The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการวิจัยชั้นเรียนgoogleclassroom

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warangkhanang, 2022-06-09 08:06:54

วิจัย classroom

รายงานการวิจัยชั้นเรียนgoogleclassroom

ช่อื วจิ ยั การพัฒนาการเรยี นการสอนโดยใช้ Google classroom ในรายวชิ าเคมี 2 ว31222

ของนกั เรยี นระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนตราษตระการคุณ

ผวู้ ิจัย นางวรางคณาง รตั นคณุ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทคดั ย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา เคมี 2 ของ
นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้ Google classroom ในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน 2) เพอ่ื ศกึ ษา
ความพึงพอใจของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ต่อจัด กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ Google classroom
ในรายวิชาเคมี2 กลุ่มตัวอยา่ ง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนตราษตระการคุณ สงั กัดสานกั งาน
เขตพื้นท่ีการศึกษา มัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 ห้องเรียน คือ
นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4/5 จานวนนักเรยี น 40 คน ซ่งึ ได้จากการสุ่มแบบกลมุ่ เครื่องมือที่ใชว้ ิจัย ไดแ้ ก่ 1)
ระบบจัดการเรียนการสอนออนไลน์ Google classroom รายวิชาเคมี 2 2) แบบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
รายวิชาเคมี 2 3) แบบประเมินความพงึ พอใจของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/5 ต่อจดั กิจกรรมการเรยี นการ
สอนโดยใช้ Google classroom ในรายวิชาเคมี 2 สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ค่าเฉล่ีย ค่าเบ่ยี งเบน
มาตรฐาน คา่ เฉล่ียรอ้ ยละ และคา่ ที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา
เคมี2 หลังเรียนของชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 โดยใช้ Google classroom กับเกณฑ์ร้อยละ 70 พบว่า
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา เคมี 2 หลังเรียนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 ท่ีไดร้ ับการสอนโดยใช้
Google classroom สงู กวา่ เกณฑ์ร้อยละ 70 อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05 โดยมีคา่ t = 11.45 2. ผล
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเคมี 2 ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 เร่ือง สารละลาย
กอ่ นและหลงั การเรียนโดยการใช้ Google classroom พบวา่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าเคมี 2 ของนกั เรยี น
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 เรื่อง สารละลายหลังการ ใช้ Google classroom สูงกว่ากอ่ นการจดั การเรียนรู้ผ่าน
การใช้ Google classroom อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยมีคา่ t = 13.58 3. ผลการศึกษาความ
พงึ พอใจของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 ทีม่ ตี ่อ Google classroom พบว่า นักเรียน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/5
มีความพึงพอใจต่อการใช้ Google classroom นักเรียนมีความพึงพอใจ ใน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อ
พจิ ารณาเป็นรายดา้ นพบว่า ด้านขอ้ ดีของ Google Classroom มีค่าเฉลยี่ 4.30 ดา้ นการจัดการเรียนการสอน
ผ่าน Google Classroom มีคา่ เฉลี่ย 4.27

สารบัญ

หนา้
บทท่ี1 บทนา……………………………………….....................................………………………………..……….... 1

ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา……..................................……………………………..……1
วตั ถุประสงค์ของการวิจัย……………………………..……..................................………………………..1
ขอบเขตของการวิจยั …….................................……………………………………….……………………..2
สมมุตฐิ านของการวจิ ยั ………….................................……………………………....……………………..2
ความสาคญั ของการวจิ ยั …….................................…………………………………….……………….....2
คานยิ ามศัพท์เฉพาะ…….................................………………………..…………………..………………...2
บทท่ี2 เอกสารและงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง…...................................………………………………..……..….….. 4
ความหมายและความสาคัญของการจัดการเรียนการสอน.…...................................…….…....4
ความหมายและความสาคญั ของสื่อออนไลน์………..................................……………………….…5
Google Classroom……………………..................................…………………………………….….…..5
งานวจิ ยั ที่เก่ยี วขอ้ ง…………………..................................…………………………………….……...…...6
บทที่3 วธิ ีดาเนนิ การวจิ ยั ………………………………....................................……………………..……………..8
ประชากรทีใ่ ช้ในการวิจยั ………...................................……………………………………….…………..8
เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั …………………………………..……...................................……..….………..8
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล……………………………………..………................................……………….....8
การวเิ คราะหข์ อ้ มูล……………………………………………….………..……................................….......9
บทท่ี4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล………………………..………………..................................….………….…......10
บทที่5 สรปุ ผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ………………....................................….…...………....…...13
สรุปผลการวิจยั …………………………………………………....................................….……..………....13
อภปิ รายผล…………………………….…………………………..….................................……….……......13
ขอ้ เสนอแนะ…………………………………….…………….……………......................................……....14
บรรณานกุ รม........................................................................................................................15

