The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

081164 คู่มือการเลี้ยงโคนมสำหรับเกษตรกร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siriyakorn_18342, 2021-11-22 01:45:33

081164 คู่มือการเลี้ยงโคนมสำหรับเกษตรกร

081164 คู่มือการเลี้ยงโคนมสำหรับเกษตรกร

ค่มู อื การเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร

คมู่ ือการเลีย้ งโคนม สำหรับเกษตรกร

คู่มอื การเลยี้ งโคนม สำหรับเกษตรกร

สนับสนนุ โดย
สำนกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ

ผู้เขยี น
รองศาสตราจารย์ ดร. ไชยณรงค์ นาวานุเคราะห์ และคณะ

คมู่ ือการเลี้ยงโคนม สำหรับเกษตรกร

คำนำ
การเลี้ยงโคนมและโคเนื้อในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า เกษตรกรมีการเลี้ยงโคเนื้อเป็นอาชีพหลัก ผู้เลี้ยง
ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย รองลงมาคืออาชีพการเลี้ยงโคนม ซึ่งจากข้อมูล
ประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ของโคนมที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโค
นมที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปัญหาหลักท่ีส่งผล
กระทบต่อประสิทธภิ าพทางการสบื พนั ธุ์ ได้แก่ อัตราการผสมติดท่ีลดลง มีจำนวน
วันท้องว่างที่ยาวนาน และมีจำนวนครั้งที่ผสมเทียมต่อการผสมติดมาก ดังน้ัน
แนวทางในการแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ในโคนมและโคเนื้อที่เลี้ยง
โดยเกษตรกรรายยอ่ ย จำเป็นตอ้ งมกี ารบูรณาการความรู้ด้านชวี วิทยาการสืบพันธุ์
ความสมดุลของฮอร์โมนที่ควบคุมการสืบพันธุ์และการจัดการด้านอาหารเข้า
ดว้ ยกนั รวมทง้ั การใช้เทคโนโลยีดา้ นการสืบพนั ธใ์ุ หเ้ หมาะสมตอ่ สภาพการเลย้ี งโค
ของเกษตรกรรายย่อย ทั้งนี้เพื่อหวังผลในระยะยาวให้เกษตรกรสามารถพึ่งพา
ตนเองและสามารถอยู่รอดได้ในภาวะทม่ี ีการแข่งขันสงู

ทีมงานวิทยากรยังได้เห็นความสำคัญของการให้เกษตรกรรายย่อยได้มี
ส่วนร่วมในการทำงาน เพื่อการแก้ไขปัญหาการผลิตด้วยการลดต้นทุนและเพิ่ม
ประสิทธิภาพการสืบพันธ์ุในโคนมและโคเนื้อ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการ
ถ่ายทอดความรู้ระหว่างทีมวิทยากรและเกษตรกร ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรได้มี
ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการสืบพันธุ์ของ โคนมในระดับพืน้ ฐานที่สำคญั ต่ออาชีพ
การเลยี้ งโคนมสบื ต่อไป

ไชยณรงค์ นาวานเุ คราะห์ และคณะ

ค่มู ือการเลย้ี งโคนม สำหรบั เกษตรกร

สารบญั
หน้า

บทที่ 1 บทนำ.............................................................................................1
บทที่ 2 การเล้ียงลกู โคแรกเกิดถึงโคสาวตัง้ ทอ้ ง ...........................................2
บทท่ี 3 การจดั กลมุ่ โครดี นม..................................................................... 10
บทที่ 4 การเตรยี มโคก่อนคลอดทด่ี ี........................................................... 18
บทที่ 5 ปัญหาการผสมตดิ ยากในโคนม .................................................... 21
บทที่ 6 เทคนคิ ในการจัดการโคนมกอ่ นและหลงั คลอด.............................. 25
ภาคผนวก................................................................................................... 44
เอกสารอ้างองิ ............................................................................................. 49

คูม่ ือการเลยี้ งโคนม สำหรับเกษตรกร 1

บทที่ 1 บทนำ

การเลี้ยงโคนมในประเทศไทยมีการเลี้ยงกันมาเป็นเวลานาน ในปี พ.ศ.
2505 ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ก ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือกับรัฐบาล
เดนมาร์ก และในปีต่อมาโรงโคนมจิตรลดา ถูกก่อตั้งโดยพระราชทรัพย์ส่วน
พระองค์ เพื่อศึกษา ค้นคว้า และเผยแพร่วิชาการด้านการเลี้ยงโคนม ต่อมาในปี
พ.ศ. 2514 ฟารม์ โคนมไทย-เดนมารก์ กรมปศุสัตวไ์ ดถ้ กู ปรบั เป็นรัฐวสิ าหกิจ มีช่ือ
ว่า “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)” ทำหน้าที่ส่งเสริม
กิจการโคนมทั้งระบบ ตั้งแต่การเลี้ยง การแปรรูปน้ำนม ตลอดจนการจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์นม ผลสืบเนื่องจากความช่วยเหลือของรัฐบาลเดนมาร์ก ทำให้อาชีพ
การเลยี้ งโคนมแพรห่ ลายมากขึ้น ตามลำดบั นับแตป่ ี 2505 เป็นต้นมา

แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในด้านต่างๆ ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ไม่ว่า
จะเป็นในเรื่องของรูปแบบฟาร์ม การจัดการการให้ผลผลิตน้ำนม คุณภาพน้ำนม
ดิบ ตลอดจนผลกำไร การวจิ ยั และพัฒนาการผลติ โคนมและอุตสาหกรรมการผลิต
น้ำนมของประเทศ จัดเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ สอดคล้อง
กับนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติและภูมิภาค ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555-
2559) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ในด้านการเพิ่ม
รายได้ให้กับเกษตรกรและเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน ดังนั้น
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.) จึงได้สนบั สนนุ ใหห้ นว่ ยงานจัดทำค่มู อื
การเลี้ยงโคนมขึ้น โดยหวังว่าคู่มือเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาอาชีพการเลี้ยง
โคนมในเมอื งไทยใหเ้ ปน็ อาชีพท่มี ่ันคงตลอดไป

คู่มอื การเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 2

บทท่ี 2 การเลีย้ งลกู โคแรกเกิดถงึ โคสาวตั้งท้อง

การที่จะเลยี้ งโคนมใหไ้ ด้ผลผลิตนำ้ นมสูงๆ นัน้ นอกจากจะให้ความสนใจ
แม่โคในระยะให้น้ำนมกับลูกโค โครุ่นและโคสาวอุ้มท้อง ก็มีความสำคัญยิ่งที่จะ
ส่งผลให้แม่โคในระยะให้นมเป็นแม่โคที่มีคุณภาพให้ผลผลิตน้ำนมได้สูงตาม
ศักยภาพของสายพนั ธ์ุ

2.1 การเลย้ี งลูกโคแรกเกิดถึงหยา่ นม

เปา้ หมายในการเลย้ี งลกู โคชว่ งน้ีคอื
1. ลูกโคแรกเกิดมีภูมิคุ้มกันโรคให้เร็วที่สุด จากการกินนมน้ำเหลือง

จากแมโ่ ค
2. ลูกโคมีการเจริญเติบโตได้ตามเกณฑ์ โดยมีเป้าหมาย คือ น้ำหนัก

ตัวลกู โคท่อี ายุ 2 เดือน ควรมีนำ้ หนักเปน็ สองเท่าของน้ำหนักแรกเกดิ
3. ลูกโคมีพัฒนาการของกระเพาะอาหารในส่วนต่างๆ และระบบ

ยอ่ ยอาหารรวดเร็วและสมบูรณ์ สง่ ผลให้ลูกโคหย่านมได้เร็ว
4. ลูกโคหลังหย่านมควรมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพดี การ

เจริญเติบโตไมช่ ะงัก

รปู ที่ 1 การเลย้ี งลูกโคแรกเกิดถงึ ระยะหยา่ นม

คูม่ อื การเลีย้ งโคนม สำหรบั เกษตรกร 3

2.2 ขน้ั ตอนในการเลยี้ งดลู กู โคตัง้ แต่แรกเกดิ

1) การให้นมน้ำเหลอื งลูกโค

เนื่องจากลูกโคแรกเกิด ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรค ดังนั้นลูกโคจะได้รบั
ภูมิคุ้มกันจากช่องทางเดียวเท่านั้น คือ นมน้ำเหลือง เพื่อให้ลูกโคแรกเกิดได้รับ
ภูมิคุม้ กันอยา่ งเพยี งพอ ควรยึดหลักสำคญั 3 ประการ คือ

(1) ต้องได้รับนมน้ำเหลืองอย่างรวดเร็วที่สุดหลังคลอด คือ ไม่เกิน
1 ชั่วโมง เพราะหลังจากคลอด 4 ชั่วโมงไปแล้ว การดูดซึมภูมิคุ้มกันที่อยู่ในนม
น้ำเหลอื งของลกู โคจะลดอย่างรวดเร็ว

(2) ลกู โคควรได้รบั นมน้ำเหลอื งอย่างพอเพียง คือ คิดเปน็ ประมาณ 10 %
ของนำ้ หนักตัว

ตัวอย่าง: ลกู โคมนี ้ำหนกั แรกเกดิ 34 กก.ควรไดร้ บั นมน้ำเหลือง 3.4 ลติ ร

วิธีการให้นมน้ำเหลืองให้ใช้ขวดนมป้อนลูกโค มื้อสองใหห้ ลังจากม้อื แรก
ประมาณ 10 ช่ัวโมง โดยให้นมนำ้ เหลอื งประมาณ 2 ลติ ร

เทคนคิ : หากป้อนนมน้ำเหลอื งมอ้ื แรกแล้วลกู โคไม่ยอมดดู หรอื กนิ ได้
ไม่ครบตามทค่ี ำนวณใหแ้ บ่งปอ้ นนมทีละน้อยและป้อนหลายๆ คร้ังแต่ตอ้ งให้
ครบภายใน 10 ชัว่ โมงหลังคลอด

(3) นมน้ำเหลืองควรมีคุณภาพดี ซึ่งลักษณะนมน้ำเหลืองที่ดีควรเป็น
นมน้ำเหลืองมื้อแรกที่รีดได้จากแม่โคหลังคลอดเท่านั้น ลักษณะสีเหลืองอ่อนข้น
หนืดกวา่ นมสด ถา้ คณุ ภาพนมนำ้ เหลืองที่มไี ม่ดตี ้องเพ่มิ ปรมิ าณการให้ขน้ึ อีก

คมู่ ือการเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 4

นมน้ำเหลืองที่รีดได้ สามารถเก็บในช่องแช่เย็นในตู้เย็น ซึ่งจะสามารถ
เก็บได้นาน 1 เดือน หรือถ้าเก็บในตู้แช่ไอศกรีมจะสามารถเก็บได้นาน 3-4 เดือน
เกษตรกรควรรีดนมน้ำเหลืองเก็บเอาไว้ เพื่อใช้สำหรับลูกโคคลอดใหม่ตัวถัดไป
โดยวิธีการนี้จะทำให้ลูกโคได้รับนมน้ำเหลืองเร็วที่สุด วิธีการนำนมน้ำเหลืองที่แช่
แข็งมาใช้ทำได้โดยนำนมน้ำเหลืองที่แช่แข็งมาอุ่นในน้ำร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน 60
องศาเซลเซียส จนนมน้ำเหลืองละลาย และมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส
แลว้ จึงนำไปป้อนลูกโค

