สหกรณ์
คำนำ
หนังสือเรียนเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเศรษฐศาสตร์
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยมีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูล
เกี่ยวกับสหกรณ์ จัดเรียงไว้อย่างครบครัน สวยงาม และสะดวก
สบายต่อการศึกษา
คณะผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเรียนเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มาก
ก็น้อยกับนักเรียน หรือบุคคลที่กำลังศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อยู่ หากมี
ข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา
ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
30 มิถุนายน 2565
สารบัญ
เรื่อง หน้า
หน้าปก ก
คำนำ ข
1) หลักการของสหกรณ์ 1
1.1ความหมายและความสำคัญ 2
1.2อุดมการณ์สหกรณ์
1.3หลักการของระบบสหกรณ์
1.4วิธีการสหกรณ์ 2-3
2) สหกรณ์ในประเทศไทย 5
2.1วิวัฒนาการของสหกรณ์ในประเทศไทย 5-6
2.2ประเภทของตัวอย่างสหกรณ์ในประเทศไทย 7-12
3) สหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนแลประเทศ 13-15
4) เศรษฐกิจในชุมชน 16
4.1ความหมายของเศรษฐกิจในชุมชน 17
4.2ปัญหาทางเศรษฐกิจในชุมชน 18-20
4.3แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน 21-22
ชื่อสมาชิก 23
1.หลักการสหกรณ์ 1
1.หลักการสหกรณ์ 2
1.1 ความหมายเเละความสำคัญ
สหกรณ์ คือ องค์การของบรรดาบุคคล ซึ่งรวมกลุ่มกันโดย
สมัครใจในการดำเนินวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของร่วมกัน เเละ
ควบคุมตามหลักประชาธิปไตย เพื่อสนองความต้องการ
1.2 อุดมการณ์สหกรณ์
อุดมการณ์สหกรณ์ คือ ความเชื่อร่วมกันที่ว่าการช่วยตัวเอง
เเละการช่วยเหลือซึ่งกันเเละกันตามหลักการสหกรณ์
ประกอบด้วยการช่วยเหลือการเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน
1.3 หลักการของระบบสหกรณ์
จากการสหกรณ์คือแนวทางที่สหกรณ์ยึดถือปฏิบัติเพื่อให้
คุณค่าสหกรณ์เกิดผลเป็นรูปธรรมซึ่งประกอบด้วยหลัก
การที่สำคัญ 7 ประการ
1 การเป็นสมาชิกโดยสมัครใจและเปิดกว้าง
สหกรณ์เป็นองค์กรโดยสมัครใจเปิดรับทุกคนทุกคนซึ่ง
สามารถใช้บริการของสหกรณ์และเต็มใจรับผิดชอบ
ในฐานะสมาชิกเข้าเป็นสมาชิกโดยไม่มีการเลือก
ปฏิบัติในเรื่องเพศ ฐานะเชื้อชาติศาสนา
2 การควบคุมโดยสมาชิกตามหลักประชาธิปไตย
สหกรณ์เป็นองค์กรประชาธิปไตยควบคุมโดยสมาชิก
ซึ่งมีส่วนร่วมอย่างแข่งขันในการกำหนดนโยบายและ
การตัดสินใจของสหกรณ์
3 การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสมาชิก 3
สมาชิกพึงมีส่วนให้ทุนแก่สหกรณ์ทำและควบคุมการ
ใช้ทุนของสหกรณ์ตามแนวทางประชาธิปไตยตาม
ปกติส่วนหนึ่งของทุนนั้นอย่างน้อยที่สุดต้องเป็น
ทรัพย์สินส่วนร่วมของสหกรณ์และสมาชิกจะได้รับผล
ตอบแทน
4 การปกครองตนเองและความเป็นอิสระ
หกรณ์เป็นองค์กรช่วยตนเองและปกครองตนเองซึ่งควบคุมโดย
สมาชิกถ้าสหกรณ์จะทำข้อตกลง
กับองค์กรอื่นๆรวมทั้งรัฐบาลสหกรณ์พึงทำข้อตกลงเช่นนั้นภาย
ใต้เงื่อนไขอันมั่นใจได้ว่าหน่วยสมาชิกของควบคุมสหกรณ์ตาม
แนวทางประชาธิปไตย
5 การศึกษาฝึกอบรมและสารสนเทศ
สหกรณ์พึงให้การศึกษาและฝึกอบรมแก่สมาชิกเพื่อ
ให้บุคคลเหล่านั้นสามารถมีส่วนช่วยพัฒนาสหกรณ์
ของพวกเขายังมีประสิทธิภาพ
6 การร่วมมือระหว่างสหกรณ์
สหกรณ์พึงรับใช้สมาชิกอย่างมีประสิทธิผลสูงสุดและ
ทำให้กระบวนการสหกรณ์เข้มแข็ง โดยการทำงานด้วย
การภายใต้โครงสร้างอันประกอบด้วยสหกรณ์ระดับท้อง
ถิ่นระดับชาติระดับภูมิภาคระดับโลกและระดับ
ระหว่างประเทศ
7 การเอื้ออาทรต่อชุมชน