บทท่ี 1

บทนา

ความสาคญั และทมี่ าของปัญหา

การจัดการศึกษาในปัจจุบันได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวมเร็วตามสภาพแวดล้อม ความ
เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยแี ละวิทยาการตา่ งๆ การรบั รขู้ ้อมูลข่าวสารตา่ งๆ โดยผ่านส่ือทมี่ ีอยู่ มากมาย
ดังน้ันการจดั การเรียนการสอนในปัจจุบันนอกจากใหค้ วามรู้วา่ เข้าใจในเนอ้ื หาแลว้ จาเป็นต้องฝึกฝนให้ผเู้ รยี น
มีความสามารถในการคดิ แก้ปัญหาและตดั สินใจอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ดังที่ พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ
พทุ ธศักราช 2542 และแก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 3) พทุ ธศักราช 2553 กาหนดให้การจดั การเรียนการสอนมุ่งเน้น
ผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยกาหนดความมุ่งหมายและ หลักการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ี
สมบรู ณท์ ั้งรา่ งกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้ และคุณธรรม มีจรยิ ธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถ
อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข และได้วางแนวทางการจัดการศึกษาว่าให้ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมี
ความสามารถเรียนรู้ และพัฒนา ตนเองได้ และถือวา่ ผู้เรียนมคี วามสาคัญที่สดุ กระบวนการจัดการศึกษาต้อง
ส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ซ่ึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องจัด
เน้ือหาสาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคานึงถึงความแตกต่าง
ระหวา่ ง บุคคล ฝกึ ทกั ษะกระบวนการคดิ การจดั การ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรมู้ าใช้ เพื่อ
ปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ ทาได้ คิดเป็น
และแก้ปัญหาเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง (สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติ,
2553) เนอ่ื งมาจากความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยที ่ีรุดหนา้ ไปอย่างรวดเร็วได้ แสดงใหเ้ ห็นถงึ ข้อจากัดของ
การจัดการเรยี นร้ทู ี่เน้นการส่ือสารภายในห้องเรียนเพยี งอยา่ งเดียว ทาให้ โอกาส ในการส่ือสารระหวา่ งผู้สอน
และผ้เู รียนในสภาพการณท์ ่ีต่างกัน ลดน้อยลงและเปน็ อุปสรรค ตอ่ การจัดการเรยี นรู้

การใช้เทคโนโลยีเพ่ือลดข้อจากัดดังกล่าวจึงมีความสาคัญอย่างยิ่งโดยนาเทคโนโลยี Google Apps
for Education มาประยุกต์ใช้เป็นเคร่ืองมือที่นามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน สามารถ สร้างความ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน รวมถึงระบบการส่งและจัดเก็บผลงานต่างๆ ผู้วิจัยได้ ศึกษา Google
Classroom เพื่อนามาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน อันจะส่งผลให้การ เรียนรู้ของผู้เรียนเป็นไป
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพสูงสดุ และเกดิ การเปล่ียนแปลงในด้านการจดั การเรียนรู้ จากความสาคัญและสภาพปญั หา
ดังกล่าวข้างต้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะใช้ Google Classroom เพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนการสอนใน
รายวิชาเคมี2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ซึ่งผลท่ีได้จากการวิจัยในคร้ังน้ีจะเป็นแนวทางนาเทคโนโลยี
Google Apps for Education มาประยุกต์ใช้เป็นเคร่ืองมือในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
ยง่ิ ขนึ้ ต่อไป
วัตถุประสงคก์ ารวิจยั

1. เพ่อื พัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นรายวิชาเคมี 2 ของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/5 โดยใช้
Google classroom ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน

2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 ต่อจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน
โดยใช้ Google classroom ในรายวชิ าเคมี 2

ขอบเขตของการวิจยั

การวจิ ยั เร่อื งการพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้ Google classroom ในรายวชิ าเคมี 2 ว31222
ของนกั เรยี นระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนตราษตระการคุณ มขี อบเขตการศึกษา ดงั นี้

