วารสารรายปั กษ์ หนองนาคำ ฉบับที่ 5 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564
อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างสรรค์ภูมิปั ญญา พัฒนาคุณภาพชีวิต
วารสาร
ห น อ ง น า คำ
NONGNAKHAM JOURNAL
" ค ว า ม ห วั ง ห ลั ง น้ำ ล ด "
NONGNAKHAM JOURNAL
วารสารหนองนาคำ ก อ ง บ ร ร ณ า ธิ ก า ร
ฉบับที่ 5 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอหนองนาคำ
จัดทำขึ้นโดยที่ทำการปกครองอำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น นางบุษกร ชินอ้วน ปลัดอำเภออาวุโส
เพื่อการประชาสัมพันธ์ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน นายกำชัย หาจันดา ปลัดอำเภอ
นายวรชัย ธรรมชาติ ปลัดอำเภอ
คณะที่ปรึกษา รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายสมบัติ โหมดขาว ปลัดอำเภอ
นายอำเภอหนองนาคำ นางสาวรักษณาลี วงษาหาร ปลัดอำเภอ
นายจารึก เหล่าประเสริฐ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหนองนาคำ นางจันสุดา ชัยเลิศ เสมียนตราอำเภอ
นายปิยะพงษ์ คลังทอง พั ฒนาการอำเภอหนองนาคำ นางสาวนวพร ไกรษร จนท.TST
นายวิลาศ วันชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองนาคำวิทยาคม นางสาวณัฐพร ศรีวิจารย์ จนท.TST
นายรังสรรค์ เชื้อสาวะถี ศิลปินมรดกอีสานสาขาวรรณศิลป์ปี 2554/นักเขียน นางสาววิชุดา อุ่นสา จนท.TST
น.ส.สุภาเพ็ญ พรมโสภณ ประธานสโมสรนักเขียนภาคอีสานฯ/นักเขียน นางสาวเกษร โพทิพยวงษ์ จนท.TST
นายสมคิด สิงสง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมูลนาค/นักเขียน นางสาวอรสา จันสนิท จนท.TST
นายสังคม เภสัชมาลา ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอหนองนาคำ นายสราวุธ นามตะ จนท.TST
นายสรยุทธ วาระกูล ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนคอนสวรรค์
นายอารี พลดร
นายยุทธศักดิ์ ลุ่มใธสงค์
บทบรรณาธิการ
เดินทางมาถึงฉบับที่ 5 แล้ว สำหรับวารสารหนองนาคำ นับเป็นก้าวย่างในช่วงระยะเริ่มต้นบนเส้นทางที่ยาวไกล แม้เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆที่
ใช้ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่จำกัด กล่าวคือระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ทว่า
คณะผู้จัดทำก็มุ่งหวังที่จะพัฒนาวารสารหนองนาคำให้มีความหลากหลาย ทั้งเนื้อหาสาระและรูปแบบการนำเสนอ บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม
ของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของเราตั้งแต่ฉบับแรกเริ่ม
วารสารหนองนาคำ ฉบับที่ 5 นี้ พาดปกว่า “ความหวังหลังน้ำลด” เพราะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีน้ำท่วมไร่นาและบ้านเรือนของ
ราษฎรในหลายพื้นที่ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน สูญเสียทรัพย์สินและพืชผลซึ่งอยู่ระหว่างการเพาะปลูกจำนวนมาก รวมทั้งประชาชนหลาย
ครัวเรือนของอำเภอหนองนาคำ ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อท่วมเช่นกัน
เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย และคาดว่าไม่นานต่อจากนี้ ระดับน้ำคงลดลงเป็นปกติ ความหวังหลังน้ำลดของพี่น้องประชาชน
จะกลับมาเรืองรองอีกครั้ง หนึ่งในนั้นคือการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ พร้อมกับวาดหวังว่าจะพลิกฟื้ นผืนดินขึ้นมาเพื่อเพาะ
ปลูกให้พื ชพรรณเติบโตงอกงามอีกครั้ง
ถ้ามวลน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพืชผลให้ย่อยยับลงได้ สายน้ำเดียวกันนี้ ก็สามารถที่จะให้กำเนิดพืชพรรณ และก่อร่างสร้างวิถี
สรรพชีวิตหลังน้ำลดขึ้นมาใหม่ได้เช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญเหนือกว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามวิถีของดินฟ้า ซึ่งยากต่อการความคุมกำหนด
หรือคลาดเคลื่อนต่อการคาดหมายในบางกรณี ก็คือกำลังใจที่มุ่งมั่นเข้มแข็ง ความหวังที่เปี่ ยมล้นด้วยพลัง ทั้งจากร่างกายและ
จิตวิญญาณ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้ฟันฝ่ากับปัญหาอุปสรรค์ เพื่อการปรับตัวให้สอดคล้อง สมดุล ดำรงชีวิตอยู่อย่างมี
คุณค่า ภาคภูมิใจ ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
ปิยะพงษ์ คลังทอง
นายอำเภอหนองนาคำ
สารบัญ
04 กิจกรรมเด่น
- โคก หนอง นา โมเดล
06 นวัตกรรม 20 แวดวงการศึกษา
-นวัตกรรมทางสังคม - สงครามชีวิตโอชิน
เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG)
07 เยือนท้องถิ่น 21 เรื่องเล่าจากเยาวชน
- โครงการโรงเรียนส่งเสริม - ความแตกต่างของ 4 สุลต่าน
สุขภาพผู้สูงอายุ
13 เรื่องเล่าปลัดอำเภอ 23 หน้าต่างความคิด
- เส้นทางชีวิตวัยเด็ก...ของ ป.บอล - อุบัติกรรม
15 บทกวีมีทำนอง 24 ซึมซาบกับกาพย์กลอน
- สัญญาหนองนาคำ - ม หึ มา กะ จิ ริด
16 รายงานจากหมู่บ้าน 25 เรื่องสั้น (แปล)
- กฐินสามัคคีอำเภอหนองนาคำ - ไอ้บอด
17 ตามฮอยบ้านนามเมือง 28 วรรณศิลป์ถิ่นอีสาน
- สิ่งของสักการะ - วิถีใหม่
18 พื้นที่-วิถี-ศิลปะ 29 ผญา-พาเพลิน-เจริญใจ
- ที่โดดเดี่ยวเดียวดาย - ศาสนาและศีลธรรม
กิจกรรมเด่น I กองบรรณาธิการ
โคก หนอง นา โมเดล
หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์ สู่ โคก หนอง นา โมเดล
หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์ สู่ โคก หนอง นา โมเดล
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น.นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
นายจำเริญ แหวนเพ็ชร พัฒนาการจังหวัดขอนแก่น นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอหนองนาคำ
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประธานกลุ่มอาชีพ ผู้บริหาร อปท.ผู้นำหมู่บ้าน และนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ
ร่วมต้อนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ โคก หนอง นา โมเดล แก่คณะกรรมการ
ติดตามความก้าวหน้าโครงการพั ฒนาพื้ นที่ต้นแบบการพั ฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่
"โคก หนอง นา โมเดล" ซึ่งนำโดย ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่แปลงของนางสาวอภิญญา มูลตรี ราษฎร หมู่ 4 ตำบลบ้านโคก
อำเภอหนองนาคำ ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ขนาด
พื้นที่ 3ไร่ และได้นำเสนอรายละเอียด ดังนี้
PAGE 04 NONGNAKHAM JOURNAL
กิจกรรมเด่น I กองบรรณาธิการ
1) แนวคิด ความเป็นมา จุดเริ่มต้นการเข้าร่วมโครงการ การอบรมหลักสูตรการพัฒนากสิกรรมสู่
ระบบเศรษฐกิจพอเพี ยง
2) การจัดระเบียบการใช้ที่ดิน การออกแบบพื้นที่แปลงและการขุดปรับพื้นที่โครงสร้างพื้นฐานรูป
แบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ได้แก่ ขุดหนอง ขุดคลองไส้ไก่ หลุมขนมครก ทำฝาย ปลูกป่า 3 อย่าง
