การสักและการเพนท์ในอสิ ลาม
“สัก” เป็ นคากริยา หมายถึง เอาของแหลมแทงลงด้วย
วิธีการหรือเพ่ือประโยชน์ต่างๆกัน เช่น สักปลาไหล
สักรอยช้าเพ่ือรีดเอาเลือดท่ีคั่งออก เป็ นต้ น “สัก”
หมายถึง ใช้ เหล็กแหลมจุ่มหมึกหรื อน้ามันแทงที่
ผิวหนังให้เป็ นอักขระ เครื่องหมาย หรือลวดลาย ถ้าใช้
หมกึ เรียกว่า สักหมกึ , ถ้าใช้น้ามัน เรียกว่า สักน้ามัน ใน
ภาษาอาหรับ เรียกว่า อลั – วชั มุ๊ ()ال َو ْشم
นักนิติศาสตร์อิสลามอธิบายว่า หมายถึง การจิ้มแทงผิวหนังด้วยเข็ม (เหล็ก
แหลม) เพื่อให้เลือดไหลออกมาแล้วโรยส่ิงจาพวกครามลงไปเพื่อให้เกดิ สีนา้ เงินครามหรือ
สีเขียว ด้วยสาเหตุของเลือดท่ีเกิดโดยการจิม้ แทงผิวหนังด้วยเข็ม (เหล็กแหลม) ถือเป็ น
สิ่งต้องห้ามตามหลักการของศาสนาเน่ืองจากมีคาห้ามเอาไว้ จึงจาเป็ นต้องขจัดรอยสัก
น้ันออกเสีย ฉะน้ันหากเกรงว่าจะเป็ นอันตราย ก็ไม่วาญิบต้องขจัดรอยสักน้ันออกไป
และไม่มบี าปอนั ใดเหนือผู้น้ันภายหลงั การเตาบะฮฺตวั
จากการศึกษาข้อมูลต่างๆพบว่า นักวิชาการอิสลามใน
สังกัดมัสฮับมาลีกี และชาฟี อียฺบางท่านมีความเห็นว่าการสักร่างกาย
น้ันถือได้ว่าเป็ นบาปใหญ่ อีกท้ังนักวิชาการอิสลามส่ วนใหญ่ยังมี
ความเห็นสอดคล้องกันอกี ว่า การสักร่างกายโดยท่ัวไปน้ันถือว่า ” หะ
รอม ” ไม่สามารถกระทาได้ เพราะเป็ นการเปลี่ยนแปลงร่างกายที่
พระองค์อัลลอฮฺทรงสร้างสรรค์ และมอบให้กับเรามาโดยไม่มีเหตุ
จาเป็ น อีกท้ังยังมีความสุ่มเส่ียงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆซึ่งอาจจะ
ก่อให้เกิดผลร้ ายต่อร่ างกายของเราได้ และนอกจากน้ันแล้วยังมี
หลักฐานจากอัลหะดีษมากมายหลายต่ อหลายบทห้ ามการสั กร่ างก าย
เอาไว้อย่างชัดเจน ตวั อย่างเช่น
หะดษี บทหนึ่งซ่ึงรายงานโดยท่านอบั ดุลเลาะฮฺ บุตรของอุมัร ( ร.ฏ. ) ท่านได้กล่าวว่า
عن عبد الله بن عمر رضي الله عنهما قال :قال رسول
اَلوله َسلَّ َمصلالىَواال ِلشه َمةَعل َيواهل ُموآ ْسلتَهْووِش َمسلةَم”:.لَعَر َنواالهنَّابِلبُّيخا َصرلَّيى اللهُ َعلَ ْي ِه
ความว่า ” คร้ังหนึ่งท่านร่อซู้ล ( ซ.ล. ) ได้เคยกล่าวว่า
พระองค์อัลลอฮฺ ( ซบ.) พระองค์จะทรงสาปแช่งสตรีที่ทาการ
ต่อผม และสตรีที่ร้องขอให้มีการต่อผม และพระองค์ก็จะทรง
สาปแช่งสตรีที่ทาการสัก รวมถึงสตรีท่ีร้องขอให้ทาการสักนาง
อกี ด้วย ” รายงานโดยบุคอรียฺ
นอกจากน้ันยงั มีรายงานจากท่านอบั ดุลเลาะฮฺ บนิ มัสอูดอกี ว่า(ต่อ)
นอกจากน้ันยงั มรี ายงานจากท่านอบั ดุลเลาะฮฺ บินมสั อูดอกี ว่า(ต่อ)
ความว่า ” พระองค์อลั ลอฮฺ ( ซบ. ) จะทรงสาปแช่งหญิงทีส่ ัก หญิงท่ีขอให้สัก หญิงท่ี
ขอให้ถอนขนบนใบหน้า และหญิงท่ีขอให้เซาะร่องฟัน เพื่อความสวยงาม ซ่ึงเป็ นพวกท่ี
