0
วิชาหลักเศรษฐศาสตร์ รหัสวชิ า 30200-1001
หนว่ ยท่ี 4 เรือ่ งพฤติกรรมผูบ้ รโิ ภค
จัดทำโดย
นางกชมน เอยี ดแก้ว
บธ.ม. (การจดั การโลจสิ ติกส์และโซ่อุปทาน)
1
หนว่ ยท่ี 4
ชอ่ื หนว่ ย พฤตกิ รรมผบู้ ริโภค จำนวน 3 ช่ัวโมง
สาระสำคัญ
ผ้บู รโิ ภคเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านการบริโภค โดยต้องมีหลักการในการเลือกซ้ือสินค้า
และบริการเพื่อใหเ้ กิดความพอใจหรอื ได้รับอรรถประโยชนส์ ูงสดุ ภายใตง้ บประมาณที่มีอยู่อยา่ งจำกัด เป็นการ
เข้าสู่ดลุ ยภาพของผบู้ รโิ ภคทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงไปไดเ้ มือ่ ราคาสนิ ค้าและบรกิ ารหรอื รายได้ของผู้บรโิ ภคเปลย่ี นไป
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายและลักษณะทัว่ ไปของผบู้ รโิ ภคได้
2. อธบิ ายทฤษฎีอรรถประโยชนไ์ ด้
3. อธิบายทฤษฎคี วามพอใจเท่ากันได้
4. อธบิ ายเสน้ งบประมาณและการเปลย่ี นแปลงของเสน้ งบประมาณได้
5. อธบิ ายดลุ ยภาพของผบู้ ริโภคและการเปลยี่ นแปลงดลุ ยภาพได้
สมรรถนะประจำหน่วย
แสดงความรู้ในเรือ่ งพฤตกิ รรมของผ้บู รโิ ภค
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายและลกั ษณะทว่ั ไปของผู้บรโิ ภค
2. ทฤษฎีอรรถประโยชน์
3. ทฤษฎีความพอใจเทา่ กนั
4. เส้นงบประมาณหรอื เสน้ ราคา
5. ดุลยภาพของผู้บริโภค
2
1. ความหมายของผู้บรโิ ภค
ผู้บริโภค (Consumer) เป็นหน่วยเศรษฐกจิ (Economic Unit) หนว่ ยหนึ่ง ซ่ึงเปน็ ที่มาของ
อุปสงค์ในสินค้าและบริการชนิดต่าง ๆ และมีผลต่อเนื่องทำให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการประเภทต่าง ๆ
ผลผลิตยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ความสำคัญของผู้บริโภค
ดังกล่าวทำให้นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสนใจต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer Behavior) และ
ทำการศึกษาอยา่ งจริงจัง จนเกดิ เป็นทฤษฎพี ฤติกรรมผ้บู รโิ ภคขน้ึ มาจนถึงปัจจุบันนี้
ทฤษฎีท่ีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค จะอธิบายว่าผู้บริโภคตัดสินใจอย่างไรที่จะเลือกซ้ือ
สินค้า ทำไมจึงซ้ือ ซ้ืออะไร และจำนวนเท่าใด ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทฤษฎี
อรรถประโยชน์ และทฤษฎีความพอใจเท่ากนั และเสน้ งบประมาณ
ลกั ษณะทวั่ ไปของผูบ้ ริโภค
การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ข้อสมมติฐาน
ในทางเศรษฐศาสตรเ์ กีย่ วกบั ลักษณะทว่ั ไปของผูบ้ ริโภค มดี งั น้ี
1. การเลือกซื้อสินค้าและบริการ ผู้บริโภคจะเลือกซ้ือสินค้าและบริการที่ทำให้ได้รับความ
พอใจมากท่ีสุด บุคคลท่ีได้ชือ่ วา่ เป็น “มนุษยเ์ ศรษฐกิจ” จะมกี ารตดั สินใจในการเลอื กซื้อสนิ ค้าและบริการทท่ี ำ
ใหไ้ ด้รับความสนใจมากทส่ี ุด และไดร้ บั ประโยชน์สงู สดุ จากการบริโภคสนิ ค้าและบริการนั้น ภายใต้งบประมาณ
ท่ีมีอยู่
2. งบประมาณของผู้บริโภค ในกรณีท่ีผู้บริโภคมีรายได้จำนวนจำกัด จำเป็นต้องคำนึงถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณของสินค้าและบริการ จะพบว่าในผู้บริโภคที่มีรายได้ตํ่าจะชอบเลอื กซื้อ
สินค้าที่มีราคาถูก และได้ของในปริมาณมาก จึงต้องใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกซ้ือนาน ในทางตรงกันข้าม
ผู้บริโภคทมี่ ีงบประมาณอย่างไม่จำกดั มกั จะตัดสินใจเลอื กซอ้ื สินค้าและบริการได้ในเวลาอนั รวดเรว็ โดยไมต่ อ้ ง
คำนงึ ถึงราคาและปริมาณของสนิ คา้ และบริการนนั้ และมกั จะมุ่งสคู่ วามพอใจเป็นหลักสำคัญ
3. อรรถประโยชน์ส่วนเพม่ิ ผบู้ รโิ ภคจะคำนึงถึงความพอใจส่วนที่เพ่ิมเข้ามาจากการบริโภค
สินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง ซ่ึง “ส่วนเพ่ิม” ของการบริโภคสินค้าที่บริโภคเพ่ิมขึ้นทีละหน่วยจะมีค่า
ลดลง เมอ่ื ผูบ้ ริโภคบรโิ ภคสินคา้ ชนิดนัน้ เพ่ิมข้ึนเรอื่ ย ๆ อรรถประโยชนส์ ว่ นเพ่มิ ทผี่ ู้บรโิ ภคได้รบั จากการบรโิ ภค
สินค้าหน่วยแรก ๆ จะมากกว่าท่ีได้รับจากสินค้าหน่วยหลัง ๆ ซึ่งเป็นไปตามกฎการลดน้อยถอยลงของ
อรรถประโยชน์หน่วยสดุ ท้าย
4. สินค้าต่างชนิดกัน ผู้บริโภคย่อมมีความพอใจท่ีจะได้บริโภคสินค้าหลายชนิดแตกต่างกัน
ไปตามจำนวนที่สามารถจะบริโภคได้ เป็นการแบ่งรายได้ใช้จ่ายในสินค้าหลาย ๆ รายการ เพ่ือการดำรงชีวิต
และปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั ภาวะเศรษฐกิจ โดยได้รับความพอใจจากการบริโภค
ข้อสมมติเหล่าน้ี เป็นลักษณะทั่วไปของผู้บริโภค ซึ่งจะศึกษารายละเอียดในเร่ืองของทฤษฎี
อรรถประโยชน์ (Utility Theory) และเส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Curve)
3
การเข้าใจถึงอุปสงค์และอุปทาน จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์การทำงานของกลไกตลาดได้
อย่างถกู ตอ้ งมากข้ึน ส่วนสำคัญของการศึกษาอุปสงคก์ ็คือ การศกึ ษาทฤษฎพี ฤติกรรมผู้บรโิ ภค และส่วนสำคัญ
ของการศึกษาอุปทานก็คือ การศึกษาทฤษฎีการผลิตและการกำหนดราคาของผู้ผลิต ในที่น้ีทฤษฎีพฤติกรรม
ผ้บู ริโภคมอี ย่สู องทฤษฎีหลกั ๆ คือ ทฤษฎีอรรถประโยชน์ และทฤษฎคี วามพอใจเท่ากนั ทฤษฎอี รรถประโยชน์
เป็นการวิเคราะห์ภายใต้ข้อสมมติที่ว่า ความพอใจของผู้บริโภคสามารถวัดเป็นหน่วย ๆ ได้ ส่วนทฤษฎีความ
พอใจเท่ากันไม่จำเปน็ ตอ้ งวดั ออกมาเปน็ หนว่ ย ๆ แตใ่ ห้จัดอันดบั ความพอใจเท่านัน้
เป็นทฤษฎีหนึ่งที่ได้พยายามอธิบายพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้บริโภค ซ่ึงทฤษฎีน้ีได้เร่ิมนำมาใช้ใน
ตอนปลายศตวรรษท่ี 19 จากผลงานของนักเศรษฐศาสตรห์ ลายท่าน เช่น Le'on Walras นักเศรษฐศาสตรช์ าว
ฝร่ังเศส และ Alfred Marshall นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นต้น ก่อนที่จะศึกษาหรืออธิบายพฤติกรรม
ของผู้บริโภคด้วยทฤษฎีอรรถประโยชน์ ควรทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า “อรรถประโยชน์”
เสียกอ่ น
2. ความหมายและลกั ษณะของอรรถประโยชน์
อรรถประโยชน์ (Utility) หมายถึง ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าและ
บรกิ ารชนิดใดชนิดหนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง สินคา้ ใดทส่ี รา้ งความพอใจให้แก่ผบู้ ริโภคได้มาก แสดงวา่ สินค้าน้ัน
มีอรรถประโยชน์มาก แต่ถ้าสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภคได้น้อย แสดงว่าสินค้าน้ันมีอรรถประโยชน์น้อย
อรรถประโยชน์จะข้ึนอยู่กบั ความชอบ ความพอใจ หรือการตระหนักถงึ คุณค่าของส่ิงนนั้ ของผู้บริโภคแตล่ ะคน
ดังน้นั สินค้าชนิดเดียวกันอาจสรา้ งความพอใจให้กบั ผู้บริโภคแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น ผบู้ ริโภคที่ชอบด่มื กาแฟ
