ตะลเิลลิ
พต่าย
ยุทธหัตถี
และ
ชัยชนะของไทย
ลิลิต
ตะเลพ่าย
จัดทำโดย
กลุ่มที่ ๗
นาย นิ ธิศ อุดมศิ ลป์
ชั้น ม.๕/๙ เลขที่ ๑๘
นำเสนอ
มิสศรุ ดา นิ จนิ รันดร์
งานนี้ เป็ นส่วนหนึ่ งของ ท๗๒๑0๒
บทที่ ๕๕ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนายกแฮ
ผายสิ หนาทกถา
ไพเราะราชสุ ภา- ท่านพร้อง
เสนอ บ่ มีข้อข้อง ษิตสื่ อ สารนา
ขุ่นแค้นคำไข
คำศั พท์
นฤบาล, บพิตร, เฝ้ า, ภูวนา ทหมายถึง กษัตริย์
สิ หนาทกถา หมายถึง พูดด้วยสิ่ งที่มีอำนาจ
พร้อง หมายถึง
ราชสุ ภาษิ ต พูด
หมายถึง คำพูดที่ดีและไพเราะ
ถอดคำประพันธ์
สมเด็จพระนเรศวร ได้ตรัสถ้อยคำไพเราะน่ าฟั ง ไม่มีพระสุรเสียงขุ่นแค้น
เคืองขัดเลยสักนิ ด
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
ข้อ-ข้อง, แค้น-คำ
บทที่๕๖ อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤา
เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว
สิ บทิศทุ่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา
ไป่ เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี
คำศั พท์ หมายถึง พระมหาอุปราชา
หมายถึง กลัว, เกรง
ภูธเรศ หมายถึง กล้า, องอาจ
เยง หมายถึง ฟุ้ งไป
ย่านแกล้ว หมายถึง หมดสิ้ นไป
ละเวง หมายถึง กล้าน้ อยลง
แผ้ว หมายถึง กลัว, คร้าม
เผือดกลำ
แกลน
ถอดคำประพันธ์
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศมอญ มีพระเกียรติยศเลื่องลือไกล ทั้ง 30 ทิศ
ผู้ใดได้ยินก็หวั่นเกรงพระบรมเดชานุภาพ ไม่กล้าต่อสู้แล้วรีบหนี ไป
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
ยศ-ยิน-เยง-ย่าน, ทิศ-ทั่ว, เริ่ม-รอ, กล้า-แกลน
การใช้ภาพพจน์ อติพจน์
ดังบทที่ว่า “สิบทิศทั่วละแวก หวั่นเดช” ซึ่งเป็ นกล่าวเกินจริง
บทที่๕๗ ภพอุค-ดมเอย
พระพี่พระผู้ผ่าน ร่มไม้
เผยอเทียชติ ไว้แฮ
ไม่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด สุ ดสิ้ นฤามี
เชิญราชร่วมคชยุทธ์ ผู้ครอบครอง
แผ่นดิน
สื บกว่าสองเราไสร้ สู งสุ ด
พี่ใหญ่ (พระมหาอุปราชา)
คำศั พท์ หมายถึง ยุทธหัตถี (การรบบนหลังช้าง)
หมายถึง
ผู้ผ่าน หมายถึง
ภพ หมายถึง
อุตดม หมายถึง
เชษฐ์
คชยุทธ์
ถอดคำประพันธ์
พระเจ้าที่ปกครองประเทศที่บริบูรณ์ยิ่ง ไม่สมควรเลยที่จะประทับอยู่ใต้ร่มไม้
ขอเชิญพระองค์มากระทำยุทธหัตถีร่วมกัน ให้ปรากฏว่าเกียรติไว้
เถิดต่อจากเราทั้งสองคนคงไม่มีอีกแล้ว
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
พระ-พี่-พระ, ผู้-ผ่าน, ชอบ-เชษฐ์, สุด-สิ้น
การใช้ภาษาหรือวาทศิ ลป์ ในการโน้ มน้ าวใจ คือ เนื่ องจากพระนเรศวรมหาราช
อยู่ในวงล้อมของข้าศึ ก จึงใช้คำพูดที่เชิญให้พระมหาอุปราชาออก
ทำยุทธหัตถีกันตัวต่อตัว ดังบทที่ว่า
”เชิญราชร่วมคชยุทธ์ เผยอเกียรติ ไว้แฮ
สื บกว่าสองเราไสร้ สุ ดสิ้ นฤามี”
