรล้างทำความสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นมีดชนิดต่าง ๆ ควรเช็ดด้วยน้ำมันก่อนเก็บ 3. เมื่อทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์แล้ว เก็บใสซ่อง ใส่กล่อง และเก็บในตู้ให้เป็นระเบียบ ความรู้เกี่ยวกับฟักทอง ฟักทอง เป็นพืชผักที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) ซึ่งได้แก่ ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน ฟักแฟง มะระ


บวบ แตงโม แคนตาลูป ฯลฯ เป็นพืชผักที่มีราคาถูก มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอม สายตา นำมาทำอาหารได้ หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้ง คาวหวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสัน สวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น การเลือกซื้อ ฟักทอง เลือกเนื้อหนา ๆ และแน่น ๆ โดยสังเกตได้จากผิวต้อง ขรุขระ มีน้ำหนักดี การแกะสลักฟักทองเป็นดอกบานชื่น ขั้นตอนการแกะสลักฟักทองเป็นดอกบานชื่น


การดูแลรักษา ดอกกุหลาบฟักทองจากบานชืนเมื่อแกะสลัก เสร็จแล้ว นำไปแชน้ำเย็นไว้สักครู่ เนื้อจะแข็งสด กลีบจะแข็งอยู่ตัว แล้ว เอาขึ้นจากน้ำนำไปเก็บใส่กล่องพลาสติกปิดฝาเข้าตู้เย็น


ประโยชน์ การใช้งานดอกบานชื่นแกะสลักจากฟักทอง 1. จัดผักเครื่องจิ้ม 2. จัดจานอาหาร 3. จัดแจกันใช้แทนดอกไม้สด 4. นำไปเชื่อม รับประทานเป็นอาหารหวาน ข้อเสนอแนะ นักเรียนสามารถใช้ผักและผลไม้ชนิดอื่น แทนฟักทองได้ เช่น แครอท หัวผักกาด เผือก มะละกอ การดูแลรักษาอุปกรณ์ เมื่อปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้วต้องเก็บรักษาอุปกรณ์ให้เป็นที่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสามารถนำมาใช้ครั้ง ต่อไปได้สะดวก โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ 1. หลังจากใช้วัสดุอุปกรณ์ในการแกะสลักแล้วควรเก็บทุกครั้ง 2. ก่อนเก็บวัสดุอุปกรณ์ควรล้างทำความสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ถ้าเป็นมีดชนิดต่าง ๆ ควรเช็ดด้วยน้ำมันก่อนเก็บ 3. เมื่อทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์แล้ว เก็บใสซ่อง ใส่กล่อง และเก็บในตู้ให้เป็นระเบียบ


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน งานศิลปะดั้งเดิมของไทยนั้นมีอยู่มากมายหลายอย่างหลายแขนง การแกะสลักก็เป็นงานศิลปะอย่าง หนึ่งที่ถือเป็นมรดกมีค่าที่สืบทอดกันมาช้านาน เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความถนัด สมาธิ ความสามารถเฉพาะตัว และความละเอียดอ่อนมาก การแกะสลักผักและผลไม้ เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ประจำของชาติไทยเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีชาติใดสามารถเทียบเทียมได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในปัจจุบันนี้คงจะ เป็นเรื่องของการอนุรักษ์ ศิลปะแขนงนี้ที่มีแนวโน้มจะสูญหายไปและลดน้อยลงไปเรื่อยๆ การแกะสลักผักและผลไม้เดิมเป็นวิชาที่เรียนขั้นสูงของ กุลสตรีในรั้วในวัง ที่ต้องมีการฝึกฝนและ เรียนรู้จนเกิดความชำนาญ บรรพบุรุษของไทยเราได้มีการแกะสลักกัน มานานแล้ว แต่จะเริ่มกันมาตั้งแต่สมัย ใดนั้น ไม่มีใครรู้แน่ชัด เนื่องจากไม่มีหลักฐานแน่ชัด จนถึงในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ในสมัยของสมเด็จพระ ร่วงเจ้า ได้มีนางสนมคนหนึ่งชื่อ นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ตำรับท้าวศรี จุฬาลักษณ์ขึ้น และในหนังสือเล่มนี้ ได้พูดถึงพิธีต่าง ๆ ไว้ และพิธีหนึ่ง เรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงในวัน เพ็ญเดือนสิบสอง เป็นพิธีโคมลอย นางนพมาศได้คิดตกแต่งโคมลอยที่งดงามประหลาดกว่าโคมของพระสนม คนอื่นทั้งปวง และได้เลือกดอกไม้สีต่าง ๆ ประดับให้เป็นลวดลายแล้วจึงนำเอาผลไม้ มาแกะสลักเป็นนกและ หงส์ให้เกาะเกสรดอกไม้อยู่ตามกลีบดอก เป็นระเบียบสวยงามไปด้วยสีสันสดสวย ชวนน่ามองยิ่งนัก รวมทั้ง เสียบธูปเทียน จึงได้มีหลักฐานการแกะสลักมาตั้งแต่สมัยนั้น ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดการประพันธ์ยิ่งนัก พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์แห่ชมเครื่องคาวหวาน และแห่ชมผลไม้ได้พรรณนา ชมฝีมือการทำอาหาร การปอกคว้านผลไม้ และประดิดประดอยขนมสวยงาม และอร่อยทั้งหลาย ว่าเป็นฝีมืองามเลิศของสตรีชาววัง สมัยนั้น และทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง สังข์ทอง พระองค์ทรงบรรยายตอนนางจันทร์เทวี แกะสลักชิ้น ฟักเป็นเรื่องราวของนางกับพระสังข์ นอกจากนั้นยังมีปรากฏในวรรณกรรมไทยแทบ ทุกเรื่อง เมื่อเอ่ยถึงตัวนาง ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องว่า มีคุณสมบัติของกุลสตรี เพรียกพร้อมด้วยฝีมือการปรุงแต่งประกอบอาหาร ประดิดประดอยให้สวยงามทั้งมี ฝีมือในการประดิษฐ์งานช่างทั้งปวง ทำให้ทราบว่า กุลสตรีสมัยนั้นได้รับการ ฝึกฝนให้พิถีพิถันกับการจัดตกแต่งผัก ผลไม้ และการปรุงแต่งอาหารเป็นพิเศษ จากข้อความนี้น่าจะเป็นที่ ยืนยันได้ว่า การแกะสลักผัก ผลไม้ เป็นศิลปะของไทยที่กุลสตรีในสมัยก่อนมีการฝึกหัด เรียนรู้ผู้ใดฝึกหัดจน เกิดความชำนาญ ก็จะได้รับการยกย่อง ประวัติการแกะสลักผักและผลไม้