ย่อมได้รับอรรถประโยชนจ์ ากกาแฟมากกว่าผ้บู รโิ ภคที่ไม่ชอบด่ืมกาแฟ แม้วา่ จะเปน็ ผู้บรโิ ภคคนเดยี วกัน แต่ถ้า
บริโภคในช่วงเวลาที่ต่างกัน อาจทำให้อรรถประโยชน์ท่ีได้รับจากการดื่มกาแฟตา่ งกันไปด้วย ในการตัดสินใจ
เลือกซ้อื สินค้ามาบริโภคเพ่ือใหไ้ ด้รบั ความพอใจสงู สุดตามทฤษฎีอรรถประโยชน์มีข้อสมมติดงั น้ี
1. ผู้บริโภคเป็นผู้ท่ีมีเหตุผลในการเลือกบริโภคสินค้า (Rationality) โดยจะเลือกซื้อสินค้าท่ี
ทำให้ได้รับอรรถประโยชน์สูงสุด และผู้บริโภคทุกคนมีรายได้จำกัด ดังน้ัน ในการเลือกซ้ือสินค้า ผู้บริโภคจะ
เปรียบเทียบอรรถประโยชนข์ องสินค้าแต่ละชนิดก่อน และสินค้าท่ีให้อรรถประโยชน์มากทส่ี ุดจะถูกเลือกก่อน
ตามลำดับ
2. ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รบั จากการบริโภคสินค้าและบริการ (Cardinal Utility) สามารถ
วัดออกมาเป็นหน่วยหรือตัวเลขได้ เช่นเดียวกับการวัดน้ําหนักของสินค้าและบริการอื่น ๆ หน่วยนับของ
อรรถประโยชน์หรือความพอใจ คือ ยูทิล (Utils) เช่น นํ้าดื่ม 1 ขวด ให้ความพอใจหรือให้อรรถประโยชน์แก่
ผู้บรโิ ภค10 ยูทิล เป็นต้น และสนิ ค้าสามารถแบ่งออกเป็นหนว่ ยย่อย ๆ ได้ แต่ละหนว่ ยมีลกั ษณะและคุณภาพ
เหมอื นกนั ทำให้การซอื้ ขายสินคา้ ทำได้สะดวกและสินค้าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
3. อรรถประโยชน์ส่วนเพ่ิม (Marginal Utility) การลดน้อยถอยลง (Diminishing) กล่าวคือ
ถา้ ผูบ้ ริโภคบริโภคสินค้าและบริการเพิ่มขน้ึ หนึ่งหน่วย อรรถประโยชนส์ ่วนเพ่ิมที่ไดร้ ับจากสินค้าหน่วยหลัง ๆ
4
จะลดลงเรอ่ื ย ๆ ซึ่งเปน็ ไปตามกฎการลดนอ้ ยถอยลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ย (Law of Diminishing
Marginal Utility)
4. อรรถประโยชน์ส่วนเพ่ิมของเงินมีค่าคงท่ี (Constant margind Utility of Money)
กลา่ วคือ อรรถประโยชนส์ ว่ นเพิ่มของเงนิ นัน่ คงที่ ไมว่ ่าจำนวนเงินจะลดลงหรอื เพิม่ มากขึ้นเพียงไร
5. ความพอใจที่ผู้บรโิ ภคไดร้ ับจากการบริโภคสินค้าแต่ละชนิดเปน็ อสิ ระต่อกนั ซึง่ หมายความ
ว่าความพอใจในการบริโภคสินคา้ x ขึน้ อย่กู ับการบริโภคสินคา้ x เพียงอย่างเดียว และได้ขน้ึ กับประมาณการ
บรโิ ภคของสินคา้ y
ประเภทของอรรถประโยชน์
อรรถประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื
1. อรรถประโยชน์รวม (Total Utility: TU) หมายถึง จำนวนความพอใจท้ังหมดท่ี
ผ้บู ริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าในปริมาณหนึ่ง ๆ ซึ่งหาได้จากการนำอรรถประโยชน์ท่ีได้รับจากสินค้าทุก
หนว่ ยทีบ่ ริโภคมารวมกัน ดังน้นั ค่าของอรรถประโยชนร์ วมจงึ ข้ึนอยู่กับจำนวนสนิ คา้ ทบ่ี ริโภค
2. อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย หรอื อรรถประโยชนส์ ่วนเพิ่ม (Marginal Utility: MU)
หมายถึงอรรถประโยชนส์ ่วนที่เพิ่มขน้ึ (หรือลดลง) เม่ือผบู้ ริโภคได้บริโภคสนิ ค้าชนิดเดียวกันนั้นเพิ่มขึ้น (หรือ
ลดลง) อีกหนึ่งหน่วย หรือสามารถแสดงได้ว่า อรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ย คือ ความพอใจที่เปลี่ยนแปลงไป
เมอ่ื จำนวนสินค้าท่บี ริโภคเปลี่ยนแปลงไป 1 หนว่ ย
แสดงอรรถประโยชนร์ วมและอรรถประโยชนส์ ่วนเพม่ิ
5
จากรูป ทฤษฎีอรรถประโยชน์กล่าวไว้ว่า ในระยะแรกเม่ือผู้บริโภคบริโภคสินค้าและบริการ
อรรถประโยชน์รวม (TU) และอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (MU) จะเปล่ียนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม
กล่าวคือ ในขณะที่อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (MU) ของสินค้าหรือบริการที่ได้รับเพิ่มข้ึนทีละ 1 หน่วย
กำลังลดน้อยถอยลงตามลำดับน้ัน อรรถประโยชน์รวม (TU) กลับเพ่ิมมากข้ึนเรื่อย ๆ ตามปริมาณสินค้าและ
บริการท่ีได้รับเพิ่มข้ึน เมื่อได้รับสนิ ค้าหรอื บริการเพ่ิมข้ึนถึงปริมาณหน่ึงที่อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (MU)
ลดลงเหลือศูนย์แล้ว เมื่อนั้นอรรถประโยชน์รวม (TU) จะมีจำนวนมากที่สุด และต่อจากนั้นถ้าผู้บริโภคยังคง
บริโภคสินค้าและบริการหน่วยต่อ ๆ ไปอีก ทั้งอรรถประโยชน์รวม (TU) และอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย
(MU) จะเริ่มเปลย่ี นแปลงไปในทางเดยี วกัน คือ ลดลงเหมือน ๆ กนั
เม่ือพิจารณาจากตาราง ลักษณะความสัมพันธ์ของ TU และ MU ดังกล่าวจะเป็นไปตามกฎ
การลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (Law of Diminishing Marginal Utility) มีสาระสำคัญ
ว่า ณ ช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง เมื่อผู้บริโภคบริโภคสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหน่ึงในจำนวนที่เพิ่มข้ึนเร่ือย ๆ
อย่างต่อเนือ่ ง อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายทจ่ี ะได้รับจากการบริโภคสินค้าและบริการเพมิ่ ขึ้นแต่ละหน่วยนั้น
จะลดลงเร่ือย ๆ ตามลำดับ จนมีคา่ เป็นศูนย์ และตดิ ลบ โดยกฎนมี้ ีการกำหนดข้อสมมติหรือเงื่อนไขบางอย่าง
คอื การบริโภคสนิ ค้านั้นต้องบรโิ ภคต่อเนื่องในชว่ งเวลาหน่ึง โดยในขณะท่ีพิจารณารสนิยมของผ้บู รโิ ภคต้องไม่
เปล่ียนแปลงและต้องกำหนดหนว่ ยของสินคา้ ท่ีบริโภคใหช้ ดั เจนดว้ ย ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี
ตาราง อรรถประโยชน์รวมและอรรถประโยชนห์ นว่ ยสุดทา้ ยของการดืม่
นำ้ (แกว้ ) น้ำ อรรถประโยชนห์ นว่ ยสดุ ทา้ ย
อรรถประโยชนร์ วม (TU)
(MU)
88
15 7
20 5
22 2
22 0
20 -2
จากตาราง หากผู้บริโภคยังไม่มีความต้องการดื่มน้ํา อรรถประโยชน์รวม (TU) และ
อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (MU) จะมีค่าเท่ากับ 0 ยูทิล เม่ือเร่ิมดื่มน้ําแก้วแรก ผู้บริโภคจะได้รับ
อรรถประโยชน์รวมเท่ากับ 8 ยูทิล ซึ่งเท่ากับอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายพอดี เน่ืองจากเป็นการด่ืมน้ํา
แก้วแรก หลังจากนน้ั ถ้าดื่มน้ําแก้วที่ 2 และเพิ่มขนึ้ ไปเรื่อย ๆ จนถงึ แก้วที่ 6 ผบู้ ริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์
รวมดังน้ี 15, 20, 22, 22 และ 20 ยูทิล ในขณะท่ีอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายจะเป็นดังน้ี 7, 5, 2, 0
6
และ -2 ยูทิลตามลำดับท้ังน้ีเนื่องจากอรรถประโยชน์รวมจะมีค่าเท่ากับผลรวมของอรรถประโยชน์หน่วย
สุดท้ายท่ีได้รับจากการด่ืมน้ำในแต่ละแก้ว จากตัวอย่างจะเห็นได้วา่ อรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยที่ได้รับจาก
การดื่มนํ้าจะมีลักษณะลดลงเร่ือยๆ ซ่ึงเป็นไปตามกฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย
ผบู้ รโิ ภคยังคงดม่ื นาํ้ ตราบเท่าท่ีอรรถประโยชน์รวมมีคา่ เพ่มิ ขึ้นเรื่อย ๆ และมีคา่ สูงสดุ เมื่ออรรถประโยชนห์ นว่ ย
สดุ ทา้ ยมคี ่าเทา่ กบั ศูนย์ น่ันคือนํ้าแก้วที่ 5 อรรถประโยชนร์ วมเท่ากับ 22 ยูทลิ ในขณะทอี่ รรถประโยชน์หน่วย
สุดทา้ ยเท่ากับ 0 ยูทลิ แต่ผู้บริโภคจะหยดุ ดม่ื นํ้าแกว้ ท่ี 6 เน่ืองจากนํ้าแก้วที่ 6 ทำให้อรรถประโยชนร์ วมลดลง
เหลอื 20 ยทู ิล และอรรถประโยชนห์ นว่ ยสุดทา้ ยติดลบ คอื -2 ยูทลิ
สรุป ความสัมพันธ์ระหว่างอรรถประโยชน์รวมและอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายที่ผู้บริโภค
ไดร้ บั จากการบริโภคสนิ ค้าเพม่ิ ข้นึ ดงั น้ี
1. เมื่ออรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายมีค่าเป็นบวก (MU > 0) อรรถประโยชน์รวม (TU) มีค่า
เพิ่มขน้ึ
2. เมื่ออรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายมีค่าเป็นศูนย์ (MU = 0) อรรถประโยชน์รวม (TU)
มีค่าสูงสดุ
3. เมื่ออรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายมีค่าเป็นลบ (MU<0) อรรถประโยชน์รวม (TU) มีค่า
ลดลง
ดลุ ยภาพของผบู้ รโิ ภคตามทฤษฎอี รรถประโยชน์
เม่ือผลของการบริโภคสินคา้ แต่ละชนิดเป็นไปตามกฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์
หน่วยสุดท้ายแล้ว ผูบ้ รโิ ภคยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของงบประมาณท่ีมีอยู่จำกัดจำนวนหนึ่ง ซงึ่ ทำใหผ้ ู้บริโภค
ต้องตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าแต่ละชนิดในจำนวนที่ทำให้ได้รับอรรถประโยชน์หรือความพอใจสูงสุดเรียก
สภาวการณ์นีว้ ่า “ดุลยภาพของผู้บริโภค (Consumer's Equilibrium)” ทั้งนีจ้ ะแบง่ ออกเป็น 2 กรณี คอื กรณี
ที่ผ้บู รโิ ภคมรี ายไดไ้ ม่จำกัดและกรณที ่ีผู้บริโภคมีรายไดจ้ ำกดั
1. กรณีที่ผู้บรโิ ภคมีรายได้ไม่จำกัด การที่ผู้บรโิ ภคมีรายไดไ้ ม่จำกัดย่อมทำให้ผู้บริโภคเลือก
ซอื้ สนิ ค้าต่างๆ ได้ตามท่ีต้องการ แตจ่ ากข้อสมมติผู้บริโภคมีเหตุผลในการเลอื กซื้อสินคา้ คือ ได้รบั ความพอใจ
สงู สดุ จากการบริโภค ผบู้ ริโภคจะเลือกบรโิ ภคโดยเรียงตามลำดบั ของอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายที่ไดร้ ับจาก
สินคา้ และจะบรโิ ภคตอ่ ไปจนอรรถประโยชน์รวมจากสนิ ค้าสงู สดุ และอรรถประโยชน์หน่วยสดุ ท้ายมีคา่ เท่ากับ
ศูนย์ ผู้บริโภคจึงจะหยุดการบริโภคและเกิดดุลยภาพของผู้บริโภค ซ่ึงสามารถเขียนเง่ือนไขดุลยภาพของ
ผ้บู ริโภคไดด้ งั นี้
MUA = MUB = .... = MUN = 0
โดยท่ี MUA คอื อรรถประโยชน์หนว่ ยสุดทา้ ยของสินคา้ A
MUB คือ อรรถประโยชน์หน่วยสดุ ท้ายของสนิ ค้า B
MUN คือ อรรถประโยชนห์ น่วยสดุ ท้ายของสนิ คา้ แตล่ ะชนิด
7
ตาราง อรรถประโยชนร์ วมและอรรถประโยชน์หนว่ ยสุดทา้ ยของการดมื่
นำ้
จากตาราง ถ้าผู้บรโิ ภคมีรายได้ไมจ่ ำกดั ผบู้ ริโภคจะเลอื กบริโภคสนิ ค้าแตล่ ะชนิดไปจนกระทั่ง
อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสินค้า A (MUA) สินค้า B (MUB) และสินค้า C (MUC) มีค่าเท่ากับศูนย์โดย
พิจารณาจากชอ่ งที่ 2, 4 และ 6 ดังนัน้ ผูบ้ ริโภคจะบริโภคสินคา้ A จำนวน 7 หน่วย สินค้า B จำนวน 7 หนว่ ย
และสินค้า C จำนวน 6 หน่วย จึงจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสดุ และเกดิ ดุลยภาพของผ้บู รโิ ภค
2. กรณีที่ผู้บริโภคมีรายได้จำกัด ผู้บริโภคจะไม่สามารถบริโภคสินค้าได้ทุกชนิดตามท่ี
ตอ้ งการแต่มีสิทธ์ิเลือกบริโภคสินค้าไดไ้ ม่เกินรายได้หรอื งบประมาณท่ีมอี ยู่ และถา้ ราคาสินค้าเท่ากัน ผู้บริโภค
จะเลือกบริโภคสินค้าที่ให้อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายมากท่ีสุดก่อนแล้วจึงเลือกสินค้าอ่ืน ๆ รองลงมา
ตามลำดับ และจะบริโภคจนสินค้าหน่วยท่ีให้อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสินค้ามีค่าเท่ากันท้ังหมด
ผู้บรโิ ภคก็จะหยุดการบริโภค และเกิดดุลยภาพของผู้บรโิ ภค เขยี นเป็นเงอื่ นไขไดด้ ังนี้
MUA = MUB = .... = MUN
โดยท่ี MUN คือ อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสนิ คา้ แต่ละชนิดถ้าสินค้าแต่ละชนิดมีราคา
ไม่เทา่ กัน หมายความว่า อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายท่ีได้รับจากสินค้าแต่ละชนดิ นัน้ มาจากจำนวนเงินท่ีจ่าย
ไปมากน้อยแตกต่างกัน และสินค้าแต่ละชนิดมีคุณค่าต่อผู้บริโภคแตกต่างกันด้วย ดังน้ัน เพ่ือให้สามารถนำ
อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายมาเปรียบเทียบกันได้จึงต้องปรับอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย ให้จำนวนเงิน
เท่ากันก่อน ท้ังน้ีสามารถทำได้โดยนำเอาราคาสินค้าไปหารอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสินค้าทุกชนิด
(MUN/PN) จะได้อรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยที่มาจากจำนวนเงินที่จ่ายไป 2 บาทเท่ากัน จงึ นำมาเปรียบเทียบ
กันได้
8
กฎของอรรถประโยชน์สูงสุดมีสาระสำคัญว่า เมื่อผู้บรโิ ภคบริโภคสินค้าชนิดต่าง ๆ จนทำให้
ได้รับอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายต่อเงิน 2 บาทของสินค้าทุกชนิดมีค่าเท่ากัน (โดยใช้รายได้ทั้งหมดที่มีอยู่)
ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์สูงสุด และเกิดดุลยภาพของผู้บริโภค จึงสามารถเขียนเป็นเงื่อนไขดุลยภาพ
ของผบู้ ริโภคไดด้ งั น้ี
MUA MUB MUN
= = …….. =
PA PB PN
โดยที่ MUA คอื อรรถประโยชนห์ น่วยสดุ ทา้ ยของสนิ ค้า A และ PA คอื ราคาสนิ ค้า A
MUB คือ อรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยของสนิ คา้ B และ PB คอื ราคาสนิ ค้า B
MUN คือ อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสินค้าแต่ละชนิด และ PN คอื ราคา
สินคา้ N
ราคาสินค้าแต่ละชนิดไม่เท่ากัน ราคาต่อหน่วยของสินค้า A เท่ากับ 2 บาท สินค้า B เท่ากับ
4 บาทและสินค้า C เท่ากับ 6 บาท และผู้บริโภคมีรายได้ท้ังหมด 40 บาท เม่อื ราคาสินค้าท้ัง 3 ชนิดไม่เท่ากัน
ก่อนที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าจะต้องนำราคาสินค้าไปหารอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของ
สินค้าแต่ละชนดิ เพ่ือปรับให้เป็นอรรถประโยชน์หนว่ ยสุดทา้ ยต่อเงนิ 2 บาท จากนั้นเปรียบเทียบแลพิจารณา
วา่ สินค้าใดทีใ่ ห้อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายตอ่ เงิน 2 บาทมากท่ีสุด และรองลงมาตามลำดับพจิ ารณาจากช่อง
ท่ี 3, 5 และ 7
สรุปได้ว่า ผู้บริโภคจะซ้ือสินค้า A จำนวน 1 หน่วยเป็นเงิน 2 บาท ซื้อสินค้า B จำนวน 5
หน่วยเป็นเงิน 20 บาท และซื้อสินค้า C จำนวน 3 หน่วยเป็นเงิน 18 บาท รวมเป็นเงินท้ังสิ้น 40 บาท โดย
