The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supornav, 2021-11-08 02:57:08

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นปรัชญาชถ้ี งึ แนวการดำรงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทกุ ระดบั ตงั้ แต่
ระดบั ครอบครัว ระดบั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รัฐ ทงั้ ในการพัฒนาและบรหิ ารประเทศใหด้ ำเนนิ ไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความ
พอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจำเป็ นทจ่ี ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ ้ กนั ในตวั ทด่ี พี อสมควร ตอ่ การกระทบ
ใดๆ อนั เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงทงั้ ภายในภายนอก ทงั้ นี้ จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู ้ ความรอบคอบ และความ
ระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการนำวชิ าการตา่ งๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดำเนนิ การ ทกุ ขนั้ ตอน และขณะ
เดยี วกนั จะตอ้ งเสรมิ สรา้ งพน้ื ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ นักทฤษฎี และนักธรุ กจิ ใน
ทกุ ระดบั ใหม้ สี ำนกึ ในคณุ ธรรม ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ คี วามรอบรทู ้ เ่ี หมาะสม ดำเนนิ ชวี ติ ดว้ ยความ
อดทน ความเพยี ร มสี ติ ปัญญา และความรอบคอบ เพอื่ ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรับการเปลยี่ นแปลง
อยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ทงั้ ดา้ นวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ ประกอบดว้ ยคณุ สมบตั ิ ดงั นี้

๑. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไี่ มน่ อ้ ยเกนิ ไปและไมม่ ากเกนิ ไป โดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผู ้
อน่ื เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคทอี่ ยใู่ นระดบั พอประมาณ

๒. ความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ความพอเพยี งนัน้ จะตอ้ งเป็ นไปอยา่ งมเี หตผุ ล โดย
พจิ ารณาจากเหตปุ ัจจัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง ตลอดจนคำนงึ ถงึ ผลทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ จากการกระทำนัน้ ๆ อยา่ งรอบคอบ

๓. ภมู คิ มุ ้ กนั หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ โดย
คำนงึ ถงึ ความเป็ นไปไดข้ องสถานการณต์ า่ งๆ ทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต

โดยมี เงอื่ นไข ของการตดั สนิ ใจและดำเนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ ดงั น้ี

๑. เงอ่ื นไขความรู ้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู ้ กยี่ วกบั วชิ าการตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบทจี่ ะนำ
ความรเู ้ หลา่ นัน้ มาพจิ ารณาใหเ้ ชอ่ื มโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏบิ ตั ิ
๒. เงอื่ นไขคณุ ธรรม ทจี่ ะตอ้ งเสรมิ สรา้ ง ประกอบดว้ ย มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มคี วามซอื่ สตั ยส์ จุ รติ และ
มคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชวี ติ

แนวทางการทำการเกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพยี งเนน้ หาขา้ วหาปลากอ่ นหาเงนิ หาทอง คอื ทำมาหากนิ
กอ่ นทำมาคา้ ขายโดยการสง่ เสรมิ :
1.การทำไรน่ าสวนผสมและการเกษตรผสมผสานเพอื่ ใหเ้ กษตรกรพัฒนาตนเองแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2.การปลกู พชื ผักสวนครัวลดคา่ ใชจ้ า่ ย
3.การทำป๋ ยุ หมกั ป๋ ยุ คอกและใชว้ สั ดเุ หลอื ใชเ้ ป็ นปัจจัยการผลติ (ป๋ ยุ )เพอื่ ลดคา่ ใชจ้ า่ ยและบำรงุ ดนิ
4.การเพาะเห็ดฟางจากวสั ดเุ หลอื ใชใ้ นไรน่ า
5.การปลกู ไมผ้ ลสวนหลงั บา้ น และไมใ้ ชส้ อยในครัวเรอื น
6.การปลกู พชื สมนุ ไพร ชว่ ยสง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามยั
7.การเลย้ี งปลาในรอ่ งสวน ในนาขา้ วและแหลง่ น้ำ เพอื่ เป็ นอาหารโปรตนี และรายไดเ้ สรมิ
8.การเลยี้ งไกพ่ นื้ เมอื ง และไกไ่ ข่ ประมาณ 10-15 ตวั ตอ่ ครัวเรอื นเพอ่ื เป็ นอาหารในครัวเรอื น โดยใชเ้ ศษ
อาหาร รำ และปลายขา้ วจากผลผลติ การทำนา ขา้ วโพดเลย้ี งสตั วจากการปลกู พชื ไร่ เป็ นตน้
9.การทำกา๊ ซชวี ภาพจากมลู สตั ว์
พระราชดำรัสโดยยอ่ เกย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งในวนั ฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 60 ปี

