(ร่าง) แบบส าหรับการจัดท า คู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติงานการสอบสวนคดีพิเศษ (ระบุประเภทคดี..กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ส่วนที่ ๑ รายละเอียดเกี่ยวกับความผิดอาญา ๑.๑ คดีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ แก้ไข เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง, มาตรา ๒๐ ทวิ วรรคหนึ่ง, มาตรา ๒๐ ทวิ วรรคสอง, มาตรา ๒๐ ตรี วรรคหนึ่ง, มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง, มาตรา ๒๑ ทวิ วรรคหนึ่ง, มาตรา ๒๑ ทวิ วรรคสอง, มาตรา ๒๑ ตรี วรรคหนึ่ง, มาตรา ๓๓ วรรคสอง และมาตรา ๓๓ วรรคสี่ โดยระบุอยู่ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๕ เรื่อง กําหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทําความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๘ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่มีลักษณะเป็นคดีความผิดที่มีบทกําหนดโทษตามมาตรา ๔๘ มาตรา ๔๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่มีหรือมีมูลน่าเชื่อว่า มีมูลค่าผลิตภัณฑ์ตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป หรือมีจํานวนผู้เสียหายตั้งแต่หนึ่งร้อยคนขึ้นไปหรือมีจํานวนผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรืออาจเป็นอันตรายต่อประชาชน จํานวนห้าหมื่นหน่วยขึ้นไปตามชนิดของผลิตภัณฑ์ จากรายละเอียดข้างต้น การดําเนินคดีอาญาตามประกาศ กคพ.(ฉบับที่ ๘) เฉพาะกรณีความผิดอาญา ที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ผลิตและนําเข้าผลิตภัณฑ์ ๑.๒ ความหมาย/รูปแบบการกระทําความผิด ๑.๒.๑ ความหมาย “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" หรือ มอก. คือ ข้อกําหนดทางวิชาการที่สํานักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)ได้กําหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่ เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดโดยจัดทําออกมาเป็นเอกสารและจัดพิมพ์เป็นเล่ม ภาย ใน มอก.แต่ละเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการผลิตผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น เกณฑ์ทางเทคนิค คุณสมบัติที่สําคัญ ประสิทธิภาพของการนําไปใช้งาน คุณภาพของวัตถุที่นํามาผลิต และวิธีการทดสอบเป็นต้น หมายเลข มอก. คือ หมายเลขที่กําหนดขึ้นเพื่อระบุลําดับที่ของการออกมาตรฐานและปีที่ สมอ. ประกาศเป็นมาตรฐาน ซึ่งจะระบุอยู่บนตัวสินค้า เช่น เครื่องหมายมาตรฐานที่แสดงว่าสินค้าได้รับมาตรฐานอะไร เครื่องหมายมาตรฐานสําหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยผลิตภัณฑ์ที่แสดงเครื่องหมาย มาตรฐาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองจาก สมอ. แล้วว่ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ที่กําหนด มีความปลอดภัยในการอุปโภค บริโภค มีประสิทธิภาพในการใช้งาน และมีคุณภาพสมราคา ปัจจุบัน สมอ.ได้อนุญาตในแสดงเครื่องหมาย มอก. กับผลิตภัณฑ์ 5 เครื่องหมาย คือ ๑) เครื่องหมายมาตรฐานทั่วไป เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพที่ผู้ผลิตสามารถยื่นขอการรับรอง คุณภาพโดยสมัครใจ เพื่อรับการตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพการผลิต ให้เป็นไปตามเกณฑ์กําหนดของ สมอ. และเป็นหลักประกันแก่ผู้บริโภคว่าสินค้ามีคุณภาพ ได้รับรองมาตรฐานการผลิต เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุ ก่อสร้าง วัสดุสํานักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ๒) เครื่องหมายมาตรฐานบังคับ เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่กฎหมายกําหนดให้ต้อง เป็นไป ตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ บริโภคและป้องกันความเสียหายอันอาจจะ เกิดต่อเศรษฐกิจและ สังคม โดยส่วนรวม โดยกฎหมายบังคับผู้ผลิต ผู้นําเข้าและผู้จําหน่าย จะต้องผลิต นําเข้า
และจําหน่ายแต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไป ตามมาตรฐานแล้วเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ ติดแสดงไว้ ทุกหน่วยเพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้น ได้ผ่านการตรวจสอบรับรองแล้วตามกฎหมาย เช่น ไม้ขีดไฟ สายไฟฟ้า บัล ลาสต์ ผงซักฟอก ท่อพีวีซี ผลิตภัณฑ์ เหล็ก ถังดับเพลิง ของเล่นเด็ก หมวกกันน๊อค เป็นต้ ๓) เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านความปลอดภัย เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่ต้องมี ความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งสํานักงานฯ จะกําหนดมาตรฐานโดยเน้นเฉพาะเรื่องความปลอดภัยเป็นสําคัญ เพื่อให้การคุ้มครองแก่ ผู้บริโภคด้านความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น เตารีด พัดลมไฟฟ้า เป็นต้น เครื่องหมายที่มี ทั้งแบบบังคับ และไม่บังคับ หากเป็นแบบบังคับก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ต้องทําผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานที่ กําหนดทั้งผู้ทํา ผู้นําเข้า และผู้จําหน่าย ๔) เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ในการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่นการประหยัดนํ้าและการไม่ก่อให้เกิด มลพิษในอากาศเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของ ประชาชน และการ รักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวมของประเทศ เช่น เครื่องซักผ้า ประหยัด นํ้า ตู้เย็นที่ไม่ใช้สาร CFC เป็นต้น เครื่องหมายนี้มีทั้งแบบบังคับ และไม่บังคับหากเป็นแบบบังคับก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ต้องทํา ผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานที่กําหนด ทั้งผู้ทํา ผู้นําเข้า และผู้จําหน่าย ๕) เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเครื่องหมายรับรอง ผลิต ภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติของความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ที่สามารถทํางานร่วมกับผลิตภัณฑ์ อื่นหรือใช้พร้อมกันได้และไม่ส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ในระดับหนึ่ง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร เครื่องรับ-ส่งวิทยุและเครื่องมือทางการแพทย์ เป็นต้นเครื่องหมายนี้มีทั้งแบบบังคับ และ ไม่บังคับหากเป็นมาตรฐานบังคับ ผู้ผลิต ผู้นําเข้า และผู้ จําหน่ายจะต้องผลิตนําเข้า และจําหน่ายแต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้ มาตรฐานเท่านั้น ๑.๒.๒ รูปแบบการกระทําความผิด กรณีที่อยู่ในอํานาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือความผิดที่ฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ และมาตร ๒๑ ระวางโทษตามมาตรา ๔๘ และ ๔๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น ต้องเป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานบังคับ โดยต้องแสดงเครื่องหมายกํากับ ด้านล่าง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมาตรฐานบังคับ (มีวงกลม) ซึ่งกําหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือพระราช กฤษฎีกา (เดิม) ประมาณ ๑๕๐ ชนิด