หน่วยสดุ ทา้ ยของการซ้ือสินค้าทุกชนิดให้อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายตอ่ เงิน 2 บาท แก่ผูบ้ รโิ ภคเท่ากันคือ 6
(6 ยูทิลต่อเงิน 2 บาท) เขยี นเปน็ เง่อื นไขดลุ ยภาพของผู้บริโภคไดด้ ังนี้
MUA MUB MUN
= = =6
PA PB PN
อรรถประโยชน์รวมที่ผู้บริโภคได้รับทั้งหมดมาจากการนำอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของ
สินค้าทุกหน่วยที่ซ้ือมารวมกัน (ช่อง 2, 4 และ 6) ได้แก่ อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของสินค้า A จำนวน1
9
หน่วย ท่ีซอื้ เทา่ กับ 12 ยทู ิล อรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยของสนิ คา้ B จำนวน 5 หน่วย ทีซ่ อ้ื เท่ากบั 240 ยูทิล
(72+60+48+36+24) และอรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยของสนิ คา้ C จำนวน 3 หน่วย ท่ีซื้อเท่ากับ 144 ยูทิล
(60+48+36) ดังนั้น ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์รวมเท่ากับ 396 ยูทิล (TU = 12+240+144) ซ่ึงเป็น
อรรถประโยชนร์ วมทีไ่ ด้รับจากการใช้รายได้ทง้ั หมด 40 บาท
3. ทฤษฎคี วามพอใจเท่ากนั
ทฤษฎีความพอใจเท่ากัน (Indifference Preference Theory) หรือการวิเคราะห์ด้วยเส้นความ
พอใจเท่ากัน (Indifference Curve Analysis) การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคตามทฤษฎีน้ีทำได้โดยไม่ต้อง
สมมติว่าอรรถประโยชน์สามารถวัดออกมาเป็นหน่วย ๆ ได้ แต่ผู้บริโภคสามารถบอกได้ว่าความพอใจหรือ
อรรถประโยชน์ที่เขาได้รับจากสินค้าแต่ละชนิดนั้นมากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากนั เมื่อเทียบกับความพอใจหรือ
อรรถประโยชน์อีกชนิดหน่ึง การวิเคราะห์น้ีผู้บริโภคจะบรรลุอรรถประโยชน์สูงสุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่
จำกัดได้อย่างไร เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการวเิ คราะหค์ ือ เส้นความพอใจเท่ากนั (Indifference Curve: IC) ซึ่งบอกถึง
ระดับความพอใจหรืออรรถประโยชน์ที่สะท้อนในรูปของปริมาณสินค้าท่ีได้บริโภค และเส้นงบประมาณ
(Budget Line) จะบอกถึงขีดความสามารถหรือขอ้ จำกดั ของรายได้หรืองบประมาณท่ีผู้บริโภคมีอยู่ในชว่ งเวลา
น้ัน
ขอ้ สมมตทื ่ีสำคัญของทฤษฎีความพอใจเท่ากัน ดังนี้
1. ผู้บริโภคเป็นผู้ที่มีเหตุผล มีความสามารถในการเปรียบเทียบ และจัดอันดับความพอใจ
ระหว่างการบริโภคสนิ ค้าในจำนวนหน่งึ กับอีกจำนวนหน่งึ ได้ กลา่ วคือ ผบู้ ริโภคสามารถบอกผลจากการบรโิ ภค
โดยการเปรยี บเทยี บไดว้ ่า พอใจสินค้าใดมากกว่า นอ้ ยกวา่ หรือเท่ากัน โดยผบู้ ริโภคมรี ายได้จำกดั
2. ผู้บริโภคเป็นบุคคลท่ีมีความคงเส้นคงวา กล่าวคือ ถ้าผบู้ ริโภคมีความพึงพอใจในสินค้าและ
บริการชนิดหน่ึงแล้ว ระดับความพอใจจะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับสินค้าใดก็ตาม เช่น เมื่อ
ผู้บริโภคพอใจสินค้า X มากกว่าสินค้า Y และพอใจสินค้า Y มากกว่าสินค้า Z ดังน้ัน เมื่อผู้บริโภคมีความคง
เส้นคงวาแล้วผู้บรโิ ภคย่อมพอใจสินค้า X มากกว่าสินค้า Z ดว้ ย คุณสมบัติของผู้บริโภคในลักษณะน้ี เรียกว่า
ความสามารถในการถ่ายทอด
3. สินค้าท่ีบริโภคทุกชนิดเป็นสินค้าดี เป็นสิ่งท่ีผู้บริโภคต้องการหรือสร้างความพอใจในการ
บริโภคได้ กล่าวคือ สินคา้ ทุกชนิดที่บรโิ ภคเป็นสินค้าทีใ่ ห้ความพอใจแก่ผู้บรโิ ภคได้ หากมีการบริโภคในจำนวน
มากยอ่ มสร้างความพอใจในระดบั ท่สี ูงกวา่ การได้บริโภคในจำนวนนอ้ ย ๆ หรือบริโภคมากดีกว่านอ้ ย
4. การบริโภคอยู่ภายใต้กฎการลดนอ้ ยถอยลงของอตั ราการทดแทนกันของสนิ คา้ หน่วยสุดท้าย
(Law of Diminishing Marginal Rate of Substitution: MRS) น่ันคือจำนวนสินค้าชนิดหนึ่งท่ีผู้บริโภคยอม
ท่ีจะบริโภคลดลง เพื่อแลกกับการได้บริโภคสินค้าอีกชนิดหนึ่งเพิ่มข้ึนหนึ่งหน่วย โดยผู้บริโภคยังได้รับความ
พอใจเท่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะยอมแลกขา้ ว 5 ช้อนโตะ๊ เพอ่ื แลกกบั นาํ้ 1 แก้ว หรือแลกกบั การทจ่ี ะ
10
ไม่มีน้ําด่ืมเลย อย่างไรก็ดี ในระดับความพึงพอใจเท่าเดิม เราจะยอมแลกข้าวน้อยกว่า 8 ช้อนโต๊ะสำหรับนํ้า
แกว้ ที่ 2
ความหมายของเสน้ ความพอใจเทา่ กัน
เส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Curve: IC) คือ เส้นท่ีแสดงถึงส่วนผสมของการ
บริโภคสินค้าสองชนิดในจำนวนต่าง ๆ ท่ีทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่ากัน ไม่ว่าผู้บริโภคจะเลือกบริโภค
สนิ คา้ ท้ังสองชนิด ณ ส่วนผสมใดบนเส้นความพอใจเท่ากันเสน้ เดียวกันกจ็ ะไดร้ บั ความพอใจที่เทา่ กันตลอดท้ัง
เส้น
ตาราง ส่วนผสมของการบรโิ ภคสินค้า X และ Y ทใ่ี ห้ความพอใจเท่ากัน
สว่ นผสม จำนวนสินคา้ X (หน่วย) จำนวนสนิ ค้า Y (หนว่ ย)
A 0 25
B 1 18
C 2 12
D 3 7
E 4 3
F 5 0
จากตาราง กำหนดให้มีสนิ ค้าใหเ้ ลอื กบริโภคเพียง 2 ชนิด คือ สินค้า X และสินค้า Y สำหรับ
ส่วนผสม A - F แสดงถึงส่วนผสมของสินค้า X และสินค้า Y ในจำนวนต่าง ๆ ที่ให้ความพอใจเท่ากันแก่
ผู้บริโภคในการเลือกบริโภคสินค้า X และสินค้า Y เพ่ือให้ได้ความพอใจเท่ากันตลอด สามารถทำได้ถ้ามีการ
บริโภคสินค้าชนิดหนึ่งเพิ่มข้ึนจะต้องลดการบริโภคสนิ ค้าอีกชนิดหนึ่งลง หรือถ้าลดการบริโภคสินคา้ ชนิดหน่ึง
ลงจะต้องเพ่ิมการบริโภคสนิ ค้าอีกชนิดหนึ่งให้มากข้ึน เช่น ที่ส่วนผสม A ผู้บริโภคไม่บริโภคสินค้า X เลย แต่
บริโภคสินค้า Y จำนวน 25 หน่วย สว่ นผสม B ผ้บู ริโภคบริโภคสินค้า X จำนวน 1 หน่วยผู้บริโภคต้องลดการ
บริโภคสินค้า Y ลงอีกเหลอื 18 หน่วย ส่วนผสม C บรโิ ภคสนิ ค้า X เพิ่มขนึ้ อกี 1 หน่วย
ทำให้ต้องลดการบริโภคสินค้า Y ลงอีกเหลือ 12 หน่วย กล่าวคือ เพื่อรักษาระดับความพอใจให้เท่าเดิม
ผูบ้ ริโภคต้องบริโภคสนิ คา้ X เพ่ิมขึน้ ทีละ 1 หน่วย และยอมลดการบริโภคสินค้า Y ลง
11
แสดงเสน้ ความพอใจเท่ากัน
จากรูป กำหนดให้แกนตั้งเป็นสินค้า Y และแกนนอนเป็นสินค้า X เส้นท่ีเชื่อมโยงส่วนผสม
ของสินค้าท่ีทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่ากัน คือ เส้นความพอใจเท่ากัน (IC) ในกรณีท่ีสนิ ค้าทัง้ สองชนิด
สามารถแบง่ เปน็ หนว่ ยย่อย ๆ ได้ ทกุ ๆ จดุ บนเส้นความพอใจเท่ากันเป็นสว่ นผสมต่าง ๆ ของสินค้าสองชนิดท่ี
ทำใหผ้ ้บู รโิ ภคไดร้ บั ความพอใจเทา่ กัน
คณุ สมบตั ิของเสน้ ความพอใจเท่ากนั
เสน้ ความพอใจเทา่ กันมคี ุณสมบตั ทิ ส่ี ำคัญ ดังน้ี
1. เส้นความพอใจเท่ากันเป็นเส้นทท่ี อดลงจากซ้ายไปขวา หรือมีความชนั เป็นลบ และมี
ลักษณะโค้งเว้าเข้าหาจุดกำเนิด แสดงว่าสินค้าท้ังสองชนิดสามารถใช้ทดแทนกันได้ เม่ือมีการบริโภคสินค้า
