The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการแยกสารเนื้อผสม รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำโดย นางสาวจารุณี ศรีสวัสดิ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tjarunee2013, 2023-09-17 03:58:37

บทเรียนสำเร็จรูป การแยกสารเนื้อผสม

บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการแยกสารเนื้อผสม รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำโดย นางสาวจารุณี ศรีสวัสดิ์

บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นบทเรียนที่ใช้ประกอบการเรียนการ สอนและเป็นสื่อการสอนซ่อมเสริม ในเรื่องวิธีแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่องนี้ จะเป็น ประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและการสอนซ่อมเสริม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นแนวทางให้กับครูผู้สอนไปใช้พัฒนาและเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีศักยภาพในเรื่อง การแยก สารเนื้อผสม ได้เป็นอย่างดี ก


เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำแนะนำสำหรับครู 1 คำแนะนำสำหรับนักเรียน 2 สาระสำคัญ 3 สาระการเรียนรู้ 3 ตัวชี้วัด 3 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม 4 กรอบความรู้ที่ 1 6 กรอบคำถามที่ 1 6 เฉลยกรอบคำถามที่ 1 7 กรอบความรู้ที่ 2 8 กรอบคำถามที่ 2 8 เฉลยกรอบคำถามที่ 2 9 กรอบความรู้ที่ 3 10 กรอบคำถามที่ 3 10 เฉลยกรอบคำถามที่ 3 11 กรอบความรู้ที่ 4 12 กรอบคำถามที่ 4 12 เฉลยกรอบคำถามที่ 4 13 กรอบความรู้ที่ 5 14 กรอบคำถามที่ 5 14 เฉลยกรอบคำถามที่ 5 15 กรอบความรู้ที่ 6 16 กรอบคำถามที่ 6 16 เฉลยกรอบคำถามที่ 6 17 ข


เรื่อง หน้า กรอบความรู้ที่ 7 18 กรอบคำถามที่ 7 18 เฉลยกรอบคำถามที่ 7 19 กรอบความรู้ที่ 8 20 กรอบคำถามที่ 8 20 เฉลยกรอบคำถามที่ 8 21 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม 22 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม 24 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม 25 บรรณานุกรม


1. ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้สาระการเรียนรู้และตัวชี้วัดของหลักสูตรให้ละเอียดครบถ้วน 2. บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องนี้เหมาะกับนักเรียนที่มีความพร้อมสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเป็น รายบุคคล แต่ถ้ามีนักเรียนที่เรียนรู้ช้าเนื่องจากนักเรียนมีความบกพร่องในทักษะการอ่านแนะนำให้ ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปด้วยวิธีเพื่อนสอนเพื่อน อาจจะจับคู่ระหว่างเด็กที่ เรียนรู้เร็ว (เรียนเก่ง) กับเด็กที่เรียนรู้ช้า (เรียนอ่อน) และเด็กที่เรียนรู้ระดับปานกลางจับคู่กันเอง 3. การศึกษาบทเรียนสำเร็จรูปเรื่องนี้จะมีแบบทดสอบก่อนเรียน 10 ข้อ ก่อนที่นักเรียนจะศึกษา ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนศึกษาอย่างอิสระ ตรวจคำตอบได้จากเฉลย เมื่อ ศึกษาเนื้อหาสาระจบเล่มแล้วให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 10 ข้อ อีกครั้ง ตรวจคำตอบจากเฉลย เพื่อวัดความก้าวหน้าของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งนักเรียนจะทราบว่าตนเองมีความสามารถในการเรียนรู้ มากน้อยเพียงใด และสามารถกลับไปทบทวนเพิ่มเติมจากสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจได้อีกครั้งก็ได้ตามความพอใจ 4. บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องนี้ สามารถนำไปสอนซ่อมเสริมกับนักเรียนที่เรียนรู้ช้าหรือนักเรียนที่ขาด ความพร้อมในการเรียนรู้ -1-