เทคนิค: ในการอุ่นนมน้ำเหลืองที่แช่แข็ง ห้ามอุ่นในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ
มากกว่า 60 องศาเซลเซียส เพราะทำให้ภูมิคุ้มกันต่อโรคที่อยู่ในนมน้ำเหลือง
ถกู ทำลายไปจนหมด

ผลเสยี หากลูกโคได้รบั นมนำ้ เหลืองช้าเกนิ ไปหรือไม่เพียงพอหรือคุณภาพ
ไม่ดี คือ ลูกโคจะไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อโรค มักมีปัญหาท้องเสีย ป่วยง่าย
สุขภาพไม่แข็งแรง เจริญเติบโตช้า โดยเฉพาะในระยะแรกคลอดถึง 8 สัปดาห์
ส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโตในระยะถัดไป ทำให้การเจริญเติบโต และน้ำหนัก
ตัวไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์

2) การให้นมและอาหารเลย้ี งลกู โค

อาหารสำหรับลูกโคในช่วงนี้คือ น้ำนมและอาหารข้น สำหรับลูกโคท่ี
สำคญั ตอ้ งมนี ำ้ สะอาดใหล้ ูกโคมีกินตลอดเวลา

คู่มอื การเลีย้ งโคนม สำหรับเกษตรกร 5

(1) นมผงสำหรบั เลยี้ งลกู โค

การให้นมสามารถใหล้ ูกโคกินนมจากขวดหรือถงั ก็ได้ โดยให้ 2 เวลา
คือ เช้า-เยน็ โดยอัตราสว่ นผสม อุณหภูมนิ ้ำที่ใชล้ ะลายและปริมาณการให้ เป็นไป
ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑน์ มผงทดแทน

หมายเหตุ: นมผงสำหรับลูกโค แหล่งที่มาของโปรตีนในนมผงต้องมาจาก
สัตว์ เช่น น้ำนม หางนม (เวย์พาวเดอร์) ให้มีแหล่งโปรตีนที่มาจากพืชน้อยที่สุด
เช่น ถวั่ เหลือง เพราะการย่อยและการนำไปใช้ประโยชนไ์ ดค้ ่อนขา้ งตำ่

(2) อาหารขน้ สูตรลกู โคแรกเกิด
อาหารข้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของกระเพาะ

อาหารอาหารข้นสำหรับลูกโคแรกเกิด ควรเปน็ อาหารท่ีผลติ จากอาหารท่ีย่อยง่าย
ใช้ประโยชน์ได้สูง และมีความน่ากินดีโปรตีนสูงที่ 20% ไม่มีส่วนผสมของยูเรีย
เริ่มให้ลูกโคกินตั้งแต่อายุ 4 วัน โดยให้ปริมาณเล็กน้อยก่อน แต่ให้บ่อยครั้ง คือ
วันละ 3 - 4 เวลา เมื่อกินอาหารไดห้ มดกจ็ ะคอ่ ยปรบั เพ่มิ ขนึ้ ไป

2.3 การจดั การลูกโค
1) การฆ่าเชื้อท่ีสะดือ จุ่มครั้งแรกทันทีหลังจากคลอด ด้วยไอโอดีน 10 %

และจุ่มสะดือวันละ 2 ครั้ง เช้า-เยน็ ทุกวัน จนกวา่ สะดือแหง้
2) การตัดขนช่วยระบายความร้อน (กรณีลูกโคหอบหรือสายเลือดสูง)

ลกู โคหลังคลอดเมอื่ ขนแหง้ ใหต้ ดั ขนลูกโคบริเวณ คอ อก ทอ้ ง ตลอดลำตวั จะเป็น
การชว่ ยระบายความร้อนใหก้ ับลกู โคได้

3) การสูญเขาลูกโค (ช่วงอายุ 4-7 วนั ) โดยใชส้ ารเคมีผสมป้ายทต่ี มุ่ เขา

คู่มอื การเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 6

(1) ผสมโซดาไฟ, ปูนแดง และสบู่กรด อัตราส่วนผสม 1:1:1 เติมน้ำ
เล็กน้อยให้ลักษณะเป็นสารละลายเข้มข้น (ระวังห้ามสัมผัสสารละลายโดยตรง
อาจเป็นแผลได้)

(2) ตัดขนบริเวณตุ่มเขา เอาสารเคมีที่ผสมป้ายกดที่ปลายตุ่มเขาจน
มาถึงโคนตุ่มเขา

(3) ใช้ผ้าปิดเอาไว้ ทิ้งไว้ 30 นาที จึงแกะผ้าออก แล้วเช็ดสารเคมีท่ี
ทาออกให้หมด (ระวังเวลาทาและเช็ดอย่าให้เปื้อนที่อื่นๆ เพราะจะทำให้เกิดแผล
ได้ ถ้าสารเคมเี ข้าตาลกู โค ทำใหต้ าบอดได)้

2.4 การหยา่ นมลกู โค

1) ลูกโคสามารถหยา่ นมไดต้ ั้งแตอ่ ายุ 60 วันข้นึ ไป โดยมหี ลกั เกณฑ์ในการ
หย่านม คือ ลูกโคควรมีคุณภาพดี สามารถกินอาหารข้นสำหรับลูกโคแรกโปรตีน
20% ได้มากกว่าหรือเท่ากับ 1.2 กก. /วัน ติดต่อกัน 3 วัน โดยลดปริมาณการให้
นมใหเ้ หลือมื้อเดียวในตอนเชา้ เปน็ เวลา 3 วนั วนั ท่ี 4 สามารถหยุดให้นมได้เลย

2) ในวันที่หย่านมลูกโค ควรเลี้ยงลูกโคไว้ที่เดิม ไม่ควรย้ายลูกโคในวันน้ัน
เพราะจะทำให้ลกู โคเครียด (เครยี ดจากไม่ไดก้ ินนม และเครียดจากเปลีย่ นสถานที่)

2.5 การเลีย้ งลกู โครนุ่ อายุ 3 - 12 เดอื น

การเลี้ยงโครุน่ อายุ 3 - 8 เดือน ไม่ควรให้โคอ้วนหรือผอมจนเกนิ ไปเพราะ
เป็นช่วงท่ีมีการพัฒนาของต่อมน้ำนม นั่นคือ ถ้าเล้ียงลูกโคผอมก็จะส่งผลให้การ
สร้างต่อมผลิตน้ำนมลดลง ในทางตรงข้าม ถ้าเลี้ยงลูกโคจนอ้วนก็จะทำให้มีไขมนั
ไปสะสมในเต้านม ไขมันจะไปเบียดแย่งพื้นที่การสร้างต่อมผลิตน้ำนม ซึ่งทั้งสอง
กรณีนี้จะส่งผลเมื่อเป็นแม่โครีดนม ถึงแม้ว่าตอนเป็นโครีดลักษณะเต้านมจะใหญ่

คูม่ ือการเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 7

สวยก็ตาม โคก็จะให้ผลผลิตที่น้อยตรงข้ามกับลักษณะของเต้านมที่สวย ดังนั้น
ในชว่ งระยะนี้ ต้องควบคุมคะแนนรา่ งกายให้ได้ตามเป้า 2.75 - 3.0

การใหอ้ าหารควรใหต้ ามน้ำหนกั ของลกู โค ซึง่ ลูกโคในชว่ งอายุ 3 - 6 เดือน
การพัฒนาของกระเพาะและระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ไม่สามารถใช้
ยเู รียเปน็ แหล่งโปรตีนได้ อาหารหยาบที่ควรใช้ควรเปน็ อาหารหยาบแห้ง คณุ ภาพดี
ย่อยได้สูง ในส่วนของอาหารข้นควรเลือกใช้อาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ย่อยง่ายมี
โปรตนี สูง

สำหรับโครุ่นที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปนั้น การพัฒนากระเพาะอาหารและ
ระบบย่อยอาหารเริ่มใกล้เคียงกับแม่โคที่โตเต็มที่ สามารถใช้อาหารหยาบและ
อาหารข้นไดด้ ีข้ึน โครุ่นในระยะนี้ควรไดร้ ับวิตามิน และแร่ธาตุที่เหมาะสมกบั ชว่ ง
อายุ

2.6 การเลยี้ งโคสาวอายมุ ากกวา่ 12 เดือน

โคสาวในช่วงนี้ หากมีการเลี้ยงในช่วงอายุ 3 - 12 เดือนอย่างถูกต้อง
เหมาะสม ก็จะได้ โคสาวที่สภาพร่างกายสมบูรณ์ น้ำหนักและส่วนสูงเป็นไปตาม
สายพันธุ์ สามารถผสม โคสาวได้เร็ว การให้อาหารโคสาวช่วงนี้ต้องจัดการให้โค
สาวสามารถกินอาหารหยาบใหไ้ ด้เตม็ ที่ (จนเหน็ อาหารเต็มสวาปด้านซ้าย) เพราะ
จะทำให้ขนาดกระเพาะใหญ่เมื่อตอนเป็นโครีด และจะทำให้กินอาหารได้มากขึ้น
ผลคือโคผลิตน้ำนมมากขนึ้

ค่มู ือการเลีย้ งโคนม สำหรบั เกษตรกร 8

2.7 เกณฑก์ ารผสมโคสาว เป้าหมายให้โคสาวคลอดทอ่ี ายุ 27 - 29 เดอื น
โคสาวพันธุ์ขาว-ดำพันธุ์แท้/โคนมลูกผสม เริ่มผสมตั้งแต่อายุ 18 เดือน

ข้นึ ไป หากอายนุ อ้ ยกวา่ 18 เดือน โคสาวควรมนี ำ้ หนกั ไมน่ อ้ ยกว่า 300 กโิ ลกรมั

การจับสัดโคสาวนับว่าเป็นการจัดการที่มีความสำคัญท่ี ส่งผลให้โคสาว
สามารถผสม และคลอดลูกได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นควรมีการกำหนดช่วงเวลาการ
จับสัดทีแ่ น่นอน ซึ่งโคมักแสดงอาการเปน็ สัดในช่วงเวลาเย็นๆ ในการจับสัดแต่ละ
ครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้งในการเฝ้าดู การจับสัดให้จับวันละ 2
ครงั้ หรือมากกว่า

ที่สำคัญในช่วงนี้ เกษตรกรไม่ควรเลี้ยงโคสาวที่มีปัญหาผสมติดยาก หรือ
ผสมติดแล้วแท้งบ่อยๆ ไว้นานจนกลายเป็นโคสาวแก่ เพราะจะทำให้ต้นทุนของ
ฟาร์มสงู ข้ึน ไมค่ วรเสียดายโคประเภทน้ใี หท้ ำการคดั ทง้ิ เสยี

2.8 การเลยี้ งโคสาวท้อง
การเลี้ยงโคสาวตั้งท้องควรระมัดระวังไม่ให้โคสาวอ้วนเกินไป คะแนน

ร่างกายให้อยู่ที่ 3.0 - 3.5 หากอ้วนเกินไปจะส่งผลให้เกิดปัญหาคลอดยาก และ
ควรทำการถ่ายพยาธิในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด และในช่วง 1 เดือน ก่อน
คลอดเพื่อใหค้ นุ้ เคย และปรับตวั ต่อการใชส้ ูตรอาหารหลงั คลอด

คู่มือการเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 9

2.9 สรุป

1) การให้นมน้ำเหลืองต้องใช้ปริมาณอาหารที่เพียงพอ คุณภาพดี และ
เร็วที่สุดหลังคลอดจะช่วยให้ลูกโคได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากแม่ ทำให้ลูกโคสุขภาพ
แข็งแรง และเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี

2) อาหารข้นสำหรับลูกโคควรเริ่มให้เมื่อลูกโคอายุ 4 วัน ยิ่งลูกโคกิน
อาหารข้น ไดเ้ รว็ และมากเทา่ ไร ก็จะสง่ ผลใหเ้ จริญเตบิ โตไดด้ ี และหยา่ นมได้เร็ว

3) เป้าหมายน้ำหนักตัวของลูกโคหย่านมที่อายุประมาน 60 วัน ควรมี
น้ำหนักตัวเปน็ สองเท่าของนำ้ หนกั แรกเกดิ

4) ต้องระวังปัญหาโรคทางเดินหายใจ ท้องเสีย สะดืออักเสบ ข้อเข่า
อักเสบ ซึ่งต้องเน้นทั้งในส่วนของการให้นมน้ำเหลือง สภาพโรงเรือน และ
สภาพแวดล้อมต้องแหง้ สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก

5) ลูกโคอายุ 3 เดอื นข้ึนไป จะเปลย่ี นสงั คมเปน็ กลมุ่ ต้องมีพื้นท่ีอยู่ ที่กนิ
น้ำ และอาหารเพียงพอ ต้องระวังอย่าให้อ้วนหรือผอมเกินไป เพราะจะส่งผลเม่ือ
เป็นแม่โคนมรดี และอาจมปี ัญหาหลังคลอดตามมา

6) โคสาวพันธุ์ขาว-ดำพันธุ์แท้/โคนมลูกผสม เริ่มผสมตั้งแต่อายุ 18
เดือนขึ้นไป หากอายุน้อยกว่า 18 เดือน โคสาวควรมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 300
กโิ ลกรมั

7) ในส่วนโคสาวที่ผสมติดยากหรือสุขภาพอ่อนแอ ไม่เหมาะที่จะเปน็ แม่
พันธุ์ ควรคัดทง้ิ เพราะถา้ เลี้ยงต่อไปจะย่งิ ขาดทนุ มากข้ึน

คู่มือการเล้ียงโคนม สำหรับเกษตรกร 10

บทท่ี 3 การจัดกลมุ่ โครดี นม

การจัดการกลุ่มโครีดนมที่ดีควรมีการแบ่งกลุ่มโคตามช่วงระยะของการ
ให้ผลผลติ ประกอบดว้ ย

1. คลอดใหม่ คือ โคท่อี ยูใ่ นชว่ งการให้นม 21 วันแรก
2. โคระยะตน้ การให้น้ำนม คือ จำนวนวนั รีดนมท่ี 22 - 100 วัน
3. โคระยะกลางการใหน้ ำ้ นม คือ จำนวนวันทีร่ ีดนมที่ 101 - 200 วัน
4. โคระยะทา้ ยการใหน้ ม คือ จำนวนวนั รดี นมตง้ั แต่ 201 วนั เปน็ ต้นไป

การแบ่งกลุ่มโคจะช่วยทำให้การจัดการมีประสิทธภิ าพเพิ่มขึน้ เนื่องจาก
ในแต่ละช่วงระยะของการให้ผลผลิตมีการจัดการและเป้าหมายที่แตกต่างกัน
รวมถึงความตอ้ งการโภชนะ สารอาหาร ชนิดอาหารทีต่ า่ งกนั ส่งผลต่อต้นทุนการ
ผลติ น้ำนม และผลกำไรของฟารม์

3.1 การเล้ียงและการจดั การ

1) กลมุ่ โคคลอดใหม่ คือ โครดี นมทมี่ ีจำนวนวนั รดี นมอยู่ในชว่ ง 0-21 วัน
แรก ควรแยกการเลี้ยงโครีดนมท้องแรกและแม่โคออกจากกัน เพื่อป้องกันการ
รังแกของแม่โคกับโครีดนมท้องแรก อีกทั้งเพื่อให้โครีดนมท้องแรกได้รับ
สารอาหารที่เพียงพอ เนื่องจากโคกลุ่มนี้ยังมีความต้องการอาหารเพื่อใช้ในการ
เจริญเติบโต โคช่วงนี้ต้องการดูแลอย่างใกล้ชิดหลังคลอด ควรมีการตรวจวัด
อณุ หภูมิร่างกายโคหลังคลอดตอ่ กัน 7 วัน (อณุ หภมู ริ า่ งกายปกติ อยู่ที่ 38.5-39.3
องศาเซลเซยี ส) และตดิ ตามสขุ ภาพอื่นๆ เชน่ มดลกู อักเสบ เต้านมอกั เสบ

นอกจากนี้ควรมีการกรอกโพรพีลีนไกลคอน 400 มิลลิลิตรต่อวัน หลัง
คลอดตอ่ เนอื่ ง 7 วัน เพ่อื เปน็ แหลง่ พลงั งานเสรมิ ใหก้ บั แมโ่ ค

คูม่ ือการเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 11

การจัดการอาหารที่ดีเหมาะสม เช่น การให้อาหารข้นที่มีโปรตีนและ
พลังงานสูง การเลือกใช้อาหารหยาบคุณภาพดี การจ่ายอาหารหลายมื้อ การ
จัดการพื้นที่กินอาหารให้เพียงพอกับจำนวนโค การปรับปริมาณอาหาร จะส่งผล
ให้แมโ่ คกินอาหารได้ในปรมิ าณมากและเพ่มิ ขึ้นไดอ้ ย่างรวดเร็ว ช่วยลดผลกระทบ
จากปัญหาสภาวะโคขาดพลังงาน ภาวะกระเพาะเป็นกรด และโคเบื่ออาหารหลัง
คลอด ช่วยให้แม่โคให้ผลผลิตน้ำนมได้เต็มศักยภาพ กลับมามีความสมบูรณ์พันธุ์
อย่างรวดเร็วและพร้อมรับการผสม โดยโปรแกรมการให้อาหารโครีดนม ช่วง 1
เดอื นหลังคลอด

2) กลุ่มโคระยะต้นการให้น้ำนม คือ โครีดนมที่มีจำนวนวันรีดนมอยู่
ในชว่ ง 22 – 100 วนั

ควรแยกโครีดนมท้องแรกและแม่โคออกจากกันเช่นเดียวกับกลุ่มโคคลอด
ใหม่ โดยระยะนี้จะมีปริมาณน้ำนมสูงสุด เป็นระยะที่โคมีความต้องการอาหาร
สูงสุดเช่นกัน ดังนั้นอาหารที่ให้กับแม่โคในกลุ่มนี้ควรคำนึงถึงคุณภาพเป็นสิ่ง
สำคญั ไม่ว่าจะเป็นอาหารข้นหรืออาหารหยาบควรมีโปรตนี และพลังงานสงู เย่ือใย
ต่ำ ย่อยง่าย และความน่ากินสูง เพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้แม่โคกินอาหารได้เต็มท่ี
ซึ่งระดับโปรตีนที่แม่โคได้รับจะเป็นส่วนผลักดันให้น้ำนมขึ้นพีค และในส่วน
ของระดับพลังงานจะเป็นส่วนที่ทำให้การให้น้ำนมยืนนาน ช่วงนี้สภาพร่างกาย
แม่โคจะผอมลงผกผันกับปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมีการย่อยสลาย
ไขมนั ท่สี ะสมไว้ในรา่ งกาย มาใช้เป็นพลงั งานในการสรา้ งน้ำนม

คมู่ อื การเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 12

3) กลุ่มโคระยะกลางการให้น้ำนม คือ โครีดนมที่มีจำนวนวันรีดนม
ในชว่ ง 101- 200 วัน

การจัดการในช่วงนี้ควรแยกโครีดนมท้องและไม่ท้อง เพื่อที่สะดวกในการ
จัดการด้านการผสมพันธุ์ เป็นช่วงที่ปริมาณน้ำนมลดต่ำลงในขณะที่แม่โคคะแนน
ร่างกายเพิ่มขึ้นความต้องการอาหารลดลงเมือ่ เปรียบเทียบกบั กลุ่มโคระยะต้นการ
ให้นม สามารถเลือกใช้อาหารข้นที่มีโปรตีนต่ำลงและอาหารหยาบที่มีคุณภาพ
ต่ำลงได้ เพื่อใหต้ ้นทุนในการผลติ น้ำนมเหมาะสม

4) กลุ่มโคระยะท้ายการให้นม คือ โครีดนมที่มีจำนวนวันรีดนมตั้งแต่
201 วนั ขึน้ ไป

เป็นระยะที่แม่โคให้น้ำนมต่ำสุด ความต้องการอาหารในการสร้างน้ำนม
จะลดตำ่ ลง ดังนน้ั การให้อาหารควรพจิ ารณาตามปริมาณน้ำนมและสภาพร่างกาย
ไม่มคี วามจำเปน็ ทีต่ อ้ งใชอ้ าหารข้นท่มี ีโปรตีนสงู ในระยะ 2 เดือนสุดท้ายก่อนหยุด
รีดนมเป็นช่วงที่สามารถปรับการให้อาหารแมโ่ ค เป้าหมายเพื่อให้คะแนนร่างกาย
อย่ใู นระดับท่ีเหมาะสมคอื 3.5

คมู่ ือการเล้ยี งโคนม สำหรบั เกษตรกร 13

รปู ท่ี 2 การจัดการโคกอ่ นรีดนม
รปู ที่ 3 การจดั การโครีดนม

คมู่ ือการเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 14

3.2 การใหค้ ะแนนร่างกายโค มดี ังนี้

▪ คะแนนที่ 1 เปน็ โคนมทผี่ อมมากและไมอ่ ยู่ในสภาพทจี่ ะให้ผลผลิตได้
รวมถึงไมม่ ศี กั ยภาพในการสืบพนั ธุ์

รปู ท่ี 4 คะแนนร่างกายเทา่ กับ 1

▪ คะแนนที่ 2 เปน็ โคนมท่ผี อมและให้ผลผลติ ได้นอ้ ยและให้น้ำนมได้ไม่
นานรวมถงึ ผสมตดิ ยาก

รปู ท่ี 5 คะแนนรา่ งกายเทา่ กบั 2

คู่มือการเลย้ี งโคนม สำหรบั เกษตรกร 15

▪ คะแนนที่ 3 เป็นโคนมที่สมบูรณ์และผสมติดดีโครีดนมควรมีคะแนน
อยู่ในชว่ ง 2.5-3.0 โคจะใชป้ ระโยชนจ์ ากอาหารมีประสิทธิภาพท่ีสดุ

รูปที่ 6 คะแนนรา่ งกายเทา่ กบั 3

▪ คะแนนที่ 4 เป็นโคทอี่ ว้ น โคจะเปลย่ี นอาหารไปเป็นอาหารสะสมใน
ร่างกาย เปน็ ลักษณะของโคที่ไม่ตอ้ งการทกุ ระยะ

รูปท่ี 7 คะแนนรา่ งกายเทา่ กบั 4

คมู่ ือการเลยี้ งโคนม สำหรับเกษตรกร 16

▪ คะแนนที่ 5 เป็นโคนมที่อ้วนมาก เสมือนโคขุน โคประเภทนี้จะกิน
มากอว้ นงา่ ยแต่ใหน้ ำ้ นมน้อย ผสมติดยาก และคลอดยาก

รปู ท่ี 8 คะแนนร่างกายเทา่ กบั 5

ตารางท่ี 3.1 เป้าหมายคะแนนร่างกายโคนมในแต่ละช่วงการใหน้ ม

ชว่ งการใหน้ ม DIM BCS BCS BCS
max
Goal min 3.75
3.25
คลอด 0 3.5 3.25 3.0
3.25
ระยะแรกของการใหน้ ม 1 ถงึ 30 3.0 2.75 3.75
3.75
ระยะสูงสุดของการใหน้ ม 31 ถึง 100 2.75 2.5 3.75