ชนิดหน่ึงเพ่ิมขึ้น ผู้บริโภคจะต้องลดการบริโภคสินค้าอีกชนิดหน่ึงลง ในทางตรงข้าม เมื่อมีการบริโภคสินค้า
ชนิดหนึง่ ลดลง ผบู้ ริโภคจะเพ่ิมการบริโภคสินค้าอีกชนิดหน่ึงให้มากขึน้ โดยที่ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่าเดิม
หรอื อยูบ่ นเสน้ ความพอใจเทา่ กันเส้นเดมิ
แสดงเส้นความพอใจเท่ากัน
12
2. เส้นความพอใจเท่ากันมีได้หลายเส้น กล่าวคือ เส้นความพอใจเส้นที่อยู่สูงกว่าหรืออยู่
ด้านขวาจะมีความพอใจท่ีมากกว่า ผู้บริโภคคนหนึ่ง ๆ สามารถสร้างเส้นความพอใจเท่ากันจากการบริโภค
สินค้าสองชนิดได้หลายเส้น แต่ละเส้นแสดงถึงความพอใจท่ีแตกต่างกัน เรียกว่า “แผนภาพเส้นความพอใจ
เทา่ กัน (Indifference Map)”
แสดงแผนภาพเสน้ ความพอใจเท่ากัน
จากรูป ผู้บริโภคคนหน่ึงมีเส้นความพอใจเท่ากัน 3 เส้น โดยเส้น IC2 เป็นเส้นความพอใจ
เท่ากันเส้นท่ีอยู่สูงสดุ ซง่ึ แสดงถงึ ระดับความพอใจมากที่สุด และมากกวา่ ระดับความพอใจของเส้นที่อยตู่ าํ่ กว่า
ทั้งสองเส้นคือ IC1 และ IC ส่วนผสม IC ให้ระดบั ความพอใจเทา่ กันตํ่าสุด
3. เส้นความพอใจเท่ากันมีลักษณะต่อเนื่องหรือไม่ขาดช่วง แสดงว่าสินค้าทั้งสองชนิดมี
ความสามารถในการทดแทนกนั ได้โดยหน่วยของสินคา้ จะเล็กมาก กล่าวคือ มีส่วนผสมของสินค้าทั้งสองชนิด
เป็นจำนวนมาก ซ่ึงสามารถสรา้ งความพอใจท่เี ท่ากนั ได้โดยไมข่ าดชว่ ง
4. เส้นความพอใจเท่ากันจะตัดกนั ไม่ได้ หากเส้นความพอใจเท่ากันตัดกันจะขัดแย้งกับข้อ
สมมตทิ ่ีว่าเม่ือบรโิ ภคสินคา้ มากยอ่ มทำใหผ้ ูบ้ ริโภคได้รับความพอใจมากกว่าการบรโิ ภคน้อย
แสดงเส้นความพอใจเท่ากนั ตัดกนั ไมไ่ ด้
13
จากรูป สมมติว่าเส้นความพอใจเท่ากนั ตดั กันท่ีจุด a และถ้ายอมรับคุณสมบัตทิ ่ีว่า เส้นความ
พอใจเท่ากันเสน้ ท่ีอยูส่ ูงกว่าจะให้ความพอใจมากกวา่ เส้นที่อยู่ตา่ํ ลงมาทางซ้ายมือ จะเห็นได้ว่า ส่วนประกอบ
ของสนิ ค้า X และสนิ คา้ Y ที่จุด b จะให้ความพอใจแกผ่ บู้ รโิ ภคมากกว่าทีจ่ ุด a แตส่ ว่ นประกอบของสนิ ค้าท่จี ุด
a ให้ความพอใจแก่ผู้บริโภคเท่ากับที่จุด c และส่วนประกอบของสินค้าท่ีจุด a ก็ให้ความพอใจเท่ากับท่ีจุด b
เช่นกัน ทั้งน้ีเพราะจุด a อยู่บนเส้นความพอใจเท่ากันทั้งเส้น IC และเส้น IC1 ถ้าพิจารณาตามข้อสมมติแล้ว
ความพอใจที่ได้รับจากการบริโภคสินค้าท่ีจุด b ก็จะต้องให้ความพอใจเท่ากับการบริโภคสินค้าที่จุด c ซึ่งไม่
ถกู ตอ้ งเพราะทีจ่ ุด b มีการบรโิ ภคสนิ ค้า y ในปรมิ าณทีม่ ากกว่าจดุ c และอยบู่ นเสน้
ความพอใจเท่ากันที่สูงกว่า การบริโภคสินค้าท่ีจุด a ให้ความพอใจ 2 ระดับ ดังน้ัน ถ้าเส้นความพอใจเท่ากัน
ตดั กันจะแสดงใหเ้ ห็นเงอ่ื นไขของการเลือกที่ขัดแยง้ กัน ฉะน้ันเส้นความพอใจเท่ากันจะตัดกันไมไ่ ด้
อัตราการทดแทนกันของสินค้าหนว่ ยสุดท้าย (Marginal Rate of Substitution: MRS)
อัตราการทดแทนกันของสนิ ค้าหนว่ ยสุดทา้ ย หมายถงึ จำนวนสินค้าชนิดหนึ่งทผี่ ู้บริโภคยอม
ทจ่ี ะบริโภคลดลง เพ่ือแลกกับการได้บริโภคสินคา้ อกี ชนิดหนึ่งเพมิ่ ขึน้ หนึ่งหน่วย โดยผู้บริโภคยังคงไดร้ ับความ
พึงพอใจเทา่ เดมิ
ถ้ามีการลดการบริโภคสินค้า Y ลงเพื่อแลกกับการได้บริโภคสินค้า X เพ่ิมขึ้น 1 หน่วย จะ
เขียนเป็นสัญลักษณ์ MRSXY แต่ถ้ามีการลดการบริโภคสินค้า X ลงเพ่ือแลกกับการได้บริโภคสินค้า Y เพิ่ม 1
หน่วย
จะเขียนเป็นสัญลักษณ์ MRSYX อัตราการทดแทนกันของสินคา้ หน่วยสุดท้ายสามารถเขียนเป็นสูตรคำนวณได้
ดงั น้ี
โดยท่ี ΔX คอื สว่ นเปลี่ยนแปลงของสินคา้ X
ΔY คือ ส่วนเปลีย่ นแปลงของสนิ คา้ Y
เคร่ืองหมายลบ (-) ที่อยู่หน้า ΔX หรือ ΔY แสดงถึงการท่ีผู้บริโภคยอมที่จะลดการบริโภค
สินคา้ ชนิดหนึ่งลง ในอัตราท่ีน้อยลง เพื่อจะเพิ่มการบรโิ ภคสินค้าอีกชนิดหนึ่งให้มากข้ึน ซึง่ เป็นไปตามกฎการ
ลดน้อยถอยลงของอัตราการทดแทนกันของสนิ ค้าหนว่ ยสุดท้าย
เราสามารถทำความเข้าใจเรื่องกฎการลดน้อยถอยลงของอัตราการทดแทนกั น ของสินค้า
หน่วยสุดท้ายจากตารางและตวั อย่าง ดงั นี้
14
ตาราง อัตราการทดแทนกันของสินคา้ หน่วยสดุ ทา้ ย
แสดงอัตราการทดแทนกนั ของสนิ ค้าหน่วยสดุ ทา้ ย
จากตารางและรูป พบว่า จำนวนสินค้า Y ท่ีผู้บริโภคยอมสละ (ΔY) จะลดลงเรื่อย ๆ เพ่ือ
แลกกับการได้บริโภคสินค้า X เพิ่มข้ึนทีละ 1 หน่วย กล่าวอีกนัยหน่ึงคือ ค่า MRSXY มีค่าลดลงเร่ือย ๆ เช่น
ส่วนผสม A ไม่มีการบริโภคสินค้า X เลย ส่วนผสม B ผู้บริโภคยอมลดการบริโภคสินค้า Y ลง 25 หน่วย ณ
ส่วนผสม C ผู้บริโภคยอมลดการบริโภคสินค้า Y ลง 20 หน่วย ในทำนองเดียวกัน ณ ส่วนผสม D, E และ F
ผู้บริโภคยอมลดการบริโภคสินค้า Y ลง 15, 10 และ 5 หน่วยตามลำดับ ท้ังน้ีจะพบว่า ΔY มีจำนวนลดลง
เร่อื ย ๆ ซง่ึ ทำให้คา่ MRSXY ลดลง และเป็นไปตามกฎการลดน้อยถอยลงของอตั ราทดแทนกันของสินค้าหน่วย
สุดท้าย
15
4. เสน้ งบประมาณหรือเสน้ ราคา
เส้นงบประมาณหรือเส้นราคา (Budget Line or Price Line) หมายถึง เส้นท่ีแสดงถึงส่วนผสม
ของสินค้า 2 ชนิดในจำนวนต่าง ๆ ซ่ึงสามารถซื้อได้ด้วยเงินจำนวนหน่ึงที่เท่ากัน ไม่ว่าผู้บริโภคจะเลือกซ้ือ
สนิ ค้าท้ังสองชนดิ ณ ส่วนผสมใด ๆ บนเส้นงบประมาณเดียวกนั ผ้บู ริโภคจะจ่ายเงนิ ใหจ้ ำนวนท่ีเท่ากนั ตลอด
ทั้งเสน้ พิจารณา ณ ราคาตลาดในขณะนนั้ เสน้ งบประมาณจะมลี ักษณะเป็นเสน้ ตรง มคี วามชันเปน็ ลบเสมอ
ตาราง สว่ นผสมของสินค้า X และสินคา้ Y ด้วยงบประมาณเท่ากนั (500
ส่วนผสม บาท) จำนวนสินค้า Y (หนว่ ย)
จำนวนสนิ ค้า X (หนว่ ย)
A 0 25
B 10 20
C 20 15
D 30 10
E 40 5
F 50 0
จากตาราง กำหนดให้มีสินค้า 2 ชนิดให้เลือกซ้ือ ได้แก่ สินค้า X และสินค้า Y โดยสินค้า X ราคา
หน่วยละ 10 บาท และสินค้า Y ราคาหน่วยละ 20 บาท โดยที่ผู้บริโภคมีงบประมาณ 500 บาท ส่วนผสม
A - F แสดงถึงสว่ นผสมของปัจจยั X และปัจจยั Y ในจำนวนตา่ ง ๆ สามารถซ้อื ด้วยงบประมาณ 500 บาทหาก
นำความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้าและจำนวนสินค้าทั้งหมดที่ซ้ือด้วยงบประมาณท่ีมีอยู่ สามารถเขียนเป็น
สมการไดด้ ังน้ี
M = X(PX) + Y(PY)
โดยท่ี M = งบประมาณที่มีอยู่
Y = จำนวนสินค้า Y ท่ผี ู้บริโภคซื้อ
X = จำนวนสินค้า X ทีผ่ ู้บริโภคซ้อื
PX และ PY = ราคาสนิ ค้า X และราคาสนิ ค้า Y
16
แสดงเส้นงบประมาณ
จากรูป ขอ้ มูลจากตารางสามารถหาเสน้ งบประมาณได้จากการเช่ือมจดุ A - F ซ่ึงแตล่ ะจุดแสดงถึง
สว่ นผสมของสินค้า X และสินคา้ Y โดยใช้งบประมาณท่เี ท่ากันในการซอ้ื สินคา้ คอื 500 บาทเมอ่ื ลากเส้นเชื่อม
จุดท้ังหมดจะได้เส้นงบประมาณ เส้นน้ีมีลักษณะเป็นเส้นตรงลาดลงจากซา้ ยไปขวามีความชนั เป็นลบ กล่าวคือ
ถ้าผู้บริโภคซ้ือสินค้า X เพิ่มขึ้นก็จะซื้อสินค้า Y ลดลง เช่น ถ้าผู้บริโภคซ้ือสินค้า X จำนวน 10 หน่วย จะซ้ือ