บทที่๕๘ หัสดีรณเรศอ้าง อวสานนี้ นา
ห่อนฟ้ อง
นั บอนาคตกาล คชคู่ กันแฮ
ขัตติยายุทธ์บรรหาร ตราบฟ้ าดินกษัย
คงแต่เผือพี่น้ อง
คำศั พท์ หมายถึง ช้าง
หัสดี
รณเรศ หมายถึง การรบ
ห่อน หมายถึง ไม่
ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ หมายถึง การรบเยี่ยงกษัตริย์ด้วยการ
ทำยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จ
พระนเรศวรมหาราชกับ
พระมหาอุปราชาครั้งนี้ จะ
เป็ นที่กล่าวขวัญกันสืบไป
เผือ หมายถึง ข้า
กษัย หมายถึง การสิ้ นไป
ถอดคำประพันธ์
การรบด้วยการชนช้าง จะสิ้นสุดกันในคราวนี้
นั บแต่นี้ ไปจะไม่ได้พบเห็นอีกการทำยุทธหัตถี
ของกษัตริย์คงจะมีแต่เราสองพี่น้ องนี้ เท่านั้ น
ตราบฟ้ าดินสิ้นสลาย
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
รณ-เรศ, คช-คู่
การใช้ภาพพจน์ อติพจน์
“คอแต่เผือพี่น้ อง ตราบฟ้ าดินกษัย” กล่าวคือ การทำ
ยุทธหัตถีคงจะมีแต่เราสองพี่น้ องเท่านั้ น ตราบฟ้ าดินสลายซึ่งเป็ นการกล่าว
เกินจริง
บทที่ ๕๙ ไว้เป็ นมหรสพซ้อง สุ ขศานติ์
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง
ประตูยุทธ์ นั้ นนา
บำเทิงหฤทัยบาน
เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง
คำศั พท์ หมายถึง เล่นรื่นเริง
หมายถึง พ้องกัน
มหรสพ หมายถึง สงบ
ซ้อง หมายถึง หนุ่ มกษัตริย์
ศานติ์ หมายถึง รบ
ราชสำราญ หมายถึง สวรรค์
ประติยุทธ์
เลอสรวง
ถอดคำประพันธ์
การทำยุทธหัตถีกัน ก็เหมือนการดล่นรื่นเริงสนุกสนานของพระราชา เพื่อให้
ชมเล่นเป็ นขวัญคาสำราญใจแก่มนุษย์และเหล่าเทวดา
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
สุข-ศานติ์, เริ่ม-รั้ง ,นั้ น-นา, หล้า-เลอ
การใช้ภาพพจน์ อุปมา
ดังบทประพันธ์ที่ว่า ”ไว้เป็ นมหรสพซ้อง สุขศานติ์
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง”
บทที่ ๖0 ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมาน
ที่นี้
เชิ ญประชุ มในสถาน ตูต่อ กันแฮ
ชมชื่นคชรำบาญ ชเยศอ้างอวยเฉลิม
ใครเชี่ยวใครชาญซี้
คำศั พท์ เทพยาดาในสวรรค์ ๖ ชั้นและพรหมใน
ไท้เทเวศทั้งพรหมาน หมายถึง ชั้นรู ปภูมิพรหมอีก ๑๖ ชั้น
ยุทธหัตถี
คชรำขาญ หมายถึง
ชเยศ หมายถึง ชนะ
ถอดคำประพันธ์
ขอเชิญท่านเทวดาและพรหมทั้งหลาย จงมาประชุมกันในสถานที่นี้ เพื่อ
ชื่นชมการทำยุทธหัตถี ใครเชี่ยวชาญชำนาญกว่าขอจงได้อวยพรให้ผู้นั้ นได้
รับชัยชนะด้วยเถิด
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
ไท้-เท, ชม-ชื่น, ใครเชี่ยว-ใครชาญ
การเล่นเสียง สัมผัสสระ
ที่-นี้
ปรากฎคุณค่าด้านวัฒนธรรมความเชื่อของไทย คือ เวลาทำสิ่ งใดจะขอพร
จากเทพหรือสิ่ งศั กดิ์สิทธิ์ ดังคำประพันธ์ที่ว่า
“ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมมาน
เชิญประชุมในสถานที่นี้ ”