ประโยชน์ 4 อย่าง และปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านกิจกรรม “เอามื้อสามัคคี”
จากนั้น คณะอนุกรรมการฯ ร่วมปลูกต้นไม้ ปล่อยพันธุ์ปลา และเยี่ยมชมสินค้าของเครือข่ายกลุ่ม
อาชีพ และผลผลิตที่สร้างรายได้ในแปลง เช่น แตงไทย แตงกวา เม็ดบัว หน่อไม้สด ผักใบพาย มะละกอ
ใบตอง สมุนไพร ฯลฯ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯได้กล่าวชื่นชมให้กำลังใจและแนะนำเกษตรกรเจ้าของแปลงที่เข้าร่วมโครงการ
ให้ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องและพั ฒนาให้ยั่งยืนต่อไป
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 05
นวัตกรรม I องค์การบริหารส่วนตำบลกุดธาตุ
นวัตกรรมทางสังคม
"เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG"
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุมอบต.กุดธาตุ นายปิยะพงษ์ คลังทอง
นายอำเภอหนองนาคำ เป็นประธานเปิดโครงการส่ง-
เสริมและพั ฒนาศักยภาพด้านการเมืองอัจฉริยะ
(Smart City) ภายใต้กิจกรรม:พัฒนาฐานข้อมูล
โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (ไฟฟ้าส่อง-
สว่าง Smart I Pole/การถอดสรุปบทเรียนของการ
จัดทำนวัตกรรม)
ดำเนินการโดย อบต.กุดธาตุ มีกลุ่มเป้าหมายเป็น
ผู้นำหมู่บ้านจำนวน30คน ซึ่งมีคณะวิทยากร นำโดย
อาจารย์ศุภชาติ บุตรดีขันธ์ กรรมการและที่ปรึกษา
ผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ และคณะเป็นวิทยากร
บรรยายให้องค์ความรู้
PAGE 06 NONGNAKHAM JOURNAL
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
โครงการโรงเรียน
ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุเพื่ อให้
“สูงอายุอย่างสง่า ชราอย่างมีคุณภาพ”
ประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society) แล้วโดยมีการประมาณการว่ามีสัดส่วนผู้สูงอายุ
ในช่วง 60 ปีขึ้นไปถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 13 ล้านคน และคาดการณ์ว่า อีก 20 ปี
ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของคนไทยจะเป็นผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไปจะมี
มากถึง 3.5 ล้านคนปัจจุบันสัดส่วนประชากรในจังหวัดขอนแก่นที่เป็นผู้สูงอายุมีจำนวน 325,927 คนคิดเป็นร้อย
ละ 18.16 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย) และประขากรในตำบลบ้านโคก
จำนวน 5,013 คน มีจำนวนผู้สูงอายุ 844 คนคิดเป็นร้อยละ 16.83ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทั้งประเทศและ
ในจังหวัดขอนแก่น
เทศบาลตำบลหนองนาคำ จึงได้จัดทำโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุตำบลบ้านโคกต่อเนื่องเป็นปีที่
4 โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพความต้องการของผู้สูงอายุตำบลบ้านโคก โดยเพิ่มแนวคิดในการ
ดำเนินกิจกรรมเป็นแบบ “สูงอายุอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีคุณภาพ” โดยมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุในตำบลบ้านโคก
สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ลดการพึ่งพา ให้เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพทางสังคม ภูมิปัญญา เศรษฐกิจ และ
สุขภาพต่อไป ไม่เป็นภาระต่อสังคมและครอบครัวและเกิดการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครอง
ท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐ ในการดูแลผู้สูงอายุ ในปี 2564 มีจำนวนผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 40
คน การจัดกิจกรรมมีจำนวน 6 ครั้ง ได้แก่
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 07
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
ครั้งที่ 1
กิจกรรมตรวจประเมิณสุขภาพ/เศรษฐกิจพอเพี ยงด้านการเกษตร
ผู้สูงอายุได้รับการตรวจสุขภาพและคำแนะนำเบื้องต้นในการดูแล
สุขภาพของตนเองก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และได้รับความรู้ในด้าน
การเกษตรเรื่องการเตรียมดิน การเพาะกล้า และการทำปุ๋ยหมักไว้ใช้
เองในครัวเรือน เป็นการส่งเสริมการปลูกพืชผักอินทรีย์ไว้บริโภคใน
ครัวเรือน
PAGE 08 NONGNAKHAM JOURNAL
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
ครั้งที่ 2 กิจกรรมด้านการจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
ผู้สูงอายุได้เรียนรู้การจัดสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยภายในบ้าน เพื่อ
ป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ ซึ่งการหกลัมของผู้สูงอายุเป็นสาเหตุอันดับ
ต้นๆ ที่ทำให้ผู้สูงได้รับการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้
ครั้งที่ 3 กิจกรรมรดน้ำขอพร/สรงน้ำพระ/ฝึกอบรมอาชีพด้านการ
จักสาน
เพื่อเป็นการขอขมาแก่ผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมีความภาคภูมิใจ การมีส่วน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและเป็นการรักษาขนบทำเนียมประเพณีที่ดีสืบ
ต่อไป
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 09
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
กิจกรรมฝึกอบรมอาชีพด้านการจักสานตะกร้า
ผู้สูงอายุมีทักษะพื้ นฐานในการสานตะกร้า สามารถทำตะร้าอย่าง
ง่ายไว้ใช้เองและสามารถต่อยอดเพื่ อจำหน่ายสร้างรายได้ในครัวเรือน
ครั้งที่ 4 กิจกรรมอบรมสิทธิหน้าที่ของผู้สูงอายุ
ให้ความรู้ด้านกฎหมายเรื่องสิทธิหน้าที่ของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุได้รับ
การส่งเสริมการพั ฒนาจิตใจในด้านสุขภาพและสังคม ผู้สูงอายุมีความรู้
เบื้องต้นด้านกฎหมาย และสิทธิที่พึ งได้รับจากภาครัฐ
PAGE 10 NONGNAKHAM JOURNAL
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
ครั้งที่ 5 กิจกรรมฝึกอบรมอาชีพการถักธุงใยแมงมุม
กิจกรรมส่งเสริมอาชีพกรถักธุงใยแมงมุม
เป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของ
ท้องถิ่น ความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพและสร้างราย
ได้เสริมอีกทางหนึ่ง
ครั้งที่ 4 กิจกรรมการปรับพฤติกรรมตามหลัก 4 อ./ตอบแบบ
ประเมินความพึ งพอใจ/มอบใบประกาศ
ผู้สูงอายุได้รับความรู้ในเรื่องการปรับพฤติกรรมตามหลัก 4 อ. คือ
เรื่องอาหาร อารมณ์ อากาศ และการออกกำลังกาย เพื่ อการดูแลรักษา
สุขภาพของตนเองเบื้องต้นที่บ้านได้
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 11
เยือนท้องถิ่น I เทศบาลตำบลหนองนาคำ
กิจกรรมมอบใบประกาศ
ให้กับนักเรียนรุ่นที่ 4
เพื่ อความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุที่ร่วมกิจกรรม ได้รับความสุขใจ รวมถึงได้รับการพัฒนา
ทางด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดการ