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน งานแกะสลักใช้กับของอ่อน สลักออกมาเป็นลวดลายต่างๆ อย่างงดงาม มีสลักผัก สลักผลไม้ สลัก หยวกกล้วยถือเป็นงานช่างฝีมือของคนไทยที่มีมาแต่โบราณ งานสลักจึงอยู่ในงานช่าง 10 หมู่ เรียกว่า ช่างสลัก ในช่างสลักแบ่งออกย่อย คือ ช่างฉลุ ช่างกระดาษ ช่างหยวก ช่างเครื่องสด ส่วนช่างอีก 9 หมู่ที่เหลือได้แก่ ช่าง แกะ ที่มีทั้งช่างแกะตรา ช่างแกะลาย ช่างแกะพระหรือภาพช่างหุ่น มีช่างไม้ ช่างไม้สูง ช่างปากไม้ ช่างปั้น มี ช่างขี้ผึ้ง ช่างปูน เป็นช่างขึ้นรูปปูน มีช่างปั้น ช่างปูนก่อ ช่างปูนลอย ช่างปั้นปูน ช่างรัก มีช่างลงรัก มีปิดทอง ช่างประดับกระจก ช่างมุก ช่างบุ บุบาตรพระเพียงอย่างเดียว ช่างกลึง มีช่างไม้ ช่างหล่อ มีช่างหุ่นดิน ช่างขี้ผึ้ง ช่างผสมโลหะ ช่างเขียน มีช่างเขียน ช่างปิดทอง การสลักหรือจำหลัก จัดเป็นศิลปกรรมแขนงหนึ่งในจำพวกประติมากรรม เป็นการประดิษฐ์วัตถุ เนื้ออ่อนอย่างผัก ผลไม้ ที่ยังไม่เป็นรูปร่าง หรือมีรูปร่างอยู่แล้วสร้างสรรค์ให้สวยงามและพิสดารขึ้น โดยใช้ เครื่องมือที่มีความแหลมคม โดยใช้วิธีตัด เกลา ปาด แกะ คว้าน ทำให้เกิดลวดลายตามต้องการ ซึ่งงานสลักนี้ เป็นการฝึกทักษะสัมพันธ์ของมือและสมอง เป็นการฝึกจิตให้นิ่ง แน่วแน่ต่องานข้างหน้า อันเป็นการฝึกสมาธิได้ อย่างดีเลิศ การสลักผักผลไม้นอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิแล้วยังเป็นการฝึกฝีมือให้เกิดความชำนาญเป็นพิเศษ และต้องมีความมานะ อดทน ใจเย็น และมีสมาธิเป็นที่ตั้ง รู้จักการตกแต่ง มีความคิดสร้างสรรค์ การทำงาน จ้องให้จิตใจทำไปพร้อมกับงานที่กำลังสลักอยู่ จึงได้งานสลักที่สวยงามเพริศแพร้วอย่างเป็นธรรมชาติ ดัดแปลง เป็นลวดลายประดิษฐ์ต่างๆ ตามใจปรารถนา ปัจจุบันวิชาการช่างฝีมือเหล่านี้ ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตร ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษามาจนถึง อุดมศึกษาเป็นลำดับ ประกอบกับรัฐบาลและภาคเอกชนได้ให้การสนับสนุน จึงมีการอนุรักษ์ศิลปะต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการแกะสลักผลงานประเภทเครื่องจิ้ม จนกระทั่งงานแกะสลักได้กลายเป็นสิ่งที่ต้อง ประดิษฐ์ ตกแต่งบนโต๊ะอาหารในการจัดเลี้ยงแขกต่างประเทศ ตามโรงแรมใหญ่ ๆ ภัตตาคาร ตลอดจน ร้านอาหาร ก็จะใช้งานศิลปะการแกะสลักเข้าไปผสมผสานเพื่อให้เกิดความสวยงาม หรูหรา และประทับใจแก่ แขกในงาน หรือสถานที่นั้น ๆ งานแกะสลักผลไม้ จึงมีส่วนช่วยตกแต่งอาหารได้มาก คงเป็นเช่นนี้ตลอดไป


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 1. มีดจะต้องมีความคม ใบมีดที่บางจะสามารถแกะสลักลวดลายได้ละเอียดและไม่มีรอยช้ำที่เกิดจากรอยมีด 2. น้ำหนักของด้ามมีดจะต้องมีความเบา เพื่อไม่ให้เกิดการอ่อนล้า 3. ปลายมีดจะต้องมีความเหยียดตรงไม่มีรอยบิ่น และควรมีปลอก หรือซองสำหรับเก็บมีดเพื่อป้องกันปลายมีด 4. ใบมีดควรเลือกที่ไม่เป็นสนิมง่ายเพราะจะดูแลรักษายาก และไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค การปอก คว้านและการแกะสลักผลไม้ นั้นนอกจากจะต้องทราบกระบวนการต่างๆ ในการแกะสลักแล้ว หัวใจ ที่มีความสำคัญต่อการแกะสลัก นั้นก็คือมีดแกะสลักที่มีเพียงเล่มเดียวสามารถแกะสลักลวดลายได้ทุกลวดลาย มีดแกะสลักในปัจจุบันมี 2 ลักษณะ ดังนี้ - มีลักษณะใบมีดเรียวแหลมยาวประมาณ 1-2 นิ้ว ใบมีดมักจะเป็นเนื้อสแตนเลสอย่างดีเพื่อมิให้เกิดปฏิกิริยา กับผักและผลไม้ มีดด้ามแบนเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกฝนการแกะสลัก เพราะสามารถควบคุมมีดได้ง่าย วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการแกะสลักผักและผลไม้ การเลือกมีดแกะสลัก 1. มีดแกะสลักที่มีด้าม


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน - มีลักษณะใบมีดเรียวแหลมยาวประมาณ 1.5 – 2.5 นิ้ว ใบมีดมีทั้งเนื้อสแตนเลส และเนื้อเหล็ก จึงควรเลือก ให้เหมาะสมกับการใช้งาน มีดด้ามกลมเหมาะสำหรับผู้ที่แกะสลักได้แล้ว เพราะสามารถควบคุมมีดให้ไปตาม ทิศทางต่างๆ วิธีการจับมีดแกะสลัก ที่ถูกต้องจะทำให้นำไปไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมและการความรวดเร็วในการ ทำงาน รวมทั้งผลงานที่จะมีความสวยงาม ปลอดภัยจากอุบัติเหตุได้อีกด้วย การจับมีดแกะสลักมีวิธีการจับอยู่ 3 แบบ คือ 2. มีดแกะสลักที่มีด้ามกลม วิธีการจับมีดแกะสลัก


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 1. การจับมีดแกะสลักแบบหั่นผัก เหมาะสำหรับการแกะสลักวัสดุที่มีขนาดใหญ่ เช่นแตงโม ลักษณะลวดลาย การแกะสลักจะเป็นลวดลายที่มีขนาดใหญ่ วิธีการจับมีดแบบหั่นผัก ลักษณะด้ามมีดจะอยู่ใต้อุ้งมือ มีวิธีการจับ ดังนี้ - นิ้วหัวแม่มือจะอยู่ด้านข้างมีด ตรงระหว่างด้ามมีดและใบมีด - นิ้วชี้จับตรงสันมีด ตรงกึ่งกลางของใบมีด - นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อยกำด้ามมีด วิธีการแกะสลักโดยการจับมีดแบบหั่นผัก - มือซ้ายจับวัสดุที่จะแกะสลัก - มือขวาจับมีดแบบหั่นผัก และต้องให้นิ้วนางสัมผัสวัสดุที่แกะสลักเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักมือและจะ ทำ ให้ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกดขึ้น 2. การจับมีดแกะสลักแบบจับปากกา เหมาะสำหรับการแกะสลักลวดลายได้อย่างอิสระ นิยมใช้แกะสลัก โดยทั่วไป วิธีการจับมีดแบบจับปากกา ลักษณะด้ามมีดจะอยู่เหนือฝ่ามือมีอิสระในการแกะสลักลวดลาย มี วิธีการจับดังนี้ - นิ้วหัวแม่มือจะอยู่ด้านข้างมีด ตรงระหว่างด้ามมีดและใบมีด - นิ้วชี้จับตรงสันมีด ตรงกึ่งกลางของใบมีด - นิ้วกลางจะอยู่ด้านข้างมีด ตรงระหว่างด้ามมีดและใบมีด และตรงข้ามกับนิ้วหัวแม่มือ - นิ้วนาง นิ้วก้อยไม่สัมผัสมีด วิธีการแกะสลักโดยการจับมีดแบบหั่นผัก - มือซ้ายจับวัสดุที่จะแกะสลัก - มือขวาจับมีดแบบหั่นผัก และต้องให้นิ้วนางสัมผัสวัสดุที่แกะสลักเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักมือและจะ ทำ ให้ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกดขึ้น 3. การจับมีดแกะสลักแบบปอกผลไม้ เหมาะสำหรับการปอก การเกลารูปร่าง รูปทรงต่างๆ วิธีการจับมีด แบบปอกผลไม้ ลักษณะด้ามมีดจะอยู่ใต้อุ้งมือ นิ้วชี้จะเป็นตัวกำหนดทิศ ทางของการเคลื่อนมีด มีวิธีการจับ ดังนี้ - นิ้วหัวแม่มือจะอยู่ด้านข้างมีด ตรงระหว่างด้ามมีด ใบมีดและสันมีด - นิ้วชี้จับด้านข้างมีด ตรงระหว่างใบมีดและด้ามมีด - นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อยกำด้ามมีด วิธีการแกะสลักโดยการจับมีดแบบปอกผลไม้ - มือซ้ายจับวัสดุที่จะแกะสลัก - มือขวาจับมีดแบบปอกผลไม้ และให้นิ้วชี้ช่วยควบคุมการเคลื่อนของมีดและช่วยควบคุมน้ำหนักมือ จะทำให้ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน การแกะสลักลวดลายต่างๆ โดยทั่วไปมักจะจับมีดแบบการจับดินสอ หรือปากกา อาจจะกล่าวได้ว่า การแกะสลักนั้นเหมือนกับการเขียนหนังสือ ที่สามารถลากดินสอ หรือปากกาไปในทิศทางต่างๆได้ตามที่ ต้องการ การปอก คว้านและการแกะสลักผักและผลไม้ มีอุปกรณ์ที่ใช้ในแกะสลักสามารถหาได้ไม่ยุ่งยากนัก มี คุณสมบัติ หน้าที่และลักษณะที่เหมาะสมดังนี้ 1. มีดตัดและหั่น ใช้สำหรับ ตัด หั่นและเกลาผักและผลไม้ - ควรมีความคม และมีดหั่นควรมีความยาวของใบมีด 5-7 นิ้ว อุปกรณ์ที่ใช้แกะสลักผักและผลไม้


