The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 6 ต้นทุน รายรับ และกำไร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kotchamon191, 2022-05-11 07:02:54

บทที่ 6 ต้นทุน รายรับ และกำไร

บทที่ 6 ต้นทุน รายรับ และกำไร

0

วิชาหลกั เศรษฐศาสตร์ รหัสวชิ า 30200-1001

หน่วยที่ 6 เรื่องตน้ ทนุ รายรับ และกำไร

จัดทำโดย
นางกชมน เอยี ดแก้ว
บธ.ม. (การจัดการโลจสิ ตกิ ส์และโซอ่ ุปทาน)

1

หนว่ ยท่ี 6 จำนวน 3 ชั่วโมง

ชือ่ หนว่ ย ต้นทุน รายรบั และกำไร

สาระสำคญั
จากการศึกษาถึงพฤติกรรมของผผู้ ลติ ในหน่วยท่ี 5 ทำใหท้ ราบแนวคดิ ในการจัดสรรตน้ ทนุ ทมี่ ีอยู่อยา่ ง

จำกัดในการเลือกซื้อปัจจัยการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตมากท่ีสดุ หรือเพ่ือให้ได้กำไรสูงสุดและเสียตน้ ทุนการผลิต
ต่ําท่ีสุด ผู้ผลิตจำเป็นต้องศึกษาถึงหลักการใช้ต้นทุนการผลิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพ่ือจะได้วาง
แผนการผลิตให้เสยี ต้นทุนต่ําสุดและต้องศึกษาถึงรายรบั ที่ได้จากการผลิตท่ีทำให้ได้รับกำไรสูงสุดจากการวาง
แผนการผลิตในชว่ งเวลาต่าง ๆ กนั ได้

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายของต้นทุนประเภทตา่ ง ๆ ในทางเศรษฐศาสตรไ์ ด้
2. อธบิ ายความหมายของต้นทุนการผลิตแต่ละชนิดในระยะส้ันได้
3. อธบิ ายความหมายและลักษณะของต้นทุนการผลติ ในระยะยาวได้
4. อธิบายความหมายและรายรบั จากการผลิตแต่ละชนดิ ได้
5. อธบิ ายความหมายของกำไรทางเศรษฐศาสตร์ได้

สมรรถนะประจำหนว่ ย
1. แสดงความรู้ในเรอ่ื งต้นทนุ
2. แสดงความรู้ในเรอ่ื งรายรบั
3. แสดงความรใู้ นเรอ่ื งกำไร

สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของตน้ ทนุ ประเภทตา่ ง ๆ ในทางเศรษฐศาสตร์
2. ความหมายของตน้ ทุนการผลิตแตล่ ะชนิดในระยะส้นั
3. ความหมายและลกั ษณะของตน้ ทนุ การผลิตในระยะยาว
4. ความหมายและรายรับจากการผลิตแตล่ ะชนิด
5. ความหมายของกำไรทางเศรษฐศาสตร์

2

1. ความหมายของตน้ ทุนประเภทต่างๆ ในทางเศรษฐศาสตร์

ในทางเศรษฐศาสตร์แบ่งต้นทุนออกเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ต้นทุนค่าเสียโอกาส ต้นทุนชัดแจ้ง
ตน้ ทุนไม่ชัดแจ้ง ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ ต้นทุนทางบัญชี ต้นทุนเอกชนและต้นทุนทางสงั คม โดยมีลักษณะ
ของต้นทุนแตล่ ะชนิดดงั น้ี

1. ตน้ ทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)
เน่ืองจากทรัพยากรมอี ยู่จำกัดและมีนอ้ ยกวา่ ความตอ้ งการของมนุษย์ จึงทำใหต้ อ้ งตดั สินใจใช้

ทรัพยากรในทางเลือกหน่ึง ๆ และถ้าตัดสินใจใช้ทรัพยากรไปในทางใดทางหนึ่งแล้วย่อมเสียโอกาสที่จะนำ
ทรัพยากรน้ีไปใช้ในทางอื่น ๆ เรียกว่า “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” คือ มูลค่าสูงสุดของผลประโยชน์จากทางเลือก
อน่ื ๆ ท่ีไม่ได้เลือก เนอ่ื งจากได้ตัดสนิ ใจใช้ทรัพยากรในทางเลอื กหน่ึงไปแลว้ ในการผลิตสนิ คา้ อยา่ งหนึ่งผู้ผลิต
จะต้องซ้ือปัจจยั การผลิตจำนวนหนึ่งจากเจา้ ของปัจจัยการผลิต และเมื่อตดั สินใจนำปจั จัยเหล่านัน้ ไปใชใ้ นการ
ผลิตสินค้าแล้ว จะทำให้ไม่สามารถนำปัจจัยดังกล่าวไปใช้ในทางเลือกอ่ืนได้ เช่น การท่ีผู้ผลิตใช้ทรัพยากร
จำนวนหน่ึงผลิตสินค้า A ก็หมายถึง สินค้า B, C, D, …. ที่ผลิตโดยใช้ทรัพยากรจำนวนเดียวกันหายไปจาก
สังคม การท่ีนักศึกษาใช้เวลาในการอ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็จะทำให้หมดโอกาสที่จะใช้เวลาดังกล่าวไปดู
ภาพยนตร์ หรือเท่ียวเตร่ หรือการใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียนก็หมดโอกาสท่ีจะใช้เวลานั้นทำงานหารายได้
เป็นต้น การตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรในทางใดทางหน่ึงน้ัน ทำให้เกิดต้นทุนในการเลือกข้ึน ต้นทุนดังกล่าวน้ี
เรียกว่า “ต้นทนุ ค่าเสยี โอกาส”

2. ตน้ ทุนชดั แจง้ ต้นทุนไมช่ ัดแจง้ ตน้ ทุนทางเศรษฐศาสตร์ ต้นทุนทางบัญชี
ต้นทุนชัดแจ้ง (Explicit Cost) เป็นรายจ่ายท่ีผู้ผลิตได้จ่ายออกไปจริง ๆ ซ่ึงอาจจ่ายให้แก่