สินค้า Y จำนวน 20 หน่วย ในจำนวนเงนิ ท่ีมีอย่คู ือ 500 บาท หากซื้อสินค้า X เพ่ิมข้ึนจาก 10 หน่วยเป็น 20
หน่วย ก็จำเป็นต้องลดการซอ้ื สินค้า Y ลงจาก 20 หนว่ ยเหลอื 15 หน่วยแต่ยงั คงใช้จำนวนเงินเท่าเดิมคือ 500
บาท ซ่งึ สามารถหาค่าความชนั ของเส้นงบประมาณไดจ้ ากสูตรตอ่ ไปน้ี
โดยท่ี -ΔY = ส่วนเปลี่ยนแปลงของจำนวนสนิ ค้า Y ท่ลี ดลง
ΔX = สว่ นเปล่ียนแปลงของจำนวนสนิ ค้า X ที่เพิม่ ขนึ้
จากรูป จุด H ผู้บริโภคไม่สามารถซ้ือสินค้าได้ ณ ส่วนผสมน้ีได้ เนื่องจากต้องใช้เงินเกินกว่า
งบประมาณที่มีอยู่ ส่วนจุด G เป็นจุดท่ีแสดงส่วนผสมของสินค้าที่ใช้เงินน้อยกว่างบประมาณ ในทำนอง
เดียวกันจุดอ่ืน ๆ ที่อยู่ภายในพื้นท่ีสามเหลี่ยม 0AF เป็นจุดที่แสดงถึงส่วนผสมของสินค้าท่ีใช้เงนิ น้อยกว่าเงิน
งบประมาณที่มีอยู่หรือเป็นจุดท่ีสามารถซ้ือได้ในขอบเขตของงบประมาณที่มีอยู่ซ่ึงใช้เงินงบประมาณไม่หมด
สำหรับทุก ๆ จุดบนเสน้ งบประมาณจะแสดงถงึ สว่ นผสมของสินคา้ ทีใ่ ช้เงินเทา่ กบั งบประมาณที่มอี ย่พู อดี
17
การเปลี่ยนแปลงของเสน้ งบประมาณ
เส้นงบประมาณมีการเปล่ียนแปลง 2 ลักษณะ คือ การเปลี่ยนแปลงเส้นงบประมาณเมื่อ
รายได้ท่ีแท้จริงเปล่ียนแปลงไป และการเปล่ียนแปลงเสน้ งบประมาณเม่ือราคาสินคา้ เปลย่ี นแปลงไป ดงั นี้
1. การเปลี่ยนแปลงเส้นงบประมาณเม่ือรายได้ที่แท้จริงเปล่ียนแปลงไป รายได้ท่ีแท้จริง
ของผู้บริโภค คือ จำนวนสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อได้ ซงึ่ แสดงถงึ อำนาจซื้อของผบู้ ริโภค ดังน้ัน รายได้ที่
แท้จริงเปล่ยี นแปลงไปนน้ั มสี าเหตุมาจากรายไดท้ เ่ี ป็นตัวเงินเปลีย่ นแปลง ในขณะท่รี าคาสินค้าคงที่ หรือสาเหตุ
จากรายไดท้ ี่เป็นตัวเงินคงที่ แต่ราคาสนิ ค้าเปลยี่ นแปลงกรณีที่รายได้ทีเ่ ป็นตวั เงินเพิ่มข้ึน ในขณะทีร่ าคาสินค้า
คงที่ ย่อมทำให้ผู้บริโภคซ้ือสินค้าได้มากข้ึนในทางตรงข้าม ถ้าผู้บริโภคมีรายได้ที่เป็นตัวเงินลดลง ย่อมทำให้
ผู้บรโิ ภคซอ้ื สนิ ค้าได้น้อยลง ดังนั้น รายได้ท่แี ทจ้ ริงเปล่ยี นแปลงไปจะมีผลทำให้เสน้ งบประมาณเปลย่ี นแปลงไป
ด้วย ดงั แสดงในรูป
แสดงการเปลย่ี นแปลงของเสน้ งบประมาณเมือ่ รายไดท้ แี่ ท้จรงิ เปล่ยี นแปลง
จากรูป สมมติว่างบประมาณเดิมคือ เส้น AB ใช้จ่ายเงินงบประมาณไปจำนวนหน่ึง เม่ือ
ผบู้ ริโภคมีรายได้เพิ่มขึน้ เส้นงบประมาณจะเคลื่อนย้ายไปอย่ทู ี่เส้น EF แตถ่ ้าผู้บริโภคมีรายไดห้ รืองบประมาณ
ลดลงเสน้ งบประมาณจะเคลื่อนย้ายมาอยู่ทเี่ ส้น CD ในขณะทรี่ าคาสินค้ายังคงท่ี
2. การเปลย่ี นแปลงเส้นงบประมาณเมื่อราคาสินคา้ เปล่ียนแปลงไป การเปลย่ี นแปลงเส้น
งบประมาณในลักษณะน้ีเกิดจากราคาสินค้าชนิดใดชนิดหน่ึงเปล่ียนไปโดยท่ีราคาสินค้าอีกชนิดหนึ่งและ
งบประมาณไม่เปล่ยี นแปลง ดังแสดงในรปู
18
แสดงการเปลี่ยนแปลงของเส้นงบประมาณเมื่อราคาสินค้าเปลี่ยนแปลง
จากรูป สมมติวา่ ราคาสินค้าเปล่ียนแปลงถูกลง และผู้บริโภคต้องการซ้ือสินค้า X เพียงชนิด
เดียวจะสามารถซ้ือได้มากขึ้น โดยใช้งบประมาณเท่าเดิม (AB) สำหรับสินค้า Y ผู้บริโภคจะซ้ือในจำนวนเท่า
เดิมเนื่องจากราคาสินค้า Y ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น เมื่อราคาสินค้า X ถูกลงจะมีผลทำให้เส้นงบประมาณเดิม
ย้ายไปทางขวามอื โดยย้ายไปยังเส้นงบประมาณใหม่ คือ AD ในทางตรงข้าม ถ้าราคาสินค้า Y ถูกลง ผู้บริโภค
จะซื้อสินค้า Y เพ่ิมขึ้น โดยซอื้ สินค้า X เท่าเดิม ผลท่ีตามมาคือ เสน้ งบประมาณเดมิ ย้ายไปทางขวามือโดยยา้ ย
ไปยังเสน้ งบประมาณใหม่ คอื BC
19
5. ดลุ ยภาพของผบู้ รโิ ภค
เราทราบแล้ววา่ จุดต่าง ๆ บนเส้น IC เส้นเดยี วกันจะใหค้ วามพอใจเท่ากัน แต่ทัง้ น้ีไมไ่ ดห้ มายความ
ว่าผู้บริโภคจะสามารถเลือกบริโภคหรอื เลือกซื้อสินค้าและบริการ ณ จุดใด ๆ บนเสน้ IC ได้ตามใจชอบการจะ
เลือกซื้อสินค้าและบริการ ณ จุดใด ๆ ต้องคำนึงถึงรายได้ท่ีตนเองมีอยู่ด้วย และเน่ืองจากแผนภาพเส้นความ
พอใจเท่ากัน (Indifference Map) จะมีเส้นความพอใจเท่ากันอยู่หลายเส้น ดังนั้น เมื่อนำเส้นงบประมาณไป
วางลงในแผนภาพนี้จะต้องมี IC เสน้ ใดเส้นหนึง่ สัมผสั กับเสน้ งบประมาณพอดีณ จุดสัมผัสนี้เองแสดงให้เห็นว่า
จำนวนของสินค้าท้ัง 2 ชนิด ซึง่ ซื้อดว้ ยเงินจำนวนท่ีกำหนดให้จะทำให้ผ้บู ริโภคได้รบั ความพอใจสูงสุด เราเรยี ก
จุดนีว้ า่ “จดุ ดุลยภาพของผบู้ รโิ ภค (Consumer's Equilibrium) ” ดังรูป
แสดงจดุ ดุลยภาพของผูบ้ รโิ ภค
จากรูป แผนภาพแสดงเส้นความพอใจเท่ากันและเส้นงบประมาณ เมื่อพิจารณาพบว่า ผู้บริโภค
สามารถเลอื กซ้อื สินคา้ X และสินคา้ Y ไดเ้ ฉพาะสว่ นผสมทใ่ี ช้เงินซอื้ เทา่ กบั งบประมาณที่มีอยู่ นัน่ คอื จุด E ให้
ความพอใจแกผ่ ู้บรโิ ภคสงู สุดและอยู่ภายใตเ้ ง่ือนไขงบประมาณทม่ี ีอยู่ ซงึ่ จดุ E ถือเป็นจดุ ดุลยภาพของผูบ้ ริโภค
ผู้บริโภคจะซ้ือสินค้า X จำนวน X หน่วย และซื้อสินค้า Y จำนวน Y หน่วยจุดดุลยภาพของผู้บริโภค เป็นจุด
สมั ผัสระหว่างเส้นงบประมาณกับเส้นความพอใจเท่ากัน และความชนั ของเส้นความพอใจเทา่ กันทีจ่ ุด E เท่ากับ
ความชนั ของเส้นงบประมาณ ซง่ึ ค่าความชนั ของเสน้ ความพอใจเทา่ กันคือ ค่า MRSXY ส่วนคา่ ความชนั ของเส้น
งบประมาณคือ PX/PY ดงั นน้ั ณ จุดดุลยภาพของผบู้ รโิ ภคจะไดว้ า่
slope ของเสน้ ความพอใจเท่ากัน = MRSXY = -ΔY
ΔX
และ slope ของเส้นงบประมาณ = PX
PY
20
นน่ั คือดุลยภาพของผู้บริโภคคนหน่ึงท่ีมีรายได้จำนวนหน่ึงจะเกิดขึ้น ณ เงื่อนไขทค่ี วามชันของเส้น
ความพอใจเท่ากันเท่ากับความชันของเส้นงบประมาณ ณ จุดสัมผัส และผบู้ รโิ ภคจะได้รับความพอใจสูงสุด ณ
เงอื่ นไข
MRSXY = PX
PY
จากเง่อื นไขดุลยภาพของผู้บรโิ ภคข้างต้น การที่จะทำให้เกิดดุลยภาพของผู้บริโภคไดน้ ั้น ผู้บรโิ ภค
จะต้องเลือกซ้ือสินค้าท้ังสองชนิดจนกระทั่งอัตราการทดแทนกันของสินค้าหน่วยสุดท้ายเท่ากับสัดส่วนของ
ราคาสินคา้ พอดี
การเปลย่ี นแปลงดุลยภาพของผูบ้ ริโภค
ดุลยภาพของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไป ถ้าราคาสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหน่ึงหรือ
รายได้ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการเปล่ียนแปลงของราคาสินค้าและบริการและรายได้
ของผบู้ รโิ ภค ทำให้เส้นงบประมาณยา้ ยจากทีเ่ ดิม ไปสัมผสั กับจดุ ใดจดุ หนึ่งบนเส้น IC เสน้ อื่น เพื่อให้เข้าใจง่าย
ขึ้นจะแยกพิจารณาเปน็ 2 กรณี ดังน้ี
1. ดุลยภาพเปลี่ยนแปลงเมอ่ื ราคาสนิ ค้าและบรกิ ารชนดิ หน่งึ เปล่ียนแปลง แต่ราคาสินค้า
อีกชนิดหนึ่งคงเดิม ดังรปู สมมติว่าราคาสินค้า X ลดลง ผู้บริโภคจึงซ้ือสินค้า X ได้เพิ่มขึ้นด้วยจำนวนเงินเท่า