1. ขอบเขตด้านประชากร
ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวิจยั คร้งั น้ี ไดแ้ ก่ นักเรยี นระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา
2564 ท่เี ข้าเรยี นผ่านส่ือออนไลน์ Google Classroom จานวน 40 คน
2. ขอบเขตของเนอื้ หา

ส่ือการสอนออนไลน์ Google Classroom

3. ขอบเขตด้านตัวแปร

ตวั แปรตน้ ได้แก่ การจัดการเรยี นรโู้ ดยใชส้ ือ่ ออนไลน์ Google Classroom

ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ความพึงพอใจในการเรียนโดยใชส้ อื่ ออนไลน์ Google Classroom

สมมตุ ิฐานของการวจิ ัย

การวิจยั นี้เป็นการวิจยั การสารวจความพึงพอใจในการจดั การเรียนร้โู ดยใชส้ ื่อการสอนออนไลน์
Google Classroom

การวิจยั กาหนดสมมุติฐานไว้ดงั น้ี นักศกึ ษามคี วามพงึ พอใจ ในการจัดการเรียนการสอนด้วยสอ่ื การ
สอนออนไลน์ Google Classroom ในระดบั มากท่ีสดุ
ความสาคัญของการวจิ ัย

การวจิ ัยนี้เป็นการศึกษาความพงึ พอใจในการจดั กระบวนการเรียนรูโ้ ดยใชส้ ื่อการสอนออนไลน์
Google Classroom ซ่ึงใหค้ วามสาคญั อยู่ 2 ประการ คอื

1.นกั เรียนสามารถเรียนร้ผู า่ นส่อื ออนไลน์ Google Classroom ได้
2. ครูสามารถนาการจดั การเรยี นรู้โดยใช้ส่อื การสอน Google Classroom เป็นแนวทางในการพัฒนา
สอ่ื การสอนออนไลน์วชิ าตา่ ง ๆ
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ
1. สือ่ การเรียนรู้ หมายถึง ส่อื การเรียนรู้ (Instructional Media) หมายถงึ ตัวกลางหรือชอ่ งทาง ถา่ ยทอดองค์
ความรู้ ทักษะประสบการณ์ จากแหล่งความรไู้ ปสู่ผเู้ รยี น และทาใหเ้ กิดการเรยี นรูอ้ ย่างมี ประสิทธิภาพ โดยสื่อ
การเรียนก็นบั ได้ว่าเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้ผู้เรยี นผสู้ อนได้แสดงบทบาทและเกดิ ความเข้าใจในวิชาทีเ่ รยี นที่สอน
กันไดม้ ากขึน้
2. การจัดการเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติหลักสูตรโรงเรียน
พุทธศักราช 2559 เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ท้ัง 8 กลุ่มสาระเรียนรู้ รวมท้ัง
ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์พัฒนาทักษะตา่ ง ๆ อันเปน็ สมรรถนะสาคัญที่ ต้องการให้เกิดแก่
ผ้เู รียน
3. Google Classroom หมายถงึ Google Classroom เปดิ ใหบ้ ริการสาหรบั ทุกคน ถูกออกแบบมา เพอื่ ช่วย
ใหอ้ าจารยส์ ร้างและเกบ็ งานโดยไมต่ อ้ งใช้กระดาษ และยงั สามารถช่วยประหยัดเวลา เช่น ความสามารถในการ

ทาสาเนาของ Google ใหก้ ับนักเรียนแตล่ ะคน นอกจากน้ียงั สร้างโฟลเดอรส์ าหรับ แต่ละกันและแต่ละคนเพื่อ
ความเป็นระเบียบของข้อมูล นักเรียนสามารถติดตามงานต่างๆ ที่ได้รับ มอบหมายว่ามีอะไรครบกาหนดบ้าง
ครูสามารถติดตามการทางานของนักเรียนได้ว่าใครยังไม่เสร็จ และครูยังสามารถแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ
งานและให้คะแนนกับงานที่นกั เรยี นสง่ มาได้ อย่างรวดเร็ว วิธีการเข้า Class แต่ละครั้งก็ไม่ยุ่งยากครูสามารถ
เพม่ิ นักเรียนได้โดยตรง หรือแค่แชรร์ หสั เพอ่ื ให้นักศกึ ษาเขา้ หอ้ งเรียนได้ การตงั้ ค่ารหัสใชเ้ วลาเพยี งแค่ครูเ่ ดียว
ประโยชน์ของการใช้งาน Google Classroom จะช่วยให้ประหยัดเวลา ตรวจงานได้ง่ายมากขึ้นเป็นระเบียบ
และปลอดภัยเพราะ Classroom จะไม่นาเนื้อหาหรือขอ้ มลู ของนักเรยี นไปโฆษณา