1. บทเรียนสำเร็จรูปเรื่องนี้ นักเรียนสามารถเรียนด้วยตนเองตามความสามารถ กิจกรรมที่ให้ นักเรียนทำ มีทั้งคำอธิบาย ตัวอย่าง และคำตอบพร้อมบทสรุป 2. นักเรียนควรทำความเข้าใจก่อนว่า บทเรียนสำเร็จรูปนี้ไม่ใช่การทดสอบ แต่มุ่งให้นักเรียน เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถ 3. นักเรียนควรมีสมาธิ และความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ในขณะศึกษาบทเรียน และปฏิบัติกิจกรรม ไม่ เปิดดูเฉลยคำตอบก่อน โดยการเตรียมแถบกระดาษไว้สำหรับ ปิดเฉลยคำตอบก่อน หากเฉลยคำตอบนั้น อยู่ในกรอบเดียวกันกับแบบฝึกหัด จนกว่านักเรียนจะทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้วจึงค่อยเปิดดูเฉลยคำตอบ 4. ขอให้นักเรียนเรียนและทำแบบฝึกหัดด้วยความมั่นใจ ถ้าทำไม่ได้หรือสงสัย ก็พยายามดู บทเรียนที่ผ่านมา และคำตอบของนักเรียนสามารถตรวจดูกับเฉลยคำตอบ ได้ทันทีหลังจากที่นักเรียนทำ กิจกรรมหรือทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้ว 5. ก่อนที่นักเรียนจะศึกษาบทเรียนสำเร็จรูป ควรทำ 5.1 ทำแบบทดสอบก่อนเรียนในแต่เล่ม จำนวน 10 ข้อ ซึ่งสามารถตรวจคำตอบได้ด้วย ตนเอง 5.2 ศึกษาบทเรียนสำเร็จรูปตามกรอบความรู้ทุกกรอบ และตอบคำถามทุกกรอบคำถาม จากนั้นนักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ พร้อมตรวจคำตอบจากเฉลย 5.3 ถ้าผลการประเมินยังไม่เป็นที่น่าพอใจนักเรียนสามารถกลับไปทบทวนบทเรียน สำเร็จรูปใหม่อีกครั้ง 5.4 ทำแบบทดสอบหลังเรียนชุดเดิม (ครั้งที่ 2) ตรวจคำตอบ 5.5 บันทึกคะแนนที่ได้ลงในแบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเองทุกครั้ง เพื่อวิเคราะห์ ตนเองได้ว่าเกิดความก้าวหน้าในการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด 6. ถ้านักเรียนยังสงสัยในสาระการเรียนรู้เรื่องใด นักเรียนสามารถศึกษาและทบทวนดูใหม่ได้หรือ สอบถามครูผู้สอนช่วยอธิบายเพิ่มเติม 7. เมื่อนักเรียนได้ศึกษา และทราบผลความก้าวหน้าของตนเองแล้ว ให้เก็บเอกสารหรือสิ่งของ ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการเรียนให้เรียบร้อย เพื่อพร้อมที่ผู้อื่นจะนำไปศึกษาต่อไป -2-


บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระสำคัญ การแยกสารเนื้อผสมซึ่งประกอบด้วยสารอย่างน้อย 2 ชนิดผสมกันโดยเนื้อสาร ไม่กลมกลืนเป็นอย่างเดียวกัน อาจทำได้โดยวิธีการหยิบออก การร่อน การกรอง การใช้ แม่เหล็กดึงดูด การตกตะกอน และการรินออก การเลือกวิธีที่เหมาะสมในการแยกสาร พิจารณาจากลักษณะและ สมบัติของสารที่ผสมกัน การแยกสารสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ สาระการเรียนรู้ วิธีการแยกสารเนื้อผสมอย่างง่าย ตัวชี้วัด ว 2.1 ป 6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสม โดยการหยิบออก การร่อน การ ใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ รวมทั้ง ระบุวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการแยกสาร -3-


แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม คำสั่ง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ 1. สารเนื้อผสมมีลักษณะอย่างไร ก.มีสารที่เป็นองค์ประกอบมากกว่า 1 อย่าง ข.ผสมกลมกลืนกันแยกไม่ออก ค.ต้องเป็นของแข็งเท่านั้นที่ผสมกัน ง.ต้องแยกโดยการหยิบออกเท่านั้น 2. สารผสมข้อใดแยกออกจากกันได้โดยวิธีการหยิบออก ก.น้ำผสมน้ำมัน ข.พริกป่นผสมน้ำตาลทราย ค.ข้าวสารผสมกรวดทราย ง.เกลือผสมแป้งมันสำปะหลัง 3. การแยกผงเหล็กกับนํ้าตาลทรายใช้วิธีการใด ก.เฉพาะข้อ A ข.ข้อ A และ B ค.ข้อ B และ C ง.ข้อ A และ C 4. สารผสมข้อใดสามารถแยกโดยการตกตะกอน ก.นํ้าปลา ข.นํ้าโคลน ค.สารละลายนํ้าเชื่อม ง.สารละลายแอลกอฮอล์ -4- A. การหยิบออก B. การใช้แม่เหล็กดึงดูด C. การละลายนํ้าและกรอง


