ค่มู อื การจดั เกบ็ สารเคมีและวัตถุอันตราย
ภายในสถานประกอบกจิ การ
ก
บทนำ
ในปัจจุบันทางบริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด มีการใช้สารเคมีหลากหลายชนิด
ซึ่งบางกลุ่มจัดอยู่ในส่วนสารเคมีอันตราย บางกลุ่มจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตราย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย
ในการทำงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานด้านสารเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดประเภทกลุ่มสารเคมี
พนักงานที่ปฏิบัติงานจะตอ้ งมคี วามรู้ในเรื่องสารเคมอี ยา่ งถกู ตอ้ ง
คมู่ ือฉบบั นจี้ ึงได้รวบรวมเกีย่ วกับคำจำกดั ความ การจำแนกสารเคมีและวัตถอุ ันตราย สถานทเ่ี กบ็
รักษา หลกั การเก็บรกั ษาสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย มาตรการปอ้ งกัน ขอ้ กำหนดพเิ ศษของวัตถุระเบิด
ข้อกำหนดพิเศษของวตั ถุระเบิด กา๊ ซ สารไวไฟ และสารออกซิไดซ์ รวมถงึ แผนระงับเหตสุ ารเคมี/กา๊ ซ
ร่ัวไหลขน้ั ตน้ และข้ันรุนแรง
ด้วยความปรารถนาดจี าก
คณะกรรมการความปลอดภยั อาชีวอนามยั
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน / แผนกความปลอดภัยในการทำงาน
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
สารบญั ข
เรือ่ ง หน้า
1. คำจำกัดความ 1
2. การจำแนกประเภทสารเคมแี ละวัสดอุ ันตรายสำหรับการเก็บรักษา 3
3
2.1 การจำแนกประเภทสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย 9
2.2 ป้ายกำกบั สารเคมี 11
2.3 ความเปน็ พิษของสารเคมี (Toxic chemicals) 11
2.4 วธิ ีการจำแนกประเภทสารเคมีและวตั ถุอันตราย 13
2.5 วธิ กี ารจดั เก็บสารเคมีอนั ตราย สามารถแบง่ การจัดเกบ็ ได้ ด้งั นี้ 14
2.6 ข้อพึงระวงั ในการจัดเกบ็ สารเคมี 18
3. สถานทีเ่ ก็บรักษา 18
3.1 สถานท่ีตงั้ 18
3.2 บริเวณโดยรอบ 19
3.3 การออกแบบอาคารเก็บสารเคมี 19
3.4 ผนังอาคาร 20
3.5 พนื้ 20
3.6 หลงั คา 21
3.7 ประตูกนั ไฟ 21
3.8 ทางออกฉกุ เฉนิ 22
3.9 การระบายอากาศ 22
3.10 การระบายนำ้ 22
3.11 แสงสวา่ งและอปุ กรณ์ไฟฟา้ 24
3.12 ความรอ้ น
Rev.2 Date:27/7/2561
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั
3.13 การระงบั อัคคภี ยั ค
3.14 ระบบป้องกนั ฟ้าผา่
4. หลักการเกบ็ สารเคมีและวัตถุอันตราย 24
4.1 หลักการเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายในอาคาร 27
4.2 หลกั การเก็บสารเคมแี ละวตั ถุอันตรายนอกอาคาร 28
5.มาตรการการปอ้ งกนั 28
5.1 การบริหารจดั การเกี่ยวกบั สารเคมี 29
30
5.1.1 การปฏบิ ัตงิ านในอาคารเกบ็ สารเคมีและวัตถุอันตราย 30
5.1.2 วิธกี ารรบั ขนถ่าย และการสง่ สารเคมแี ละวัตถอุ นั ตราย 30
5.1.3 แผนผงั การเกบ็ สารเคมีและวตั ถุอันตราย 30
5.1.4 การแยกเกบ็ และการคัดเลือกเกบ็ สารเคมี 30
5.1.5 การหกรวั่ ไหลของสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย 33
5.1.6 การกำจัดของเสีย 33
5.2 การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 35
5.3 อปุ กรณ์ปอ้ งกันอันตรายสว่ นบคุ คล 35
5.4 สแี ละเครื่องหมายความปลอดภยั 36
5.4.1 สเี พอื่ ความปลอดภัย 40
5.4.2 รปู แบบของเครอื่ งหมายเพอื่ ความปลอดภยั "เครือ่ งหมายเพื่อความปลอดภัย" 40
5.4.3 เครื่องหมายเสริม 42
5.4.4 ขนาดของเครือ่ งหมายเพอ่ื ความปลอดภยั 44
5.4.5 ตัวอย่างเครอื่ งหมายเพือ่ ความปลอดภัยและความหมาย 45
5.4.6 ขอ้ แนะนำในการเลือกและการใช้เคร่อื งหมายเพ่อื ความปลอดภัย 46
5.5 ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิงานกบั สารเคมี (Chemical Safety) 46
50
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
ง
6.ข้อกำหนดพิเศษ 52
6.1 ขอ้ กำหนดพิเศษสำหรบั วัตถรุ ะเปิด 52
6.2 ข้อกำหนดพเิ ศษสำหรบั ก๊าซ 53
6.3 ข้อกำหนดพเิ ศษสำหรบั สารไวไฟ (3A และ 6.2) 54
6.4 ข้อกำหนดพิเศษสำหรับสารออกซิไดซ์ 55
7. แผนระงบั สารเคมี / กา๊ ซร่วั ไหลข้ันตน้ และรนุ แรง 56
8. โครงสรา้ งทีมบุคลากรในการเตรยี มพรอ้ มรองรับสถานการณ์ฉกุ เฉนิ /อบุ ัตเิ หตุและลำดบั เหตุการณ์ 59
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
1
1. คำจำกัดความ
“ สารเคมี ” หมายถึง สารที่ประกอบด้วยธาตุเดียวกันหรือสารประกอบจากธาตุต่างๆ รวมกันด้วย
พนั ธะเคมี
“ วัตถุอันตราย ” ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หมายถึงวัตถุระเบิดได้ วัตถุไวไฟ
วัตถอุ อกชิไดซ์ วัตถมุ พี ษิ วัตถทุ ี่ทำให้เกิดโรค วัตถุ-กมั มันตรังสี วัตถทุ กี่ ่อให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม
วัตถุกัดกร่อน วัตถุที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และวัตถุอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นเคมีภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใด ที่อาจ
กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายแกบ่ ุคคล สตั ว์ พืช ทรพั ยห์ รอื ส่ิงแวดลอ้ ม
“ สารเคมีอันตรายร้ายแรง ” หมายถึง สารประกอบ สารผสม ซึ่งอยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือ
แกส๊ ทม่ี ีลกั ษณะอยา่ งใดอย่างหนงึ่ หรอื หลายอยา่ ง ดังตอ่ ไปน้ี มีพิษ กัดกร่อน ระคายเคือง ทำใหเ้ กดิ อาการแพ้
กอ่ มะเรง็ หรอื ทำให้เกิดอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพอนามัย ทำใหเ้ กดิ การระเบิด เป็นตัวทำปฏกิ ริ ิยารุนแรง เป็นตวั เพ่ิม
ออกซิเจนไวไฟหรอื มีกัมมันตภาพรงั สี
“ การเก็บรักษาสารเคมีและวัตถุอันตราย ” หมายถึง การเก็บรักษาสารเคมีและเก็บรักษาวัตถุ
อันตรายอย่างใดอย่างหน่ึงหรอื ทัง้ สองอย่าง
“ สถานที่เก็บสารเคมี ” หมายถึง อาคารหรือสถานท่ีที่เก็บสารเคมี เพื่อประโยชน์ในการใช้ การผลิต
การจัดเกบ็ และการจำหน่าย
“ การเก็บรักษา ” หมายถึง การเก็บรักษาสารเคมีและวัตถุอันตรายทั้งในและนอกสถานที่เก็บรักษา
แต่ไม่รวมถึงการเก็บรักษาในแท็งก์ (Tank) ไซโล (Silo) และภาชนะบรรจุก๊าซเหลวเย็นจัด (Portable/Bulk
Container Cryogenic liquefied gas or Refrigerated liquefied gas)
“ ผนังอาคาร ” หมายถึง ผนังรอบอาคารเกบ็ รักษาสารคมีและวตั ถุอันตรายท่ีก่อสร้างด้วยวัสดุทนไฟ
หรอื กอ่ เป็นกำแพงกันไฟไปตามความเหมาะสม
" วัสดทุ นไฟ " หมายถึง วัสดุกอ่ สรา้ งท่ีไม่ตดิ ไฟงา่ ย
"กำแพงกันไฟ" หมายถึง ส่วนก่อสร้างในแนวตั้ง วัตถุประสงค์เพื่อการแบ่งพื้นที่ภายในอาคาร และ
การป้องกันไฟลามลุก การสร้างทำจากวัสดุทนไฟทั้งนั้นขึ้นกับชนิดของวัสดุและความหนาของกำแพง
ระยะเวลาของการทนไฟ มดี งั น้ี 30 นาที 60 นาที 120 นาที และ 180 นาที โดยใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานสากล
“หีบห่อ” หมายถึง บรรจุภัณฑ์ (packages) และ Intermediate Bulk containers (IBCs) สำหรับ
บรรจุสารเคมีหรือวตั ถุอันตราย เพ่ือการจัดเกบ็ ในสถานท่ีเก็บรักษา
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
2
“ บรรจุภัณฑ์ (packages) ” หมายถึง ภาชนะที่ใช้บรรจุสารเคมีหรือวัตถุอันตราย ซึ่งความจุสูงสุด
ไม่เกิน 450 ลิตร มวลสทุ ธสิ ูงสดุ ไมเ่ กิน 400 กโิ ลกรมั
“ Intermediate Bulk Containers (IBCs) ” หมายถงึ ภาชนะท่ีใช้บรรจสุ ารเคมหี รือวัตถุอนั ตราย
ซ่งึ มีความจุ ดงั นี้
- ไม่เกิน 3.0 ลูกบาศก์เมตร (3,000 ลิตร สำหรับของแข็งและของเหลวในกลุ่มการบรรจุท่ี
II และ III
- ไม่เกิน 1.5 ลูกบาศก์เมตร สำหรับของแข็งและของเหลวในกลุ่มการบรรจุที่เมื่อบรรจุใน
IBCs ที่ทำจากพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ หรือคงรูป หรือวัตถุประกอบที่มีภาชนะพลาสติกอยู่
ภายใน หรอื แฝนไฟเบอรห์ รือไม้
- ไมเ่ กนิ 3.0 ลูกบาศก์เมตร สำหรบั ของแขง็ ในกลมุ่ การบรรจุท่ี I เมอ่ื บรรจใุ น IBCs
“บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กอบกู้ ” หมายถึง บรรจุภัณฑ์พิเศษ ใช้บรรจุหีบห่อที่ชำรุด บกพร่อง หรือมี
การรั่วไหลของสารเคมีหรือวัตถุอันตรายขณะขนส่งหรือจัดเก็บ เพื่อการกอบกู้สารนั้นนำกลับไปใช้ใหม่หรือ
นำไปกำจดั
“ การจำแนกประเภทสารเคมีและวัตถุอันตรายสำหรับการเก็บรักษา ” หมายถึง การจัดประเภท
สารเคมีและวัตถุอันตราย ประกอบด้วย การดำเนินการด้านต่างๆ เช่น การจัดการด้านสุขศาสตร์ คำแนะนำ
วิธีการปฏิบตั ิงาน การฝึกอบรม และการจดั การเม่อื เกดิ การหกรัว่ ไหล เปน็ ตน้
“ข้อกำหนดพิเศษ” หมายถึง ข้อกำหนดเพิ่มเติมของสถานที่เก็บรักษาสารเคมีและวัตถุอันตรายที่มี
คณุ สมบัติเฉพาะ ไดแ้ ก่ วัตถรุ ะเบดิ ก๊าซ สารไวไฟและสารออกซิไดซ์