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 2. มีดคว้าน ใช้คว้านเมล็ดผลไม้ออก - ควรมีความคม ควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส 3. มีดปอก ใช้สำหรับปอกเปลือกผักและผลไม้ - ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับผักและผลไม้ที่จะใช้


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 4. ที่ตักผลไม้ทรงกลม ใช้สำหรับตักผักหรือผลไม้ให้เป็นทรงกลม - ช้อนกลมใช้สำหรับควักไส้ผักและผลไม้ ควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส 5. ที่ตัดแบบหยัก ใช้ตักและหั่นผัก ผลไม้ให้เป็นลวดลายสวยงาม - ควรเลือกให้เหมาะกับผักและผลไม้ มีความคมและควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 6. พิมพ์กดรูปต่างๆ ใช้กดผัก ผลไม้ให้มีรูปแบบตามต้องการ - ควรเลือกให้มีความคมและควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส 7. กรรไกร ใช้ตัดและตกแต่งผักผลไม้ที่สลัก - ควรเลือกให้เหมาะกับผักและผลไม้ มีความคมและควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 8. หินลับมีดหรือกระดาษทราย ใช้สำหรับลับมีดให้มีความคม - ควรเลือกเนื้อละเอียดๆ เพื่อจะได้ไม่ทำให้มีดสึกกร่อนเร็ว 9. เขียง ใช้สำหรับรอง เวลาหั่น ตัดผักและผลไม้ - ควรเลือกเขียงไม้หรือเขียงพลาสติก ที่มีขนาดเหมาะสมในการใช้งานและมีน้ำหนักเบา


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 10. อ่างน้ำ ใช้สำหรับใส่น้ำเพื่อแช่ผักและผลไม้ที่แกะสลักแล้ว ให้สดขึ้น - ควรเลือกให้เหมาะกับปริมาณผักและผลไม้ที่จะแช่ 11. ถาด ใช้สำหรับรองเศษผักและผลไม้เวลาแกะสลัก - ควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของผักหรือผลไม้ที่แกะสลัก


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 12. ผ้าเช็ดมือ ใช้สำหรับเช็ดมือและอุปกรณ์ต่างๆในการแกะสลัก - ควรเลือกที่ซับน้ำได้ดี อาจเป็นผ้าขาวบางหรือผ้าขนหนูผืนเล็ก 13. พลาสติกห่ออาหาร ใช้สำหรับห่อผักและผลไม้ เพื่อไม่ให้ผักและผลไม้เหี่ยวเฉาเมื่อแกะสลักเสร็จ - ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับผักและผลไม้ที่แกะสลัก


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน 14. ถุงมือยาง ใช้สำหรับสวมมือเพื่อเพิ่มความสะอาดเวลาหยิบจับผักและผลไม้ในการแกะสลัก - ควรเลือกแบบที่กระชับ แนบเนื้อ


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน การเลือกผักและผลไม้ที่จะนำมาแกะสลัก ผัก และผลไม้ในประเทศไทยมีมากมายหลายชนิดโดยทั่วไปจะมีรูปทรงกลม และรูปทรงกระบอก ซึ่ง เป็นรูปทรงพื้นฐานในการแกะสลักได้ทุกลวดลาย ผักและผลไม้สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ 1. ผลไม้ที่มีเนื้อบาง จะสามารถแกะสลักได้ไม่มากนัก และเหมาะกับการปอกคว้าน เพื่อการ รับประทาน เช่น ชมพู่ พุทรา ละมุด มะปราง เงาะ 2. ผลไม้เนื้อหนา จะสามารถปอก คว้าน ตัดแต่งให้เป็นชิ้นที่มีรูปร่างตามต้องการ เพื่อการรับประทาน และแกะสลักได้ตามความต้องการ ของผู้แกะสลัก เช่นแตงโม แคนตาลูป มันแกว มะม่วง มะละกอ 1. การเลือกซื้อผักและผลไม้ ควรเลือกชนิดที่มีความสดใหม่ เพื่อจะช่วยให้ผลงานที่แกะสลัก มีอายุ การใช้งานได้นานขึ้น 2. ก่อนนำผักและผลไม้ไปแกะสลัก ควรล้างน้ำให้สะอาด 3. การเลือกมีดแกะสลัก ควรเป็นมีดสแตนเลส หรือมีดทองเหลือง ซึ่งมีดต้องคมมาก เพราะจะทำให้ ผักและผลไม้ไม่ช้ำและไม่ดำ 4. การเลือกชนิดของผักและผลไม้แกะสลัก ควรเลือกให้เหมาะกับประโยชน์การนำไปใช้ 5. การเลือกรูปแบบหรือลวดลายที่จะแกะควรเลือกให้เหมาะกับการนำไปใช้ประโยชน์ 6. การเลือกผัก ผลไม้ตกแต่งอาหารควรเลือกชนิดที่มีสีสวยงาม หลากหลาย เพื่อจะทำให้อาหารน่า รับประทานขึ้น 7. การแกะสลักต้องพยายามรักษาคุณค่าอาหาร โดยไม่ควรแช่น้ำนานเกินไป ผักและผลไม้ที่ใช้ในงานแกะสลักมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป จึงควรได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ตั้งแต่ ขั้นตอนก่อนแกะสลัก ในระหว่างการแกะสลักและหลังการแกะสลัก เพื่อให้มีสภาพที่น่ารับประทาน ตลอดจน สงวนคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ รูปทรงของผักและผลไม้ การเลือกซื้อผลไม้เพื่อการแกะสลัก หลักการดูแลรักษาผักและผลไม้ ก่อนหลังการแกะสลัก


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน ผักหัว สีส้มสด เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ เลือกหัวตรง ผิวเปลือก ไม่เหี่ยว หัวสด ขั้วเขียว เนื้อละเอียด แน่นและ เนียน ไม่เป็นเสี้ยน จะทำให้สลักเป็นลวดลายต่างๆ ได้ง่าย ลวดลายที่สลักมีความคมชัดและสวยงาม ดังนั้นคนที่จะสลักต้องมีความชำนาญพอสมควร นอกจากนี้แล้วมีดที่ใช้สลักต้องคม จะทำให้ ลวดลายที่ได้คมบางพลิ้ว ได้งานสลักที่มีความ งดงาม สามารถเก็บได้นาน เพียงแต่นำงานที่สลัก เสร็จแล้วแช่น้ำเย็นสักครู่เก็บใส่กล่องพลาสติก ปิด ฝาแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา แครอทที่สลักเพื่อใช้รับประทาน และ ประดับจานอาหารไปในตัวนั้น นิยมจัดในจานสลัด อาหารจานเดียว เช่น จานข้าวผัด ตลอดจนจานอาหาร ฝรั่งแบบจานหลัก จะเลือกสลักเป็นลวดลายง่ายๆ เช่น สลักเป็นดอกไม้ต่างๆ ใบไม้แบบง่ายๆ เป็นริ้วลายสวย แล้วนำมาจัดเป็นผักหัวจาน จัดคู่กับผักสีเขียวอย่างแตงกวา แตงร้าน กะหล่ำปลีทั้งสีเขียว สีม่วง เป็นต้น แครอทที่สลักเจตนาใช้ประดับหัวจานให้ดูสวยงามเท่านั้น นิยมสลักเป็นลวดลายดอกไม้ดอกใหญ่ ลวดลายสลับซับซ้อนสวยงาม มีฐานดอกวางที่หัวจานได้ แต่งด้วยกลีบใบแตงกวา เมื่อใช้เสร็จสามารถล้างน้ำ เย็นใส่กล่องเก็บไว้ใช้คราวหน้าได้อีก เก็บได้นาน 2-3 วันในตู้เย็น แครอท