5. การใช้แม่เหล็กดูดเหมาะในการแยกสารในข้อใด ก. แยกตะกอนดินออกจากน้ำคลอง ข. แยกผงฝุ่นออกจากเกลือ ค. แยกเข็มหมุดออกจากจิ้มฟัน ง. แยกเกลือออกจากน้ำเกลือ 6. ถ้าต้องการแยกเข็มหมุดและผงตะไบเหล็กออกจากทราย ควรใช้วิธีการแยกในข้อใดจึงเหมาะสม ก.การกรอง ข.การรินออก ค.การตกตะกอน ง.การใช้แม่เหล็กดึงดูด 7. เด็กชายเอช่วยคุณแม่แยกกากมะพร้าวออกจากน้ำกะทิ เด็กชายเอควรเลือกวิธีการข้อใดจึงเหมาะสม ก.การร่อน ข.การกรอง ค.การหยิบออก ง.การตกตะกอน 8. ข้อใดสัมพันธ์กันระหว่างสารกับวิธีการแยกสาร ก.แยกข้าวเปลือกออกจากข้าวสาร : การหยิบออก ข.แยกเข็มหมุดออกจากผงตะไบเหล็ก : การกรอง ค.แยกนํ้าตาลออกจากผงถ่าน : การระเหยแห้ง ง.แยกตะกอนดินออกจากนํ้า : การร่อน 9. การกรองเป็นวิธีการที่สามารถใช้แยกสารในข้อใดออกจากกัน ก.ทรายกับเกลือ ข.แป้งมันกับผงชอล์ก ค.เกลือกับน้ำตาลทราย ง.ผงตะไบเหล็กกับทราย 10.ถ้าต้องการนำนํ้าคลองที่ขุ่นมาทำให้นํ้าใสขึ้นเพื่อใช้ในครัวเรือน ควรเลือกใช้วิธีการข้อใดจึงเหมาะสม ก.ร่อนด้วยตะแกรง ข.กรองด้วยผ้าขาวบาง ค.ระเหยแห้งโดยการนำมาผึ่งแดด ง.ตกตะกอน -5-


กรอบความรู้ที่1 ลักษณะของสารเนื้อผสม เรื่อง “การทำนมถั่วเหลือง” การทำนมถั่วเหลือง เริ่มจากคัดเมล็ดถั่วเหลืองที่สมบูรณ์ เมล็ดไม่ลีบ นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วแช่น้ำเปล่าสะอาดเป็นเวลา 1 คืน จากนั้นนำเมล็ดถั่วมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง แล้วนำเมล็ดมาปั่น รวมกับน้ำ นำส่วนผสมที่ได้มากรองด้วยผ้าขาวบาง และนำน้ำถั่วเหลืองขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือดและมีฟอง ให้ตักฟองออกเรื่อยๆ จนหมด หมั่นคนส่วนผสมเพื่อไม่ให้ส่วนผสมไหม้ จากนั้นปิดไฟ ก็จะได้นมถั่วเหลือง เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ ประกอบด้วยสารอาหารทั้ง 5 หมู่ คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบโฮเดรต, เกลือแร่และวิตามิน โดยเฉพาะโปรตีน ที่มีอยู่สูงซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ถั่ว เหลือง เป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง เมื่อเทียบกับอาหารโปรตีนชนิดอื่น การทำนมถั่วเหลืองใช้วิธีการ แยกสารในหลายขั้นตอน แต่เป็นการแยกสารอย่างง่าย กรอบค าถามที่ 1 -6- 1. ขั้นตอนการทำนมถั่วเหลือง ขั้นตอนใดมีการแยกสาร 2. การแยกสารในขั้นตอนการทำนมถั่วเหลือง เป็นการแยกสารด้วยวิธีใด


เฉลยกรอบค าถามที่ 1 1. ขั้นตอนการทำนมถั่วเหลือง ขั้นตอนใดมีการแยกสาร ตอบ : การคัดเมล็ดถั่วเหลืองที่สมบูรณ์ เมล็ดไม่ลีบ การนำส่วนผสมที่ปั่นแล้ว มากรองด้วยผ้าขาวบาง 2. การแยกสารในขั้นตอนการทำนมถั่วเหลือง เป็นการแยกสารด้วยวิธีใด ตอบ : การหยิบออก และการกรองตามลำดับ -7-