บทที่ 2

เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กี่ยวข้อง

การวิจยั เรื่องการพัฒนาการเรยี นการสอนโดยใช้ Google classroom ในรายวิชาเคมี 2 ว31222
ของนกั เรียนระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นตราษตระการคุณ ผู้วิจยั ได้ศกึ ษาเอกสารเพอ่ื เปน็ พืน้ ฐานใน
การวิจยั ดังน้ี
1. ความหมายและความสาคัญของการจัดการเรยี นการสอน

ความหมายของการเรียนการสอน ในทางศึกษาศาสตร์มผี ูใ้ หน้ ยิ ามความหมายทีเ่ ก่ยี วกบั รปู แบบการ
เรยี นการสอนไว้มากมาย สว่ นความหมายของคาว่าการเรียนการสอนแบ่งความหมาย ออกเป็น 2 ส่วน ดังน้ี

การเรยี น หรือการเรยี นรู้ หมายถึง การไดร้ ับความรู้ พฤติกรรม ทักษะ คุณค่า หรอื ความพงึ ใจ ทเี่ ป็น
สิ่งแปลกใหม่หรอื ปรบั ปรุงสงิ่ ท่ีมีอยู่ การเรยี นรอู้ าจมีการยดึ เปา้ หมายและอาจมกี ารจูงใจเป็นตัว ช่วย การ
เรียนร้อู าจกอ่ ใหเ้ กดิ ความตระหนักอยา่ งมีสานกึ หรอื ไม่มสี านึกกไ็ ด้

การสอน หมายถงึ การถ่ายทอดเน้อื หาวชิ าหรือเป็นวธิ กี ารหลากหลายที่ครูนามาใช้เพ่ือให้เด็ก เกดิ การ
เรียนรู้ ตามศกั ยภาพของเด็ก โดยมีลักษณะการสอน 3 ประการ ดงั นี้

- การสอนเป็นกระบวนการปฏสิ มั พันธ์ระหวา่ งผสู้ อนกับผูเ้ รียน
- ใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมตามจดุ ประสงคท์ ี่กาหนดไว้
- การสอนให้บรรลวุ ตั ถุประสงคต์ ้องอาศัยทงั้ ศาสตร์และศิลป์ของผู้สอน
สรุป ความหมายของการเรียนการสอน จึงหมายถึง การไดร้ บั ความรู้ พฤติกรรม ทกั ษะ คุณค่า หรือ
ความพึงพอใจที่เป็นสิ่งแปลกใหม่ด้วยวิธกี ารถ่ายทอดหรือวิธีการสอนทห่ี ลากหลายรปู แบบให้ เหมาะสมตาม
ศักยภาพของผ้เู รยี น
รูปแบบการเรยี นการสอน
รูปแบบการสอน หมายถึง แผนแสดงการเรยี นการสอน สาหรบั นาไปใช้สอนในห้องเรียน เพื่อให้
ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ตามจดุ ม่งุ หมายท่กี าหนดไวใ้ หม้ ากที่สุด และรปู แบบการสอนนั้นอยู่ภายใต้ หลักการของ
แนวคดิ พน้ื ฐานเดียวกนั องคป์ ระกอบของการสอนไดแ้ ก่ หลกั การ จดุ ม่งุ หมาย เนือ้ หา และ ทกั ษะทต่ี อ้ งการ
สอน ยทุ ธศาสตรก์ ารสอน วิธีการสอน กระบวนการสอน ขนั้ ตอนและกจิ กรรมการสอน การวัดและประเมนิ ผล
สาหรบั รปู แบบการเรยี นการสอนทีเ่ ป็นสากลมีเป็นจานวนมาก ดงั นั้นจงึ มกี ารจัดหมวดหมขู่ อง
รปู แบบตามลักษณะของวัตถุประสงค์เฉพาะหรอื ตามเจตนารมณข์ องรปู แบบไว้ 5 หมวด ดงั น้ี
1. รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นการพัฒนาด้านพุทธิพิสัย (cognitive domain) เป็น รูปแบบการ
เรียนการสอนท่ีม่งุ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หาสาระต่าง ๆ ซึ่งเนื้อหาสาระน้ันอาจอยูใ่ นรูป
ของขอ้ มลู ข้อเทจ็ จริง มโนทัศน์ หรอื ความคิดรวบยอด
2. รูปแบบการเรียนการสอนทเ่ี นน้ การพัฒนาดา้ นจิตพิสยั (Affective Domain) เปน็ รปู แบบ ทีม่ ุง่ ช่วย
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้สึก เจตคติ ค่านิยม คุณธรรม และจริยธรรมทพี่ ึง ประสงค์ซ่ึงเป็นเร่ืองทีย่ ากแก่การ
พัฒนาหรอื ปลกู ฝัง
3. รปู แบบการเรียนการสอนทเ่ี นน้ การพฒั นาด้านทักษะพิสัย (Psycho-Motor Domain) เป็นรูปแบบ
ที่มุ่งช่วยพัฒนาความสามารถของผู้เรียนใน ด้านการปฏิบัติ การกระทา หรือ การแสดงออกต่างๆ ซึ่ง
จาเปน็ ต้องใช้หลักการ วธิ ีการ ทแี่ ตกตา่ งกนั ไป

4. รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาทักษะกระบวนการ (Process Skill) เป็นทักษะ ที่

เกี่ยวข้องกับวิธีดาเนินการต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นกระบวนการ ทางสติปัญญา เช่น กระบวนการสืบสอบแสวงหา
ความรู้ หรือกระบวนการคิดต่าง ๆ อาทิ การคิด วิเคราะห์ การอุปนัย การนิรนัย การใช้เหตุผล การสืบสอบ

การคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ และการคิดอยา่ ง มี วิจารณญาณ เปน็ ตน้
5. รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นการบูรณาการ (Integration) เป็นรูปแบบท่ีพยายาม พัฒนาการ

เรยี นร้ดู า้ นตา่ งๆ ของผ้เู รยี นไปพรอ้ มๆ กัน โดยใชก้ ารบูรณาการท้ังทางด้าน เน้อื หาสาระและวิธกี าร
2. ความหมายและความสาคญั ของสอื่ ออนไลน์

หรือส่ือสังคม (Social Media) สองคาที่สังคมเรียกติดปาก ซ่ึงมีความหมายเดียวกัน ใน บทความน้ี

ผู้เขียนเลือกใช้คาว่า “ส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media Online)” มีผู้ให้ความหมาย ส่ือสังคมออนไลน์ ไว้
มากมาย ดงั น้ี

ราชบัณฑิตยสถาน (2554) ได้บัญญัติคาว่า “Social Media” ไว้ว่า “ส่ือสังคม” หมายถึงสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงเป็นส่ือกลางที่ให้บุคคลทั่วไปมีส่วนร่วมสร้างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ ผ่าน
อนิ เทอรเ์ น็ตได้ สื่อเหลา่ นเี้ ปน็ ของบริษทั ตา่ งๆ ให้บริการผ่านเว็บไซต์ของตน เช่น เฟซบ๊กุ (Facebook) ไฮไฟฟ์

(Hi5) (อา่ นว่า ไฮ-ไฟ)้ ทวติ เตอร์ (Twitter) วกิ พิ เี ดีย (Wikipedia) ฯลฯ
นาวกิ นาเสยี ง (2554) ไดใ้ ห้คาจากัดความของ สอื่ สังคมออนไลน์ว่า เป็นท่ที ี่ผู้ใช้อินเทอร์เนต็ สามารถ

แลกเปล่ยี นประสบการณซ์ ง่ึ กนั และกนั โดยใชส้ อ่ื ตา่ งๆ เป็นตวั แทนในการสนทนา โดยไดม้ ีการ จัดแบ่งประเภท
ของสื่อสังคมออนไลน์ ออกเป็นหลายประเภท เช่น ประเภทส่ือสิ่งพิมพ์ (Publish) ท่ีมี Wikipedia, Blogger
เป็นต้น ประเภทส่ือแลกเปลี่ยน (Share) ที่มีYouTube Flickr SlideShare เป็นต้น ประเภทสื่อสนทนา

(Discuss) ทมี่ ี MSN Skype GoogleTalk เป็นต้น
แสงเดือน ผ่องพุฒ (2556) ให้ความหมายของส่ือสังคมออนไลน์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี เว็บ

2.0 เป็นเครอื่ งมือทที่ างานบนเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ตและเครือขา่ ยโทรศัพท์เคล่ือนที่ ที่อนุญาตให้ แต่ละบคุ คล
เข้าถึง แลกเปล่ียน สร้างเน้ือหา และสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ ร่วมถึงการเข้าร่วมเครือข่าย ออนไลน์ต่างๆ การ
ส่อื สารเปน็ แบบสองทาง