1.4 วิธีการสหกรณ์ สหกรณ์พึงดำเนินการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของ
ชุมชนที่สหกรณ์ตั้งอยู่ตามนโยบายที่มวลสมาชิกได้
ให้ความเห็นชอบ เพราะฉะนั้นการดำเนินงานของ
สหกรณ์ต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุม
ชนนั้นๆ
วิธีการสหกรณ์ คือ การนำหลักการสหกรณ์มาประยุกต์
ใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเเละสังคม เพื่อ
ประโยชน์ของมวลสมาชิกและชุมชน โดยไม่ละเลยหลัก
การธุรกิจที่ดี
2.สหกรณ์ในประเทศไทย 4
2.สหกรณ์ในประเทศไทย 5
2.1 วิวัฒนาการของสหกรณ์ในประเทศไทย
ระยะแรก
การสหกรณ์ในประเทศไทยเริ่มต้นด้วยการทดลองจัดตั้งสหกรณ์
ประเภทหาทุนขึ้นในปี พ.ศ. 2459 การจัดตั้งสหกรณ์ในระยะแรกจึง
ดำเนินไปอย่างช้า ๆ จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2470 ซึ่งเป็นเวลา 12 ปี นับ
ตั้งแต่เริ่มนำสหกรณ์เข้ามาในประเทศไทย ได้มีการจัดตั้งสหกรณ์
ประเภทนี้ขึ้นมาเพียง 81 สมาคมเท่านั้น ซึ่งจัดตั้งอยู่ใน 3 จังหวัด คือ
พิษณุโลก ลพบุรีและอยุธยา โดยมีเงินทุนให้กู้ยืมเพียง 300,000 บาท
เศษ เมื่อเป็นที่ประจักษ์ว่าสหกรณ์เป็นสิ่งที่สามารถจัดทำได้สำเร็จ จึง
ประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์พ.ศ. 2471 ขึ้นและจัดหาทุนมาให้กู้
ยืมมากขึ้น หลังจากนั้น 5 ปี ได้มีการขยายสาขาออกไปได้อีก 7 จังหวัด
เมื่อเปลี่ยนแปลง[[การปกครอง พ.ศ. 2475[[ การสหกรณ์จึงได้ขยาย
ตัวอย่างรวดเร็ว เพราะรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมสหกรณ์ มีการจัดตั้ง
สหกรณ์ประเภทอื่น ๆ ขึ้น เช่น สหกรณ์ออมทรัพยร์ สหกรณ์ที่ดิน ร้าน
สหกรณ์ ต่อมาสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ขยายงานสหกรณ์จาก
ระดับกรมขึ้นมาเป็นระดับกระทรวง เมื่อปี พ.ศ. 2495
ระยะอยู่ตัว 6
หลังจากปี พ.ศ. 2497 อัตราการขยายตัวของสหกรณ์ลดลงเนื่องจาก เป็น
ระยะที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสหกรณ์มาก่อน จนไม่สามารถจะ
ดูแลให้ทั่วถึง ในขณะเดียวกันกระทรวงสกหรณ์ถูกยุบไปรวมกับ
กระทรวงการพัฒนาการแห่งชาติ ขาดกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงของสหกรณ์คือมีการยุบกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30
กันยายน พ.ศ. 2515 ซึ่งมีผลทำให้กรมสหกรณ์ทีดิน กรมสหกรณ์พาณิชย์และธนกิจ
และสำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเดิม ถูกยุบมารวมเป็นกรมส่งเสริม
สหกรณ์เพียงกรมเดียว ส่วนกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ยังคงอยู่ในฐานะเดิม
เพราะงานตรวจสอบบัญชีเป็นงานอิสระ กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ขึ้นกับกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515
ผลการดำเนินงานทางสหกรณ์ในธุรกิจต่างๆ ได้รับความเชื่อถือเป็นที่ไว้วางใจของ
สมาชิกจนทำให้จำนวนสหกรณ์ จำนวนสมาชิก ปริมานเงินทุน และผลกำไรของ
สหกรณ์เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันสหกรณ์ ทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2542
ประมาณ 5,549 สหกรณ์ และสมาชิก 7,835,811 ครอบครัวของสหกรณ์ใน
ประเทศไทยจึงมี ความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ของประเทศโดยเฉพาะต่อประชาชนที่
ยากจน สหกรณ์จะเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการ
ประกอบอาชีพ และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชานให้ดีขึ้น
รัฐและขบวนการสหกรณ์ไทยได้ร่วมจิตใจจัดงาน “วันสหกรณ์แห่งชาติ” ขึ้น