เปลยี่ นแปลงการสร้างของพระองค์อลั ลอฮฺ ดังน้ันข่าวคราวดังกล่าวกแ็ พร่สะพดั ไปถงึ สตรีท่าน
หน่ึงแห่งเผ่าบะนีอะสัด เธอมีชื่อว่า ” อุมมุยะอฺกูบ ” ทันใดน้ันเธอได้มาหาท่านอับดุลเลาะฮฺ
บนิ มัสอดู ทนั ที และเธอกไ็ ด้กล่าวว่า ฉันได้ทราบข่าวมาว่าท่านได้สาปแช่งอย่างโน้นอย่างนีห้ รือ
หลังจากน้ันท่านอับดุลเลาะฮฺ บินมัสอูดได้กล่าวตอบเธอไปว่า ฉันสมควรไม่สาปแช่งบุคคลที่
ร่อซู้ลสาปแช่งหรือ ? ” บันทกึ โดย บุคอรียฺ และ มุสลมิ
ส่ วนการเพนท์ ลวดลายต่ างๆลงบนผิวหนังสาหรับสุ ภาพสตรีที่
กาลังเป็ นท่ีนิยมในยุคปัจจุบัน หรือการเพนท์ด้วยเฮนน่า นักวิชาการ
อิสลามบางท่านมีความเห็นว่าอนุญาตให้กระทาได้ โดยจะต้องรักษา
เงื่อนไขต่างๆต่อไปนี้อย่างเข้มงวด ถ้าหากไม่สามารถกระทาได้ การ
เพ้นท์ในลกั ษณะดงั กล่าวกย็ งั คงเป็ นเร่ืองท่ี ” หะรอม ” เช่นเดยี วกนั
เง่ือนไข ข้อท่ี 1 ลวดลายทีเ่ กดิ จากการเพ้นท์จะต้องคงสภาพอย่บู นผวิ หนังแค่ช่ัว
ระยะเวลาหนึ่งเท่าน้ัน จะต้องไม่คงอย่บู นผวิ หนังแบบถาวร
ข้อที่ 2 การเพ้นท์ทเ่ี กดิ ขึน้ จะต้องเป็ นไปตามเป้าหมายท่ีอสิ ลามอนุญาต
เช่น เพื่อความพงึ พอใจของสามเี ป็ นต้น
ขอ้ ที่ 3 ลวดลายที่เกิดจากการเพน้ ทจ์ ะตอ้ งไม่เป็นรูปสัตว์ หรือส่ิงมีชีวติ
ใดๆ
ข้อที่ 4 สีทใี่ ช้ในการเพ้นท์จะต้องไม่ก่อให้เกดิ การตดิ เชื้อ หรือส่งผลร้าย
ต่อผวิ หนัง
ข้อที่ 5 ลวดลายทเ่ี พ้นท์บนผวิ หนังจะต้องไม่เป็ นสัญลักษณ์ หรือ
เครื่องหมายของผ้ไู ม่มศี าสนา หรือผ้ทู ต่ี ้งั ภาคตี ่อพระผ้เู ป็ นเจ้า
ข้อที่ 6 ลวดลายทเ่ี พ้นท์บนผวิ หนังจะต้องไม่เป็ นสัญลกั ษณ์ หรือ
เคร่ืองหมายของศาสนาหน่ึงศาสนาใด
ข้อท่ี 7 สตรีทที่ าการเพ้นท์จะต้องไม่เผยรอยเพ้นท์ให้ชายอ่ืนเห็น
เป็ นอนั ขาด
ข้อที่ 8 จะต้องไม่เพ้นท์ลงบนส่วนทเี่ ป็ นเอาเราะฮฺ ( อวยั วะทตี่ ้อง
ปิ ดตามศาสนบัญญัติ ) และผู้ทที่ าหน้าทเี่ พ้นท์จะต้องเป็ นเพศหญงิ
เหมือนกนั
ผู้สักและผู้ทถ่ี ูกสัก ท้ังผู้ท่ีสั กและผู้ที่ถูกสั กโดยการขอร้ องหรื อเต็ม
ใจได้รับละอฺนะฮฺด้วยกันท้ังคู่และการกระทาความผิดใด
ทถ่ี ูกระบุเร่ืองการสาปแช่ง (ละอนฺ ะฮฺ) ถือว่าเป็ นบาปใหญ่
(กะบีเราะฮฺ)ที่จาต้องเตาบะฮฺตัวตามเง่ือนไขที่ศาสนา
กาหนดเอาไว้และถ้าหากมีการลบรอยสักสามารถกระทา
ได้โดยไม่มีอันตรายหรือผลข้างเคียงก็ถือว่าเป็ นวาญิบท่ี
จะต้ องลบรอยสั กซึ่ งในปัจจุบันมีการใช้ แสงเลเซอร์ ใน
การลบรอยสักแพร่หลายอยู่แล้ว
ท้ังนี้เม่ือเขาได้กระทามัน (สัก) ด้วยความพอใจของเขาภายหลังการบรรลุศาสนภาวะของเขา
แล้ว หากไม่เป็ นเช่นน้ัน (เช่น ถูกบงั คบั จบั สัก หรือ ถูกสักต้งั แต่ยงั ไม่บรรลศุ าสนภาวะ เป็ นต้น)