กรอบความรู้ที่ 2 ลักษณะของสารเนื้อผสม เรื่อง “การผลิตข้าวสาร” การผลิตข้าวสารทำได้โดยการสีข้าวเพื่อทำให้เปลือกข้าวหลุดออกจากข้าวเปลือกเหลือแต่ข้าวสาร การสีข้าวจะได้สารหลายอย่างปนมากับข้าวสาร เช่น เปลือกข้าวหรือแกลบ เมล็ดหญ้า รำข้าว โดยสาร เหล่านี้จะไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน จึงจัดเป็นสารเนื้อผสม การที่จะได้เมล็ดข้าวที่สะอาดมาบรรจุถุงต้อง ใช้วิธีการแยกสารที่หลายวิธี เพื่อแยกสารที่ปะปนออกจากกัน ขั้นตอนการผลิตข้าวสาร ดังนี้ 1. ทำความสะอาดข้าวเปลือก เพื่อแยกสิ่งแปลกปลอม เช่น ฟาง เศษพืช ฝุ่น ผง กรวด ทราย ออกจากข้าวเปลือก การทำความสะอาดข้าวเปลือกเป็นการทำความสะอาดแบบแห้งเช่น ใช้ตะแกรงร่อน 2. การกะเทาะเปลือก เพื่อที่จะแยกเอาเปลือกหุ้มเมล็ด ซึ่งเรียกว่า แกลบ กะเทาะให้แกลบหลุด ออกจากตัวเมล็ดข้าว ข้าวที่ได้จากขั้นตอนนี้เรียกว่า ข้าวกล้องซึ่งยังมีเยื่อหุ้มเมล็ดติดอยู่ 3. การขัดขาวและขัดมัน เป็นการขัดชั้นรำ ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มเมล็ด ออกจากข้าวกล้อง ให้เหลือเฉพาะ ส่วนของเมล็ดข้าวขาวๆ และขัดมันเพื่อให้ผิวของเมล็ดข้าวเรียบเป็นเงาสะอาด รำข้าว ที่เป็นผลพลอยได้ จากขั้นตอนนี้ 4. การคัดขนาดข้าวสาร ใช้ตะแกรงขนาดที่มีรูเปิดที่มีความยาวแตกต่างกัน เพื่อแยกข้าวสารเต็ม เมล็ดออกจากข้าวหัก และปลายข้าว กรอบค าถามที่ 2 1. ขั้นตอนการผลิตข้าวสาร ขั้นตอนใดมีการแยกสาร 2. การแยกสารในขั้นตอนการผลิตข้าวสาร เป็นการแยกสารด้วยวิธีใด -8-


เฉลยกรอบค าถามที่ 2 1. ขั้นตอนการผลิตข้าวสาร ขั้นตอนใดมีการแยกสาร ตอบ : ทำความสะอาดข้าวเปลือก การกะเทาะเปลือก เพื่อที่จะแยกเอาเปลือกหุ้มเมล็ด การขัดขาวและขัดมัน การคัดขนาดข้าวสาร 2. การแยกสารในขั้นตอนการผลิตข้าวสาร เป็นการแยกสารด้วยวิธีใด ตอบ : ทุกขั้นตอนใช้วิธีการร่อน ผ่านตะแกรง -9-


กรอบความรู้ที่ 3 องค์ประกอบของสารเนื้อผสม สารต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันมีหลายชนิด มีสารตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปผสมกันเราเรียกว่า สารผสม ซึ่ง สารที่ผสมกันนั้นอาจจะรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันโดยตลอด เรียกว่า สารเนื้อเดียว หรืออาจจะไม่รวมตัวเป็น เนื้อเดียวกัน เรียกว่า สารเนื้อผสม เช่น น้ำเชื่อม มองเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน จัดเป็นสารเนื้อเดียว องค์ประกอบสำคัญมีนํ้าและนํ้าตาล บัวลอย มองเห็นส่วนประกอบมากกว่า 1 อย่างจัดเป็นสารเนื้อผสม กรอบค าถามที่ 3 เปลือกหอยปนทราย น้ำโคลน กากมะพร้าวปนกะทิ ผงเหล็กปนกับผงถ่าน 1. สารเนื้อผสมมีลักษณะอย่างไร 2. จากรูป น้ำโคลน กากมะพร้าวปนกะทิ ผงเหล็กปนกับผงถ่าน ลอดช่องกะทิ เปลือกหอยปนทราย และน้ำพริกกะปิสารผสมแต่ละอย่างมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ลอดช่องกะทิ น้ำพริกกะปิ -10-


เฉลยกรอบค าถามที่ 3 1. สารเนื้อผสมมีลักษณะอย่างไร ตอบ สารที่มีส่วนผสมตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปอยู่รวมกันโดยเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน 2. จากรูป น้ำโคลน กากมะพร้าวปนกะทิ ผงเหล็กปนกับผงถ่าน ลอดช่องกะทิ เปลือกหอยปนทราย และน้ำพริกกะปิ สารผสมแต่ละอย่างมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ตอบ - น้ำโคลน ประกอบด้วย น้ำ ดิน เศษหินเล็กๆ - กากมะพร้าวปนกะทิ ประกอบด้วย มะพร้าวที่ขุดแล้วและน้ำ - ผงเหล็กปนกับผงถ่าน ประกอบด้วย ผงเหล็กและผงถ่าน - ลอดช่องกะทิ ประกอบด้วย นํ้ากะทิ ลอดช่อง นํ้าตาล และเกลือ - เปลือกหอยปนทราย ประกอบด้วย - น้ำพริกกะปิ ประกอบด้วย กะปิ มะนาว น้ำปลา น้ำตาล พริก และมะเขือพวง -11-