๑.๓ ฐานความผิดหลัก/องค์ประกอบความผิด ๑) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโดยไม่ได้รับ อนุญาต (มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง) องค์ประกอบ ๒) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนดเพื่อใช้ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา ๒๐ ทวิวรรคหนึ่ง) ๓) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อใช้ในราชอาณาจักร โดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด (มาตรา ๒๐ ทวิ วรรคสอง) ๔) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนดเพื่อส่งออกโดยไม่แจ้ง (มาตรา ๒๐ ตรี) ๕) นําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามา เพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง) ๖) นําเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อใช้ในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราวโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา ๒๑ ทวิ วรรคหนึ่ง) ๗) นําเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อใช้ในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราวโดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด (มาตรา ๒๐ ทวิ วรรคสอง) ๘) นําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาใน ราชอาณาจักรเพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดําเนินการด้วยวิธีอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไป นอกราชอาณาจักรโดยไม่แจ้ง (มาตรา ๒๑ ตรีวรรคหนึ่ง) ๙) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อใช้ในราชอาณาจักร โดยไม่แสดงเครื่องหมาย หรือข้อความว่าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐาน ตามมาตรา ๒๐ ทวิ (มาตรา ๓๓ วรรคสอง) ๑๐) นําเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อใช้ในราชอาณาจักร โดยไม่แสดงเครื่องหมาย หรือข้อความว่าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานตามมาตรา ๒๑ ทวิ (มาตรา ๓๓ วรรคสอง) ๑๑) ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนด เพื่อประโยชน์ในการส่งออก โดยไม่แสดงเครื่องหมายหรือข้อความว่าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก ก่อนนํา ผลิตภัณฑ์นั้นออกจากสถานที่ผลิต (มาตรา ๓๓ วรรคสี่) ๑.๔ ความผิดที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวพันกัน (ความผิดที่มีโทษทางอาญาอื่น) หรือความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท/ฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง/องค์ประกอบความผิด ๑) พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ แก้ไขเพิ่มเติม -ใช้เครื่องหมายมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา ๓๑) -เลียนเครื่องหมายมาตรฐาน (มาตรา ๓๒) -โฆษณา จําหน่าย หรือมีไว้เพื่อจําหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ใช้หรือแสดง เครื่องหมายมาตรฐาน (มาตรา ๓๖)
โฆษณา จําหน่าย หรือมีไว้เพื่อจําหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ทําขึ้นเพื่อการส่งออก (มาตรา ๓๖/๑) เว้นแต่เป็นการจําหน่ายเพื่อส่งออก ๒) ฐานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตรา ๓๓ ประกอบมาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์ประกอบ ๑) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการกําหนดประเภทของกิจการตามมาตรา ๓๑ บางกิจการ หรือทุกกิจการให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมภายในท้องถิ่น ๒) มีการผลิตหรือสะสม (ขาย) ๓) ผู้ประกอบการดําเนินกิจการลักษณะที่เป็นการค้าในสถานประกอบการ ๔) ใบอนุญาตใช้ได้สําหรับกิจการประเภทเดียวและสถานที่แห่งเดียว ๒. ฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน ตามมาตรา 14 (1) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2560 องค์ประกอบ ๑) ทุจริตหรือหลอกลวงอันเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ๒) โฆษณาโดยข้อมูลคอมพิวเตอร์ในสภาพที่สามารถประมวลผลซึ่งเป็นบิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ๓) ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ๔) น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ๓. ความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม องค์ประกอบ ตามลักษณะตามประเภท ชนิด และจําพวกโรงงาน (แรงม้า คนงาน) ๔) ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร ส่วนที่ ๒ การสอบสวนพยานบุคคล ๒.๑ ผู้กล่าวหา ได้แก่บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เสียหายจากการใช้สินค้า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้อง และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประเด็นในการสอบสวน ๑) ความเกี่ยวข้องของผู้กล่าวหาในคดีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒) การรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ๓) รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจากองค์ประกอบความผิด ตามนิยาม มาตรา ๔ ๔) ความเสียหาย วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ
๕) มีพยานหรือบุคคลอื่นที่ทราบเหตุการณ์หรือไม่ ๖) ผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวข้อง ๗) พยานวัตถุ พยานเอกสาร ที่จะส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษประกอบสํานวนการ สอบสวน ๘) อํานาจหน้าที่ ระเบียบ หลักเกณฑ์ของกฎหมาย (กรณีเจ้าหน้าที่รัฐ) ๙) การร้องทุกข์กับหน่วยงานอื่น ๒.๒ ผู้เสียหาย/การแจ้งสิทธิ/เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน........................................................ ................. ๒.๒.๑ ผู้เสียหาย ๑) ผู้เสียหายจากการใช้วัตถุอันตราย ประเด็นการสอบสวน -ที่มาของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม -วัตถุประสงค์ในการใช้ -พฤติการณ์ในการจําหน่าย -ผู้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม -เสียหายในเรื่องอะไร เช่น เงิน สุขภาพ ชื่อเสียง ความรู้สึก -ความประสงค์ ๒) ผู้เสียหายเจ้าหน้าที่รัฐ -ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกลางอยู่ในกํากับ ดูแลของหน่วยงานใด -ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกลางเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมาตรฐานใด ตามกฎหมายใด -ผู้ต้องหาได้รับใบอนุญาต หรือแจ้งการผลิต นําเข้า ส่งออก หรือไม่ (แล้วแต่ข้อหา) หากได้รับ อนุญาตหรือแจ้ง ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องมาประกอบสํานวนการสอบสวน -ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกลางมีการออกใบอนุญาตหรือแจ้งหรือไม่ ออกให้กับบุคคลใด เมื่อใด ปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้อยู่หรือไม่ หากมีให้ขอเอกสารดังกล่าวประกอบการสอบสวน -พฤติการณ์ของผู้ต้องหา มีความผิดตามข้อหาและกฎหมายใด -การดําเนินการเกี่ยวกับของกลางเป็นอย่างไร ๒.๒.๒ การแจ้งสิทธิ เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒.๒.๓ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน - ๒.๓ พยานบุคคล ประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม...................................................................... .............. เช่น ลูกจ้าง ผู้อาศัยอยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ผู้รับจ้างขนส่งสินค้า ชิปปิ้ง เจ้าของตลาดออนไลน์ เจ้าของสถานที่ให้เช่าผลิตหรือเก็บสินค้า รปภ.สถานที่ ผู้ตรวจสอบบัญชีบริษัท ประเด็นการสอบสวน ๑) เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ๒) รู้จักกับผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก ผู้ขาย ผู้โฆษณา ผู้เสียหายหรือไม่ ๓) ทราบและรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามองค์ประกอบของความผิดหรือไม่