เป็นประจำทุกปีไม่ว่าจะเศรษฐกิจปีใด จัดขึ้นเพื่อร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาคุณ
ขององค์ผู้ให้กำเนิด “สหกรณ์” พระองค์ท่านไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับจดทะเบียน
เท่านั้น แต่เป็น “พระบิดาแห่งสหกรณ์ไทย” ยังเป็นผู้ปูพื้นฐานและทรงเป็น
กำลังสำคัญในการเผยแพร่และจัดตั้งขยายกิจการการสร้างความผาสุกแก่
ประชาชนเพื่อการกินดีอยู่ดี เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ
2.2 ประเภทเเละตัวอย่างของสหกรณ์ในประเทศไทย 7
ปัจจุบันประเทศไทยมีสหกรณ์อยู่ 7 ประเภท คือ
1. สหกรณ์การเกษตร
เป็นสหกรณ์ สำหรับผู้มีอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทำนา เลี้ยง สัตว์ ทำไร่ ทำสวน
ฯลฯ สหกรณ์การเกษตรนี้ ได้วิวัฒนาการมาจากสหกรณ์หาทุนเดิม รวมกับสหกรณ์
ประเภทต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกษตรในท้องถิ่นเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน
เช่น สหกรณ์ขายข้าว สหกรณ์บำรุงที่ดิน และอื่นๆ มาเป็นสหกรณ์การเกษตร มี
วัตถุประสงค์หลายอย่าง ครอบคลุมครบวงจรการประกอบอาชีพ และการดำรงชีพของ
สมาชิก โดยดำเนินธุรกิจในลักษณะของการบริการ ดังนี้ฉางข้าวของสหกรณ์
การเกษตรเป็นศูนย์รวมข้าวของสมาชิกสำหรับจำหน่ายแก่พ่อค้า
1.1 ธุรกิจสินเชื่อ
จัดหาเงินทุนมา ให้สมาชิกกู้ ด้วยการระดมทุนจากสมาชิกทั้งใน รูปของการฝากเงิน
และการถือหุ้นเพิ่ม หาแหล่งเงินกู้ภายนอกเพิ่มเติม เพื่อนำมาดำเนินการให้ เป็น
ไปตามความต้องการของสมาชิกฉางข้าวของสหกรณ์การเกษตรเป็นศูนย์รวมข้าว
ของสมาชิกสำหรับจำหน่ายแก่พ่อค้า
1.2 ธุรกิจการซื้อ 8
จัดหาปัจจัยการ ผลิตได้แก่ ปุ๋ย พันธุ์พืช ยาปราบศัตรูพืช เครื่องมือ
การเกษตร เพื่อเพิ่มผลิตผลของสมาชิก รวมทั้ง เครื่องอุปโภคที่จำเป็น ใน
การดำรงชีวิต มาบริการแก่สมาชิกด้วย
1.3 ธุรกิจการขาย
จัดการรวบรวม ผลิตผลของสมาชิกมาจัดการจำหน่าย หรือแปรรูป ออกจำหน่าย
โดยมีความมุ่งหมายที่จะให้สมาชิก ขายผลิตผลได้ในราคาดี การที่จะช่วยให้ผู้
ผลิต สามารถจำหน่ายผลิตผลได้ในราคาสูง การดำเนินการในขั้นตอนของการ
ผลิต จนถึงการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จ จะต้องอยู่ในกลุ่มผู้ผลิตเท่านั้น จึง
จะสามารถกำหนดราคาให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ผลิตได้ สหกรณ์การเกษตรเป็น
จำนวนมาก มีโรงสี แปรรูปข้าวเปลือกของตนเอง มีโรงงานผสมอาหารสัตว์
โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมสด และ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งมีฉางไซโล ยาน
พาหนะ และอุปกรณ์ในการรวบรวมผลิตผลของสมาชิก นอกจากธุรกิจที่สำคัญ ๓
ประการดังกล่าว แล้ว สหกรณ์การเกษตรยังจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างฐานะ
ของสมาชิก และครอบครัว รวมทั้งชุมชนด้วย ได้แก่ กิจกรรมสวัสดิการสงเคราะห์
ทั้งในเรื่องของภัยธรรมชาติ ฌาปนกิจ กิจกรรมกลุ่มสตรีสหกรณ์ และเยาวชน
สหกรณ์ ใน พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์การเกษตรตั้งอยู่ในท้องที่ทุกอำเภอทั่ว
ประเทศ จำนวน 1,089 สหกรณ์ มีสมาชิกทั้งสิ้น 851,224 ครอบครัว
2. สหกรณ์นิคม 9
เป็นสหกรณ์สำหรับผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมี
น้อย ไม่พอประกอบอาชีพ โดยรัฐบาลจะจัดสรรที่ดินที่เสื่อมสภาพจากป่าสงวน แล้วให้
ราษฎรเข้าถือครองประกอบอาชีพ ในสมัยแรกที่มีการจัดตั้งสหกรณ์นิคม สมาชิกสหกรณ์จะ
ได้รับกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับการจัดสรรนั้น แต่ปรากฏว่า มีสมาชิกจำนวนมากที่ไม่