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ พระราชหฤทยั ในความเป็ นไปของเมอื งไทยและคนไทยอยา่ งลกึ ซง้ึ และ
กวา้ งไกล ไดท้ รงวางรากฐานในการพัฒนาชนบท และชว่ ยเหลอื ประชาชนใหส้ ามารถพง่ึ ตนเองไดม้ คี วาม "
พออยพู่ อกนิ " และมคี วามอสิ ระทจ่ี ะอยไู่ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งตดิ ยดึ อยกู่ บั เทคโนโลยแี ละความเปลยี่ นแปลงของ
กระแสโลกาภวิ ฒั น์ ทรงวเิ คราะหว์ า่ หากประชาชนพงึ่ ตนเองไดแ้ ลว้ กจ็ ะมสี ว่ นชว่ ยเหลอื เสรมิ สรา้ งประเทศชาติ
โดยสว่ นรวมไดใ้ นทสี่ ดุ พระราชดำรัสทส่ี ะทอ้ นถงึ พระวสิ ยั ทศั นใ์ นการสรา้ งความเขม้ แข็งในตนเองของ
ประชาชนและสามารถทำมาหากนิ ใหพ้ ออยพู่ อกนิ ได ้ ดงั นี้

"….ในการสรา้ งถนน สรา้ งชลประทานใหป้ ระชาชนใชน้ ัน้ จะตอ้ งชว่ ยประชาชนในทางบคุ คลหรอื พัฒนาให ้
บคุ คลมคี วามรแู ้ ละอนามยั แข็งแรง ดว้ ยการใหก้ ารศกึ ษาและการรักษาอนามยั เพอื่ ใหป้ ระชาชนในทอ้ งที่
สามารถทำการเกษตรได ้ และคา้ ขายได…้ "

ในสภาวการณป์ ัจจบุ นั ซงึ่ เกดิ ความถดถอยทางเศรษฐกจิ อยา่ งรนุ แรงขน้ึ นจี้ งึ ทำใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจได ้
ชดั เจนในแนวพระราชดำรขิ อง "เศรษฐกจิ พอเพยี ง" ซง่ึ ไดท้ รงคดิ และตระหนักมาชา้ นาน เพราะหากเราไม่
ไปพง่ี พา ยดึ ตดิ อยกู่ บั กระแสจากภายนอกมากเกนิ ไป จนไดค้ รอบงำความคดิ ในลกั ษณะดงั้ เดมิ แบบไทยๆไป
หมด มแี ตค่ วามทะเยอทะยานบนรากฐานทไ่ี มม่ นั่ คงเหมอื นลกั ษณะฟองสบู่ วกิ ฤตเศรษฐกจิ เชน่ นอี้ าจไมเ่ กดิ
ขน้ึ หรอื ไมห่ นักหนาสาหสั จนเกดิ ความเดอื ดรอ้ นกนั ถว้ นทว่ั เชน่ นี้ ดงั นัน้ "เศรษฐกจิ พอเพยี ง" จงึ ไดส้ อื่ ความ
หมาย ความสำคญั ในฐานะเป็ นหลกั การสงั คมทพี่ งึ ยดึ ถอื