๔) รู้จักกับผู้กระทําความผิดหรือไม่ อย่างไร ๒.๔ พยานผู้เชี่ยวชาญ. เช่น ผู้ทําการตรวจพิสูจน์ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องมือในการผลิต ประเด็นการสอบสวน ๑) อํานาจ หน้าที่ ความน่าเชื่อถือของผู้ตรวจ ๒) ยืนยันผลการตรวจพิสูจน์ ๓) ลักษณะ ต้นกําเนิดของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกลาง ๔) อันตรายของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกลางหากไม่ได้รับมาตรฐาน ๕) ระเบียบ วิธีการตรวจพิสูจน์ ๖) มาตรฐานของเครื่องมือในการตรวจ เช่น ผู้ตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ๑) อํานาจ หน้าที่ ความน่าเชื่อถือของผู้ตรวจ ๒) ยืนยันผลการตรวจพิสูจน์ ๓) วิธีตรวจพิสูจน์ ๔) มาตรฐานในการตรวจ ๒.๕ พยานเจ้าหน้าที่รัฐ ๒.๕.๑ เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องกับกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พนักงานเจ้าหน้าที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กองควบคุมใบอนุญาต กองกฎหมายของ สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ประเด็นการสอบสวน -การตรวจสอบ การยึดอายัด การใช้อํานาจตามกฎหมาย -การขออนุญาต การแจ้งของผู้เกี่ยวข้อง -ประวัติการขออนุญาต การแจ้งของผู้ต้องหา -การรับเรื่องร้องเรียน -การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่กฎหมาย และหลักเกณฑ์ -เจตนารมณ์ในการกําหนด มอก. ของของกลางชนิดนั้นๆ -มาตรการของรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้อง -การดําเนินการเกี่ยวกับของกลาง -การเปรียบเทียบปรับ ๒.๕.๒ เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเด็นการสอบสวน -การขออนุญาต การชําระภาษีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น การขอ อนุญาตประการของผู้ต้องหาหรือสถานที่ที่ใช้ในการผลิตหรือสะสม การเสียภาษีที่ดิน โรงเรือน ฯลฯ ๒.๕.๓. เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร -ประวัติการนําเข้า ส่งออกของผู้เกี่ยวข้อง -พฤติการณ์ในการนําเข้า ส่งออกของกลาง
-การตรวจสอบ การยึดอายัด การตรวจปล่อยสินค้า การใช้อํานาจตามกฎหมาย -มาตรการของรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๕.๔ พยานองค์การภาคเอกชน หรือมูลนิธิต่าง ๆ -สภาองค์กรผู้บริโภค ประเด็นการรับเรื่องร้องเรียน หรือการฟ้องคดีแทน ๒.๖ พยานอื่นๆ เช่น ล่ามที่แปลภาษา เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงของพยาน ผู้เสียหาย ๒.๗ การสืบพยานก่อนฟ้อง ในกรณีที่มีเหตุจําเป็น เช่น พยานเป็นคนต่างด้าวจะเดินทางกลับประเทศ พนักงานสอบสวนยื่นคําร้องไป ที่พนักงานอัยการเพื่อสืบพยานก่อนฟ้องคดีต่อศาล ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 237 ทวิ ๒.๘ การคุ้มครองพยาน 1) พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 ๒) กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคําร้องขอใช้ มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ.2548 ๓) ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กําหนดหน่วยงานทําหน้าที่รับคําร้องขอรับความคุ้มครอง พยานตามมาตรการพิเศษ พ.ศ.2548 ๔) ระเบียบกระทรงยุติธรรม ว่าด้วยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่พยาน สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของพยาน หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยานในคดีอาญา พ.ศ.2547 และที่แก้ไข เพิ่มเติม ๕) ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการความคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ พ.ศ.2548 ๖) ระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2554 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ๗) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ.2544 ๘) บันทึกข้อสั่งการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2555 โดยอาศัยอํานาจตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 มอบหมายให้อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอํานาจในการสั่งให้ใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานเฉพาะในคดีพิเศษ ๙) บันทึกข้อตกลง ว่าด้วยการปฏิบัติ และการประสานงานการให้ความคุ้มครองพยานใน คดีอาญาระหว่างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2548 ๑๐) หนังสือกองปฏิบัติการคดีพิเศษ ที่ ยธ 0818/615 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เรื่อง แนวทางปฏิบัติตามระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2554 ตามหมวด 4 (การร้องขอให้คุ้มครองพยาน) ข้อ 16 (การร้องขอให้คุ้มครองพยานในกรณีจําเป็นเร่งด่วน) ส่วนที่ ๓ การรวบรวมพยานหลักฐาน ๓.๑ การรวบรวมพยานเอกสาร.......................................................................................................... ...... ๑) เอกสารผลการตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒) บันทึกการยึด อายัดของพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
๓) พยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงินต่างๆ สมุดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา สลิปการโอนเงิน รายการ ทางบัญช ี(Statement) ๔) เอกสารการส่งสินค้าของไปรษณีย์หรือขนส่งเอกชน ๕) ใบเสร็จชําระค่าสินค้า ๖) ใบขนสินค้า Invoice ๗) ใบเสร็จค่าน้ํา ค่าไฟ ๘) ผลการตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ ๙) ผลการตรวจสอบเส้นทางการเงิน สมุดบัญชีธนาคาร หลักฐานการเปิดบัญชีกับธนาคารและ หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการทําธุรกรรม ๑๐) ผลการตรวจกล้องวงจรปิด เพื่อพิสูจน์ทราบพฤติการณ์การกระท าความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ๑๑) ใบอนุญาตสถานประกอบการ ๑๒) เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองสถานประกอบการ หรือ อาคาร ๑๓) รายการจดทะเบียนนิติบุคคล ๓.๒ การรวบรวมพยานวัตถุ........................................................................................................... .......... ๑) โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ผู้ต้องหา ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ๒) ภาชนะ อุปกรณ์ เครื่องมือ ๓) ๔) ๕) ๖) กล้องวงจรปิด ๗) ๘) สมุดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา หลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ บัตรเอทีเอ็ม ๙) ๑๐) สมุดจดบันทึก บัญชีต่าง ๆ ๓.๓ การรวบรวมพยานหลักฐานทางดิจิทัล.............................................................................................. ผลการตรวจข้อมูลต่าง ๆ ในโทรศัพท์ การแชทไลน์ ๓.๔ การรวบรวมพยานหลักฐานทางการเงิน............................................................................................ การจ่ายค่าสินค้า การวางเงินมัดจํา การแบ่งรายได้ เพื่อพิสูจน์ว่า มีการแสวงหาประโยชน์ในทางการเงิน อย่างไร ๓.๕ การตรวจหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์............................................................................... -ผลการตรวจมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ๓.๖ การตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์/โซเชียล....................................................................................... โซเชียล การแชทไลน์ หรือกลุ่มไลน์การใช้บริการ การติดต่อ ซื้อขายสินค้า การตกลงราคา การขนส่ง ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ๓.๗ การรวบรวมพยานหลักฐานนอกราชอาณาจักร................................................................................ -การขอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากประเทศต้นทาง