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน ผักเนื้ออ่อนมีน้ำมาก เลือกที่เปลือกสด ลายสีเขียวอ่อนสลับขาว ลูกอวบ อ้วนจะมีเนื้อหนา ไส้น้อย แตงกวา แตงร้าน ที่จะนำมาสลักให้เลือก ซื้อแตงที่ยังสด ขั้วยังเขียวอยู่ ล้างน้ำให้สะอาดซับน้ำให้แห้งแล้วสลัก ทันที จึงจะได้ชิ้นงานที่สวย กลีบใบแข็งสดฉ่ำน้ำ ถ้ายังไม่สลักให้เก็บ แตงในตู้เย็นโดยไม่ต้องล้าง แตงจะยังคงสภาพสดและไม่แก่ เปลือก แตงยังคงเขียวไม่เหลือง เมื่อได้ชิ้นงานแล้วให้เก็บใส่กล่องหรือ ถุงพลาสติก เก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา เก็บได้นาน 24 ชั่วโมง เกิน กว่านั้นชิ้นงานจะเฉาไม่สวย สลักแตงกวา แตงร้าน เพื่อรับประทานจะสลักลวดลายง่ายๆ เช่น ลายใบไม้แบบต่างๆ อย่างใบไม้แบบ ฉลุด้านที่เป็นเปลือก หรือสลักแบบให้เส้นลายใบละเอียดด้านที่เป็นเนื้อ นำมาตกแต่งในอาหารจานเดียวรวม กับผักสีแดง สีเหลือง สีส้ม ที่สลักเป็นดอกไม้ เช่น อาหารจานข้าวผัดต่างๆ หรืออาหารจานกับข้าว แตงกวา แตงร้านสลักสามารถรับประทานได้ นอกจากนี้ยังจัดในจานน้ำพริกชนิดต่างๆ เป็นผักสดรับประทานด้วย สลักแตงกวาแตงร้านจัดแสดงฝีมือ เน้นความสวยงาม นิยมใช้แตงกวาหรือแตงร้านลูกอวบอ้วน เพราะ มีเนื้อมากและลูกใหญ่ สลักเป็นดอกบัว รูปสัตว์ นำมาตกแต่งแซมในถาดน้ำพริกหรือผักสลักชนิดอื่นๆ ให้เกิด ความหลากหลายของลวดลายในถาดผักสลัก มีหลายพันธุ์ หลายสีสันหลายขนาด และหลายชนิด นิยมมะเขือเทศลูก ใหญ่ ผิวเปลือกสดสีแดงเข้าสม่ำเสมอทั้งลูก เนื้อหนา เมื่อสลักจะได้ ชิ้นงานที่มีสีแดงสด มีดที่ใช้ในการสลักต้องคม เพราะเปลือกของมะเขือ เทศมีความเหนียว ถ้ามีดไม่คมจะทำให้เนื้อมะเขือเทศช้ำ เมื่อสลักได้ ชิ้นงานแล้ว ต้องไม่ให้ถูกน้ำอีกเลย ใส่ในกล่องหรือถุงพลาสติก เก็บไว้ ในตู้เย็นช่องธรรมดาก่อนนำออกมาใช้ ซึ่งจะเก็บได้นานถึง 24 ชั่วโมง สลักมะเขือเทศเพื่อรับประทานนั้น ถ้านำไปเสิร์ฟกับผักสะบัด นิยมสลักเป็นถ้วย โดยสลักปากถ้วยเป็นลายฟันปลา ใส่น้ำสลัด เสิร์ฟ พร้อมกับจานผักสลัด หรือนำมะเขือเทศสีดามาสลักเป็นกลีบดอก กรีด แยกออกจากไส้คงรักษาไว้ให้เป็นเกสร ใช้ตกแต่งอาหารจานเดียว เช่น ข้าวผัด มีแตกงกวาหรือต้นหอมแซมมา ด้วย สลักมะเขือเทศเป็นดอกไม้ ต้องใช้มะเขือเทศห่ามเท่านั้นจึงจะทำได้ นิยมแต่งหัวจานกับข้าวให้ดู สวยงามน่ารับประทาน ดอกกุหลาบมะเขือเทศนิยมทำกันมากทำง่ายๆ เพียงใช้มีดคมกริบค่อยๆ ปอกเปลือก มะเขือเทศบางๆ เป็นวงรอบมะเขือเทศ อย่าให้เปลือกขาด จากนั้นนำเปลือกมะเขือเทศมาขดเป็นวงซ้อนๆกัน จะได้ดอกกุหลาบสีแดงสดสวยทีเดียว เนื้อในมะเขือเทศก็นำไปใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารอื่นๆได้ แตงกวา แตงร้าน มะเขือเทศ


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน เป็นผักหัวสีขาว แท่งยาวตรง ปลายรี เนื้อสีขาวใส เนื้อกรอบเพราฉ่ำ น้ำ นำมาสลักได้หลากหลายลวดลาย เลือกหัวไขเท้าที่มีผิวสด ไม่ เหี่ยวเปลือกขาวสะอาด ผิวเรียบสม่ำเสมอทั้งหัว รูปทรงกระบอก แนวตรง หัวใหญ่ เนื้อไม่ฟ่ามหรือเหี่ยว จึงสามารถสลักได้ลวดลาย แบบและหลายขนาด ชิ้นงานจะออกมาขาวสะอาด สลักหัวไชเท้าไว้รับประทาน นิยมปรุงสุก ที่รับประทานกับ อาหารฝรั่ง จะเกลาเป็นหัวไชเท้าลูกเล็ก ทำเป็นรูปใบไม้อย่างหนา หรือสลักเป็นลวดลายกลมๆ อย่างง่าย ถ้านำไปทำแกงจืดจะตัดเป็น ท่อนตามขวางก่อนสลักเป็นดอกเล็กๆ หลายๆ แบบอย่างง่ายๆ สลักหัวไชเท้าดิบ นิยมสลักเพื่อนำมาประดับหรือตกแต่งหัว จานให้ดูสวยงามเท่านั้น สลักเป็นรูปดอกไม้แบบต่างๆ นำไปย้อมสีผสมอาหารให้ได้สีสันหลากหลายตาม ต้องการ ลวดลายที่สลัก เช่น ลายดอกกุหลาบ ลายดอกดาวเรือง ลายดอกลั่นทม สลักหัวไชเท้าดิบเพื่อนำไปแต่งเครื่องสดก็เช่นเดียวกัน นิยมสลักเป็นดอกไม้ ลวดลายสวยงามละเอียด สลักเป็นนก รูปผีเสื้อ และสัตว์เล็กสัตว์น้อย พร้อมกับแต่งแต้มสีสันเลียนแบบธรรมชาติ ทำให้ดอกหัวไชเท้าดู เหมือนดอกไม้จริงยิ่งขึ้น มีหลายสายพันธุ์ ที่นิยมนำมาสลักคือ พริกชี้ฟ้า พริกหวาน เพราะมีเนื้อ มาก สีสดสวย มีทั้งสีแดง สีเขียว สีเหลือง ส่วนพริกขี้หนูนิยมนำมา ตกแต่งทั้งเม็ด โดยเฉพาะพริกขี้หนูสวน ถ้าเม็ดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจะสลัก เป็นดอกไม้ดอกเล็กสำหรับตะแต่งถ้วนน้ำพริกเล็กๆ พริกที่สลักต้อง เลือกผิวเปลือกที่สด ไม่เหี่ยว ขั้วมีสีเขียวสด ไม่เน่า และดำคล้ำ ถ้าเป็น พริกชี้ฟ้าความยาวประมาณ 2 นิ้ว สลักพริกเพื่อรับประทาน พริกขึ้นชื่อว่าเผ็ด ถ้าสลักพริกเป็นดอกเป็นดวงจะไม่นิยมนำไปรับประทาน จึงหั่นเป็นชิ้นเฉียงบ้าน แฉลบบ้าง ใส่เป็นส่วนประกอบในอาหาร หรือซอยเป็นเส้นๆ เท่านั้น สลักพริกเพื่อนำไปตกแต่ง จะนิยมตกแต่งในอาหารไทยจำพวกแกง ผัด และทอด นิยมใช้พริกชี้ฟ้าทั้งสี แดง และสีเขียว นำมาสลักเป็นดอกเป็นดวง เช่นดอกพริกที่สลักมีตั้งแต่ 4 กลีบไปจนถึง8 กลีบ แช่น้ำให้ดอก บาน ตกแต่งหัวจานกับต้นหอม ผักกาดหอม หัวไชเท้า พริก