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
3
2. การจำแนกประเภทสารเคมแี ละวัสดอุ นั ตรายสำหรับการเก็บรักษา
2.1 การจำแนกประเภทสารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย
สามารถแบ่งการจำแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดังน้ี
1. ประเภทวัตถุอันตรายตามการขนสง่
2. ประเภทวัตถอุ ันตรายตามการจัดเกบ็
ประเภทวตั ถุอนั ตรายตามการขนส่ง
➢ ประเภท 1 จะเบิดได้ (Explosives)
สารระเบดิ ได้ หมายถึง ของแขง็ หรือของเหลว หรอื สารผสมที่
สามารถเกิดปฏิกิริยาทางเคมีด้วยตัวมันเอง ทำให้เกิดก๊าซที่มีความดัน
และความรอ้ นอยา่ งรวดเรว็ กอ่ ใหเ้ กดิ การระเบดิ สร้างความเสียหายแก่
บริเวณโดยรอบได้ ซึ่งรวมถึงสารที่ใช้ทำดอกไม้เพลิงและสิ่งของที่
ระเบดิ ได้ดว้ ย แบง่ เปน็ 6 กลมุ่ ย่อย คือ
1.1 สารหรอื สิง่ ของท่กี อ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงทันทีทันใดทั้งหมด
(Mass Explosive) ตัวอยา่ งเชน่ เชอ้ื ปะทุ ลูกระเบิด เปน็ ต้น
1.2 สารหรอื สิ่งของท่มี ีอนั ตรายจากการระเบิดแตกกระจาย แตไ่ มร่ ะเบิดทนั ทที ันใดทงั้ หมด
ตวั อยา่ งเช่น กระสนุ ปนื ทุ่นระเบดิ ขนวนปะทุ เปน็ ตน้
1.3 สารหรอื สิง่ ของทเ่ี สยี่ งตอ่ การเกิดเพลงิ ไหม้และอาจมีอนั ตรายบ้าง จากการระเบดิ หรอื
การระเบิดแตกกระจาย แตไ่ มร่ ะเบดิ ทันทที นั ใดทั้งหมด ตวั อย่างเช่น กระสุนเพลิง เป็นต้น
1.4 สารหรอื สง่ิ ของทีไ่ ม่แสดงความเปน็ อันตรายอย่างเด่นชดั หากเกดิ การปะทุหรอื ปะทใุ น
ระหวา่ งการชนสง่ จะเกิดความเสียหายเฉพาะภาชนะบรรจุ ตวั อยา่ งเชน่ พลอุ ากาศ เปน็ ต้น
1.5 สารท่ไี มไ่ วตอ่ การระเบิด แต่หากมีการระเบดิ จะมอี นั ตรายจากการระเบิดท้ังหมด
1.6 ส่ิงของทีไ่ วต้ ่อการระเบดิ นอ้ ยมากและไม่ระเบดิ ทันทีทั้งหมดมีความเส่ยี งต่อการระเบิดอยู่
ในวงจำกดั เฉพาะในตัวสิ่งของน้ันๆ ไม่มโี อกาสทจ่ี ะเกดิ การปะทหุ รอื แผก่ ระจาย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
4
➢ ประเภทที่ 2 ก๊าซ (Gases)
ก๊าซ หมายถงึ สารท่ีอุณหภมู ิ 50 องศาเซลเซียส มีความต้นไอมากกว่า 300 กิโลปาสคาล
หรือมีสภาพเป็นก๊าซอย่างสมบูรณ์ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และมีความดัน 101.3 กิโลปาสคาล ได้แก่
ก๊าซอัด ก๊าซพิษ ก๊าซในสภาพของเหลว ก๊าซในสภาพของเหลวอุณหภูมิต่ำ และรวมถึงก๊าซที่ละลายใน
สารละลายภายใต้ความดัน เมื่อเกิดการรั่วไหลสามารถก่อให้เกิดอันตรายจากการลูกติดไฟและเหรือเป็นพิษ
และแทนที่ออกซเิ จนในอากาศ แบ่งเป็น 3 กลุ่มบ่อย ดงั น้ี
2.1 ก๊าซไวไฟ (Flammable Gases) หมายถงึ กา๊ ซที่อณุ หภมู ิ 20 องศา
เซลเชียส และมีความดัน 101.3 กิโลปาสคาล สามารถติดไฟได้เมื่อผสมกับอากาศ
13 เปอร์เซ็นต์ หรือต่ำกว่าโดยปริมาตร หรือมีช่วงกว้างที่สามารถติดไฟใด้ 12
เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เมื่อผสมกับอากาศโดยไม่คำนึงถึงความเข้มข้นต่ำสุดของการผสม
โดยปกติกา๊ ซไวไฟหนักกว่าอากาศตัวอย่างของก๊าซกลุ่มนี้ เชน่ อะเซทลิ นี ก๊าซหงุ ต้ม
2.2 ก๊าซไมไ่ วไฟและไมเ่ ปน็ พษิ (Non-flammable Non-toxic
Gases) หมายถึง ก๊าซที่มีความดันไม่น้อยกว่า 280 กิโลปาสกาล ที่อุณหภูมิ 20
องศาเซลเซียส หรืออยู่ในสภาพของเหลวอุณหภูมิต่ำ ส่วนใหญ่เป็นก๊าซหนักกว่า
อากาศ ไม่ติดไฟและไม่เป็นพิษ หรือแทนที่ออกซิเจนในอากาศและทำให้เกิดสภาวะ
ขาดแคลนออกซิเจนได้ ตัวอย่างของก๊าซกลุ่มนี้ เช่น ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์
อาร์กอน เป็นต้น
2.3 ก๊าซพษิ (Poison Gases) หมายถงึ กา๊ ซที่มีคณุ สมบตั ิเปน็ อันตราย
ต่อสุขภาพหรือถึงแก่ชีวิตได้จากการหายใจ โดยส่วนใหญ่หนักกว่าอากาศ มีกล่ิน
ระคายเคอื ง ตวั อยา่ งของกา๊ ซในกลมุ่ น้ี เชน่ คลอรีน เมทิลโบรไมด์ เป็นต้น
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
5
➢ ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids)
ของเหลวไวไฟ หมายถงึ ของเหลว หรอื ของเหลวผสมทีม่ ีจดุ วาบไฟ (Flash
Point) ไม่เกิน 60.5 องศาเซลเซียสจากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยปิด (Closed-cup
Test) หรือไม่เกิน 65.6 องศาเซลเซียส จากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยเปิด (Opened-
cup Test) ไอของเหลวไวไฟพร้อมลุกติดไฟเมื่อมีแหล่งประกายไฟ ตัวอย่างเช่น
อะซีโตน น้ำมนั เชือ้ เพลิง ทินเนอร์ เปน็ ตน้
➢ ประเภทท่ี 4 ของแขง็ ไวไฟ สารทล่ี กุ ไหม้ได้เอง และสารทส่ี ัมผัสกับนำ้ แลว้ ให้กา๊ ซไวไฟ
แบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย ดงั น้ี
4.1 ของแขง็ ไวไฟ (Flammable Solids) หมายถงึ ของแขง็ ท่ี
สามารถติดไฟได้ง่ายจากการได้รับความร้อนจากประกายไฟ/เปลวไฟ หรือเกิด
การลุกไหม้ได้จากการเสียดสี ตัวอย่างเช่น กำมะถัน ฟอสฟอรัสแดง ไนโตร
เซลลูโลส เป็นต้น หรือเป็นสารที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาคายความร้อนที่
รุนแรง ตัวอย่างเช่น เกลือไดอะโซเนยี ม เป็นต้น หรือเป็นสารระเบิดทีถ่ ูกลดความ
ไวต่อการเกิดระเบิด ตัวอย่างเช่น แอมโมเนียมพิเครต (เปียก) ไดไนโตรฟีนอล
(เปียก) เปน็ ต้น
4.2 สารท่มี คี วามเสีย่ งต่อการลุกไหมไ้ ดเ้ อง (Substances Liable
to Spontaneous Combustion) หมายถึง สารที่มีแนวโน้มจะเกิดความร้อน
ขึ้นได้เองในสภาวะการขนส่งตามปกติหรือเกิดความร้อนสูงขึ้นได้เมื่อสัมผัสกับ
อากาศ และมแี นวโน้มจะลกุ ไหมไ้ ด้
4.3 สารทสี่ ัมผสั กับนำ้ แลว้ ทำใหเ้ กดิ กา๊ ซไวไฟ (Substances which
in Contact with Water Emit Flammable Gases) หม ายถึง ส ารที่ ทำ
ปฏิกิริยากับน้ำแล้ว มีแนวโน้มที่จะเกิดการติดไฟได้เอง หรือทำให้เกิดก๊าซไวไฟใน
ปรมิ าณท่ีเป็นอนั ตราย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
6
➢ ประเภทที่ 5 สารออกซไิ ดซแ์ ละสารอินทรยี ์เปอร์ออกไซด์ แบ่งเป็น 2 กลมุ่ ย่อยดงั น้ี
5.1 สารออกซิไดซ์ (Oxidizing Substances) หมายถึง ของแขง็
ของเหลวที่ตัวของสารเองไม่ติดไฟ แต่ให้ออกซิเจนซ่ึงช่วยให้วัตถุอื่นเกิดการลุกไหม้
และอาจจะก่อให้เกิดไฟเมื่อสัมผัสกับสารที่ลุกไหม้และเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ตัวอย่างเช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ โซเดียมเปอร์ออกไซด์ โซเดียมคลอเรต เป็น
ต้น
5.2 สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic Peroxides) หมายถงึ
ของแข็ง หรือของเหลวที่มีโครงสร้างออกซิเจนสองอะตอม -O-O- และช่วยในการ
เผาสารท่ีลุกไหม้ หรือทำปฏกิ ริ ิยากบั สารอื่นแล้วกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายได้ หรือเมือ่ ได้รบั
ความร้อนหรือลุกไหม้แล้วภาชนะบรรจุสารนี้อาจระเบิดได้ ตัวอย่างเช่น อะซีโตน
เปอรอ์ อกไซด์ เป็นต้น
➢ ประเภทที่ 6 สารพิษและสารติดเชือ้ แบง่ เป็น 2 กลุ่มยอ่ ย ดงั น้ี
6.1 สารพษิ (Toxic Substances) หมายถึง ของแข็. หรอื ของเหลวท่สี ามารถทำใหเ้ สยี ชีวิตหรือ
บาดเจ็บรุนแรงต่อสุขภาพของคน หากกลืน สูดดมหรือหายใจรับสารนี้เข้าไป หรือเมื่อสารนี้ได้รับความร้อน
หรือลกุ ไหมจ้ ะปล่อยกา๊ ซพิษ ตัวอยา่ งเชน่ โซเดยี มไซยาไนด์ กลมุ่ สารกำจัดแมลงศัตรพู ชื และสัตว์ เป็นตน้
6.2 สารตดิ เชอ้ื (Infectious Substances) หมายถงึ สารท่มี ีเชื้อโรคปนเป้อื น หรือสารทม่ี ี
ตัวอย่างการตรวจสอบของพยาธิสภาพปนเปื้อนที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคในสัตว์และคน ตัวอย่างเช่น
แบคทีเรียเพาะเชอ้ื เป็นต้น
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
7
➢ ประเภทที่ 7 วสั ดุกมั มนั ตรังสี
วัสดุกัมมันตรังสี (Radioactive Materials) หมายถึง วัสดุที่สามารถแผ่รังสีที่มองไม่เห็นอย่าง
ต่อเนอื่ งมากกวา่ 0.002 ไมโครคูรีต่อกรัม ตัวอย่างเช่น โมนาไซด์ ยูเรเนียม โคบอลต-์ 60 เปน็ ต้น
➢ ประเภทท่ี 8 สารกดั กร่อน
สารกัดกร่อน (Corrosive Substances) หมายถึง ของแข็ง หรือของเหลวซึ่งโดยปฏิกิริยาเคมีมี
ฤทธิ์กัดกร่อนทำความเสียหายต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตอย่างรุนแรง หรือทำลายสินค้า/ยานพาหนะที่ทำการ
ขนส่งเมื่อเกิดการรั่วไหลของสาร ไอระเหยของสารประเภทนี้บางชนิดก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูกและตา
ตวั อยา่ งเช่น กรดเกลือ กรดกำมะถนั โซเดยี มไฮดรอกไซด์ เป็นต้น
➢ ประเภทที่ 9 วัสดุอนั ตรายเบ็ดเตล็ด
วัสดุอันตรายเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous Dangerous Substances and Articles) หมายถึง