เดิม ดังนั้น เส้นงบประมาณ AB จึงย้ายมาอยู่ที่ AB1 และสัมผัสเส้น IC1 ณ จุด E1 ดุลยภาพของผู้บริโภคจึง
เปล่ียนจาก E มาอยู่ท่ี E1 ปริมาณซื้อสินค้า 2 ชนิด จึงเปลี่ยนแปลงไป เม่ือดุลยภาพอยู่ ณ จุด E
ผ้บู รโิ ภคซ้อื สินค้า X จำนวน X หน่วย และซ้ือสนิ ค้า Y จำนวน Y หน่วย เมื่อราคาสินค้าลดลงดุลยภาพย้ายมา
อยู่ ณ จุด E1 ปริมาณซอื้ สนิ คา้ X จงึ เป็น X1 หน่วย และปริมาณซื้อสินค้า Y เป็น Y1 หน่วย และเส้นท่ีเชอ่ื มต่อ
จุดดุลยภาพ E และ E1 เรียกว่า “เส้นการบริโภคตามราคา (Price Consumption Curve : PCC)” ซึ่ง
หมายถึง เสน้ ท่แี สดงแนวทางการบริโภคสินค้าของผู้บริโภคอันเน่อื งมาจากราคาสนิ คา้ เปลยี่ นแปลง
การเปล่ยี นแปลงดุลยภาพของผบู้ ริโภคเมอื่ ราคาสินคา้ ชนดิ หนึง่ เปลยี่ นแปลง
21
2. ดุลยภาพเปลย่ี นแปลงเมื่อรายได้ของผู้บริโภคเปลย่ี นแปลง โดยกำหนดให้ราคาสนิ ค้า X
และสินค้า Y คงที่ เมื่อรายได้ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงจะมีผลให้เส้นงบประมาณเปลี่ยนแปลงไปด้วย คือเส้น
ใหมจ่ ะขนานและอยู่หา่ งจากเส้นเดมิ เป็นระยะเทา่ กันตลอดเส้น แต่จะอยูส่ งู หรอื ตํ่ากวา่ เสน้ เดมิ ข้นึ อยู่กบั รายได้
เพิ่มขึ้นหรือลดลง ถ้ารายได้เพมิ่ ข้นึ เส้นงบประมาณใหม่อยู่เหนอื เส้นเดมิ ถ้ารายไดล้ ดลงเส้นงบประมาณใหม่อยู่
ใตเ้ ส้นเดิม ดงั รปู เสน้ AB คือ เส้นงบประมาณเดมิ และ E คอื จุดดุลยภาพเดิม เมื่อรายไดข้ องผู้บริโภคเพ่ิมข้ึน
งบประมาณจึงขยับสูงขึ้นเป็นเส้น A1 B1 และสัมผัสกับเส้น IC1 ท่ีจุด E1 ดุลยภาพใหม่จึงย้ายมาอยู่ท่ีจุด E1
ปริมาณซ้ือสินค้า X คือ X1 ปริมาณซ้ือสินค้า Y คือ Y1 และเส้นที่เชื่อมต่อจุดดุลยภาพ E และ E1 เรียกว่า
“เส้นการบริโภคตามรายได้ (Income Consumption Curve: ICC)” ซ่ึงหมายถึงเส้นท่ีแสดงแนวทางการ
บริโภคสินคา้ ของผบู้ รโิ ภคอันเนื่องมาจากรายไดข้ องผู้บริโภคเปลยี่ นแปลง
การเปล่ยี นแปลงดุลยภาพของผู้บรโิ ภคเมื่อรายไดเ้ ปล่ียนแปลง
สรุป ทฤษฎีอรรถประโยชน์เป็นทฤษฎีท่ีนำมาใช้อธิบายพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งใช้ในการ
วิเคราะห์แบบนับจำนวนได้ โดยมีข้อสมมติที่สำคัญคือ อรรถประโยชน์ที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้า
และบริการสามารถวัดค่าออกมาเป็นหน่วยได้ อรรถประโยชน์ หมายถึง ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับจากการ
บริโภคสินค้าและบรกิ ารชนิดใดชนิดหนึง่ หรืออรรถประโยชน์คือ สงิ่ ที่มีอยู่ในตัวสินค้าและบริการซึ่งสามารถ
บำบัดความต้องการหรือสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภคได้ ดุลยภาพของผู้บริโภค คือ สภาวะท่ีผู้บริโภค
ตัดสินใจเลอื กบรโิ ภคสนิ ค้าชนิดตา่ ง ๆ ท่ที ำใหไ้ ด้รับอรรถประโยชนร์ วมสงู สุด
ทฤษฎีความพอใจเท่ากันเป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่นำมาใช้อธิบายพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งใช้การ
วิเคราะห์แบบนับลำดับที่ได้ โดยมีข้อสมมติที่สำคัญคือ ผู้บริโภคเป็นผู้ท่ีมีเหตุผลและมีความสามารถในการ
เปรียบเทียบและจัดอันดับความพอใจของการบริโภคสินค้าและบริการได้ ทฤษฎีนี้ต้องอาศัยเส้นความพอใจ
เท่ากันและเส้นงบประมาณมาช่วยในการวิเคราะห์ เส้นความพอใจเท่ากันเป็นเส้นที่แสดงส่วนผสมของการ
บริโภคสินค้าสองชนิดในจำนวนต่าง ๆ ซ่งึ ทำให้ผ้บู ริโภคได้รบั ความพอใจเท่ากัน ส่วนเส้นงบประมาณเปน็ เส้นที่
แสดงถึงส่วนผสมของสินค้าสองชนิดในจำนวนต่างๆ ซง่ึ สามารถซอ้ื ได้ด้วยงบประมาณหนึ่งท่ีเท่ากัน ดุลยภาพ
22
ของผู้บริโภคคือ สภาวะที่ผู้บริโภคตัดสินใจซ้ือสินค้าและบริการสองชนิดในส่วนผสมที่ทำให้ได้รับความพอใจ
สงู สุดด้วยงบประมาณทม่ี อี ยู่
23
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4
ตอนที่ 1 จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. อธบิ ายความหมายของอรรถประโยชน์ และขอ้ สมมตขิ องทฤษฎอี รรถประโยชนก์ ล่าววา่ อย่างไร
............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................
2. กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์หนว่ ยสดุ ทา้ ยมีว่าอย่างไร
............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................
3. อรรถประโยชนร์ วมกบั อรรถประโยชนห์ นว่ ยสุดทา้ ยเหมอื นหรอื ต่างกนั อย่างไร
............................................................................................................................. ........................................................
........................................................................................................................................................................ .............
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................................
4. อธิบายดุลยภาพของผบู้ รโิ ภคและเง่อื นไขดุลยภาพของผ้บู รโิ ภคในทฤษฎีอรรถประโยชน์
............................................................................................................................. ........................................................
................................................................................................................................. ....................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
5. อธบิ ายเสน้ ความพอใจเทา่ กนั และคุณสมบัติของความพอใจเท่ากัน
............................................................................................................................. ........................................................
............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
6. อธบิ ายสาระสำคญั ของอตั ราการทดแทนกันหนว่ ยสุดท้าย
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
24
7. อธบิ ายเงื่อนไขดุลยภาพของผู้บริโภคในกรณีใชท้ ฤษฎเี สน้ ความพอใจเท่ากันวเิ คราะห์
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................ .............
8. เหตุใดเสน้ ความพอใจเทา่ กันจงึ ตดั กนั ไม่ได้ อธบิ าย
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................ .........................
9. เสน้ การบริโภคตามราคา (Price Consumption Curve: PCC) คอื อะไร
...................................................................................................................................................................... ...............