ส่วนที่ ๔ การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ/ของกลาง ๔.๑ การตรวจสถานที่เกิดเหตุ............................................................................................. ..................... ๑) สภาพทั่วไปของสถานที่เกิดเหตุ ๒) ร่องรอยหลักฐานที่พบในสถานที่เกิดเหตุ ๓) บันทึกแสดงรายละเอียดบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และบริเวณที่พบพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีเพื่อประกอบแผนที่เกิดเหตุ โดยให้เห็นชัดเจนถึงลักษณะของอาคาร ตําแหน่งของกลางที่พบ ฯลฯ ๔.๒ การยึดอายัดของกลาง/การเก็บรักษา............................................................................................... ๑) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 132 (4) ๒) พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๔ ๓) พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๔๔ (๓) และมาตรา ๔๖ ๔) ข้อบังคับ กคพ. ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา ๒๔ พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๕) กฎกระทรวงกําหนดวิธีการขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๖) ระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการเก็บรักษาของกลางคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๗) ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการนําของกลางออกขายทอดตลาดหรือนําไปใช้ประโยชน์ ของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๘) ระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการดําเนินการเกี่ยวกับของกลางในคดีที่ถึง ที่สุด พ.ศ. ๒๕๖๔ ๙) ประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง หลักฐานและวิธีการขายทอดตลาดของกลางตาม ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการนําของกลางออกขายทอดตลาดหรือนําไปใช้ประโยชน์ของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑๐) คําสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ ๑0๘/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง แนว ปฏิบัติในการขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์ มาตรา ๘๕/๑ แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ๑๑) คําสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ ๙๖๐/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แนว ทางการจัดการทรัพย์สินที่มีการยึดหรืออายัดตามมาตรา ๒๔ ๔.๓ การนําของกลางส่งตรวจพิสูจน์................................................................................................... ..... นําตัวอย่างส่งตรวจพิสูจน์หาสารวัตถุอันตรายกับหน่วยงาน ดังนี้ -ห้องปฏิบัติการเอกชนที่ได้รับการรับรองจากสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม -ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ๔.๔ การทําลายและเรียกค่าทําลายของกลาง..................................................................
กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กําหนดการทําลายและเรียกค่าทําลายของ กลางไว้เป็นการเฉพาะ โดยเป็นของกลางที่พนักงานเจ้าหน้าที่มาตรฐาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นผู้ยึดหรืออายัด (มาตรา ๔๖) คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาจสั่งให้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้สิ้นสภาพ หรือในกรณีที่นําเข้าอาจสั่งให้ส่งกลับคืนไป ถ้าไม่ส่งกลับคืนไปก็อาจสั่งให้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นให้สิ้นสภาพ หรืออาจสั่งให้รอไว้เพื่อให้ผู้ทําหรือผู้นําเข้าขอรับใบอนุญาต หรือขอรับอนุญาต หรือขอรับใบรับแจ้งก่อน การทําให้สิ้นสภาพและการจัดการซากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธีการที่คณะกรรมการกําหนด ให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้รับอนุญาต ผู้ทํา ผู้นําเข้า ผู้โฆษณา ผู้จําหน่าย หรือผู้มีไว้เพื่อจําหน่าย แล้วแต่กรณี เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการแก้ไข การปรับปรุง หรือการทําให้สิ้นสภาพ รวมทั้งการจัดการซาก ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือการส่งกลับคืนไปซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือการรอไว้เพื่อขอรับใบอนุญาตหรือ ขอรับอนุญาต หรือการทําลายเครื่องหมายมาตรฐาน หรือการทําให้เครื่องหมายมาตรฐานหลุดพ้นจาก ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ส่วนที่ ๕ การประสานกับหน่วยงานอื่น ๕.๑ หน่วยงานภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ.......................................................................................... ๑. กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ในการส่งตรวจโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ การตรวจสอบบัญชีธนาคาร ๒. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ในการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ๓. กองปฏิบัติการพิเศษ ในการเข้าร่วมตรวจค้น การคุ้มครองพยาน การเก็บรักษาของกลาง ๕.๒ หน่วยงานอื่นที่ต้องประสานขอข้อมูลหรือเอกสาร หรือร่วมบูรณาการ............................................ -สํานักงานมาตรฐาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม -องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -สํานักงานตํารวจแห่งชาติ -กรมโรงงานอุตสาหกรรม -กรมศุลกากร ๕.๓ การปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงต่าง ๆ .............................................................................................. - ๕.๔ การรายงานคดีต่อหน่วยงานอื่น.................................................................................................. ..... - ๕.๕ การลงระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.............................................................. - ๕.๖ การดําเนินการเกี่ยวกับความผิดมูลฐาน........................................................................................... - ๕.๗ การประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศหรือองค์กรเอกชน (NGO)............................................. -