สารหรือสิ่งของที่ในขณะขนส่งเป็นสารอันตรายซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 8 ตัวอย่างเช่น
ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต เป็นต้น และให้รวมถึงสารที่ต้องควบคุมให้มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียสใน
สภาพของเหลว หรือมอี ุณหภมู ไิ มต่ ่ำกวา่ 240 องศาเซลเซียสในสภาพของแขง็ ในระหว่างการขนส่ง
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
8
ประเภทวตั ถอุ ันตรายตามการจัดเกบ็
ประเภท รายละเอยี ด
1 วัตถุระเบดิ
2A ก๊าซอัด ก๊าซเหลว หรือก๊าซทีล่ ะลายภายใต้ความดนั
2B กา๊ ซภายใต้ความดันในภาชนะทบ่ี รรจุขนาดเล็ก (กระปอ๋ งสเปรย์)
3A ของเหลวไวไฟ จุดวาบ < 60 °C
3B ของเหลวไวไฟทีม่ ีคุณสมบัตเิ ขา้ กบั นำ้ ไมไ่ ด้
4.1A ของเหลวไวไฟที่มคี ณุ สมบตั ริ ะเบดิ
4.1B ของแขง็ ไวไฟ
4.2 สารที่มีความเส่ยี งตอ่ การลุกไหมเ้ อง
4.3 สารที่ใหก้ า๊ ซไวไฟเม่อื สมั ผสั น้ำ
5.1A สารออกซิไดซ์ทม่ี ีความไวในการทำปฏิกริ ิยามาก
5.1B สารออกซไิ ดซ์ทมี่ ีความไวในการทำปฏิกริ ยิ าปานกลาง
5.1C สารออกซไิ ดซแ์ อมโมเนียมไนเตรทและสารผสม
5.2 สารอินทรยี เ์ ปอรอ์ อกไซด์
6.1A สารติดไฟได้ท่ีมีคุณสมบตั เิ ป็นพษิ
6.1B สารไมต่ ิดไฟทมี่ ีคณุ สมบัตเิ ปน็ พิษ
6.2 สารติดเชือ้
7 สารกัมมนั ตรังสี
8A สารติดไฟทม่ี ีคณุ สมบตั ิกดั กรอ่ น
8B สารไมต่ ดิ ไฟทม่ี ีคุณสมบัติกัดกรอ่ น
9 ไม่นำมาใช้
10 ของเหลวตดิ ไฟได้ไมจ่ ัดอยู่ในประเภท 3A หรือ 3B
11 ของเองตดิ ไฟ
12 ของเหลวไม่ติดไฟ
13 ของแข็งไม่ตดิ ไฟ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
9
2.2 ป้ายกำกบั สารเคมี
บริษัทผู้ผลิตสารเคมีมกั ติดปา้ ยกำกบั สารเคมเี พ่ือแสดงถึงลกั ษณะของ อนั ตรายไว้ที่ฉลากของ
ภาชนะบรรจุสารเคมีซ่ึงมกั ประกอบไปด้วยสัญลกั ษณ์ ต่างๆ กันออกไป ระบบของป้ายกำกับสารเคมีทีค่ วรรู้จกั
มี ดังต่อไปนี้ NFPA (National Fire Protection Agency) ได้กำหนดป้ายกำกับ สารเคมีเป็นรูปเพชร ภายใน
แบ่งเป็น 4 สี ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง และ สีขาว (Special hazard) โดยมีร้ายละเอียดคือ พ หมายถึง
สารเคมีที่ทำ ปฏิกิริยากับน้ำ (Water reactive); Ox หมายถึง Oxidizer, Cor หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์
Corrosive นอกจากน้ี ระบบ NFPA ยังแสดงตัวเลข 0-4 เพอื่ แสดงระดบั ความรุนแรงอีกดว้ ย
รปู ท่ี 1 ป้ายกำกบั สารเคมมี าตรฐาน NFPA
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
10
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
11
2.3 ความเปน็ พิษของสารเคมี (Toxic chemicals)
การพิจารณาระดับความเป็นพษิ ของสารเคมอี าจพจิ ารณาจากคา่ TLV (Threshold limit
values) หรือ PEL (Permissible exposure limits) ซึ่งกำหนด ระดับความเข้มข้นของสารเคมีสูงสุดที่มีได้ใน
อากาศ โดยปกติสารเคมีถูกจัดเป็นสารพิษ (Toxic chemicals) เมื่อมีค่า TLV หรือ PEL ต่ำกว่า 50 ppm
นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาความเป็นพิษของสารเคมีจากค่า LD (Lethal dose) หรือ LCs. (Lethal
concentration) โดยที่ LD, เป็นการระบุความเข้มข้นของสารเคมีที่ให้สัตว์ทดลองตายลง 50% โดย
สัตว์ทดลองได้รับ สารเคมีนั้นโดยการกิน การฉีด หรือการดูดซึม (Absorption) หรือการหายใจ ขณะที่ LC.,
เป็นการระบุความเขม้ ชนั ของสารเคมีที่ใหส้ ัตว์ทคลองตายโดย การหายใจเท่านั้น ปกติคำเหล่านี้จะมีระบุอยูใ่ น
ข้อมลู ความปลอดภยั เคมภี ณั ฑ์ (MSDS) ของสารเคมนี ัน้ ๆ
ตารางที่ 2 แสดงระดับความเปน็ พิษของสารเคมพี จิ ารณาจากคา่ LD50 หรอื LC50
ระดับความเปน็ พษิ การกนิ (มก./กก.) * ทางลมหายใจ การดดู ซมึ (มก./กก.)*
รุนแรง ≤ 1 < 10 ppm ≤ 5
มาก 1-50 10 – 100 ppm 5 - 50
ปานกลาง 50 - 500 100 - 1,000 ppm 50 - 500
นอ้ ย 500 - 5,000 1,000 – 10,000 ppm 500 – 5,000
หมายเหตุ * หมายถงึ น้ำหนกั เปน็ มก. ของสารเคมี 1 กก. ของสตั ว์ทดลอง
ท้ังน้ี การปฏบิ ตั ิงานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สารพษิ ผู้ปฏบิ ตั งิ านต้องใช้เครื่องป้องกนั สว่ นบุคคลที่เหมาะสม
2.4 วิธีการจำแนกประเภทสารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย
ให้ดำเนินการ ดงั ต่อไปนี้
2.4.1 ศกึ ษาข้อมูลความปลอดภัย
ผู้ประกอบการต้องให้มีข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีและวัตถุอันตราย
ทั้งหมดที่จะจัดเก็บโดยบริษัทผู้ผลิตสารเคมี ให้มาพร้อมกับสารเคมีเพื่อที่ผู้ซื้อสามารถศึกษารายละเอียดของ
สารเคมีที่ใช้ปฏิบัติงานสามารถขอได้จากบริษัทผู้ขายเคมีภัณฑ์ หรือจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง รวมทั้งสามารถ
สืบค้นได้จากฐานข้อมูลต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ กรมควบคุมมลพิษ ท่ี
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
12
http://msds.pcd.go.th ฐานข้อมูลอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้สารเคมี ของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข ได้ที่ www.anamai.moph.go.th ฐานข้อมูลการจัดการความรู้เรื่องความปลอดภัยด้าน
สารเคมีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ที่ http://www..chemtrack.org หรือสืบนจาก website
ต่างประเทศที่ให้ บริการข้อมูล MSDS เช่น ที่ http:/www.SIRI. org เป็นต้น โดยทั่วไปข้อมูล ความปลอดภยั
เคมีภัณฑ์ จะประกอบไปด้วย
1. ข้อมลู ของบริษทั ผู้ผลติ สารเคมี
2. หมายเลขสารเคมี CAS registry number (chemical abstract service )
3. ลักษระทางกายภาพ และ เคมีของสารเคมี
4. อนั ตรายท่ีอาจเกดิ จากการไดร้ ับสารเคมี รวมทัง้ โอกาสและช่องทางทอ่ี าจจะไดร้ ับ
5. วธิ ที เี่ หมาะสมในการเกบ็ รกั ษา
6. แนวทางการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น
7. การจดั การของเสยี
8. การเคล่อื นย้ายและขนสง่
เจ้าหนา้ ท่ีท่ีปฏบิ ตั ิงานที่เกีย่ วข้องกับสารเคมี ควรทจี่ ะศกึ ษาขอ้ มูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ของสารเคมีทุกตัวที่
ต้องใช้ และการเก็บข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ ควรเก็บเข้าแฟ้มเอกสาร เรียงตามตัวอักษรเพื่อความ
สะดวกในการคน้ หาภายหลงั
2.4.2 ขนั้ ตอนการ์เกบ็ รกั ษา
ก่อนการเก็บรักษาสารเคมแี ละวัตถอุ นั ตราย ใหผ้ ้จู ัดเก็บศึกษาข้อมลู ความปอดภยั เบือ้ งต้นที่ปรากฎอยู่ในฉลาก
เอกสารกำกับการขนส่งหรือข้อมูลความปลอดภัยเพื่อพิจารณาจำแนกประเภทสารเคมีและวัตถุ อันตราย
สำหรับการจดั เกบ็ โดยจดั ลำดบั ความสำคัญ ดังตอ่ ไปน้ี
• สารติดเชื้อ
• วสั ดุกัมมันตรงั สี
• วัตถุระเบิด
• ก๊าซอัด ก๊าซเหลว หรือกา๊ ซท่ลี ะลายภายใต้ความดนั หรอื กา๊ ซภายใตค้ วามดันในภาชนะบรรจุ
ขนาดเลก็ (กระปอ้ งสเปรย์)
• สารที่มคี วามเสย่ี งตอ่ การลกุ ไหม้ได้เอง
• สารใหก้ า๊ ซไวไฟเมอ่ื สัมผสั กบั น้ำ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
13
• สารเปอร์ออกไซด์อนิ ทรยี ์
• สารออกซไิ ดซ์
• ของแขง็ ไวไฟ
• ของเหลวไวไฟ
• สารติดไฟทเ่ี ป็นสารพิษ
• สารไม่ตดิ ไฟทีเ่ ปน็ สารพิษ
• สารติดไฟทเี่ ปน็ สารกดั กรอ่ น
• สารไม่ตดิ ไฟท่เี ป็นสารกัดกร่อน
• ของเหลวตดิ ไฟทไ่ี มอ่ ยใู่ นประเกท 3A หรอื 38
• ของแขง็ ติดไฟ
• ของเหลวตดิ ไฟ
• ของแขง็ ไมต่ ดิ ไฟ
ทัง้ นี้ กรณีท่ีเปน็ สารผสม ซ่ึงมีสว่ นผสมของสารเคมีหลายชนิดการเกบ็ รักษาให้เป็นไปตามคุณสมบตั หิ ลกั ของ
สารผสมน้ัน
2.5 วิธกี ารจัดเกบ็ สารเคมอี ันตราย สามารถแบ่งการจัดเก็บได้ ด้งั น้ี
2.5.1 การจัดเกบ็ แบบแยกบรเิ วณ (Separate Storage)
หมายถึง การจัดเกบ็ สารเคมแี ละวัตถอุ ันตรายแยกบรเิ วณ ออกจากกัน
- กรณอี ยใู่ นอาคารคลงั สนิ คา้ เดยี วกนั จะถกู แยกจากสารอ่นื ๆ โดยมผี นังทนไฟ ซ่ึง
สามารถทนไฟได้อย่างนอ้ ย 90นาที
- กรณีอยู่กลางแจ้ง (ภายนอกอาคารคลังสินคา้ จะถูกแยกออกจากบริเวณอื่นดว้ ย
ระยะทางที่เหมาะสม เช่น 5 เมตร ระหว่างสารไวไฟ กับสารไม่ ไวไฟ หรือ
10 เมตร ระหว่างสารอื่นหรือการก้ันด้วยกำแพงทนไฟ ซึ่งสามารถทนไฟได้อย่าง
น้อย 90 นาที
2.5.2 การจัดเก็บแบบแยกห่าง (Segregate Storage)
หมายถึง การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายตั้งแต่ 2 ประเภท ขึ้นไป ใน
บริเวณเดียวกัน ทั้งนี้ ต้องมีมาตรการป้องกันที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บ โดยต้องนำข้อกำหนดพิเศษ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