รักษาที่ดินนั้นไว้ นำไปขายต่อให้ผู้อื่น ทำให้มีการบุกรุกป่าสงวนเพิ่มขึ้นอีก ประกอบกับ
เป็นพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เกี่ยวกับการจัดสหกรณ์
ในที่ดินพระราชทาน ตามโครงการในพระราชดำริ ไม่มีการให้กรรมสิทธิ์ แต่สมาชิกทุก
คนจะได้รับสิทธิครอบครอง และสามารถตกทอดเป็นมรดกถึงลูกหลานได้ ตราบใดที่ยัง
ประสงค์จะทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ของสหกรณ์ หากไม่มีทายาทที่จะรับช่วงมรดก ก็ให้ที่ดิน
นั้น ตกเป็นของสหกรณ์ เพื่อรับบุคคลที่ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม เข้ามาทำ
กินได้ เราเรียกการจัดสหกรณ์ชนิดนี้ว่าสหกรณ์การเช่าที่ดิน
สมาชิกของสหกรณ์นิคมอีกชนิดหนึ่งที่ สามารถได้กรรมสิทธิ์ที่ดินก็คือ
สหกรณ์การเช่าซื้อ ที่ดิน ซึ่งจัดขึ้น ในที่ดินผืนใหญ่ ที่มีผู้เช่าที่ดินทำกินอยู่
แล้ว และเจ้าของที่ดินประสงค์จะขายที่ดินนั้น ให้แก่ผู้เช่า ซึ่งถ้าผู้เช่าทั้งหมด
ตกลงและประสงค์ ที่จะได้ที่ดินเหล่านั้น เป็นของตนเอง แต่ติดขัดใน เรื่อง
เงิน ทางราชการโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก็จะขออนุมัติรัฐบาลจัดหาเงินกู้ เพื่อ
ซื้อที่ดินนั้นไว้ และขายให้แก่ผู้เช่าเหล่านั้นโดยวิธีการเช่าซื้อ ทั้งนี้ จะต้อง
เป็นไปตามหลักการและวิธีการสหกรณ์ เมื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเสร็จสิ้น ก็จะ
ได้รับกรรมสิทธิ์ ในที่ดินเป็นของตนเองต่อไป ใน พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์
นิคม จำนวน 93 สหกรณ์ มีสมาชิก 82,412 คน ส่วนใหญ่ จะได้รับการจัดสรร
ที่ดินทำกิน จำนวนครอบครัว ละ 25 ไร่
3. สหกรณ์ประมง 10
เป็นสหกรณ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยการจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องอุปโภค
บริโภค ที่จำเป็นในครอบครัว ให้แก่สมาชิก มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ในครอบครัว สหกรณ์ร้านค้า หรือร้านสหกรณ์นี้ ถือว่าเป็นต้นแบบของ
สหกรณ์ทั่วโลก ทั้งนี้ เพราะสหกรณ์แห่งแรกของโลก ที่ดำเนินการประสบ
ความสำเร็จ เป็นสหกรณ์ที่จำหน่ายสินค้า เครื่องบริโภคของประเทศอังกฤษ
ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติ ที่สามารถใช้เป็นหลักการสหกรณ์สากล ในประเทศต่างๆ ทั่ว
โลกได้สหกรณ์ร้านค้าร้านสหกรณ์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะตั้ง อยู่ในที่
ชุมชนหนาแน่นในเมือง และกระจายไปยังหมู่บ้านในชนบท ในรูปของร้าน
ค้าหมู่บ้านใน พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์ร้านค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 341
สหกรณ์ มี สมาชิก 650,613 คน
4. สหกรณ์ร้านค้า
เป็นสหกรณ์สำหรับผู้มีอาชีพประมงโดยเฉพาะ ทั้งอาชีพประมงน้ำจืด และ
ประมงทะเล มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ความรู้ทางด้านวิชาการ และดำเนินธุรกิจ
เพื่อส่งเสริมอาชีพประมง ทั้งการจำหน่ายสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำ และ
อุปกรณ์ประมงสมาชิกสหกรณ์ประมงกำลังจับสัตว์น้ำใน พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์
ประมงทั้ง ประมงน้ำจืดและประมงทะเลในท้องที่จังหวัด ชายทะเลและแหล่งน้ำ
ธรรมชาติ จำนวน 19 สหกรณ์ มีสมาชิก 4,127 ครอบครัว
5. สหกรณ์ออมทรัพย์ 11
เป็นสหกรณ์สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำโดยทั่วไป ที่ต้องการพึ่งตนเอง ด้วยการออม