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน ที่นำมารับประทานกับน้ำพริกก็มีมากมายหลายพันธุ์ ที่นิยมและ รู้จักกันแพร่หลายได้แก่ มะเขือเหลือง มะเขือไข่เต่า มะเขือเสวย มะเขือม่วง มะเขือเปราะ ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็มีสีสันที่แตกต่างกันไป เมื่อนำมาจัดรวมกันก็จะได้สีที่มีความหลากหลายในถาดน้ำพริก ต้องเลือกมะเขือที่แก่ จัด ขั้วสีเขียวสด ผิว เปลือกไม่เหี่ยว ไม่มี รอยช้ำหรือแมลงกัด มะเขือเมื่อถูกอากาศจะทำให้ดำ จึงต้องนำมะเขือที่สลักเสร็จแล้ว แช่ในน้ำที่ผสมน้ำมะนาวสักครู่ เอาขึ้นจากน้ำ ใส่กล่องจัดเก็บใน ตู้เย็นช่องธรรมดา เนื้อมะเขือจะยังขาวและน่ารับประทาน สลักมะเขือเพื่อรับประทาน นิยมสลักจัดในถาดน้ำพริกนานาชนิด เช่น น้ำพริกกะปิ น้ำพริกมะขาม น้ำพริกอ่อง หลน เป็นต้น หรือหั่นเป็นชิ้นสลักด้วยลายง่ายๆ สลักด้านข้างให้เหมือนใบไม้ ใส่ในแกงต่างๆ หรือ ผัด เพื่อเพิ่มความสวยงาม การสลักมะเขือทั้งลูกเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกดาวกระจาย ให้ใช้มะเขือเสวยมา สลัก ดอกประดิษฐ์สีเหลืองใช้มะเขือเหลืองมาสลัก และเพื่อสะดวกในการรับประทาน ยังนำมะเขือเหลืองมา สลักเป็นใบไม้ลายฉลุ ตกแต่งในจานน้ำพริกด้วย สลักมะเขือเพื่อตกแต่ง และให้รับประทานได้ด้วยจะสลักเป็นใบไม้ง่ายๆ แบบต่างๆ ทั่งลายฉลุ ลายใบ ไม่ละเอียดนัก ถ้าจัดหัวจานเพียงอย่างเดียว เช่นอาหารจานเดียวและกับข้าว จะเลือกใช้มะเขือม่วง และมะเขือ เหลือง เพราะมีขนาดใหญ่กว่ามะเขือชนิดอื่น เป็นรากสะสมอาหารอยู่ใต้ดินเรียกว่าหัว หัวมีขนาดเล็ก มี ลักษณะกลม รูปไข่ หรือยาวเรียวเนื้อในขาว กรอบชุ่ม น้ำ สลักเป็นดอกไม้แต่งจานอาหารให้เลือกหัวกลม ขนาดตามต้องการ ผิวสีสดสม่ำเสมอไม่มีรอยช้ำ ขั้วสด เนื้อแน่น เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้ว ให้แช่น้ำในกล่อง นำเข้าตู้เย็นก่อนนำออกมาใช้งาน แต่ถ้าต้องแช่นานให้ เอาขึ้นจากน้ำห่อกระดาษทิชชูสีขาวเก็บใส่กล่องไว้ใน ตู้เย็น จะทำให้กลีบดอกแข็งสดและอิ่มตัว มะเขือต่างๆ แรดิช


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน เป็นผักหัวที่มีเนื้อแน่นและละเอียด เนื้อมีลักษณะคล้าย หินอ่อน เมื่อนำมาแกะสลักจะได้ลวดลายเฉพาะของ เนื้อเผือก และลวดลายที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วย มีทั่งหัวใหญ่ และหัวเล็ก เลือกหัวที่มีน้ำหนัก ส่วนที่เป็นลำต้นมีสี เขียวและสั้น สลักได้ทั้งดอกไม้ และใบไม้แบบง่ายๆ สลักเป็นภาชนะใส่อาหาร เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้วอย่า นำชิ้นงานไปแช่น้ำนาน เพราะจะทำให้แป้งที่อยู่ในเนื้อ เผือกออกมามาก ทำให้ลวดลายที่สลักไม่สดสวย ให้จุ่มน้ำเย็น เก็บใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาหรือใส่ถุงพลาสติก เก็บในตู้เย็นได้นาน 2 วัน สลักเผือกเพื่อรับประทาน ไม่นิยมรับประทานดิบเพราะมียางจะทำให้คัน จึงนิยมทำให้สุกก่อนรับประทานโดย ใส่เป็นส่วนประกอบในอาหาร ทั้งอาหารคาว เช่น แกงเลียงเผือก และอาหารหวาน เช่นนำไปเชื่อม และสลัก เป็นภาชนะใส่สังขยาเป็นสังขยาเผือก เลือกลายสลักแบบง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน หรือละเอียดจนเกินไป เพราะ เผือกเมื่อสุกเนื้อจะมีลักษณะฟู สลักเผือกเพื่อตกแต่งหัวจานเพียงอย่างเดียวนิยมใช้เผือกดิบมาสลักเป็นดอกไม้ ทั้งลายดอกกุหลาบลายดอก รักเร่ เป็นต้น สลักทั้งดอกเล็ก ดอกใหญ่ นำมาตกแต่งหัวจานอาหารกับแตงกวาสลักเป็นใบไม้ มีหลายหลายพันธุ์ หลายสี แต่ที่นิยมนำมาสลักเป็นฟักทอง เนื้อสีเหลืองและสีเหลืองออกส้มเพราะหาได้ง่าย เนื้อ ละเอียด แน่นและหนา ผลใหญ่ เนื้อเยอะ เมล็ดน้อย สลักฟักทองเพื่อนำมาใช้รับประทาน นิยมสลัก ลวดลายเรียบง่าย เพื่อรักษาเนื้อฟักทองให้เป็นชิ้นเป็น อัน เช่น สลักฟักทองเพื่อเป็นผักจิ้มน้ำพริก นิยมสลัก ลายลงข้างฟักทองบ้าง ต้องเป็นลายง่ายๆ ไม่กินเนื้อลึก เมื่อนึ่งสุกแล้วลวดลายจึงจะยังคงอยู่ สลักฟักทองเพื่อใช้เป็นผอบ นิยมสลักทั้งลูกโดยปอกเปลือกออกให้หมด เกลาฟักทองให้เป็นรูปโถ คว้านเมล็ดให้เรียบร้อย แล้วจึงลงมือสลักให้เป็นดอกเป็นดวงที่งดงามวิจิตร เช่นลายดอกข่า ลายดอกกูหลาบ ลายดอกรักเร่แปลงฯลฯ จากนั้นก็นำไปใช้เป็นภาชนะใส่น้ำพริกหรือหลน เป็นต้น สลักฟักทองเพื่อนำไปเชื่อม นิยมสลักเป็นรูปดอกไม้แบบต่างๆ หลายๆ รูปแบบ ลายต้องไม่ละเอียด หรือพลิ้วจนเกินไป จะทำให้กลีบดอกหัก เมื่อเชื่อมเสร็จจะได้ชิ้นงานสวยเป็นเงางาม งานฟักทองที่แกะสลักแล้ว ให้จุ่มน้ำเท่านั้น ไม่ควรแช่น้ำ เพราะทำให้กลีบช้ำได้ เผือก ฟักทอง