พั ฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้มีมาตรฐานสูงขึ้น
PAGE 12 NONGNAKHAM JOURNAL
เรื่องเล่าปลัดอำเภอ I ป.บอล
เรื่องเล่าปลัดอำเภอ
เส้นทางชีวิตวัยเด็ก
ของ...ป.บอล
สำหรับผมแล้ว เส้นทางชีวิตของคนเราล้วนแตก กินนอนอยู่ในกระท่อมที่ทำจากซังข้าวโพด น้ำกินน้ำใช้
ต่าง บางชีวิตก็ราบเรียบเพียบพร้อมเหมือนดั่งก้าว จากบ่อที่ขุดกันขึ้นมาเองด้วยมือ ข้าวปลาอาหารทั้งหมด
เดินบนถนนคอนกรีตตลอดสาย แต่บางชีวิตก็ เป็นของที่เก็บจากป่าจากไร่จากสวนของตัวเอง หรือไม่ก็
ตะกุกตะกัก เจอแต่อุปสรรคปัญหานานาประการ ไปขอแลกเปลี่ยนกับเพื่อนบ้านที่ทำไร่อยู่ใกล้ๆกัน หลักๆที่
เสมือนดั่งเดินบนทางลูกรังมีหลุมมีบ่ออยู่ตลอด จำได้กินกันบ่อยๆ ก็จะเป็นมัน 5 นาทีเผา ข้าวจี่ เคี้ยวข้าว
ทาง แต่หลายๆชีวิตก็ผสมปนเปกันไป ย้อนไปเมื่อ หมก (พ่อแม่เคียวข้าวแล้วก็หมกใส่ใบตอง) กล้วย
สามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเริ่มจำความได้ ผมก็เป็น มะละกอสุก อะไรประมาณนี้ครับ ผมไม่เคยรู้จักตลาดนัด
เพียงเด็กน้อยบ้านป่าคนหนึ่ง หมู่บ้านของผมอยู่ใน ไม่เคยเข้าเมืองไปซื้อของในตลาดที่อำเภอหรือที่ไหนเลย
พื้นที่ห่างไกล ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มี
ประปา ไม่มีถนนคอนกรีต ไม่มีสิ่งอำนวยความ พอโตขึ้นถึงเกณฑ์ต้องเข้าโรงเรียน พ่อกับแม่ก็ส่ง
สะดวกใดๆ ผมเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน เป็นโรงเรียนขนาด
เล็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 เด็กนักเรียนทั้งหมดเป็น
ผมใช้ชีวิตอยู่กับป่ากับภูเขาเป็นส่วนมาก เพราะ เด็กในหมู่บ้านของผม ซึ่งทั้งหมดไม่น่าจะเกิน 50 คน แต่
พ่อกับแม่ของผมเป็นเกษตรกร ทำไร่มันสำปะหลัง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ตอนนี้โรงเรียนของหมู่บ้านผมปิด
ไร่ข้าวโพดอยู่แถวๆ ตีนเขา ตัวลงแล้ว จำได้ว่าสมัยเข้าเรียนผมยังวิ่งไปโรงเรียน
ด้วยเท้าเปล่าไปกลับก็ประมาณ 2 กิโลเมตร ทุกวันผม
สะพายกล่องข้าวเหนียวเล็กๆ บ้านผมเรียก “กระติบเข่า”
กับข้าวเมนูหลักๆ เลย คือ ไข่ ไข่ต้ม ไข่ทอด ไข่ดาว บาง
วันก็มีเพียงกระติบข้าวเหนียวกับปลาร้าสับ “แจ่วบอง”
หรือไม่ก็พริกเกลือ ตอนเด็กๆ ผมเรียกว่า “พริกผง”
เก็บยอดกระถินขางทางติดไม้ติดมือไปเป็นผักแกล้ม ใส่
ชุดนักเรียนเก่าๆ ชุดเดียวชุดเก่งตลอดทั้งปี คือ หมู่บ้าน
ผมเป็นหมู่บ้านห่างไกล ทุรกันดาร ทุกๆปีจะมีมูลนิธิเข้ามา
ดูแลช่วยเหลือในเรื่องการศึกษา มามอบชุดนักเรียน มอบ
สมุด ดินสอ ด้วยชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนของ
ผมก็มีเพียงเท่าที่กล่าวมา ผมก็ใส่ชุดเดิมซ้ำๆทุกวันมันก็
ค่อนข้างเก่าขาดชำรุดลงทุกวันๆ ตามการใช้งานประกอบ
กับพ่อแม่ของผมเอง ก็ต้องทำไร่หาเลี้ยงครอบครัว บาง
ที่พ่อแม่มีเวลาก็ซักให้ผมบางทีผมก็ซักเอง บางทีผมมัว
แต่วิ่งเล่นซนลืมซักชุดนักเรียนตัวเองก็มีบ้าง ที่สำคัญ
ผมเล่นซนตามประสาเด็ก “ขี้ดื้อ” ชอบไปเล่นไถลกระดาน
ลื่น กางเกงนักเรียนตัวเดียวของผมก็ขาดเป็นรอยตาม
ตูดของผมสองข้างสองรูเหมือนมีแว่นตาที่ตูดของผม
ตลอด เพื่อน ๆ มักล้อผมว่า “ไอ้แว่นตา”
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 13
เรื่องเล่าปลัดอำเภอ I ป.บอล
พูดถึงฉายานี้แล้ว ผมก็ยังมีอีกฉายาหนึ่งที่เพื่อนๆ สิ่งที่หมู่บ้านผมมีในช่วงเวลานั้นคือความรักความสามัคคี เอื้อ
ชอบล้อผมตลอด คือเมื่อก่อนตอนเด็กจะมีโครงการช่วย อาทรต่อกัน ทำกิจกรรมตอนเย็นๆด้วยกัน หยอกล้อเล่นกัน
เหลือเด็กขาดสารอาหาร ผมก็ไม่พลาดที่จะเข้าเกณฑ์ที่จะ อยู่และกินด้วยกันนี่คือสิ่งที่เรามีให้กันไม่เคยขาดแคลน แต่สิ่ง
ได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน ผมเป็นเด็กขาดสาร ที่เราไม่มีคือถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา สิ่งอำนวยความ
อาหาร หลายๆท่านคงจะนึกภาพออกว่าลักษณะของผม สะดวกตามสมควรกับพวกเรา มันจึงฝังอยู่ในหัวจิตหัวใจ
ตอนนั้นจะเป็นยังไง คุณครูของผมก็จะให้ผมกินไข่และนม ของผมว่าสักวันหนึ่งผมจะต้องมีส่วนทำให้หมู่บ้านของผมดี
ทุกๆวัน เพื่อนๆก็จะล้อผมว่า “ไอ้หัวโต” ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมต้องเป็นข้าราชการให้ได้ แต่ตอนนั้นก็ยัง
ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอะไร ต้องทำอย่างไรบ้าง คิดเพียงว่าต้อง
ประมาณช่วงที่ผมเรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่ 4 น้องชาย มีสักวันจะมีบทบาทในการพัฒนาพื้นที่ทุรกันดาร และสักวันจะ
ของผมก็เข้าเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน ต่อมาไม่นานปีน้อง กลับมาช่วยพัฒนาหมู่บ้านของผมเอง
สาวของผมก็เข้ามาเรียนด้วยอีกคน นั่นหมายความว่า
เรื่องราวชีวิตวัยเด็กของผมที่เล่ามาทั้งหมดนั้น ผมไม่ได้
ตั้งแต่ผมอายุประมาณ 10 ขวบ นอกจากตัวผมเองแล้ว เล่าเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่มันคือส่วนเล็กๆที่เป็น
ผมต้องมาดูแลน้องของผมอีกสองคน ในทุกๆเรื่อง เรื่องจริงของผม ของเด็กน้อยบ้านป่าคนหนึ่ง ไม่ได้เล่าเพื่อ
เรื่องกิน เรื่องอยู่ เรื่องไปโรงเรียน รวมตลอดถึงงาน ให้เห็นเพียงภาพความยากลำบาก รันทดในชีวิตของผมเอง
บ้าน นึ่งข้าว ล้างถ้วย ล้างชาม ทำกับข้าว เพราะพ่อแม่ แต่ผมอยากเล่าเพียงเพราะผมคิดว่า อาจจะมีสักคนหนึ่งที่ได้
ของพวกเราทำงานหามรุ่งหามค่ำตลอด หลายครั้งหลาย อ่าน และกำลังท้อแท้ ท้อถอย คิดว่าเราทำไม่ได้ เราไม่มี เราไม่
ครานอกเหนือช่วงเวลาทำการเกษตร พ่อกับแม่ของผม พร้อม เราไม่มีคุณค่า หรืออะไรต่างๆนาๆ ผมว่าทุกๆชีวิตไม่
ต้องไปรับจ้างทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ เป็นหน้าที่ของ ว่าเส้นทางชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ล้วนมีค่ามีสิ่งดีๆซ่อนอยู่เสมอ
ผมที่ต้องดูแลน้องๆของผม สามคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน เหมือนอย่างชีวิตวัยเด็กของผม แม้จะอ่านดูแล้วน่าสงสาร
กินด้วยกัน ไปเรียนด้วยกัน รอคอยวันที่พ่อกับแม่จะ แต่สำหรับผมเองผมคิดว่าผมโชคดีแล้วที่ช่วงวัยเด็กผมเดิน
กลับมา เวลาที่อยู่กับน้องๆ เราสามคนก็ใช้ชีวิตง่ายๆ บนถนนลูกรังมาโดยตลอด เส้นทางสายนี้แม้จะทำให้ผมเดิน
โชคดีที่ผมมีเชื้อพรานอยู่บ้าง หาปู หาปลา หาหอย ล่า ได้ช้า ช้ากว่าใครหลายๆคนมากแต่ผมได้อะไรหลายๆอย่าง
ระหว่างทาง ผมเดินช้าผมจึงได้เห็นหลายๆอย่างตลอดข้าง
สัตว์ พอได้กิน หรือไม่ก็เก็บผักบุ้ง จำได้ดีเลยน้องๆผม ทางชัดเจนขึ้น การที่ได้ดูแลตัวเองดูแลน้องๆของผมตั้งแต่
เลี้ยงง่าย ชอบไข่เจียว ผัดเผ็ดหอย ผัดผักบุ้ง ตอน เด็ก ทำให้ผมรู้จักมีความรับผิดชอบการที่ไม่มีรองเท้าใส่ ไม่มี
เด็กๆนะแต่ไม่รู้ตอนนี้น้องสาวที่เหลืออยู่คนเดียวของผม เสื้อผ้าดีๆใส่ มันทำให้ผมรู้จะเข้มแข็ง อดทนความฝันวัยเด็ก