ทรัพย์เป็นประจำ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ด้วยการให้กู้ยืม เมื่อเกิดความจำเป็น
สหกรณ์ออมทรัพย์ตั้งขึ้นทั่วไป ในสถานที่ราชการ สำหรับข้าราชการพลเรือน ตำรวจ
ทหาร และในรัฐวิสาหกิจ โรงงาน บริษัท สถานศึกษา หรือในชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ ในโรงงาน และบริษัทต่างๆ นอกจากจะช่วยให้
พนักงานมีการออมทรัพย์ เพื่อตนเองแล้ว ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น
ในระหว่างพนักงาน และเจ้าของกิจการ ทำให้ข้อขัดแย้งต่างๆ คลี่คลาย ไปในทางที่ดี
ขึ้นใน พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 634 สหกรณ์ มีสมาชิก 994,790 คน
6. สหกรณ์บริการ
เป็นสหกรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพ ต้องการดำรงชีพตาม
แนวทางสหกรณ์ และมีประเภทของอาชีพ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว สหกรณ์บริการ
จึงมีหลายรูปแบบ เช่น สหกรณ์ไฟฟ้า ดำเนินการให้ได้มาซึ่งกระแสไฟฟ้า และจัด
ให้มีการบำรุงรักษาร่วมกัน สหกรณ์เคหสถาน ดำเนินการให้ได้มา ซึ่งบ้านที่อยู่อาศัย
หรือที่ดิน และสิ่งสาธารณูปโภคอื่นๆ สหกรณ์ผู้เดินรถรับจ้าง สหกรณ์แท็กซี่ สหกรณ์
ผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลัก เป็นต้น สหกรณ์เคหสถานเป็นสหกรณ์บริการประเภทหนึ่ง ใน
พ.ศ. 2529 มีสหกรณ์บริการ จำนวน 256 สหกรณ์ มีสมาชิก 74,673 คนสหกรณ์ทั้ง 6
ประเภท จดทะเบียนจัดตั้ง เป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 และ
ดำเนินการ ตามหลักการสหกรณ์สากล 6 ประการ โดยมีสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศ
ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งความร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์ ทั้งในประเทศ และระหว่าง
ประเทศ มี กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานของรัฐในการ ส่งเสริมและดูแลการ
ดำเนินงานของสหกรณ์ มี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เป็นหน่วยงานของรัฐในการ ตรวจ
ตรากิจการสหกรณ์ ด้วยการตรวจบัญชีทุก สหกรณ์ เพื่อให้สมาชิกได้ทราบถึงฐานะของ
สหกรณ์ของตน มีสำนักงานนายทะเบียนสหกรณ์ เป็นหน่วยงานของรัฐ ในการรับจด
ทะเบียนสหกรณ์ และสั่งเลิกสหกรณ์
7.สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน 12
สหกรณ์อเนกประสงค์ ตั้งขึ้นโดยความสมัครใจของสมาชิกที่อยู่ในวง
สัมพันธ์เดียวกัน เช่น อาศัยในชุมชนเดียวกัน ประกอบอาชีพเดียวกัน
หรือในสถานที่เดียวกัน หรือมีกิจกรรมร่วมกันเพื่อการรู้จักช่วยเหลือตนเอง
อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้สมาชิกประหยัดและออม
เพื่อการรู้จักช่วยตนเองเป็นเบื้องต้นและเป็นพื้นฐานในการสร้าง
ความมั่นคงแก่ตนเองและครอบครัว
3.สหกรณ์กับการพัฒนา 13
เศรษฐกิจ
ในชุมชนและประเทศ
3.สหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนและประเทศ 14
ระบบสหกรณ์เป็นการช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งจะนำสังคมไป
สู่การกินดี อยู่ดี และมีสันติสุข
แม้ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจในช่วง พ.ศ.2540 แต่การ
ดำเนินธุรกิจของขบวนการสหกรณ์กลับไม่ได้รับผลกระทบ
ในทางตรงกันข้ามกลับมีเม็ดเงินล้นระบบในประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ สาเหตุ
ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากเอกลักษณ์ คุณค่า และศักยภาพของขบวนการสหกรณ์ที่
เป็นองค์กรฐานรากทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับรากหญ้าของประเทศ