ระยะกลางของการให้นม 101 ถงึ 200 3.0 2.75

ระยะทา้ ยของการใหน้ ม 201 ถึง 300 3.25 3.0

ระยะแรกของการแห้งนม >300 3.5 3.25

ระยะแห้งนม -60 ถงึ -1 3.5 3.25

คู่มอื การเลยี้ งโคนม สำหรบั เกษตรกร 17

3.3 สรปุ

1) การจัดกลุ่มโครีดนมถ้าสามารถทำได้ก็จะมีประโยชน์มาก ซึ่งการจัดกลุ่ม
โครีดนมจะพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น ระยะการให้นม จำนวนวันรีดนม
ปริมาณน้ำนม การผสมติด รวมทั้งปัญหาสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานที่
สะดวก และมปี ระสทิ ธภิ าพ

2) การยา้ ยกลุ่มโครีดนมควรพจิ ารณาย้ายเดอื นละ 1 ครั้ง ถ้าหากย้ายโคบ่อย
จะทำใหโ้ คเครยี ดจากการเปล่ียนสงั คม น้ำนมจะลดลง ส่งิ ท่ใี ช้พิจารณาในการย้าย
โค ได้แก่ ระยะการให้นม จำนวนวันรีดนม ปริมาณน้ำนม การผสมติด และเรื่อง
สขุ ภาพ

3) ความต้องการอาหารของโคในแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการ
จดั การอาหารและการเลือกใชอ้ าหารทั้งในส่วนของอาหารหยาบและอาหารข้นกับ
กลุ่มโคต่างๆ จะมผี ลโดยตรงตอ่ การให้ผลผลติ และตน้ ทนุ การผลติ

คมู่ อื การเลย้ี งโคนม สำหรับเกษตรกร 18

บทที่ 4 การเตรยี มโคกอ่ นคลอดท่ีดี

การจดั การโคพักรดี นมและการเตรยี มโคกอ่ นคลอดท่ดี ี จะส่งผลให้
1. โคไมเ่ บื่ออาหารหลงั คลอด ไมม่ ีปญั หาเรอื่ งระบบการยอ่ ยอาหาร
2. ขนาดลกู โคในทอ้ งไมใ่ หญเ่ กนิ ไป โคคลอดเองได้ง่าย
3. ลดอัตราการเกดิ รกค้าง
4. ระบบสบื พันธ์สุ มบรู ณ์ เป็นสัดเร็วหลงั คลอด
5. หลงั คลอดใหน้ มข้ึนพีคไดส้ งู และใหน้ ้ำนมนานมากขึ้น

การพักรีดนมแม่โค (การดรายโค) ที่ถูกต้องเป็นการจัดการเบื้องต้นที่จะ
ช่วยลดปัญหาเต้านมอักเสบในช่วงระยะพักท้องหรือคลอดใหม่ โคที่จะทำการพัก
รีดนมนั้นไม่ควรรีดนมแบบวันเว้นวันหรือมื้อเว้นมื้อเพื่อให้น้ำนมลดลงก่อน เรา
สามารถพักรีดนมได้ทันที วิธีการที่ควรปฏิบัติคือ ต้องทำการตรวจโรคเต้านม
อกั เสบโดยการตรวจด้วยชดุ ตรวจซเี อ็มทีทุกเตา้ เพือ่ ให้ม่ันใจวา่ โคไม่มีภาวะเตา้ นม
อักเสบทั้งแบบแสดงอาการและไม่แสดงอาการ ก่อนทำการสอดยาดราย หากพบ
ปัญหาให้ทำการรักษาให้หายก่อนการพักการรีดนมทุกครั้ง หลังจากท่ีหยุดรีดนม
แล้ว ควรยา้ ยออกจากกลุ่มโครีดนม ไปอยกู่ ล่มุ โคพกั รดี นม

หลงั พักรีดนมใหห้ มัน่ สงั เกตเต้านม ถ้าแม่โคยังมีนำ้ นมไหลออกมา ใหใ้ ชน้ ้ำยา
จุม่ เต้า จมุ่ ทกุ วันเพอื่ ปอ้ งกนั การติดเชื้อเนื่องจากยังมีแรงดนั ในเต้านม จากน้ัน
ประมาณ 7-14 วนั เต้านมก็จะยบุ เอง

ค่มู ือการเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 19

4.1 สภาพรา่ งกายโคที่เหมาะสมกอ่ นพักรีดนม

คะแนนความสมบูรณ์ของร่างกายโคสำหรับโคพักรีดนม ต้องให้มีคะแนน
ร่างกายที่ระดบั 3.5

โคพกั รีดนม สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 กล่มุ ตามความตอ้ งการอาหาร ดงั น้ี

(1) กลุ่มท่ี 1 โคพักรีดนมในระยะต้น คือ โคทีอ่ ยใู่ นระยะพักรีดนม
ต้งั แต่หยดุ รีดจนถงึ 1 เดือนกอ่ นคลอด แมโ่ คในกล่มุ นี้มีความตอ้ งการอาหารลดลง
เม่อื เปรียบเทยี บกับระยะที่ใหน้ ม การจดั การอาหารในช่วงน้ีพยายามรักษาสภาพ
ร่างกายแม่โคให้คงที่คือคะแนนร่างกายอยู่ที่ 3.5-3.75 ไม่ควรขุนให้แม่โคอ้วน
เนื่องจากจะมีปัญหาคลอดยากและรกค้างตามมา ควรให้แม่โคได้รับอาหารหยาบ
อย่างเต็มที่ ไม่ควรใช้ข้าวโพดหมัก (อาจทำให้โคอ้วน) อาหารข้นที่ใช้ควรจำกัด
ปริมาณแร่ธาตุแคลเซี่ยมและโปแตสเซี่ยมให้ต่ำลงเพื่อลดปัญหาโรคไข้นมหลัง
คลอด แม่โคในระยะนี้ควรทำการตัดแต่งกีบให้เรียบร้อย ถ่ายพยาธิ ทำวัคซีน
ป้องกนั โรคต่างๆ ตามโปรแกรม

(2) กลุ่มที่ 2 โคใกล้คลอด คือ โคที่อยู่ในช่วง 1 เดือนสุดท้ายก่อน
คลอด ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตสำหรับแม่โค เนื่องจากแม่โคมีความต้องการอาหารท่ี
เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของลูกในท้อง พัฒนาเซลล์สร้าง
น้ำนม ผลติ นมนำ้ เหลือง และเสริมสร้างภูมิคุม้ กันรา่ งกาย ในขณะท่ีความสามารถ
ในการกินอาหารลดลง ดังนั้นการจัดการที่สำคัญ คือ ต้องพยายามให้แม่โคได้รับ
อาหารอย่างเพยี งพอ เช่น การจดั พ้ืนทีใ่ หก้ บั แมโ่ คไดอ้ ยสู่ บาย ไมเ่ ครียด

ค่มู อื การเลย้ี งโคนม สำหรบั เกษตรกร 20

การเลือกใช้อาหารหยาบท่ีมีความน่ากินสูง เช่น ต้นข้าวโพดสด ข้าวโพด
หมกั หญา้ สดคณุ ภาพดี และท่สี ำคญั คืออาหารข้นท่มี โี ปรตนี และพลังงานสงู

สิ่งที่ควรระวังในโคใกล้คลอด คือ เต้านมบวมน้ำ ซึ่งเกิดจากโคได้อาหารที่
มปี รมิ าณเกลือสูง หรือการใชก้ อ้ นแร่ธาตุ (เกลือ) ในชว่ งพกั รีดนม

ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนกำหนดคลอด หมั่นสังเกตอาการแม่โคใกล้คลอด คือ
เต้านมขยายใหญ่ อวัยวะเพศบวมขยายใหญ่ โคนหาง 2 ด้านเป็นหลุมลึกลง
กระวนกระวาย ขยับเท้าไปมาและแสดงอาการเบ่ง โดยสังเกตดูห่างๆ ถ้าแม่โค
แสดงอาการดังกล่าวให้นำเข้าคอกคลอด แลว้ คอยเฝา้ สงั เกตการณ์คลอด ถ้าแม่โค
ไมส่ ามารถคลอดเองได้ ใหท้ ำการช่วยคลอด

4.2 สรุป

1) ก่อนการพักรีดนม ต้องตรวจเต้านมอักเสบทุกครั้ง แต่ถ้าโคแสดง
อาการเตา้ นมอกั เสบควรทำการรกั ษาใหห้ ายก่อน แลว้ จงึ สอดยาดรายเพื่อปอ้ งกัน
เตา้ นมอกั เสบ ซง่ึ แตล่ ะข้นั ตอนต้องสะอาด

2) หลังพักรีดนมในช่วง 7-14 วันแรก ต้องหมั่นสังเกตว่า ถ้าโคมีน้ำนม
ไหลออกจากเต้านมต้องทำการจุ่มนำ้ ยาจุ่มเต้านมทกุ วนั เพ่ือปอ้ งกนั เต้านมอักเสบ

3) ควรถ่ายพยาธชิ ่วง 2 เดอื นกอ่ นคลอด
4) คะแนนร่างกายของโคพักรีดนมควรอยู่ประมาณ 3.5 อย่ามากกว่าหรอื
น้อยกวา่ น้ี เพราะจะมผี ลกระทบตอ่ ช่วงคลอดและหลงั คลอด
5) ในช่วง 1 เดือนก่อนคลอด โคต้องได้รับสารอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมต่ำ
เพ่ือฝกึ ให้ร่างกายดงึ แคลเซยี มท่ีกระดกู มาใช้ ชว่ ยปอ้ งกนั โรคไข้น้ำนมหลังคลอด

คมู่ ือการเลย้ี งโคนม สำหรบั เกษตรกร 21

บทท่ี 5 ปญั หาการผสมติดยากในโคนม

ปัญหาโคนมผสมติดยาก เป็นปัญหาหลักของการเลี้ยงโคนม ซึ่งก่อให้เกิด
ความเสียหายทางดา้ นต้นทุน เช่น ค่าน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ ค่าบริการหมอผสมเทยี ม ค่า
เวชภัณฑ์และฮอร์โมน ค่าเสยี โอกาสโคในการตั้งทอ้ ง ฟารม์ ทปี่ ระสบปญั หาโคผสม
ติดยาก มกั จะมีปญั หาเหลา่ นีต้ ามมาคือ จำนวนโคทอ้ งในฝงู ลดลง สง่ ผลต่อจำนวน
โคเข้าคลอดลดลง เมื่อไม่มโี คเข้ามาคลอดใหม่ในแต่ละเดือน ก็จะส่งผลใหป้ รมิ าณ
น้ำนมรวมในฟารม์ ลดลง สัดสว่ นโคขนึ้ รีดนมลดลง สดุ ท้ายส่งผลต่อรายไดข้ องฟาร์ม
ในฟาร์มมีแต่โคพักรดี นมทีไ่ มท่ ้อง เป็นโคกนิ เปล่า

