(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 7. นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 8. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตรวจสอบ ความรู้ความเข้าใจหลังเรียน (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ขั้นตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบผลการเขียนแผนผังแสดงลักษณะการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากเซลล์สืบพันธุ์ของพืช จาก กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 2. ครูตรวจผลการสรุปความรู้เกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต จากสมุดประจำตัว 3. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 2 ในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 4. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมท้าทายการคิดขั้นสูงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 5. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานโมบายแขวนแสดงการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสมาชิกในกลุ่ม และการนำเสนอ ชิ้นงาน/ผลงานหน้าชั้นเรียน 6. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 7. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 6.การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ คำถาม 2. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่ มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของ พืชได้ 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 2. ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียนหน่วยการ เรียนรู้ที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. สำรวจและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ การถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของพืชได้ 1. กิจกรรมฝึกฝน ทักษะบทที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมีความ รับผิดชอบต่องานที่สั่งส่งงานตรง เวลา 2. มีความสนใจและกระตือรือร้น ในการเรียนรู้ 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน
7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 3) วัสดุ-อุปกรณ์ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น กระดาษแข็ง เชือก 4) สมุดประจำตัวนักเรียน 5) กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) ห้องเรียน 3) อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 12 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่งจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ ป.5/3 ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ 2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงลัพธ์คือ ผลรวมของแรงตั้งแต่2 แรงขึ้นไป ที่ร่วมกันกระทำต่อวัตถุเดียวกัน จึงมีผลทำให้วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์ซึ่งผลของแรงลัพธ์เกิดขึ้นได้3 กรณีดังนั้น - หากแรงหลายแรงมากระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกันและทิศทางเดียวกัน แรงลัพธ์จะเท่ากับผลรวมของแรง ทั้งหมด วัตถุจึงเคลื่อนที่ไปทิศทางนั้นด้วย - หากแรง 2 แรง ที่มีขนาดไม่เท่ากันมากระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกัน แต่ทิศทางตรงข้ามกัน แรงลัพธ์จะมี ค่าเท่ากับการหักล้างกันของแรงทั้งสองบางส่วน วัตถุจึงเคลื่อนที่ไปทิศทางของแรงที่มากกว่า - หากแรง 2 แรง ที่มีขนาดเท่ากันมากระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกัน แต่ทิศทางตรงข้ามกัน แรงลัพธ์จะมีค่าเป็น ศูนย์วัตถุจึงหยุดนิ่งไม่มีการเคลื่อนที่ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้(K) 2. ทำการทดลองเกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 3. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันได้(P) 4. เขียนแผนภาพแสดงแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 5. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และการทำงานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทาต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่ง 5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่1 ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 3 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง แรงลัพธ์1 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูทักทายกับนักเรียน และแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ให้นักเรียนฟังว่า “หากมีตู้1 หลังอยู่ในห้องเรียนและนักเรียนต้องการเคลื่อนย้ายให้ตู้ ออกจากห้อง นักเรียนจะมีวิธีการเคลื่อนย้ายอย่างไรให้สะดวกและรวดเร็วที่สุด” จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้ 1) ถ้านักเรียนพาเพื่อน ๆ ไปย้ายตู้นักเรียนจะให้เพื่อนช่วยดำเนินการอย่างไร (แนวตอบ : ช่วยกันออกแรง ผลัก แรงดัน ดึง ตู้ให้เคลื่อนที่) 2) นักเรียนจะมีวิธีการออกแรงอย่างไรให้เคลื่อนตู้ได้เร็วขั้น (แนวตอบ : ช่วยกันออกแรงผลักหรือดึงไปในทางเดียวกัน) 3) นักเรียนสังเกตเห็นการออกแรงและการเคลื่อนที่ของตู้นั้นเป็นอย่างไร (แนวตอบ : แรงที่กระทำและทิศทางการเคลื่อนที่ของตู้ไปในทิศทางเดียวกัน) 3. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน 4. นักเรียนอ่านสาระสำคัญและดูภาพจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน้า 66 จากนั้นครูถามนักเรียนว่า ภาพนี้เกี่ยวข้องกับแรงอย่างไรบ้าง (แนวตอบ : เกี่ยวข้องกับแรงเสียดทาน ทำให้การเคลื่อนที่ช้าลง) ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในบทที่ 1 โดยครูอาสาสมัครนักเรียน 1 คน ให้เป็นผู้อ่านนำและให้ นักเรียนที่เหลือเป็นผู้อ่านตาม ดังนี้ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมนำสู่การเรียน โดยอ่านสถานการณ์จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 68 แล้วช่วยกันตอบคำถามทั้ง 3 ข้อ โดยเขียนคำตอบลงในสมุดประจำตัว หรือใน แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 จากนั้นนำเสนอคำตอบของกลุ่มหน้าชั้นเรียน เพื่ออภิปรายและสรุปคำตอบร่วมกัน ดังนี้ 1) หากทีมสีฟ้าและทีมสีแดงดึงเชือกด้วยแรงที่เท่ากัน เชือกจะเคลื่อนที่หรือไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : ถ้ามีการกระทำต่อวัตถุในทิศทางตรงข้าม โดยค่าของแรงเท่ากัน จะทำให้เชือกไม่เคลื่อนที่) 2) หากกรรมการให้ทีมสีแดงเพิ่มสมาชิกได้อีก 2 คน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เพราะอะไร (แนวตอบ : เชือกจะเคลื่อนที่มาทางทีมสีแดง เพราะทีมสีแดงมีผลรวมของหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุเดียวกัน มากกว่าสีฟ้า) 3) หากต้องการทำให้เชือกมีการเคลื่อนที่ไปทางฝั่งทีมสีฟ้านักเรียนคิดว่าต้องทำอย่างไร (แนวตอบ : เพิ่มสมาชิกให้ทีมสีฟ้ามากกว่าทีมสีแดง เพราะทีมสีฟ้าจะได้มีผลรวมหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุ เดียวกันมากกว่าทีมสีแดง) ขั้นนำ ขั้นสอน คาบที่2 Resultant Force (ริ’ซัลทันท ฟอซ) แรงลัพธ์ Force (ฟอซ) แรง Push (พุช) ผลัก Pull (พุล) ดึง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 3. นักเรียนทุกคนร่วมกันศึกษาข้อมูลและภาพเกี่ยวกับแรงลัพธ์จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 69 จากนั้นครูตั้ง คำถามว่า กิจกรรมใดบ้างที่ต้องออกแรงหลายแรงร่วมกัน เพื่อทำให้วัตถุเคลื่อนที่แล้วขออาสาสมัครนักเรียนให้ตอบ คำถาม 2-3 คน (แนวตอบ : เช่น การเข็นรถยนต์การยกตู้การเล่นชักเย่อ) (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล) 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การออกแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุในทิศทางเดียวกัน จะมีค่าเท่ากับแรงเพียงแรง เดียวผลลัพธ์ของแรงหลายแรงนี้เรียกว่า แรงลัพธ์ 5. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่กระทำต่อวัตถุในทิศทางเดียวกันเท่ากับผลรวม ของแรงทั้งสองแรงนั้นจริงหรือไม่อย่างไร ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานที่หน้าชั้นเรียน โดยจับสลากหมายเลขกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่ง ตัวแทน ออกนำเสนอตามลำดับ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมตอนที่ 1 จนได้ข้อสรุปว่า - การใช้เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง ชั่งสิ่งของจะเท่ากับหรือใกล้เคียงกับผลรวมค่าของแรงที่อ่านได้จากการใช้ เครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง ชั่งสิ่งของ ดังนั้น แรง 2 แรง ที่มีทิศทางเดียวกันจะมีแรงลัพธ์เพียงแรงเดียว ซึ่งเป็นผลรวม ของแรงทั้งสองแรงนั่นเอง 3. จากนั้นให้นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรมตอนที่ 2 จนได้ข้อสรุปว่า - แรงลัพธ์คือ ผลรวมของแรงตั้งแต่2 แรง ขึ้นไปที่ร่วมกันกระทาต่อวัตถุเดียวกัน จึงมีผลทาให้วัตถุนั้น เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1.ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับแรงลัพธ์วิธีการหาแรงลัพธ์และการใช้ประโยชน์จากแรงลัพธ์จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์หน้า 72-76 2. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนแล้วให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทานเพิ่มเติมจากสื่อดิจิทัลในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์โดยใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เรื่อง วิธีหาแรงลัพธ์จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 73 3. นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลมาอภิปรายและร่วมกันสรุปภายในชั้นเรียน โดยให้ครูคอยอธิบาย เพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง 4. ครูอธิบายเสริมให้นักเรียนเข้าใจเพิ่มเติมว่า ในการวัดแรงนั้น นักเรียนสามารถใช้เครื่องชั่งสปริงวัดค่าของแรงลัพธ์ที่ เกิดขึ้นได้ซึ่งมีหน่วยเป็นนิวตัน โดยมีการเรียกตามชื่อของเซอร์ไอแซก นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วง ของโลก และผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องแรง 5. นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 71 ลงในสมุดประจำตัว หรือใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 ขั้นสรุป คาบที่3
6. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้เรียนผ่านมาจากหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 บท ที่1แรงลัพธ์โดยสุ่มเรียกชื่อนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเองได้รับความรู้อะไรบ้าง 7. นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเรื่อง แรงลัพธ์โดยเขียนเป็นแผนผังความคิดลงในสมุดประจำตัว หรือทำใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล) 8. นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ข้อ 1-3 ลงในสมุดประจำตัว หรือทำใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล) 9. นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมท้าทายการคิดขั้นสูงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ เรื่อง แรงลัพธ์ 2. ครูและนักเรียนสรุปเพิ่มเติมอีกว่า “ในชีวิตประจำวันของเรามีการนาแรงลัพธ์มาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น การปั่น จักรยานพ่วง การใช้สุนัขลากเลื่อน ซึ่งเกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปตามทิศทางของแรง และถ้าผล ของแรงลัพธ์ที่มีค่าเป็นศูนย์ก็จะทำให้สิ่งต่างๆ เกิดการหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้เช่นกัน” 3. ให้นักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 76 จากนั้นครูถามนักเรียนเป็นรายบุคคล ตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนหลังจากการเรียน หากนักเรียน คนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ที่ควรปรับปรุง ให้ครูทบทวนบทเรียนหรือหากิจกรรมอื่นซ่อมเสริม เพื่อให้ นักเรียนมีความรู้ความใจในบทเรียนมากขึ้น 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาแผนผังความคิดสรุปสาระสำคัญประจาหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 บทที่1 แรงลัพธ์ใน หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 77 จากนั้นครูสุ่มเลือกนักเรียนเป็นรายบุคคลให้บอกเล่าความรู้ความเข้าใจที่ได้รับจาก การเรียนในหน่วยการเรียนรู้นี้ 5. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1 อธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรง หลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำ ต่อวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทำการทดลองเกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้ (P) 2. เขียนแผนภาพแสดง แรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนว เดียวกันได้(P) 3. เขียนแผนภาพแสดง แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 1. ใบงานที่ 3.1 เรื่อง แรงลัพธ์ 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน
คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และ การทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตลอดเวลา (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจาวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น เครื่องชั่งสปริง ดินน้ำมัน ถุงพลาสติก 4) วัสดุ-อุปกรณ์กิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น กรรไกร รองเท้า ผ้า 5) QR Code เรื่อง วิธีหาแรงลัพธ์ 6) PowerPoint 7) สมุดประจำตัวนักเรียน 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 12-13 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่งจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ ป.5/3 ใช้เครื่องชั่งสปริงในการวัดแรงที่กระทำต่อวัตถุ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงลัพธ์คือ ผลรวมของแรงตั้งแต่2 แรงขึ้นไป ที่ร่วมกันกระทำต่อวัตถุเดียวกัน จึงมีผลทำให้วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์ซึ่งผลของแรงลัพธ์เกิดขึ้นได้3 กรณีดังนั้น - หากแรงหลายแรงมากระทาต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกันและทิศทางเดียวกัน แรงลัพธ์จะเท่ากับผลรวมของแรง ทั้งหมด วัตถุจึงเคลื่อนที่ไปทิศทางนั้นด้วย - หากแรง 2 แรง ที่มีขนาดไม่เท่ากันมากระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกัน แต่ทิศทางตรงข้ามกัน แรงลัพธ์จะมี ค่าเท่ากับการหักล้างกันของแรงทั้งสองบางส่วน วัตถุจึงเคลื่อนที่ไปทิศทางของแรงที่มากกว่า - หากแรง 2 แรง ที่มีขนาดเท่ากันมากระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งในแนวเดียวกัน แต่ทิศทางตรงข้ามกัน แรงลัพธ์จะมีค่าเป็น ศูนย์วัตถุจึงหยุดนิ่งไม่มีการเคลื่อนที่ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้(K) 2. ทำการทดลองเกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 3. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันได้(P) 4. เขียนแผนภาพแสดงแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 5. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และการทำงานที่ได้รับมอบหมายตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีที่วัตถุอยู่นิ่ง 5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่1 ภาคเรียนที่ ……1…/……..……... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 3 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง แรงลัพธ์2 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1.ครูยกตัวอย่างจากคาบที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเข้าใจให้นักเรียน 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนคิดกิจกรรมคนละ 1 กิจกรรม เกี่ยวกับการใช้แรงในชีวิตประจำวัน และครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน ออกมาเขียนกิจกรรมที่นักเรียนคิดไว้บนกระดานหน้าชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ากิจกรรม ที่เขียนบนกระดานใช้แรงอะไรบ้าง 3. ครูให้นักเรียนดูภาพในหน้าบทที่ 1 แรงลัพธ์จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 67 แล้วถามคำถามสำคัญประจำ บทว่า แรงลัพธ์คืออะไร และมีลักษณะอย่างไร จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันอธิบาย (แนวตอบ : แรงลัพธ์คือ ผลรวมของแรงตั้งแต่2 แรงขึ้นไป ที่ร่วมกันกระทำต่อวัตถุเดียวกัน จึงมีผลทำให้ วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์) ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลุ่มทำการทดลองและอธิบายเรื่อง การหาแรงลัพธ์โดยให้นักเรียนแต่ ละกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมที่1 การหาแรงลัพธ์ตอนที่1 โดยศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 70 โดยให้ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) ให้แต่ละกลุ่มนำดินน้ำมันใส่ถุงพลาสติกหูหิ้ว แล้วนามาเกี่ยวที่ตะขอของเครื่องชั่งสปริงและถือเครื่องชั่ง สปริงในแนวดิ่ง จากนั้นอ่านค่าของแรงและบันทึกผลลงในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 2) ชั่งน้ำหนักของถุงก้อนหินอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ใช้เครื่องชั่งสปริง 2 อัน โดยนาหูหิ้วของถุงพลาสติกเกี่ยวที่ ตะขอเครื่องชั่งข้างละหูและให้ถือเครื่องชั่งสปริงในแนวดิ่ง เพื่ออ่านค่าของแรงและบันทึกผล 3) ร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลอง 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมที่ 1 ตอนที่2 โดยศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์หน้า 71 และปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนให้ครบถ้วน แล้วบันทึกผลลงในในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทากิจกรรมตอนที่ 1 จนได้ข้อสรุปว่า - การใช้เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง ชั่งสิ่งของจะเท่ากับหรือใกล้เคียงกับผลรวมค่าของแรงที่อ่านได้จากการใช้ เครื่องชั่งสปริง 2 เครื่อง ชั่งสิ่งของ ดังนั้น แรง 2 แรง ที่มีทิศทางเดียวกันจะมีแรงลัพธเพียงแรงเดียว ซึ่งเป็นผลรวม ของแรงทั้งสองแรงนั่นเอง 2. จากนั้นให้นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรมตอนที่ 2 จนได้ข้อสรุปว่า -แรงลัพธ์คือ ผลรวมของแรงตั้งแต่2 แรง ขึ้นไปที่ร่วมกันกระทาต่อวัตถุเดียวกัน จึงมีผลทาให้วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นนำ ขั้นสอน คาบที่2 คาบที่3
ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเรื่อง แรงลัพธ์โดยเขียนเป็นแผนผังความคิดลงในสมุดประจำตัว หรือทำใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 2. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพื่อทากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน ออกแบบและประดิษฐ์ กระถาง แขวนสำหรับปลูกพืช โดยศึกษาขั้นตอนการทาจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 79 แล้วนำมาส่งในชั่วโมงถัดไป โดยให้เตรียมการนำเสนอหน้าชั้นเรียนในรูปแบบที่น่าสนใจ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การหาแรงลัพธ์ในสมุดประจำตัวหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 2. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจำตัวหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมสรุปความรู้ประจำบทที่1 ในสมุดประจำตัวหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 4. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 1 ในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 5. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมท้ายบทการคิดขั้นสูงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 6. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงาน การประดิษฐ์รองเท้าที่มีพื้นผิวเหมาะสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ 7. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์หน้า 50-53 8. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1 อธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรง หลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำ ต่อวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทำการทดลองเกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรง ในแนวเดียวกันที่กระทาต่อวัตถุได้ (P) 2. เขียนแผนภาพแสดง แรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนว เดียวกันได้(P) 3. เขียนแผนภาพแสดง แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุได้(P) 1. ใบงานที่ 3.1 เรื่อง แรงลัพธ์ 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ขั้นสรุป
คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และ การทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตลอดเวลา (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น เครื่องชั่งสปริง ดินน้ำมัน ถุงพลาสติก 4) วัสดุ-อุปกรณ์กิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น กรรไกร รองเท้า ผ้า 5) QR Code เรื่อง วิธีหาแรงลัพธ์ 6) PowerPoint 7) สมุดประจำตัวนักเรียน 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ใบงานที่ 3.1 เรื่อง แรงลัพธ์ การทดลอง หาแรงลัพธ์ ขั้นตอนการทดลอง ปัญหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …. กำหนดสมมุติฐาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …. ทดลอง 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5−6 คน 2. แต่ละกลุ่มพับกระดาษแข็งเป็นรูปกระบะ ให้มีความกว้างมากกว่าความกว้างของแท่งไม้มีขอบสูงประมาณ 1 นิ้ว นำเม็ด พลาสติกมาเกลี่ยให้ทั่ว แล้ววางกระบะไม้ไว้บนโต๊ะ 3. ตอกตะปูด้านบนแท่งไม้ข้างละ 1 ตัว นำไปวางตรงกลางของกระบะ นำปลายเชือกด้านหนึ่งผูกกับตะปู ส่วนอีกข้างของ ปลายเชือกผูกกับตะขอลวดให้ห้อยอยู่ทั้ง 2 ข้างของกระบะ ดังรูป การจัดอุปกรณ์เพื่อทดลองหาแรงลัพธ์ 4. ใส่นอตที่ตะขอลวดด้านขวา 1 ตัว สังเกตการเคลื่อนที่ของแท่งไม้ จับเวลาที่มาถึง ขอบ 5. ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 4 แต่ใช้จำนวนนอตตามที่กำหนดในตาราง รวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมูลโดยบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่นักเรียนสังเกตได้ลงในตารางบันทึกผล ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน 1. การตั้งสมมุติฐาน 2. การสังเกต 3. การทดลอง 4. การตีความหมายข้อมูลและการลง ข้อสรุป อุปกรณ์ 1. กระดาษแข็ง 1 แผ่น 2. แท่งไม้ 1 แท่ง 3. ตะปู 2 ตัว 4. เชือก 2 เส้น 5. นอตตัวเมียขนาดเท่ากัน 9 ตัว 6. ตะขอลวด 2 อัน 7. เม็ดพลาสติก 1 ถุง 8. นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน 9. โต๊ะ 1 ตัว 10. ค้อน 1 อัน
บันทึกผล จำนวนนอต (ตัว) ทิศที่แท่งไม้เคลื่อนที่ เวลาที่ถึงขอบ (วินาที) ด้านซ้าย ด้านขวา 0 1 1 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 4 แปลความหมายข้อมูล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรุป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำถามประกอบกิจกรรม ก่อนการทดลอง 1. นักเรียนควรเตรียมตัวก่อนการทดลองในเรื่องใดบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ระหว่างการทดลอง 2. ในระหว่างปฏิบัติกิจกรรมมีอุปสรรคหรือไม่ และแก้ไขด้วยวิธีใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หลังการทดลอง 3. ตัวแปรต้น (ตัวแปรอิสระ) และตัวแปรตาม (ตัวแปรไม่อิสระ) ของกิจกรรมนี้คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สิ่งที่นักเรียนสังเกตได้จากการทดลองตรงกับที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. นักเรียนได้ประโยชน์อะไรจากการปฏิบัติกิจกรรมนี้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3.1 เฉลย เรื่อง แรงลัพธ์ การทดลอง หาแรงลัพธ์ ขั้นตอนการทดลอง ปัญหา แรง 2 แรง มีทิศทางตรงกันข้ามกระทำต่อวัตถุจะเกิดผลอย่างไร กำหนดสมมุติฐาน แรง 2 แรง ที่มีทิศทางตรงกันข้ามกระทำต่อวัตถุผลของแรงน่าจะรวมกันหรือหักล้างกัน ทดลอง 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5−6 คน 2. แต่ละกลุ่มพับกระดาษแข็งเป็นรูปกระบะ ให้มีความกว้างมากกว่าความกว้างของแท่งไม้มีขอบสูงประมาณ 1 นิ้ว นำเม็ด พลาสติกมาเกลี่ยให้ทั่ว แล้ววางกระบะไม้ไว้บนโต๊ะ 3. ตอกตะปูด้านบนแท่งไม้ข้างละ 1 ตัว นำไปวางตรงกลางของกระบะ นำปลายเชือกด้านหนึ่งผูกกับตะปู ส่วนอีกข้างของ ปลายเชือกผูกกับตะขอลวดให้ห้อยอยู่ทั้ง 2 ข้างของกระบะ ดังรูป การจัดอุปกรณ์เพื่อทดลองหาแรงลัพธ์ 4. ใส่นอตที่ตะขอลวดด้านขวา 1 ตัว สังเกตการเคลื่อนที่ของแท่งไม้ จับเวลาที่มาถึง ขอบ 5. ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 4 แต่ใช้จำนวนนอตตามที่กำหนดในตาราง รวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมูลโดยบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่นักเรียนสังเกตได้ลงในตารางบันทึกผล ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน 1. การตั้งสมมุติฐาน 2. การสังเกต 3. การทดลอง 4. การตีความหมายข้อมูลและการลง ข้อสรุป อุปกรณ์ 1. กระดาษแข็ง 1 แผ่น 2. แท่งไม้ 1 แท่ง 3. ตะปู 2 ตัว 4. เชือก 2 เส้น 5. นอตตัวเมียขนาดเท่ากัน 9 ตัว 6. ตะขอลวด 2 อัน 7. เม็ดพลาสติก 1 ถุง 8. นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน 9. โต๊ะ 1 ตัว 10. ค้อน 1 อัน
บันทึกผล จำนวนนอต (ตัว) ทิศที่แท่งไม้เคลื่อนที่ เวลาที่ถึงขอบ (วินาที) ด้านซ้าย ด้านขวา 0 1 ไปทางขวา ตามที่นับได้ 1 1 อยู่กับที่ ตามที่นับได้ 1 2 ไปทางขวา ตามที่นับได้ 2 3 ไปทางขวา ตามที่นับได้ 3 4 ไปทางขวา ตามที่นับได้ 4 5 ไปทางขวา ตามที่นับได้ 5 4 ไปทางซ้าย ตามที่นับได้ แปลความหมายข้อมูล เมื่อจำนวนนอตที่ห้อยอยู่กับตะขอลวดแต่ละข้างไม่เท่ากันแท่งไม้จะเคลื่อนที่ไปในทิศที่มีจำนวนนอตมากกว่า โดยมี ขนาดของแรงเท่ากับแรงที่เทียบได้จากนอต 1 ตัว และเมื่อจำนวนนอตที่ห้อยอยู่กับตะขอลวดเท่ากัน แท่งไม้จะไม่เคลื่อนที่ สรุป เมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุมากกว่า 1 แรง จะเหมือนมีแรงเพียงแรงเดียวกระทำ ซึ่งมีค่าเท่ากับผลต่างของแรงเหล่านั้น คำถามประกอบกิจกรรม ก่อนการทดลอง 1. นักเรียนควรเตรียมตัวก่อนการทดลองในเรื่องใดบ้าง ฝึกใช้นาฬิกาจับเวลา ระหว่างการทดลอง 2. ในระหว่างปฏิบัติกิจกรรมมีอุปสรรคหรือไม่ และแก้ไขด้วยวิธีใด พิจารณาจากคำตอบนักเรียน หลังการทดลอง 3. ตัวแปรต้น (ตัวแปรอิสระ) และตัวแปรตาม (ตัวแปรไม่อิสระ) ของกิจกรรมนี้คืออะไร ตัวแปรต้น ได้แก่ จำนวนนอต ตัวแปรตาม ได้แก่ ทิศที่แท่งไม้เคลื่อนที่ 4. สิ่งที่นักเรียนสังเกตได้จากการทดลองตรงกับที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ ตรงกับที่ตั้งสมมุติฐานไว้ 5. นักเรียนได้ประโยชน์อะไรจากการปฏิบัติกิจกรรมนี้ การเคลื่อนย้ายสิ่งของหลายคนจะช่วยให้ย้ายได้สะดวกขึ้น
สัปดาห์ที่ 13-14 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/3 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ป.5/4 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุสองชิ้น โดยผิววัตถุหนึ่งต้านทานการเคลื่อนที่ของผิว วัตถุอีกผิวหนึ่ง ซึ่งแรงเสียดทานจะมีทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้นๆ ซึ่งแรงเสียดทานมีผลทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เกิดการเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 2. ทดลองและสรุปผลเกี่ยวกับแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(P) 3. ให้ความสนใจและให้ความร่วมมือในการเรียนรู้ตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุเพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น 5. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูทักทายกับนักเรียนและครูถามคำถามกระตุ้นความคิดว่า ในชีวิตประจำวันนักเรียนคิดว่ากิจกรรมใดบ้างที่จะทำ ให้เกิดแรงเสียดทาน ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น (แนวตอบ : เช่น การเข็นรถ การเดิน การปั่นจักรยาน) คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 3 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง แรงเสียดทาน 1 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันสังเกตภาพ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน้า 80 แล้วให้นักเรียนแสดงความ คิดเห็นร่วมกันว่า การปั่นจักรยานเกี่ยวข้องกับแรงเสียดทานหรือไม่อย่างไร ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามความเข้าใจของ ตนเอง (โดยให้อธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น) 2. ครูถามนักเรียนว่าทราบหรือไม่ว่า แรงเสียดทาน หมายถึงอะไร (แนวตอบ : แรงเสียดทาน คือ แรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ2 ชนิด โดยเป็นแรงที่ต้านทางการ เคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ซึ่งแรงเสียดทานเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกันระหว่างผิวของวัตถุกับพื้นผิวที่วัตถุเคลื่อนที่ไป) ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) ต่อ 3. ครูถามนักเรียนว่า มีนักเรียนคนใดเคยลากของบนไม้กระดานเรียบๆ บนพื้นถนนที่ขรุขระบ้างหรือไม่ถ้ามีให้ นักเรียนคน นั้นกล่าวความรู้สึกว่าขณะที่ลากของว่ารู้สึกอย่างไร จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่า แรงเสียดทานเกิดจาก การสัมผัสกันระหว่างวัตถุ2 ชนิด ดังนี้ - ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2 ชนิด เรียบ จะเกิดแรงเสียดทานน้อย วัตถุเคลื่อนที่ได้มาก - ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2 ชนิด ไม่เรียบ จะเกิดแรงเสียดทานมาก วัตถุเคลื่อนที่ได้น้อย 4. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 82 จากนั้นครูให้นักเรียนตอบคำถามลงใน สมุดดังนี้ 1) จากภาพต่างๆ ในหนังสือ เป็นเหตุการณ์ใดบ้าง (แนวตอบ เด็กเตะฟุตบอล เด็กเข็นรถของเล่น เด็กเล่นสไลเดอร์เด็กเล่นสเกตบอร์ด เด็กเล่นสกี) 2) นักเรียนคิดว่า กิจกรรมในภาพ เกี่ยวข้องกับแรงเสียดทานหรือไม่ (แนวตอบ เกี่ยวข้อง เพราะแรงเสียดทานเกิดจากการสัมผัสระหว่างผิวของวัตถุกับพื้นผิวที่วัตถุเคลื่อนที่ไป โดยมีทิศทางของแรงตรงกันข้ามกับทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุและทุกกิจกรรมก็เป็นแรงเสียดทาน ) 3) นักเรียนคิดว่า กิจกรรมในชีวิตประจำของเราเกี่ยวข้องกับแรงเสียดทานหรือไม่อย่างไร (แนวตอบ เกี่ยวข้อง เพราะการทำกิจกรรมต่างๆ ของเรามักแรงเสียดทานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกายใน การทำกิจกรรมต่างๆ) (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. นักเรียนทุกกลุ่มออกมานำเสนอข้อมูลการทดลองของกิจกรรมที่ 1 ลักษณะของแรงเสียดทานที่หน้าชั้นเรียนทีละ กลุ่มจากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมตอนที่ 1 จนได้ข้อสรุป ดังนี้ - เมื่อปล่อยลูกปิงปองกลิ้งลงตามแผ่นกระดาษแข็งและกลิ้งไปบนพื้นห้องที่เรียบ ลูกปิงปองจะกลิ้งได้ระยะ ทางไกลกว่าการที่ลูกปิงปองกลิ้งลงมาตามแผ่นกระดาษแข็งและกลิ้งต่อบนผ้าขนหนูไปได้ไม่ไกลเท่ากับบนพื้น เพราะว่าขนาดของแรงเสียดทานบนพื้นห้องน้อยกว่าบนผ้าขนหนูทำให้ลูกปิงปองที่กลิ้งบนพื้นห้องไปได้ไกลกว่า นั่น แสดงให้เห็นว่าขนาด ของแรงเสียดทานจะเกิดขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผิวสัมผัสของวัตถุด้วย 2. ครูสรุปความรู้เพิ่มเติมให้นักเรียนฟังอีกครั้งเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจของนักเรียนว่า “ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2ชนิดเรียบ จะเกิดแรงเสียดทานน้อยทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้มาก แต่ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2 ชนิดไม่เรียบ จะเกิดแรงเสียดทาน มากทาให้วัตถุเคลื่อนที่ได้น้อย” ครูคอยสังเกตการทากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด พร้อมกับคอยให้คำแนะนำ กับนักเรียนที่มีข้อสงสัยระหว่างการทำกิจกรรม ขั้นสอน คาบที่3 คาบที่2