บคุ คลอน่ื เพื่อเป็นคา่ ตอบแทนในการใชป้ ัจจัยการผลิต ส่วนต้นทนุ ไมช่ ัดแจ้ง (Implicit Cost) เป็นตน้ ทุนของ
การใช้ปัจจัยการผลิตในส่วนท่ีผู้ผลิตไม่ได้จ่ายออกไปจริง ๆ หรือหมายถึง ต้นทุนค่าเสียโอกาสของผู้ผลิตที่
เกดิ ข้นึ เมื่อใช้ปัจจยั การผลติ ซงึ่ เปน็ ต้นทนุ ทไี่ ม่ได้จา่ ยออกไปจริง ๆ ไดแ้ ก่ ตน้ ทนุ ของปัจจัยการผลิตทีผ่ ูผ้ ลติ เป็น
เจ้าของ ได้แก่ ค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบ้ีย และกำไร ท่ีได้มาจากปัจจัยการผลิตของผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตสูญเสีย
โอกาสที่จะนำปัจจัยการผลิตเหล่านี้ไปใช้ในทางเลือกอื่น และค่าเส่ือมราคาทางเศรษฐศาสตร์ ต้นทุนทาง
เศรษฐศาสตร์ (Economic Cost) ประกอบด้วยตน้ ทุนท้ังหมดทร่ี วมทัง้ ต้นทุนชัดแจง้ และตน้ ทนุ ไม่ชดั แจง้ แต่
ต้นทุนทางบญั ชี (Accounting Cost) ประกอบดว้ ยต้นทุนชัดแจ้งเทา่ นน้ั ดังน้ันต้นทนุ ทางเศรษฐศาสตรจ์ ึงมี
ความหมายกวา้ งกวา่ ต้นทนุ ทางบญั ชี

3. ต้นทุนเอกชนและตน้ ทุนทางสังคม
ตน้ ทุนเอกชน (Private Cost) เป็นรายจ่ายท่ีเกิดจากการผลติ ท้ังหมดและผู้ผลิตถือว่า

เป็นต้นทุนของตนเอง ซึ่งประกอบดว้ ยตน้ ทุนชัดแจ้งและต้นทนุ ไม่ชัดแจ้ง อย่างไรกต็ าม ต้นทุนประเภทนอ้ี าจ
ก่อให้เกิดผลเสียต่อบุคคลอื่น ๆ ในสังคม เช่น โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยนํ้าเสียออกมาตามแม่นํ้าลำคลอง
ส่งผลให้ผู้ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นป่วย ซึ่งผลเสียท่ีเกิดขึ้นถือเป็นต้นทุนภายนอก (External Cost) ดังน้ัน

3

ต้นทุนทางสังคม (Social Cost) เป็นต้นทุนทุกชนิดท่ีเกิดขึ้นโดยตรงหรือสืบเนื่องมาจากการผลิต
ประกอบดว้ ยตน้ ทนุ เอกชนและตน้ ทนุ ภายนอก

2. ความหมายของต้นทนุ การผลติ แตล่ ะชนดิ ในระยะสน้ั

ปัจจัยการผลิตในระยะส้ันประกอบด้วยปจั จัยคงที่และปัจจยั ผันแปร ดังนน้ั ต้นทุนการผลติ ในระยะ
สน้ั จงึ ประกอบดว้ ยต้นทุนคงท่ีและต้นทุนผันแปร ซ่ึงความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตและต้นทุนการผลิตในระยะ
ส้ันแบง่ ออกเปน็ 3 ลักษณะ คอื ตน้ ทุนรวม ต้นทนุ เฉลี่ย และต้นทุนหนว่ ยสุดทา้ ย

2.1 ต้นทุนรวม (Total Cost : TC) หมายถึง ต้นทุนของปัจจัยการผลิตทุกชนดิ ที่นำมาใช้ในการ
ผลิต ประกอบด้วยต้นทนุ รวมและตน้ ทนุ ผนั แปรรวม เขยี นเป็นสมการได้ดงั นี้

TC = TFC + TVC

1. ต้นทุนคงที่รวม (Total Fixed Cost: TFC) หมายถงึ ต้นทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณ

การผลิตจะไม่ผลิตหรือผลิตมากน้อยเท่าไรก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ต้นทุนเหล่าน้ี เช่น ค่าเช่าที่ดินค่า

ก่อสรา้ งอาคารโรงงาน ค่าเครือ่ งจักรรวมท้ังค่าตดิ ต้ัง เปน็ ตน้

2. ต้นทุนผันแปรรวม (Total Variable Cost: TVC) หมายถึง ต้นทุนท่ีเปล่ียนแปลงตาม

ปริมาณการผลิต ต้นทุนประเภทน้ีจะไม่เกิดขน้ึ ถา้ ไม่มกี ารผลิต เช่น แรงงาน วัตถุดิบ น้ํามนั เชอ้ื เพลงิ น้ําประปา

ค่าไฟฟา้ เปน็ ตน้

2.2 ต้นทุนเฉล่ีย (Average Cost: AC) หรือต้นทุนรวมเฉลี่ย (Average Total Cost: ATC)

คือต้นทนุ รวมเฉล่ียต่อหน่วยของผลผลิต ซงึ่ สามารถหาตน้ ทุนเฉล่ียได้จากอตั ราส่วนของต้นทุนรวมกับจำนวน

ผลผลิต ดงั สมการตอ่ ไปนี้

AC = TC = AFC + AVC
Q

1. ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (Average Fixed Cost: AFC) คือ ต้นทุนคงท่ีท้ังหมดเฉลี่ยต่อหน่วยของ
ผลผลิต สามารถหาตน้ ทุนคงท่เี ฉลีย่ ได้จากอตั ราสว่ นของตน้ ทนุ คงที่รวมกับจำนวนผลผลิต ดงั สมการตอ่ ไปน้ี

AFC = TFC
Q

4

2. ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (Average Variable Cost: AVC) คือ ต้นทุนผันแปรทั้งหมดเฉลี่ยต่อ
หน่วยของผลผลิต โดยหาต้นทุนผันแปรเฉลี่ยได้จากอัตราส่วนของต้นทุนผันแปรรวมกับจำนวนผลผลิตดัง
สมการต่อไปนี้

AVC = TVC
Q

2.3 ต้นทุนหน่วยสุดท้าย (Marginal Cost: MC) คือ ต้นทุนรวมที่เปล่ียนแปลงไปเมื่อ
เปลยี่ นแปลงปรมิ าณการผลิต 1 หน่วย สามารถหาต้นทุนหน่วยสุดท้ายได้จากอัตราส่วนของส่วนเปล่ยี นแปลง
ของต้นทุนรวมกบั สว่ นเปลย่ี นแปลงของจำนวนผลผลติ ดงั สมการตอ่ ไปนี้

MC = ΔTC
ΔQ

ต้นทุนการผลิตแต่ละชนิดที่กล่าวถึงข้างต้น สามารถแสดงความสัมพันธ์ได้ดังตารางต่อไปนี้ และ
จากตวั เลขเหลา่ นสี้ ามารถนำามาเขียนเป็นเสน้ ตน้ ทุนประเภทตา่ ง ๆ ได้

ตาราง จำนวนผลผลติ และต้นทนุ ประเภทต่างๆ

5

เส้นตน้ ทุนคงทร่ี วม เสน้ ตน้ ทุนผนั แปรรวม และเส้นต้นทนุ รวม

ในตาราง แสดงต้นทุนชนิดต่าง ๆ ในแต่ละระดับผลผลิตของการผลิตสินค้าชนิดหนึ่ง ซ่ึงเริ่มจาก
ผลผลิต 0 หน่วยเปน็ ต้นไป และแสดงถงึ ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงของต้นทุนแต่ละชนดิ เมื่อมีการเพ่ิมการผลิต
เพม่ิ ขึ้นทลี ะหน่ึงหน่วย จากรปู ขา้ งต้นแสดงลักษณะของเสน้ ต้นทุนชนิดต่าง ๆ และจำนวนผลผลิตเป็นแกนนอน
อธิบายได้ดังน้ี