กรอบความรู้ที่ 4 การแยกสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของแข็ง สารเนื้อผสมที่ประกอบด้วยของแข็งผสมกับของแข็ง แต่มีลักษณะและสมบัติที่แตกต่างกันปะปน กันอยู่ สามารถแยกสารได้หลายวิธี เช่น การหยิบออก การร่อน การฝัด การหยิบออก เป็นการแยกของแข็งออกจากของแข็งที่มีลักษณะ เช่น สี รูปร่าง ขนาด แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นการเก็บข้าวเปลือกออกจากข้าวสาร ก่อนนำไปประกอบอาหาร การร่อน เป็นการแยกของแข็งที่มีขนาดแตกต่างกันผ่านตะแกรง เช่นการร่อนแป้งเพื่อทำขนม การฝัด เป็นการแยกของแข็งที่มีมวลแตกต่างกันออกจากกัน เช่น การฝัดข้าว เพื่อแยกแกลบ ออกจากเมล็ด สมัยก่อนหลังจากที่ตำข้าวเปลือกแล้ว จะมีเมล็ดข้าวสารปนกับเปลือกข้าว(แกลบ) การฝัด ข้าว จะช่วยให้แกลบปลิวแยกออกมาจากเมล็ดข้าวสารก่อนนำไปรับประทาน กรอบค าถามที่ 4 1. การแยกเมล็ดข้าวออกจากสารเนื้อผสมทำได้อย่างไรบ้าง และเรียกวิธีการนั้นว่าอย่างไร 2. การเลือกวิธีการแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกันพิจารณาจากอะไรบ้าง 3. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง -12-


เฉลยกรอบค าถามที่ 4 1. การแยกเมล็ดข้าวออกจากสารเนื้อผสมทำได้อย่างไรบ้าง และเรียกวิธีการนั้นว่าอย่างไร ตอบ การเก็บข้าวเปลือกออกจากข้าวสาร เรียกวิธีหยิบออก แยกแกลบออกจากเมล็ด เรียกวิธี ฝัดข้าว 2. การเลือกวิธีการแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกันพิจารณาจากอะไรบ้าง ตอบ สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งผสมกับของแข็ง แต่มีลักษณะและสมบัติที่แตกต่างกัน 3. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง ตอบ -ก่อนแช่ข้าวเหนียวหยิบส่วนผสมออกก่อนเช่น แกลบ เศษดอกหญ้า -หยิบเศษใบออกจากกองทรายก่อนใช้ผสมปูน -แยกขยะ ก่อนกำจัดขยะ -การคัดแยกขนาดของไข่ไก่ -13-


กรอบความรู้ที่ 5 การแยกสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของเหลว สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งผสมกับของเหลว สามารถแยกสารออกจากกันได้หลายวิธี เช่น การตกตะกอน การรินออก การกรอง การตกตะกอน เป็นวิธีที่ทำให้ของแข็งค่อยๆแยกตัวและจมลงที่ก้นภาชนะจากนั้นแยกของเหลว ออกจากของแข็งโดยการรินของเหลวออก เช่น การตะกอนของน้ำโคลน การตกตะกอนของน้ำปูนใส การแยกน้ำปูนใส นำปูนแดงประมาณ 300 กรัม มาใส่ในขวดพลาสติกขนาด 1.5 ลิตร เติมน้ำให้ สูงเท่ากับคอขวด จากนั้นเขย่าให้ปูนแดงละลาย ทิ้งไว้สักพัก ปูนแดงก็จะตกตะกอน น้ำจะใสขึ้น ค่อย ๆ รินเอาน้ำใสๆ ใส่ขวดพลาสติกเปล่าอีกใบ หากยังแยกออกไม่หมดให้ใช้วิธีกรองสารอีกครั้ง โดยใช้ผ้าขาว บางกรอง หรือกระดาษกรอง การกรอง เป็นวิธีที่ทำให้ของเหลวไหลผ่านตัวกรองที่รูขนาดเล็ก เช่น กระดาษกรอง ผ้าขาวบาง กระชอน ซึ่งของแข็งผ่านไม่ได้ จึงค้างอยู่บนตัวกรอง เช่น การกรองกาแฟ การกรองน้ำกะทิ กรอบค าถามที่ 5 1. การแยกน้ำปูนใส และแยกน้ำโคลน ใช้วิธีใดบ้าง 2. การแยกสารโดยการตกตะกอน กับการแยกโดยใช้กระดาษกรอง วิธีใดแยกสารได้ดีกว่า 3. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง -14-


เฉลยกรอบค าถามที่ 5 1. การแยกน้ำปูนใส และแยกน้ำโคลน ใช้วิธีใดบ้าง ตอบ - การแยกน้ำปูนใส ใช้วิธีตกตะกอน หากต้องการใสมากๆ ใช้ วิธีการกรองอีกครั้ง - การแยกน้ำโคลน ใช้วิธีตกตะกอน หากต้องการใสมากๆ ใช้ วิธีการกรองอีกครั้ง 2. การแยกสารโดยการตกตะกอน กับการแยกโดยใช้กระดาษกรอง วิธีใดแยกสารได้ดีกว่า ตอบ วิธีการกรอง แยกสารได้สะอาดกว่า ดีกว่า 3. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง ตอบ -ใช้กรองชา ก่อนดื่มป้องกันฝุ่นผงจากใบชา -กรณีน้ำขุ่น ใช้วิธีกรองด้วยผ้าขาวบางก่อนใช้ -15-