ในทางปฏบิ ตั จิ ดุ เรม่ิ ตน้ ของการพัฒนาเศรษฐกจิ พอเพยี งคอื การฟื้นฟเู ศรษฐกจิ ชมุ ชนทอ้ งถนิ่
เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็ นทงั้ หลกั การและกระบวนการทางสงั คม ตงั้ แตข่ นั้ ฟื้นฟแู ละขยายเครอื ขา่ ยเกษตรกรรม
ยง่ั ยนื เป็ นการพัฒนาขดี ความสามารถในการผลติ และบรโิ ภคอยา่ งพออยพู่ อกนิ ขนึ้ ไปถงึ ขนั้ แปรรปู
อตุ สาหกรรมครัวเรอื น สรา้ งอาชพี และทกั ษะวชิ าการทห่ี ลากหลายเกดิ ตลาดซอ้ื ขาย สะสมทนุ ฯลฯ บน
พนื้ ฐานเครอื ขา่ ยเศรษฐกจิ ชมุ ชนนี้ เศรษฐกจิ ของ 3 ชาติ จะพัฒนาขนึ้ มาอยา่ งมน่ั คงทงั้ ในดา้ นกำลงั ทนุ และ
ตลาดภายในประเทศ รวมทงั้ เทคโนโลยซี งึ่ จะคอ่ ยๆ พัฒนาขนึ้ มาจากฐานทรัพยากรและภมู ปิ ัญญาทม่ี อี ยู่
ภายในชาติ และทงั้ ทจี่ ะพงึ คดั สรรเรยี นรจู ้ ากโลกภายนอก

เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็ นเศรษฐกจิ ทพี่ อเพยี งกบั ตวั เอง ทำใหอ้ ยไู่ ด ้ ไมต่ อ้ งเดอื ดรอ้ น มสี ง่ิ จำเป็ นทท่ี ำไดโ้ ดย

ตวั เองไมต่ อ้ งแขง่ ขนั กบั ใคร และมเี หลอื เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ผทู ้ ไี่ มม่ ี อนั นำไปสกู่ ารแลกเปลยี่ นในชมุ ชน

และขยายไปจนสามารถทจ่ี ะเป็ นสนิ คา้ สง่ ออก เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็ นเศรษฐกจิ ระบบเปิดทเี่ รม่ิ จากตนเองและ

ความรว่ มมอื วธิ กี ารเชน่ นจี้ ะดงึ ศกั ยภาพของ ประชากรออกมาสรา้ งความเขม้ แข็งของครอบครัว ซง่ึ มคี วามผู ้

พันกบั “จติ วญิ ญาณ” คอื “คณุ คา่ ” มากกวา่ “มลู คา่ ”

ในระบบเศรษฐกจิ พอเพยี งจะจัดลำดบั ความสำคญั ของ “คณุ คา่ ” มากกวา่ “มลู คา่ ” มลู คา่ นัน้ ขาดจติ วญิ ญาณ
เพราะเป็ นเศรษฐกจิ ภาคการเงนิ ทเี่ นน้ ทจี่ ะตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการทไี่ มจ่ ำกดั ซงึ่ ไรข้ อบเขต ถา้ ไมส่ ามารถ
ควบคมุ ไดก้ ารใชท้ รัพยากรอยา่ งทำลายลา้ งจะรวดเร็วขน้ึ และปัญหาจะตามมา เป็ นการบรโิ ภคทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ
ความทกุ ขห์ รอื พาไปหาความทกุ ข์ และจะไมม่ โี อกาสบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคใ์ นการบรโิ ภค ทจ่ี ะกอ่ ใหค้ วามพอใจ
และความสขุ (Maximization of Satisfaction) ผบู ้ รโิ ภคตอ้ งใชห้ ลกั ขาดทนุ คอื กำไร (Our loss is our gain)