1. ต้นทุนคงที่รวม (Total Fixed Cost: TFC) มีค่าเท่าเดิมหรือไม่เปลี่ยนแปลงตามจำนวน
ผลผลิตท่ีเพิ่มข้ึน แสดงในตารางข้างต้นของช่องท่ี 2 จะพบว่าต้นทุนคงท่ีรวมมีค่าเท่ากับ 50 เท่ากันตลอดทุก
ระดับผลผลิต เม่ือพจิ ารณาจากรูป เสน้ ตน้ ทนุ คงทร่ี วมมลี ักษณะเป็นเสน้ ตรงขนานกบั แกนนอน แสดงว่าต้นทุน
น้ีไมเ่ ปลย่ี นแปลงแม้วา่ ผ้ผู ลติ จะไม่ผลิต ผลิตนอ้ ย หรือผลิตมากก็ตาม

2. ตน้ ทุนผนั แปรรวม (Total Variable Cost: TVC) เปน็ เส้นทม่ี ีลกั ษณะความโค้งแบบ Cubic
Curve กลา่ วคือ ในระยะแรกเป็นเส้นท่ีเว้าออกจากแกนนอนและช่วงหลังเว้าเขา้ หาแกนนอน ลกั ษณะของเส้น
เป็นไปตามกฎของการผลติ ในระยะส้ัน คอื กฎวา่ ด้วยการผลิตท่มี ีสดั ส่วนไม่คงที่ ดงั แสดงในรปู และตารางช่องท่ี
3 TVC มีคา่ เท่ากับศูนย์ เม่ือยงั ไม่มีการผลิต ต่อมาในระยะแรก ๆ ผลผลิตรวมเพ่ิมขึ้นในอัตราทเี่ พม่ิ ข้ึน ดังนั้น
ต้นทุนผันแปรรวมเพ่ิมขึ้นในอัตราท่ีลดลง เมื่อทำการผลิตเพ่ิมข้ึน ในช่วงต่อมาผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นในอัตราท่ี
ลดลง จึงทำให้ต้นทุนผันแปรรวมเพิ่มขึ้นในอัตราท่ีเพ่ิมขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากกฎการลดน้อยถอยลงของ
ผลได้ และเส้น TVC ต้องเป็นเส้นที่ออกจากจุดกำเนิด (Origin) เสมอ เพราะถ้าผู้ผลิตไม่ทำการผลิตเลย TVC
จะมีค่าเปน็ ศนู ย์ ค่าใช้จา่ ย TVC เชน่ คา่ วตั ถดุ ิบ คา่ แรงงาน คา่ นาํ้ ค่าไฟ เป็นตน้

3. ต้นทุนรวม (Total Cost: TC) มีค่าเท่ากับต้นทุนคงท่ีรวมเม่ือยังไม่ได้มีการผลิตแต่อย่างใด
จากตารางข้างต้น ในช่องท่ี 4 ผลผลิตเท่ากับศูนย์ ต้นทุนรวมเท่ากับ 50 มีค่าเท่ากับต้นทุนคงที่รวมต่อมา
ตน้ ทุนรวมจะมีคา่ เพิ่มข้นึ ตามจำนวนผลผลิตท่เี พ่ิมข้ึน ต้นทุนรวมมีลักษณะคลา้ ยกับเส้นต้นทุนผันแปรรวม จะ
เหน็ ได้ว่า ต้นทุนรวมมีค่ามากกว่าต้นทุนผันแปรรวม (TC > TVC) เทา่ กับ 50 เส้นตน้ ทนุ รวมเป็นเส้นทีล่ ากออก

6

จากแกนตั้ง ณ จุดเดียวกับเส้นต้นทุนคงที่รวม แสดงว่าแม้ว่าผู้ผลิตยังไม่ได้เริ่มผลิตแต่ก็มีต้นทุนเกิดข้ึนแล้ว
เช่น ค่าท่ดี ิน คา่ โรงงาน ค่าเคร่ืองจักร เปน็ ตน้ ต้นทุนรวมจงึ มคี ่าเทา่ กบั ต้นทุนคงท่รี วมตอ่ มาเส้นต้นทุนรวมจะ
เอียงขึ้นไปทางขวาและมีลักษณะคล้ายกับเส้นต้นทุนผันแปรรวม จะแตกต่างกันก็ตรงตำแหน่งของเสน้ ต้นทุน
รวมอยู่สูงกว่าตำแหน่งของเส้นต้นทุนผันแปรรวม เม่ือวัดระยะห่างของเส้นต้นทุนทั้งสองตามแกนตั้งจะมีค่า
เทา่ กบั ต้นทนุ คงทีร่ วมพอดี

เสน้ ต้นทุนหน่วยสุดทา้ ย เสน้ ตน้ ทนุ คงท่เี ฉลี่ย เสน้ ต้นทนุ ผันแปรเฉลีย่ และ
เสน้ ตน้ ทุนเฉล่ยี

1. ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (AFC) มีค่าลดลงอย่างรวดเร็วในระยะแรกและจะลดลงเร่ือย ๆ เมื่อมีการ
ผลิตเพ่ิมข้ึน เนื่องจากต้นทุนคงที่รวมมีค่าเท่าเดิมแต่ผลผลิตมีจำนวนเพ่ิมข้ึน จึงทำให้ต้นทุนคงท่ีเฉล่ียลดลง
เรื่อย ๆ ดังแสดงในตารางข้างต้นของช่องท่ี 5 เม่ือพิจารณารูปเส้นต้นทุนคงที่เฉลี่ยมีคา่ ความชันเป็นลบและมี
ลักษณะโค้งเว้าเข้าหาจุดกำเนิด แสดงว่า เมื่อจำนวนผลผลิตเพิ่มข้ึนจะทำให้ต้นทุนคงท่ีเฉลี่ยลดลงแต่ต้นทุน
คงทีเ่ ฉลยี่ จะมคี ่าลดลงเรือ่ ย ๆ แตจ่ ะไม่เทา่ กับศนู ย์

2. ต้นทุนผันแปรเฉล่ีย (AVC) มีค่าลดลงในระยะแรก เมื่อถึงผลผลิตระดับหนึ่งต้นทุนผันแปร
เฉลย่ี จะมคี ่าเพม่ิ ข้ึน ดังแสดงในตารางข้างตน้ ของช่องท่ี 6 สำหรับเส้นตน้ ทนุ ผนั แปรเฉล่ียมลี ักษณะคลา้ ยรปู ตัว
ยู แสดงว่า ในระยะแรกของการเพ่ิมการผลิต ค่าเฉล่ียของต้นทุนผันแปรมีค่าลดลง ต่อมาเม่ือผลิตเพิ่มข้ึน
คา่ เฉล่ยี ของต้นทนุ ผันแปรกลบั มีคา่ สูงข้ึน เส้นตน้ ทนุ ผันแปรเฉลยี่ จงึ มีค่าความชันเป็นบวก