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน เป็นพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดิน เรียกว่า “เหง้า” มีรูปร่างต่างๆสวยงาม นิยม ใช้ขิงอ่อนมาสลักเพราะเนื้อละเอียด สีเหลืองนวล สลักได้ทั้งแง่ง ใหญ่และแง่งเล็ก สังเกตตรงลำต้นที่ติดกับแง่งขิงมีสีชมพู ผิว เปลือกสดไม่มีรอยช้ำ เลือกขิงที่สด ผิวเปลือกยังใสเป็นสีชมพู นำมาล้างให้สะอาด ทิ้งให้สะเด็ดน้ำก่อนนำมาสลัก เมื่อสลักได้ ชิ้นงานแล้วให้คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำ ทยอยทำนำไปเก็บไว้ใน ตู้เย็นก่อน มิฉะนั้นเนื้อขิงจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำไม่สวยงาม สลักขิงนั้นนิยมสลักเพื่อไว้ดองรับประทานเป็นส่วนใหญ่ ลวดลายที่ เลือกนำมาสลักมีทั้งเป็นลูกสับปะรดเล็กๆ เป็นรูปดอกข่ากลีบซ้อน สลักเป็นขิงยืดหยุ่นได้สลักเป็นลายดอกไม้ และใบไม้ตามแง่งขิงได้สวยงามสลักเป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยแล้วจึงนำไปดองในขวดโหลแจกเป็นของขวัญที่ รับประทานได้สวยงาม ให้ด้วยฝีมือและทำมาจากใจ สลักขิงกินเป็นผักแนมแกมกับอาหารต่างๆ เช่น น้ำพริก ขนมจีนชาวน้ำ หั่นเป็นแผ่นบาง สลักลายเล็กน้อยให้ดู สวยงามขาวสะอาดชวนน่ารับประทานมีทั้งลวดลายใบไม้ ดอกประดิษฐ์ เป็นต้น สลักขิงเป็นดอกไม้ตกแต่งหัวจาน นิยมสลักเป็นดอกเป็นดวง ดอกเล็กๆจัดในจานอาหารที่มีขิงเป็นเครื่องปรุง เช่น ต้มส้มปลาทู ไก่ผัดขิง ยำขิงอ่อน เมี่ยงต่างๆ เป็นต้น เป็นผักหัวที่มีหลายขนาด เนื้อเป็นวงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ใน การเลือกหอมใหญ่มาสลักนั้น ให้เลือกหัวแน่น มีน้ำหนัก เมื่อบีบดูจะไม่ยุบ หัวมีลักษณะแห้ง สลักลวดลายได้ง่ายๆ อย่างสวยงาม การสลักหอมใหญ่นั้น สลักได้ทั้งหัว และสลักได้ เป็นกลีบดอกไม้ต่างๆ โดยลอกเนื้อหอมออกเป็นชั้นๆ เสียก่อน จากนั้นก็สลักลวดลายกลีบตามที่ต้องการ เมื่อได้ กลีบดอกไม้แล้วเก็บใส่ถุงพลาสติก ปิดฝาเข้าตู้เย็นเมื่อจะใช้ก็นำมาประกอบเป็นดอกไม้ สลักหอมใหญ่เพื่อนำมารับประทาน เช่น ใส่ในแกงมัสมั่น นิยมสลักหอมใหญ่เป็นรูปฟันปลาซึ่งจะ เลือกใช้หอมใหญ่หัวขนาดเล็ก ถ้านำมาใส่กับผักสลัดนิยมลอกเนื้อออกมาเป็นชั้นๆ แล้วสลักเป็นรูปใบไม้แบบ ง่ายๆ ถ้านำไปผัดก็จะหั่นออกมาเป็นชิ้น จักริมรอบกลีบหอมใหญ่ เป็นต้น สลักหอมใหญ่เพื่อนำไปตกแต่งหัวจาน ทั่งอาหารจานเดียวและกับข้าวนิยมสลักหอมใหญ่เป็นกลีบ ดอกไม้ เช่น กลีบดอกปลายแหลม กลีบดอกปลายมน จัดให้เป็นรูปดอกไม้ที่หัวจาน แต่งให้ดอกไม้หอมใหญ่ สวยด้วยผักสีเขียวอย่างใบไม้แตงกวา และต้นหอม ขิง หอมใหญ่


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีหลายพันธุ์ ให้เนื้อหลายสี สามารถนำมาสลักได้ ทั้งผล แต่พันธุ์ที่นิยมเป็นพันธุ์แขกดำ เพราะ เนื้อมีสีส้มแสด เนื้อหนา รูปทรงสวย เปลือกสี เขียวสลักลวดลายได้สวยงาม มะละกอ เป็น ผลไม้ที่มียาง เมื่อปอกเปลือกหรือตัดเป็นชิ้น แล้วต้องล้างน้ำเอายางออกก่อนจึงลงมือสลัก เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้วไม่ควรล้างน้ำ โดยเฉพาะมะละกอสุก เพราะจะเละ ถ้าสลัก ทั้งผลเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดงให้ฉีดน้ำแล้ว คลุมด้วยผ้าขาวบาง สลักมะละกอเพื่อรับประทาน ต้อง เลือกมะละกอเนื้อสุก เปลือกเริ่มมีสีสัน สลักเป็นลวดลายแบบง่ายๆโดยหั่นมะละกอเป็นชิ้นขนาดพอคำ ตกแต่ง ชิ้นมะละกอให้มีลักษณะเหมือนใบไม้ แล้วสลักลานเส้น หรือสลักเป็นดอกไม้ดอกเล็กขนาดพอคำ นำมาจัดใน ถาดผลไม้รวมเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์ สลักมะละกอเพื่ออวดฝีมือ ต้องเป็นมะละกอห่ามเปลือกมีสีส้มตรงแก้มมะละกอ เนื้อจะแข็ง สลักได้ ง่ายจะได้ลวดลายที่สวยงาม มะละกอสามารถสลักได้ทั้งเปลือก และสลักเฉพาะเนื้อมะละกอล้าวนๆ นอกจากนี้ ยังนิยมสลักมะละกอเป็นภาชนะใส่อาหารอีกด้วย ทำเป็นลวดลายที่สวยงามสลับซับซ้อน ทั้งสีเขียวและสีม่วงในเกาะกันแน่นหุ้มซ้อนกันหลายชั้น ใบหนา และกรอบกรุบ ผิวใบหยิกเป็นคลื่น เลือกหัวไม่แน่น เพื่อจะได้ แยกออกเป็นใบๆได้ง่ายโดยไม่ฉีกขาด และไม่โค้งงอ เลือกหัวสด ดูที่ก้านและสีผิวตึง ถ้าไม่สดให้แก้ด้วยการแช่น้ำเย็นจัดทั้งหัว สักครู่ก็จะช่วยให้กะหล่ำปลีสดขึ้น เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้วให้แช่ น้ำใส่กล่องปิดฝาเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา เก็บไว้ได้ 1 วัน ถ้าเกิน กว่านี้ต้องเอาขึ้นจากน้ำมาห่อกระดาษทิชชูไว้ เก็บเข้ากล่องแช่ ตู้เย็นช่องธรรมดา จะเก็บไว้ได้หลายวัน กระหล่ำปลี มะละกอ


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีรูปร่างค่อนข้างกลม ผิวสีม่วงแดง เนื้อสีแดงเข้ม ชุ่มน้ำ ก้าน ใบสีแดง นำมาสลักเป็นรูปดอกไม้เพื่อประดับจานอาหาร เลือกหัวกลมๆ ขนาดเท่าๆกัน เนื้อแน่นแข็ง ไม่ฟ่าม ผิวตึง เรียบสม่ำเสมอ สีม่วงสด มีน้ำหนัก ล้างให้สะอาดก่อนนำไป สลักงานให้เก็บชิ้นงานด้วยการนำไปห่อด้วยกระดาษทิชชูชุบ น้ำใส่กล่องปิดฝาแช่ตู้เย็นเพื่อช่วยถนอมผลงาน จะเก็บ ชิ้นงานได้หลายวัน เมื่อจะใช้ให้ฉีดน้ำให้ชุ่ม เพื่อให้สดใสขึ้น มีหลายพันธุ์ ทั้งสีแดง สีเขียว และสีเหลือง นอกจากนี้ยังมีทั้ง ลูกเล็กและลูกใหญ่ เปลือกสีแดงอมเหลือง สามารถนำมา สลักได้ทั้งนั้น เลือกที่ผิวเปลือกสด ไม่เหี่ยวได้รูปทรง ถ้าเป็น แอปเปิลพันธุ์สีแดง สีเขียวและสีเหลือง สีต้องสม่ำเสมอทั้ง ผล แอปเปิลแต่ละพันธุ์แต่ละสีที่นำมาสลักจะมีเนื้อไม่ เหมือนกัน เมื่อสลักเสร็จแล้วต้องแช่ในน้ำผสมน้ำมะนาว ทันที เพราะเมื่อเนื้อถูกกับอากาศจะดำ ถ้าใช้แอปเปิลสีเขียวก็เพียงแต่ชุบน้ำเย็นสักครู่ เพราะเนื้อมีรส เปรี้ยวทำให้ชิ้นงานไม่ดำ สลักแอปเปิลเพื่อรับประทานจะสลักเป็นแบบง่ายๆ เช่นสลักเป็นรูปใบไม้ จัดในถาดผลไม้สำหรับเสิร์ฟ หรือหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมซ้อนกัน เรียกช้างแอปเปิลสำหรับตกแต่งหัวจาน และสามารถรับประทานได้ด้วย โดยเฉพาะอาหารแบบฝรั่งโดยทั่วไป สลักแอปเปิลเพื่อตกแต่งและจัดแสดงนิยมสลักทั้งผล ปอกเปลือกแล้วสลัก กับสลักทั้งเปลือก การสลัก ทั้งเปลือกช่วยทำให้สีของเปลือกสลับกับเนื้อสีเหลืองนวลของแอปเปิลได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะแอปเปิลสี แดงนำมาจัดในถาดผลไม้ และสลักแอปเปิลสีเขียวเป็นลายใบไม้นำมาแซมให้สวยงาม และยังสามารถ รับประทานได้ด้วย บีทรูท แอปเปิ้ล