5.1 ปจั จัยท่เี กยี่ วข้องกบั การผสมตดิ

1) การจับสัด
เกษตรกรควรเอาใจใส่ในการจับสัดมากขึ้น ควรกำหนดเวลาในการจับสัด
ในแตล่ ะวันใหแ้ น่นอน ควรจับสัดอย่างนอ้ ยวนั ละ 2 ครัง้ โดยใชเ้ วลาในการจบั สัด
อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที ธรรมชาติของโคมักแสดงอาการเป็นสัดช่วงที่อากาศ
เยน็ เช่น ชว่ งเชา้ ก่อนรดี นม และช่วงเย็นหลงั รีดนม ดังนั้นเกษตรกรควรจดั ตาราง
การจับสัดในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ควรจดบันทึกประวัติรายตัวที่ชัดเจน ได้แก่
บันทึกวันและเวลาที่แสดงอาการเป็นสัด วันผสม และวันที่คาดว่าจะเป็นสัดใน
รอบต่อไป เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามการจับสัดของโคแต่ละตัวให้แม่นยำ
มากขนึ้ ทำให้การจบั สดั มีเป้าหมายชัดเจน และท่สี ำคญั คอื เวลาทเ่ี กษตรกรแจ้ง
หมอผสมเทียมควรระบุเวลาทพี่ บเห็นแม่โคที่เป็นสัดและยืนนิง่ ที่ถูกต้อง เพ่ือที่ว่า
หมอผสมเทียมสามารถคำนวณเวลาที่เหมาะสมในการผสมเทียมให้กับแม่โคได้
ถกู ต้อง การยืนนิ่งของโคท่ีเปน็ สัดแสดงถึงความพรอ้ มในการยอมรบั การผสม

ค่มู อื การเล้ียงโคนม สำหรับเกษตรกร 22

และเวลาที่เหมาะสมในการผสม คือ ภายในช่วง 9-16 ชั่วโมง หลังแสดงอาการ
เปน็ สัดยนื นิ่ง

2) เทคนคิ การผสมเทียม
ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมน้ำเชื้อ โดยการละลาย
หลอดน้ำเชือ้ ควรละลายในนำ้ อุ่นอณุ หภูมิ 37 องศาเซลเซียส นาน 45 วินาที การ
ยกกระบอกบรรจุน้ำเชื้อ จากก้นถังเก็บน้ำเชื้อเพื่อคีบเอาหลอดน้ำเชื้อ ไม่ควรยก
ปากกระบอกขึ้นสงู เกินคอถงั หรอื เกินไอของไนโตรเจนเหลว และใช้เวลานอ้ ยทีส่ ดุ
ไม่ควรเกิน 10 วินาที นับเวลาตั้งแต่ยกกระบอกน้ำเชื้อและคีบหลอดน้ำเชื้อลงใน
อุปกรณ์ละลายนำ้ เชื้อ การปฏบิ ตั ทิ ่ไี ม่ถูกยอ่ มมีผลต่อคณุ ภาพนำ้ เชอื้ ท่เี ก็บอยู่ในถัง
เกบ็ นำ้ เชอ้ื รวมถงึ หลอดน้ำเชือ้ ทเี่ รานำออกมาเพอื่ ใช้ในการผสมน้ันๆ ดว้ ย

ระยะเวลาที่ใช้ในการผสมแต่ละครั้งไม่ควรใช้เวลาเกิน 15 นาที นับตั้งแต่
ข้นั ตอนในการเตรียมน้ำเช้อื และทีส่ ำคัญ คอื ต้องคำนึงถงึ เรื่องความสะอาดปลอด
เชื้อในทุกขั้นตอน ในการสอดใส่ปืนผสมเทียมควรใช้ถุงพลาสติกหุ้มปืนผสมเทียม
ทุกครั้งในการผสม และห้ามให้หลอดนำ้ เช้ือถกู แสงแดดเดด็ ขาด

3) ความสมบูรณ์พันธขุ์ องโค
ความสมบูรณ์พันธ์ขุ องโคต้องเตรียมต้ังแต่ก่อนคลอด ต้องมีการจัดการท่ีดี
ทั้งในเรื่องคะแนนร่างกายของแม่โค ก่อนคลอด ช่วงคลอด หลังคลอด รวมทั้งมี
การจัดการดูแลสุขภาพแม่โคที่ดีหลังคลอดด้วย เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพหลัง
คลอดท่มี ีผลต่อความสมบูรณพ์ นั ธ์ุดงั ได้กลา่ วมาแล้ว

คะแนนร่างกายของแม่โค ที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 3.0 ถึง 3.5 ช่วงวิกฤตท่ี
เราตอ้ งตรวจสอบและจดบนั ทกึ คือ ช่วงทแ่ี ม่โคตั้งท้องได้ 5 เดอื น ท้องได้ 7 เดือน

คู่มอื การเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 23

ณ วันหยุดพักการรีดนม วันคลอด และหลังจากคลอดได้ 45 วัน ซึ่งช่วงเวลา 45
วันหลังคลอดเป็นช่วงที่ร่างกายแม่โคอยู่ในสภาวะขาดสมดุลพลังงาน แม่โคจะมี
การสลายไขมันที่สะสมในร่างกายนำไปใช้ ส่งผลให้คะแนนร่างกายแม่โคจะลดลง
แต่ว่าไม่ควรลดลงมากกว่า 1 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับคะแนนร่างกาย ณ วัน
คลอด

4) คุณภาพนำ้ เช้ือ
การเลือกใชน้ ้ำเชือ้ ต้องเลือกใช้นำ้ เชอ้ื จากแหล่งทเี่ ชื่อถือได้ มีขัน้ ตอนการ
ผลติ และคณุ ภาพของน้ำเชื้อไดต้ ามมาตรฐาน มวี ิธเี กบ็ รักษา และการขนส่งที่ดีได้
มาตรฐาน มีการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์จากสายพ่อพันธ์ุและสายพันธุ์ถูกพัฒนาให้
เหมาะสมกับสภาพอากาศรอ้ นช้นื ในบา้ นเรา

คมู่ ือการเลีย้ งโคนม สำหรับเกษตรกร 24

5.2สรุป

1) ควรทำการจับสัดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที โดยอาการ
เป็นสัด คอื โคจะยืนนิ่ง ยอมใหต้ ัวอ่นื ปนี ทับ ควรทำการผสมหลงั จากแสดงอาการ
เป็นสัด 9- 16 ชั่วโมง และจดบันทึกข้อมลู การเป็นสดั และการผสมทุกคร้งั

2) หมอผสมเทยี มตอ้ งมีความรู้ ความชำนาญในเทคนิคการผสมอย่างดี
3) ความสมบูรณ์ของร่างกายจะมีผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมนและ
ระบบสืบพันธุ์ให้ปกติ ซึ่งคะแนนร่างกายควร 3.0-3.5 โคต้องได้รับอาหารอย่าง
เพยี งพอกับความตอ้ งการของร่างกาย
4) คุณภาพของน้ำเชื้อที่ดี ทั้งความแข็งแรงของอสุจิ จำนวนมีชีวิตของตัว
อสุจิ จำนวนอสจุ ิทผ่ี ิดปกติ แต่ละส่วนล้วนมีผลตอ่ การผสมติด
5) การผสมติดถือว่าเป็นจุดสำคัญของการเลี้ยงโคนม ทำให้มีการขยายฝูง
และทำให้ได้น้ำนมรวมมากขึ้น ได้ผลตอบแทนมากขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ
สภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น จะทำให้โคเครียดและผสมไม่ติด โดยทั่วไปโคจะชอบ
อากาศเย็นแหง้ รวมถึงสภาพโรงเรอื นทีด่ ี ระบายอากาศดี กจ็ ะช่วยให้ผสมตดิ ดขี ้ึน

คู่มือการเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 25

บทท่ี 6 เทคนคิ ในการจดั การโคนมกอ่ นและหลงั คลอด

6.1 ส่งิ ทตี่ ้องคำนึงถึง

1) การจัดการการให้อาหารและการสืบพันธุ์โคนม ในระยะก่อนและหลัง
คลอด มคี วามสำคัญอยา่ งย่ิงตอ่ ความสามารถในการผลติ นำ้ นมและอายกุ ารใชง้ าน

2) ระยะก่อนและหลังคลอด (3 สัปดาห์ก่อนคลอดและ 3 สัปดาห์หลัง
คลอด) เป็นชว่ งเวลาของการปรับเปลย่ี นของร่างกายโคนม เรยี กวา่ ทรานสิช่นั

3) ในช่วงนี้เอง โคนมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่งผลต่อการเกิดมดลูกหรือเต้านม
อักเสบ รวมทง้ั ความผดิ ปกติของขบวนการเผาผลาญโภชนะ หากการจดั การไมด่ ี

4) ดังนั้น เทคนิคในการจัดการด้านการให้อาหารและการสืบพันธุ์ จะ
สามารถปอ้ งกันปัญหาดังกล่าว และสง่ ผลดีตอ่ สขุ ภาพโคนมและการใหน้ ม

6.2 บทนำ

จากข้อมูลการเลี้ยงโคนม พบว่า โคนมถูกคัดทิ้ง ในแต่ละปี ประมาณ ร้อยละ
30 ของจำนวนโคนมทีเ่ ลี้ยง ในจำนวนนี้ร้อยละ 76 ถูกคัดท้ิงโดยความไม่สมัครใจ
เนื่องจากปัญหา ผสมไม่ติด (ร้อยละ 35) เต้านมอักเสบ (ร้อยละ 35) กีบอักเสบ
(ร้อยละ 22) และสาเหตุอืน่ ๆ เช่น ตาย และ นมน้อย (ร้อยละ 8) สาเหตุหลักของ
โคนมทต่ี าย มาจากปัญหาในชว่ งคลอดลกู หรอื ในช่วงปรับเปลยี่ น

คมู่ ือการเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 26

6.3 การเปลยี่ นแปลงของร่างกายโคนมในช่วงพักรีด

ในชว่ งพกั รดี (52 - 60 วัน) สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ระยะ คือ
(1) ระยะแรก (1 - 4 หรือ 1 - 10 วนั แรกของการพกั รดี )
(2) ระยะกลาง (30 - 40 วันถดั มา)
(3) ระยะท้ายหรือใกลค้ ลอด (21 วนั กอ่ นคลอด)

ในช่วงพักรีด ตลอดระยะ 60 วนั เปน็ ระยะทล่ี กู ในทอ้ งเจรญิ เตบิ โตถงึ 70-
80 % และเป็นระยะที่แม่โคเตรียมตัวเพื่อการให้นม โคนมพักรีดในแต่ระยะ มี
ความต้องการโภชนะแตกต่างกัน หากเปน็ ไปได้ ควรจดั การแยกกลมุ่ โคพักรีด โดย
มีเทคนิคการจัดการ ดงั นี้

1) การจดั การสำหรบั โคพกั รดี ระยะแรก
การใหอ้ าหาร ไมจ่ ำเป็นต้องให้อาหารครบตามความต้องการ ทง้ั นี้เพราะผู้
เลยี้ งต้องการใหโ้ คนมหยดุ พักการรีด ดังนัน้

1)ควรให้อาหารที่มีพลังงานไม่สูง เช่น หญ้าหรือฟางแห้ง และเสริม
ดว้ ยอาหารขน้ เลก็ น้อย

2)หากเป็นไปได้ ควรจำกัดน้ำที่ให้โคกินในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อ
ยับย้ังการสร้างนำ้ นม

3) เลีย้ งโคนมในทีแ่ หง้ และสะอาด
4)หม่ันสังเกต เต้านมทงั้ ส่ี จนกระทง่ั ไม่มีน้ำนมเหลอื หากโคนมบางตัว
มีเต้านม ที่บวม แข็ง ต้องช่วยรีดนมออก หากจำเป็น ใช้ยาปฏิชีวนะสอดเข้าไป
และใชย้ าจุ่มหวั นม