เขายังชอบกินอยู่หรือเปล่า ผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้ตามวิถี ของผมทำให้ผมรู้จักเพียรพยายาม สิ่งสำคัญของชีวิตที่ไม่
ของผมจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนประจำ เคยหรูหราของผม สอนให้ผมรู้จักสู้บนความถูกต้อง เป็น
หมู่บ้านของผม ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมขาดหรือไม่มีสิ่งใด ธรรม และไม่เคยคิดจะขวนขวายให้ได้มาซึ่งลาภมิควรได้อย่าง
เลย ผมมีความสุขตลอดระยะเวลา ดีใจ ภูมิใจได้ได้เกิดที่ ใด หลายๆท่านที่มีโอกาสเดินบนเส้นทางที่ราบเรียบเพียบ
หมู่บ้านนี้ เกิดเป็นลูกพ่อกับแม่ ได้เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็น พร้อม นับว่าถือเป็นโอกาส วาสนาอันดีของท่านที่จะก้าวเดิน
น้องกับทุกๆ คนที่หมู่บ้านของผม ผมได้เกิด ได้อยู่ ได้รู้ ไปได้เร็วกว่าผมหรือใครๆ แต่ระหว่างทางผมก็อยากให้ท่านได้
ได้เห็น ได้เรียนรู้ทั้งจากตัวผมเอง ครอบครัวผม ผู้คนที่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ข้างทางไปด้วยให้ได้มากที่สุด เพราะไม่
หมู่บ้านผม สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านผม แน่ว่าเส้นทางข้างหน้าของท่านอาจเป็นทางลูกรังก็เป็นได้เช่น
กัน...โชค วาสนา อาจเป็นตัวกำหนดเส้นทางชีวิตให้เรา แต่เรา
เป็นผู้เลือกว่าจะเดินบนเส้นทางชีวิตของเราอย่างไร
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน โดยเฉพาะคนที่กำลังท้อ น้อยใจในโชคชะตาวาสนาตัวเอง ผมเชื่อว่าทุกชีวิตมีคุณค่า มีมุมดีๆ
ซ่อนอยู่ ทบทวนและสร้างกำลังใจให้กับตัวเองนะครับ
หากเรื่องเล่านี้ยังพอมีประโยชน์กับใครสักคน ในโอกาสต่อไป...ผมจะมาเล่าเรื่องราวในช่วงมัธยมศึกษา มหาลัยในเมืองกรุง
ให้ท่านได้อ่านอีกครั้งนะครับผม
PAGE 14 นายสมบัติ โหมดขาว (ป.บอล)
ปลัดอำเภอหนองนาคำ
ปลัดอำเภอ รุ่น 216 (4/2558)
NONGNAKHAM JOURNAL
บทกวีมีทำนอง I ประทีป แซมไพร
สั ญ ญ า ห น อ ง น า คำ
สาวหนองนาคำคนเมืองน้ำดำจำกันได้บ่ สัญญาว่าจะไปขอพ่อ แม่ แลญาติ
หนุ่มเมืองน้ำดำจำคำเคยได้ประกาศ ที่บ้านกุดธาตุประวัติศาสตร์พันปี
หนุ่ม - สาว ล้านช้างหัวใจยังฮักกันเหนียวแน่น กราบพญาแถนฮักกัน
มั่นแก่นสุดแสนยินดี พระธาตุยาคูคู่กับกุดธาตุทวารวดี มอบความฮักที่มีให้
คนดีไม่มีเปลี่ยนแปลง
วันออกพรรษาจะยกขันหมากมาขอหมั้น หนุ่มลำปาวยืนยันสองเฮาฮักมั่นผ่าน
ภูผาแดง อ้ายผูกฝ้ายขาวป้อนคำข้าวให้สาวคำแพง ก่อนตะวันสิ้นแสงมี
ปลาน้ำแดงสองเฮาแบ่งปัน
สาวหนองนาคำคนเมืองน้ำดำจำคำอ้ายกล่าว ความฮักสองเฮาหนาวนี้คงมี
สีสัน พระธาตุยาคูคู่กับกุดธาตุโบราณ ช่วยดลให้ถึงฝั่ งฝันฮักสองเฮานั้นมั่น
ในสัญญา
" พระธาตุยาคูคู่กับกุดธาตุมานาน จงดลให้ถึงฝั่ งฝันฮักสองเฮานั้นมั่นใน
สัญญา "
ประทีปแซมไพร : ๒๕๖๔ มีนาฟ้าสางทางขอนแก่น
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 15
รายงานจากหมู่บ้าน I กองบรรณาธิการ
กฐินสามัคคี
อำเภอหนองนาคำ
อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.00น. นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอหนองนาคำ
พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา
ภาคเอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทอดกฐินสามัคคี อำเภอหนองนาคำ ประจำปี 2564
เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่คู่กับชุมชนสืบต่อไป โดยได้ทอดถวายที่วัดสว่าง-
เทพนิมิตร บ้านหนองหญ้าปล้อง หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านโคก อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น
PAGE 16 NONGNAKHAM JOURNAL
ตามฮอยบ้าน นามเมือง I วิลาศ วันชัย
ความหมาย
ข อ ง สิ่ ง สั ก ก า ร ะ
NONGNAKHAM JOURNAL สิ่ ง สั ก ก า ร ะ ที่ ตั้ ง อ ยู่ บ น โ ต๊ ะ ห มู่ บู ช า จ ะ มี ค ว า ม
ห ม า ย ทุ ก อ ย่ า ง คื อ
ธู ป 3 ด อ ก ห ม า ย ถึ ง คุ ณ ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า 3
ป ร ะ ก า ร คื อ ปั ญ ญ า คุ ณ พ ร ะ ป ริ สุ ท ธิ คุ ณ แ ล ะ
พ ร ะ ม ห า ก รุ ณ า ธิ คุ ณ
ธู ป มี ก ลิ่ น ห อ ม เ มื่ อ ถู ก ไ ฟ ล า ม ห ม ด แ ล้ ว ค ว า ม ห อ ม
จ ะ ห ม ด สิ้ น ไ ป แ ต่ ค ว า ม ห อ ม ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ คุ ณ จ ะ
ไ ม่ มี วั น จ า ง ห า ย ก า ร ปั ก ธู ป ค ว ร ปั ก ใ ห้ ดู เ ป็ น 3
ด อ ก ไ ม่ ค ว ร ใ ช้ ย า ง รั ด ใ ห้ เ ป็ น ด อ ก เ ดี ย ว กั น
เ ที ย น 2 เ ล่ ม ห ม า ย ถึ ง พ ร ะ ธ ร ร ม แ ล ะ พ ร ะ วิ นั ย
คื อ แ ส ง ส ว่ า ง จ า ก แ ส ง เ ที ย น ย่ อ ม มี วั น ดั บ แ ล ะ วั น
มื ด แ ต่ แ ส ง ส ว่ า ง อั น ล้ำ เ ลิ ศ จ า ก ก า ร ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม
ย่ อ ม ส่ อ ง ส ว่ า ง รุ่ ง โ ร จ น์ ชั่ ว นิ รั น ด ร์
ด อ ก ไ ม้ ป ริ ศ น า ธ ร ร ม คื อ ด อ ก ไ ม้ มี วั น เ หี่ ย ว แ ห้ ง
โ ร ย ร า แ ต่ พ ร ะ ส ง ฆ์ ผู้ ท ร ง ศี ล ย่ อ ม ไ ม่ เ หี่ ย ว แ ห้ ง
โรยรา
PAGE 17
พื้นที่ - วิถี - ศิลปะ I สมคิด สิงสง
ที่ โ ด ด เ ดี่ ย ว เ ดี ย ว ด า ย
๏ โดดเดี่ยวเดียวดายใต้ฟ้ากว้าง
เคว้งคว้างในมหาพนาใหญ่
นกกายังเคียงคู่โบยบินไป
แต่ตัวเราร้างไร้อยู่เอกา
๏ อัศดงลงลับอับแสงฉาย
ฤๅชีพนี้จักเดียวดายใต้ลุ่มหล้า
เหนื่อยกายจึงทอดร่างพลางหลับตา
ใต้เงาพุ่ มพฤกษาเพื่ อผ่อนพั ก
๏ เอาหลังมือปาดเหงื่อย้อยหางคิ้ว
ปลดปล่อยใจปลิดปลิววางแบกหนัก
โอ้ค่ำนี้ไร้เงาผู้เรารัก
ที่ลงแรงสร้างหลักเพื่ อใดกัน?
๏ เหลียวซ้ายหายหน้าแม้นลูกแก้ว
แลขวาก็แล้วพาใจพรั่น
มิเห็นเงาสุดที่รักที่ผูกพั น
เดียวดายกระไรนั่นจนวังเวง
๏ เถอะจักถือพฤกษ์ไพรไว้พำนัก
เอาแมกไม้เป็นหลักหยุดคร่ำเคร่ง
เอาหริ่งหรีดเรไรเป็นเสียงเพลง
จักบรรเลงสำเนียงป่าจนสาใจ
๏ ที่โดดเดี่ยวเดียวดายใต้ฟ้านั่น
แท้สำคัญพาวิเวกเหมือนเสกได้
สมาธิ สมถะ อยู่ภายใน
พาเยือกเย็น หาใช่ ให้อาดูร ๚ะ๛
ยามย่ำค่ำ
อาทิตย์ 14 มิ.ย.2563
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 19
แวดวงการศึกษา I สรยุทธ วาระกูล
สงครามชีวิตโอชิน
ปี 2526-27ผมเคยดูซีรีย์เรื่องนี้มาครั้งหนึ่ง ชอบและจำสาระรวมทั้งฉากผิวดินในชนบทของญี่ปุ่นซึ่งถูกฉาบ-
ทาไว้ด้วยหิมะขาวโพลนจนสุดลูกหูลูกตาเอาไว้ได้อย่างประทับอกประทับใจ
โอชินเป็นซีรี่ย์ในยุค 80 ที่มีคนติดตามรับชมเป็นจำนวนมาก และถูกนำมาถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มด้วยเช่น
กัน
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสได้ชมมันอีกครั้งโดยผ่านช่องทรู สาระและบรรยากาศยังสะท้อนเรื่องราววิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ ตลอดจนการต่อสู้ของคนในสังคมญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เอาไว้ได้อย่างแนบ-
เนียน โดยผ่านตัวเอกของเรื่องที่ชื่อ "โอชิน " หรือชินทาโนะคุระ...