เขมณัฏฐ์ มิ่งศิริธรรม (2557) ให้ความหมายของสื่อสังคมออนไลน์ว่าเป็นสื่อดิจิตอลหรือ ซอฟแวร์ที่
ทางานบนพ้ืนฐานของระบบเว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคม เป็นการนาเร่ืองราวต่างๆ

เหตุการณ์ ประสบการณ์ รปู ภาพวิดโี อ รวมทง้ั การพดู คยุ ตา่ งๆ แบ่งปันใหค้ นทอ่ี ยู่ใน สงั คมเดียวกันไดร้ บั รู้
วกิ พิ ีเดีย (Wikipedia, 2016) กลา่ วถึงส่ือสังคมออนไลนว์ ่าเป็นเคร่ืองมอื ทีม่ ีการติดต่อสื่อสาร หรือการ

โต้ตอบปฏิสัมพันธผ์ ่านคอมพิวเตอร์ (Computer-mediated) ท่ีใหบ้ ุคคลหรือบริษัทสร้าง แบ่งปนั แลกเปล่ียน

ข้อมูลตา่ ง ๆ ทั้งความรแู้ ละรปู ภาพผ่านทางเครือข่ายและชุมชนเสมอื น (Virtual communities)
กล่าวโดยสรุป ส่ือสังคมออนไลน์ เป็นส่วนหน่ึงของเทคโนโลยีเว็บ 2.0 เป็นเครื่องมือที่ทางาน บน

เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และอุปกรณ์หรือโทรศัพท์เคล่ือนที่ โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือการติดต่อส่ือสาร แลกเปล่ียน การแบ่งปันเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างบุคคล สองคน
หรอื กลุ่มบุคคลในลกั ษณะของการเข้ารว่ มในเครอื ข่ายออนไลน์เดียวกนั

3. Google Classroom
Google Classroom เปิดให้บริการสาหรับทุกคน ถูกออกแบบมาเพ่ือช่วยให้อาจารย์สร้างและ เก็บ

งานโดยไม่ตอ้ งใช้กระดาษ และยังสามารถช่วยประหยดั เวลา เช่น ความสามารถในการทาสาเนาของ Google
ให้กับนักศึกษาแต่ละคน นอกจากนี้ยังสร้างโฟลเดอรส์ าหรับแต่ละกันและแต่ละคนเพ่อื ความ เป็นระเบียบของ

ข้อมลู นักศกึ ษาสามารถติดตามงานตา่ งๆ ท่ีไดร้ บั มอบหมายว่ามีอะไรครบกาหนดบ้าง อาจารยส์ ามารถตดิ ตาม
การท างานของนักศึกษาได้ว่าใครยังไม่เสร็จ และอาจารย์ยังสามารถแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับงานและให้
คะแนนกับงานท่ีนักศึกษาส่งมาได้อย่างรวดเร็ว วิธีการเข้า Class แต่ละครง้ั ก็ ไม่ยุ่งยาก อาจารย์สามารถเพิ่ม
นักศึกษาได้โดยตรง หรือแคแชร์รหัสเพ่ือให้นักศึกษาเข้าห้องเรียนได้ การ ต้ังค่ารหัสใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียว
ประโยชน์ของการใชง้ าน Google Classroom จะช่วยให้ ประหยัดเวลา ตรวจงานไดง้ ่ายมากขึ้นเป็นระเบียบ
และปลอดภยั เพราะ Classroom จะไมน่ าเนอ้ื หา หรือข้อมูลของนักศึกษาไปโฆษณา

Google Classroom เปน็ แอปพลเิ คชันท่ีง่ายต่อการใช้งานฟงั กช์ นั ไม่ซบั ซอ้ น เมนไู ม่ยุง่ ยาก รองรบั ได้
หลากหลายอุปกรณช์ ่วยประหยดั เวลาในการศึกษาเรียนรสู้ ่งเสริมการเรียนรู้ที่ไม่จากัด วา่ ตอ้ ง อยูใ่ นห้องเรียน
ผู้เรียนสามารถใช้เวลาว่างเข้าไปทบทวนหรือศึกษาได้ด้วยตัวเอง เหมาะแก่สถานศึกษา ทุกระดับโดยเฉพาะ
นกั ศึกษา กศน.ซ่ึงเป็นวัยผใู้ หญ่ วัยแห่งการทางาน ซ่งึ สว่ นมากไมม่ เี วลามาพบกลุ่ม
งานวิจยั ที่เกีย่ วข้อง