14
เพมิ่ เตมิ สำหรับการจดั เก็บเฉพาะประเภทตามคุณสมบัตเิ ฉพาะ เชน่ วัตถรุ ะเบิด สารออกซิไดซ์ หรือสารไวไฟ
เปน็ ต้น มาพิจารณาประกอบตามเงอ่ื นไขทกี่ ำหนดไว้ในตารางการจดั เก็บสารเคมแี ละ วัตถอุ ันตราย
2.6 ข้อพงึ ระวงั ในการจดั เก็บสารเคมี
2.6.1 ควรมกี ารกำหนดปริมาณสูงสุดท่ีจะเกบ็ สารเคมีประเภทของเหลวทีไ่ วไฟ หรอื ติด
ไฟ (Flammable and combustible liquid)
ไม่ควรเก็บของเหลวไวไฟในภาชนะที่ทำด้วยแก้ว เนื่องจาก มีโอกาสที่เกิดการ
ตกแตก และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมทั้งควรแยกการเก็บ สารเคมีประเภทนี้ออกจากสารเคมีที่เป็น Oxidizer
เช่น ไม่ควรเก็บกรดอินทรีย์ (Organic acids) ที่มักมีคุณสมบัติติดไฟได้ (combustible)ไว้รวมกับ
กรดอนินทรยี ์ (Inorganic acids) ซง่ึ มีคุณสมบัตเิ ปน็ Oxidizer
2.6.2 การจัดเก็บสารเคมีประเภท Oxidizer
ไม่ควรเก็บสาร Oxidizer รวมกับสารเคมีประเภทของเหลวไวไฟ โดยทั่วไป
สาร Oxidizer ที่เป็นก๊าซ จะมีความไวต่อปฏกิ ิริยาเคมี รวมทั้งสามารถทำปฏิกริ ิยากับโลหะต่างๆ การทำความ
สะอาดสารเคมปี ระเภทน้ี ไม่ควรทิง้ ลงในถังขยะเนื่องจากอาจเกดิ การลกุ ไหม้ได้
2.6.3 สารเคมที ่เี ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ (Health hazard)
สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (Health hazard) ได้แก่ สารพิษต่างๆ
รวมถึงสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) และสารที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของพันธุกรรม (Mutagen) ควรมีการ
แยกเก็บสารเคมีประเภทนี้ไว้เฉพาะส่วน รวมทั้งควรมีการกำหนดบุคคลที่สามารถใช้งานสารประเภทนี้เฉพาะ
ผูไ้ ด้รบั อนญุ าตเิ ท่านนั้
2.6.4 สารเคมที ่ไี ม่ควรจดั เกบ็ ร่วมกัน (Incompatible chemicals)
สารเคมีหลายตัวเมื่อทำปฏิกิริยากัน จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และทรัพย์สิน ดังนั้นควรระมัดระวังในการจัดเก็บสารเคมีเหล่านี้ให้แยกจากกัน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุท่ี
จะทำให้สารเคมีเหล่านี้ทำปฏิกิริยากัน รวมทั้งระมัดระวังในการนำขวดบรจุสารเคมีเก่ามาใช้บรรจุสารเคมี
ตวั อ่นื ๆ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
ตารางท่ี 3 ตวั อยา่ งสารเคมที ี่ไมค่ วรจดั เกบ็ ร่วมกนั 15
สารเคมี ไมค่ วรจดั เก็บรว่ มกบั สาเหตุ
กรด Cyanide salts Highly toxic cyanide gas
Cyanide solution
Highly toxic hydrogen
กรด Sulfide salts sulfide gas
Sulfide solution
Highly toxic chiorine gas
กรด ผงฝอกสี (bleach) อาจเกดิ ไฟไหม้
Oxidizing acid(e.g.nitric acid) Alcolhol , Solvent
Alkali metals (e.g.nitric acid) เกดิ กา๊ ซไฮโดรเจรทต่ี ิดไฟได้
Oxidizing agents(e.g.nitric acid) นำ้ อาจเกดิ ไฟไหม้ หรอื ระเบิด
Reducing agent หากมกี รดและไดร้ บั ความรอ้ น
Hydrogen peroxide Acetone อาจเกิดการระเบดิ
หากได้รับความร้อน
Hydrogen peroxide Acetic acid อาจเกิดการระเบิด
Hydrogen peroxide Sulfuric acid อาจเกดิ การระเบิด
อยา่ งไรกต็ าม หากพิจารณาการแยกเก็บสารเคมี ตามประเภทของสารเคมีอนั ตราย สามารถแยกเก็บสารเคมไี ด้
ดงั นี้
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
16
ตารางที่ 4 การแยกเกบ็ สารเคมตี ามประเภทของสารเคมอี ันตราย
3.2 8 9
class 2.1 2.2 3.1 3.3 4.1 4.2 4.3 5.1 5.2 6.1
3.4
2.1 NA NA FS FS FS PR FS PR PR FS FS SG
2.2 NA NA SG SG SG FS SG SG FS SG SG SG
3.1 FS SG NA NA FS FS FS PR PR FS SG SG
3.2
3.3 FS SG NA NA SG FS FS PR PR FS SG SG
3.4
4.1 FS SG FS SG NA FS FS PR PR FS SG SG
4.2 PR FS FS FS FS NA FS PR PR FS SG SG
4.3 FS SG FS FS FS FS NA PR PR FS FS SG
5.1 PR SG PR PR PR PR PR NA FS FS FS FS
5.2 PR FS PR PR PR PR PR FS NA PR FS FS
6.1 FS SG FS FS FS FS FS FS FS NA SG SG
8 FS SG SG SG SG FS FS FS FS SG NA SG
9 SG SG SG SG SG SG SG FS FS SG SG NA
หมายเหตุ NA หมายถงึ สามารถจดั เก็บบริเวณเดียวกันได้
SG หมายถงึ ต้องแยกจากกันอย่างน้อย 3 เมตร
FS หมายถงึ ตอ้ งจัดเกบ็ ใหห้ า่ งจากเปลวไฟ
PR หมายถงึ ห้ามอยู่ใกล้เคยี งกนั ต้องแยกจากกันอยา่ งนอ้ ย 10 เมตร
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
17
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
18
3. สถานทเี่ กบ็ รักษา
3.1 สถานทตี่ ัง้
- สถานที่เก็บสารเคมีที่ดี ควรอยู่ห่างจากบริเวณที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น ห่างไกลจากแหล่ง
น้ำดื่ม ห่างไกลจากบริเวณที่น้ำท่วมถึง และห่างไกลจากแหล่งอันตรายอื่นๆ ที่อาจเกิดจาก
ภายนอกโกคัง
- สถานทต่ี ง้ั โกดงั ควรมสี ้นทางทสี่ ะดวกแก่การขนส่ง และการจดั การเม่อื เกิดเหตฉุ กุ เฉนิ ตา่ งๆ
- มีสิง่ อำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอ เชน่ ระบบจา่ ยไฟฉุกเฉิน ระบบดับเพลิง
3.2 บริเวณโดยรอบ
- อาณาเขตบริเวณโดยรอบที่ตั้งต้องมีกำแพงหรือรั้วกั้นที่อยู่ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรงและ
สามารถบำรงุ รกั ษาใหด้ ีอยู่เสมอได้ง่าย
- มีพื้นที่ว่างบริเวณแนวกำแพงหรือรั้ว สำหรับแยกเก็บสารเคมีที่หกรั่วไหล และเพื่อให้การ
ปฏบิ ัติงานในการบรรเทาอันตรายจากสารเคมีท่หี กร่ัวไหลได้
- มยี ามรกั ษาการณต์ รวจตราในเวลากลางคืน และจดั หาอุปกรณเ์ พ่ือความปลอดภยั ไว้ เชน่ ไฟ
สำหรบั สอ่ งรอบบริเวณแปลงสง่ิ ปลกู สรา้ ง
- แปลนสิงปลกู สร้างตอ้ งออกแบบใหส้ ามารถแยกเก็บสารทเ่ี ขา้ กัน
- ไม่ได้ โดยการใช้อาคารแยกจากกัน การใช้ผนังกันไฟ หรือการป้องกันอืน่ ๆ เช่น ออกแบบให้
มพี น้ื ทว่ี ่างเพียงพอทสี่ ามารถเคล่อื นย้าย ขนถ่ายสารเคมีได้อย่างปลอดภยั
- อาคารเกบ็ สารเคมแี ต่ละหลังตอ้ งมรี ะยะห่างระหวา่ งกนั
- ทำเลที่ตั้งและอาคาร มีการป้องกันผู้บุกรุกโดยทำรั้วกั้น มีประตูเข้า-ออก พร้อมมาตรการ
ป้องกนั การลอบวางเพลงิ
รูปที่ 2 สถานทตี่ งั้ อาคารเก็บสารเคมี Rev.2 Date:27/7/2561
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั
19
3.3 การออกแบบอาคารเกบ็ สารเคมี
แผนผังอาคารต้องออกแบบใหส้ อดคล้องกบั ชนดิ ของสารเคมที ีจ่ ะเกบ็ ซึ่งมกี ารตระเตรียมใน
เรื่องทางออกฉุกเฉินอยา่ งเพียงพอ เนื้อที่และพื้นที่ของอาคารเก็บสารเคมตี ้องถูกจำกดั โดยแบ่งออกเป็นห้องๆ
หรือเป็นสัดส่วนเพื่อเก็บสารอันตรายคนละประเภท และสารอันตรายประเภทที่ไม่สามารถเก็บรวม กันได้
อาคารต้องปิดมิดชิด และปิดล็อคได้ วัสดุก่อสร้างอาคารเป็นชนิดไม่ไวไฟ และโครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีต
เสรมิ เหล็กหรือเหล็ก ถ้าเป็นโครงสรา้ งเหล็กต้องหุม้ ด้วยฉนวนกันความรอ้ น
3.4 ผนังอาคาร
- ผนังด้านนอกต้องสร้างอย่างแข็งแรง และควรปิดด้วยเหลก็ หรอื แผน่ โลหะ เพื่อป้องกันไฟที่
เกิดจากภายนอกอาคาร
- ผนังด้านใน ออกแบบให้เป็นกำแพงกันไฟทนไฟได้นาน 60 นาทีและมีความสูงขึ้นไปเหนือ
หลงั คา 1 เมตร หรือวธิ กี ารอื่นๆ ท่ีสามารถป้องกันการลุกลามของไฟได้
- วัสดุทใ่ี ช้เปน็ ฉนวนของอาคารเปน็ ชนดิ ทไี่ มต่ ิดไฟ เชน่ เสน้ ใยโลหะหรือใยแก้ว
- วัสดุที่เหมาะสมต่อการทนไฟ และมีคุณสมบัติแข็งแกร่งทนทาน คือ คอนกรีต อิฐ หรืออิฐ
บล็อก คอนกรีตเสริมเหล็ก ควรมีความหนาอย่างน้อย 15 เชนติเมตร หรือ 6 นิ้ว และ
กำแพงต้องหนาอย่างน้อย 23 เชนติเมตร หรือ 9 นิ้ว จึงสามารถทนไฟ ถ้าเป็นอิฐกลวงไม่
เหมาะสมที่จะใช้คอนกรีตธรรมคา ต้องมีความหนาอย่างน้อย 30 เซนติเมต หรือ 12 นิ้ว
เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่ง และทนทาน เพื่อให้โครงสร้างมั่นคงแข็งแรงต้องมีเสาคอนกรีต
เสริมเหลก็ ในผนงั กนั ไฟ
รูปที่ 3 ผนังอาคารและกำแพงทนไฟ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
20
3.5 พ้ืน
- พน้ื อาคารต้องไมด่ ดู ชับของเหลว
- พืน้ อาคารต้องเรยี บ ไม่ล่นื ไม่มีรอยแตกร้าว ทำความสะอาดได้งา่ ย
- พื้นอาคารต้องออกแบบให้สามารถเก็บกักสารเคมีที่หกรั่วไหล และน้ำจากการดับเพลิงได้
โดยวธิ กี ารทำขอบธรณีประตหู รือขอบก้นั โดยรอบ
รูปที่ 4 พ้นื อาคารตอ้ งไม่ดูดซับของเหลว เรียบ ไม่ลนื่ ไมม่ รี อยแตกราว
3.6 หลงั คา
- หลังคาต้องกันฝนได้ และออกแบบให้มีการระบายควันและความร้อนได้ ในขณะเกิดเพลิง
ไหม้
- วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างหลังคาไม่จำเป็นต้องใช้ชนิดป้องกันไฟพิเศษ แต่ก็ไม่ควรใช้ไม้ เพราะ