กรอบความรู้ที่ 6 การแยกสารเนื้อผสมที่เป็นสารแม่เหล็ก สารเนื้อผสมที่มีสารแม่เหล็ก ซึ่งเป็นสารที่แม่เหล็กดึงดูดได้ปะปนกับสารอื่นๆ สามารถแยกสาร แม่เหล็กออกจากสารเนื้อผสมได้ โดยวิธีการใช้แม่เหล็กดึงดูด เช่น การใช้แม่เหล็กดึงดูดผงตะไบเหล็กออก จากทราย การใช้แม่เหล็กดึงดูดผงเหล็กที่ปนอยู่กับเมล็ดข้าวเปลือก การแยกลวดเสียบกระดาษออกจาก ทราย วัตถุที่ไม่มีสารแม่เหล็ก แม่เหล็กจะไม่ดึงดูด เช่น ข้าวเปลือก เม็ดดิน พลาสติก วัตถุที่ไม่มีสาร แม่เหล็ก แม่เหล็กจะไม่ดึงดูด เช่น ข้าวเปลือก เม็ดดิน พลาสติก กรอบค าถามที่ 6 1. เมล็ดข้าวเปลือกและผงเหล็กมีลักษณะและสมบัติอย่างไร 2. การแยกผงเหล็กที่ปนอยู่กับเมล็ดข้าวเปลือกทำได้อย่างไรและเรียกวิธีการแยกสารนั้นว่า 3. การแยกผงเหล็กที่ปนอยู่กับดิน ทำได้อย่างไรและเรียกวิธีการแยกสารนั้นว่า 4. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง -16-


เฉลยกรอบค าถามที่ 6 1. เมล็ดข้าวเปลือกและผงเหล็กมีลักษณะและสมบัติอย่างไร ตอบ เมล็ดข้าวเปลือกผิวสากๆ มีขนาดใหญ่กว่าผงเหล็ก ผงเหล็กมีสารแม่เหล็ก แม่เหล็กจึงสามารถดูผงเหล็กได้ แต่เมล็ดข้าวเปลือกไม่ใช่สารแม่เหล็ก แม่เหล็กจึงไม่สามารถ ดูเมล็ดข้าวเปลือกได้ 2. การแยกผงเหล็กที่ปนอยู่กับเมล็ดข้าวเปลือกทำได้อย่างไรและเรียกวิธีการแยกสารนั้นว่า ตอบ การใช้แม่เหล็กดึงดูดผงเหล็กที่ปนอยู่กับเมล็ดข้าวเปลือกให้แยกออกจากกัน เรียกวิธีการแยกสารนี้ว่า “ใช้แม่เหล็กดึงดูด” 3. การแยกผงเหล็กที่ปนอยู่กับดิน ทำได้อย่างไรและเรียกวิธีการแยกสารนั้นว่า ตอบ การใช้แม่เหล็กดึงดูดผงเหล็กที่ปนอยู่กับดินให้แยกออกจากกัน เรียกวิธีการแยกสารนี้ว่า “ใช้แม่เหล็กดึงดูด” 4. วิธีการแยกสารจากกรอบความรู้นี้ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างไรบ้าง ตอบ -ใช้ดูดเศษตะปูที่ล่วงตามพื้นดิน -ใช้แม่เหล็กดูดสารเนื้อผสมที่มีผงเหล็กปนอยู่ในของเหลว -ปั้นจั่นแยกขยะ -17-