อยา่ งนจี้ ะควบคมุ ความตอ้ งการทไ่ี มจ่ ำกดั ได ้ และสามารถจะลดความตอ้ งการลงมาได ้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความพอใจ
และความสขุ เทา่ กบั ไดต้ ระหนักในเรอื่ ง “คณุ คา่ ” จะชว่ ยลดคา่ ใชจ้ า่ ยลงได ้ ไมต่ อ้ งไปหาวธิ ที ำลายทรัพยากร
เพอื่ ใหเ้ กดิ รายไดม้ าจัดสรรสงิ่ ทเ่ี ป็ น “ความอยากทไี่ มม่ ที ส่ี นิ้ สดุ ” และขจัดความสำคญั ของ “เงนิ ” ในรปู ราย
ไดท้ เี่ ป็ นตวั กำหนดการบรโิ ภคลงไดร้ ะดบั หนง่ึ แลว้ ยงั เป็ นตวั แปรทไ่ี ปลดภาระของกลไกของตลาดและการพง่ึ
พงิ กลไกของตลาด ซง่ึ บคุ คลโดยทว่ั ไปไมส่ ามารถจะควบคมุ ได ้ รวมทงั้ ไดม้ สี ว่ นในการป้องกนั การบรโิ ภค
เลยี นแบบ (Demonstration Effects) จะไมท่ ำใหเ้ กดิ การสญู เสยี จะทำใหไ้ มเ่ กดิ การบรโิ ภคเกนิ (Over
Consumption) ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ สภาพเศรษฐกจิ ดี สงั คมไมม่ ปี ัญหา การพัฒนายง่ั ยนื

การบรโิ ภคทฉี่ ลาดดงั กลา่ วจะชว่ ยป้องกนั การขาดแคลน แมจ้ ะไมร่ ่ำรวยรวดเร็ว แตใ่ นยามปกตกิ จ็ ะทำให ้
ร่ำรวยมากขน้ึ ในยามทกุ ขภ์ ยั กไ็ มข่ าดแคลน และสามารถจะฟื้นตวั ไดเ้ ร็วกวา่ โดยไมต่ อ้ งหวงั ความชว่ ยเหลอื
จากผอู ้ น่ื มากเกนิ ไป เพราะฉะนัน้ ความพอมพี อกนิ จะสามารถอมุ ้ ชตู วั ได ้ ทำใหเ้ กดิ ความเขม้ แข็ง และความพอ
เพยี งนัน้ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ ทกุ ครอบครัวตอ้ งผลติ อาหารของตวั เอง จะตอ้ งทอผา้ ใสเ่ อง แตม่ กี ารแลกเปลยี่ น
กนั ไดร้ ะหวา่ งหมบู่ า้ น เมอื ง และแมก้ ระทง่ั ระหวา่ งประเทศ ทส่ี ำคญั คอื การบรโิ ภคนัน้ จะทำใหเ้ กดิ ความรทู ้ จ่ี ะ
อยรู่ ว่ มกบั ระบบ รักธรรมชาติ ครอบครัวอบอนุ่ ชมุ ชนเขม้ แข็ง เพราะไมต่ อ้ งทง้ิ ถน่ิ ไปหางานทำ เพอื่ หารายได ้
มาเพอื่ การบรโิ ภคทไี่ มเ่ พยี งพอ

ประเทศไทยอดุ มไปดว้ ยทรัพยากรและยงั มพี อสำหรับประชาชนไทยถา้ มกี ารจัดสรรทดี่ ี โดยยดึ " คณุ คา่ "
มากกวา่ " มลู คา่ " ยดึ ความสมั พันธข์ อง “บคุ คล” กบั “ระบบ” และปรับความตอ้ งการทไี่ มจ่ ำกดั ลงมาใหไ้ ดต้ าม
หลกั ขาดทนุ เพอื่ กำไร และอาศยั ความรว่ มมอื เพอ่ื ใหเ้ กดิ ครอบครัวทเี่ ขม้ แข็งอนั เป็ นรากฐานทสี่ ำคญั ของระบบ
สงั คม