มีความเสี่ยงต่อการลุกลามของไฟโครงสร้างที่รองรับ หลังคาต้องทำด้วยวัสดุไม่ติดไฟ ใช้ไม้
เนื้อแข็งได้ เมื่อวัสดุที่ใช้มุงหลังคาไม่ไวไฟเพราะคานไม้ให้ความแข็งแกร่งโครงสร้างนานกว่า
คานเหล็กเม่อื เกิดเพลิงไหม้
- วัสดุที่ใช้มุงหลังคาอาจเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและยุบตัวได้ง่ายเมื่อเกิดเพลิงไหม้ เพื่อช่วย
การระบายควันและความร้อนออกไปได้ แต่ถ้าหลังคาสร้างแข็งแรงต้องจัดให้มีช่องระบาย
อากาศ เพ่ือให้มกี ารระบายควนั และความรอ้ นอยา่ งนอ้ ย 2% ของพื้นที่หลังคา
- ช่องระบายอากาศต้องเปิดไว้ถาวรและสามารถเปิดด้วยมือ หรือเปิดได้เองเมือเกิดเพลิงไหม้
การะบายควนั และความร้อนจะช่วยทำให้สามารถมองเหน็ ตน้ ตอของเพลงิ และชว่ ยชะลอการ
ลกุ ลามของไฟ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
21
3.7 ประตกู นั ไฟ
- ข้อลูกโชชนิดหลอมละลายได้ ติดตั้งไว้เหนือของประตูด้านบน ความร้อนหรือเปลวไฟที่โหม
ลกุ จากบรเิ วณทีเ่ ก็บสารเคมี จะส่งผ่านไปตามกำแพงกระตุน้ ให้ขอ้ ลูกโซ่ทำงาน
- ตมุ้ ถว่ ง มีสายเคเบ้ิลทร่ี อ้ ยผ่านตุม้ น้ำหนกั และห้ามยึดต้มุ ถ่วงใหอ้ ยกู่ บั ที่รางเลือ่ น
- ทางออกฉุกเนต้องทนไฟได้เช่นเดียวกับประตูกันไฟด้านในของประตูกันไฟ ต้องมีคุณสมบัติ
ทนไฟเหมือนผนังอาคารและสามารถปิดได้โดยอัตโนมัติ เช่น มีข้อลูกโชชนิดหลอมละลายได้
ซึ่งจะถูกกระตุ้นโดยอัดโนมัติจากระบบตรวจจับควันไฟแถะประตูจะปิ ดอัตโนมัติเมื่อเกิด
เพลิงไหม้ ขอ้ ควรระวงั ต้องมพี นื้ ที่วา่ งเพอ่ื ให้ปดิ ประดไู ด้ หา้ มมีสง่ิ กดี ขวาง
รูปที่ 5 ประตูและทางออก
3.8 ทางออกฉุกเฉนิ
- ต้องจัดให้มีทางออกฉุกเฉิน นอกเหนือจากทางเข้า-ออกปกติ การวางแผนสำหรับทางออก
ฉุกเฉินตอ้ งพจิ ารณาอย่างถี่ถ้วนถงึ ภาวะฉุกเฉินทัง้ หมดที่อาจเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญทีส่ ุคคือ ต้อง
ไมม่ ีผู้ใดตดิ อยใู่ นอาคารเก็บสารอันตราย
- ทำเครื่องหมายทางออกฉกุ เฉนิ ให้เหน็ ชดั เจนโดยยดึ หลกั ความปลอดภัย
- ทางออกฉกุ เฉินตอ้ งเปิดออกได้ง่ายในความมืดหรือเมื่อมีควนั หนาทบึ
- ทางออกฉุกเฉิน สำหรบั การหนีไฟจากบรเิ วณต่างๆ ตอ้ งมอี ยา่ งนอ้ ย 2 ทิศทาง
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
22
3.9 การระบายอากาศ
- ต้องมีการระบายอากาคที่ดีโดยคำนึงถึงชนิดของสารเคมีที่เก็บและสภาพการทำงานที่นำ
พึงพอใจและปลอดภยั
- การระบายอากาศอย่างเพียงพอ จะเกิดขึ้นเมื่อช่องระบายอากาศอยู่ในตำแหน่งบน
หลงั คา หรือผนังอาคารในสวนที่ตำ่ ลงมาจากหลังคา และบริเวณใกลพ้ ื้น
3.10 การระบายนำ้
ทอ่ ระบายนำ้ แบบเปดิ ไมเ่ หมาะสำหรบั การเกบ็ สารเคมที ี่เป็นสารพษิ เพือ่ ปอ้ งกนั การปนเปอ้ื น
จากสารเคมีที่นกรั่วไหล และน้ำจากการดับเพลิงไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ห่อระบายน้ำจากน้ำฝนต้องอยู่
นอกอาคาร ทอ่ ระบายนำ้ ในอาคาร ต้องเป็นชนดิ ท่ไี มต่ ิดไฟ
3.11 แสงสวา่ งและอปุ กรณไ์ ฟฟ้า
- อาคารเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายที่มีการทำงานในเวลากลางวันและแสงสว่างจาก
ธรรมชาติเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งดวงไฟ หลักการน้ีเป็นที่ยอมรับและถือปฏิบัติ เพราะ
ลดค่าใช้จ่าย ลดการบำรุงรักษา และลดความจำเป็นทต่ี อ้ งติดต้ังอุปกรณ์ใฟฟ้าชนดิ พิเศษ แต่
ถ้าสภาพการทำงานที่แสงสว่างจากธรรมชาติไม่เพียงพอ ต้องปรับปรุงสภาพแสงสว่างโดย
อาจตดิ ตงั้ แผงหลังคาโปร่งใส
- ในบริเวณซึ่งต้องการแลงสว่างและอุปกรณ์อำนวยความสะควกต่างๆ อุปกรณ์ใฟฟ้าทั้งหมด
รวมท้งั สายไฟต้องคดิ ต้งั ให้ไดม้ าตรฐานและไดร้ ับการบำรงุ รกั ษาจากชา่ งไฟฟา้ ผ้มู ีคุณวุฒิ
- ควรหลกี เลีย่ งการติดต้ังไฟฟ้าแบบชวั่ คราว แต่ถา้ มีความจำเปน็ อาจคดิ ตง้ั ให้ไดม้ าตงฐาน
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
23
- อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดต้องติดตั้งในตำแหน่งที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจทำให้เกิดความ
เสียหายขน้ึ ได้ เช่น การใช้รถโฟสค์ ลฟิ ท์ขนถ่ายสนิ คา้ หรอื อปุ กรณต์ ่างๆ รวมทงั้ หลีกเสี่ยงการ
วางอปุ กรณไ์ ฟฟา้ หรอื สายไฟฟา้ บรเิ วณที่มนี ้ำหรือพน้ื ที่เปียก
- อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องต่อสายดิน และจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสมเมื่อมีการใช้ไฟเกินหรอื เมื่อเกดิ
ไฟฟ้าลดั วงจร
- ในอาคารเก็บสารที่ไวไฟหรืออาจเกิดระเปิดได้ เช่น การเก็บสารตัวทำละลายชนิดวาบไฟต่ำ
หรือสารที่มีคุณสมบัติเป็นฝุ่นละเอียดที่สามารถระเบิดได้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้
อปุ กรณไ์ ฟฟ้าและรถโฟล์คลฟิ ท์ชนดิ ทปี่ อ้ งกันการระเบิดได้
- ในอาคารเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายต้องจัดให้มีระบบระบายอากาศที่มีการถ่ายเทอากาศ
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
- บริเวณที่มีการใช้อุปกรณ์ชาร์จประจุแบตเตอรี่ ควรแยกออกจากอาคารเก็บสารเคมแี ละวัตถุ
อันตรายและจัดให้มีการถ่ายเทอากาคที่ดี ทั้งน้ีควรหลีกเล่ียงการปฏิบัติงานที่อาจก่อให้เกิด
ความร้อนหรอื ประกายไฟ ยกเว้นแตจ่ ะมมี าตรการปอ้ งกันเป็นการพิเศษ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
24
3.12 ความรอ้ น
- โดยทั่วไปอาคารเก็บสาจเคมีและวัตถุอันตรายต้องมีอากาศไม่ร้อน แต่เมื่อมีความจำเป็นต้อง
รักษาสภาพบริเวณที่เก็บให้ร้อน เพื่อป้องกันสารแข็งตัวนั้น การใช้ระบบความร้อนต้องเป็น
แบบไม่สัมผัสความร้อนโดยตรงและเป็นวิธีที่ปลอดภัย เช่น ไอน้ำ น้ำร้อน อากาศร้อน และ
แหล่งให้ความร้อนนั้นต้องอยู่ภายนอกอาคารที่เก็บสารอันตราย เครื่องทำน้ำร้อน หรือท่อไอ
น้ำ ตอ้ งตดิ ตัง้ ในบรเิ วณทีไ่ มท่ ำให้ความร้อนสมั ผัสโดยตรงกบั สารเคมีและวตั ถอุ ันตราย
- ไม่ควรติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดความร้อนจากไฟฟ้า หรือแก๊สหรือความร้อนจากการเผไหม้
ของน้ำมนั
- การตดิ ต้ังฉนวนกนั ความรอ้ น วสั ดทุ ่ีใชเ้ ปน็ ฉนวนต้องไม่ติดไฟ เชน่ ใยหิน หรือใยแก้ว
3.13 การระงบั อัคคภี ยั
3.13.1 อปุ กรณ์ดบั เพลิง
1. สถานที่ก็บรักษาต้องมีเครื่องดับเพลิงที่มีขนาดและจำนวนที่เหมาะสมกับ
ปริมาณสารเคมีและวัตถุอันตรายที่จัดเก็บ และต้องได้รับการตรวจสอบไม่
น้อยกว่า 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง ควรจัดให้มีผงเคมีแห้ง ABC ขนาด 12 กิโลกรัม
อย่างน้อย 1 เครื่อง ต่อฟื้นที่ 200 ตารางเมตร และขนาด 50 ปอนด์ จำนวน
2 เคร่ือง สำหรับสถานท่เี กบ็ รักษาของเหลวไวไฟ
2. 2. อุปกรณ์ดับเพลิงต้องติดตั้งในสถานที่เหมาะสม พร้อมจัดทำแผนผังที่มี
ขนาดเหมาะสมแสดงตำแหน่งของเครอ่ื งดบั เพลิงท้ังหมด
3. อปุ กรณด์ บั เพลงิ ตอ้ งเคลื่อนยา้ ยโดยง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
4. อปุ กรณ์ดบั เพลิงและป้ายแสดงทเ่ี ก็บอุปกรณ์ รวมทงั้ ป้ายบอกทางไปยงั ทเ่ี ก็บ
อปุ กรณด์ บั เพลิงต้องใชส้ ีแดง
5. ประเภทของเพลงิ มีดังน้ี
- ประเภท ก (Class A) เป็นเพลิงที่เกิดจากของแข็งติดไฟ เช่น ไม้ ผ้า
ยาง กระดาษ พลาสตกิ เป็นตน้
- ประเภท ข (Class 8) เป็นเพลิงที่เกิดจากของเหลวติดไฟและก๊าซ
ติดไฟต่างๆ เช่น น้ำมัน จารปี น้ำมันชักเงา น้ำมันดิน ตัวทำละลาย
กา๊ ซธรรมชาติ และก๊าซหุงต้ม เป็นตน้
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
25
- ประเภท ค (Class ) เป็นเพลิงท่เี กดิ จากอุปกรณไ์ ฟฟา้
- ประเภท ง (Class D) เป็นเพลิงที่เกิดจากโลหะที่ลุกติดไฟได้ เช่น
แมกนีเซยี ม ลเิ ธียม และโซเดยี ม เป็นต้น
6. ประเภทของสารทใ่ี ช้ในการดบั เพลิง ให้เลอื กใช้สารดับเพลงิ ตามประเภทของ
เพลงิ ดงั นี้
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
26
3.13.2 ระบบน้ำดับเพลิง
1. ระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง Water Sprinkling System) ในสถานที่เก็บ
รักษาต้องติดตัง้ ในตำแหน่งท่ีสารถฉีดน้ำหรือสารเคมผี สมน้ำดับเพลิงไดอ้ ย่าง
เหมาะสม สามารถกระจายคลุมได้ทั่วถึง กรณีที่ติดตั้งหัวกระจายน้ำตามชั้น
วางสินค้า (In-rack sprinkle) อย่างนอ้ ยท่ีสุดตอ้ งมีหัวกระจายน้ำทกุ ๆ 2 ชนั้
2. ระบบหัวรับน้ำดับเพลิง (Water Hydrant) จำนวนและระยะห่างระหว่างหัว
รบั น้ำดบั เพลงิ แต่ละจุดข้ึนอย่กู ับความยาวของสายดับเพลิงและความดันของ
น้ำ โดยท่วั ไปหัวรับน้ำดบั เพลงิ จะอยูห่ า่ งกัน 50 เมตร