3. ต้นทุนเฉลี่ย (AC) ในระยะแรกมีค่าลดลง ต่อมาเม่ือผลผลิตจนถึงระดับหน่ึงต้นทุนเฉลี่ยจะมี
ค่าเพิ่มขึ้น มีลักษณะคล้ายกับต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (AVC) แต่ต้นทุนเฉลี่ยมีค่ามากกว่าต้นทุนผันแปรเฉลี่ยดัง
ตน้ ทนุ เฉลี่ยในช่องที่ 7 จะพบว่า ต้นทุนเฉลี่ยมคี ่ามากกวา่ ต้นทุนผันแปรเฉล่ีย โดยมีค่าเท่ากับตน้ ทุนคงท่ีเฉลี่ย
พอดี ส่วนลักษณะเส้นต้นทนุ เฉล่ียจะคลา้ ยกบั ตัวยู แสดงว่า ค่าเฉลีย่ ของต้นทนุ รวมในระยะแรกของการผลิตมี
คา่ ลดลงและจะมีคา่ สูงขึ้นเมื่อเพ่ิมการผลิตมากข้นึ

4. ตน้ ทุนหน่วยสุดทา้ ย (MC) มีค่าลดลงในระยะแรก ๆ และมีคา่ เพ่ิมขึ้นเรอื่ ย ๆ เมอื่ ผลิตเพิ่มข้ึน
ดังต้นทุนหน่วยสุดท้ายในช่องท่ี 8 เส้นต้นทุนหน่วยสุดท้าย จะมีลักษณะเอียงลงหรือมีความชันเป็นลบใน

7

ชว่ งแรก ๆ ตอ่ มาเมอื่ ผลิตเพ่ิมขึ้นระดับหน่งึ เส้นต้นทนุ หน่วยสดุ ท้ายจะตํ่าสดุ หรอื ความชนั มีค่าเท่ากับศูนย์ใน
ตอนเริ่มแรก ต่อมาจะมีค่าความชันเป็นบวก ในช่วงที่เส้นต้นทุนหน่วยสุดท้ายเอียงข้ึนต้องตัดที่จุดตํ่าสุดของ
เสน้ ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย และจดุ ตํ่าสุดของเสน้ ตน้ ทุนเฉลี่ยตามลำดบั

2.4 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งเส้นต้นทุนเฉลี่ยและเสน้ ตน้ ทนุ หนว่ ยสดุ ทา้ ย
ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเสน้ ตน้ ทุนเฉลี่ยและเส้นตน้ ทุนหนว่ ยสดุ ท้าย สรปุ ไดด้ ังน้ี
1. ตราบใดที่ MC มคี า่ น้อยกว่า AVC ค่า AVC จะลดลง เม่อื การผลิตเพิ่มข้นึ เรื่อย ๆ เส้น MC

ช่วงนจี้ ะอยู่ต่ํากวา่ เสน้ AVC
2. ตราบใดท่ี MC มีค่ามากกว่า AVC ค่า AVC จะเพิ่มข้ึน เมื่อผลิตจำนวนเพ่ิมข้ึน เส้น MC

ชว่ งน้ีจะอยู่เหนือเส้น AVC จากเหตุผล 2 ประการข้างตน้ MC จะเท่ากับ AVC เมื่อ AVC มีค่าตํ่าสุด เส้น MC
จงึ ตดั จุดตํา่ สุดของเส้น AVC และความสัมพันธ์ระหวา่ ง MC และ AC ก็เช่นเดียวกัน

3. ความหมายของตน้ ทุนการผลติ แตล่ ะชนิดในระยะยาว

เน่ืองจากการผลิตในระยะยาว ผู้ผลิตสามารถเปล่ียนแปลงปัจจัยการผลิตได้ทุกชนิด หรือมีเฉพาะ
ปัจจัยผันแปรเท่าน้ัน ดังน้ัน ต้นทนุ การผลิตในระยะยาวจึงประกอบด้วยตน้ ทุนผันแปรเท่านั้นสำหรับการผลิต
ในระยะยาว เมื่อผ้ผู ลติ ต้องการเปลีย่ นแปลงจำนวนผลผลิตท่ผี ลติ ผู้ผลติ จะเปลย่ี นแปลงปจั จยั การผลติ ทุกชนิด
รวมทั้งขนาดของโรงงานให้เหมาะสมกับจำนวนผลผลิตท่ีต้องการผลิตซึ่งทำให้เสียต้นทุนเฉลี่ยตํ่าสุด ซ่ึงจะ
แตกต่างจากการผลิตในระยะสั้นที่ผู้ผลิตต้องใช้โรงงานขนาดเดิมที่มีอยู่และไม่สามารถปรับเปล่ียนขนาดของ
โรงงานตามจำนวนผลผลิตที่ผลติ ได้

3.1 ต้นทุนการผลติ ในระยะยาว
ในระยะสั้นเพื่อที่จะได้รับกำไรสูงสุด ผู้ผลิตอาจต้องผลิต ณ จุดที่ต้นทุนเฉลี่ยไม่ใช่จุดต่ําสุด

แต่ในระยะยาวผู้ผลิตสามารถปรับปรุงขนาดของโรงงานให้เหมาะสมกับการผลิตได้ ดังน้ัน ผู้ผลิตจึงสามารถ
เลือกขนาดของโรงงานที่เสยี ตน้ ทุนการผลิตตํา่ สุดได้ พิจารณาจากรูปตอ่ ไปนี้