การผลติ จะเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยลดลงถา้ รจู ้ ักนำเอาสง่ิ ทมี่ อี ยใู่ นขบวนการธรรมชาตมิ าปรงุ แตง่ ตามแนวพระราชดำริ
ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ ซงึ่ สรปุ เป็ นคำพดู ทเ่ี หมาะสมตามท่ี ฯพณฯ พลเอกเปรม ตนิ ณสลู านนท์ ทว่ี า่ “…
ทรงปลกู แผน่ ดนิ ปลกู ความสขุ ปลดความทกุ ขข์ องราษฎร” ในการผลติ นัน้ จะตอ้ งทำดว้ ยความรอบคอบไม่
เห็นแกไ่ ด ้ จะตอ้ งคดิ ถงึ ปัจจัยทม่ี แี ละประโยชนข์ องผเู ้ กยี่ วขอ้ ง มฉิ ะนัน้ จะเกดิ ปัญหาอยา่ งเชน่ บางคนมโี อกาส
ทำโครงการแตไ่ มไ่ ดค้ ำนงึ วา่ ปัจจัยตา่ ง ๆ ไมค่ รบ ปัจจัยหนง่ึ คอื ขนาดของโรงงาน หรอื เครอ่ื งจักรทสี่ ามารถที่
จะปฏบิ ตั ไิ ด ้ แตข่ อ้ สำคญั ทสี่ ดุ คอื วตั ถดุ บิ ถา้ ไมส่ ามารถทจี่ ะใหค้ า่ ตอบแทนวตั ถดุ บิ แกเ่ กษตรกรทเ่ี หมาะสม
เกษตรกรกจ็ ะไมผ่ ลติ ยงิ่ ถา้ ใชว้ ตั ถดุ บิ สำหรับใชใ้ นโรงงานัน้ เป็ นวตั ถดุ บิ ทจี่ ะตอ้ งนำมาจากระยะไกล หรอื นำ
เขา้ กจ็ ะยงิ่ ยาก เพราะวา่ วตั ถดุ บิ ทนี่ ำเขา้ นัน้ ราคายงิ่ แพง บางปีวตั ถดุ บิ มบี รบิ รู ณ์ ราคาอาจจะต่ำลงมา แตเ่ วลา
จะขายสงิ่ ของทผ่ี ลติ จากโรงงานกข็ ายยากเหมอื นกนั เพราะมมี ากจงึ ทำใหร้ าคาตก หรอื กรณีใชเ้ ทคโนโลยี
ทางการเกษตร เกษตรกรรดู ้ วี า่ เทคโนโลยที ำใหต้ น้ ทนุ เพม่ิ ขนึ้ และผลผลติ ทเี่ พมิ่ นัน้ จะลน้ ตลาด ขายไดใ้ น
ราคาทลี่ ดลง ทำใหข้ าดทนุ ตอ้ งเป็ นหนส้ี นิ

การผลติ ตามทฤษฎใี หมส่ ามารถเป็ นตน้ แบบการคดิ ในการผลติ ทด่ี ไี ด ้ ดงั นี้

1. การผลติ นัน้ มงุ่ ใชเ้ ป็ นอาหารประจำวนั ของครอบครัว เพอื่ ใหม้ พี อเพยี งในการบรโิ ภคตลอดปี เพอ่ื ใชเ้ ป็ น
อาหารประจำวนั และเพอ่ื จำหน่าย

2. การผลติ ตอ้ งอาศยั ปัจจัยในการผลติ ซง่ึ จะตอ้ งเตรยี มใหพ้ รอ้ ม เชน่ การเกษตรตอ้ งมนี ้ำ การจัดใหม้ แี ละดู
แหลง่ น้ำ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนท์ งั้ การผลติ และประโยชนใ์ ชส้ อยอนื่ ๆ

3. ปัจจัยประกอบอน่ื ๆ ทจี่ ะอำนวยใหก้ ารผลติ ดำเนนิ ไปดว้ ยดี และเกดิ ประโยชนเ์ ชอ่ื มโยง (Linkage) ทจี่ ะไป
เสรมิ ใหเ้ กดิ ความยงั่ ยนื ในการผลติ จะตอ้ งรว่ มมอื กนั ทกุ ฝ่ ายทงั้ เกษตรกร ธรุ กจิ ภาครัฐ ภาคเอกชน เพอ่ื เชอ่ื ม
โยงเศรษฐกจิ พอเพยี งเขา้ กบั เศรษฐกจิ การคา้ และใหด้ ำเนนิ กจิ การควบคไู่ ปดว้ ยกนั ได ้

การผลติ จะตอ้ งตระหนักถงึ ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง “บคุ คล” กบั “ระบบ” การผลติ นัน้ ตอ้ งยดึ มน่ั ในเรอื่ งของ “คณุ
คา่ ” ใหม้ ากกวา่ “มลู คา่ ” ดงั พระราชดำรัส ซงึ่ ไดน้ ำเสนอมากอ่ นหนา้ นที้ วี่ า่