3. สายสงน้ำดับเพลิง (Hose) ต้องมีขนาคความยาวและจำนวนเพียงพอที่จะ
ควบคุมเพลิงได้ และสามารถใช้ได้ทันทีเมื่อมีเหตุฉุกเฉินข้อต่อสายส่งน้ำ
ดับเพลิงและกระบอกฉีดที่ใช้ฉีดดับเพลิงทั่วไปจะต้องเป็นแบบเดียวกันหรือ
สามารถเข้ากันกบั อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นหนว่ ยดบั เพลงิ ของทางราชการทอ้ งถ่นิ นนั้
4. ปริมาณน้ำดับเพลิงที่ใช้ในการดับเพลิงต้องมีเพียงพอที่ใช้ในการผจญเพลิง
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ควรจัดให้มีปริมาณน้ำสำรอง 100 ลูกบาศก์
เมตรต่อชั่วโมง สำหรับสถานท่ีเกบ็ รกั ษาที่มเี นือ้ ท่นี อ้ ยกว่า 2,500ตารางเมตร
และ 200 ลกู บาศก์เมตรต่อชวั่ โมง สำหรบั สถานท่ีเกบ็ รกั ษาที่มีเน้ือทมี่ ากกว่า
4,000 ตารางเมตร
5. การออกแบบและติดตั้งระบบน้ำดับเพลิง จะต้องได้รับการตรวจสอบและจับ
รองจากวิศวกร ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพวิควกรรมและ
สถาปัตยกรรมรองรบั
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
27
3.14 ระบบป้องกนั ฟ้าผา่
ทุกอาคารที่เกบ็ สารเคมปี ระเภทไวไฟ ดอ้ งติดตัง้ สายล่อไฟ หรอื อาจยกเว้นถ้าโกดังดงั กลา่ ว
อยู่ภายในรัศมีครอบคลมุ จากสายล่อฟา้ ของอาคารอ่นื ที่อยู่ใกลเ้ คยี งได้
ข้อกำหนดอน่ื ๆ
ไม่ควรสรา้ งสำนักงาน ห้องรับประทานอาหาร ห้องเปล่ยี นเสอื้ ผ้ารวมอยู่ในอาคารท่เี ก็บ แต่ถา้
จำเป็นเพื่อความสะดวก โครงสร้างดังกล่าวนี้ต้องแยกออกจากอาคารที่เก็บสารอันตราย และสามารถทนไฟได้
นาน 60 นาที
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
28
4. หลกั การเก็บสารเคมีและวตั ถุอันตราย
4.1 หลกั การเก็บสารเคมีและวตั ถุอันตรายในอาคาร
- จดั เกบ็ ตามประเภทโดยพจิ ารณาจากเอกสารข้อมลู ความปลอดภัย
- ยึดหลักเข้าก่อน-ออกก่อน (first in - first out) เพื่อลดความเสี่ยง จากการเสื่อมสภาพ
หรอื การถูกทำลายของสารเคมี
- ต้องตรวจสอบคุณลักษณะทั้งปริมาณและคุณภาพ ภาชนะบรรจุ และ หีบห่อต้องอยู่ใน
สภาพท่ีดี
- จัดทำแผนผังกำหนดตำแหน่ง ประเภทกลุ่มสารเคมี พร้อมตำแหน่ง อุปกรณ์ฉุกเฉิน
อุปกรณ์ผจญเพลงิ และเสน้ ทางหนีไฟ
- ต้องมีพื้นที่ว่างโดยรอบระหว่างผนังอาคารกับกองสารเคมีเพื่อตรวจสอบและจัดการกรณี
เกดิ เพลิงไหมห้ รอื หกร่ัวไหล
- การจดั เรียงสารเคมไี มค่ วรสูงเกิน 3 เมตร
รูปที่ 11 การจัดเกบ็ สารเคมีในอาคาร
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
29
4.2 หลกั การเก็บสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตรายนอกอาคาร
การเกบ็ สารเคมแี ละวัตถอุ นั ตรายนอกอาคาร ตอ้ งมีการจัดเตรียมเขอื่ นป้องกันเช่นเดียวกับการ
เก็บสารเคมีในอาคาร และตอ้ งมหี ลงั คาป้องกนั แสงแดดและฝนด้วย
ข้อพจิ ารณาเพิ่มเตมิ จากการเกบ็ สารเคมแี ละวตั ถุอันตรายนอกสารเคมแี ละวัตถอุ นั ตรายนอกอาคาร
สารเคมแี ละวัตถุอันตรายท่เี ก็บนอกอาคารโดยเฉพาะในประเทศทีม่ ีอากาศร้อนตอ้ งคำนงึ ถงึ การ
เสื่อมสภาพ เนื่องจากการสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงจึงต้องระมัดระวังในการเลือกวิธีเก็บโดยอาศัย ข้อมูล
ความปลอดภัย MSDS ช่วยในการพิจารณาเพื่อเป็นการป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีและวัตถุอันตรายลงสู่ดิน
และแหล่งน้ำ บริเวณที่เก็บต้องปูพื้นด้วยวัสดุที่ทนต่อน้ำและความร้อนไม่ควรใช้ยางมะตอยเพราะจะหลอมตัว
ได้ง่าย เมื่ออากาศร้อนบริเวณที่เป็นเขื่อนกั้น ต้องติดตั้งระบบควบคุมการระบายน้ำด้วยประตูน้ำ สารเคมีและ
วัตถุอันตรายที่เก็บต้องตรวจสอบการั่วไหลอย่างสม่ำเสมอเพื่อมิให้ปนเปื้อนลงสู่จะบบระบายน้ำ สารเคมีและ
วัตถอุ นั ตรายที่เกบ็ ในถัง 200 ลติ ร และไม่ไวตอ่ ความร้อน อาจเกบ็ ไว้ในท่ีโล่ง แจง้ ได้ แต่จะต้องมีระบบป้องกัน
การช่วั ไหลของสารเคมแี ละวัตถอุ ันตรายเช่นเดียวกับที่เก็บในอาคาร แนะนำให้เก็บสารเคมแี ละวตั ถุอันตรายใน
ถังกลม ในลักษณะตั้งตรงบนแผ่นรองสินค้า ถังที่เก็บในแต่ละแบบจะต้องมีพื้นที่ว่างเพียงพอเพื่อการดับเพลิง
สารเคมแี ละวัตถอุ ันตรายท่ีเปน็ ของเหลวไวไฟสูง แก๊ส หรอื คลอรนี เหลว ควรให้เกบ็ นอกอาคาร
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
30
5.มาตรการการปอ้ งกัน
5.1 การบรหิ ารจดั การเกี่ยวกบั สารเคมี
การบริหารจัดการเก่ยี วกับสารเคมีเปน็ ประเดน็ ที่สำคญั อยา่ งยง่ิ ในระบบการจดั การ
5.1.1 การปฏบิ ัติงานในอาคารเกบ็ สารเคมีและวตั ถุอันตราย
การปฏบิ ตั ิงานใดๆ ในอาคารเก็บสารเคมแี ละวตั ถุอันตราต้องได้รบั การดูแลและควบคุม
อย่างใกล้ชิดจากผู้ที่ได้รับการอบรมและมีประสบการณ์ในการจัดการเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตราย โดยมี
การกำหนดขอบเขตและแนวทางการรับผดิ ชอบไว้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจเป็นอย่างดี วิธีการ
ทำงานในอาคารเก็บต้องยืดหลักการเข้าก่อน-ออกก่อน (first in – first out) เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการ
เลื่อมสภาพหรือการถูกทำลาย หรือความเสียหายของสารเคมีและวัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุ หีบห่อ ฉลาก
หรือเครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ ต้องจัดเตรียมข้อแนะนำต่างๆ ให้พร้อมสำหรับผู้ปฏิบัติงานในอาคารเก็บ
สารเคมีและวัตถอุ นั ตรายในเร่อื งต่อไปน้ี
- คำแนะนำในการทำงานเพื่อความปลอดภัยและความถกู ตอ้ งเก่ียวกับอุปกรณ์ และวิธกี ารเก็บ
- ต้องมขี อ้ มลู ความปลอดภัย MSDS สำหรับสารเคมีและวัตถุอันตรายทกุ ชนิดทเ่ี ก็บไว้
- คำแนะนำและวธิ กี ารปฏบิ ัตงิ าน เพอ่ื สุขภาพอนามยั และความปลอดภัยทด่ี ี
- คำแนะนำและวธิ ีการปฏิบัติงาน เมอื่ เกดิ เหตุฉกุ เฉนิ
5.1.2 วิธกี ารรับ ขนถา่ ย และการสง่ สารเคมีและวตั ถุอันตราย
เมอื่ สารเคมแี ละวตั ถุอนั ตรายสง่ มาถงึ อาคารเกบ็ สารเคมแี ละวตั ถุอันตรายตอ้ งถูกจดั
ประเภทโดยพิจารณาจากใบขนสินค้า (bill of lading)และฉลากข้อมูลความปลอดภัย MSDS ที่ได้จัดเตรียม
โดยผู้ขายสารเคมีและวัตถุอันตรายต่างๆ ที่จะเก็บเข้าในอาคารเก็บ ต้องได้รับการตรวจสอบคุณลัก ษณะจาก
ข้อมูลทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ถ้าสารเคมีและวัตถุอันตรายนั้น หรือภาชนะบรรจุหีบห่ออยู่ในสภาพไม่ดี
หรอื ดว้ ยเหตุใดๆ กต็ ามทป่ี รากฎถึงอนั ตรายทอ่ี าจเกิดขึ้น ต้องเขา้ ดำเนนิ การจดั การอยา่ งเหมาะสมทันที
5.1.3 แผนผงั การเกบ็ สารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย
ต้องมพี ้ืนท่ีว่างเหลือไว้โดยรอบระหวา่ งผนังอาคารกบั กองสารเคมแี ละวตั ถุอันตรายท่ี
เก็บ และระหว่างกองสารเคมีแต่ละชนิดที่เก็บ เพื่อให้การตรวจสอบสภาพได้สะดวก มีการถ่ายเทอากาศที่ดี
เพื่อการผจญเพลิงและจัดการกับสารเคมีและวัตถุอันตรายที่หกรั่วไหลต้องจัดเรียงสารเคมีและวัตถุอันตรายไว้
ในสภาพที่ไม่กีดขวางการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์ และการขนย้ายสารเคมีและวัตถุอันตราย รวมทั้งการใช้
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
31
อุปกรณ์ฉุกเฉิน ทางเดินแคบ ๆ หรือพื้นที่ที่แออัด จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายต่อกองสารเคมี
และวัตถุอันตรายได้ทางเดิน ประตูเข้าออก และทางวิ่งของรถโฟล์คลิฟท์ต้องมีเครื่องหมายแสดงทิศทางและ
แนวทางเห็นได้อย่างชัดเจนบนพื้น และต้องไม่มีสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันอันตรายต่อคนเดินการจัดเรียงสารเคมี
และวัตถุอันตรายไม่ควรสูงเกิน 3 เมตร ยกเว้นกรณีการจัดเก็บที่มีชั้นวางเพื่อป้องกันการรับน้ำหนักที่มาก
เกินไป และเพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงพอไม่โคนล้มลงการจัดเรียงสารเคมีและวัตถุอันตรายสูงๆ โดยไม่มี
ชั้นวาง จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสารเคมีและวัตถุอันตรายท่ีเก็บอยู่ชั้นล่างภาชนะหีบห่อบรรจุสารเคมีและ
วัตถุอันตรายที่มีคุณสมบัติคงทนรับน้ำหนักได้ สามารถจัดเรียงเป็นชั้นสูงๆ แต่ต้องทำเครื่องหมายพิเศษแสดง
ให้ทราบถึงความสูงในการจัดเก็บสูงสุดไว้ด้วย ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อเครื่องหมาย "ด้านนี้อยู่ด้านบน"บน
ภาชนะหีบห่อ ถ้าไม่มีเครื่องหมายแสดงต้องแน่ใจว่าภาชนะหีบห่ออยู่ในตำแหน่งที่ฝ่าปิดอยู่ด้านบนในการ
จดั เรยี งสารเคมแี ละวัตถุอนั ตรายทีเ่ ก็บในแต่ละสว่ นของอาคารโดยการ
- กำหนดหมายเลขของแต่ละพนื้ ทสี่ ดงตำแหน่ง ปรมิ าณ หรอื กลมุ่ สารเคมีและวตั ถุอนั ตรายท่ีจัดเกบ็