ผศ.ดร.ภาสกร เรืองรอง (2558) ได้กล่าวไวใ้ นบทความเร่ือง การใชเ้ ทคโนโลยี Google Apps ในการ
พัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน The use of Google Apps in the development of innovative
teaching ไว้วา่ การจดั การเรียนการสอนในห้องเรียน จึงมคี วามจาเป็นอย่างมากที่ จะต้องมีการน าเครื่องมือ
หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการจัดระบบการเรียนการสอนเพ่ือช่วย อานวยความสะดวกในหลายๆ ด้าน
เคร่ืองมือท่ีน่าสนใจในการจัดการเรียนการสอนปัจจุบัน คือ Google Apps for Education ท่ีจัดได้ว่าเป็น
เครื่องมือท่ีช่วยตอบสนองปัญหาต่างๆ ของการเรียน การสอนในห้องเรียนได้อย่างหลากหลาย และมี
ประสิทธิภาพอีกเคร่ืองมือหนึ่งในการจัดการเรียนการ สอนของไทย ดังน้ันจะเห็นได้ว่า Google Apps for
Education สามารถตอบโจทย์การศึกษายุคใหม่ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ช่ือวา่ เป็นการสร้างตานานแห่ง
โลกการศึกษายุคใหม่ เพราะได้ทาให้ รูปแบบการจัดการเรียนการสอน การติดต่อส่ือสาร การมีปฏิสัมพันธ์
แปรเปล่ียนไปจากอดตี อยา่ ง สนิ้ เชงิ

อภิรักษ์ ทูลธรรม และอุมาพร จันโสภา (2559) ได้ทาวิจัยเรื่อง ความพึงพอใจระบบ บริการจัดการ
เรียนการสอนแบบออนไลน์มูเด้ิลและกูเกิล้ คลาสรูมในบทบาทของผูส้ อน ผลการศึกษา ระบบการจัดการเรียน
การสอนออนไลน์มูเด้ิลและกูเก้ิลคลาสรูม จากกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ท่ีมี ประสบการณ์ในการใช้มูเด้ิลและกูเก้ิล
คลาสรูมในบทบาทของผู้สอนของมหาวิทยาลัยนครพนม จานวน 40 คน ผลการศึกษาพบว่าผู้ใช้มีความพึง
พอใจในการใช้งานมูเด้ิลและกเู กิ้ลคลาสรูมในระดับ มาก (มเู ด้ิลมีคา่ = 4.29, S.D. = 0.75 และ กูเก้ิลคลาสรูม
มคี ่า = 4.31, S.D. = 0.70)

อพัชชา ช้างขวัญยืน และทิพรัตน์ สิทธิวงศ์ (2559) ได้ทาวิจัยเรื่อง การจัดการเรียนการ สอนแบบ
ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการเรียนรู้แบบโครงงานรายวิชาคอมพิวเตอร์สารสนเทศขั้น พ้ืนฐาน สาหรับนิสิต
ปริญญาตรี ผลการวิจัยพบว่า 1. การสร้างแผนการจัดการเรียนการสอนแบบ ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการ
เรยี นรแู้ บบโครงงาน รายวิชาคอมพิวเตอร์สารสนเทศข้นั พ้นื ฐาน โดยมี รายละเอยี ดทค่ี วรตอ้ งคานึงในการสร้าง
แผนการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับ การเรียนรู้แบบโครงงาน ประกอบด้วย ช่ือ
แผนการจดั การเรียนรู้, ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้, ช่ือเร่อื งของ แผนการจัดการเรียนรู้, ช้ันท่ีสอน, จานวนคาบท่ใี ช้ใน
การสอน,สาระรายวิชา,วัตถุประสงค์,สาระของ เน้ือหา,กิจกรรมสื่อและอุปกรณ์,การวัดและการประเมินผล

,Google Classroom,คู่มือการใช้งาน Google Classroom,แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พร้อมเฉลย
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการ เรยี น 2. ผลการประเมนิ คณุ ภาพของแผนการสอนการจัดการเรียนการสอน
แบบห้องเรียนกลับด้าน ร่วมกับการเรียนรู้แบบโครงงานโดยผู้เช่ียวชาญอยู่ในระดับมาก 3.ผลการหา
ประสทิ ธิผลของการสอน การจัดการเรียนการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับด้านรว่ มกบั การเรียนรู้แบบโครงงาน คือ
0.55 ผา่ นตามเกณฑท์ ี่ตัง้ ไว้