กรอบความรู้ที่ 7 การใช้ประโยชน์จากการแยกสารเนื้อผสม น้ำตาลปึกคือน้ำตาลที่ได้จากงวงหรือจั่นมะพร้าว วิธีการทำน้ำตาลปึกเริ่มตั้งแต่ การทำความ สะอาดจั่นมะพร้าวโดยรูดดอกมะพร้าว เก็บมดและแมลงต่างๆออกจากจั่นมะพร้าว ต่อมานวดจั่นมะพร้าว ให้นิ่ม จากนั้นใช้มีดปาดจั่นมะพร้าวให้น้ำตาลมะพร้าวค่อยๆไหลลงในกระบอกเก็บน้ำตาล น้ำตาลสดที่รองมาจากต้น ถ้าต้องการทำเป็นน้ำตาลปึก ก็จะนำไปใส่กระทะใบบัว ซึ่งมีผ้าขาวบาง กรองเอาฟองน้ำตาล และเศษไม้ออก แล้วก่อไฟให้หมดควัน จึงนำกระทะใบบัวมาตั้งบนเตาไฟ คอยเติม ฟืนให้รักษาระดับความร้อนคงที่ พอน้ำตาลเดือดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง น้ำตาลจะงวด มีฟองผุดขึ้น คลุมผิวน้ำตาลในกระทะ ใช้กระบวยตักฟองออกทิ้ง (หรือเก็บไว้เคี่ยวทำขนมตังเม) เพื่อให้น้ำตาลมีสี สวยน่ารับประทาน เมื่อน้ำตาลเหนียวหนึบหนับ ฟองที่ผุดขึ้นเริ่มผุดช้าลง จะมีเสียงแตกดังปุ่บปั่บ ยก กระทะลงจากเตาไฟ ใช้ไม้กวน (ทำจากไม้ต้นนุ่น เรียกว่า ไม้กระหนวน) กวนน้ำตาลจนเหนียวเริ่มเป็น สีขาว ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ต่อจากนั้นใช้กระบวยตักน้ำตาลหยอดลงในถ้วย ซึ่งมีผ้าขาวบางรอง อยู่วางบนตะแกรง ทิ้งไว้ให้น้ำตาลแห้งจึงแกะออกจากถ้วย ประกบเป็นคู่ๆ เรียกว่า น้ำตาลปึก กรอบค าถามที่ 7 1. การทำน้ำตาลปึก มีขั้นตอนใดบ้างที่มีการแยกสารเนื้อผสม 2. การแยกสารเนื้อผสม ในขั้นตอนการทำน้ำตาลปึก มีวิธีการแยกสารด้วยวิธีใดบ้าง 3. การทำน้ำตาลปึก ถ้าไม่มีการแยกสารที่ปนอยู่ในน้ำตาลมะพร้าวด้วยวิธีต่างๆ น้ำตาล ปึกที่ได้จะมีลักษณะอย่างไร -18-


เฉลยกรอบค าถามที่ 7 1. การทำน้ำตาลปึก มีขั้นตอนใดบ้างที่มีการแยกสารเนื้อผสม ตอบ ขั้นตอนการทำความสะอาดจั่นมะพร้าว ขั้นตอนการกรองน้ำตาลมะพร้าวลงกระทะ เพื่อต้ม ขั้นตอนการตักฟองอากาศทิ้ง ขณะต้ม 2. การแยกสารเนื้อผสม ในขั้นตอนการทำน้ำตาลปึก มีวิธีการแยกสารด้วยวิธีใดบ้าง ตอบ การหยิบออก การกรอง การตัก(การหยิบออก) 3. การทำน้ำตาลปึก ถ้าไม่มีการแยกสารที่ปนอยู่ในน้ำตาลมะพร้าวด้วยวิธีต่างๆ น้ำตาล ปึกที่ได้จะมีลักษณะอย่างไร ตอบ น้ำตาลปึกจะมีสิ่งเจือปน ไม่สะอาด ไม่น่ารับประทาน -19-


กรอบความรู้ที่8 กรอบสรุป การแยกสารเนื้อผสม สารเนื้อผสมเป็นสารผสมซึ่งประกอบด้วยสาร 2 ชนิดขึ้นไปอยู่รวมกันโดยเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน การแยกสารเนื้อผสมออกจากกัน เพื่อนำสารที่ได้มาใช้ประโยชน์ทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะและ สมบัติของสาร นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณสารที่ต้องการ ความสะดวก ความปลอดภัย สารเนื้อผสมที่ประกอบด้วย ของแข็งผสมกับของแข็งซึ่งมีลักษณะต่างกันชัดเจน แยกออกจากกันโดยวิธีหยิบออกหรือการร่อน สารเนื้อผสมที่ประกอบด้วย ของแข็งผสมกับของเหลว แยกของแข็งและของเหลวออกจากกัน โดยวิธีการกรองหรือการตกตะกอน สารเนื้อผสมที่ประกอบด้วย ของแข็งที่เป็นสารแม่เหล็กผสมกับของแข็งที่ไม่ใช่สารแม่เหล็ก แยก สารแม่เหล็กออกได้โดยใช้วิธีการ ใช้แม่เหล็กดึงดูด กรอบค าถามที่ 8 จงเลือกวิธีการแยกสารทางขวามือ มาเติมด้านหลังข้อสารเนื้อผสมต่อไปนี้ 1. ดินสอพองผสมน้ำ……………………………… A. การกรอง 2. เศษเหล็กปนกับขยะ…………………………… B. การหยิบออก 3. ตะปูปนกรวด…………………………………….. C. แม่เหล็กดึงดูด 4. ข้าวสารมีแกลบปนเล็กน้อย………………… D. ตกตะกอน รินออก 5. ปลาตัวเล็กๆติดแหปนมากับปลาใหญ่…… 6. น้ำกะทิผสมกับเนื้อมะพร้าวบด……………. 7. น้ำประปาขุ่น…………………………………….. -20- -21-