ตามคุณสมบัตทิ ี่กอ่ ใหเ้ กดิ อันตราย
- แสดงตำแหนง่ ของอุปกรณฉ์ กุ เฉนิ อปุ กรณผ์ จญเพลิงรวมทงั้ เส้นทางหนีไฟ แผนผังน้ตี อ้ งจัดทำไว้
อยา่ งนอ้ ย 2 ชุด เกบ็ ไวท้ ี่สำนกั งานและท่หี นว่ ยดับเพลงิ และตอ้ งทำการปรับปรุงข้อมลู ในแผนผงั นีใ้ ห้
ทันสมัยตลอดเวลา
- บัญชีรายช่ือสารเคมแี ละวัตถอุ ันตรายและตำแหนง่ ที่เกบ็ ในอาคาร และตอ้ งทำการปรับปรงุ ให้ทันสมยั
ตลอดเวลา
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
32
แผนภาพท่ี 1 แสดงพืน้ ท่เี กบ็ สารเคมีและเสน้ ทางอพยพหนไี ฟ
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
33
5.1.4 การแยกเกบ็ และการคดั เลอื กเกบ็ สารเคมี
การแยกเกบ็ เป็นการเก็บกลุ่มสารเคมีต่างชนิดกนั แยกเก็บออกจากกนั เปน็ สัดส่วน
ภายในอาคารเดียวกันการคัดแยกเก็บ เป็นการเก็บสารเคมีตามคุณสมบัติทางกายภาพ กลุ่มสารเคมีต่างชนิด
กันแยกเก็บไว้คนละอาคาร หรือภายในอาคารเดียวกันแต่มีกำแพงกันไฟกั้นวัตถุประสงค์ของการแยกเกบ็ และ
การคัดแยกเก็บสารเคมีเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้และการปนเปื้อนของสาที่เข้ากันไม่ได้ การเก็บ
สารเคมีและวัตถุอันตรายที่ถูกต้องจะสามารถลดพื้นที่ของการเกิดอันตราย และลดความจำเป็นในการสร้าง
เขอ่ื นกนั้ หรอื ลดการติดตงั้ อุปกรณม์ ืองกันไฟฟา้ หลักการพื้นฐานในการเก็บสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย
- ไมเ่ ก็บสารเคมแี ละวัตถนุ ตรายทมี่ ีอันตรายตา่ งกนั ไว้รวมกันโดยพิจารณาจากสัญลักษณท์ ใ่ี ชใ้ นการจัด
ประเภทสารอนั ตรายท่กี ำหนดอันตรายโดยองคก์ ารสหประชาชาติ
- การจดั เก็บของเหลวไวไฟสูงและแกส๊ ตอ้ งจดั เก็บไวน้ อกอาคาร
- สารเคมีและวัตถุอันตรายไวไฟ
5.1.5 การหกรัว่ ไหลของสารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย
การดูแลรกั ษาความสะอาด การขนย้ายสารเคมีและวตั ถุอันตรายอยา่ งระมัดระวังช่วยให้
ภาชนะบรรจุ มคี วามคงทนไม่ชำรุด แต่ถา้ การขนย้ายไม่ถูกวิธี ขาดความระมดั ระวัง เปน็ สาเหตุให้ภาชนะบรรจุ
ได้รับความเสียหาย และทำให้หกรั่วไหลได้ เพื่อเป็นการลดอันตรายจากการสารที่หกรั่วไหล จำเป็นต้องจัดการ
เก็บและทำความสะอาดทันที ทั้งนี้ ให้ศึกษาข้อมูลความปลอดภัย MSDS ประกอบ อุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็น
ในการจัดการกบั สารเคมีและวัตถุอนั ตรายท่ีหกรั่วไหล คือ
- อุปกรณป์ อ้ งกันส่วนบุคคล
- ถังเปลา่ ขนาดใหญ่
- กระดาษกาว เพือ่ ใชท้ ำเครอ่ื งหมายหรอื สัญลักษณบ์ นถัง
- วสั ดุดูดซบั เช่น ทราย ดนิ ขีเ้ ลือ่ ย
- สารละลายผงซกั ฟอก
- ไมก้ วาด
- พล่วั
- ประแจ
- กรวย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
34
อปุ กรณ์ท้ังหมดทใี่ ช้ในกรณฉี กุ เฉนิ และเพ่ือให้เกิดความปลอดภยั ตอ้ งไดร้ ับการตรวจสอบสภาพอยา่ ง
ถี่ถ้วนและสม่ำเสมอ และต้องดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลต้องกำจัดส่ิง
สกปรกปนเปื้อนและทำความสะอาด และตรวจตราหลังใชง้ านทุกครั้งต้องจัดทำรายงานผลการตรวจสอบ และ
การบำรงรักษาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลทุกครั้งของเหลวที่หกรั่วไหล ควรดูดซับด้วยสารดูดซับที่เหมาะสม
เช่น ดินทราย ขี้เลื่อย อย่างไรก็ดี สารดูดซับเหล่านี้ไม่ควรใช้กับของเหลวไวไฟ และของเหลว ออกซิไดซ์
บริเวณที่หกรัวไหล ต้องจัดการกำจัดสารเคมีและวัตถุอันตรายออกไป ตามคำแนะนำในข้อมูลความปลอดภัย
MSDS และกำจัดของเสียอย่างปลอดภัยตามคำแนะนำจากผู้ผลิต ของแข็งที่หกรั่วไหลให้ทำความสะอาดด้วย
เครอ่ื งดดู ฝุ่นอตุ สาหกรรมหรืออาจใช้ทรายชื้นคลกุ แลว้ ใช้พล่วั ตกั กวาดพน้ื ดว้ ยแปรง
รูปท่ี 14 เครอื่ งมือทีจ่ ำเป็นในการจดั การกบั สารเคมีและวัตถุอันตรายที่หกรัว่ ไหล
รูปที่ 15 การจัดการกบั สารเคมี และวัตถอุ นั ตรายทหี่ กรัว่ ไหล อยา่ งถูกวิธีและไม่ถกู วธิ ี
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
35
5.1.6 การกำจัดของเสีย
สารเคมีและวัตถุอันตรายที่เป็นของเสียท้ังหมด รวมทัง้ ภาชนะบรรจหุ บี หอ่ แผ่นรอง
สนิ ค้าทชี่ ำรุดต้องกำจัดด้วยวิธีท่ีปลอดภยั และไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม ถึงแมว้ ่าปรมิ าณสารเคมีและวตั ถุ
อันตรายที่หกเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สมควรที่จะปล่อยน้ำล้างพื้นลงสแหล่งน้ำผิวดินหรื อท่อระบายต้องได้รับ
การบำบัดก่อนการกำจัดขยะสารเคมีและวัตถุอันตรายที่เก็บไว้นานสารเคมีและวัตถุอันตรายที่ผลิตได้ไม่ตรง
ตามข้อกำหนด วัสดุหีบห่อที่ปนเปื้อน และ สารดูดซับ การกำจัดของเสียเหล่านี้ต้องใช้เทคนิค และวิธีการเก็บ
และกำจัดอย่างปลอดภัยและไม่ก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือกฎหมายทางราชการ
กำหนด เพื่อความถูกต้อง ควรขอคำปรึกษาหรือคำแนะนำจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงข้อมูลความ
ปลอดภัย MSDS จะมีข้อแนะนำและเทคนิควิธีการกำจัดสารเคมีและวัตถุอันตรายแต่ละชนิดอย่างเหมาะสม
ภาชนะบรรจุที่ปนเปื้อนสารเคมีและวัตถุอันตราย ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่ ต้องกำจัดหรือทำให้ใช้งานไม่ได้โดย
การเจาะรูหรือทำลายก่อนท้ิง
5.2 การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อาคารทกุ แห่งตอ้ งจัดเตรียมสิง่ อำนวยความสะดวกสำหรับการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นไว้พรอ้ ม
ผ้ดู ูแลปฐมพยาบาลทไ่ี ด้รบั การอบรมแลว้ อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้นท่จี ำเปน็ ประกอบด้วย
5.2.1 ฝึกบัวสำหรับอาบน้ำเมอื่ เกิดเหตุฉกุ เฉิน
5.2.2 อปุ กรณ์ลา้ งตา
5.2.3 กระเป๋าเครือ่ งปฐมพยาบาล
5.2.4 เปลหามคนเจบ็
5.2.5 ผา้ ห่มใชค้ ลมุ ดับเพลิง
5.2.6 แสงสวา่ งฉกุ เฉนิ และแถบสะทอ้ นแสง
อปุ กรณ์ปฐมพยาบาลน้ี ต้องไดร้ ับการตรวจสอบบอ่ ยๆ อยา่ งสม่ำเสมอและตอ้ งบำรงุ รกั ษาดแู ล
ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีตลอดเวลา พร้อมทั้งทำรายงานการตรวจสอบการบำรุปรักษาทุกครั้ง และเก็บไว้
เป็นหลักฐานติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาล แพทย์ เพื่อการช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น
เมื่อเกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลันโรงพยาบาลและแพทย์ต้องทราบข้อมูลความปลอดภัย MSDS ของสารเคมี
และวัตถุอันตรายทุกตัวที่เก็บในอาคาร และต้องมียาแกพ้ ิษไว้เพื่อการรักษาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เอกสาร MSDS
ต้องส่งไปให้แพทย์พร้อมผู้ป่วยด้วย เพราะใน MSDS จะมีคำแนะนำในเรื่องการปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้นท่ี
เกิดจากสารเคมีและวัตถุอนั ตรายน้นั
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
36
รูปท่ี 16 อา่ งล้างตาและทีล่ า้ งตวั ฉกุ เฉนิ
คำแนะนำทวั่ ไปเมือ่ ได้รับสารอันตราย
(1) เมื่อหายใจเอาฟูมหรือไอสารเขา้ ไป ให้นำผู้ปว่ ยไปท่อี ากาศบรสิ ุทธแิ์ ละนำคนเจบ็ ส่งแพทย์
(2) เมื่อสารเคมแี ละวัตถอุ นั ตรายเข้าตา ใหช้ ะล้างตาด้วยน้ำจำนวนมากๆ นานอยา่ งนอ้ ย
15 นาที แล้วสงคนเจบ็ ไปพบแพทย์
(3) เมอ่ื สัมผสั สารเคมีและวัตถุอันตรายทางผิวหนัง ใหล้ ้างดว้ ยนำ้ ถอดเสื้อผ้าทเี่ ป้ือนออกทันที
ชำระลา้ งร่างกาย และนำคนเจบ็ ส่งโรงพยาบาล
(4) เมอ่ื กนิ สารเคมีและวัตถุอันตรายเขา้ ไป หา้ มทำใหอ้ าเจียนนอกจากมคี ำแนะนำใหอ้ าเจียนได้
ใน MSDS รบี นำคนเจบ็ ส่งโรงพยาบาล
(5) เมอ่ื เกดิ แผลไหมแ้ ละแผลพุพอง บรเิ วณท่ีได้รับบาดเจ็บควรทำให้เย็นโดยเร็วดว้ ยนำ้ เย็น จน
ทุเลาความเจ็บปวด เม่อื ผวิ หนงั หลุดใหป้ ิดแผลดว้ ยผา้ พันแผลที่ฆา่ เช้ือโรคแล้ว อย่าลอกผ้าที่
ตดิ แผลออก และรบี นำคนเจบ็ สง่
(6) ตอ้ งไดร้ ับการดแู ลรกั ษาจากแพทยห์ ลงั จากได้รบั การปฐมพยาบาลเบอื้ งต้นแล้ว ทกุ กรณี
5.3 อุปกรณ์ปอ้ งกนั อนั ตรายสว่ นบุคคล
เครื่องปอ้ งกันอันตรายสว่ นบุคคล หมายถึง สิ่งหนงึ่ ส่ิงใดทสี่ วมใส่ลงบนอวัยจะส่วนใดสว่ น
หนึ่งของร่างกาย หรือหลายๆ สวนรวมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะนั้นๆ ไม่ให้ต้อง
ประสบอนั ตราย คอื เปน็ การป้องกนั นตรายจากสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน เครือ่ งปอ้ งกนั อนั ตรายส่วนบุคคล
แบง่ ออกเปน็ ชนดิ ตามลกั ษณะที่ใชป้ อ้ งกนั ไดด้ ังน้ี
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
37
1. เคร่อื งปอ้ งกันศีรษะ
1.1) หมวกนิรภัย เป็นเครื่องสวมใสศีรษะ มีลักษณะแข็งแกร่งทำด้วยวัสดุที่แตกต่างกันออกไป