อิวาซากิ ซุงาโกะ ผู้ที่สร้างบทละครอันลือลั่นเรื่องนี้เคยให้สัมภาษณ์หลังที่ซีรีย์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ
ว่า เขาดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของ "คัทสึ วะดะ" หญิงสาวในตระกูลชาวนาที่ยอมขายแรงงานไปเป็นพี่เลี้ยง
เด็ก เพียงขอแลกกับข้าว 1 กระสอบเพื่อให้พ่อแม่มีอาหารกิน ซึ่งในขณะนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 7 ขวบ
เท่านั้น...
แต่ตอนท้ายในบั้นปลาย จากการต่อสู้ชีวิตอัน เครดิตภาพ : ทรู
แสนทรหด เธอพลิกผันชีวิตมาเป็นเจ้าของห้างดังที่สุด
ในญี่ปุ่นที่รู้จักกันในนาม "เยาฮัน" ที่สยายสาขามาถึง
เมืองไทย
ยอมรับว่า ดูครั้งใด ก็ดีต่อใจทุกครั้ง ละคร
ไทยน่าจะหาบทประพั นธ์ของนักเขียนคุณภาพมา
ถ่ายทอดเป็นบทหนังบทละครบ้าง อย่างน้อยก็อาจ
ช่วยย้อมฝาดนิสัยใจคอเด็กไทยที่กำลังฟุ้งซ่านกับ
เรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ในเวลานี้ได้บ้างกระมัง...
แต่หากจะว่ากันไปแล้ว เรื่องราวเก่าๆ โบร่ำ-
โบราณ ของไทยก็ให้แนวคิดดีๆ ตลอดจนจริยธรรมให้
แก่เด็กไทยได้มากมาย โดยเฉพาะหลักสูตรการศึกษา
แห่งชาติในยุคเก่าก่อนซึ่งสามารถหล่อหลอมให้เด็กไทย
มีจิตใจที่สุภาพอ่อนโยน มีความกตัญญูรู้คุณทั้งต่อผู้
มีพระคุณและประเทศชาติ โดยผ่านการอ่านการสอน
ของครูในยุคนั้น
ปัจจุบัน แม้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ฉบับปัจจุบันจะกำหนดตัวชี้วัดและหน่วยการเรียนรู้
เกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมเอาไว้เช่นกัน แต่ดูเหมือน
ว่าเรา...คนรุ่นใหม่ยังเข้าไม่ถึง
กระท่อมไชยวาน 27/10/64
PAGE 20 NONGNAKHAM JOURNAL
เรื่องเล่าจากเยาวชน I พฤนท์ วันชัย
ความแตกต่างของ 4 สุลต่าน
(มูรัดที่5,อับดุลฮามิดที่ 2,เมห์เหม็ดที่ 5,เมห์เหม็ดที่ 6)
ขอย้อนเรื่องราวสักนิดนะครับ เพื่อผู้อ่านจะได้เข้าใจ สุลต่านสี่พระองค์ ก่อนหน้าที่ผมได้กล่าวถึงนั้นเป็นบุตร
ของสุลต่านอับดุลเมจิดที่ 1 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน) พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ใน
ช่วงเวลาที่จักรวรรดิอ่อนแอ จึงเริ่มปฏิรูปจักรวรรดิใหม่ เอาเทคโนโลยีจากยุโรปมาใช้และหลังจากพระองค์
สวรรคต น้าของสุลต่านทั้งสี่ได้ขึ้นเป็นสุลต่านต่อชื่อว่า สุลต่านอับดุลอะซีซ แต่ก็ครองราชย์ได้ไม่นานก็โดน
ลอบสังหาร บุตรคนโตของสุลต่านอับดุลเมจิดที่1 ได้ครองราชย์ต่อซึ่งในตอนนี้จะเป็นตอนของ สุลต่านมูรัดที่
5 ก่อนนะครับ
สุลต่านอับดุลเมจิดที่1 ประวัติอย่างย่อ : พระองค์เป็นสุลต่าน
คนที่ 31 ของจักรวรรดิออตโตมัน เป็นบุตรของสุลต่านมาห์
หมุดที่2 ประสูติเมื่อ 25 เมษายน ค.ศ. 1823 ทรงขึ้นครองราชย์
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1839 – 25 มิถุนายน ค.ศ. 1861
ซึ่งเป็นช่วงที่จักรวรรดิออตโตมันอ่อนแอมาก
เข้าสู่เนื้อหา สุลต่านมูรัดที่5 สุลต่านอับดุลเมจิดที่1
สุลต่านมูรัดที่ 5 ภาษาตุรกีออตโตมาน : خامس مراد
ประสูติเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1840 พระองค์ขึ้นครอง- พระบรมฉายาลักษณ์สุลต่านมูรัดที่ 5
ราชย์เมื่อ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1876 เป็นสุลต่านพระองค์ที่ 33 ขณะเสด็จเยือนกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แห่งจักรวรรดิออตโตมัน พระบรมฉายาลักษณ์สุลต่านมูรัดที่ 5
ขณะเสด็จเยือนกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ 1876
พระองค์ประสูติที่อิสตันบูล เป็นพระโอรสองค์โตของสุลต่านอับ
ดุลเมจิดที่ 1 พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อ 30 พฤษภาคม ค.ศ.
1876 เมื่อสุลต่านอับดุลอะซีซ น้าของพระองค์ถูกถอดออกจาก
ราชบัลลังก์ พระองค์เป็นผู้ที่นิยมวัฒนธรรมฝรั่งเศสมากและ
ชอบฟังเพลงสากลและพระองค์นั้นชอบเล่นเปียโน พระองค์
ชอบอ่านวารสารของตะวันตก แต่พระองค์ครองราชย์ได้เพียง
93 วันก็ถูกถอดออกจากราชบัลลังก์ เมื่อ 31 สิงหาคม ในปี
เดียวกันเพราะมีอาการทางประสาทอย่างหนักและยังมีแนวคิด
ที่จะต่อต้านการปฏิรูปประเทศไม่สนับสนุนการประกาศใช้
รัฐธรรมนูญ สุลต่านอับดุลฮามิดที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นอนุชาต่าง
มารดา ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ เท่ากับว่าการบริหาร
จักรวรรดิของพระองค์ล้มเหลว ครองราชย์ค่อนข้างสั้นและมี
แนวคิดที่จะไม่ประกาศรัฐธรรมนนูญ
มาดูต่อกัน....ว่าอนุชาสามพระองค์ที่เหลือของพระองค์จะ
สามารถบริหาร จักรวรรดิต่อได้หรือไม่ โปรตติดตามครับ
HTTPS://TH.WIKIPEDIA.ORG/WIKI/ (UNIVERSITY OF OXFORD)
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 21
หน้าต่างความคิด I สังคม เภสัชมาลา
อุ บั ติ ก ร ร ม
ชีวิต,ถ้าย้อนคืนได้สักเสี้ยวนาที ผมจะกลับไปตรงนั้น,มิลังเล....
ในยามนี้ความเศร้าสลดกำลังไหลบ่าเข้าท่วมชีวิตของ นำเอกสารงานวิชาการไปให้เพื่อนแล้วดื่มกินนิด
ผมซึ่งจมดิ่งอยู่ใต้กันสมุทรแห่งความสูญเสีย เมื่อย้อน หน่อย ขอตัวกลับพาลุงแกมารับประทานข้าวต้มที่ร้านชื่อดัง
ทวนชีวิตที่ผ่านมากว่า 56 ปี ไม่มีเลยที่จะมองเห็นกรรม แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด อาหารถูกปาก รับประทานได้มาก ลุง
ชั่วซึ่งตัวเองกระทำกับคนอื่น จริงอยู่ผมเองก็ดั่ง เองเช่นกัน ไม่เห็นว่าเมาอะไรนักหนา ง่วงนั้นอาจจะใช่ ผม
ปุถุชนทั่วไป มีดี มีชั่วบ้างบางครั้ง บางคราว แต่ก็ ยอมรับ อีกอย่างเวลาขึ้นรถไปไหนมาไหน ไม่อ่านหนังสือ ก็
เพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าจะหนักหนาสากรรจ์อะไร ตลอด จะหลับ โดยเฉพาะอันหลังนั้นปฏิบัติประจำ เนื่องจากทำงาน
ชีวิตที่ผ่านมา ผมถือศีลเกือบจะครบ 5 ข้อ (ข้อที่ขาดอยู่ มาก พักผ่อนน้อย หลับระหว่างเดินทางเป็นทางเลือกหนึ่ง
บ้าง คือ ข้อที่ 5) โดยเฉพาะข้อที่ 1 นั้นมันสมบูรณ์เรื่อย ซึ่งผมนำมาชดเชยให้กับร่างกายของตนเองเสมอๆ
มา แน่นอน,พวกยุง มด แมง ผมก็ฆ่าบ้าง ทว่าสัตว์ ระยะทางจากตัวจังหวัดมาอำเภอของผม ผ่านภูเขา
ใหญ่ไม่เคยเลย และที่ไม่แม้แต่จะคิดคือ “ฆ่า” เพื่อความ หลายคดหลายโค้ง แต่ไม่เป็นปัญหาเนื่องจากชินทางชนิด
สนุกสนาน และอาฆาตมาดร้าย แทบจะหลับตาขับมาได้เลยล่ะ ลุงแกไม่เคยผิดพลาด ผมจึง
แต่ทำไม ผมต้องตกเป็นฆาตกรฆ่าคนไปได้...! วางใจนอนหลับเป็นตาย....