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน เป็นผลไม้เปลือกบาง ผลทรงกลมป้อม มีหลายพันธุ์ เลือกใช้ฝรั่งพันธุ์สาลี่ หรือฝรั่งลูกใหญ่ทรงกลมป้อม เลือก เปลือกสีเขียวอ่อน ผิวเปลือกเรียบ สด ไม่เหี่ยวไม่มีรอยช้ำ ตรงขั้วไม่มีสันเนื้อนูนขึ้นมา สลักได้ทั้งผลและหั่นชิ้น ออกมาสลัก เนื้อฝรั่งมีลักษณะเป็นเหมือนเม็ดทราย มีดที่ ใช้สลักต้องคม ลวดลายจะคมชัด เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้ว ชุบน้ำเย็นสักครู่ เก็บใส่กล่องพลาสติกหรือใส่ถุงพลาสติก ปิดให้สนิท แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาจนกว่าจะใช้งาน สลักฝรั่งเพื่อรับประทาน เลือกใช้ฝรั่งสุก สลักลวดลายแบบง่ายๆ เช่นหั่นเป็นชิ้น ตกแต่งให้มีลักษณะ เหมือนใบไม้ สลักลายเส้นเป็นลานฉลุ หรือหั่นชิ้นขนาดพอคำ สลักเป็นดอกไม้ดอกเล็กๆ เช่น ดอกกุหลาบ ดอกพุดตาน จัดกับถาดผลไม้รวมเสิร์ฟพร้อมพริกกับเกลือ สลักฝรั่งเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดง เลือกใช้ฝรั่งห่าม เนื้อจะแน่นและแข็ง สลักด้วยลวดลายที่ สลับซับซ้อนทั้งผล เช่น ลายดอกรักเร่แปลง หรือสลักเป็นภาชนะสำหรับใส่อาหารเป็นผอบสำหรับใส่พริกกับ เกลือจัดแสดงพร้อมกับชิ้นฝรั่งที่สลักพร้อมรับประทาน จัดในถาดผลไม้รวมชนิดอื่นๆ มีหลายพันธุ์ เลือกใช้สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย หรือที่เรียกว่า สับปะรดเมืองชลบุรี เพราะเปลือกบาง ตาไม่ลึก เนื้อสีเหลือง เลือกสับปะรดแก่จัดตาใหญ่ เปลือกสีเขียวอมเหลือง เนื้อไม่ ฉ่ำมาก เมื่อสลักได้ชิ้นงานจะเห็นลวดลายชัดเจน มีดที่ใช้ใน การสลักต้องคมมาก เพราะเนื้อสับปะรดเป็นเส้นใย เมื่อสลัก เนื้อจะไม่เป็นเสี้ยนและช้ำ น้ำในสับปะรดไม่ไหลออกมามาก สลักสับปะรดเพื่อรับประทาน นิยมสลักลวดลาย แบบง่ายๆ เช่น สลักเป็นผีเสื้อแล้วหั่นเป็นชิ้น หรือทำเป็น สับปะรดลูกจิ๋ว หรือหั่นเป็นชิ้นก่อนแล้วสลักให้เป็นรูปพัด จัด ในถาดผลไม้รวมสำหรับเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์หรือจัดมาในจานอาหาร เป็นการตกแต่งหัวจาน และยังรับประทาน ได้ด้วย สลักสับปะรดเป็นภาชนะสำหรับใส่อาหารอย่างน้ำสลัด เครื่องดื่ม หรือใส่อาหารนำไปอบ เช่น ข้าวอบ สับปะรด ต้องเลือกผลขนาดเล็กเปลือกสีเขียว สลักลวดลายเฉพาะตรงปากของภาชนะเป็นฟันผลา หรือสลักให้ เป็นร่องกลีบมนเหมือนดอกไม้ ฝรั่ง สัปปะรด


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีหลากหลายพันธุ์และหลากหลายขนาด มีทั้งผลกลมรี และกลมป้อม พันธุ์ของไทยเปลือกจะมีสีเหลืองอ่อน เนื้อ สีเหลืองทอง แคนตาลูปญี่ปุ่นเปลือกเป็นริ้ว ลูกกลม เนื้อ สีเขียว แคนตาลูปที่จะนำมาสลักต้องเลือกแคนตาลูปที่ ไม่สุกมาก ผิวเปลือกสด เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้ว อย่า นำไปแช่น้ำ เพราะแคนตาลูปจะเสียเร็ว สลักแคนตาลูปเพื่อรับประทาน เลือกแคนตาลูปสุกสลัก ลาย จะมีกลิ่นหอม รสหวาน นิยมสลักลวดลายแบบ ง่ายๆ เพราะแคนตาลูปให้มีลักษณะเหมือนใบไม้แล้วสลัก ลายเส้น หรือสลักเป็นดอกเล็กขนาดพอคำอย่างดอกแพงพวย ดอกกุหลาบ สลักแคนตาลูปเพื่อตกแต่ง นิยมสลักทั้งผลเพื่อจัดแสดงในถาดผลไม้รวมชนิดอื่น ต้องเลือกแคนตาลูปที่ยังไม่สุก เนื้อแคนตาลูปยังแข็งอยู่ นำมาสลักเป็นลวดลายที่สลับซับซ้อน เช่นกลีบดอกรักเร่แปลง กลีบดอกกุหลาบซ้อน กัน ผลไม้ที่มีน้ำหนักมาก มีหลายพันธุ์ หลายขนาด หลายสีผิว ทั่งทรง กลมและทรงรี เลือกผิวเปลือกสด สีสวยทั้งลูก เนื้อแตงโมมีน้ำ มาก และแน่น มีดที่ใช้สลักต้องคม ลวดลายที่สลักจะคมชัด สวยงาม แตงโมที่สลักเสร็จแล้วทั้งผล ต้องฉีดน้ำแล้วคลุมด้วย ผ้าขาวบางหรือคลุมด้วยถุงพลาสติก แช่ตู้เย็นช่องธรรมดา จนกว่าจะใช้งาน และถ้าหั่นเป็นชิ้นเอาแต่เนื้อสีแดงมาสลัก ให้ เก็บใส่กล่องปิดฝาให้สนิท แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเช่นกัน สลักแตงโมเพื่อรับประทาน ให้เลือกแตงโมลูกใหญ่ ได้ เนื้อมาก ไส้ไม่ล้ม สุกกำลังดี เนื้อจะฉ่ำ หั่นเป็นชิ้นยาว สลัก ลวดลายที่เนื้อแตงโมเล็กน้อย เช่น ทำลวดลายหยักด้านข้างของ ชิ้นแตงโม แล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ หรือสลักเป็นลายดอก กุหลาบเล็กๆ ขนาดพอคำก็ได้ จัดในถาดผลไม้รวมสำหรับเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์ สลักแตงโมเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดง เลือกใช้แตงโมให้มีขนาดพอเหมาะกับภาชนะที่จะใช้จัด นอยม สลักทั้งผลด้วยลวดลายที่สลับซับซ้อนสวยงาม จัดเป็นหัวถาดในถาดอาหารประเภทอาหารว่าง อาหารเรียก น้ำย่อย จัดในถาดผลไม้รวมพร้อมรับประทาน หรือหั่นชิ้นสลักเป็นดอกไม้สีแดงจัดรวมกันในถาดผลไม้ชนิดอื่น ก็ได้ แคนตาลูป แตงโม