ดังนั้นถือได้ว่าขบวนการสหกรณ์มีความสำคัญต่อประชาชนที่เป็นสมาชิกทั้งใน
ระดับชุมชนและระดับประเทศเป็นอย่างยิ่ง
3.สหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจใน 15
ชุมชนและประเทศ
สหกรณ์เป็นสถาบันการเงินที่มีรูปแบบการดำเนินงานแตกต่างไปจากองค์กร
ธุรกิจเอกชน และรัฐวิสาหกิจที่เนันปัจจัยด้านการเงินเป็นหลักแต่สหกรณ์ใช้เงิน
ทุนของสมาชิกมาลงทุนอย่างคุ้มค่า มีการควบคุมโดยสมาชิก และไม่มุ่งหวังผล
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากเกินไป เนื่องจากสมาชิกสหกรณ์มีส่วนร่วมตรวจสอบ
ทุกขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้สหกรณ์ยังเป็นองค์กรธุรกิจที่ไม่เพียงมีผลตอบแทนแก่สมาชิกผู้ถือหุ้น
เท่านั้น แต่ยังให้ผลประโยชน์ย้อนกลับไปสู่สมาชิกที่ทำธุรกิจกับสหกรณ์อีกด้วย
การดำเนินธุรกิจของสหกรณ์มีส่วนสำคัญในการรักษาความเจริญรุ่งเรืองทาง
เศรษฐกิจในชุมชน ท้องถิ่น และเอื้อประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น
ตลอดจนครอบครัวของสมาชิก
สหกรณ์จึงเป็นองค์กรธุรกิจที่มุ่งเน้นความพอเพียง มีการวางแผนธุรกิจอย่างเหมาะ
สมกับสภาพความเป็นจริงโดยอาศัยการจัดการงบประมาณและขั้นตอนที่ตรวจสอบได้
ซึ่งทำให้การบริหารงานมีความยืดหยุ่นและมีอำนาจต่อรองทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น จึงเป็น
ผลให้สหกรณ์มีเครือข่ายความร่วมมือตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับโลก
4.เศรษฐกิจในชุมชน 16
4.เศรษฐกิจในชุมชน 17
4.1 ความหมายของเศรษฐกิจในชุมชน
เศรษฐกิจชุมชน หมายถึง การผลิต การบริโภค การแลกเปลี่ยนสินค้า
การทำมาหากินของผู้คนในชุมชนต่างๆ ซึ่งแต่ละชุมชนจะมีลักษณะทาง
เศรษฐกิจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมทาง
ธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยี
4.2 ปัญหาทางเศรษฐกิจในชุมชน
1.ปัญหาความไม่สมดุลของภาคเศรษฐกิจ
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันมีการพึ่งพา
ต่างประเทศมากขึ้น เช่น ต้องมีการนำเข้าเครื่องจักร
วัตถุดิบและเทคโนโลยี รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจาก
ต่างประเทศมากขึ้น
รัฐบาลได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม
พ.ศ. 2503 โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมีการ
ตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีภารกิจในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในกิจการที่
เป็นประโยชน์ของประเทศโดยการให้สิทธิในการลงทุน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคม
2.ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้
กลยุทธ์การพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม ก่อให้เกดความไม่เป็น
ธรรมในการกระจายรายได้ระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมอย่างเห็นได้ชัด
แนวโน้มในปัจจุบันสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ ส่วนสัดส่วนของภาคเกษตรกรรมลดลง แต่การจ้างแรงงานของเกษตรกรรมยังคง
สูงเท่าอุตสาหกรรม อีกทั้งการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร
เขตปริมณฑลและเมืองใหญ่ๆเท่านั้น
2.1ปัญหาการกระจายรายได้ 18
ความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ที่กล่าวข้างต้นเกิดขึ้นเพราะคนจนไม่
สามารถแข่งขันกับคนรวยได้เพียงพอในการหารายได้และกำไร
จุดอ่อนของคนจนในการแข่งขันนี้มีหลายแง่มุม ดังเช่น ตัวอย่างต่อไปนี้
(1) ขนาดของการลงทุนและการผลิต ไม่ใหญ่พอที่จะช่วยลดต้นทุนโดยเฉลี่ย