เส้นต้นทนุ เฉลี่ยระยะยาว

8

จากรูป สมมติว่าในการผลิตสินค้าชนิดหนึ่งมีขนาดของโรงงานให้เลือกท้ังหมด 3 ขนาด แต่
โรงงานมีเส้นต้นทุนเฉล่ียระยะส้ัน (Short-run Average Cost: SAC) คือ เส้น SAC1, SAC2 และ SAC3
ตามลำดับในระยะยาวผู้ผลติ สามารถเลือกขนาดของโรงงานได้ทุกขนาด โดยจะเลือกขนาดโรงงานที่เหมาะสม
กบั จำนวนผลผลิตที่เสียต้นทุนเฉลย่ี ต่าํ สุดเสมอ เช่น ถา้ ต้องการผลิตสนิ ค้าจำนวน 0Q1 หนว่ ย ควรเลือกโรงงาน
ท่ีมีขนาดของต้นทุน คือ SAC1 เพราะจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเฉล่ียตํ่ากว่าการใช้โรงงานขนาดอ่ืน ๆ หรือถ้า
ตอ้ งการผลติ สนิ ค้าจำนวน 0Q3 หน่วย ก็ใชโ้ รงงานทม่ี ีต้นทนุ SAC2 แตถ่ ้าตอ้ งการผลิตสนิ ค้าจำนวน 0Q2 จะใช้
โรงงานขนาด SAC1 หรือ SAC2 ก็ได้ ซ่ึงจะเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันแต่อย่างใด จากท่ีกล่าวมาสรุปได้ว่าเส้น
ตน้ ทุนเฉล่ียระยะยาว (LAC) คือ ส่วนที่เป็นเส้นหลักของ SAC ถือว่า LAC คือ เส้นวางแผนของเส้นSAC และ
เป็นเส้นที่สัมผัสกับเส้น SAC ท้ังหลาย เสียต้นทุนเท่ากับ aQ1 และ bQ1 ตามลำดับดังน้ัน จะเห็นได้ว่าใน
บรรดาโรงงานขนาดต่าง ๆ น้ัน จะมีอยู่ขนาดหน่ึงที่เป็นขนาดท่ีดีที่สุดหรือเป็นการผลิตท่ีมีประสิทธิภาพที่สุด
คือ เส้นต้นทุนเฉลย่ี ตอ่ หน่วยตํา่ สดุ เมอื่ เปรยี บเทียบกับโรงงานในขนาดต่าง ๆ โรงงานขนาดทก่ี ลา่ วนี้จดุ ตํ่าสุด
ของเสน้ SAC สัมผสั กับจุดตา่ํ สุดของเสน้ LAC คือ โรงงานที่มตี ้นทนุ SAC2 และผลผลิตท่เี หมาะสม คือ 0Q4

จดุ การผลิตที่มปี ระสิทธภิ าพสงู สดุ ในระยะยาว

จากรูป ในระยะยาวหากจำนวนผลผลิตคือ 0Q1 โรงงานท่ีเหมาะสมท่ีสุด คือ โรงงานทีม่ ีเส้น
ต้นทุนการผลิต SAC1 = LAC SMC1 = LMC อย่างไรก็ตาม ผลผลิตที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว
คอื 0Q2 โดยท่ี SAC2 = LAC = SMC2 = LMC

9

4. ความหมายและรายรับจากการผลติ แตล่ ะชนิด

รายรบั จากการผลิต คอื รายได้ท่ผี ู้ผลิตไดร้ ับจากการขายผลผลิตของตนตามราคาตลาด รายรับจาก
การผลติ แบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ คือ รายรบั รวม (Total Revenue: TR) รายรบั เฉลยี่ (Average Revenue: AR)
และรายรับหน่วยสุดท้าย (Marginal Revenue: MR)

4.1 รายรับรวม (Total Revenue: TR) คอื รายได้ท่ผี ู้ผลิตได้รับทั้งหมดจากการขายผลผลติ
สามารถหาได้จากผลคูณของราคาและจำนวนผลผลติ ท่ีขายได้ ดงั สมการต่อไปน้ี

TR = P×Q

โดยที่ TR = รายรบั รวม
P = ราคา
Q = จำนวนผลผลติ ที่ขายได้

4.2 รายรับเฉลี่ย (Average Revenue: AR) คือ จำนวนรายรับรวมทั้งหมดเฉล่ียต่อหน่วยของ
ผลผลติ ทข่ี ายได้ สามารถหาไดจ้ ากอตั ราส่วนของรายรับรวมกับจำนวนผลผลิตทข่ี ายได้ ดงั สมการตอ่ ไปนี้

AR = TR
Q

โดยท่ี AR = รายรับเฉลี่ย
TR = รายรบั รวม
Q = จำนวนผลผลติ ทข่ี ายได้

4.3 รายรบั หนว่ ยสุดทา้ ย (Marginal Revenue: MR) คอื จำนวนรายรบั รวมที่เปลย่ี นแปลงไปเม่ือ
จำนวนผลผลิตที่ขายได้เปลย่ี นแปลงไป 1 หน่วย สามารถหาได้จากอตั ราส่วนของส่วนเปลย่ี นแปลงของรายรับ
รวมกับส่วนเปลี่ยนแปลงของจำนวนผลผลติ ทีข่ ายได้ ดงั สมการต่อไปน้ี

MR = ΔTR
ΔQ

โดยท่ี MR = รายรับหนว่ ยสุดทา้ ย
ΔTR = ส่วนเปลย่ี นแปลงของรายรบั รวม
ΔQ = สว่ นเปลย่ี นแปลงของจำนวนผลผลติ ท่ีขายได้

10

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายรับรวมเท่ากับราคาคูณจำนวนผลผลิตท่ีขายได้ หรือ TR = P X Q และ
เม่อื นำไปแทนท่ีในสมการของรายรับเฉลยี่ จะไดข้ ้อสรุปดงั นี้

AR = TR = PxQ = P
QQ

ดงั น้นั AR = P กลา่ วคือ รายรบั เฉลยี่ มีค่าเท่ากับราคาจากความหมายของรายรับจากการผลติ ดังกล่าว
สามารถแสดงลักษณะและความสมั พันธข์ องเส้นรายรบั รวม รายรับเฉลย่ี และรายรับหนว่ ยสุดท้ายได้ ดังตาราง
และรปู ตอ่ ไปนี้

ตาราง รายรับรวม รายรับเฉลี่ย และรายรับหน่วยสุดท้าย
ในกรณีท่รี าคาสินคา้ เปลยี่ นแปลง

11

เส้นอุปสงคท์ ี่ผู้ผลิตเผชญิ และเสน้ รายรับจากการผลิต ในกรณที ีร่ าคาสนิ ค้า
เปลยี่ นแปลง

จากตารางและรปู ข้างต้น เมือ่ พิจารณาในมุมมองของผู้บรโิ ภค สองชอ่ งแรกของตารางแสดงถึงจำนวน
ผลผลิตท่ีผู้บริโภคซ้ือกับราคาที่ซ้ือ เป็นการแสดงความสัมพันธ์ของอุปสงค์ที่มีต่อผลผลิตที่ผู้ผลิตขายหรือเส้น
อุปสงค์ท่ีผู้ผลิตเผชญิ (เส้น d) มีลักษณะทอดลงจากบนลงล่าง ผู้ผลิตท่ีต้องการจะขายสินค้าให้ได้จำนวนมาก
ก็ต้องยอมลดราคาสินค้าลง ดังนั้น ผลผลิตท่ีมากข้ึน ผู้ผลิตจะขายในราคาท่ีถูกลง ทำให้ผู้ผลิตมีรายรับเฉล่ีย
(AR) ลดลง ซ่ึงรายรับเฉล่ยี มีค่าเท่ากับราคาพอดี (AR = P) มีผลทำให้เส้นรายรับเฉล่ียเป็นเส้นเดียวกันกับเส้น
อปุ สงคท์ ่ีผ้ผู ลติ เผชิญพอดี

ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรายรบั หน่วยสุดท้ายกับรายรับรวม (MR กับ TR) พบว่าผลผลิตในช่วงแรกท่ีขาย
ได้ ผู้ผลิตมีรายรับรวมเพ่ิมข้ึน แต่รายรับหน่วยสุดท้ายลดลง เพราะราคาถูกลงเรือ่ ย ๆ แตร่ ายรับหน่วยสดุ ทา้ ย
ยังมีค่าเป็นบวกอยู่ (MR>0) รายรับรวมจะย่ิงมีค่ามากขึ้น ถ้าผู้ผลิตขายผลผลิตเพิ่มข้ึนจนถึงผลผลิตท่ีรายรับ
หนว่ ยสุดท้ายมคี ่าเทา่ กับศนู ย์ (MR = 0) รายรับรวมจะสูงสุด แต่ถา้ ผู้ผลิตยงั ขายเพิ่มอีกกจ็ ะเผชญิ กบั ราคาท่ถี ูก
ลงมาก จนทำใหร้ ายรบั หนว่ ยสดุ ท้ายติดลบ (MR < 0) รายรบั รวมจะลดลง

การเปรียบเทียบเส้นรายรับหน่วยสุดท้ายกับเส้นรายรับเฉล่ีย (MR กับ AR) พบว่า เส้นรายรับหน่วย
สุดทา้ ยอยู่ตาํ่ กว่าเส้นรายรบั เฉลย่ี และมคี วามชนั เป็นสองเทา่ ของเสน้ รายรบั เฉลย่ี

12

5. ความหมายของกำไรทางเศรษฐศาสตร์

ผู้ผลิตจะต้องตัดสินใจเก่ียวกับจำนวนผลผลิตที่จะผลิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคือ การได้รับกำไร
สงู สุด(Maximize Profit) โดยผู้ผลิตจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างรายรบั รวมกับต้นทุนรวม ซ่ึงจะต้อง
เลือกการผลิตท่ีทำให้รายรับรวมสูงกว่าต้นทุนรวมมากที่สุด และโดยท่ัวไป กำไร (Profit) หมายถึง ผลต่าง
ระหวา่ งรายรับรวมกนั ตน้ ทนุ รวม เขียนเปน็ สมการได้ดังนี้

π = TR - TC

โดยท่ี π = กำไร
TP = รายรบั รวม
TC = ตน้ ทุนรวม

กำไรทางเศรษฐศาสตร์ท่ีแท้จริง จะเกิดข้ึนเมื่อรายรับรวม (TR) มากกว่าต้นทุนรวม (TC) กำไร
ทางเศรษฐศาสตร์ทแ่ี ท้จริงน้ีอาจเรียกวา่ “กำไรเกินปกติ (Excess Profit)” เพราะผูผ้ ลติ ได้รับรายรับมากกว่า
ผลตอบแทนทีค่ วรจะได้รับตามปกติ หรอื ไดร้ บั มากกวา่ ตน้ ทุนค่าเสยี โอกาสทงั้ หมดจากทรัพยากรทใี่ ช้ไปในการ
ผลติ ถา้ รายรบั รวมเทา่ กับตน้ ทุนรวมจะเรยี กว่า “กำไรปกติ (Normal Profit)” แต่กำไรปกติไม่ถอื เป็นกำไรท่ี
แท้จริงทางเศรษฐศาสตร์ เพราะผูผ้ ลิตได้รายรบั เทา่ กับต้นทุนค่าเสยี โอกาสทง้ั หมด

จากทรัพยากรที่ใช้ไปในการผลิต หรือกล่าวได้ว่า กำไรปกติเป็นผลตอบแทนสูงสุดที่ผู้ผลิตเสีย
โอกาสที่จะได้รับเมื่อไปผลิตสินค้าอ่ืน แต่ถ้ารายรับรวมน้อยกว่าต้นทุนรวม เรียกว่า “ขาดทุน (loss)”
กล่าวคือ ผู้ผลิตได้ รับรายรับน้อยกว่าผลตอบแทนท่ีควรจะได้รับตามปกติ หรือได้รับน้อยกว่าต้นทุนค่าเสีย
โอกาสทงั้ หมดจากทรัพยากรที่ใช้ไปในการผลติ

เน่ืองจากกำไรคือเป้าหมายสำคัญของผู้ผลิต ดังน้ัน ปัญหาท่ีน่าสนใจคือ การหากำไรสูงสุดถ้า
พิจารณาจากรายรับรวมและต้นทุนรวม ในสมการกำไรจะเห็นได้วา่ กำไรจะมีค่าสูงสุด ต่อเมื่อรายรับรวมและ
ต้นทุนรวมมีค่าต่างกนั มากที่สดุ พจิ ารณาจากรปู

13

แสดงกำไรรวมมีค่าสงู สุด

จากรูป กำไรสูงสุดจะอยู่ท่ีผลผลิต 0Q ซ่ึงเป็นตำแหน่งที่ TR อยู่สูงกว่า TC มากที่สุด ยิ่งกว่านั้น
ช่วงที่ TR อยู่หา่ งจาก TC ตามแนวดง่ิ มากท่สี ุดนยี้ งั แสดงวา่ slope ของ TR และ TC มีคา่ เท่ากันพอดี

แตเ่ นอื่ งจาก slope ของ TR = ΔTR =MR
ΔQ

และ slope ของ TC = ΔTC =MC
ΔQ

ดังน้ัน กำไรสูงสุดจะอยู่ท่ีรายรับเพ่ิมเท่ากับต้นทุนหน่วยสุดท้าย (MR = MC) ส่วนระดับอนื่ ๆ จะ
ให้กำไรน้อยกว่าท้ังส้ิน เหตุผลคือ ตราบใดที่รายได้เพ่ิมยังมีมากกว่าต้นทุนหน่วยสุดท้ายแล้ว กำไรของผู้ผลิต
ยังคงสูงข้ึนได้เร่ือย ๆ ถ้าการผลิตยังคงเพ่ิมตอ่ ไป แต่เมื่อใดทต่ี ้นทุนหน่วยสุดท้ายมากกว่ารายได้เพ่ิมแล้วกำไร
จะลดลง ดังนัน้ กำไรสูงสดุ จะมีเพียงจดุ เดียว คือ ตรงที่ MC = MR และที่ตำแหน่งน้จี ะเปน็ ดุลยภาพของผูผ้ ลิต
ด้วย นนั่ คอื ผผู้ ลิตจะไดร้ ับกำไรสงู สุด ณ เงื่อนไขที่ MC = MR