“…บารมนี ัน้ คอื ทำความดี เปรยี บเทยี บกบั ธนาคาร …ถา้ เราสะสมเงนิ ใหม้ ากเรากส็ ามารถทจ่ี ะใชด้ อกเบยี้ ใช ้
เงนิ ทเ่ี ป็ นดอกเบย้ี โดยไมแ่ ตะตอ้ งทนุ แตถ่ า้ เราใชม้ ากเกดิ ไป หรอื เราไมร่ ะวงั เรากนิ เขา้ ไปในทนุ ทนุ มนั ก็
นอ้ ยลง ๆ จนหมด …ไปเบกิ เกนิ บญั ชเี ขากต็ อ้ งเอาเรอื่ ง ฟ้องเราใหล้ ม้ ละลาย เราอยา่ ไปเบกิ เกนิ บารมที ่ี
บา้ นเมอื ง ทปี่ ระเทศไดส้ รา้ งสมเอาไวต้ งั้ แตบ่ รรพบรุ ษุ ของเราใหเ้ กนิ ไป เราตอ้ งทำบา้ ง หรอื เพม่ิ พนู ใหป้ ระเทศ
ของเราปกตมิ อี นาคตทม่ี นั่ คง บรรพบรุ ษุ ของเราแตโ่ บราณกาล ไดส้ รา้ งบา้ นเมอื งมาจนถงึ เราแลว้ ในสมยั นที้ ี่
เรากำลงั เสยี ขวญั กลวั จะไดไ้ มต่ อ้ งกลวั ถา้ เราไมร่ ักษาไว…้ ”

การจัดสรรทรัพยากรมาใชเ้ พอ่ื การผลติ ทค่ี ำนงึ ถงึ “คณุ คา่ ” มากกวา่ “มลู คา่ ” จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความสมั พันธ์

ระหวา่ ง “บคุ คล” กบั “ระบบ” เป็ นไปอยา่ งยง่ั ยนื ไมท่ ำลายทงั้ ทนุ สงั คมและทนุ เศรษฐกจิ นอกจากนจี้ ะตอ้ งไม่

ตดิ ตำรา สรา้ งความรู ้ รัก สามคั คี และความรว่ มมอื รว่ มแรงใจ มองกาลไกลและมรี ะบบสนับสนุนทเี่ ป็ น

ไปได ้

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงปลกู ฝังแนวพระราชดำรใิ หป้ ระชาชนยอมรับไปปฏบิ ตั อิ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยให ้
วงจรการพัฒนาดำเนนิ ไปตามครรลองธรรมชาติ กลา่ วคอื ทรงสรา้ งความตระหนักแกป่ ระชาชนใหร้ ับรู ้
(Awareness) ในทกุ คราเมอ่ื เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงเยย่ี มประชาชนในทกุ ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ จะทรงมพี ระราช
ปฏสิ นั ถารใหป้ ระชาชนไดร้ ับทราบถงึ สงิ่ ทค่ี วรรู ้ เชน่ การปลกู หญา้ แฝกจะชว่ ยป้องกนั ดนิ พังทลาย และใชป้ ๋ ยุ
ธรรมชาตจิ ะชว่ ยประหยดั และบำรงุ ดนิ การแกไ้ ขดนิ เปรยี้ วในภาคใตส้ ามารถกระทำได ้ การ ตดั ไมท้ ำลายป่ าจะ
ทำใหฝ้ นแลง้ เป็ นตน้ ตวั อยา่ งพระราชดำรัสทเ่ี กยี่ วกบั การสรา้ งความตระหนักใหแ้ กป่ ระชาชน ไดแ้ ก่

“….ประเทศไทยนเ้ี ป็ นทที่ เี่ หมาะมากในการตงั้ ถนิ่ ฐาน แตว่ า่ ตอ้ งรักษาไว ้ ไมท่ ำใหป้ ระเทศไทยเป็ นสวนเป็ น
นากลายเป็ นทะเลทราย กป็ ้องกนั ทำได…้ .”