ชีวิตคนเราเวลาดวงตก มันก็ตกสุดกู่ อยู่ๆมันก็ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะหลับได้ลึกขนาดนั้น
เกิดขึ้น แล้วคงผลของมันอยู่ในชีวิตเรายาวนาน อย่าง รถแหกโค้งชนเสาไฟแล้วพลิกคว่ำ !!
เมื่อสามเดือนก่อนของปีนี้ก็เจอเข้าแล้วครั้งหนึ่งเป็น นี่ ถ้าไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย คงตายไปแล้ว เพราะด้าน
คืนค่ำแห่งฝันร้าย เป็นคืนวันพุธที่เมียทักผมก่อนออก หน้า คือ เสาไฟแรงสูง ด้านข้าง คือ ต้นตะโกใหญ่ ในขณะที่
จากบ้านว่า โกนหนวดโกนเคราวันพุธ เขาถือนะ รถเก๋งนอนตะแคงอยู่ข้างๆ....รู้สึกตัวตื่นเพราะลุงแกปลุก
พ่อ...อย่างว่าจะไปติดต่อธุรกิจ มันน่าจะดูดีกว่าที่เห็น แล้วบอกว่ารถคว่ำ ผมควานหาที่เปิดไฟ หายังไงก็ไม่เจอ มัน
มิใช่หนวดเครารุงรัง อีกอย่างผมเป็นคนไม่ถือฤกษ์ยาม จะเจอได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อรถไม่ได้อยู่ในสภาพปกติ คือ ตอน
ถือความพร้อมและความต้องการของตัวเองเป็นหลัก ตื่นขึ้นมานั้น มันไม่ทราบว่ารถอยู่ในท่าไหน อย่างไร กว่านาน
อย่างเช่นวันนั้นผมก็พร้อม แต่กว่าจะเสร็จก็นั่งอยู่กับ จึงรู้ว่า เบาะด้านผมนั่งพลิกไปอยู่ด้านบน คนขับติดอยู่ข้าง
มันเป็นวันเป็นคืน ยอมรับว่าเหนื่อยเพลียเอามากๆด้วย ล่าง กว่าจะงัดขาออกจากซากรถได้นานโขเอาการ จาก
เหตุดังกล่าวผมจึงวานเพื่อนบ้านมาขับรถให้ สภาพรถที่เห็นในวันรุ่งขึ้น ผมรอดมาได้อย่างไร....!
ลุงเพื่อนบ้านคนนี้เคยไปไหนต่อไหนด้วยกัน แก หน้ารถด้านตรงข้ามคนขับ ยับยู่ยี้ และพังเป็นแถบ
เพิ่งจะเกษียณงานขับรถล่องของตัวเองมาอยู่บ้านเมื่อ ไม่พังขนาดนั้นก็ไม่รู้จะพู ดอย่างไรแล้ว ชนเข้ากับหลัก
ปีสองปีนี่เอง และแกเคยขับรถให้นั่งหลายครั้งมาแล้ว กิโลเมตรเต็มเหนี่ยว เสาไฟแสงจันทร์ประจำหมู่บ้านเสียหาย
ไม่เคยประสบอุบัติร้ายแรงแม้แต่ครั้งเดียว ถึงอายุจะ ชำรุด หลอดเฟิงหลอดไฟแตกเกลื่อน รถของผมถลายิ่ง
มากแต่ความนิ่ง ความชำนาญยังคงอยู่ อย่างว่า กว่านกปีกหัก ตอนนี้รถอยู่อู่ซ่อมแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซื้อ
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ อะไหล่หมดไปแสนกว่าบาทแล้วยังไม่เสร็จ และค่าใช้จ่ายใน
งานนี้คงไม่ต่ำกว่าสองแสนจริงอยู่ล่ะ เสียเงินดีกว่าเสียชีวิต
แต่ดาบที่สองนี้สิ ยิ่งกว่าเสียชีวิต...!!
PAGE 22 NONGNAKHAM JOURNAL
ถ้าชีวิตรีกลับได้ ผมจะไม่ฆ่าเขาผมจะไม่ทำร้ายเขาให้ ปกติผมจะขับรถเล็กไปทำงาน แต่เมื่อมันยังซ่อมไม่เสร็จ
ถึงแก่ชีวิตแม้จะกลัวแสนกลัวเพียงใดก็ตาม...ค่ำของวัน จำต้องขับรถตู้ไป มีบ้างเหมือนกันที่หันไปใช้มอเตอร์ไซค์ วัน
อาทิตย์ เวลาประมาณ 20.00 น. ผมจะเข้าห้องน้ำ ชำระ นั้นผมเองก็คิดจะขับมอเตอร์ไซค์ไปสอนโรงเรียน เพราะว่า
ร่างกายแล้วเข้านอนเช่นเคยปฏิบัติมา เดินเข้าห้องน้ำไป ภารโรง ได้นำรถผมไปส่งเด็กนักเรียนเข้ารับการอบรมที่
แล้ว กำลังจะตักน้ำรดราดตัวเอง เมียก็ร้องวี้ดขึ้น
โรงพยาบาลอำเภอ แต่ครั้นออกจากห้องทำงานมาเห็นมัน
“งู ๆๆ !” จอดอยู่หน้าบ้าน จึงเปลี่ยนใจ อีกอย่างมีสัมภาระมากกว่าทุก
ผมกระโจนออกมาจากห้องน้ำ เห็น “เขา” กำลัง วันเพราะคอมพิวเตอร์เสียอยู่เครื่องหนึ่ง คิดว่าจะหอบหิ้วมัน
เลื้อยหนี ละล้าละลัง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี ไปให้ครูคอมพิวเตอร์เขาดูให้ว่าเกิดจากอะไรอย่างไร อีกอย่าง
ตอนแรกคิดจะปล่อยให้เขาเลื้อยหายออกไปเอง แต่เมีย อุปกรณ์การสอนก็หาน้อยไม่
กลับบอกว่า “ถ้าหลานมาเห็นเข้านึกว่างูของเล่น มิกัด
ตายหรือ....” ตอนนี้แหละที่ผมต้องตัดสินใจ “ฆ่า” แรก ขับออกจากบ้านไปช้าๆ 50 เมตร ถึงโค้งสามแยก ผม
จริงๆไม่ได้ฆ่าให้ตาย เพราะถึงจะตีด้วยไม้กวาด หากแต่ไม่ จะเลี้ยวขวาตรงร้านค้าซึ่งตรงนั้นเป็นที่ฝังท่อระบายน้ำอยู่
ได้ใช้ทางด้าม เอาแผงไม้กวาดตีๆ ด้วย มันจะนูนปล่องขึ้นมา เวลาขับผ่าน ต้องผ่อนและค่อยๆ
“ทำไมไม่เอาทางด้ามตีล่ะพ่อ โอ้ย ฆ่างูก็ไม่เป็น....” หยอดล้อลงแล้วค่อยวิ่งไปต่อ จากที่มองดู ซ้าย-ขวา ดูรถ
ผมตัดสินเปลี่ยนด้าน ตีด้วยด้ามไม้กวาด ตีๆ ทุบๆ สวน รถแซงแล้วไม่มี จึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งออกตัวต่อไป
จนหัวงูแบนแต๊ดแต๋
เขาตายด้วยน้ำมือของผม เขาที่ว่านี้ คือ งูทับสมิงคลา พลันเสียงร้องหวีดก็ดังขึ้น...!
หรือที่คนทางบ้านผมเรียกว่า “งูทามทาน” ตัวของมันจะมี พริบตาเดียวแท้ ๆ ชีวิตหนึ่งก็สิ้นไป หลานสาว (ลูกสาว
ลายดำสลับขาว เป็นปล้องๆตลอดแนว เป็นงูมีพิษร้าย น้องเมียของผม)ที่กำลังน่ารักน่าชัง (2 ขวบกว่าๆ) ก็ต้องมา
แรง ตายดับด้วยน้ำมือของลุงของเธอ ล้อหลังด้านขวามือที่
ฆ่าเขาตายแล้วผมมานอนฝันร้าย สะดุ้งสะเดิด เพ้อ หยอดลงค่อยๆ นั่นล่ะ ที่มันพรากชีวิตเด็กน้อยไป (แม่ของ
ไหลจนคิดว่าตัวเองจะตายตามไปในคืนนั้น ล้มหัวลงนอน แกกระโดดคว้าอยู่เหมือนกันแต่ไม่ทัน ....)
สองครั้งก็เกิดฝันร้ายสองครา ไม่ได้หรอก นอนต่อไม่ได้
แน่ ตัดสินใจย้ายที่นอน (จากห้องนอน) มาที่ห้องสมุด ผมเองก็ราวได้ตายลงไปแล้ว เสียงร่ำไหโหยหวนยัง
จึงได้หลับกัน ผ่านไปถึงเช้าของวันใหม่ ยังไม่พบลาง ก้องอยู่ในหู ภาพหนูน้อยที่ตาถลนออกมายังปรากฏอยู่เต็ม
สังหรณ์ใดๆ แต่แล้วเช้าของวันอังคารที่ 18 กันยายน นัยน์ตา...!