(2) การกระจายประเภทของผลผลิต มีน้อยเกินไปที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง
2.2 ปัญหาความยากจน
แม้ปัญหาความยากจนมีแนวโน้มดีขึ้นในปัจจุบัน โดยสัดส่วนคนจนลดลง คนจน
ส่วนใหญ่อาศัยในชนบทประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร และหัวหน้าครัวเรือนมี
การศึกษาชั้นประถมหรือไม่มีการศึกษา แต่ความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างกลุ่ม
ต่างๆของชั้นรายได้มากขึ้น นอกเหนือจากความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ระหว่าง
บุคคลที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่กระจายระหว่างภูมิภาคก็เพิ่ม
มากขึ้นด้วย ตัวอย่างปัญหาความยากจน ความยากจนที่เกิดขึ้นในชุมชน เช่น ปัญหา
ความยากจนที่มีผลสืบเนื่องมาจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบ
อาชีพเกษตรกรรม ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตทางเกษตรกรรมตกต่ำ
3.ปัญหาด้านคุณภาพชีวิต
ถึงแม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะมีอายุยืนยาวขึ้นเนื่องจากการพัฒนาทางด้านสาธารสุข แต่
กระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยม รวมทั้งการเป็นสังคมเมืองมากขึ้น มีผลทำให้วิถี
ชีวิตของประชากรไทยโดยเฉพาะชุมชนเมือง เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัญหา
สุขภาพจิตมีมากขึ้น ปัญหาสารเสพติดทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหา
สังคม
4.ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 19
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่าที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการขยายตัวด้านการ
ผลิตสินค้าและบริการโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
และการเพิ่มรายได้ของประชากรซึ่งมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยในการผลิต
อย่างฟุ่มเฟือยขาดการวางแผนที่ดี ดังนั้นทรัพยากรธรรมชาติจึงเสื่อมโทรมและลดลง
อย่างรวกเร็วตามปริมาณการผลิตสินค้าและบริการที่เพิ่มมากขึ้น
5.ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540
ในช่วง พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็วมาก ปัจจัยที่
ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือค่าแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก
รวมทั้งค่าของเงินที่มีเสถียรภาพ
ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย 20
พ.ศ. 2540 มีสาเหตุสำคัญจาก
1) การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในสัดส่วนที่สูงมาก ใน พ.ศ. 2538 และ
พ.ศ. 2539 บัญชีเดินสะพัดขาดดุลสูงถึง 8%และ7.9%
ของมูลค่าผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามลำดับ
2) การพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศจำนวนมาก เนื่องจากมีการเปิดเสรีทางการเงิน
โดยการอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ ซึ่งนำไปสู่การ
ลงทุนจำนวนมากในภาคเศรษฐกิจที่มิได้ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อให้เกิด
ประสิทธิภาพในการผลิต เช่น การเก็งกำไรที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และ
ตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เกิดอุปสงค์ในการเก็งกำไร มีการลงทุนมากเพื่อผลิตสินค้า
สนองตอบอุปสงค์ในการเก็งกำไรให้ได้มากที่สุด
3 ) ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non – Performing