ทรงสรา้ งความสนใจแกป่ ระชาชน (Interest) หลายทา่ นคงไดย้ นิ หรอื รับฟัง โครงการอนั เนอ่ื ง มาจากพระราช
ดำรใิ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทม่ี นี ามเรยี กขานแปลกหู ชวนฉงน น่าสนใจตดิ ตามอยเู่ สมอ เชน่ โครงการ
แกม้ ลงิ โครงการแกลง้ ดนิ โครงการเสน้ ทางเกลอื โครงการน้ำดไี ลน่ ้ำเสยี หรอื โครงการน้ำสามรส ฯลฯ เหลา่
นี้ เป็ นตน้ ลว้ นเชญิ ชวนให ้

ตดิ ตามอยา่ งใกลช้ ดิ แตพ่ ระองคก์ จ็ ะมพี ระราชาธบิ ายแตล่ ะโครงการอยา่ งละเอยี ด เป็ นทเ่ี ขา้ ใจงา่ ยรวดเร็วแก่
ประชาชนทงั้ ประเทศ ในประการตอ่ มา ทรงใหเ้ วลาในการประเมนิ คา่ หรอื ประเมนิ ผล (Evaluate) ดว้ ยการ

ศกึ ษาหาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ วา่ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรขิ องพระองคน์ ัน้ เป็ นอยา่ งไร สามารถนำไปปฏบิ ตั ิ
ไดใ้ นสว่ นของตนเองหรอื ไม่ ซง่ึ ยงั คงยดึ แนวทางทใ่ี หป้ ระชาชนเลอื กการพัฒนาดว้ ยตนเอง ทวี่ า่

“….ขอใหถ้ อื วา่ การงานทจ่ี ะทำนัน้ ตอ้ งการเวลา เป็ นงานทม่ี ผี ดู ้ ำเนนิ มากอ่ นแลว้ ทา่ นเป็ นผทู ้ จ่ี ะเขา้ ไปเสรมิ
กำลงั จงึ ตอ้ งมคี วามอดทนทจี่ ะเขา้ ไปรว่ มมอื กบั ผอู ้ น่ื ตอ้ งปรองดองกบั เขาใหไ้ ด ้ แมเ้ ห็นวา่ มจี ดุ หนง่ึ จดุ ใด
ตอ้ งแกไ้ ขปรับปรงุ กต็ อ้ งคอ่ ยพยายามแกไ้ ขไปตามทถี่ กู ทค่ี วร….”

ในขนั้ ทดลอง (Trial) เพอ่ื ทดสอบวา่ งานในพระราชดำรทิ ที่ รงแนะนำนัน้ จะไดผ้ ลหรอื ไมซ่ ง่ึ ในบางกรณีหากมี
การทดลองไมแ่ น่ชดั กท็ รงมกั จะมใิ หเ้ ผยแพรแ่ กป่ ระชาชน หากมผี ลการทดลองจนแน่พระราชหฤทยั แลว้ จงึ จะ
ออกไปสสู่ าธารณชนได ้ เชน่ ทดลองปลกู หญา้ แฝกเพอ่ื อนุรักษ์ดนิ และน้ำนัน้ ไดม้ กี ารคน้ ควา้ หาความ
เหมาะสมและความเป็ นไปไดจ้ นทวั่ ทงั้ ประเทศวา่ ดยี งิ่ จงึ นำออกเผยแพรแ่ กป่ ระชาชน เป็ นตน้

ขนั้ ยอมรับ (Adoption) โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรนิ ัน้ เมอ่ื ผา่ นกระบวนการมาหลายขนั้ ตอน บม่
เพาะ และมกี ารทดลองมาเป็ นเวลานาน ตลอดจนทรงใหศ้ นู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำรแิ ละ
สถานทอี่ นื่ ๆ เป็ นแหลง่ สาธติ ทป่ี ระชาชนสามารถเขา้ ไปศกึ ษาดไู ดถ้ งึ ตวั อยา่ งแหง่ ความสำเร็จ ดงั นัน้ แนว
พระราชดำรขิ องพระองคจ์ งึ เป็ นสง่ิ ทรี่ าษฎรสามารถพสิ จู นไ์ ดว้ า่ จะไดร้ ับผลดตี อ่ ชวี ติ และความเป็ นอยขู่ องตน
ไดอ้ ยา่ งไร