เพื่อป้องกันศีรษะของคนงานซึ่งไม่เพียงแต่จากการกระแทก แต่รวมถึงวัตฤที่ปลิวหรือตก
กระเด็นมาโดน หรือไฟช็อตหมวกนิรภัยชนิดถูกออกแบบให้ส่งผ่านแรงเฉลี่ยทีม่ ากที่สุดได้
ไมเ่ กนิ 850 ปอนด์ ตวั หมวกและจองในหมวกตอ้ งหา่ งกนั ไมต่ ่ำกว่า 3 เซนติเมตร
1.2) หมวกแข็ง ต้องมีน้ำหนักไมเ่ กิน 424 กรัม แต่ต้องทำดว้ ยวัสดุที่ไม่ใช้โลหะและต้องมคี วาม
ต้านทานสามารถทนแรงกระแทกได้ 358 กิโลกรัม ภายในหมวกมีรองหมวกทำด้วยหนัง
พลาสติก ผ้า หรือวัตถุที่คล้ายกันและอยู่ห่างจากผนังหมวกไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร ซึ่ง
สามารถปรบั ระยะไดต้ ามขนาดศรี ษะ เพอ่ื ป้องกันศีรษะกระแทกกับหมวก
รปู ที่ 17 หมวกนิรภัย
2. ท่สี วมรดั ผมหรอื ตาข่ายคลุมผม ตอ้ งทำด้วยพลาสตกิ ผา้ หรือวัตถุท่ีคล้ายกนั หรือ ใชส้ วม หรือ คลมุ ผม
ให้สั้นเสมอคอ
รปู ที่ 18 สวมรดั ผมหรอื ตาข่ายคลมุ ผม
3. เครื่องป้องกนั ตาและใบหนา้ การทำงานในลักษณะของงานอาจเป็นอันตรายแกส่ ายตาและใบหน้า ตอ้ ง
สวมใสอปุ กรณ์ อาทเิ ชน่
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
38
3.1) แวน่ ตาลดแสง ตัวแว่นต้องทำด้วยกระจกสี สามารถลดความจ้าของแสงลง ให้อย่ใู นระดับ
ท่ีไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ สายตา กรอบแว่นมนี ำ้ หนกั เบาและกระบังแสงมลี ักษณะออ่ น
3.2) แว่นตาหรือหน้ากากชนิดใส ตวั แวน่ หรอื หน้ากากทำดว้ ยพลาสตกิ ใส มองเห็นได้ชดั เจน
สมารถป้องกันแรงกระแทกได้ กรอบแวน่ มนี ำ้ หนกั เบา
3.3) กระบงั หนา้ ตัวกระบงั ตอ้ งทำด้วยกระจกสี สามารถลดความจา้ ของแสงใหอ้ ยู่ในระดับที่ไม่
เป็นอันตรายตอ่ สายตา ตัวกรอบตอ้ งมนี ำ้ หนกั เบาและไม่ติดไฟง่าย
รปู ที่ 19 เคร่ืองป้องกนั ตาและใบหนา้
4. เครื่องป้องกันอันตรายขาดการหายใจ ชนิดเป็นถุงอากาศช่วยในการหายใจ อุปกรณ์นี้เหมาะจะใช้กับ
บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารเคมีสูง ที่มีไอน้ำหนาแน่นหรือในที่ขาดออกซิเจน หน้ากากที่มีเครื่องเป่า
อากาศชนิดนี้จะใช้ได้ดีในลกั ษณะงานที่ทำในที่อับ ทึบ อุโมงค์ ท่อขนาคใหญ่ งานประมาณนี้ออกชิเจนจะ
ไม่เพียงพอหรือมีสารเคมีเป็นพิษปะปนอยู่มากเครื่องเป๋าอากาศ (Blower) ทำหน้าที่เป๋าอากาศเข้ามา
ท่อส่งอากาศปกติจะยาวไม่เกิน 150 ฟุต ต่อเข้ากับหน้ากากใช้กรองสารเคมื อุปกรณ์ชนิดนี้ประกอบด้วย
หน้ากากปิดครึ่งใบหน้า มีที่กรองอากาศติดอยู่ที่บริเวณจมูก1-2 อัน ทำหน้าที่กำจัดไอหรือ แก๊สพิษที่จะ
หายใจเข้าไป เครื่องกรองฝนชนิดนี้จะใช้กรองฝุ่นโดยเฉพาะ หน้ากากทำด้วยยางหรือพลาสติกปิดจมูก
โดยมี แผน่ กรองบางๆ เป็นตัวจับฝุ่นเอาไว้ไม่ใหเ้ ขา้ ไปกบั อากาศทผ่ี ่านเขา้ ไป
5. เครื่องปอ้ งกันหู แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ ใหญ่ๆ ดงั น้ี
5.1) ปลั๊กลดเสียง (Ear plug) จะมีผลในการป้องเสียงมาก วัสดุที่ใช้ทำนั้นมีหลายชนิด เช่น
พลาสติกอ่อน,ยาง,สำลี เป็นต้น แต่จะนิยมใช้ยางและพลาสติกมากที่สุด ทั้งนี้ จะต้อง
สามารถลดเสยี งไดไ้ มน่ ้อยกว่า15 เดซเิ บล (เอ)
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
39
รูปท่ี 20 ปลั๊กลดเสยี ง (Ear plug)
5.2) ที่ครอบหูลดเสียง (Ear muffs) เป็นอุปกรณ์ป้องกันเสียงชนิดครอบใบหูทั้งสองข้าง บาง
ชนิดมลี ำโพงสำหรบั ใช้พดู ตดิ ต่อกันได้ในสถานที่ท่มี เี สยี งดัง ทำดว้ ยพลาสตกิ หรอื ยาง หรือ
วัตถอุ ื่นๆ และต้องสามารถลดเสียงได้ไม่นอ้ ยกว่า 25 เดซิเบล (เอ)
รูปที่ 21 ท่ีครอบหลู ดเสียง (Ear muffs)
6. ถุงมือ ใช้ป้องกันอันตรายบริเวณมือระหว่างการปฏิบัติงานคุณสมบัติต้องทนทานสารเคมี และวัตถุ
อันตรายไม่สามารถซมึ ผ่านเข้าสู่มือได้รวมทั้งสามารถป้องกันนิว้ จากการลอก การบีบ และลื่นหลุดจากมือ
ของบรรจุภณั ฑ์
รูปท่ี 22 ถุงมือที่ทนทานสารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
40
7. รองเท้านิรภัย เปน็ รองเท้าหัวเหลก็ ทนตอ่ สารเคมื พ้ืนรองเทา้ ไม่ลนื่ และในการจัดเก็บกา๊ ซไวไฟหรอื
ของเหลวไวไฟ รองเท้านิรภัยต้องมีคุณสมบตั ิปอ้ งกันการเกิดไฟฟ้าสถิต
รปู ที่ 23 รองเท้านิรภยั
5.4 สีและเครอื่ งหมายความปลอดภัย
" สแี ละเครอ่ื งหมายเพอื่ ความปลอดภัย " เป็นสิ่งท่ีใช้ในการปอ้ งกันพนักงานและ
บุคคลภายนอก ให้ตระหนักถึงอันตรายที่มีอยู่ในพื้นที่ อุปกรณ์เครื่องจักร หรือเครื่องมือต่าง โดยสิ่งที่นำมาใช้
เป็นส่วนมากมักเป็นสัญลักษณ์ สีรูปภาพ ที่เข้าใจง่าย และ/หรืออาจมีคำพูดสั้นๆ กำกับไว้ด้วย เพื่อแสดงให้
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หรือแสดงการเตือนอันตรายที่จะเกิดกับคน หรือ ทรัพย์สิน เป็นต้น การติดต้ัง
เครอ่ื งหมายเตอื นอันตรายจึงมักติดต้ังไวใ้ นจุด ทม่ี ีอนั ตรายเป็นสว่ นใหญ่ หรือกล่าวอีกนยั หน่ึงได้ว่า ทุกๆ คร้ังที่
เราเห็นเครื่องหมายเตือนอันตรายที่ใด แสดงว่าไม่สามารถปฏิบัติตนตามสบายดังที่ต้องการ รวมทั้งการ
ตัดสินใจที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่เป็นการเพียงพอในการป้องกันอันตรายที่ช่อนเร้น ดังนั้นเพื่อให้
ความเข้าใจในเรื่องความหมายของสีและเครื่องหมายต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นที่ยอมรับของ
สากล จึงต้องมีการกำหนดมาตรฐานเรื่อง " สีและเครื่องหมายเพื่อความปลอดภัย " ขึ้นเพื่อให้มีความเข้าใจ
ทีต่ รงกนั
5.4.1 สีเพือ่ ความปลอดภัย
คือ สีที่กำหนดในการบอกความหมายเพื่อความปลอดภัยตาม มอก. 635 เล่ม 1
กำหนดใหใ้ ช้สีเพอื่ ความปลอดภัย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
41
ตารางท่ี 6 สสเี พอ่ื ความปลอดภัยและสตี ดั
มายเหตุ
(1) สแี ดง ยังใช้ไดส้ ำหรบั อปุ กรณเ์ กี่ยวกับการปอ้ งกนั อัคคีภัย อปุ กรณ์ดับเพลิง และ ตำแหน่งทต่ี ัง้ อีกด้วย
(2) อาจใช้สีแดงส้มวาวแสงแทนสีเหลืองได้ แต่ไม่ให้ใช้แทนสีเหลืองกับเครื่องหมายเพ่อความปลอดภัย
ตามสีแดงส้มวาวนม้ี องเห็ฯเดน่ โดยเฉพาะมนภาวะท่มี ดื มัว
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
42
ตัวอยา่ ง การใช้สีเพอื่ ความปลอดภยั และสีตดั
หมายเหตุ พืน้ ที่ของสีเหลืองต้องมีอยา่ งน้อยร้อยละ 50 ของพื้นทงั้ หมดของเครอื่ งหมาย
5.4.2 รปู แบบของเครอื่ งหมายเพ่ือความปลอดภัย "เครอ่ื งหมายเพือ่ ความปลอดภัย"
หมายถงึ เครื่องหมายท่ใี ช้สือ่ ความหมายเก่ยี วกับความปลอดภัย โดยมีสี รูปแบบ และ
สัญลกั ษณ์หรือข้อความแสดงความหมายโดยเฉพาะเพ่ือความปลอดภัย
5.4.2.1 รูปแบบของเครื่องหมายเพื่อความปลอดภัยและสีที่ใช้แบ่งเป็น 4 ประเภท
ตามจดประสงคข์ องการแสดงความหมายตามตารางดา้ นลา่ งนี้
5.4.2.2 ให้แสดงสัญลักษณ์ภาพไว้ตรงกลางของเครื่องหมายโดยไม่ทับแถบขวาง
สำหรับเคร่อื งหมายหา้ ม
5.4.2.3 ในกรณีที่ไม่มีสัญลักษณ์ภาพที่เหมาะสมสำหรับสื่อความหมายตามที่ต้องการ
ให้ใช้เครื่องหมายทั่วไปสำหรับเครื่องหมายเพื่อความปลอดภัยแต่ละประเภท
ร่วมกบั เครือ่ งหมายเสริม
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
43
ตารางที่ 7 รูปแบบของเคร่อื งหมายเพื่อความปลอดภัย
บริษทั แมรีกอท จิวเวลร่ี (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
44
5.4.3 เคร่อื งหมายเสริม
หมายถงึ เครอ่ื งหมายทใี่ ชส้ อ่ื ความหมายเกยี่ วกับความปลอดภัยโดยมีสี รูปแบบ และ
ขอ้ ความเพอ่ื ใชร้ ่วมกบั เครอ่ื งหมาเพอ่ื ความปลอดภัยในกรณีทจี่ ำเป็น
5.4.3.1 รูปแบบของเครอ่ื งหมายเสริม เปน็ สเี่ หล่ียมผนื ผ้า หรอื สเ่ี หลย่ี มจัตรุ สั
5.4.3.2 สีพื้นให้ใช้สีเดียวกับสีเพื่อความปลอดภัย และสีของข้อความให้ใช้สีตัด หรือสี
พื้นให้ใช้สีขาวและสีของข้อความใหใ้ ช้สีดำ
5.4.3.3 ตัวอกั ษรท่ใี ช้ในขอ้ ความ
- ชอ่ งไฟระหว่างตัวอักษรต้องไมแ่ ตกตา่ งกนั มากกวา่ ร้อยละ 10
- ลักษณะของตวั อกั ษรตอ้ งดเู รียบงา่ ย ไม่เขียน แรเงาหรือลวดลาย
5.4.3.4 ให้แสดงเครื่องหมายเสมไว้ใต้เครื่องหมายเพื่อความปลอดภัย ดังตัวอย่าง
ในรูป
ตารางที่ 8 ตวั อย่างการแสดงเครือ่ งหมายเสริมเพื่อความปลอดภยั
เครื่องหมายเพื่อความปลอดภยั
เครื่องหมายเสริม
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561
45
5.4.4 ขนาดของเครอ่ื งหมายเพอื่ ความปลอดภัย
หมายถึง ขนาดของเครอื่ งหมายเพื่อความปลอดภยั และ ตวั อกั ษรท่ีใช้ในเคร่อื งหมาย
เสริม กำหนดไว้เปน็ แนวทาง
ตัวอย่างขนาดของเครอ่ื งหมายและตวั อกั ษร
ตารางท่ี 9 แสดงขนาดของเคร่ืองหมายและตวั อกั ษร
บริษทั แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกดั Rev.2 Date:27/7/2561