2555 เขาก็ตามมาเอาคืน...!
สิ่งเหลือเชื่อปรากฏขึ้นแล้ว ผมตีงูจนศีรษะแบน และ
มิใช่ฝันร้าย,หากแต่เป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า... ผมก็ต้องสูญเสียชีวิตหลานด้วยการขับรถเหยียบศีรษะ
ผมขับรถชนหลานตาย..!! โอยย.... ชีวิตๆ....ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องครวญปิ่ มว่าจะ
สิ้นใจตามหลานไป ผมอยากให้มันเป็นความฝันมิใช่ความจริง
แต่มันยังคงอยู่ ผู้ที่เสียใจและสูญเสียมากกว่าผม คือ พ่อ
แม่ของเด็กน้อย ซึ่งหายใช่อื่นไกล
ใครต่อใครต่างพูดว่าถ้างูพันธุ์นี้เข้าบ้าน คือ เคราะห์
ใหญ่หลวง และตอนนี้ผมกำลังประสบเคราะห์กรรมยิ่งใหญ่
ในปีเดียวพบเจอเข้าสองครั้งสองครา ถ้าผมตายไปแต่ครั้ง
แรก เรื่องราวคงจบไปแล้ว ครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น
เมื่อไม่ตาย ต้องมาประสบ..!
ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ ผมกลายเป็น
ผู้ต้องหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตโดยไม่
เจตนา !
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 23
ซึมซาบกับกาพย์กลอน I ปราโมช ปราโมทย์ NONGNAKHAM JOURNAL
ม หึ ม า
ก ะ จิ ริ ด
๏ กะจิริดกระจ้อยร่อยช่างด้อยค่า
ธุลีห่าสถุลสกุลรุนชาติ
ถมเถเกเรต่ำราคาดารดาษ
สายลมกราดกวาดว่อนตะกอนคลุ้ง
๏ มองข้ามห่ามขี้ริ้วปลิวฝุ่น
ไร้อรุณทิวาราตรีบูลลี่ถลุง
ถูกกระทำย่ำยีขยี่ขยุง
กรงเล็บอุ้งมือมารผลาญทลาย
๏ อย่าเลยพสุธาฟ้าล้ำนำสดชื่น
จงเติบตื่นภายในไขหมุดหมาย
จุลินทรีย์ธุลีเชื้อฟั่ นอันตราย
ความเป็นตายร้ายสมดุลวุ่นทวี
๏ โลกธาตุชาติตระกูลพู นหนุนเกื้อ
ช่วยโอบเอื้อแบ่งปันกันสุขศรี
ยื่นรักพิ ทักษ์น้ำใจมิตรไมตรี
สุดขจีปลี่คืนวันสันติสุข
๏ กะจิริดมหึมาพึ่งพากันได้
เกื้อกูลให้สมดุลคุณเปี่ ยมปลุก
ฉันก็ดีคุณก็ได้ไร้ทนทุกข์
โลกสราญกันสนุกปลูกงดงาม ๚ะ๛
ปราโมช ปราโมทย์
PAGE 24
เรื่องสั้น I ปิติ ทิวาชน (เขียน) ,จินตรัย (แปล)
ไ อ้ บ อ ด
เรื่องสั้นโดย ปิติ ทิวาชน นักเขียนซีไรต์ลาวล่าสุด PAGE 25
จินตรัย แปลต้นฉบับจาก เพจเฟซบุค PEETY ROPCOP
“ไอ้บอด”
ผมมีเพื่อนหลายคน
แต่คนนี้เป็นเพื่อนพิเศษ มันดีดกีต้าร์เก่ง ร้องเพลงเพราะ
มันชื่อ ทองสัง ชอบดื่มเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอไปสุมหัว
รวมตัวสนุกสนานกันที่ไหน หากได้มันไปด้วยย่อมได้ฟังเพลง
สดๆ คุ้มค่าโดยไม่ต้องเปลืองเครื่องเสียงนับเป็นพรสวรรค์อัน
โดดเด่นของมันทีเดียว
วันนั้น ผมชวนมันไปเยี่ยมอีกเพื่อนคนหนึ่ง ผู้ที่เป็น “พวก
ป่าไม้” ประจำการอยู่ด่านชายแดนด้านตะวันออก ซึ่งมันเคยเอ่ย
กับผมว่าไปเยี่ยมมันตอนไหนก็ได้ หากมีโอกาสก็ชวนเพื่อนมา
ด้วยซักสองสามคนมาดวดเหล้าให้สนุกกัน ผมชวนใครๆเขาก็ติด
งาน จึงชวนเอาไอ้บอดมันร้องว่า
“โอเค !กูยังไม่เคยเห็นด่านชายแดนซักครั้ง ! ฮ่า ๆ ๆ”
“ไอ้ห่านี่ มึงอย่าขี้โม้ ตาบอดแล้วยังหาญว่าเห็นบ้านนั้นบ้านนี้
ได้ยังไงวะ กวนตีนจริงๆ นะมึงนี่”
ผมทั้งบ่นทั้งประคองร่างมันขึ้นรถจี๊บคันเก่าที่จอดรอที่หน้า
ประตูรั้วหน้าบ้านมันนั้นเอง
ผมโทรศัพท์บอกเพื่อนเจ้าหน้าที่ชายแดนว่า
“กูกำลังออกเดินทางประมาณเที่ยงคงจะถึงมึง”
มันว่า “กูก็กำลังเช็คสินค้าอยู่นะ คงจะเสร็จตอนพักเที่ยง ก็
พอดีมึงมาถึงโอเค ! เดี๋ยวเจอกัน กูสั่งให้เขาอบแพะไว้รอ”
ว่าถึงเจ้าหน้าที่ชายแดนช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับบัญชีสินค้าส่ง
ออก โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็งต้องแบ่งแยกเป็นกอง ๆกองใดตาม
โควต้า กองใดถูกหามเข้ามาสอดไส้ และกองใดมาตามใบสั่งเป็น
ใบเหลืองปะไว้ที่หัวเอกสารรายการ...
เจ้าหน้าที่ก็มีหลายหน่วยงาน รวมกันเรียกว่า “พวกเกี่ยวข้อง”
และพวกพ่อค้าหน้าใหญ่ก็มีที่มาหลายขาเรียกว่า“พวกดังกล่าว” !
อยู่ในเอกสารบัญชีสินค้าขาออก ต้องระบุว่า เป็นไม้แปรรูป !
พวกดังกล่าวส่งเอกสารไม้แปรรูปเข้ามาพวกเกี่ยวข้องต้องลง
ลายเซ็นรับรองและอนุญาตให้ส่งออกถูกต้องเป็นทางการตาม
กฎหมาย...
NONGNAKHAM JOURNAL
เรื่องสั้น I ปิติ ทิวาชน,จินตรัย (แปล)
ผมขับรถจี๊บมาถึง ที่ใกล้ ๆสำนักงานด่านชายแดนเห็นรถบรรทุกไม้จอดเรียงแถวริมถนนเบื้องขวาต่อเนื่องยาว
เหยียดไกล ต่อก้นกันไปจนสุดสายตา
ไอ้บอดทองสังสั่ง
“จอดก่อน !กูปวดเยี่ยว !”
“ใกล้ถึงแล้ว ทนเอาหน่อยประเดี๋ยวไปฉี่ที่ห้องน้ำ” ผมบอกมัน
“ทนไม่ไหว เยี่ยวกูจะราดแล้ว ! จอด จอด!” มันสั่งย้ำ
ที่สุดจำเป็นจะต้องจอด ให้มันลงไปฉี่ข้างทาง
มันถือไม้เท้าปัดป่ายไปตามทาง สำรวจสิ่งกีดขวาง ก่อนจะก้าวเดินทีละก้าว... แต่มันก็พลาดจนได้ ! มันเดินช้าๆ
หน้าผากมันไปชนเอาปลายท่อนไม้ใหญ่เข้าอย่างจังซึ่งโผล่พ้นท้ายรถออกมา
มันยกมือขวาคลำดูสิ่งกีดขวางนั้น พร้อมกับอุทานเสียงดัง
“โอ้ย.. ท่อนไม้ซุง !!!”
ผมนั่งรอมันในรถจี๊บ ได้แต่ยิ้มขันลึก ๆ กลืนเสียงหัวเราะลงท้องไป
“ไอ้บอดนะไอ้บอดไอ้บอดทองสัง..ไอ้บอดทั้งสอง!!!
พวกดังกล่าว กับพวกที่เกี่ยวข้องยิ่งบอดกว่ามึงอีกน้อ..ฮึ ๆ!”
ไอ้บอดมาด้วยเที่ยวนี้ได้เรื่องเว้ย !