แนวพระราชดำรทิ งั้ หลายดงั กลา่ วขา้ งตน้ นี้ แสดงถงึ พระวริ ยิ ะอตุ สาหะทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรง
ทมุ่ เทพระสตปิ ัญญา ตรากตรำพระวรกาย เพอ่ื คน้ ควา้ หาแนวทางการพัฒนาใหพ้ สกนกิ รทงั้ หลายไดม้ คี วาม
รม่ เย็นเป็ นสขุ สถาพรยงั่ ยนื นาน นับเป็ นพระมหากรณุ าธคิ ณุ อนั ใหญห่ ลวงทไ่ี ดพ้ ระราชทานแกป่ วงไทยตลอด
เวลามากกวา่ 50 ปี จงึ กลา่ วไดว้ า่ พระราชกรณียกจิ ของพระองคน์ ัน้ สมควรอยง่ ยงิ่ ทท่ี วยราษฎรจักไดเ้ จรญิ รอย
ตามเบอื้ งพระยคุ ลบาท ตามทที่ รงแนะนำ สง่ั สอน อบรมและวางแนวทางไวเ้ พอื่ ใหเ้ กดิ การอยดู่ มี สี ขุ โดยถว้ น
เชน่ กนั โดยการพัฒนาประเทศจำเป็ นตอ้ งทำตามลำดบั ขนึ้ ตอนตอ้ งสรา้ งพนื้ ฐาน คอื ความพอมี พอกนิ พอใช ้
ของประชาชนสว่ นใหญเ่ ป็ นเบอื้ งตน้ กอ่ น โดยใชว้ ธิ กี ารและอปุ กรณท์ ปี่ ระหยดั แตถ่ กู ตอ้ งตาหลกั วชิ าการ เพอื่
ไดพ้ นื้ ฐานทมี่ น่ั คงพรอ้ มพอสมควรและปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะทาง
เศรษฐกจิ ขน้ึ ทส่ี งู ขนึ้ ไปตามลำดบั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความยงั่ ยนื และจะนำไปสคู่ วามเขม้ แข็งของครอบครัว ชมุ ชน
และสงั คม สดุ ทา้ ยเศรษฐกจิ ดี สงั คมไมม่ ปี ัญหา การพัฒนายง่ั ยนื

ประการทส่ี ำคญั ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. พอมพี อกนิ ปลกู พชื สวนครัวไวก้ นิ เองบา้ ง ปลกู ไมผ้ ลไวห้ ลงั บา้ น 2-3 ตน้ พอทจ่ี ะมไี วก้ นิ เองในครัวเรอื น
เหลอื จงึ ขายไป

2. พออยพู่ อใช ้ทำใหบ้ า้ นน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลนิ่ เหม็น ใชแ้ ตข่ องทเ่ี ป็ นธรรมชาติ (ใชจ้ ลุ นิ ทรยี ผ์ สมน้ำ
ถพู น้ื บา้ น จะสะอาดกวา่ ใชน้ ้ำยาเคม)ี รายจา่ ยลดลง สขุ ภาพจะดขี น้ึ (ประหยดั คา่ รักษาพยาบาล)

3. พออกพอใจ เราตอ้ งรจู ้ ักพอ รจู ้ ักประมาณตน ไมใ่ ครอ่ ยากใครม่ เี ชน่ ผอู ้ น่ื เพราะเราจะหลงตดิ กบั วตั ถุ
ปัญญาจะไมเ่ กดิ

" การจะเป็ นเสอื นัน้ มนั ไมส่ ำคญั สำคญั อยทู่ เ่ี ราพออยพู่ อกนิ และมเี ศรษฐกจิ การเป็ นอยแู่ บบพอมพี อกนิ แบบ
พอมพี อกนิ หมายความวา่ อมุ ้ ชตู วั เองได ้ ใหม้ พี อเพยี งกบั ตวั เอง "
"เศรษฐกจิ พอเพยี ง" จะสำเร็จไดด้ ว้ ย "ความพอดขี องตน"

ทมี่ า https://www.nhtech.ac.th/Sufficient/


Click to View FlipBook Version