ความรู้พื้นฐานของระบบธุรกิจ
อัจริยะ ฐานข้อมูลและ
การจัดการข้อมูล
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
30215-2106
ความรู้พื้นฐานของระบบธุรกิจอัจริยะ
ฐานข้อมูลและ การจัดการข้อมูล
จัดทำโดย
นางสาวพัชรพร เรือนดี 64302150017
นางสาวพิชชาภา แสงจำนงค์ 64302150019
นางสาวอรอุมา อนุพันธ์ 64302150028
นางสาวอริสรา พรหมมาตร 64302150030
นางสาวอิสรีย์ พลสวัสดิ์ 64302150032
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 30215-2106
อาจารย์ กาญจนา เหลื่อมแก้ว
คำ นำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(30125-2106) ของนักศึกษาสาขา
วิชาการจัดการ แผนกการเลขานุการและการจัดการ ระดับประกาศนียบัตร
วิชาชีพชั้นสูงปีที่ 2/1 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจในเรื่อง
ระบบสนันสนุนการตัดสินใจและระบบสนับสนุนผู้บริหารระดับสูง ได้มา
ศึกษาอย่างละเอียดและสะดวกต่อการเข้ามารับชมเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
คณะผู้จัดทำหวังว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่
หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
ส า ร บั ญ
เรื่อง หน้า
บทนำ
1.การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 1
2.วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม 2
3. ตัวแบบข้อมูลและตัวแบบฐานข้อมูล 3-4
4. ระบบการจัดการฐานข้อมูล 5
5. คลังข้อมูล ดาต้ามาร์ท และการทำเหมืองข้อมูล 6
6. ระบบธุรกิจอัจฉริยะ 7
อ้างอิง 8
1. การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 1
ข้อมูล (DATA) หมายถึง ข้อเท็จจริง (FACT) ที่อยู่ในรูปแบบตัวอักษร ตัวเลข
สัญลักษณ์พิเศษ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ซึ่งสามารถบันทึกไว้อย่างต่อเนื่อง
และมีความหมายอยู่ในตัว เช่น ชื่อนักเรียน อายุ เพศ จำนวนประชากร ปริมาณฝน
เป็นต้น ข้อมูลจะมีอยู่จำนวนมาก และจะถูกนำไปประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่อง
ต่าง ๆ ได้มากมาย
ข้อมูลมีความสำคัญมาก หากข้อมูลที่ป้อนให้คอมพิวเตอร์ผิด ผลลัพธ์ที่ได้จาก
คอมพิวเตอร์จะผิดด้วยหรือเรียกว่า ป้อนขยะเข้าย่อมได้ขยะออกมา
การประมวลผล (PROCESSING) หมายถึง การกระทำของเครื่องคอมพิวเตอร์
กับข้อมูล เช่น การรวบรวมเป็นแฟ้มข้อมูล การคำนวณ การเปรียบเทียบ การเรียง
ลำดับ การจัดกลุ่มข้อมูล การจัดทำรายงาน เป็นต้น
สารสนเทศ (INFORMATION) หมายถึง สิ่งที่ได้จากการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวม
ไว้มาประมวลผลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่างๆหรืออาจกล่าวได้ว่า
สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านการเลือกสรรให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทันต่อเวลาและ
อยู่ ในรูปแบบที่ใช้ได้สะดวก ซึ่งสารสนเทศที่ดีต้องมาจากข้อมูลที่ดี
การจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศจะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นอย่างดี เช่น อาจจะมี
การกำหนดให้ผู้ใดบ้างเป็นผู้มีสิทธิใช้ข้อมูลได้ ข้อมูลที่เป็นความลับจะต้องมีระบบขั้น
ตอนการควบคุมกำหนดสิทธิ์ในการแก้ไขหรือการกระทำกับข้อมูลว่าจะกระทำได้โดยใคร
บ้าง นอกจากนี้ข้อมูลที่เก็บไว้แล้วต้องไม่เกิดการสูญหายหรือถูกทำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ
2.วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม 2
1. การรวบรวมข้อมูลหมายถึงการนำข้อมูลจากหลายๆแหล่งข้อมูลและ
หลายหลายชุดข้อมูลมาเก็บไว้เพื่อคัดกรองตรวจสอบก่อนนำไปจัดทำเป็น
สารสนเทศต่อไป