คู่มอื การเลย้ี งโคนม สำหรับเกษตรกร 27

2) การจัดการสำหรับโคพกั รีดระยะกลาง
ในระยะนี้ โคนมจะหยดุ การสร้างน้ำนม น้ำหนกั จะเพ่ิมมากข้ึน เนื่องจาก
การเจริญเติบโตของลูก และเตรียมตัวสำหรับการคลอด โคนมพักรีดระยะแรก-
กลาง ควรจัดการ ดงั นี้

(1) ไม่ควรให้อาหารที่มีพลังงานสูง เพราะจะทำให้เกิดคีโตสิส ไขมันตับ
กระเพาะอาหารผิดตำแหน่งและคลอดยาก

(2) ควรให้โคนมมีค่าคะแนนร่างกาย ประมาณ 3.5 หรือมีน้ำหนักเพิ่มข้ึน
วันละ 0.5 กิโลกรมั

(3) สัดสว่ นแคลเซยี มและฟอสฟอรัส ไม่ควรเกิน 2 : 1
(4) ลดปริมาณเกลือลง ครึ่งหนึ่งของสูตรอาหารโครีดนม เพราะเกลือเป็น
สาเหตุให้เตา้ นมบวมเปลง่
(5) ห้ามใหบ้ ฟั เฟอร์ (โซเดยี มไบคาร์บอเนต) กบั โคนมในระยะนี้
(6) เสริมแร่ธาตุ ซีลีเนียม 0.3 ppm ในสูตรอาหาร หรือให้โดยการฉีด
ซีลีไนท์ร่วมกับโทโคฟีรอล เขา้ กลา้ มเนือ้

3) การจดั การสำหรบั โคพักรีดระยะทา้ ย
ส่วนโคนมพักรีดระยะทา้ ย ควรมีการจดั การ ดังนี้
(1) ให้อาหารที่มีพลังงานสูงขึ้น เพราะการกินได้ของโค จะน้อยลง เกือบ
1 กิโลกรัม/ตัว/วนั หากโคนมกนิ ไดป้ กติ หรอื น้อยกวา่ ปกตเิ ล็กนอ้ ย จะสง่ ผลดีตอ่
สขุ ภาพมดลกู ดว้ ย

คู่มอื การเลยี้ งโคนม สำหรับเกษตรกร 28

(2) ให้อาหารหยาบและอาหารข้น ในสัดส่วนและปริมาณที่คล้ายกับโคท่ี
ใหน้ ม เพือ่ ให้จุลนิ ทรยี ใ์ นรูเมนปรับตัวกับสภาพอาหารในระยะให้นม ยังช่วยให้โค
นมสามารถ ผลติ นมสูงได้อยา่ งรวดเรว็ ขน้ึ

(3) ขนาดของอาหารหยาบ ไม่นอ้ ยกวา่ 1.5 นิ้ว
(4) หมั่นสังเกตค่าคะแนนร่างกายโค และปรับอาหารให้สอดคล้องกับ
ความสมบูรณข์ องร่างกาย
(5) ช่วง 3-4 วันก่อนโคคลอด แยกโคนมใกล้คลอดไว้ในคอกที่เย็นสบาย
สะอาด แหง้ ให้อาหารท่สี ดและใหมท่ ุกวัน

ค่มู อื การเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 29

ตารางที่ 3.2 ความต้องการโภชนะสำหรับโคพักรดี ระยะต่างๆ เปรียบเทียบกับโค

ทีใ่ หน้ มสงู

ความต้องการโภชนะขั้นตำ่ โคนมพกั รดี โคท่ใี ห้นม
สงู
ระยะแรก- ระยะท้าย
กลาง

การกนิ ไดว้ ตั ถแุ ห้ง, กก/ วัน 12.7 11.8 24.5

โปรตีน, % 13.0 15.0 18.0

การยอ่ ยไดส้ ารอาหารท้ังหมด, % 56 66 75

พลงั งานสทุ ธิ เมกกะแคล/กก. 1.28 1.54 1.72

ADF, % 30 24 19

แคลเซยี ม, % 0.50 0.25 0.66

ฟอสฟอรัส, % 0.25 0.30 0.41

แคลเซียม, อตั ราสว่ นฟอสฟอรสั 1.5-2.0:1 1.0-2.0:1 1.5-2.2:1

แมกนเี ซียม, % 0.20 0.25 0.25

โปแตสเซียม, % 0.65 0.65 1.00

โซเดียม, % 0.10 0.10 0.18

ซลั เฟอร,์ % 0.16 0.20 0.20

เหล็ก, ppm 50 60 50

แมงกานสิ , ppm 40 50 40

สงั กะสี, ppm 50 60 40

ซลี เี นยี ม, ppm 0.30 0.30 0.30

คู่มือการเล้ยี งโคนม สำหรบั เกษตรกร 30

ตารางที่ 3.2 ความตอ้ งการโภชนะสำหรับโคพักรีดระยะตา่ งๆ เปรียบเทียบกบั โค

ที่ให้นมสงู (ตอ่ )

ความต้องการโภชนะข้ันตำ่ โคนมพกั รีด โคทีใ่ ห้นม
สูง
ระยะแรก- ระยะท้าย
กลาง

วิตามินเอ, IU/Kg 3,960 4,840 3,190

วติ ามินดี, IU/Kg 1,650 2,200 990

วติ ามินอ,ี IU/Kg 26.4 33-88 15.4

6.4 การจดั การสำหรับโคนมระยะแรกของการใหน้ ม

สัปดาห์แรกหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในโคนมแรกคลอด เพราะโค
อยู่ในสภาพไมส่ มดุลของพลังงาน ดังนั้นควรจัดการ ดังนี้

1) ใหอ้ าหารคุณภาพทนั ที ภายหลงั การคลอด
2) ไม่ควรใหค้ า่ คะแนนร่างกายโคนม ลดลงเกนิ 1.0 ในระยะ 60 วันแรก
ของการให้นม
3) สูตรอาหารโคนม ควรเสริมบัฟเฟอร์ (โซเดียมไบคาร์บอเนต) 0.75%
ของน้ำหนักแหง้ ดว้ ย
4) ไมค่ วรใหอ้ าหารขน้ สูงเกินไป เพราะจะทำให้เกิดสภาพความเปน็ กรด
5) ปรับสัดส่วนอาหารข้น: อาหารหยาบ เป็น 70:30 เมื่อปริมาณน้ำนม
สงู ขนึ้

คมู่ ือการเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 31

6) ระมัดระวังสภาพ SARA หรือสภาพความเป็นกรดกึ่งเฉียบพลัน (pH
นอ้ ยกว่า 5.5 ) สง่ ผลใหเ้ กิดการอกั เสบของกีบ

7) ควรเสรมิ ไบโอติน 20 mg/ตัว/วัน เพือ่ ลดปญั หากบี อกั เสบ
8) การเสริมแร่ธาตุรองแบบรวม ช่วยทำให้สุขภาพของกีบและมดลูกโค
นมระยะแรกของการให้นมดขี น้ึ

Formigoni et al. (2011) ศึกษาการเสริมแร่ธาตุอินทรีย์รอง (สังกะสี,
ทองแดง, และแมงกานีส) ในโคนมระยะพักรีดนมและโคให้นม พบว่ากลุ่มที่เสริม
แร่ธาตุอินทรีย์รองในอาหารส่งผลต่อการเพิ่ มปริมาณอิมมูโนโกลบูลินในนม
น้ำเหลือง 19% และมีปริมาณไขมันนมเพิ่มมากขึ้น 4.4% นอกจากนี้ยังช่วยลด
อัตราการตายของลูกโคแรกคลอด 15.6% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการ
เสริม การเสริมแร่ธาตุรองสามารถลดการเกิดโรคเต้านมอักเสบในโคนมได้
Machado et al. (2013) ทำการเสริมแร่ธาตุรอง (ประกอบไปด้วย สังกะสี 300
มิลลิกรัม แมงกานีส 50 มิลลิกรัม ซีลีเนียม 25 มิลลิกรัม และทองแดง 75
มิลลิกรัม) ในโคนมก่อนคลอดที่ตั้งท้อง 260 วันและเสริมในโคนมหลังคลอดเป็น
ระยะเวลา 30 วนั หลงั คลอดส่งผลใหโ้ คนมท่ีเคยใหล้ กู มาแล้วเกดิ โรคเตา้ นมอักเสบ
เพียง 19.7% ในขณะที่ กลุ่มควบคุม ที่ไม่ได้เสริมแร่ธาตุอินทรีย์เกิดโรคเต้านม
อักเสบถึง 25.4% แตกต่างกันอย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติ นอกจากนีโ้ คนมกล่มุ ที่ไม่
เสริมแร่ธาตุเกิดโรคมดลูกอักเสบ 34.2% ในขณะที่กลุ่มที่เสริมแร่ธาตุเกิดโรค
มดลกู อักเสบเพยี ง 28.6%

คู่มือการเลี้ยงโคนม สำหรับเกษตรกร 32

รปู ท่ี 9 การจดั การด้านอาหารในโคนมก่อนและหลงั คลอด

ดังนั้น การจัดการโคนมในระยะหลังคลอด มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์
พันธุ์ของโคนม ช่วงการให้น้ำนมของแม่โค ตลอดระยะเวลาการรีดนมมาตรฐาน
305 วัน หลังคลอดน้ำนมของโคจะเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 4-12 หรือ 28-84 วัน
หลังคลอดลูกและพี๊คสูงสุด ประมาณสัปดาห์ที่ 8 หลังจากสัปดาห์ที่ 12-16 ไป
แล้ว ปริมาณน้ำนมจะเริ่มลดลง และลดมากสุดในช่วงเดือนที่ 7-8 ของการให้
น้ำนม ซึ่งขณะนั้นแม่โคควรจะตั้งท้องประมาณ 5 เดือน โดยการจัดการกล่มุ โครดี
นมท่ีดแี ละควรมกี ารแบง่ กลุ่มแมโ่ คตามชว่ งระยะของการให้ผลผลติ ประกอบด้วย
3 ระยะคือช่วงต้นคือ 14-100 วัน, ช่วงกลางคือ 100-200 วัน และช่วงปลายการ
ให้นมคือ 200-305 วัน (รูปที่ 14) แม่โคให้นมช่วงต้นจะให้นมสงู หรือที่เรียกง่ายๆ
ว่า “นมพีค” (ประมาณ 2 เดือนหลังคลอด) ในระยะนี้ผู้เลี้ยงต้องการให้รักษา
ระดับของน้ำนมที่สูงและให้คงอยู่ยาวนาน ดังนั้นอาหารที่ให้กับแม่โคในระยะน้ี
ควรคำนึงถึงคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นอาหารข้นหรืออาหารหยาบควรมี
โปรตีนและพลังงานสูง เยื่อใยต่ำ ย่อยง่ายและความน่ากินสูง เพื่อเป็นตัวกระตุ้น
ใหแ้ ม่โคกินอาหารไดอ้ ย่างเต็มท่ี

คมู่ อื การเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 33

เนื่องจากในช่วงนี้สภาพร่างกายแม่โคจะผอมลงซึ่งจะตรงกันข้ามกับ
ปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้น เกิดขึ้นจากการสลายไขมันที่สะสมไว้ในร่างกายเพ่ือ
นำมาใชใ้ นการใหผ้ ลผลิตน้ำนม (Dairy Production, 2013)

รปู ที่ 10 ช่วงการใหน้ ำ้ นมของแม่โครดี นม
ทีม่ า: ดดั แปลงจาก Dairy Production (2013)