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะของแรงเสียดทาน และสังเกตแผนภาพการแสดงการเกิดแรงเสียดทาน ระหว่างผิว ของลูกฟุตบอลกับพื้นสนามหญ้า จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 85 2. ครูขออาสานักเรียนออกมา 1 คน เพื่อทาการสาธิตการเตะรับลูกบอลในพื้นสนามให้เพื่อน ๆ ดูว่า สิ่งที่นักเรียน ศึกษาจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์นั้นเป็นจริงหรือไม่ 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายภาพแสดงการเกิดแรงเสียดทานระหว่างผิวลูกฟุตบอลกับพื้นสนามหญ้าและการสาธิตการ เตะรับลูกบอลในพื้นสนาม โดยครูคอยช่วยเสริมและอธิบายในประเด็นเพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ดังนี้ -การที่นักเรียนเตะบอลไปข้างหน้าในพื้นสนามทาให้ลูกบอลเคลื่อนที่สิ่งที่จะทาให้เกิดแรงเสียดทาน คือ พื้นผิวของ ลูกบอลกับพื้นผิวของพื้นสนามสัมผัสกันซึ่งจะทาให้ลูกบอลเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดการเคลื่อนที่ 4. ครูอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทานเพิ่มเติมจากสื่อดิจิทัลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 86 เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทาน ดังนี้ - น้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุที่กดลงบนพื้นผิว ถ้าน้าหนักหรือแรงกดของวัตถุมาก จะเกิดแรงเสียดทานมาก ถ้าน้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุน้อย จะเกิดแรงเสียดทานน้อย - ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส ถ้าพื้นผิวเรียบก็จะเกิดแรงเสียดทานน้อย ถ้าพื้นผิวไม่เรียบก็จะเกิดแรงเสียดทาน มาก - ผลของแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น จะทำให้การเดินของไม่ลื่นไหลเนื่องจากเกิดแรงเสียดทานระหว่างรองเท้ากับ พื้นผิวที่เดิน เป็นต้น) ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูสุ่มนักเรียนตามเลขที่ 5-6 คน ให้ออกมาอธิบายความรู้เกี่ยวกับผลของแรงเสียดทานที่มีต่อวัตถุจากนั้นให้ นักเรียนทั้งห้องร่วมกันสรุปความรู้ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมนาสู่การเรียนในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ลักษณะของแรงเสียดทาน ในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 5. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจำตัว หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1. สังเกตและระบุผลของแรงเสียด ทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ขั้นสรุป
ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทดลองและสรุปผลเกี่ยวกับแรง เสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุได้(P) 1. ใบงานที่ 3.2 เรื่อง แรงลัพธ์ 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 3. ให้ความสนใจและให้ความ ร่วมมือในการเรียนรู้ตลอดเวลา (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจาวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น โต๊ะเรียน ผ้าขนหนูตลับเมตร หนังยาง ลูกปิงปอง กระดาษแข็ง หนังสือ 4) ลูกฟุตบอล 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 14-15 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/3 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ป.5/4 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุสองชิ้น โดยผิววัตถุหนึ่งต้านทานการเคลื่อนที่ของผิววัตถุอีก ผิวหนึ่ง ซึ่งแรงเสียดทานจะมีทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้นๆ ซึ่งแรงเสียดทานมีผลทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่เกิดการ เคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง 3.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 2. ทดลองและสรุปผลเกี่ยวกับแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(P) 3. ให้ความสนใจและให้ความร่วมมือในการเรียนรู้ตลอดเวลา (A) 4. สาระการเรียนรู้ แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุเพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น 5. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ให้นักเรียนคนที่ 1 โยนบอลให้กลิ้งไปบนพื้นที่เป็นสนามหญ้า และให้นักเรียนคนที่ 2 โยนบอลให้กลิ้งไปบนพื้นที่เป็นสนามปูนซีเมนต์เรียบด้วยแรงเท่า ๆ กัน จากนั้นครูตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายดังนี้ 1) ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร 2) ลูกบอลที่กลิ้งไปกับพื้นหญ้าและพื้นปูนซีเมนต์แตกต่างกันอย่างไร 3) ลูกบอลลูกใดหยุดก่อน เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 3 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง แรงเสียดทาน 2 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
2. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาถามและตอบคำถามตามความเข้าใจ โดยครูคอยช่วยเสริมคำตอบเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น 3. ครูแจ้งชื่อเรื่องที่จะเรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในบทที่ 2 แรงเสียดทาน โดยครูสุ่มเลือกตัวแทนหรือขอ อาสาสมัครนักเรียน 1 คน ออกมาหน้า ชั้นเรียนเพื่อเป็นผู้อ่านนำ และให้เพื่อนคนอื่นๆ อ่านตาม ดังนี้ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 2. นักเรียนบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน (เก่ง ปานกลาง และอ่อน) จากนั้นให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาสถานการณ์ที่ กำหนดในกิจกรรมนาสู่การเรียนจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน้า 81 แล้วช่วยกันตอบคำถามโดยเขียน คำตอบลงในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 และนำเสนอคำตอบของกลุ่มหน้าชั้นเรียน เพื่ออภิปรายและสรุปคำตอบร่วมกันจากคำถาม ดังนี้ 1) นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดตั้มจึงปั่นจักรยานผ่านพื้นทรายได้ยากลำบาก (แนวตอบ : เพราะพื้นทรายมีลักษณะของผิวสัมผัสหยาบขรุขระจึงทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างล้อ รถจักรยานกับพื้นทรายจึงทำให้ปั่นจักรยานผ่านพื้นทรายได้อย่างยากลำบาก) 2) หากนักเรียนมีโอกาสได้ปั่นจักรยานผ่านพื้นทรายจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับตั้มหรือไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับตั้ม เพราะการปั่นจักรยานบนพื้นทรายที่มีผิวสัมผัสที่หยาบทำให้เกิด แรงเสียดทานระหว่างล้อรถจักรยานกับพื้นทรายจึงทำให้ปั่นจักรยานผ่านพื้นทรายได้ยาก) 3) การปั่นจักรยานผ่านพื้นคอนกรีตกับพื้นทรายมีความแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : พื้นทรายมีลักษณะของผิวสัมผัสหยาบขรุขระจึงทำให้เกิดแรงเสียดทานมากกว่าพื้นคอนกรีต เพราะมีลักษณะของผิวสัมผัสไม่หยาบขรุขระเท่ากับพื้นทรายจึงทาให้เกิดแรงเสียดทานน้อย) 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคำตอบที่ถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) ต่อ 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน โดยใช้กลุ่มเดิมจากชั่วโมงที่ผ่านมา จากนั้นศึกษาขั้นตอนการทำกิจกรรมที่ 1 ลักษณะของแรงเสียดทาน ตอนที่ 1-2 โดยอ่านจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 83-84 แล้วเตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ ดังนี้ ขั้นสอน Movement (มูฟวมึนท) การเคลื่อนที่ Surface (เซอเฟ็ส) พื้นผิว Friction Force (ฟริคชัน ฟอซ) แรงเสียดทาน คาบที่2
- 5. ครูอธิบายจุดประสงค์ของการทำกิจกรรม และขั้นตอนในการทำกิจกรรมทั้ง 2 ตอนพอเข้าใจ จากนั้นให้นักเรียน ช่วยกันตั้งสมมติฐาน และกำหนดตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง แล้วให้นักเรียนบันทึกผลการทดลองลงในสมุด หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทากิจกรรมตอนที่ 2 จนได้ข้อสรุป ดังนี้ - แรงเสียดทานเป็นแรงที่ต้านทานการเคลื่อนที่ของวัตถุจึงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุแรงเสียดทานจะ เกิดขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้าหนักของวัตถุและพื้นผิวสัมผัสของวัตถุ ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 86-88 แล้วนำข้อมูลอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของแรงเสียดทาน ผลของแรงเสียดทานที่มีต่อวัตถุและร่วมกันสรุปผลภายในชั้นเรียน โดยให้ครูคอยอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง 2. นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมหนูตอบได้ลงในสมุดประจำตัวนักเรียนจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน่วยที่3 แรง ในชีวิตประจำวัน บทที่ 2 แรงเสียดทาน ดังนี้ 1) แรงเสียดทานจะมีมากหรือมีน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งใด เพราะอะไร (แนวตอบ : ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส เพราะถ้าพื้นผิวเรียบก็จะเกิดแรงเสียดทานน้อย ถ้าพื้นผิวไม่เรียบก็จะ เกิดแรงเสียดทานมาก) 2) ยกตัวอย่างกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงเสียดทานมา 2 กิจกรรม (แนวตอบ : เด็กเตะฟุตบอล เด็กเข็นรถของเล่น เด็กเล่นสไลด์เดอร์เด็กเล่นสเกตบอร์ด เด็กเล่นสกี) 3) การเคลื่อนที่ของวัตถุมีความสัมพันธ์กับพื้นผิวสัมผัสหรือไม่อย่างไร (แนวตอบ : มีเพราะถ้าพื้นผิวสัมผัสเรียบการเคลื่อนที่ของวัตถุจะเคลื่อนที่ได้ดีถ้าพื้นผิวสัมผัสไม่เรียบการ เคลื่อนที่ของวัตถุจะเคลื่อนที่ช้าลง) 4) นักเรียนคิดว่าการแตะลูกบอลด้วยแรงที่เท่ากันบนพื้นซีเมนต์ที่แห้งกับสนามหญ้าที่เปียกการเตะลูกบอลที่ บริเวณใดจะทำให้ลูกบอลเคลื่อนที่ไปได้ไกลที่สุด เพราะอะไร (แนวตอบ : เด็กเตะฟุตบอลไปบนพื้นซีเมนต์ที่แห้ง เพราะบนพื้นซีเมนต์ที่แห้งเป็นพื้นผิวเรียบทาให้พื้นผิวลูก บอลที่มาสัมผัสเกิดแรงเสียดทานน้อยจึงทำให้ลูกบอลไปไกลกว่า การเตะลูกบอลที่สนามหญ้าที่เปียก เพราะ พื้นผิวไม่เรียบก็จะเกิดแรงเสียดทานมาก) ขั้นสรุป คาบที่3 โต๊ะเรียน 1 ตัว- หนังยาง4 เส้น -ผ้าขนหนู1 ผืน - ลูกปิ งปอง1 ลูก -ผ้าผิวเรียบ 4 ผืน กระดาษแข็ง 1 แผ่น - ตลับเมตร1 ตลับ - หนังสือ10-15 เล่ม
ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมนำสู่การเรียนในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ลักษณะของแรงเสียดทาน ในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจำตัว หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1. สังเกตและระบุผลของแรงเสียด ทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทดลองและสรุปผลเกี่ยวกับแรง เสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุได้(P) 1. ใบงานที่ 3.2 เรื่อง แรงลัพธ์ 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 3. ให้ความสนใจและให้ความ ร่วมมือในการเรียนรู้ตลอดเวลา (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น โต๊ะเรียน ผ้าขนหนูตลับเมตร หนังยาง ลูกปิงปอง กระดาษแข็ง หนังสือ 4) ลูกฟุตบอล 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) อินเทอร์เน็ต
8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 15 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/3 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายกิจกรรม ในการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานบางกิจกรรมต้องลด แรงเสียดทาน และในบางกิจกรรมต้องเพิ่มแรงเสียดทาน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุประโยชน์ของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 2. ทำการทดลองเกี่ยวกับประโยชน์ของแรงเสียดทานได้(P) 3. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย (A) 4. สาระการเรียนรู้ การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานสามารถนาไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ ) ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูทักทายและสนทนากับนักเรียนเกี่ยวประโยชน์ของแรงเสียดทานโดยการนำรองเท้าแตะ 2 คู่ มาให้นักเรียน ทดลองใส่ดังนี้ - นักเรียนคนที่ 1 ใส่รองเท้าแตะที่มีพื้นผิวรองเท้าเรียบไม่มีลวดลาย - นักเรียนคนที่ 2 ใส่รองเท้าแตะที่มีพื้นผิวรองเท้าไม่เรียบมีลวดลาย 2. ครูให้นักเรียนทั้ง 2 คน เดินแข่งกันไปเก็บของที่สนามพื้นปูนที่มีน้าเปียกอยู่และครูถาม นักเรียนที่เหลือว่า นักเรียนคนที่ใส่รองเท้าแตะพื้นผิวใดจะเก็บของได้ก่อนกัน เพราะเหตุใด (แนวตอบ : นักเรียนคนที่2 จะเก็บของได้ก่อน เพราะใส่รองเท้าแตะที่มีพื้นผิวที่ไม่เรียบ จึงทาให้เกิดแรง เสียดทานมากพื้นรองเท้าเกาะพื้นปูนได้ดีกว่าและไม่ลื่น แต่นักเรียนคนที่1 ใส่รองเท้าแตะที่มีพื้นผิวเรียบทำให้มีแรง เสียดทานน้อยอาจจะทาให้ลื่นและเกิดอันตรายได้) คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…………... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียดทาน 1 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. ครูตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า แรงเสียดทานมีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของเราหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ขึ้นอยู่กับคำตอบของนักเรียน ให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) 2. ครูนำบัตรภาพการเล่นฟุตบอล การปีนหน้าผาจำลอง การใช้กรรไกรตัดกระดาษ และล้อยางรถยนต์มาให้นักเรียน ดูและให้ร่วมกันอภิปรายว่า การทำกิจกรรมเหล่านี้ต้องมีการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานเพราะอะไร จากนั้นให้นักเรียนช่วยกัน ยกตัวอย่างเพิ่มเติม (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 3. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 89-90 แล้ว ให้ทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากข้อมูลที่ได้ศึกษา เพื่อเตรียมตัวทำกิจกรรม ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. ครูอธิบายการทำกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 91 โดยให้ศึกษาและปฏิบัติ กิจกรรมตามขั้นตอนให้ครบถ้วน แล้วบันทึกผลลงในสมุด 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรม จากนั้นส่งตัวแทนนำเสนอหน้าชั้นเรียน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติม ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. นักเรียนศึกษาแผนผังความคิด (Mind Mapping) สรุปสาระสำคัญ ประจำบทที่ 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า92 เพื่อตรวจสอบกับการเขียนสรุปความรู้ที่นักเรียนทำไว้ในสมุด 2. นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 93-94 ข้อ 1-5 ลงในสมุดประจำตัว หรือ ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน (ใช้กลุ่มเดิมจากชั่วโมงที่ผ่านมา) จากนั้นศึกษากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานจาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 95 แล้วให้ปฏิบัติกิจกรรมโดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1) ออกแบบและประดิษฐ์พื้นรองเท้าที่เหมาะสาหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ 2) นำเสนอแนวคิดและผลงานภายในชั้นเรียน (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานในการทำ กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้มากมาย เช่น - ทำให้วัตถุหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เช่น ช่วยหยุดรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ยางรถที่มีดอกยางช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี - การสร้างพื้นถนนต้องทำให้พื้นรถเกิดแรงเสียดทาน รถจึงจะเคลื่อนที่บนถนนโดยที่ล้อรถไม่หมุนอยู่กับที่ได้ - ช่วยในการหยิบจับสิ่งของโดยไม่ลื่นไหลไปมา - ช่วยในการเดินไม่ให้ลื่นไหล ขั้นสรุป ขั้นสอน คาบที่2
- การเดิน การวิ่ง ต้องการแรงเสียดทานมาช่วยในการเคลื่อนที่ดังนั้น จึงควรใส่รองเท้าพื้นยาง ไม่ควรใส่รองเท้า พื้นไม้เพราะรองเท้าพื้นยางให้แรงเสียดทานกับพื้นทางเดินได้มากกว่าพื้นรองเท้าที่เป็นไม้ทำให้เดินได้ง่าย กว่าชและเร็วกว่าโดยไม่ลื่นไถล นอกจากนี้พื้นรองเท้าต้องมีลวดลาย เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส 2. นักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 91 จากนั้นถามนักเรียนเป็นรายบุคคลตาม รายการข้อ 1-5 จากตาราง เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนหลังจากการเรียน หากนักเรียนคนใด ตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง ให้ครูทบทวนบทเรียนหรือหากิจกรรมอื่นซ่อมเสริม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในบทเรียนมากขึ้น 3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1. ระบุประโยชน์ของแรงเสียดทาน ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทำการทดลองเกี่ยวกับ ประโยชน์ของแรงเสียดทานได้(P) 1. ใบงานที่ 3.3 เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียด ทาน 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ มอบหมาย (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน 4) บัตรภาพ 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 15 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุลักษณะการเคลื่อนที่แบบ ต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/3 ระบุผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แรงเสียดทานมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายกิจกรรม ในการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานบางกิจกรรมต้องลด แรงเสียดทาน และในบางกิจกรรมต้องเพิ่มแรงเสียดทาน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุประโยชน์ของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 2. ทำการทดลองเกี่ยวกับประโยชน์ของแรงเสียดทานได้(P) 3. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย (A) 4. สาระการเรียนรู้ การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ ) ขั้นที่1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูทักทายและสนทนากับนักเรียนเกี่ยวประโยชน์ของแรงเสียดทานโดยการนารองเท้าแตะ 2 คู่ มาให้นักเรียน ทดลองใส่เช่นเดิม 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคาถามที่ครูถาม โดยครูคอยช่วยเสริมและสรุปคำตอบของนักเรียนเพื่อ เพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับนักเรียน 3. ครูแจ้งชื่อเรื่องที่จะเรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบว่า ขั้นที่2 สำรวจค้นหา (Exploration) คาบที่1 ขั้นนำ ขั้นสอน ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………......................................... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่3 แรงในชีวิตประจำวัน เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียดทาน 2 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนเล่นเกมการแข่งขันตอบคำถามและแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 3-4 คน เพื่อทำกิจกรรมการแข่งขัน โดย ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันให้ตรงกับ 2 ข้อ คือ 1) การลดแรงเสียดทาน และ 2) การเพิ่มแรง เสียดทาน ซึ่งครูให้เวลาแต่ละกลุ่มระดมความคิดตามเวลาที่เหมาะสม (แนวตอบ : ใส่รองเท้าเตะฟุตบอลเป็นการเพิ่มแรงเสียดทาน หยอดน้ามันประตูเป็นการลดแรงเสียดทาน) 2. หลังจากจบเกมแล้ว ครูให้นักเรียนทุกคนช่วยกันอภิปรายคำตอบของเพื่อน และสรุปคำตอบที่ถูกต้องร่วมกัน โดย ครูคอยตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า กิจกรรมต่างๆ ต้องการแรงเสียดทานไม่เท่ากัน บางกิจกรรมต้องอาศัยแรงเสียดทานมาก เช่น การเล่นชักเย่อ การเล่นฟุตบอล การขับขี่รถยนต์บางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทานน้อย เช่น การเล่นกระดานลื่นการ เคลื่อนย้ายสิ่งของไปบนพื้น ดังนั้น จึงต้องมีการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ขั้นที่3 อธิบายความรู้(Explanation) 1. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้เรียนผ่านมาจากหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 บท ที่2 แรงเสียดทาน โดยสุ่มเรียกชื่อนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเองได้รับความรู้อะไรบ้าง 2. นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนมาจากบทที่ 2 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนผังความคิด แผนภาพ ลง ในสมุดประจำตัวนักเรียน (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ขั้นที่4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน เพื่อตรวจสอบความรู้ความ เข้าใจหลังเรียน ขั้นที่5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1.ครูตรวจผลการสรุปความรู้เกี่ยวกับแรงเสียดทานจากสมุดประจำตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 2. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 2 ในสมุดประจำตัว หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3. ครูตรวจชิ้นงาน/ผลงานประดิษฐ์พื้นผิวรองเท้าสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุและการนาเสนอชิ้นงาน/ผลงานหน้า ชั้นเรียน 4. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 5. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน ขั้นสรุป คาบที่2
6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1. ระบุประโยชน์ของแรงเสียดทาน ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1. ทำการทดลองเกี่ยวกับ ประโยชน์ของแรงเสียดทานได้(P) 1. ใบงานที่ 3.3 เรื่อง ประโยชน์ของแรงเสียด ทาน 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ มอบหมาย (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน 3) วัสดุ-อุปกรณ์ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน 4) บัตรภาพ 7.2 แหล่งการเรียนรู้ - 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 16 โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา แผนการจัดการเรียนรู้ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงานพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียงและอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ซึ่งตัวกลางของเสียงจะมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลางที่มีสถานะของแข็งได้ดีกว่าตัวกลางที่มีสถานะ ของเหลวและสถานะแก๊ส ตามลำดับ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุตัวกลางของเสียงแต่ละประเภทได้ (K) 2. อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลางต่างๆได้ (K) 3. ทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลางต่างๆได้ครบทุกขั้นตอน (P) 4. มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมอย่างตั้งใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ การได้ยินเสียงนั้นต้องอาศัยตัวกลาง โดยอาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศเสียงจะส่งผ่านตัวกลางมายังหู 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 1.ขั้นกระตุ้นความสนใจ 1. ครูทักทายกับนักเรียน ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนี้ให้นักเรียนทราบ 2. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดความรู้เดิมของนักเรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรม 3. นักเรียนอ่านสาระสำคัญและดูภาพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสียง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน้า 96 จากนั้นครูถามนักเรียนว่า ภาพนี้เกี่ยวข้องกับเสียงอย่างไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามอย่างอิสระ (แนวตอบ เกี่ยวข้องกับการได้ยินเสียงของคนเรา) คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………………………………………... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่4 พลังงานเสียง เรื่อง ตัวกลางของเสียง 1
4. ครูให้นักเรียนดูภาพจากหนังสือเรียน หน้า 97 แล้วถามคำถามสำคัญประจำบทว่า เสียงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เกิดขึ้นได้อย่างไร จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามได้อย่างอิสระ (แนวตอบ เสียงต่าง ๆ เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของวัตถุที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง) 2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาข้อมูลในหัวข้อการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจาก หนังสือเรียน หน้า 99 2. ครูถามคำถามนักเรียน แล้วให้นักเรียนแต่ละคนตอบคำถามอย่างอิสระว่า แหล่งกำเนิดเสียงในชีวิตประจำวันที่ นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง (แนวตอบ เช่น กลอง รถยนต์สุนัข นก) 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ห่างจากตัวเรามาก แต่ ทำไมเราถึงยังได้ยินเสียงเหล่านั้น 4. ครูแจกใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง เพื่อให้นักเรียนทำการทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของเสียง โดยปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) ใส่น้ำในแก้วประมาณครึ่งแก้ว 2) จุ่มส้อมเสียงลงในน้ำแล้วสังเกตว่า เกิดเสียงหรือไม่ รวมทั้งสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำจากนั้นบันทึกผลลง ในใบงาน 3) ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียงแล้วจุ่มส้อมเสียงลงในน้ำทันทีสังเกตการเกิดเสียงและการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำและ บันทึกผลการทดลองลงในใบงาน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทดลองจนได้ข้อสรุปว่า ขณะที่เกิดเสียงร้อมเสียงจะสั่น ซึ่งสังเกตจาก เมื่อจุ่มส้อมเสียงลงในน้ำผิวน้ำมีการสั่นไปด้วย ดังนั้น เสียงที่เกิดขึ้นจะเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดเสียง (ในที่นี้คือ ส้อมเสียง) ทุกทิศทางผ่านตัวกลาง (ในที่นี้คือ น้ำ) 2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ) 6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน (กลุ่มเดิมจากชั่วโมงที่ 1) จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาและทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง จากหนังสือเรียน หน้า 100-101 แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจำตัวหรือ ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3.ขั้นอธิบายความรู้(Explain) 1. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมที่ 1 หน้าชั้นเรียนโดยจับ สลากหมายเลขกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกนำเสนอตามลำดับ 2. ครูให้คำชมเชยกับตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มที่ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทดลอง จนได้ข้อสรุป ดังนี้ • เราได้ยินเสียงเพื่อนพูดชัดเจนขณะที่เรานำถ้วยมาครอบหูแสดงว่า เสียงเดินทางผ่านเส้นเชือกที่เป็นของแข็งได้ ดีกว่าอากาศ ขั้นสอน คาบที่2 ขั้นสอน
• วัตถุที่เสียงเดินทางผ่านได้เรียกว่า ตัวกลางของเสียง ได้แก่อากาศ ของเหลว และของแข็ง ซึ่งเสียงต่าง ๆ จะ เดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีและเร็วกว่า ตัวกลางที่เป็นของเหลวและอากาศ 4.ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. นักเรียนทุกกลุ่มศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับตัวกลางของเสียงจากหนังสือเรียน หน้า 102 2. นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียน หน้า 101 ลงในสมุดหรือทำในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เสียงต่าง ๆ จะเดินทางผ่านตัวกลาง ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และอากาศ ซึ่งเสียงต่าง ๆ จะเดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีและเร็วกว่าตัวกลางที่เป็นของเหลวและ อากาศ 5.ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรียน 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถามพฤติกรรม การทำงานรายบุคคลพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 3. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมนำสู่การเรียนในสมุดประจำตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียงในสมุดประจำตัวหรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 5. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจำตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 6. ครูตรวจสอบผลการทำใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1.ระบุตัวกลางของเสียงแต่ละ ประเภทได้ (K) 2.อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียง ผ่านตัวกลางต่างๆได้ (K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1.ทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของ เสียงผ่านตัวกลางต่างๆได้ครบทุก ขั้นตอน (P) 1. ใบงานที่ 4.1 เรื่อง ตัวกลางของเสียง 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ขั้นสอน ขั้นสรุป
คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรม อย่างตั้งใจ (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 7) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสียง 8) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสียง 9) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 10) ใบงานที่ 4.1 เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง 11) PowerPoint เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง 12)สมุด 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 4) ห้องเรียน 5) ห้องสมุด 6) อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 16 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงานพลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียงและอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ ซึ่งตัวกลางของเสียงจะมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลางที่มีสถานะของแข็งได้ดีกว่าตัวกลางที่มีสถานะของเหลวและ สถานะแก๊ส ตามลำดับ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.ระบุตัวกลางของเสียงแต่ละประเภทได้ (K) 2.อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลางต่างๆได้ (K) 3.ทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลางต่างๆ ได้ครบทุกขั้นตอน (P) 4.มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมอย่างตั้งใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ การได้ยินเสียงนั้นต้องอาศัยตัวกลาง โดยอาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศเสียงจะส่งผ่านตัวกลางมายังหู 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 1.ขั้นกระตุ้นความสนใจ 1.ครูทักทายกับนักเรียน ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนี้ให้นักเรียนทราบ 2. ครูให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในบทที่ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 97 โดยครูขออาสาสมัคร นักเรียน 1 คน เป็นผู้อ่านนำและให้นักเรียนอ่านตามทีละคำ ดังนี้ คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………………………………………... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่4 พลังงานเสียง เรื่อง ตัวกลางของเสียง 2 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
3. นักเรียนทำกิจกรรมนำสู่การเรียนจากหนังสือเรียน หน้า 98 โดยให้นักเรียนไปสังเกตเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใน 1 วัน จากนั้นบันทึกผลลงในสมุดประจำตัว พร้อมบอกว่า เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภทใด หรือให้ นักเรียนทำกิจกรรมนำสู่การเรียนในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูจัดกิจกรรมการนำเสนอคำตอบของนักเรียนแต่ละกลุ่มให้น่าสนใจและให้นักเรียนร่วมกันสรุปคำตอบที่ถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ) 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน (กลุ่มเดิมจากชั่วโมงที่ 1) จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาและทำกิจกรรมที่ 1 เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง จากหนังสือเรียน หน้า 100-101 แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจำตัวหรือใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.5 เล่ม 1 3.ขั้นอธิบายความรู้(Explain) 1. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมที่ 1 หน้าชั้นเรียนโดยจับ สลากหมายเลขกลุ่ม จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกนำเสนอตามลำดับ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทดลอง จนได้ข้อสรุป ดังนี้ • เราได้ยินเสียงเพื่อนพูดชัดเจนขณะที่เรานำถ้วยมาครอบหูแสดงว่า เสียงเดินทางผ่านเส้นเชือกที่เป็นของแข็งได้ ดีกว่าอากาศ • วัตถุที่เสียงเดินทางผ่านได้เรียกว่า ตัวกลางของเสียง ได้แก่อากาศ ของเหลว และของแข็ง ซึ่งเสียงต่าง ๆ จะ เดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีและเร็วกว่า ตัวกลางที่เป็นของเหลวและอากาศ 4.ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. นักเรียนทุกกลุ่มศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับตัวกลางของเสียงจากหนังสือเรียน 2. นักเรียนแต่ละคนทำแผนภาพความคิด ลงในสมุด (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ขั้นสอน Sound (ซาวนด) เสียง Hear (เฮีย) หู Vibration (ไว เบรซัน) การสั่นสะเทือน Noise pollution (นอยซ พะ ลู ชัน) มลพิษทงเสียง Sound level meter (ซาวนด เล็ฟวึล มีเทอ) เครื่องวัดระดับเสียง คาบที่2 ขั้นสอน ขั้นสอน
ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เสียงต่าง ๆ จะเดินทางผ่านตัวกลาง ได้แก่ของแข็ง ของเหลว และอากาศ ซึ่งเสียงต่างๆ จะเดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีและเร็วกว่าตัวกลางที่เป็นของเหลว และอากาศ 5.ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถามพฤติกรรม การทำงานรายบุคคลพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 2. ครูตรวจผลการทำกิจกรรมแผนภาพความคิด ลงในสมุด 6. การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1.ระบุตัวกลางของเสียงแต่ละ ประเภทได้ (K) 2.อธิบายการเคลื่อนที่ของเสียง ผ่านตัวกลางต่างๆได้ (K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1.ทดลองเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของ เสียงผ่านตัวกลางต่างๆได้ครบทุก ขั้นตอน (P) 1. ใบงานที่ 4.1 เรื่อง ตัวกลางของเสียง 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1. มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรม อย่างตั้งใจ (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1สื่อการเรียนรู้ 1.หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสียง 2.แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสียง 3.วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 4.ใบงานที่ 4.1 เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง 5.PowerPoint เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลางของเสียง 6.สมุด 7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1.ห้องเรียน 2.ห้องสมุด 3.อินเทอร์เน็ต ขั้นสรุป
8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำการทดลองและอธิบายการเคลื่อนที่ของเสียง อุปกรณ์ 1. ส้อมเสียง 1 อัน 2. ค้อน 1 อัน 3. แก้วน้ำ 1 ใบ วิธีทำ 1. ใส่น้ำลงในแก้วประมาณครึ่งแก้ว 2. จุ่มส้อมเสียงลงในน้ำ แล้วสังเกตว่า เกิดเสียงหรือไม่ รวมทั้งสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ จากนั้นบันทึกผลลงในตาราง 3. ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียง แล้วจุ่มส้อมเสียงลงในน้ำทันที สังเกตการเกิดเสียงและการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ แล้วบันทึกผล 4. ร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลอง ตารางบันทึกผล การทดลอง การเกิดเสียง การเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ 1. จุ่มส้อมเสียงลงในน้ำ 2. ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียง แล้วจุ่ม ส้อมเสียงลงในน้ำทันที สรุปผลการทดลอง
เฉลย ใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำการทดลองและอธิบายการเคลื่อนที่ของเสียง อุปกรณ์ 1. ส้อมเสียง 1 อัน 2. ค้อน 1 อัน 3. แก้วน้ำ 1 ใบ วิธีทำ 1. ใส่น้ำลงในแก้วประมาณครึ่งแก้ว 2. จุ่มส้อมเสียงลงในน้ำ แล้วสังเกตว่า เกิดเสียงหรือไม่ รวมทั้งสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ จากนั้นบันทึกผลลงในตาราง 3. ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียง แล้วจุ่มส้อมเสียงลงในน้ำทันที สังเกตการเกิดเสียงและการเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ แล้วบันทึกผล 4. ร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลอง ตารางบันทึกผล การทดลอง การเกิดเสียง การเปลี่ยนแปลงที่ผิวน้ำ 1. จุ่มส้อมเสียงลงในน้ำ ไม่มีเสียงเกิดขึ้น ผิวน้ำนิ่งเป็นปกติ 2. ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียง แล้วจุ่ม ส้อมเสียงลงในน้ำทันที มีเสียงเกิดขึ้น ผิวน้ำเกิดการสั่นสะเทือน สรุปผลการทดลอง ขณะที่เกิดเสียงส้อมเสียงจะสั่น ซึ่งสังเกตจากเมื่อจุ่มส้อมเสียงลงในน้ำ ผิวน้ำมีการสั่นไปด้วย ดังนั้น เสียงที่เกิดขึ้นจะ เคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดเสียง (ในที่นี้ คือ ส้อมเสียง) ทุกทิศทางผ่านตัวกลาง (ในที่นี้ คือ น้ำ) .
สัปดาห์ที่ 17 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงานพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟูา รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ตัวกลางของเสียง คือวัตถุหรือสิ่งต่างๆ ที่เสียงสามารถเดินทางผ่านได้ มี 3 ประเภท ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และ อากาศ โดยเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีกว่าและเร็วกว่าตัวกลางที่เป็นของเหลวและอากาศ ตามลำดับการที่ ผู้ฟังได้ยินเสียงใดๆ ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ แหล่งกำเนิดเสียง ตัวกลางเสียง และอวัยวะรับเสียง(หู) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.อธิบายส่วนประกอบหูและหน้าที่ของหูแต่ละส่วนที่ใช้ในการรับเสียงได้(K) 2.อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางได้(P) 3.มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมอย่างตั้งใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 1.ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engage) 1.ครูทักทายกับนักเรียน ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนี้ให้นักเรียนทราบ 2.ครูนำภาพโลมาและค้างคาวมาให้นักเรียนดู แล้วตั้งคำถามว่า นักเรียนคิดว่าโลมาและค้างคาวที่ใช้เสียงในการนำ ทาง มีอวัยวะรับเสียงเหมือนมนุษย์หรือไม่ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ (แนวตอบ ไม่เหมือน) 3.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า เสียงเมื่อถูกส่งจากแหล่งกำเนิด ผู้รับเสียงจะต้องมีอวัยวะรับเสียงเพื่อจะ รับรู้และตอบสนองต่อเสียงนั้น ในบทเรียนนี้เราจะศึกษาส่วนประกอบและหน้าที่ของหู ซึ่งเป็นอวัยวะรับเสียงของมนุษย์ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………………………………………... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่4 พลังงานเสียง เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 1 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูทำสลากคำถาม แล้วสุ่มนักเรียนออกมา 2 คน เพื่อมาจับสลากคำถาม ดังนี้ • นักเรียนคิดว่า เมื่อเกิดไฟไหม้ในอาคารเสียงกริ่งเตือนไฟไหม้มีประโยชน์หรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ มีประโยชน์ เพราะเป็นการเตือนภัยให้หลบหนีออกจากอาคารได้ทันเวลา) • นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดบางคนจึงไม่ได้ยินเสียงสัญญาณไฟไหม้ และทำให้หนีออกจากอาคารไม่ทัน (แนวตอบ อยู่ในห้องที่ปิดกั้นเสียง หูตึง) 2. ครูใช้เทคนิคกลุ่มสืบค้น G.I. โดยแบ่งกลุ่มให้นักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยคละตามความสามารถ ประกอบด้วย เก่ง ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง (ค่อนข้างอ่อน) และอ่อน 3.