2. การตรวจสอบข้อมูลข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นบนเว็บไซต์ต่าง ๆ
3. การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศมีการรวบรวมข้อมูลตามที่สนใจ
จากที่ต่างๆแล้วนำข้อมูลมาดำเนินการอาจเป็นการคำนวณกรณีข้อมูล
4. การเก็บข้อมูลและสารสนเทศเพื่อได้ข้อมูลสารสนเทศแล้วควรมีการเก็บ
รักษาไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปทั้งนี้คำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล
และสารสนเทศ
3
3. ตัวแบบข้อมูล
และตัวแบบฐานข้อมูล
รูปแบบของฐานข้อมูล
รูปแบบของฐานข้อมูล ในที่นี้หมายถึง ตัว
แบบข้อมูล (Data Model) ของฐานข้อมูล
ชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีผู้รู้คิดค้นขึ้นมา ก่อนอื่นเรา
ควรต้องทราบความหมายของคำว่า “ข้อมูล”
ก่อน
ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่ให้มา ซึ่งสามารถ
อนุมานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมขึ้นมาได้ ข้อเท็จ
จริงที่ให้มา คือ ประพจน์ที่เป็นจริงเชิง
ตรรกศาสตร์ ดังนั้น ความหมายฐานข้อมูล
ในมุมมองนี้ ก็คือ ชุดของประพจน์ที่เป็นจริง
ดังกล่าว
ตัวแบบข้อมูล เป็นคำจำกัดความเชิง
ตรรกะ เป็นนามธรรม บริบูรณ์ในตัวเอง ของ
วัตถุ ตัวกระทำทางคณิตศาสตร์ และ ฯลฯ ซึ่ง
รวมกันแล้วประกอบเข้าเป็นเครื่องจักร
นามธรรมที่ผู้ใช้โต้ตอบได้ วัตถุดังกล่าวทำให้
เราสามารถจำลองโครงสร้างข้อมูลได้ ส่วน
ตัวกระทำทางคณิตศาสตร์ทำให้เราสามารถ
จำลองพฤติกรรมของมันได้
ตัวแบบข้อมูล เป็นเหมือนภาษาในการ
เขียนโปรแกรม แม้ว่าค่อนข้างจะเป็น
นามธรรม แต่โครงสร้างของมันสามารถใช้
แก้ปัญหาได้
4
ตัวแบบข้อมูลมี 3 ประเภทที่สำคัญ คือ
ตัวแบบเชิงสัมพันธ์ (Relational Model)
ตัวแบบเครือข่าย (Network Model)
ตัวแบบลำดับชั้น หรือแตกสาขา(Hierarchic Model)
1. ตัวแบบเชิงสัมพันธ์ ผู้ใช้ทั่วไปจะมองเห็นตัวแบบเชิงสัมพันธ์ว่า คือ
การเก็บข้อมูลเป็นตาราง (TABLE) หรือถ้าเรียกอย่างเป็นทางการตามทฤษฎี
ทางคณิตศาสตร์ก็คือ รีเลชั่น (RELATION) นั่นเอง ลักษณะของตารางจะมี
2 มิติ คือ แถว (ROW) และคอลัมน์ (COLUMN)โดยเอ็นทิตี้ (ENTITY)
ต่าง ๆ จะมีข้อมูลถูกนำมาจัดเก็บในลักษณะเป็นตาราง กล่าวคือ จะไม่มีแฟ้ม
ข้อมูลแม่หรือแฟ้มข้อมูลลูก แฟ้มข้อมูลแต่ละส่วนเป็นอิสระต่อกัน ตัวอย่าง
ผลิตภัณฑ์ระบบบริหารฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เรียงตามลำดับอักษร
2. ตัวแบบเครือข่าย บางที่เรียกว่า CODASYL SYSTEMS หรือ DBTG
SYSTEMS ตามชื่อคณะทำงานที่เสนอแนะ กล่าวคือ กลุ่มงานฐานข้อมูลแห่ง
การประชุมว่าด้วยเรื่องภาษาระบบฐานข้อมูล
3. ตัวแบบลำดับชั้น ส่วนใหญ่องค์กรต่างๆ จะมีโครงสร้างเป็นแบบลำดับ
ชั้น ซึ่งข้อมูลขององค์กรเหล่านี้ จะมีความเหมาะสมกับแบบจำลองข้อมูลเชิง
ลำดับชั้น (HIERARCHICAL DATA MODEL) มากที่สุด ปรากฏว่า ไม่มี
หลักฐาน หรือเอกสารอย่างเป็นทางการ ที่อธิบายถึงแบบจำลองข้อมูลนี้
อย่างไรก็ตาม มีระบบการจัดการฐานข้อมูลในสมัยก่อนหลายระบบ ที่พัฒนา
โดยใช้โครงสร้างการเก็บข้อมูลแบบลำดับชั้น
5
4. ระบบการจัดการฐานข้อมูล
(Database Management)
คือ การบริหารแหล่งข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ศูนย์กลาง
เพื่ อตอบสนองต่อการใช้ของโปรแกรมประยุกต์อย่างมีประสิทธิภาพ
และลดการซ้ำซ้อนของข้อมูลรวมทั้งความขัดแย้งของข้อมูลที่เกิดขึ้น
ภายในองค์การ
หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล
แปลงคำสั่งที่ใช้จัดการกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบที่
ฐานข้อมูลเข้าใจ
นำคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งได้รับการแปลแล้ว ไปสั่งให้ฐานข้อมูลทำงาน เช่น
การเรียกใช้ (Retrieve) จัดเก็บ (Update) ลบ (Delete) เพิ่ม
ข้อมูล (Add) เป็นต้น
ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล โดยจะ
คอยตรวจสอบว่าคำสั่งใดที่สามารถทำงานได้ และคำสั่งใดที่ไม่
สามารถทำงานได้
รักษาความสัมพันธ์ของข้อมูลภายในฐานข้อมูลให้มีความถูกต้องอยู่
เสมอ
เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในฐานข้อมูลไว้ใน
พจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มัก
จะถูกเรียกว่า เมทาเดตา (MetaData) ซึ่งหมายถึง "ข้อมูลของ
ข้อมูล"
ควบคุมให้ฐานข้อมูลทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ควบคุมสถานะภาพของคอมพิวเตอร์ในการแปลสถาพฐานข้อมูล
6
5. คลังข้อมูล ดาต้ามาร์ท
และการทำเหมืองข้อมูล
คลังข้อมูล หมายถึง ข้อมูลจำนวนมากจากฐานข้อมูลที่ถูกใช้สำหรับการ
ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในแต่ละวัน ที่ได้รับการจัดระเบียบ การนำมาใช้
และการจัดเก็บ ข้อมูลที่จัดเก็บไว้จะถูกนำมาวิเคราะห์และใช้ในการตัดสิน
ใจเพื่อประโยชน์ทางด้านธุรกิจ
ดาต้ามาร์ท หมายถึง ข้อมูลที่ถูกเรียกหรือดึงข้อมูลจากคลังข้อมูลเพื่อ
วัตถุประสงค์เฉพาะต่างๆ
การทำเหมืองข้อมูล หมายถึง การได้มาซึ่งข้อมูลใหม่โดยการวิเคราะห์
ข้อมูลจำนวนมากที่เก็บไว้ในคลังข้อมูล
6. ระบบธุรกิจอัจฉริยะ 7
ธุรกิจอัจฉริยะ เป็นการใช้ข้อมูลขององค์กรที่มีคุณค่ามาช่วยสนับสนุนการ
ตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเข้าถึงข้อมูล การวิเคราะห์
ข้อมูล และการค้นพบโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
ระบบธุรกิจอัจฉริยะใช้เครื่องมือ (Tools) ที่สำคัญ คือ เทคนิคคลังข้อมูล
(Data Warehouse), เหมืองข้อมูล (Data Mining)
วัตถุประสงค์หลักของธุรกิจอัจฉริยะ
1) ทำให้เจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร หรือพนักงานที่เกียวข้องสามารถเข้าถึงเข้ามูล
ได้ง่าย ช่วยให้สามารถวิเคราะและตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
2) ธุรกิจอัจฉริยะช่วยเปลี่ยนสภาพ (transform) ข้อมูล (Data) ไปสู่
สารสนเทศ (Information) และองค์ความรู้ (Knowledge) สุดท้ายทำให้
ผู้ใช้สามารถติดสินทางธุรกิจได้ (Make Business Decision) อย่างชาญ
ฉลาด แล้วนำไปปฏิบัติจนเกิดผล (Take Action)
3) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจขององค์กร
4) ช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคหรือลูกค้าได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
สถาปัตยกรรมของธุรกิจอัจฉริยะ ประกอบด้วย
1) คลังข้อมูล (Data Warehouse)
2) เครื่องมือในการวิเคราะห์ทางธุรกิจ (Business Analytic Tools)
3) การจัดการสมรรถนะทางธุรกิจ (Business Performance
Management)
4) ส่วนติดต่อประสานงานผู้ใช้ (User Interface)
8
อ้างอิง
ระบบธุรกิจอัจฉริยะ
แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
คลังข้อมูล ดาต้ามาร์ท และการทำเหมืองข้อมูล
แหล่งที่มา : http://auisuke.blogspot.com/2016/09/
data-warehouse-data-mart-data-mining.html
ระบบการจัดการฐานข้อมูล
แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
ตัวแบบข้อมูล
แหล่งที่มา : https://kwankwanjk.wordpress.com/
วิธีการจัดเก็บข้อมูลระบบเดิม
แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/
newteamacc2559/kar-cadkar-khxmul
การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/
destinyraisa/khxmul-sarsnthes-laea-khwam-ru/
krabwnkar-cadkar-khxmul-laea-sarsnthes