กาพย์เห่เรือ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ความหมายของวรรณศิลป์
วรรณศิลป์ มีความหมายว่า ศิลปะในการ
แต่งหนังสือ,ศิลปะทางวรรณกรรม
,วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี , หนังสือที่ได้
รับการยกย่องว่าแต่งดีจากความหมายนี้ การ
พิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ต้องศึกษา
ตั้งแต่การเลือกชนิดคำประพันธ์ให้เหมาะสมกับ
ประเภทของงานเขียนการรู้จักตกแต่งถ้อยคำ
ให้ไพเราะสละสลวยอันเป็นลักษณะเฉพาะของ
ภาษากวีและทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือน
อารมณ์ภาษากวีเพื่อสร้างความงดงามไพเราะ
แก่บทร้อยแก้วหรือร้อยกรองนั้น เช่น การสรร
คำ การเรียบเรียงคำ การใช้โวหาร หรือ
ภาพพจน์
กาพย์เห่เรื่อง
กาพย์เห่เรือพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรม
ธิเบศร มีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ เนื่องจาก
มีจุดเด่นที่ศิลปะ การประพันธ์ในด้านต่างๆ
ทั้งรูปแบบการประพันธ์ การใช้ถ้อยค้าที่
เหมาะสม มีความหมาย ให้ความรู้สึก ผู้อ่าน
เกิด อารมณ์คล้อยตามผู้ประพันธ์
ทรงบรรยายสิ่งต่างๆ ได้เหมาะสม เห็น
ภาพพจน์เหมาะสมกับสิ่งนั้นๆ ทรงเลือกใช้
คำ ขยายได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผู้อ่าน
เข้าใจ
ได้อย่างลึกซึ้ง ทรงใช้ถ้อยคำที่หลากหลาย
สื่อความได้ชัดเจน ทั้งคำที่ แสดงกริยาเด่น
ชัด เห็นภาพพจน์เหมาะสมยิ่ง
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของกาพย์เห่เรือ
รูปแบบการประพันธ์ที่ใช้ในกาพย์เห่เรือ หรือ
กาพย์ห่อโคลง คือ เนื้อหาแต่ละตอนนำด้วยโคลง
สี่สุภาพ 1 บท
มีความหมายครอบคลุม เนื้อหาของกาพย์ยานี 11
อีกไม่จำกัดจำนวนบท ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจ
ภาพรวมแล้วจึงขยายความให้รายละเอียดที่
ชัดเจนยิ่งขึ้น เปรียบประดุจการเขียนบทความ
หรือเรียงความที่นาด้วยใจความสำคัญแล้ว มีราย
ละเอียดเพื่อขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจยิ่งขึ้น การ
ใช้คำประพันธ์ที่แตกต่างสลับกันไปคือนำด้วย
โคลงแล้วตามด้วย กาพย์ ทำให้มีความหลาก
หลาย น่าสนใจ ทั้งผู้อ่านและผู้ฟัง ประกอบกับบท
ประพันธ์ทั้งโคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี ใช้คำใน
แต่ละวรรคไม่มากนัก อ่านง่าย ฟังง่าย และทรง
ใช้คำที่งดงาม สละสลวย มีทั้งสัมผัสใน สัมผัส
นอก มีการเล่นคำ การใช้คำที่เลียนเสียง
ธรรมชาติ การใช้คำซํ้า
มีลีลา มีจังหวะ จำทำให้เกิดความไพเราะ น่าฟัง
ได้อารมณ์ ซาบซึ้ง ได้ความรู้สึกทาง
สุนทรีย อันได้แก่ ความชื่นชมในสิ่งสวยงามตาม
ธรรมชาติ ความไพเราะของดนตรี
และให้ความรู้สึกสะเทือนใจ
ตัวอย่างรูปประพันธ์
ตัวอย่างรูปการประพันธ์ ประกอบด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท และ
ตามด้วยกาพย์ยานี 11 เช่นตอนเห่ชมปลา
พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์ แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพัน พิศวาส
ควรฤพรากน้องช้า ชวนเคล้าคลึงกันฯ
ฯลฯ
พิศพรรณปลาว่ายเคล้า คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัตสยายังรู้ชม สมสาใจไม่พามา
จากตัวอย่างจะเห็นว่า เนื้อความในบทแรกของกาพย์ยานีมีเนื้อ
ความเดียวกันกับโคลงสี่สุภาพที่นำกาพย์