สรุป ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ประกอบด้วยต้นทุนชัดแจ้งและ
ตน้ ทุนไม่ชัดแจ้ง ตน้ ทุนค่าเสยี โอกาส คือ มูลค่าสูงสุดของผลประโยชน์จากทางเลือกอ่ืนที่เสยี สละไป เนื่องจาก
ตดั สินใจเลือกทางใดทางหนึ่งแล้ว ต้นทุนชัดแจ้ง คือ รายจ่ายท่ีจ่ายออกไปจริงๆและจ่ายให้แก่บุคคลเพ่ือเป็น
ค่าตอบแทนในการใช้ปัจจัยการผลิต ต้นทุนไม่ชัดแจ้ง คือ ต้นทุนจากการใช้ปัจจัยการผลิตในส่วนท่ีไม่ได้จ่าย
ออกไปจริง ๆ

14

ต้นทุนระยะส้ันประกอบด้วยต้นทุนรวม ต้นทุนคงท่ีรวม ต้นทุนผันแปรรวม ต้นทุนหน่วยสุดท้าย
ต้นทุนเฉลี่ย ต้นทุนคงท่ีเฉล่ีย และต้นทุนผันแปรเฉลี่ย ต้นทุนระยะยาวจะพิจารณาจากต้นทุนเฉล่ีย ผู้ผลิต
สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยการผลิตทุกชนิดได้ และเปลี่ยนแปลงขนาดของโรงงานให้เหมาะสมกับจำนวน
ผลผลติ ทเ่ี สยี ตน้ ทนุ การผลติ ต่าํ สุด

รายรับจากการผลติ แบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ คอื รายรับรวม รายรับเฉล่ีย และรายรับหน่วยสุดทา้ ย
กำไรทางเศรษฐศาสตร์ คือ ผลต่างระหว่างรายรับรวมกันตน้ ทุนรวม ถา้ รายรับรวมมากกวา่ ตน้ ทุน
รวม ผู้ผลติ จะได้รับกำไรเกินปกติ ผลผลิตท่ีทำให้ผู้ผลิตได้รับกำไรสูงสุดคือผลผลิตท่ีมีส่วนต่างระหว่างรายรับ
รวมกับตน้ ทนุ รวมมากท่สี ดุ ส่วนตา่ งอาจเปน็ บวก (กำไร) หรือเป็นลบ (ขาดทนุ ) กไ็ ด้

15

แบบประเมินผลการเรยี นรูห้ น่วยการเรยี นรู้ที่ 6

ตอนท่ี 1 จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ต้นทุนทางบัญชแี ละตน้ ทนุ ทางเศรษฐศาสตรแ์ ตกตา่ งกันอย่างไร

............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................

2. ตน้ ทนุ การผลิตในระยะส้นั ประกอบด้วยตน้ ทุนอะไรบา้ ง

............................................................................................................................. ........................................................
....................................................................................................................................................... ..............................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................

3. แสดงให้เห็นวา่ เส้นรายรบั เฉลยี่ ของผผู้ ลิตก็คอื เส้นอปุ สงค์ของสินค้า

............................................................................................................................. ........................................................
............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

4. ถ้าราคาสนิ ค้าเทา่ กับ 200 บาทต่อหนว่ ย ผูผ้ ลิตขายสินค้าไดจ้ ำนวน 20 หน่วย จงตอบคำถามต่อไปนี้

(ก) รายรบั รวมมคี า่ เท่าไร

.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. ........................

(ข) รายรบั เฉลี่ยมคี ่าเทา่ ไร

.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................
...................................................................................................................................................................... ...............

16

(ค) ในกรณีทร่ี าคาสินคา้ ลดลงเหลอื 100 บาทต่อหนว่ ย ผูผ้ ลิตขายสนิ ค้าเพมิ่ ขึน้ เป็น 25 หน่วย รายรับ
หนว่ ยสดุ ท้ายมีค่าเท่าไร

............................................................................................................................. ................................................... .....
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................

5. กำไรปกติและกำไรเกนิ ปกติ ในทางเศรษฐศาสตร์หมายความวา่ อยา่ งไร

........................................................................................................................................ .............................................
.....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ .............................................................
............................................................................................................................. ........................................................

6. แสดงให้เหน็ ว่าผู้ผลติ ไดร้ ับกำไรสูงสดุ ณ เงื่อนไข MC = MR

.....................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................... ...............................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

7. รายรบั จากการผลติ คอื อะไร

.....................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................. ...................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

8. ในระยะยาวผผู้ ลติ จะเลอื กขนาดโรงงานอย่างไร

.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

9. เสน้ ต้นทนุ หนว่ ยสดุ ทา้ ยคืออะไร

................................................................................................................................... ..................................................
.....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................ .....................................................................

17

10. อธบิ ายต้นทุนหน่วยสดุ ทา้ ย

............................................................................................................................. ........................................................
.............................................................................................................................................................................. .......
.....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................... ..........................................................

18

ตอนที่ 2 จงเลอื กข้อทถ่ี ูกต้องทีส่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว

1. ค่าเช่าสถานทที่ ี่เจา้ ของปัจจยั การผลิตควรไดร้ บั ถ้าใหผ้ ้อู น่ื เช่าทำธุรกจิ แต่เขาได้นำสถานท่มี าประกอบ

ธรุ กจิ ของตนเอง ในทางเศรษฐศาสตรถ์ อื วา่ เป็นต้นทนุ ประเภทใด

ก. ตน้ ทุนรวม ข. ต้นทนุ ทางบัญชี

ค. ตน้ ทุนชดั แจ้ง ง. ต้นทนุ ไม่ชัดแจ้ง

จ. ตน้ ทนุ ผนั แปรรวม

2. คา่ ใชจ้ า่ ยประเภทใดจัดเป็นตน้ ทนุ คงท่ี

ก. ค่าขนส่ง ข. ค่าโฆษณา

ค. คา่ วัตถุดบิ ง. คา่ ปัจจัยการผลิต

จ. คา่ จา้ งและเงนิ เดอื น

3. การใช้แนวคดิ ตน้ ทนุ ค่าเสียโอกาสมปี ระโยชน์ในทางเศรษฐศาสตรอ์ ย่างไร
ก. เพอ่ื ใช้เปน็ เคร่อื งมอื ในการพจิ ารณาตน้ ทนุ ต่ําสุด
ข. เพือ่ ใชเ้ ป็นเครอื่ งมอื ในการพจิ ารณากำไรสูงสดุ ของผู้ผลติ
ค. เพ่ือใชเ้ ป็นเครอื่ งมอื ในการพิจารณาว่าผ้บู ริโภคได้รบั ประโยชนส์ งู สุดหรือไม่
ง. เพ่อื ใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือในการพิจารณาการใชป้ ัจจัยการผลิตอยา่ งมีประสทิ ธิภาพสูงสดุ
จ. เพ่อื ใช้เป็นเครื่องมอื ในการพจิ ารณาทางเลือกสำหรับการผลิตสนิ คา้ ชนดิ ใดชนิดหน่งึ