PAGE 26 NONGNAKHAM JOURNAL
เรื่องสั้น I ปิติ ทิวาชน (เขียน) ,จินตรัย (แปล)
ชีวประวัติผู้ประพั นธ์
ปิติ ทิวาชน
ปิติ ทิวาชน เป็นนามปากกาของท่านอุดม รอบคอบ ถือ
กำเนิดที่ บ้านปากช่อง เมืองสองคอน แขวงสะหวันนะเขต
สปป ลาว ในปี 1965 (2508)
การศึกษา ปริญญาตรีวิศวกรรมพัฒนาแหล่งน้ำ
ที่ทำงาน ชลประทาน แขวงสะหวันนะเขต
เริ่มใช้ปากกาประพันธ์วรรณกรรมตั้งแต่ ปี 1987 (2530) จนถึงปัจจุบัน มีผลงาน ได้แก่
เรื่องสั้น 20 เรื่อง นวนิยาย 2 เรื่อง ละครโทรทัศน์ 1 เรื่อง ละครวิทยุ 1 เรื่อง ยังมีบทกวี
จำนวนหนึ่ง และวาดการ์ตูนตลกเสียดสีลงในหนังสือพิมพ์สะหวันพัดทะนา (บักเบี้ยวกับอีเจ้ย)
แขวงสะหวันนะเขต
ผลงานที่น่าสนใจ ดังนี้
ปี 2004 (2547) นวนิยาย “หัวใจส่งออก” ได้รับรางวัลสินไซ ชนะเลิศระดับประเทศ
ปี 2005 (2548) เขียนบทละครโทรทัศน์ และกำกับการแสดง เรื่อง “ดาวเคียงเดือน” เผย
แพร่ที่ TV.12 แขวงสะหวันนะเขต
ปี 2010 (2553) เขียนบทละครวิทยุต่อต้านโรคเอดส์ เรื่อง “ติงตงหลงทาง” เป็นภาษาชนเผ่า
บรู ออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง แขวงสะหวันนะเขต
ปี 2012 (2555) ได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่น รวมเรื่องสั้นชุด “ของดี” จากกรมพิมพ์จำหน่าย
ปี 2020 (2563) ได้รับรางวัลสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) จากเรื่องสั้น
“ครึ่งราคา” หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “ของดี” ซึ่ง “จินตรัย” แปลเป็นภาษาไทยใช้ชื่อชุดว่า
“ครึ่งราคา” สำนักพิมพ์นาคร มิถุนายน 2564 อันเป็นกระแสชื่นชมในแวดวงกรรมไทยช่วง
เดือนมิถุนายน-กันยายน 2564 ที่ผ่านมามากพอสมควร
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 27
วรรณศิลป์ถิ่นอีสาน I ชาตรี เสงี่ยมวงศ์
" วิ ถี ใ ห ม่ "
๏ แม้งเมื่อ ฝนฝอดหล้า หลุหลั่งโลมลง
จั่งแม่น แถนเทธาร ทาดโทมทามล้น
นาลุ่ม ลำพองผ้าย ผายกระแสลามล่วง
ฮวงข้าวดอ ดาดน้ำ ลอยถ้าเกี่ยวคน
๏ ใผก็ ฟายฟั่ งฟ้าว ลงท่งทยอยยอ
เกี่ยวฮวง โฮมเฮือขน ค่อยทอยทาวขึ้น
ส่วนนาทม สูงพื้น แลนาบ๋าขี้กระต่าย
โพดพวม งามถอกถ้า คมเขี้ยวเกี่ยวสาง
๏ ตกสมัย รถล้าว ลงเกี่ยวกลางทาม
บ่ได้ หาทาลาน หาบโฮมลอมล้า
รถสี ฮวงลอยฟ้า สำบายเบาบ่า
ปากตี่ ถงต่งต้อม ยอขึ้นทุกยนต์ เมือนอ
๏ แลเลียน ลานตากผ้า เขียวผึ่งนำทาง
ผลผลา ซาวนา เดิ่นใดดาได้
เทียวญาย ทังกองต้อม ไปตามคุ้มข่วง
ทังกรอก ถงสอบขึ้น โฮมเล้าท่อมเยีย
๏ เป็นวิถี ภาคพื้น ผันเผี่ยนตามกาล
เกวียนเทียมงัวควายขน เหมิดสมัยมายม้ม
หลายแต่ โกดังค้า โฮงสีสางใหญ่
จั่งแม่น มีมากล้ำ ซุมเถ้าแก่ขยาย มานอ
๏ มาดราคา ค่าข้าว เขาข่มคอขีน
บ่ได้ ใจคนขาย อ่วยไปนำคนซื้อ
มีเรื่องเดียวดอมนี้ มีมานานเก่า
ข้าวขายตามพ่ อค้า เสนอให้จั่งแม่นนอ
๏ ขอจ่ง คงค่อยค้ำ ตามวิถีงาม
ส่วนแนว ใดดาพิษ เภทภัยมีเว้น
ต้อนรับ ฤดูปลาน้ำ- แดงแงงงามนำท่า
ถิ่นดี มีมากล้ำ อุดมด้วยวัฒนธรรม นี้แหล้ว
ชาตรี เสงี่ยมวงศ์
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
อ่านสำเนียงพื้ นบ้านไทอีสาน
PAGE 28 NONGNAKHAM JOURNAL
ผญา-พาเพลิน-เจริญใจ I บ่าวหมอนกิ่ว
“ ศ า ส น า แ ล ะ ศี ล ธ ร ร ม ”
ก า ร ดำ เ นิ น ชี วิ ต อั น ล้ำ ค่ า ข อ ง ค น อี ส า น
ศาสนา –ศีลธรรมเป็นแบบแผนการดำเนินชีวิตอันล้ำค่าของคนอีสานเพราะคนอีสานถือเอศาสนา – ศีลธรรม
เป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจมาตั้งแต่โบราณกาล หากใครได้มาสัมผัสรับรู้ชีวิตของคนอีสานจะเห็นได้ว่าพวกเขา
เป็นกลุ่มที่เคร่งครัดในศาสนา แม้ว่าพวกเขาจะนับถือสองศาสนาในขณะเดียวกันคือพุ ทธและพราหมณ์ แต่
พวกเขาก็ผสมผสาน คือปรับปรุงหรือปฏิรูปพิธีการของสองศาสนาเข้ากัน จนแยกไม่ออกว่าอะไรคือพุ ทธ
อะไรคือพราหมณ์ และสองศาสนานี้ก็เป็นไปด้วยกันอย่างไม่ขัดเขินอันใด
ผญาที่แทรกคำสอนของศาสนาพุ ทธจะปรากฏที่คำสอนหรือคำเทศนาของพระสงฆ์ โฆษก พิธีกรหรือ
ผู้นำทางศาสนา เช่นเวลามีงานบุญ งานประเพณีต่างๆ โฆษกหรือพิธีกรทางศาสนามักจะเชิญชวนให้คนมา
ทำบุญ คำผญา เช่นกล่าวว่า
พี่น้องเอ้ย บุญบุญนี้ บ่อมีไผสิปันแจกกันได้แล้ว
บ่ห่อนแหกเคิ่งได้ คือไม้ผ่ากลาง
คือจั่งเฮากินข้าวเข้า เฮากินเฮากะอิ่ม
บ่อห่อนไปอิ่มท้อง เขานั้นผู้บ่กิน ได้แล้ว
พี่น้อยเอ้ย ครันสิคอย ตั้งแต่บุญมาค้ำ
ครันบ่ทำ กะบ่แม่น ดอกตี้
คอยแต่บุญส่งให้ มันสิได้บ่อนใด๋
คือจั๋งเฮามีอาหารไว้ บ่เอามากินมันบ่อิ่ม
มีลาบครันบ่เอาข้าวคุ้ย ทางท้องบ่อิ่มเต็ม ได้แล้ว
ผญาที่แทรกคำสอนของศาสนาพราหมณ์จะปรากฏอยู่ตามคำสอน การอบรมของผู้นำพิธีกรพราหมณ์ ซึ่งมี
หลายพิธีเช่น พิธีแต่งงาน พิธีขึ้นบ้านใหม่ พิธีสู่ขวัญนาค เป็นต้น เช่นเวลาประกอบพิธีแต่งงานหรือสู่ขวัญ
พ่ อพราหมณ์ก็จะสอนว่า
“ ผัวเมียนี้กูมึง อย่าได้ว่า
มีแต่ข่อยและเจ้า คำเว้าให้ฮีนตรอง
ให้เจ้าเดินตามครอง คนเฒ่าชรากาลเฒ่าแก่
พ่ อแม่สอนสั่งไว้ ตัวเจ้าอย่าสิลืม”
“เจ้าอย่าเว้าจั่งซั่น มันผิดฮีตครองธรรม
ครองโบราณ เพิ่ นสอนเอาไว้
ฮักกันแล้ว กูมึงอย่าสิว่า
แม่นสิซังทอฟ้า ความฮ้ายอย่าสิจา”
อ้างอิงจากหนังสือ ผญา โดย สำลี รักสุทธี อาจารย์ 3 พ.ม.ศษ.บ. น.ธ.เอกเปรียญ
NONGNAKHAM JOURNAL PAGE 29
ออกแบบปกและรูปเล่ม : วิชุดา อุ่นสา
พิมพ์ที่ อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น
รูปภาพโดย : แกลเลอรี Kruyut ยุทธศักดิ์ ลุมไธสงค์