อาหารมีผลต่อสุขภาพและความสมบูรณ์พันธุ์ในโคนม การขาดอาหาร
หยาบที่มีคุณภาพ ผู้เลี้ยงใช้อาหารสูตรเดียวกับโคทุกรุ่นในฝูง การเตรียมอาหาร
ระยะรอคลอดและระยะหลังคลอดที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะความสมดุลของ
อาหารสง่ ผลใหม้ ปี ัญหาสขุ ภาพหลังคลอด เช่น รกคา้ ง ไขน้ ำ้ นม คโี ตซสี ไม่เป็นสัด
หลงั คลอด การกินอาหารไดห้ ลงั คลอด

คมู่ อื การเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 34

ปัญหาสัดส่วนอาหารข้นที่มากส่งผลให้เกิดปัญหาความเป็นกรดใน
กระเพาะ อาจทำให้มปี ญั หาสารพษิ เอนโดทอกซินจากผนังเซลลแ์ บคทีเรียกลุ่มติด
สีแดงที่ตายในสภาวะเป็นกรดในกระเพาะสูง มีผลให้สารพอสตาแกรนดินสงู อาจ
มีผลให้ตัวอ่อนตายได้เช่นกัน การมีภาวะเป็นกรดในกระเพาะทำให้กีบอักเสบยาว
มีผลต่อการยืนทำให้แสดงอาการเป็นสัดไม่ชัดเจน นอกจากนี้ในฟาร์มที่ให้อาหาร
ข้นโปรตีนสูง โดยเฉพาะโปรตีนกลุ่มย่อยสลายในกระเพาะหมักง่าย อาจมีผลให้
ยูเรียไนโตรเจนในเลือดมีระดับสูง มีผลให้มดลูกมีภาวะเป็นกรดและมีผลให้ตัว
อ่อนตายได้ (สณุ รี ตั น์, 2553)

ประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในโคมีความสำคัญและเป็นหัวใจในการผลิต
โคนม โดยปัญหาการผลิตโคนมส่วนใหญ่ พบว่า เกษตรกรประสบปัญหาการผสม
ไม่ติดมากที่สุดและมีอัตราการตายของเอมบริโอระยะแรก เนื่องจากเหตุผลทาง
สรีรวิทยาของรังไข่และการจัดการการให้อาหาร รวมทั้งสภาพแวดล้อมของมดลูก
ด้วยสาเหตดุ ังกล่าวนี้ พบวา่ การผสมเทยี มโดยกำหนดเวลาจำเป็นตอ้ งจัดการการ
ให้อาหารโคนม อย่างเหมาะสม จากข้อมูลพบว่า เกษตรกรให้อาหารข้นที่มีระดับ
โปรตีนสูง และให้ในปริมาณที่มากเกินไป ทั้งนี้เพราะเกษตรกรมีความเชื่อว่า การ
ให้โคนมกินอาหารข้นมากๆ จะทำให้ได้น้ำนมมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ
อื่นๆ ส่งผลเสียต่อคุณภาพโอโอไซต์และการพัฒนาการของเอมบริโอในระยะแรก
ของการตั้งท้องเนื่องจากปริมาณยูเรียไนโตรเจนในเลือดสูงขึ้น ซึ่งจากการศึกษา
ของ อารีย์และไชยณรงค์ (2556) พบว่า โคนมหลังคลอดที่ไม่ตั้งท้องภายหลังการ
ผสมเทยี มแบบกำหนดเวลา ซง่ึ ไดร้ ับ

คมู่ อื การเลย้ี งโคนม สำหรับเกษตรกร 35

อาหารที่มีโปรตีนรวมเท่ากับ 17.5% จะมีค่าปริมาณยูเรียไนโตรเจนใน
เลือดสูงกว่าเมื่อเทียบกับโคนมที่ตั้งท้องภายหลังการผสมเทียม เมื่อระดับยูเรีย
ไนโตรเจนในเลือดสูงขึ้นส่งผลทำให้ค่าความเป็นกรด-ด่างของมดลูกในโคนมที่ไม่
ตั้งท้องหลังการผสมเทียมลดลง (pH เท่ากับ 6.7±0.1) เมื่อเทียบกับโคนมในกลุ่ม
ทต่ี งั้ ท้องหลงั การผสมเทียม (pH เทา่ กบั 6.8±0.3)

6.5 แนวทางการให้อาหารโคนมในระยะใหน้ มสูง

แม่โคให้นมในช่วงต้นนี้ ระดับโปรตีนที่แม่โคได้รับจะเป็นส่วนผลักดันให้
น้ำนมขึ้นพี๊คและส่วนของระดับพลังงานจะเป็นส่วนที่ทำให้การให้น้ำนมยืนนาน
การเลอื กใชป้ ระโยชนจ์ ากโปรตนี ไม่แท้ เชน่ ยูเรยี เปน็ ตน้ ชว่ ยลดตน้ ทุนค่าอาหาร
ในการผลิตโคนม แต่ยูเรียใชท้ ี่เสรมิ ในอาหารข้นเม่ือให้สัตวไ์ ดร้ ับเข้าไปจะถูกสลาย
อย่างรวดเร็วในกระเพาะหมัก เป็นผลให้ความเข้มข้นของแอมโมเนียในกระเพาะ
หมักเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในชัว่ โมงแรกภายหลังจากกินเข้าไป ในกระเพาะหมกั
นั้น กระบวนการสลายตัวของคาร์โบไฮเดรต และการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
เป็นไปอย่างช้า กระบวนการเชือ่ มโยงที่มากขึ้นเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจน
จากที่กล่าวมาได้มีวิธีการที่จะควบคุมอัตราการสลายตัวของยูเรียให้ใกล้เคียงกับ
การสลายตวั ของคารโ์ บไฮเดรต ซึ่งมหี ลากหลายสารประกอบถกู นำมาใช้ประโยชน์
เพอ่ื เป้าหมายน้ี (Taylor-Edwords et al., 2009)

คู่มือการเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 36

ยูเรียสลายตัวช้า ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการลดความเป็นพิษของยูเรีย
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ของจุลินทรีย์ในกระเพาะหมัก นอกจากนี้
ยังถูกนำมาใช้แทนโปรตีนแท้ในสูตรอาหารของโครีดนม โดยอาศัยหลักการ
ควบคุมการหลั่งของยูเรียในกระเพาะหมัก การผสมผสานระหว่างยูเรียกับแป้ง
หรอื โมลาส หรือ เซลล์ลโู ลส หรือ นำ้ มัน ถกู นำมาใชเ้ พอ่ื การควบคมุ การหล่ังของ
ยูเรียให้เป็นไปอย่างเหมาะสม นอกจากนี้แม่โคยังมีความต้องการกรดอะมิโนเพ่ือ
เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างโปรตีน เพื่อการรักษาสภาพร่างกาย ระบบสืบพันธ์ุ
การเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตน้ำนม โดยกรดอะมิโนที่ได้มาจากจุลินทรีย์
โปรตนี ในกระเพาะหมกั หรอื ได้จากอาหารโปรตนี ซึ่งปรมิ าณความต้องการกรดอะ
มิโนนั้นขึ้นอยู่กันระดับของการให้ผลผลิตน้ำนม เนื่องจากปริมาณการให้ผลผลิต
น้ำนมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการกรดอะมิโนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กุญแจสำคัญ
ของการใช้อาหารอย่างเต็มประสิทธิภาพคือการสังเคราะห์จุลินทรีย์โปรตีนใน
กระเพาะหมัก (Hopkins and Whitlow, 2001)

แนวทางการได้รับโภชนะของแม่โคให้นมช่วงต้น จากค่าเฉลี่ยของ
ปริมาณน้ำนมที่ 40 กิโลกรัมต่อวัน แม่โคควรมีการกินได้ของวัตถุแห้ง 24-26
กิโลกรมั ต่อวนั โปรตีนรวมในอาหารท่ี 17-19% โปรตนี ของวัตถุแหง้ และพลังงาน
รวมท่ี 1.64 เมกกะแคลตอ่ กิโลกรัมอาหาร เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการท่ีเพียงพอ
และรกั ษาระดบั การให้นมของแมโ่ ค (Dairy Production, 2013)

คู่มอื การเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 37

การให้อาหารหยาบคุณภาพดี เช่น หญ้าสด มีความสำคัญมากต่อการ
กินได้ อย่างน้อย 40% ของวัตถแุ ห้งในหญา้ จะช่วยเพิ่มการกินได้ของวัตถุแห้งใน
แม่โคระยะให้นมสูง ควรมีระดับของ NDF ที่ประมาณ 28 % และ ADF ท่ี
ประมาณ 19 % ในค่าสูงสุดของการกินได้ อีกทั้งขนาดความยาวของหญ้าควรมี
ความยาวอย่างน้อย 2.6 เซนติเมตร เพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการเคี้ยวเอื้อง
(Dairy Production, 2013)

รูปท่ี 11 การให้หญ้าสดแก่แมโ่ ครีดนม

โปรตีนในอาหาร คือจุดที่สำคัญในการจัดการการให้อาหารแก่แม่โคให้
นมช่วงต้น เพราะปริมาณโปรตีนในร่างกายถูกนำมาใช้ได้อย่างจำกัดเมื่อเทยี บกบั
ไขมนั ท่สี ะสมในร่างกาย แม่โคใหน้ มในช่วงต้นนี้ ควรมีโปรตีนประกอบในอาหารท่ี
17-19% ตามคำแนะนำและที่ประมาณ 30-35% ของอาหารโปรตีนควรมาจาก
แหล่งโปรตนี ท่ีไม่ไดย้ อ่ ยในกระเพาะหมกั

คูม่ ือการเลี้ยงโคนม สำหรับเกษตรกร 38

อีกทั้งการเลือกใช้ยูเรียสลายตัวช้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการเป็นแหล่ง
โปรตีนและการลดต้นทุนค่าอาหาร (Varga and Ishler, 2009) เพม่ิ ปรมิ าณน้ำนม
(Inostroza et al., 2010) และอาจมีผลดีในการรักษาระดบั ของยูเรียไนโตรเจนใน
เลือด และน้ำนมที่จะไปมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพทางระบบสืบพันธุ์ในช่วง
กลางของการให้น้ำนม

รปู ท่ี 12 การจดั การอาหารโปรตนี แก่แม่โครดี นม

คมู่ อื การเล้ยี งโคนม สำหรับเกษตรกร 39

6.6 การจัดการการสืบพันธส์ุ ำหรบั โคนมหลังคลอด

การจัดการด้านการสืบพันธุ์ในโคนมหลังคลอด โดยการใช้โปรแกรมการ
จัดการการสบื พนั ธ์ุ เปน็ แนวทางทีจ่ ำเป็นในการนำมาใช้เพื่อช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพ
ทางการสืบพันธุ์ (Wiltbank et al., 2010) การใช้โปรแกรมเหนี่ยวนำการตกไข่
และกำหนดระยะเวลาในการผสมเทยี ม พบว่าสามารถเพ่มิ อตั ราการตั้งทอ้ งได้ 30-
40% (Stevenson et al., 1999) และการจดั การโคนมหลังการผสมเทยี มโดยการ
เสริมฮอร์โมนเอชซจี ี หรือ จีเอ็นอาร์เอช ภายหลังการผสมเทยี มโดยใช้หลักการใน
การเหนี่ยวนำให้เกิดคอร์ปัส ลู เทียม เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ระดับฮอร์โมนโปรเจส
เทอโรนเพิ่มสูงขึ้น จากการศึกษาของ Navanukraw et al. (2010) พบว่าการ
เสรมิ เอชซจี ี ความเข้มขน้ 3,000 ไอยู ในวันที่ 5 หลงั การผสมเทียมช่วยให้เกดิ คอร์
ปัส ลูเทียม เพิ่มเติม และระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนเพิ่มสูงขึ้น เม่ือ
เปรียบเทียบกับการไม่เสริม นอกจากนั้นแล้วยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ
รูปแบบคลื่นฟอลลิเคิล โดยโคนมจะมีคลื่นฟอลลิเคิล 3 คลื่น ในขณะที่โคนมปกติ
มี 2 คล่นื การท่มี รี ูปแบบคลื่น ฟอลลิเคลิ ทเี่ ปล่ียนไปจากเดมิ เปน็ กลไกส่วนหนึ่ง
ที่จะช่วยใหค้ วามสมบรู ณ์พันธุ์ของโคนมดขี ึน้