ก็ไม่จาเป็ นท่ีเขาต้องขจัดมันออกไป และการละหมาดของเขา ตลอดจนการเป็ นอิมามนา
ละหมาดของเขาถือว่าใช้ได้ และส่ิงทเ่ี ขาวางมือลงไปในสิ่งน้ันกไ็ ม่เป็ นนะญิส เป็ นต้น
เนื่องจากมี อลั – หะดีษ ระบุว่า :
“ท่านรอซูล (ศ็อล) สาปแช่งผู้ทส่ี ัก (คือช่างสัก) และผู้ทขี่ อให้สัก (ผู้ใช้บริการจากช่างสัก)”
(รายงานโดย มุสลมิ )
สรุป
การศึกษาค้นคว้ าเรื่ องนี้จากแหล่งข้ อมูลต่ างๆ พบว่ า
นักวชิ าการอสิ ลามได้แบ่งแยกระหว่างการสักกบั การเพนท์ออกจากกนั
อย่างชัดเจน ในกรณีท่ีเป็ นการสักแบบถาวรโดยใช้วิธีการสั กแบบ
ด้งั เดิมที่ได้รับเป็ นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ หรือเป็ น
การสักที่ใช้ สารเคมีบางชนิด หรือการสักแบบชั่วคราวท่ีต้ องใช้
เวลานานนับปี กว่ารอยสักจะเลือนหายไป เช่น สักคิ้ว สักริมฝี ปาก
นักวิชาการอิสลามส่ วนใหญ่ มีความเห็นว่ ารู ปแบบการสั กที่กล่ าวมา
ข้างต้นท้ังหมดน้ันเป็ นเรื่องท่ี ” หะรอม ” ไม่สามารถกระทาได้ หาก
ผู้ใดฝื นปฏิบัติย่อมมีความผิดตามหลักนิติบัญญัติแห่งอิสลาม ยกเว้น
กรณีที่มีความจาเป็ น เช่น สักเพื่อรักษาโรคตามคาวินิจฉัยของแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญ
คาถาม จากเง่ือนไขข้อที่7 สตรีห้ามเปิ ดเผยส่วนท่ีเพนท์ให้ชายอื่น
เห็นเป็ นอนั ขาด แล้วสาหรับสตรีทเ่ี พนท์มือในวันแต่งงาน เขา
สามารถเพนท์ได้ไหม ?
ตอบ ใบหน้าฝ่ ามือนักวิชาการถือว่าไม่เป็ นเอารัต ก็สามารถท่ี
จะเปิ ดได้ บุคคลอื่นก็ดูได้เห็นได้ เพนท์ได้ แต่ไม่อนุญาตให้
โชว์ ถ้าเป้าหมายเพื่อโชว์ถือว่าผดิ เพนท์แล้วควรใส่ชุดเจ้าสาว
ทคี่ ลุมมือไม่ก็ใส่ถุงมือไว้ในยามท่ีมคี นเยอะ ไว้โชว์เวลาอยู่กับ
สามี แบบนีเ้ ป็ นการแสดงถึงเจตนาที่ไม่ต้องการจะโชว์ความ
งามให้ใครได้เห็นนอกจากสามี
อ้างองิ
การสกั . (ม.ป.ป.). สืบคน้ 3 สิงหาคม 2564, จาก
https://alisuasaming.org/webboard/index.php?topic=1362.0&fbclid=IwAR1_zHVQ
Bo7xGLC0_gPcNxBYZPCnzu6lb_Bz3RKO-1pxRwONVVtotidQKFE
การสกั ตามร่างกายในมุมมองของอิสลามเป็นอยา่ งไร. (ม.ป.ป.). สืบคน้ 3 สิงหาคม 2564, จาก
https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21684?fbclid=IwAR0Omki--
d8VdkQMJNM9p3ZHmwXsU_BNB4GrdOhEjp-RiArWJSCOVuiFMa0
มุสลิมกบั การสกั หลกั ฐานหา้ มทาการสกั . (ม.ป.ป.). สืบคน้ 3 สิงหาคม 2564, จาก
https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21684?fbclid=IwAR3KSq1isz24yYd
p51_axbExyZk3wBS6O3ilhfTN2_PTfFPEaNpsplCdFD0
จัดทาโดย
นางสาวซูลฟา เมาะบากอ
รหสั นกั ศึกษา 6260903007
สาขาวชิ าอิสลามศึกษา ช้นั ปี ท่ี 3