Loan : NPLs) ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 ระบบสถาบัน
การเงินไทยมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ถึง 91 แห่ง ซึ่งมี
มูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ ร้อยละ 22 ของทรัพย์สินด้านการเงินและการธนาคาร
ทั้งหมด สถาบันการเงินเหล่านี้ ใช้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเป็นแหล่งเงินทุนในการ
ให้สินเชื่อ อีกทั้งเงินกู้และการลงทุนของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ยังนำไป
ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงประเภทอื่นๆ เช่น การเก็ง
กำไรในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยตกต่ำลงคุณภาพ
และมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันการกู้ยืมจึงปรับตัวลงตามไปด้วยสินทรัพย์บาง
ส่วนกลายเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เนื่องจากลูกหนี้ไม่
สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ส่งผลกระทบให้สถาบันการเงินจำนวนมากขาด
กระแสเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินงานหรือเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง ในช่วง
พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็วมาก ปัจจัยที่ส่งผลต่อ
การเจริญเติบโต คือค่าแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก
รวมทั้งค่าของเงินที่มีเสถียรภาพ
4.3แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน 21
การพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยการสร้างรายได้ และการกระ
จายรายได้สู่คนในชุมชนเป็นการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ
ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งแนวทางการพัฒนามีดังนี้
1. สร้างเวทีการเรียนรู้ เช่น เวที 3. วางแผนพัฒนา “เศรษฐกิจ
ประชาคมตำบล/อำเภอ ร้านค้า แบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของ
ชุมชน ตลาดนัดชุมชน ฯลฯ
2. วิเคราะห์ศักยภาพของท้องถิ่น “ทฤษฎีใหม่”
4. ส่งเสริมการรวมกลุ่ม และการ
(ทุนในชุมชน)
สร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน
5. พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การ 7. พัฒนากิจกรรมทางด้านการ
แปรรูป การบรรจุหีบห่อ ฯลฯ ศึกษา สังคม วัฒนธรรม
6. พัฒนาระบบตลาด ตลาดท้องถิ่น สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม
สร้างเครือข่ายผู้ผลิต-ผู้บริโภค เชื่อม 8. วิจัยเพื่อสนับสนุนงานพัฒนา
โยงผู้ผลิตกับตลาดในเมือง/โรงงาน
เศรษฐกิจชุมชน
4.3แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน 22
9. สร้างศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจ 10. สร้างหลักสูตรฝึกอบรมการ
ชุมชนแบบเบ็ดเสร็จระดับอำเภอ/ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และ
จังหวัด โดยเน้นการมีส่วนร่วมของ
พัฒนาสถานที่ศึกษาดูงาน
องค์กรชุมชนท้องถิ่น
11. พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร 12. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการ
เพื่อใช้ช่วยตัดสินใจ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนสู่สังคม
ในการทำธุรกิจชุมชน
ในวงกว้าง
สมาชิก 23
นางสาว อชิรญา รักวาทิน เลขที่ 4 ชั้น ม.5/4
นางสาว รินรดา ทรัพย์ไพ เลขที่ 17 ชั้น ม.5/4
นางสาว กมลชนก ทองรอด เลขที่ 22 ชั้น ม.5/4
นางสาว นฤมล คงดีเพียร เลขที่ 23 ชั้น ม.5/4
นางสาว วรัญญา ขันธลักษณ์ เลขที่ 24 ชั้น ม.5/4
นางสาว ปณิสรา ปาณะลักษณ์ เลขที่ 25 ชั้น ม.5/4