รูปที่ 13 การจดั การดา้ นการสืบพันธุ์ในโคนมหลังคลอด

คู่มือการเล้ียงโคนม สำหรับเกษตรกร 40

การจัดการโคพักรีดนม การเตรียมโคก่อนคลอดและหลังคลอดที่ดีจะ
ส่งผลให้โคไม่เบื่ออาหารหลังคลอด ขนาดลูกโคในท้องไม่ใหญ่เกินไป โคคลอดเอง
ได้ง่าย ลดอัตราการเกิดรกค้าง ร่างกายสมบูรณ์ ระบบสืบพันธุ์สมบูรณ์ เป็นสัด
หลังคลอดเร็ว ผสมติดเร็ว ลดจำนวนวันทอ้ งว่าง หลังคลอดให้ปริมาณน้ำนมได้สงู
ให้นำ้ นมดี และใหน้ ำ้ นมไดน้ าน

6.7 การจัดการดา้ นโภชนาการตอ่ การสืบพนั ธุ์

1) ผลของการใหอ้ าหารตอ่ ความสมบรู ณพ์ ันธ์ุ
อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์และ
ประสิทธิภาพของการใช้เทคโนโลยีช่วยในการสืบพันธุ์ การให้อาหารในปริมาณที่
ไม่เพียงพอ เช่น การให้อาหารแบบจำกัด หรือ การให้อาหารเกินความต้องการ
ส่งผลต่อการเป็นหนุ่มสาวช้าลง วงรอบการเป็นสัดผิดปกติ อัตราการผสมติดและ
อัตราการตั้งท้องต่ำ คุณภาพและการพัฒนาของโอโอไซด์ต่ำลง นอกจากนี้ระดับ
โภชนะยังส่งผลต่อฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ เช่น ฮอร์โมน estradiol (E2) และ
Progesterone (P4)

2) การเสริมไขมนั ในอาหารโคนม
การเสริมไขมันในอาหารโคนมนอกจากจะเพิ่มความเข้มข้นพลังงานใน
อาหาร ซึ่งอาจทำให้โคนมได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงต้นของการให้นม
แล้ว ยังสามารถเพิ่มการดูดซึมโภชนะอื่นๆ ที่ละลายในไขมัน ช่วยลดการเป็นฝุ่น
ของอาหาร ช่วยเพิ่มกรดไขมันเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในน้ำนมโคได้ และการ
เสริมไขมันยังมีผลทางบวกต่อการสืบพันธุ์ในโคนมด้วย เช่น สามารถเพิ่มจำนวน
ฟอลลิเคิล ขนาดของโดมิแนนท์ฟอลลิเคิล โดยการกระตุ้นการสังเคราะห์ฮอร์โมน

P4 และฮอร์โมน Prostaglandin (PGF2α) ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ของคอร์ปัส

คมู่ อื การเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 41

ลูเทียม (corpus luteum, CL) ในกรณีใช้น้ำมันเป็นของเหลว (oils) ระดับการ
เสริมไขมันรวมในอาหารโคนมไม่ควรเกินกวา่ ร้อยละ 6 ของอาหารทั้งหมด ซึ่งปกติ
อาหารโคนมจะมีไขมันจากวัตถุดิบ และพืชอาหารสัตว์อยู่ร้อยละ 3 ดังนั้น ระดับ
ไขมันที่เสริมตอ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 3 ของอาหารทั้งหมด แต่ถ้าเป็นไขมนั ชนดิ ไหลผ่าน
สามารถเสริมได้ถึงร้อยละ 5 ของอาหารทั้งหมด หากโคนมได้รับอาหารที่มีไขมัน
มากกวา่ ร้อยละ 6 ของอาหารทัง้ หมด จะทำให้การกินได้ของวตั ถแุ ห้งลดลง การจะ
ส่งผลเสียต่อประโยชน์ที่จะได้จากการเสริมไขมันเพื่อเพิม่ ความเข้มข้นของพลังงาน
ในอาหาร และอาจาจมีผลต่อการผลิตน้ำนม นอกจากนี้ยังมีผลต่อการย่อยได้ของ
เซลลูโลสและกระบวนการเมแทบอลิซึมของไนโตรเจนในกระเพาะส่วนรูเมน
(กระเพาะหมัก) ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากไขมันไปเคลือบเยื่อใย ทำให้จุลินทรีย์ไม่
สามารถไปยดึ เกาะช้นิ อาหารและไม่สามารถย่อยได้ และกรดไขมันไมอ่ ่มิ ตัวสายยาว
อาจเป็นพิษต่อจุลนิ ทรียบ์ างชนิด ขัดขวางการเจริญเติบโตของจลุ ินทรีย์ เป็นผลทำ
ให้จุลินทรีย์ในกระเพาะส่วนรูเมนเปลี่ยนไป และไขมันอาจจับตัวกบั กรดไขมันสาp
ยาว ทำให้เกิดสารประกอบที่ไม่ละลายในรูเมน เป็นการลดปริมาณของ
สารประกอบที่มีประจุบวก ทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถนำไอออนประจุบวก ไปใช้
ประโยชน์ได้ จงึ ทำใหก้ ารยอ่ ยไดล้ ดลง

สำหรับการเสริมเพื่อให้ได้กรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เช่น ถ้า
ต้องการเพิ่ม CLA ในน้ำนมโค ให้โคนมกินหญ้าสดและเสริมด้วยน้ำมันพืชที่มีกรด
ไขมันลิโนลิอิคอยู่สูง ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันทานตะวัน ถ้าต้องการเพิ่ม
กรดไขมันโอเมกา 3 ในน้ำนมโค ให้เสริมด้วยน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันลิโนลนิ ิคอยูส่ ูง
ได้แก่ น้ำมันลินสีด ถ้าต้องการเพิ่ม DHA และ EPA ในน้ำนมโค ให้เสริมด้วยน้ำมัน
ปลาทะเลน้ำลึก ถา้ ต้องการเพมิ่ กรดไขมันโอเมกา 9 ในนำ้ นมโค ใหเ้ สริมด้วยน้ำมัน
พืชทม่ี ีกรดไขมนั โอลอิ ิคอยสู่ งู ไดแ้ ก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันขา้ วโพด และน้ำมนั ปาล์ม

คมู่ ือการเลีย้ งโคนม สำหรบั เกษตรกร 42

ถ้าต้องการเพิ่มกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคหลาย ๆ ชนิด ให้เสริมด้วย
ส่วนผสมของน้ำมันพืชชนิดที่มีกรดไขมันที่ต้องการและน้ำมันปลาทะเลน้ำลึก
ระดบั การเสรมิ นำ้ มนั สำหรับโคนมสายพันธ์ไุ ทยอยู่ทรี่ ะดบั 200-300 กรัมต่อตัวต่อวัน

6.8 บทบาทของกรดไขมนั โอเมกา 3 และ 6 ตอ่ การสบื พนั ธ์โุ คนม
กรดไขมันไม่อ่มิ ตัวเชิงซ้อน (polyunsaturated fatty acid, PUFA)

ชนิดโอเมกา จัดเป็นกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อโคนม โดยเฉพาะระบบ
สืบพันธุ์และภูมิคุ้มกัน กรดไขมันโอเมกาจึงเป็นโภชนะพิเศษ ( specific
nutrient) ที่ทำหน้าที่ควบคุมเมแทบอลิซึม (metabolic regulators) ใน
ระหวา่ งทโี่ คนมใหผ้ ลผลิต การเสริมกรดไขมันโอเมกา 3 ทำให้ฟอลลิเคลิ ท่ตี กไข่

(larger ovulatory follicles) มีขนาดใหญข่ ึ้น ลดการหลง่ั ฮอร์โมน PGF2α จาก
ผนังมดลูกชั้นใน (endometrium) ลดการสูญเสียตัวอ่อน (Moallem, 2018)
ดังนั้น ความสำคัญของกรดไขมันโอเมกา 3 จึงมีผลต่อการสืบพันธุ์ การกล่ัน
สร้างน้ำนม และการสร้างภูมิคุ้มกัน โภชนาการในช่วงก่อนและหลังคลอดและ
โภชนะบางชนิด มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพนั ธุ์ เช่น กรดไขมัน

โอเมกา 6 มีความสัมพันธก์ บั การสังเคราะหฮ์ อร์โมน PGF2α ซึ่งถกู นำมาใชเ้ ป็น
ทางเลือกหนึ่งในการจัดการด้านอาหารร่วมกับการสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มอัตราการมี
ชีวิตรอดของเอมบริโอ (ไชยณรงค์, 2557) ดังนั้น การจัดการการให้อาหารที่มี
กรดไขมันโอเมกา 6 สูงในช่วงก่อนและหลังคลอด จะส่งผลต่อการเพิ่มอัตราการ
ผสมตดิ และอัตราการต้ังทอ้ ง สว่ นการใหอ้ าหารทมี่ ีกรดไขมันโอเมกา 3 สูง

ค่มู ือการเลี้ยงโคนม สำหรับเกษตรกร 43

ร่วมกับการเหนี่ยวนำการตกไข่และผสมเทียม อาจส่งผลให้ได้ลูกเพศเมียมากกว่า
เพศผู้ การจัดการการให้อาหารโอเมกาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการเพ่มิ
อัตราการผสมตดิ อัตราการตงั้ ทอ้ ง และอตั ราส่วนลูกโคนมเพศเมีย

รูปที่ 15 บทบาทของกรดไขมันโอเมกา 3 ตอ่ การสบื พันธุ์ในโคนม
ท่ีมา: ดดั แปลงจาก Moallem (2018)

คู่มอื การเล้ียงโคนม สำหรบั เกษตรกร 44

ภาคผนวก

ค่มู อื การเลี้ยงโคนม สำหรบั เกษตรกร 45

รปู ภาพผนวดที่ 1 ชดุ เหน่ยี วนำการตกไข่และผสมเทยี มแบบกำหนดเวลาในโคสาว
และโคนาง

คมู่ อื การเลีย้ งโคนม สำหรบั เกษตรกร 46

ตารางภาคผนวกที่ 1 สูตรอาหารสำเร็จรูป (TMR) สำหรับโคช่วงพักรีดนมและ
โคนมหลงั คลอด

วัตถดุ บิ อาหารสัตว์ (กก.) โคนมก่อนคลอด โคนมหลังคลอด
เปลือกข้าวโพด 12.0 9.0
หญ้าหมกั 12.0 6.0
กากเบียร์ 15.0 8.0
มนั เส้น 10.6 12.6
กากถว่ั เหลือง 8.0 20.0
ข้าวโพดบด 12.0 13.0
อาหารข้นสำเร็จรปู 30.0 31.0
แรธ่ าตุรวม 0.4 0.4
รวม 100.0 100.0
โปรตนี รวม (% CP) 13.2 17.0
โภชนะที่ย่อยได้ทั้งหมด (% 69.5 72.0
TDN)


Click to View FlipBook Version