ส่วนที่ ๖ การด าเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหา ๖.๑ บุคคลธรรมดา.................................................................... .............................................................. ๖.๒ นิติบุคคล.................................................................................................................... ..................... - กรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคล ๖.๓ การออกหมายเรียก/หมายจับ/การจับกุม........................................................................................ -ประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา -ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคําสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม -ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดําเนินงานเกี่ยวกับหมายจับผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ -ข้อบังคับ กคพ.ว่าด้วยการสอบสวนร่วมกันหรือปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในคดีพิเศษระหว่างพนักงาน สอบสวนคดีพิเศษกับพนักงานอัยการหรืออัยการทหาร พ.ศ. ๒๕๔๗ -ระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับหมายจับในคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นไปตามขั้นตอนตามคู่มือหรือแนวทางปฏิบัติงาน ตามกระบวนการหลักของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ๖.๔ การเปรียบเทียบปรับ มาตรา ๕๗ ตรีได้กําหนดไว้ว่า บรรดาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เว้นแต่ความผิดตามมาตรา ๔๘ ตรี ให้เลขาธิการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย หรือ คณะกรรมการเปรียบเทียบ มีอาจเปรียบเทียบได้ดังต่อไปนี้ (๑) เลขาธิการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเลาธิการมอบหมายมีอํานาจเปรียบเทียบความผิดที่มีโทษปรับ สถานเดียว หรือเป็นความผิดที่มีโทษปรับหรือโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน (๒) คณะกรรมการเปรียบเทียบมีอํานาจเปรียบเทียบความผิดอื่น นอกจากที่กําหนดไว้ใน (๑) คณะกรรมการเปรียบเทียบตามวรรคหนึ่ง ให้ประกอบด้วยผู้แทนสํานักงานอัยการสูงสุดเป็นประธาน กรรมการ ผู้แทนสํานักงานตํารวจแห่งชาติเป็นกรรมการ และผู้แทนสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ เมื่อผู้ต้องหาได้ชําระเงินค่าปรับตามจํานวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่กําหนดแล้ว ให้ถือว่าคดี เลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือ เมื่อยินยอมแล้วไม่ชําระเงินค่าปรับภายในระยะเวลาที่กําหนด ให้ดําเนินคดีต่อไป จากกรณีข้างต้น ประธานกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้ออกระเบียบคณะกรรมการ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของผู้มีอํานาจเปรียบเทียบ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในส่วนของความผิดที่กําหนดระวางโทษไว้ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ.ฉบับที่ ๘ ประธานกรรมการเปรียบเทียบ ได้ออกประกาศคณะกรรมการเปรียบเทียบ เรื่อง กําหนดอัตราเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีเป็นความผิดที่อยู่ในอํานาจของคณะกรรมการ เปรียบเทียบ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยจะทําการเปรียบเทียบปรับร้อยละของมูลค่าผลิตภัณฑ์ (กําหนดเงิน ขั้นตําและสูง) จํานวน ๓ ครั้ง หากเกินกว่าส่งดําเนินคดี
ภาคผนวก ๑. ระเบียบกฎหมาย/ตัวอย่างหนังสือ/แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง -กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ประกาศคณะกรรมการ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิต นําเข้า ส่งออก การแสดงเครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย การขออนุญาต การแจ้ง ฯลฯ (ตามองค์ประกอบความผิดและ ชนิดของผลิตภัณฑ์) -กฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม..(ชนิดของกลาง).. ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน -มาตรฐานเลขที่ มอก.... (ชนิดของกลาง) ๒. ตัวอย่างกรณีศึกษา ๑. คดีพิเศษที่ ๑๐๕/๒๕๖๐ บริษัท ล. ผู้ต้องหาที่ ๑ มีนาย พ. ผู้ต้องหาที่ ๒ และนาย ส. ผู้ต้องหาที่ ๓ เป็นกรรมการ ได้ร่วมกันนําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมประเภทเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดร้อน สําหรับงานทั่วไปและงานขึ้นรูป มาตรฐานเลขที่ มอก. ๕๒๘ - ๒๕๔๘ และเหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อนแผ่นม้วน แผ่นหนา และแผ่นบาง สําหรับงาน โครงสร้างทั่วไป มาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๔๗๙ - ๒๕๔๑ เข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร อันเป็นไป เพื่อประโยชน์ทางการค้าและผลกําไรของผู้ต้องหาที่ ๑ โดยไม่ได้รับอนุญาต จํานวน ๒ ครั้ง ดังนี้ (การนําเข้าครั้งที่ ๑) เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ และที่ ๓ ได้ลง ลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสําคัญของบริษัท ผู้ต้องหาที่ ๑ สั่งซื้อเหล็กกล้าคาร์บอน ทรงแบนรีดร้อน สําหรับ งานทั่วไปและงานขึ้นรูป และเหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อนแผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นหนา และแผ่นบาง สําหรับงาน โครงสร้างทั่วไปจากบริษัทซาบิค (sabic) ซึ่งเป็นโรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย จากนั้นผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ว่าจ้างบริษัทโกบอล เซอร์วิส ชิปปิ้ง จํากัด ดําเนินการในส่วนพิธีศุลกากรแทนผู้ต้องหา ต่อมา เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ร่วมกันนําผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จํานวน ๘๐๙ ม้วน น้ําหนักรวม ๙,๙๐๘,๗๔๒ ตัน ตาม Invoice เลขที่ ๙๐๐๐๐๗๓๖๙๒ และ ๙๐๐๐๐๗๓๖๙๒ - ๑ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นหลักฐานใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตรและภาษีมูลค่าเพิ่ม เข้ามาโดยเรือ GLORY HONGKONG มาถึงท่าเรือเกาะสีชัง จากนั้นได้ขนถ่ายสินค้าลงเรือเล็กไปยังที่เก็บสินค้าของบริษัท สยาม ทราน ซิสเต็ม กรุ๊ป (1999) จํากัด โดยในระหว่างเจ้าหน้าที่สํานักงานศุลการกรท่าเรือกรุงเทพดําเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องกับพิธีศุลกากร ผู้ต้องหาได้ดําเนินการนําสินค้าไปเก็บไว้ที่โกดังของบริษัทผู้ต้องหา แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบ (การนําเข้าครั้งที่ ๒) เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ และที่ ๓ สั่งซื้อ เหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดร้อน สําหรับงานทั่วไปและงานขึ้นรูป และเหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นหนา และ แผ่นบาง สําหรับงานโครงสร้างทั่วไป จากบริษัทซาบิค (sabic) จากนั้น ได้ว่าจ้างบริษัท โกบอล เซอร์วิส ชิปปิ้ง จํากัด ดําเนินการในส่วนพิธีศุลกากร ต่อมา เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว จํานวน ๒,๖๖๕ ม้วน น้ําหนัก ๓๗,๗๒๗.๘๖๙ ตัน ตาม Invoice เลขที่ S/๑๖ - ๐๖๑ ถึงเลขที่ S/๑๖ - ๐๖๘ ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นหลักฐานใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตรและ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เข้ามาทางเรือ FAREAST HARMONY มาถึงท่าเรือเกาะสีชัง และได้ขนถ่ายสินค้าลงเรือเล็กขนไป ยังท่าเรือกรุงเทพ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่สํานักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพได้ดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ พิธีศุลกากร บริษัทฯ ก็ดําเนินการนําสินค้าไปเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบ
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พนักงานเจ้าหน้าที่ของสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่นําเข้ามาทั้ง ๒ ครั้ง ณ โกดังของบริษัทฯ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ เป็นผู้นําตรวจ ปรากฏว่า ผู้ต้องหาไม่สามารถแสดงหลักฐานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและไม่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการสํานักงาน มาตรฐานผลิตภัฑ์อุตสาหกรรม พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ทําการอายัดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไว้ ณ สถานที่เก็บผลิตภัณฑ์ ของผู้ต้องหา จากนั้นในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๒ และที่ ๓ ได้ลงลายมือชื่อร่วมกันประทับตราสําคัญ ของบริษัทของผู้ต้องหาที่ ๑ ในหนังสือส่งเอกสารการขออนุมัติคลังสินค้าชั่วคราวเพิ่มเติม เพื่อจัดเก็บของกลาง ในคดี และเมื่อสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดําเนินคดีแล้ว ผู้ต้องหาที่ ๒ ได้นําพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตรวจสอบของกลาง เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ ณ โกดัง ๓ แห่งของผู้ต้องหาที่ ๑ ที่แขวงท่าข้าม เขตบางขุน เทียน กรุงเทพฯ รวมผลิตภัณฑ์ที่อายัดทั้งหมด ๓,๔๗๔ ม้วน น้ําหนักรวม ๔๗,๖๓๖.๖๑๑ ตัน เหตุเกิดที่ ตําบลเกาะสีชัง อําเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี (ท่าเรือเกาะสีชัง) เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ต่างกรรมต่างวาระ การกระทําของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานร่วมกัน นําผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับ อนุญาต -คดีพิเศษที่ ๙๓/๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๑ และผู้ต้องหาที่ ๒ ได้บังอาจร่วมกันกระทําผิดกฏหมาย โดยร่วมกันนําผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานประเภทบริภัณฑ์ส่องสว่างและบริภัณฑ์ ที่คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๙๕๕ - ๒๕๕๑ เข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ รับอนุญาตจากเลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เมื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่ ๑ และ ที่ ๒ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และแจ้งข้อหาให้ทราบ ผู้ต้องหาที่ ๑ และที่ ๒ ให้การปฏิเสธ ทางคดีมีพยานหลักฐาน ยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาที่ ๑ ในฐานะนิติบุคคล และผู้ต้องหาที่ ๒ ในฐานะส่วนตัว ได้นําสินค้าจากประเทศจีน เข้ามา เพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร โดยการว่าจ้างเรือขนสินค้า ชื่อ WAN HAI ๒๒๒ ปรากฏตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ A๐๐๓ ๐๕๘๐๔ ๐๑๒๗๓ บรรจุลังใส่มาในตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข TCNU ๔๓๖๔๙๓๗ โดยสินค้าทั้งหมดของ ผู้ต้องหามีจํานวน ๘ รายการ เรือเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ตําบลแหลมฉบัง อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ เวลากลางวัน โดยบริษัทวันไฮไลนส์ (ประเทศไทย) จํากัด ได้ขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ดังกล่าวเพื่อทําการตรวจปล่อย ณ ท่าเรือของบริษัทสยามคอนเทนเนอร์ ที่ตําบลบางเสาธง (บริเวณท่าเรือ) ตําบล บางเสาธง อําเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ในการควบคุมดูแลของด่านศุลกากรบางเสาธง จากนั้น ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ว่าจ้างบริษัท สยามไนซ์ตี้ โลจิสติกซ์ จํากัด ให้ดําเนินการด้านพิธีการศุลกากร (Shipping) แทนผู้ต้องหาที่ ๑ ซึ่งมีพยานที่ 4 ลูกจ้างบริษัท สยามไนซ์ตี้ โลจิสติกซ์ จํากัด เป็นผู้ยื่นเรื่องต่อ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเพื่อทําการตรวจปล่อยสินค้าของกลางในคดีนี้ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ และเมื่อ เจ้าหน้าที่ศุลกากรทําการตรวจสอบสินค้าร่วมกับพยานที่ ๔ ผลการตรวจสอบปรากฏว่า สินค้ารายการที่ ๑ - ๖ และ ๘ ตรงตามสําแดง แต่รายการที่ ๗ ผู้ต้องหาที่ ๑ สําแดงชนิดเป็นส่วนประกอบชุดโคมไฟฟ้า มีจํานวน ๑๐,๘๐๐ หน่วย ราคาของ ๓๙,๓๗๕.๕๕ บาท ด่านศุลกากรบางเสาธงจึงได้ดําเนินคดีในส่วนของการสําแดง ชนิดของ และประเภทพิกัดเป็นเท็จ ตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ประกอบมาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๘๒ จากนั้น เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘ ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ ได้มอบอํานาจให้พยานที่ ๔ ดําเนินการระงับคดีในชั้นศุลกากร
และยกสินค้าให้ตกแก่แผ่นดิน จนเมื่อวันที่ ๙ เมษายน 2558 พยานที่ ๔ ได้ทําเรื่องขอระงับคดีในชั้นศุลกากรและ ยกสินค้าของกลางซึ่งเป็นหลอดไฟ LED จํานวน ๑๐,๘๐๐ หลอด ให้ตกเป็นของแผ่นดินตามประสงค์ของผู้ต้องหา แต่เนื่องจากสินค้ารายการที่ ๗ นั้น เป็นหลอดไฟชนิดไดโอดเปล่งแสง (หลอดไฟ LED) ซึ่งอยู่ในข่าย ควบคุมของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบริภัณฑ์ส่องสว่างและบริภัณฑ์ที่คล้ายกัน มาตรฐานเลขที่ มอก.๑๙๕๕ - ๒๕๕๑ ดังนั้น ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ด่านศุลกากรบางเสาธงจึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังสํานักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อดําเนินการตามกฎหมาย เมื่อผู้ต้องหาที่ ๑ ไม่สามารถแสดงหลักฐานใบอนุญาตในการ นําเข้าให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจึงเห็นว่ากรณีนี้เป็นการ ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ในวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจึงมอบหมายผู้กล่าวหาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับสินค้า ของกลางปรากฏตามบัญชีของกลางมาเก็บไว้ที่สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และแจ้งความ ดําเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ ๑ และผู้ต้องหาที่ ๒ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง ว่ากระทําความผิดฐานร่วมกันนําผลิตภัณฑ์ที่มี พระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ (ฉบับที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๔๘) ประกอบมาตรา ๘๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา -คดีพิเศษที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๑ นิติบุคคล โดยผู้ต้องหาที่ ๒ กรรมการฯ ได้ร่วมกันนําเข้า สินค้าประเภทเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (เหล็กรูปตัว H) ของกลางในคดี โดยเรือ JIA SHANG SHAN ตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ A ๐๑๗๐๕๙๐๒๐๗๗๕๗ บัญชีราคาสินค้า (INVOICE) เลขที่ F ๑๕H๕๕Y๒๘๓T ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙ ใบตราส่ง (BILL OF LADING) เลขที่ B/L RW ๒๙ ๐๑๒๗๓ ระบุชื่อผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้รับสินค้า ต่อมา ผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของผู้ต้องหาที่ ๑ ยื่นคําขอรับใบอนุญาต นํา ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาเพื่อจําหน่าย ใน ราชอาณาจักรสําหรับการประกอบกิจการนําเข้าเฉพาะครั้ง ซึ่งเป็นของกลางในคดีครั้งนี้ ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ หลังจากของกลางในคดีเข้าถึงเกาะสีชังแล้ว (นําเข้าครั้งที่ ๑) วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ร่วมกันนําเข้าสินค้าประเภทเหล็ก โครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (เหล็กรูปตัว H) ของกลางในคดี โดยเรือ GANNET BULKER ตามใบขนสินค้าขาเข้า เลขที่ A ๐๐๕๐๕๙๐๔๐๔๕๔๘ บัญชีราคาสินค้า (INVOICE) เลขที่ ๘๓๓๕๗๐๒๐/๐๒๒ JK ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ใบตราส่ง (BILL OF LADING) เลขที่ RK๐๒GB๑๖๐๘ พยานเอกสารหมายเลข ๓ และใบขน สินค้าขาเข้าเลขที่ A ๐๐๕๐๕๙๐๔๐๔๕๖๓ บัญชีราคาสินค้า (INVOICE) เลขที่ ๘๓๓๕๗๐๒๐/๐๑๒ JK ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ใบตราส่ง (BILL OF LADING) เลขที่ RK๐๓GB๑๖๐๘ ระบุชื่อผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้รับสินค้า พยานเอกสารหมายเลข ๔ ต่อมา ผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของผู้ต้องหาที่ ๑ ยื่นคําขอรับ ใบอนุญาตนําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาเพื่อจําหน่าย ในราชอาณาจักรสําหรับการประกอบกิจการนําเข้าเฉพาะครั้ง (นําเข้าครั้งที่ ๒) การนําเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมทั้ง ๒ ครั้งของผู้ต้องหาทั้งสอง มิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกําหนด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการตาม กฎหมาย ทั้งนี้ แม้ว่าของกลางในคดีนี้ เมื่อนําไปตรวจสอบแล้วผ่านมาตรฐานก็เป็นคนละส่วนกับความผิดในการ นําผลิตภัณฑ์เข้ามาเพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งครบองค์ประกอบความผิดแล้ว โดยการขอรับอนุญาตนั้น
เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่รัฐควบคุมอย่างเคร่งครัด โดยการกําหนดให้ผู้ใดที่จะนําเหล็ก ชนิดหรือประเภทดังกล่าวเข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรจะต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับใบอนุญาตจากรัฐ เสียก่อน ผู้ต้องหาทั้งสองได้กระทําผิดต่างกรรมต่างวาระ ฐาน “ร่วมกันนําผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกา กําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” อันเป็นความผิด ตาม มาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับมาตรา ๔๘ แก้ไข เพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ , พระราชกฤษฎีกากําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๔๐ (มอก. เลขที่ ๑๒๒๗ – ๒๕๓๙) และประกอบมาตรา ๘๓, ๙๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ ๑ และที่ ๒ ฐาน“ร่วมกันมีไว้เพื่อจําหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมโดยรู้อยู่ว่าเป็นผลิตภัณฑ์นําเข้ามา ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ ประกอบกับ มาตรา ๕๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับ ที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ , พระราชกฤษฎีกากําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้อง เป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๔๐ (มอก. เลขที่ ๑๒๒๗ – ๒๕๓๙) และประกอบมาตรา ๘๓ แห่งประมวลกฎหมาย อาญา เนื่องจากคดีขาดอายุความ สิทธิการนําคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา อาญามาตรา ๓๙ (๖) ตัวอย่างคําพิพากษา/ข้อหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา/คําสั่งพนักงานอัยการ คําพิพากษา ๑) คดีดําเลขที่ : อ.851/2561 คดีแดงเลขที่ : อ.737/2561 กรณีนําผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม ประเภทเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดร้อน สําหรับงานทั่วไปและงานขึ้นรูป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกา กําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๕๒๘ - ๒๕๔๘ และเหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อน แผ่นม้วน แผ่นหนา และแผ่นบาง สําหรับงานโครงสร้างทั่วไป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๑๔๗๙ - ๒๕๔๑ เข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (คดีพิเศษที่ ๑๐๕/๒๕๖๐) ศาลอาญาพิพากษาว่าจําเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง และมาตรา 48 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทําของจําเลย ทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ปรับจําเลยที่ 1 กระทงละ 100,000 บาท รวม 2 กระทง 200,000 บาท จําคุกจําเลยที่ 2 และ ที่ 3 มีกําหนดคนละ 1 ปี และปรับอีกคนละ 100,000 บาท รวม 2 กระทง รวมจําคุกจําเลยที่ 2 และที่ 3 มี กําหนดคนละ 2 ปี และปรับคนละ 200,000 บาท จําเลยทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่งพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฎว่า จําเลยที่ 2 และที่ 3 เคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจําเลยสักครั้ง โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกําหนดคนละ 2 ปี หากจําเลยที่ 1 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 หากจําเลย ที่ 2 และที่ 3 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
๒) คดีดําเลขที่ : อ.2798/2561 คดีแดงเลขที่ : อ.2718/2561 กรณีนําผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า คาร์บอนทรงแบนรีดร้อนสําหรับงานทั่วไปและงานขึ้นรูปมาตรฐานเลขที่ มอก. 528 - 2548, ผลิตภัณฑ์ เหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อนแผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นหนา และแผ่นบางสําหรับงานโครงสร้างทั่วไปมาตรฐานเลขที่ มอก 1479 - 2541 และผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อน แผ่นม้วนและแผ่นแถบสําหรับงานท่อมาตรฐาน เลขที่ มอก. 1735 – 2542 เข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (คดีพิเศษที่ ๖/๒๕๖๐) ศาลอาญาพิพากษาว่าจําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง, 36, 48 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141, 142 ประกอบมาตรา 83 การกระทําของจําเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันนําผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อ จําหน่ายรวม 2 กระทง จําคุกจําเลยที่ 2 กระทงละ 2 ปี และปรับกระทงละ 400,000 บาท ปรับจําเลยที่ 1 กระทงละ 400,000 บาท ฐานร่วมกันทําลายเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานประทับเพื่อเป็นหลักฐานในการอายัด ปรับจําเลยที่ 1 จํานวน 20,000 บาท จําคุกจําเลยที่ 2 มีกําหนด 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ฐานร่วมกันเอา ไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดและรักษาไว้ ปรับจําเลยที่ 1 จํานวน 30,000 บาท จําคุกจําเลยที่ 2 มีกําหนด 1 ปี และปรับ 30,000 บาท จําเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันทําลายเครื่องหมายอันเจ้าพนักงาน ประทับเพื่อเป็นหลักฐานในการยึด จําคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท จําเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็น ประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คนละกึ่งหนึ่ง คงปรับจําเลยที่ 1 รวม 425,000 บาท คงจําคุกจําเลยที่ 2 มีกําหนด 2 ปี 12 เดือน และปรับ 425,000 บาท คงจําคุกจําเลยที่ 3 มีกําหนด 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท เมื่อไม่ปรากฎว่าจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 เคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจําเลยที่ 2 และจําเลยที่ 3 สักครั้ง โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มี กําหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ๓) คดีดําเลขที่ : อ.2712/2561 คดีแดงเลขที่ : อ.2624/2561 กรณ๊นําผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมประเภทเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้เป็นไปตาม มาตรฐาน (มอก. เลขที่ ๑๒๒๗ – ๒๕๓๙) เข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (คดีพิเศษที่ ๙๓/ ๒๕๕๙) ศาลอาญามีคําพิพากษาว่าจําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 มาตรา 21, 48 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับจําเลยคนละ 400,000 บาท จําเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 78 คงปรับคนละ 200,000 บาท ไม่ชําระค่ปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ๔) คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 5305/2558 ปัญหาว่าสิทธินําคดีอาญามาฟ้องจําเลยทั้งสามใน ความผิด ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เป็นอันระงับไปแล้วหรือไม่ แม้จําเลยทั้งสาม จะมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความ สงบเรียบร้อย จําเลยทั้งสามจึงยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ความผิดฐานร่วมกันลักลอบนําหลอดไฟฟ้าฟลูออเรส เซนต์ที่ยังมิได้เสียภาษีและมิได้ผ่านศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร หรือร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพา เอาไปเสีย ซื้อ รับจํานํา หรือรับไว้โดยประการใดๆ ซึ่งหลอดไฟฟ้าดังกล่าวโดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ลักลอบหนีศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27, 27 ทวิ และความผิดฐานร่วมกันนําหลอดไฟฟ้า
ฟลูออเรสเซนต์ดังกล่าวที่เป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยไม่ได้แสดงหลักฐานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและโดยไม่ได้รับ ใบอนุญาตจากคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 มาตรา 21 และ 48 แต่ละฐานแยกออกจากกันได้ชัดเจนทั้งในแง่เจตนาในการกระทํา สภาพและลักษณะของการกระทําความผิดสําเร็จ ลง ตลอดจนบัญญัติกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิดและกําหนดโทษไว้ต่างบทมาตรากัน จึงเป็นการกระทําความผิด คนละกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวกันไม่ ดังนั้น แม้ว่าความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรซึ่งจําเลย ทั้งสามได้ทําความตกลงและอธิบดีกรมศุลกากรได้งดการฟ้องร้องจําเลยทั้งสามตามมาตรา 102 และสิทธิ นําคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (3) ดังที่จําเลยทั้งสามอ้าง แต่ก็ไม่ทําให้สิทธินําคดีอาญา มาฟ้องจําเลยทั้งสามในความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ซึ่งเป็นความผิด ต่างกรรมกันเป็นอันระงับไปด้วยแต่อย่างใด ข้อหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขเสร็จที่ ๖๕๕/๒๕๔๒ การนําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้อง เป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๑ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ -การที่บริษัท เอ็ม ซี เอส โฮโกกุ จํากัด นําเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบโครงสร้าง เหล็กเพื่อออกส่งไปจําหน่ายยังต่างประเทศ เป็นการนําเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรซึ่งต้องขอรับอนุญาต ตามมาตรา ๒๑ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๗) มีความเห็น ดังต่อไปนี้ ประเด็นที่หนึ่ง การที่บริษัท เอ็ม ซี เอส โฮโกกุ จํากัด นําเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบ โครงสร้างเหล็กเพื่อส่งออกไปจําหน่ายยังต่างประเทศ เป็นการนําเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักรที่ต้องขอรับ อนุญาตตามมาตรา ๒๑ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๒ หรือไม่ นั้น เห็นว่า การกําหนดให้ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชนิดใดต้องเป็นไปตามมาตรฐานตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ นั้น เป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยหรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนหรือแก่ กิจการอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ดังที่มาตรา ๑๗(๑) บัญญัติไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสําคัญต่อ ประเทศและต้องควบคุมอย่างเคร่งครัด หากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชนิดใดมีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้อง เป็นไปตามมาตรฐานแล้ว กฎหมายจะกําหนดมาตรการควบคุมทุกขั้นตอนมิให้มีผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แตกต่าง ไปจากมาตรฐานที่กําหนดเกิดขึ้นในประเทศที่บุคคลอาจเอาไปใช้เพื่อการต่าง ๆ จนเกิดความไม่ปลอดภัยหรือ ความเสียหายตามที่มุ่งหมายจะป้องกัน การทําและการนําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร กฎหมายจึงกําหนดว่าต้องได้รับใบอนุญาตเสียก่อน ตามมาตรา ๒๐(๒) หรือมาตรา ๒๑(๓) แห่งพระราชบัญญัติ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๓๕ แล้วแต่กรณี และมาตรา ๒๑ ทวิ(๔) ได้กําหนดให้การนําผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานแตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนดเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต้องขอ
อนุญาตด้วย ซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาจกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติ เพื่อควบคุมการใช้และการมีอยู่ของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานนั้น คําว่า "ใช้" ตามมาตรา ๒๑ ทวิ จึงมีความหมายอย่างกว้างขวางตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องนี้ การนําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มี มาตรฐานแตกต่างไปจากมาตรฐานที่กําหนดเข้ามาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าจึงเป็นการใช้อย่างหนึ่งที่ต้องขอ นุญาตตามมาตรา ๒๑ ทวิ ดังกล่าว ดังนั้น การที่บริษัท เอ็ม ซี เอส โฮโกกุ จํากัด นําเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีด ร้อน ที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน(๕) ที่เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นเข้ามา ในราชอาณาจักร เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบโครงสร้างเหล็กเพื่อส่งออกไปจําหน่ายยังต่างประเทศ จึงเป็นการ นําเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร ซึ่งต้องขอรับอนุญาตตามมาตรา ๒๑ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๒ คําสั่งพนักงานอัยการ - ๓. บัญชีภาพต่าง ๆ - เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (เหล็กตัว H) (มอก. เลขที่ ๑๒๒๗ – ๒๕๓๙)
เหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดร้อนสําหรับงานทั่วไปและงานขึ้นรูป (เหล็กม้วน) (มอก. 528 – 2548) เหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อน แผ่นม้วนและแผ่นแถบสําหรับงานท่อ (มอก. 1735 – 2542)