การใช้ถ้อยคำ
กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรมีความไพเราะ
สลวยจับใจผู้ที่ได้ศึกษาจะจดจำได้ขึ้นใจ ในเนื้อหา
แต่ละตอนจะใช้ถ้อยคำที่แตกต่างกัน เช่นบทเห่ชม
เรือกระบวนในตอนเช้าจะพรรณนาไว้อย่าง
ละเอียดพิสดาร เช่น
สุพรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลัง
สินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมมินทร์ลินลาศเลื่อนเตือนตา
ชม
บทประพันธ์จะแสดงความงามของเรือสุพรรณ
หงส์ ที่งามชดช้อยลอยเหนือน้ำ
เสมือนการเคลื่อนย้ายของหงส์ซึ่งเป็นพาหนะของ
พระพรหม
สัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทั้งกาพย์และ
โคลง นอกจากจะประกอบด้วยสัมผัสตามข้อบังคับ
ของ ฉันทลักษณ์แล้ว
ในบทพระนิพนธ์ยังเพิ่มสัมผัสเสียงสระและเสียง
พยัญชนะที่รับส่งกันอย่างแพรวพราว กลมกลืน
เหมาะเจาะ
ทำให้บทพระนิพนธ์ของพระองค์ท่านเป็นที่นิยมมา
ทุกสมัย
การสัมผัสสระ ที่ใช้ในการประพันธ์จะทำให้ได้ยิน
เสียงที่ไพเราะ มีท่วงทำนองคล้องจองสัมผัสกัน
อย่างเหมาะสมทั้ง สัมผัสชิด
หรือผูกสัมผัสติดกันไปและสัมผัสคั่น คือสัมผัสไม่
ติดกันมีคําอื่นคั่นอยู่ แต่ก็ยังมีสัมผัส คล้องจอง
กัน เช่น
ในบทนี้วรรคหน้าบาทแรก แก้ว สัมผัสกับ แจ้ว
วรรคหลังบาทเอก
เรียง สัมผัสกับ เคียง วรรค หลังบาทโท น้อง
สัมผัสกับ ต้อง เป็นค้าสัมผัสชิด
ส่วนวรรคหน้าบาทโท น้อง กับ คอง เป็นสัมผัสคั่น
การสัมผัสพยัญชนะ
สัมผัสพยัญชนะจะทำให้เสียงของคำประพันธ์
แต่ละวรรคสัมผัสคล้องจอง ให้ความรู้สึก
ไพเราะ ฟังแล้วรื่นหู ในบทพระราชนิพนธ์ของ
เจ้าฟ้ าธรรมธิเบศรทั้งกาพย์และโคลงจะ
แพรวพราวด้วยสัมผัสพยัญชนะ เช่น
ดนตรีมี่อึงอล ก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครม โสมนัสชื่นรื่นเริงพล
การเลียนเสียงธรรมชาติ
การสร้างคำของกวีที่จะสื่อให้ผู้อ่านมองเห็น
ภาพพจน์ ได้อารมณ์ ความรู้สึก โดยใช้ค้าที่เลียน
เสียงธรรมชาติ เป็นความงามของภาษาในบท
ประพันธ์ กระตุ้นให้ผู้ฟังมองเห็นภาพซึ่งเป็น
สถานการณ์ที่ปรากฏในบทกวี จากตัวอย่างในกาพย์
เห่เรือบทสัมผัสพยัญชนะที่ผ่านมา ผู้อ่านหรือผู้ฟังจะ
จินตนาการถึงเสียงดนตรีของขบวนเสด็จ ที่มีคน
จำนวนมาก ดังก้องครึกโครม อื้ออึง ค้าว่า โครม
เป็นการเลียนเสียงธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่น
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
บทนี้เป็นการเลียนเสียงธรรมชาติที่ทำใหความรู้สึก
คือคำว่า ร้องโห่เห่โอ้เห่
ซึ่งเลียนเสียงธรรมชาติการเห่ เรือ เหมือนให้ผู้อ่าน
เข้าร่วมกระบวนเห่ด้วยตนเอง
เรื่องลักษณะเด่นของนิราศเจ้า
ฟ้าธรรมาธิเบศร ทั้งการใช้
สำนวนโวหาร อุปมาอุปไมย และ
การใช้พรรณนาโวหาร ซึ่งจะ
ปรากฏให้เห็นตลอดผลงานของ
พระองค์ท่าน การใช้อุปมา
อุปไมย จะพบในบทประพันธ์ที่
แต่งตามขนบของการแต่งแบบ
นิราศ ตั้งแต่บทเห่ชมปลา บท
เห่ชมไม้ บทเห่ชมนก
บทเห่ครวญ และการใช้
พรรณนาโวหาร จะพบในบท
ประพันธ์ทุกตอน
การใช้สำนวนโวหาร อุปมา-
อุปไมย
สมาชิก
นายอธิวัฒน์ ไวว่อง
นายปพน ศิริมงคล
นายมิชาเอล พูเคอร์
นายสรัญญ์ ทัดทอง
นายจิรันธนิน เรืองธรรม
นางสาวกนกพร สงวนกลิ่น
นายภูบดี ซื่อตรง
นายภูมิชนก แกมกล้า
นางสาวตติยา พงษ์โสภา
นางสาวภัทราพร ถาวร
นายธนทัศน์ ชัยพัฒนาวรรณ
นางสาวปณาลี ศรีทุมขันธ์