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีหลายขนาด ทั้งหัวขนาดใหญ่และหัวขนาดเล็ก การสลักมันแกว ให้เลือกหัวขนาดเล็กเท่ากำมือ เนื้อมันแกวจะละเอียดใส ไม่ ขุ่น เนื้อไม่เป็นเสี้ยนทำให้สลักได้งานและลวดลายคมชัด ก่อนนำมันแกวมาสลักต้องล้างเปลือกให้สะอาด ปอก เปลือกออกให้หมด เนื้อมันแกวจะขาวใส เมื่อสลักได้ ชิ้นงานแล้ว ต้องชุบน้ำเย็นสักครู่ อย่าแช่น้ำนาน จะทำให้ เนื้อมันแกวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ สลักมันแกวเพื่อรับประทาน ให้เลือกหัวขนาดใหญ่ เพรามะเนื้อมาก หั่นเป็นชิ้นพอคำ เช่น ดอกรักเร่ตูม ดอกผกา กาญจน์ ดอกบ๊วย ตกแต่งเกสรด้วยดอกเข้มสีแดง จัดรวมกับผลไม้อื่นๆ เสิร์ฟพร้อมพริกกับเกลือ สลักมันแกวเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดง อย่างอาหารจานบุฟเฟ่ต์จานใหญ่ต้องให้มันแกวหัวขนาดใหญ่ สลักเป็นดอกไม้ เช่นดอกไม้ลายดอกกุหลาบจัดหัวจานพร้อมกับผักสีเขียว หรือนำมันแกวไปย้อมสีตามต้องการ หรือสลักทั้งหัวให้มีลวดลายที่สลับซับซ้อนนำไปจัดรวมกับผลไม้ชนิดอื่นที่มีสีสันต่างๆ ก็ช่วยให้ผลไม้นั้นดู สวยงามน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังนิยมนำสีผสมอาหารมาย้อมให้ลวดลายสีขาวใสของมันแกวเปลี่ยนเป็น สีสันต่างๆ เช่น สลักเป็นสัตว์ตัวน้อย แต่งแต้มสีให้สวยน่ารักได้ มีมากหลายพันธุ์ นำมาสลักได้ทั้งนั้น เลือกที่ผิวเปลือกสด สีเขียว ไม่มีรอยช้ำ ได้รูปทรง ถ้ายังมีขั้วต้องเลือกที่มีสีเขียวสด ไม่ เหี่ยวและดำคล้ำ ชิ้นงานที่สลักจากมะม่วงพันธุ์ที่ไม่ใช่ น้ำดอกไม้ต้องปอกเปลือกออกให้หมด แช่ในน้ำผสมน้ำมะนาว สัครู่จึงน้ำมาสลักตามต้องการ เมื่อสลักเสร็จแล้วก็แช่น้ำผสม น้ำมะนาวอีกครั้ง ชิ้นงานสลักนั้นก็จะไม่ดำ ถ้าใช้มะม่วงพันธุ์ น้ำดอกไม้มาสลัก ให้ล้างด้วยน้ำเย็นเก็บใส่ตู้เย็นไว้จนกว่าจะใช้ งาน เนื่องจากมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้มีรสเปรี้ยวในเนื้อมาก เมื่อ ถูกอากาศจึงไม่ดำ สลักมะม่วงเพื่อรับประทาน เลือกใช้มะม่วงพันธุ์ไหนก็ได้ แต่ต้องปอกเปลือกเขียวออกให้หมดจนเห็น แต่เนื้อขาว แล้วแช่ในน้ำผสมน้ำมะนาวสักครู่ หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ สลักเป็นลวดลายใบไม้แบบต่างๆ เช่น ใบไม้ฉลุ หรือสลักเป็นดอกไม้เล็กๆ เช่น ดอกบุหลัน นำมาจัดเสิร์ฟพร้อมกับเกลือ หรือน้ำปลาหวาน สลักมะม่วงเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดง ใช้มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ เพราะจะอยู่ได้นานไม่ดำ เลือกที่ขั้วสด สีเขียว นิยมสลักทั้งผล โดยสลักทั้งเปลือก และปอกเปลือกแล้วสลักตรงเนื้อสีขาว ด้วยลวดลายวิจิตรสวยงาม นำมาจัดในถาดผลไม้รวมชนิดอื่น ประดับบนโต๊ะอาหาร มันแกว มะม่วง


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีหลายพันธุ์ เป็นผลไม้เปลือกบาง มีเนื้อเป็น ฟองน้ำ ผิวเปลือกสด มันเรียบ ไม่เหี่ยว ไม่มี รอยช้ำถ้ายังมีขั้วติดอยู่ เลือกที่สด สีเขียว เมื่อสลักได้ชิ้นงานแล้วอย่านำไปแช่น้ำ เพราะเนื้อที่เป็นฟองน้ำจะทำให้ชมพู่อบน้ำ มากขึ้น และทำให้เสียเร็ว สลักชมพู่เพื่อรับประทาน จะสลักเป็นชิ้น ลวดลายใบไม้แบบต่างๆ หรือหั่นเป็นชิ้นแล้วตกแต่งชิ้นชมพู่ให้มีลักษณะเหมือนรูปหัวใจ ใช้ได้ทั้งชมพู่สีเขียว ชมพู่สีแดง เพื่อให้เกิดสีสันหลากหลาย เมื่อจัดเสิร์ฟรวมกับผลไม้ชนิดอื่นจะดูน่ารับประทาน สลักชมพู่เพื่อตกแต่ง นิยมสลักทั้งผล เพื่ออวดงานฝีมือ หรือประดับในถาดผลไม้ชนิดต่างๆให้งดงาม นำไปประดับโต๊ะอาหาร ลวดลายที่สลัก เช่นดอกประดิษฐ์ถ้าสลักทั้งผลเลือกใช้ชมพูม่าเหมี่ยวเพราะมีเนื้อหนา เลือกที่แก่จัดแต่ยังไม่สุกดี เนื้อจะแน่น แข็ง มีรสเปรี้ยว มีผลลักษณะกลม รูปไข่หรือยาวรี ขนาดเล็กหรือ ใหญ่แล้วแต่พันธุ์เปลือกบาง ผิงเปลือกสีน้ำตาล ผิวเรียน เนื้อนิ่ม เนื้อละมุดมีสีน้ำตามอมแดง น้ำตาลอมเหลือง ไส้กลางผลเป็นสีขาวนวล เมล็ดสีดำเป็นมันแบนเรียว 2-5 เมล็ดอยู่กลาง ผล ให้เลือกผลที่ขั้วยังติดอยู่ เนื้อแน่น ไม่มีรอย ช้ำ ล้างก่อนนำไปสลัก เมือสลักแล้วเก็บผลงาน ใส่กล่อง แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาทันที ชมพู่ ละมุด


ฐานการการเรียนรู้ ลวดลายจากปลายมีดงานประณีตจากสวน มีมากมายหลายพันธุ์ ทั้งพุทราไทยลูกกลมเล็ก พุทราแอปเปิลลูก กลมใหญ่ และพุทราลูกรีปลายแหลม นิยมนำพุทราแอปเปิลและ พุทราลูกยาวรีมาสลัก เลือกลูกใหญ่ ผิวเปลือกสด ไม่มีรอยช้ำ หรือแมลงกัดแทะ แก่กำลังดี เนื้อจะไม่แข็ง สลักได้ง่าย ชิ้นงาน ที่สลักเสร็จแล้วไม่ควรแช่น้ำ เพราะในเนื้อของพุทรามีเมือกอยู่ แล้ว จะทำให้เกิดเมือกมากขึ้นและเสียเร็ว สลักพุทราเพื่อรับประทาน เลือกพุทราที่แก่จัดแต่ไม่ ถึงกับสุก ผิวเปลือกสดไม่ดำ นิยมสลักลวดลายใบไม้ เช่น ใบไม้ ลายฉลุ ใบไม้สลักริม จัดใส่ถาดบุฟเฟ่ต์รวมกับผลไม้อื่นๆ เสิร์ฟ พร้อมพริกเกลือในงานเลี้ยงหรือในจานที่จัดเสิร์ฟ สลักพุทราเพื่อตกแต่งหรือจัดแสดง เลือกผลขนาดเท่าๆกัน หรือจะคละผลเล็กผลใหญ่ก็ได้ พุทราต้อง แก่จัด นิยมสลักทั้งผลสลักด้วยลายกลีบดอกรักเร่ลายคชกริชขวาง หรือสลักเป็นดอกบัว จัดใส่ถาดผลไม้รวมที่มี ผลไม้ชนิดอื่น เพื่อประดับบนโต๊ะอาหาร พุทราลูกเล็ก งานที่สลักทั้งผลก็สามารถนำมารับประทานได้สะดวก เช่นกัน ผลรูปสีชมพูจัด แต่กลีบเลี้ยงยังเป็นสีเขียวอยู่ คล้าย เปลวไฟของมังกร เมื่อผ่าผลจะเห็นเปลือกสีชมพู สดหนาราวๆ 2-3 มิลลิเมตร ถัดจากเปลือกเข้า ไปเป็นเนื้อสีขาว มีเมล็ดคล้ายเมล็ดแมงลักฝังตัว อยู่ในเนื้อเป็นจำนวนมากดังนั้นจึงนำมาสลักได้ งานชิ้นสวน สีสันงามตา ให้เลือกผลแก้วมังกร ขนาดเหมาะมือ ผิวสดใส ขั้วยังเขียวอยู่เนื้อแน่น ผิวไม่มีรอยช้ำ ล้างให้สะอาดก่อนนำไปสลักนำ ชิ้นงานใส่กล่อง เก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา พุทรา แก้วมังกร


Click to View FlipBook Version