ขั้นอธิบายความรู้(Explain) 1.ครูสุ่มเลือกตัวแทนกลุ่ม 3-4 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมและแบบจำลองของตนเองหน้าชั้นเรียน โดย มีครูคอยแนะนำเพิ่มเติม 2. ครูให้ทุกกลุ่มตรวจสอบและแก้ไขแบบจำลองให้ถูกต้อง แล้วนำไปวางไว้ที่หน้าห้องเรียน เพื่อให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ได้ ศึกษาเพิ่มเติม 3. ครูให้คำชมเชยกับนักเรียนแต่ละกลุ่มที่ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 4. ครูสรุปเพิ่มเติมให้นักเรียนฟังว่า เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่น จะส่งพลังงานผ่านอากาศมาถึงหูของเรา ใบหูจะสะท้อน คลื่นเสียงเข้าไปในรูหู ทำให้เยื่อแก้วหูสั่น มีผลทำให้กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลนสั่น พลังงานจากการ สั่นจะถูกส่งผ่านไปยังเส้นประสาทภายในคอเคลียและส่งผ่านไปยังเส้นประสาทใหญ่ที่ไปสู่สมอง จึงทำให้เราได้ยิน เสียง ดังนั้น เยื่อแก้วหูจึงเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำให้เราได้ยินเสียง โดยครูให้นักเรียนดูภาพประกอบในหนังสือเรียน หน้า 104 4.ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. นักเรียนทำกิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียน หน้า 101 ลงในสมุดประจำตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 2. นักเรียนทุกกลุ่มศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับตัวกลางของเสียง จากหนังสือเรียน หน้า 10-104 3. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่านตัวกลางของเสียงเพิ่มเติมจาก สื่อดิจิทัลในหนังสือ เรียน หน้า 103 โดยใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เรื่อง ตัวกลางของเสียง 4. ให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาจากการสแกน QR Code เรื่อง ตัวกลางของเสียง มาอภิปรายเกี่ยวกับ ตัวกลางของเสียง และร่วมกันสรุปภายในชั้นเรียน โดยให้ครูคอยอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง 1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า การได้ยินเสียงต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก แหล่งกำเนิดเสียง ตัวกลางของเสียง และอวัยวะรับเสียง (หู) 2. ครูอธิบายเสริมเพื่อสรุปความรู้ว่า เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่น จะส่งพลังงานผ่านอากาศมาถึงหูของเรา ใบหูจะสะท้อน ขั้นสรุป คาบที่2 ขั้นสอน ขั้นสอน ขั้นสรุป
คลื่นเสียงเข้าไปในรูหู ทำให้เยื่อแก้วหูสั่นมีผลทำให้กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลนสั่น พลังงานจากการสั่นจะถูก ส่งผ่านไปยังเส้นประสาทภายในคอเคลียและส่งผ่านไปยังเส้นประสาทใหญ่ที่ไปสู่สมอง จึงทำให้เราได้ยินเสียง ดังนั้น เยื่อแก้วหู จึงเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำให้เราได้ยินเสียง ขั้นประเมิน 5.ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมในใบงานที่ 2 เรื่อง เราได้ยินเสียงได้อย่างไร 3. ครูตรวจสอบผลการสร้างแบบจำลองส่วนประกอบของหู 4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจำตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 6.การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1.อธิบายส่วนประกอบหูและ หน้าที่ของหูแต่ละส่วนที่ใช้ในการ รับเสียงได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1.อธิบายการได้ยินเสียงผ่าน ตัวกลางได้(P) 1. ใบงานที่ 4.2 การ ได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1.มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรม อย่างตั้งใจ (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงานเสียง 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงานเสียง 3) บัตรภาพโลมาและค้างคาว 4) ใบงาน เรื่อง เราได้ยินเสียงได้อย่างไร 5) วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองส่วนประกอบของหู 6) QR Code เรื่อง ตัวกลางของเสียง 7) สมุดประจำตัวนักเรียน
7.2 แหล่งการเรียนรู้ 1.ห้องเรียน 2.ห้องสมุด 3.อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
สัปดาห์ที่ 17 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงานพลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟู้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.5/1 อธิบายได้ยินเสียงผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ตัวกลางของเสียง คือวัตถุหรือสิ่งต่างๆ ที่เสียงสามารถเดินทางผ่านได้ มี 3 ประเภท ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และ อากาศ โดยเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีกว่าและเร็วกว่าตัวกลางที่เป็นของเหลวและอากาศ ตามลำดับ การที่ผู้ฟังได้ยินเสียงใดๆ ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ แหล่งกำเนิดเสียง ตัวกลางเสียง และอวัยวะรับเสียง(หู) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.อธิบายส่วนประกอบหูและหน้าที่ของหูแต่ละส่วนที่ใช้ในการรับเสียงได้(K) 2.อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตัวกลางได้(P) 3.มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมอย่างตั้งใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 1.ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engage) 1.ครูนำภาพโลมาและค้างคาวมาให้นักเรียนดูอีกครั้ง 2.ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจว่า เสียงเมื่อถูกส่งจากแหล่งกำเนิด ผู้รับเสียงจะต้องมีอวัยวะรับเสียงเพื่อจะ รับรู้และตอบสนองต่อเสียงนั้น ในบทเรียนนี้เราจะศึกษาส่วนประกอบและหน้าที่ของหู ซึ่งเป็นอวัยวะรับเสียงของมนุษย์ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) คาบที่1 ขั้นนำ ภาคเรียนที่ ……1…/…….……... ชื่อผู้สอน ….………………………………………... กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่4 พลังงานเสียง เรื่อง การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 2 โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้
2.ขั้นสำรวจค้นหา (Explore) 1.ครูแจกใบงาน เรื่อง เราได้ยินเสียงได้อย่างไร จากนั้นมอบหมายให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มปฏิบัติตามขั้นตอนการทำ กิจกรรม เรื่อง เราได้ยินเสียงได้อย่างไร โดยให้ไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง องค์ประกอบของ การได้ยินเสียง และส่วนประกอบของหูมนุษย์ จาก หนังสือเรียน หน้า 102-104 และจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ห้องสมุด พร้อมวาดภาพหรือติดภาพแบบจำลองส่วนประกอบของหูและหน้าที่ของส่วนประกอบของหูแต่ละส่วนลงในใบงาน 2.ให้สมาชิกในกลุ่ม 1 คน นำข้อมูลที่ทุกคนสืบค้นมาได้บันทึกลงในใบงาน และร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง แล้ว ให้สมาชิกทุกคนร่วมกันสร้างแบบจำลองส่วนประกอบของหู (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 3.ขั้นอธิบายความรู้(Explain) 1.ครูเลือกตัวแทนนักเรียน ให้ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมและแบบจำลองของตนเองหน้าชั้นเรียน โดยมีครูคอย แนะนำเพิ่มเติม 2.ครูให้คำชมเชยกับนักเรียนแต่ละกลุ่มที่ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน 3.ครูสรุปเพิ่มเติมให้นักเรียนฟัง 4.ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1.ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและคำถาม โดยครูถามคำถาม ดังนี้ 1) จากการสืบค้นข้อมูลหูของมนุษย์แบ่งเป็นกี่ส่วน อะไรบ้าง (แนวตอบ หูของมนุษย์ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ หูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน) 2) นักเรียนคิดว่า ส่วนประกอบหูส่วนใดที่เราขาดไปแล้ว แต่ยังสามารถรับเสียงได้ เพราะเหตุใด (แนวตอบ หูชั้นนอก เพราะไม่มีประสาทสัมผัสในการรับเสียงที่ส่งมาจากแหล่งกำเนิดเสียง) 3) ถ้าต้องการให้การส่งสัญญาณไฟไหม้มีคุณภาพ นักเรียนคิดว่าควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง (แนวตอบ ความดังของสัญญาณ ตัวกลางที่เสียงเคลื่อนที่ผ่านต้องไม่ถูกขวางกั้น คุณภาพของหูของผู้รับเสียง) (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) 1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า การได้ยินเสียงต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ แหล่งกำเนิดเสียง ตัวกลางของเสียง และอวัยวะรับเสียง (หู) 2. ครูอธิบายเสริมเพื่อสรุปความรู้ว่า เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงสั่น จะส่งพลังงานผ่านอากาศมาถึงหูของเรา ใบหูจะสะท้อน คลื่นเสียงเข้าไปในรูหู ทำให้เยื่อแก้วหูสั่นมีผลทำให้กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลนสั่น พลังงานจากการสั่นจะถูก ส่งผ่านไปยังเส้นประสาทภายในคอเคลียและส่งผ่านไปยังเส้นประสาทใหญ่ที่ไปสู่สมอง จึงทำให้เราได้ยินเสียง ดังนั้น เยื่อแก้วหู จึงเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำให้เราได้ยินเสียง ขั้นสรุป คาบที่2 ขั้นสอน ขั้นสอน ขั้นสรุป
5.ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถามของนักเรียน 6.การวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผล จุดประสงค์ วิธีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ ประเมินผล ความรู้ความ เข้าใจ (K) 1.อธิบายส่วนประกอบหูและ หน้าที่ของหูแต่ละส่วนที่ใช้ในการ รับเสียงได้(K) 1.คำถามกระตุ้น ความคิด 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ทักษะ/ กระบวนการ (P) 1.อธิบายการได้ยินเสียงผ่าน ตัวกลางได้(P) 1. ใบงานที่ 4.2 การ ได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน คุณลักษณะนิสัย (A) 1.มีความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรม อย่างตั้งใจ (A) 1. แบบสังเกต พฤติกรรม 70% ขึ้นไป ถือว่า ผ่านเกณฑ์การ ประเมิน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงานเสียง 2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงานเสียง 3) บัตรภาพโลมาและค้างคาว 4) ใบงาน เรื่อง เราได้ยินเสียงได้อย่างไร 5) วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองส่วนประกอบของหู 6) QR Code เรื่อง ตัวกลางของเสียง 7) สมุดประจำตัวนักเรียน 7.2แหล่งการเรียนรู้ 1.ห้องเรียน 2.ห้องสมุด 3.อินเทอร์เน็ต 8. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)