บทที่๖๑ หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า
ภพแผ่น
สงครามกษัตริย์ทรง เรื่องรู้สรเสริญ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า
คำศั พท์ หมายถึง สนามรบ
หมายถึง โลก, แผ่นดิน
รงค์ หมายถึง ผู้มีอำนาจ, ผู้มีฤทธิ์
หล้า หมายถึง รบ
ฤทธิ์รอน
ร้า
ถอดคำประพันธ์
หวังว่าจะได้เกียรติยศในการสู้รบครั้งนี้ เป็ นที่ยืนยงอยู่คู่โลกว่าสอง
กษัตริย์ ได้ทำสงครามกัน ผู้ที่ทราบเรื่องราวก็จะให้ความชื่นชมสรรเสริญ
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
เกียรติ-ก้อง-กลาง, ยืน-พระยศ-อยู่
ราช-รอนฤทธิ์-ร้า-เรื่อง-รู้, สร-เสริญ
บทที่๖๒ ดำเนิ นพจนพากย์พร้อง พรรณา
องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา- นะนึ ก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล
คำศั พท์ หมายถึง ยอด, เลิศ
หมายถึง การถือตัวว่าเป็ นกษัตริย์
อัคร หมายถึง ใจจดจ่อ
ขัตติยมานะ
ถวิล
ถอดคำประพันธ์
ครั้นสมเด็จพระนเรศวรตรัสพรรณาความมาอย่างนั้ น พระมหาอุป
ราชา ทรงฟั งแล้วก็ทรงเห็นตามด้วย ทำให้เกิดขัตติยมานะ อันหาญ
กล้าจึงทรงขับข้างเข้าสู้ รบ
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
พจน-พากย์-พร้อง-พรรณา, องค์-อัคร-อุป
กอบ-เกิด, นะ-นึ ก, ขับ-คช-เข้า, ยุทธ์-แย้ง
ด่วน-ด้วย-โดย
บทที่๖๓ หัสดินปิ่ นธเรศไท้ โททรง
คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่ งอ้าง
หนึ่ งคือคิริเมขล์มง- คลอาสน์ มารเอย
ไขว่แคว้งแทงโถม
เศี ยรส่ายหงายงาคว้าง
คำศั พท์ หมายถึง ช้าง
หมายถึง ผู้เป็ นใหญ่ในแผ่นดิน
หัสดิน หมายถึง สำเร็จพร้อม
ปิ่ น/ธเรศ/ไท้ หมายถึง ช้างทรงของพญาวสวัตดีมารผู้ที่เคยจะมา
สมิทธิ ผจญพระพุทธเจ้าที่ควงไม้ศรีมหาโพธิ์
คิริเมขล์
ถอดคำประพันธ์
ช้างทรง ๒ ช้าง ของสมเด็จพระนเรศวรกับพระมหาอุปราชา เป็ น
เหมือนช้างเอราวัณซึ่งเป็ นช้างทรงของพระอินทร์ และช้างศิ ริเมขล์ซึ่ง
เป็ นพาหนะของพญาวสวัตดีมาร ทั้งสองช้างต่างส่ายเศี ยรหงายงาเข้า
โถมแทงกันและกันอย่างขวักไขว่
การเล่นเสียง สัมผัสพยัญชนะ
หงาย-งา, ไขว่-แคว้ง, แทง-โถม
การเล่นเสี ยงสั มผัสสระ
ดิน-ปั้ น, ส่าย-หงาย, แคว้ง-แทง
การใช้ภาพพจน์ อัปลักษณ์
หัสดินปิ่ นธเรศ = พระมหากษัตริย์
= ช้างทรงของพระอินทร์
คือสมิทธิมาตงค์ = ช้างทรงสวัตดีมาร
หนึ่ งคือคิริเมขล์มง
จินตภาพ
เศี ยรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม
(ด้านการเคลื่อนไหว ของการสู้รบกันของช้าง)
ข้อคิดที่ได้รับ
การมีปฏิภาณไหวพริบ การเป็ นผู้นำที่ดีในบทที่ ๕๕-๖๓ จะกล่าวถึงพระ
นเรศวรมหาราชที่กำลังอยู่ในแวดล้อมของข้าศึ ก จึงคิดกลอุบายกล้าหาญ
เชิญชวนให้พระมหาอุปราชามาทำยุทธหัตถีกันตัวต่อตัวจะได้เป็ นเกียรติ
และชื่อเสียงในคนจดจำ จนทำให้พระมหาอุปราชายอมที่จะออกมาสู้รบ
ด้วย