จากรูปต่อไปน้ีจงตอบคำถามขอ้ 4 – 10

19

4. เส้น AB หมายถึงเส้นอะไร ข. ต้นทนุ เฉลี่ย
ก. ต้นทนุ รวม ง. รายรับหนว่ ยสุดท้าย
ค. รายรบั รวม
จ. ต้นทนุ หนว่ ยสุดทา้ ย

5. เส้น CD หมายถงึ เส้นอะไร ข. ต้นทุนเฉลีย่
ก. ตน้ ทนุ รวม ง. รายรับหน่วยสุดทา้ ย
ค. รายรับรวม
จ. ตน้ ทนุ หน่วยสดุ ท้าย

6. ช่วง ab หมายถงึ ข้อใด ข. กำไรปกติ
ก. ขาดทนุ ต่ําสุด ง. รายรบั หน่วยสดุ ทา้ ยมากท่สี ุด
ค. กำไรสูงสุด
จ. ตน้ ทนุ หนว่ ยสุดท้ายตา่ํ ที่สุด

7. กำไรปกติ หมายถึงขอ้ ใด ข. TR – TC = 1
ก. TR – TC = 0 ง. TC – TR = -1
ค. TC – TR = 1
จ. TR > TC > 1

8. กำไรเกินปกติ หมายถงึ ขอ้ ใด ข. TR = TC
ก. TR > TC ง. TR – TC = 0
ค. TR < TC
จ. TC – TR = 1

9. เง่อื นไขอะไรทีท่ ำให้ผ้ผู ลิตไดร้ ับกำไรสงู สุด

ก. TR มคี ่าสูงสดุ ข. AR มีคา่ สูงสุด

ค. MR = MC ง. MR < MC

จ. MR = 0

20

10. ข้อความใดที่ไม่ถกู ตอ้ ง
ก. เม่อื ปริมาณขายเพิ่มข้ึน MR มีคา่ มากกวา่ ศนู ย์ และ TR มคี า่ เพิม่ ข้นึ
ข. เมอ่ื ปริมาณขายเพ่ิมขึ้น AR มีค่าลดลง และ MR มคี า่ มากกวา่ AR
ค. TR มคี า่ สงู สุด เม่ือ MR มคี า่ เปน็ ศูนย์
ง. TR มีคา่ เปน็ ศนู ย์ เมื่อ MR มีค่านอ้ ยกวา่ ศนู ย์
จ. AR ลดลง เมือ่ ปริมาณขายเพม่ิ ขึน้ และ MR < AR

21

ตอนที่ 3 จงใช้ตารางตน้ ทุนการผลิตของหนว่ ยผลิตแหง่ หน่ึงดงั ตอ่ ไปน้ี คำนวณค่าในตาราง
ตาราง จำนวนผลผลติ และตน้ ทุนประเภทต่างๆ

ปรมิ าณ ต้นทุน ตน้ ทุน ต้นทนุ ต้นทนุ ต้นทนุ ต้นทนุ ต้นทุน
ผลผลติ คงทร่ี วม ผนั แปร รวม คงทเี่ ฉลยี่ ผันแปร รวมเฉล่ยี หน่วย
(TFC) รวม (TC) (AFC) เฉลีย่ สุดท้าย
(Q) (TVC) (TFC+TVC) (AVC) (AC) (MC)
6 -
0 0 - - -
1 6 7 10.25
2 4.5 9
3 18
4 8.75 31
5
66

22

ใบงานท่ี 1

สำนักพมิ พ์เอมพันธ์ จำกดั กำลงั จะพิมพห์ นงั สือเรียนเศรษฐศาสตรเ์ บื้องต้นออกจำหน่าย โดยมีตน้ ทุน
การพมิ พ์ ต่าง ๆ ดังน้ี

ต้นทนุ คงทร่ี วม (TFC) = 100,000 บาท
- คา่ ตรวจปรูฟ๊ = 10,000 บาท
- คา่ พมิ พค์ งท่ี = 70,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายจำหนา่ ยคงท่ี = 20,000 บาท

ต้นทุนผนั แปรเฉล่ีย (AVC)
- คา่ พิมพผ์ ันแปร = 5 บาท
- คา่ ลขิ สิทธิ์ = 4 บาท
- คา่ สว่ นลดรา้ นค้า = 7 บาท
- ค่าใช้จา่ ยอื่น ๆ = 4 บาท
รวม 20 บาท
ราคาจำหน่ายเลม่ ละ 30 บาท

จุดคุ้มทุน คือ จุดท่ีหน่วยผลิตมีรายรับรวมเท่ากับต้นทุนรวม หรือรายรับรวมเฉล่ียเท่ากับต้นทุนรวม
เฉลีย่ โดยหน่วยผลติ มเี ฉพาะกำไรปกตเิ ท่านัน้

(ก) แสดงการคำนวณหาจำนวนพมิ พ์ ณ จดุ ค้มุ ทุน

............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

(ข) ถ้าต้องการกำไรเกนิ ปกติ 40,000 บาท จะตอ้ งพมิ พจ์ ำนวนเทา่ ไร

............................................................................................................................. ........................................................
.................................................................................................................................................................................. ...
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

(ค) สมมตวิ ่าใชเ้ ทคโนโลยกี ารพมิ พ์ทีส่ ามารถลดต้นทุนคงท่ีลงเหลอื 50,000 บาท จำนวนพิมพ์ ณ
จุดค้มุ ทุนจะเปน็ เท่าไร

............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

23

(ง) ถ้า TFC = 100,000 บาท, AVC = 20 บาท แต่ราคาขายเปลี่ยนเป็นเล่มละ 40 บาท จำนวน
พมิ พ์ ณ จุดคุ้มทนุ จะเปน็ เทา่ ไร

.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 2

เสน้ ตน้ ทนุ การผลติ ระยะยาวมคี วามสมั พันธ์เกยี่ วเนอ่ื งกบั การผลิตโดยเสยี ต้นทุนต่ําสุดอยา่ งไร อธบิ าย

...................................................................................................................................................... ...............................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 3

(ก) นาย ก มีที่ดินอยู่แปลงหน่ึงแถบชานเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นเขต
อุตสาหกรรม นาย ก จึงมีแผนจะตั้งโรงงานผลิตเส้ือผ้าสำเร็จรูปบนที่ดินแปลงน้ี ในการดำเนินการ
ต้ังแต่ก่อสร้างโรงงานจนถึงการผลิต ให้แจกแจงต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ประเภทต่าง ๆ มาโดย
ละเอียด

........................................................................................................................................................................... ..........
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................... ............................................

(ข) ในการสรา้ งโรงงานดงั กล่าวจะมผี ลกระทบภายนอกตอ่ ชุมชนรอบ ๆ อยา่ งไรบา้ ง ทั้งในดา้ นบวก
และลบ ต้นทนุ สงั คมของกรณีน้ีคืออะไรบา้ ง

.....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. ....................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

24


Click to View FlipBook Version