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
10. เส้นการบรโิ ภคตามรายได้ (Income Consumption Curve: ICC) คอื อะไร
.......................................................................................................................................... ...........................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
25
ตอนท่ี 2 จงเลอื กข้อทถ่ี ูกต้องทสี่ ุดเพียงขอ้ เดียว
จงตอบคำถามข้อที่ 1 ถึงขอ้ ที่ 4
กำหนดใหผ้ ู้บริโภคคนหน่งึ มเี งินได้ 20 บาท สนิ ค้า A และ B ราคาหนว่ ยละ 2 บาท และ 1 บาท
ตามลำดบั และให้ผู้บริโภคคนนม้ี ีอรรถประโยชน์หน่วยสดุ ทา้ ยดงั ตาราง
สนิ คา้ A สินค้า B
QA MUA QB MUB
1 40 1 30
2 35 2 26
3 30 3 22
4 25 4 18
5 20 5 14
6 15 6 10
7 10 76
85 82
1. ดลุ ยภาพของผบู้ ริโภคในการซื้อสนิ ค้า A จำนวนก่หี นว่ ย
ก. จำนวน 4 หนว่ ย ข. จำนวน 5 หน่วย
ค. จำนวน 6 หนว่ ย ง. จำนวน 7 หน่วย
จ. จำนวน 8 หน่วย
2. ดลุ ยภาพของผู้บรโิ ภคในการซื้อสนิ คา้ B จำนวนกห่ี นว่ ย
ก. จำนวน 4 หน่วย ข. จำนวน 5 หนว่ ย
ค. จำนวน 6 หนว่ ย ง. จำนวน 7 หนว่ ย
จ. จำนวน 8 หน่วย
3. คา่ ใช้จ่ายในการซอื้ สนิ ค้า A จำนวนกี่บาท
ก. จำนวน 8 บาท ข. จำนวน 10 บาท
ค. จำนวน 12 บาท ง. จำนวน 14 บาท
จ. จำนวน 16 บาท
26
4. คา่ ใช้จา่ ยในการซื้อสินค้า B จำนวนกบ่ี าท
ก. จำนวน 10 บาท ข. จำนวน 8 บาท
ค. จำนวน 6 บาท ง. จำนวน 4 บาท
จ. จำนวน 2 บาท
5. ขอ้ ใดคอื ขอ้ สมมติของทฤษฎีอรรถประโยชน์
ก. ความพอใจของผบู้ รโิ ภคนบั หน่วยไมไ่ ด้
ข. สนิ ค้าและบรกิ ารแบง่ เป็นหนว่ ยยอ่ ย ๆ ไมไ่ ด้
ค. อรรถประโยชน์หนว่ ยสดุ ทา้ ยจะเพ่มิ ขนึ้ เรื่อย ๆ เมือ่ บริโภคมากขึ้น
ง. ความพอใจในการบริโภคสนิ ค้าแต่ละชนดิ เป็นอสิ ระตอ่ กัน
จ. ผู้บริโภคไม่สามารถแสวงหาความพอใจสงู สดุ ได้
6. กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุดทา้ ยเปน็ ความสัมพนั ธใ์ นขอ้ ใด
ก. ปรมิ าณสินค้ากบั ความพึงพอใจ ข. ราคาสินคา้ กับความพึงพอใจ
ค. ราคาสนิ คา้ กับปรมิ าณเสนอขาย ง. ราคาสินคา้ กบั ปริมาณซ้อื สนิ คา้
จ. ราคาสนิ คา้ กับสินคา้ ที่ทดแทนกนั ได้
7. ข้อใดคือเสน้ ความพอใจเท่ากนั
ก. เป็นเสน้ ท่ีแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งการบริโภคสนิ คา้ ชนิดหนึ่งทใ่ี ห้ความพอใจเท่ากัน
ข. เปน็ เส้นทีแ่ สดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการบรโิ ภคสินค้า 2 ชนดิ ท่ีให้ความพอใจเท่ากัน
ค. เป็นเสน้ ท่ีแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งการบริโภคสินคา้ ชนดิ หนงึ่ ที่ให้ความพอใจสูงสดุ
ง. เป็นเสน้ ทแ่ี สดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการใช้ปัจจยั การผลิต 2 ชนิดท่ใี ห้ความพอใจเท่ากัน
จ. เปน็ เส้นที่แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างการใช้ปจั จัยการผลิต 2 ชนิดที่ให้ผลผลติ เทา่ กัน
8. เสน้ งบประมาณเปลย่ี นแปลงไปทางขวาขนานกบั เส้นเดมิ เกิดจากสาเหตุใด
ก. ความพอใจในการบรโิ ภคเพิ่มขึน้ ข. งบประมาณของผ้ผู ลิตลดลง
ค. งบประมาณของผูบ้ รโิ ภคเพิ่มข้ึน ง. งบประมาณของผู้บริโภคเท่าเดิม
จ. ต้นทนุ ปจั จยั การผลิตเปลีย่ นแปลง
9. อรรถประโยชน์รวมมีคา่ เท่ากับอรรถประโยชนเ์ พม่ิ ในกรณใี ดอยา่ งไร
ก. เม่อื MU มีคา่ เปน็ บวก ข. เมื่อ MU มคี ่าเท่ากบั ศูนย์
ค. เมอื่ MU มคี า่ มากกว่าหนึง่ ง. เม่อื ผบู้ รโิ ภคซอ้ื สนิ คา้ มากกวา่ หนึง่ หน่วย
จ. ผบู้ ริโภคเลอื กซ้อื สินค้าหนว่ ยที่หน่ึง
27
10. เส้นงบประมาณมลี กั ษณะอย่างไร ข. เส้นตรงต้ังฉากกบั แกนนอน
ก. เส้นตรง ง. เส้นโค้งเวา้ เขา้ หาจุดกำเนิด
ค. เส้นตรงตั้งฉากกบั แกนตัง้
จ. เส้นโค้งเว้าออกจากจุดกำเนดิ
ตอนที่ 3 จงใส่เครื่องหมาย ✓ หรือ × หน้าข้อความทเี่ หมาะสม
.............. 1. ผู้บรโิ ภคจะเลอื กซอ้ื สนิ คา้ โดยได้รับความพอใจมากทส่ี ดุ และได้รบั ประโยชน์สูงสุดแต่ภายใต้ งบประมาณท่ีมีอยู่
.............. 2. ความพอใจที่ผ้บู รโิ ภคได้รับจากการบริโภคสนิ คา้ และบรกิ าร ณ เวลาใดเวลาหนง่ึ เรยี กวา่ อรรถประโยชน์
.............. 3. หน่วยของอรรถประโยชน์หรือความพอใจเรียกวา่ หน่วย
.............. 4. เสน้ ความพอใจเทา่ กนั แตล่ ะเสน้ ตดั กนั ได้
.............. 5. เส้นความพอใจเทา่ กันเป็นเสน้ โค้งเว้าเขา้ หาจุดกำเนดิ
.............. 6. รองเทา้ ข้างซา้ ยกับรองเท้าข้างขวาเปน็ สนิ คา้ ทใี่ ช้ทดแทนกันไมไ่ ดแ้ ต่จำเปน็ ตอ้ งใช้คกู่ ัน
.............. 7. เส้นการบริโภคตามราคาเป็นเส้นท่แี สดงแนวทางการบรโิ ภคสินคา้ ของผบู้ รโิ ภคเน่ืองจากราคาสินค้าเปลยี่ นแปลง
.............. 8. เส้นการบรโิ ภคตามรายไดเ้ ปน็ เส้นท่แี สดงแนวทางการบรโิ ภคสนิ ค้าอนั เนอ่ื งจากรายไดข้ องผูบ้ ริโภคเปลี่ยนแปลง
.............. 9. ดุลยภาพของผบู้ รโิ ภคอยูท่ ีเ่ ส้นความพอใจเทา่ กนั เทา่ กบั ความชันของเส้นงบประมาณสัมผัสกันพอดี
.............. 10. สนิ ค้าอุปโภคบริโภคเป็นสินค้าที่สามารถใช้ทดแทนกนั ไดแ้ ตไ่ ม่สมบูรณน์ ัก
28
ใบงานท่ี 1
กำหนดใหผ้ ู้บริโภคมรี ายได้ 5,000 บาทตอ่ เดือน เพ่อื นำไปซ้ือสินค้า 2 ชนดิ คอื สินคา้ X และสนิ ค้า Y
กำหนดให้ Px = 100 บาท และ Py = 200 บาท
(ก) ถา้ รายไดแ้ ละราคาสนิ ค้า X ลดลงจากเดิมครงึ่ หนง่ึ แต่ Py เพ่มิ ข้ึนเปน็ 400 บาท จงคำนวณหา
เงินงบประมาณของผ้บู รโิ ภคว่าจะเปล่ียนแปลงไปจากเดิมเท่าไร
.......................................................................................................................................... ...........................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
(ข) เม่ือรายได้เทา่ กับ 5,000 บาท ราคาสนิ คา้ X และสนิ ค้า Y เพมิ่ เปน็ 200 บาท และ 400 บาท
ตามลำดบั จงคำนวณหาเงนิ งบประมาณของผบู้ ริโภคว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
............................................................................................................................. ........................................................
.............................................................................................................................................. .......................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2
หาขา่ วจากหนงั สอื พมิ พห์ รอื อนิ เทอร์เน็ตเกี่ยวกับพฤติกรรมผ้บู รโิ ภค โดยยกตัวอย่างสนิ ค้ามา
1 ชนิด ที่เกย่ี วข้อง จากนั้นวเิ คราะหท์ ฤษฎีท่ีศกึ ษามาแลว้ (15 – 20 บรรทัด)
....................................................................................................................................... ..............................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
29
ใบงานท่ี 3
ผู้บริโภครายหนึ่งใช้จ่ายภายในวงเงินท่ีกำหนดไว้เพ่ือการบันเทิงสองอย่างทุก ๆ เดือน คือ
ค่าบัตรชมภาพยนตร์รอบละ 80 บาท และค่าบัตรชมการแข่งขันกีฬารอบละ 120 บาท หากเขาใช้
บรกิ ารทง้ั 2 อย่าง โดยทอ่ี รรถประโยชนห์ น่วยสุดท้ายของการชมภาพยนตร์รอบสดุ ทา้ ยของเขาเท่ากับ
40 ยูทิล และอรรถประโยชน์หน่วยสุดท้ายของการชมกฬี ารอบสดุ ท้ายเท่ากับ 30 ยูทิล อยากทราบว่า
ผูบ้ ริโภครายน้ีจะได้รบั ความพงึ พอใจสูงสุดจากการบริโภคดงั กลา่ วหรือไม่
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................... ..........................
.....................................................................................................................................................................................
30