เฉลยกรอบค าถามที่ 8 จงเลือกวิธีการแยกสารทางขวามือ มาเติมด้านหลังข้อสารเนื้อผสมต่อไปนี้ 1. ดินสอพองผสมน้ำ D.ตกตะกอน รินออก A. การกรอง 2. เศษเหล็กปนกับขยะ C. แม่เหล็กดึงดูด B. การหยิบออก 3. ตะปูปนกรวด C. แม่เหล็กดึงดูด C. แม่เหล็กดึงดูด 4. ข้าวสารมีแกลบปนเล็กน้อย B. การหยิบออก D. ตกตะกอน รินออก 5. ปลาตัวเล็กๆติดแหปนมากับปลาใหญ่ B. การหยิบออก 6. น้ำกะทิผสมกับเนื้อมะพร้าวบด A. การกรอง 7. น้ำประปาขุ่น D. ตกตะกอน รินออก


แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง วิธีการแยกสารเนื้อผสม คำสั่ง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ 1. สารเนื้อผสมมีลักษณะอย่างไร ก.มีสารที่เป็นองค์ประกอบมากกว่า 1 อย่าง ข.ผสมกลมกลืนกันแยกไม่ออก ค.ต้องเป็นของแข็งเท่านั้นที่ผสมกัน ง.ต้องแยกโดยการหยิบออกเท่านั้น 2. ข้อใดสัมพันธ์กันระหว่างสารกับวิธีการแยกสาร ก.แยกข้าวเปลือกออกจากข้าวสาร : การหยิบออก ข.แยกเข็มหมุดออกจากผงตะไบเหล็ก : การกรอง ค.แยกนํ้าตาลออกจากผงถ่าน : การระเหยแห้ง ง.แยกตะกอนดินออกจากนํ้า : การร่อน 3. การแยกผงเหล็กกับนํ้าตาลทรายใช้วิธีการใด ก.เฉพาะข้อ A ข.ข้อ A และ B ค.ข้อ B และ C ง.ข้อ A และ C 4. สารผสมข้อใดสามารถแยกโดยการตกตะกอน ก.นํ้าปลา ข.นํ้าโคลน ค.สารละลายนํ้าเชื่อม ง.สารละลายแอลกอฮอล์ A. การหยิบออก B. การใช้แม่เหล็กดึงดูด C. การละลายนํ้าและกรอง -22-


5. ถ้าต้องการแยกเข็มหมุดและผงตะไบเหล็กออกจากทราย ควรใช้วิธีการแยกในข้อใดจึงเหมาะสม ก.การกรอง ข.การรินออก ค.การตกตะกอน ง.การใช้แม่เหล็กดึงดูด 6. เด็กชายเอช่วยคุณแม่แยกกากมะพร้าวออกจากน้ำกะทิ เด็กชายเอควรเลือกวิธีการข้อใดจึงเหมาะสม ก.การร่อน ข.การกรอง ค.การหยิบออก ง.การตกตะกอน 7. สารผสมข้อใดแยกออกจากกันได้โดยวิธีการหยิบออก ก.น้ำผสมน้ำมัน ข.พริกป่นผสมน้ำตาลทราย ค.ข้าวสารผสมกรวดทราย ง.เกลือผสมแป้งมันสำปะหลัง 8. การกรองเป็นวิธีการที่สามารถใช้แยกสารในข้อใดออกจากกัน ก.ทรายกับเกลือ ข.แป้งมันกับผงชอล์ก ค.เกลือกับน้ำตาลทราย ง.ผงตะไบเหล็กกับทราย 9. การใช้แม่เหล็กดูดเหมาะในการแยกสารในข้อใด ก. แยกตะกอนดินออกจากน้ำคลอง ข. แยกผงฝุ่นออกจากเกลือ ค. แยกเข็มหมุดออกจากจิ้มฟัน ง. แยกเกลือออกจากน้ำเกลือ 10. ข้อใดคือประโยชน์ของการแยกสารเนื้อผสมในชีวตประจำวัน และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ ก.การสีข้าว ข.การทำน้ำตาลปึก ค.การทำนมถั่วเหลือง ง.ถูกทุกข้อ -23-


เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง วิธีการแยกสารเนื้อผสม คำชี้แจง 1. เกณฑ์การประเมิน แบบทดสอบมีจำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 2. ระดับคุณภาพ ดี หมายถึง ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน พอใช้ หมายถึง ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน ปรับปรุง หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน ข้อ คำตอบ 1 ก 2 ค 3 ค 4 ข 5 ค 6 ง 7 ข 8 ก 9 ก 10 ง -24-


เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม คำชี้แจง 1. เกณฑ์การประเมิน แบบทดสอบมีจำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 2. ระดับคุณภาพ ดี หมายถึง ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน พอใช้ หมายถึง ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน ปรับปรุง หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน ข้อ คำตอบ 1 ก 2 ก 3 ค 4 ข 5 ง 6 ข 7 ค 8 ก 9 ค 10 ง -25-


บรรณานุกรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือครู รายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2562. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.: โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, 2561. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2562.


Click to View FlipBook Version