บทท่ี 3

วิธดี าเนินการวจิ ัย

การวิจยั คร้ังนี้ เปน็ การวจิ ัยการพฒั นาการเรียนการสอนโดยใช้ Google classroom ในรายวิชาเคมี 2
ว31222 ของนกั เรยี นระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียนตราษตระการคณุ ซ่งึ มวี ธิ ดี าเนนิ การวิจยั ตาม
หัวขอ้ ดงั น้ี

1. ประชากรทใี่ ช้ในการวจิ ัย
2. เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ในการวิจยั
3. การเก็บรวบรวมข้อมลู
4. การวเิ คราะห์ข้อมูล
ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง

ประชากร ท่ีใชใ้ นการวจิ ัยครงั้ นี้ คอื นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นตราษตระการคณุ สงั กัด
สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาจนั ทบรุ ี ตราด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 4 หอ้ งเรยี น
รวมจานวนท้งั สิน้ 146 คน

กลุม่ ตัวอยา่ ง ทีใ่ ช้ในการวจิ ยั คร้งั นี้ ได้แก่ นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/5 โรงเรยี นตราษตระการคุณ
สงั กัดสานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาจนั ทบรุ ี ตราด ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 1
ห้องเรยี น จานวนนักเรยี น 40 คน ไดม้ าโดยการสุ่มแบบเจาะจง จาก 4 หอ้ งเรียนเลอื กมา 1 หอ้ งเรยี น ได้
ขนาดกลุม่ ตัวอยา่ งจานวน 40 คน

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั
- เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการทดลอง คือ ระบบจัดการเรียนการสอนออนไลน์ Google classroom รายวชิ า

เคมี2
- เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู คอื แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น รายวิชาเคมี 2 และ

แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ต่อจัด กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ Google
classroom ในรายวชิ าเคมี 2
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล

ในการวจิ ยั ครัง้ นเ้ี ปน็ การวิจัยเชิงทดลอง ผู้วิจัยใช้แบบแผนการทดลองแบบหน่ึงกล่มุ สอบกอ่ นและ
สอบหลัง (One GroupPretest – Posttest Design) มีวิธดี าเนนิ การวจิ ยั ดังนี้

1. ทาการทดสอบกอ่ นใชร้ ะบบจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ Google classroom รายวชิ าเคมี 2
โดยใชแ้ บบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรายวชิ าเคมี2 แบบทดสอบแบบปรนยั 20 ข้อ

2. ดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชร้ ะบบจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ Google classroom
รายวชิ าเคมี 2 จานวน 10 ชั่วโมง

3. เมื่อสนิ้ สุดการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ตู ามกาหนด ทาการทดสอบดว้ ยแบบวัด ผลสมั ฤทธิ์ทางการ
เรียนรายวชิ าเคมี 2 แบบทดสอบแบบปรนัย 20 ขอ้ ชดุ เดมิ

4. นาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4/5 ต่อจัดกิจกรรม การเรยี นการ
สอนโดยใช้ Google classroom ในรายวิชาเคมี 2 ใหก้ ล่มุ ตัวอย่างประเมนิ ความพงึ พอใจท่มี ีต่อระบบจดั การ
เรียนการสอนออนไลน์ Google classroom

5. นาผลการทดสอบมาตรวจให้คะแนน แลว้ นาคะแนนมาวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถติ เิ พือ่ ทดสอบ
สมมติฐานตอ่ ไป
วิธีการวิเคราะห์ข้อมลู

1. วเิ คราะหค์ ะแนนแบบประเมินความพงึ พอใจ ด้วยค่าสถิตพิ ืน้ ฐาน ได้แกค่ า่ เฉล่ีย ()
2. คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน หรอื ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน หรือ ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (อังกฤษ:
standard deviation: SD)
3. คา่ ที (t-test)
ระยะเวลาท่ที าการวิจัย
การวจิ ัยครัง้ นใ้ี ชร้ ะยะเวลาดาเนินการ 1 ภาคเรียนระหว่างเดอื นพฤศจกิ ายน 2564 ถงึ เดอื น
กุมภาพนั ธ์ 2565 กิจกรรมการพบกลุ่มจานวน 18 คร้ัง

บทท่ี 4

ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู

การวจิ ัยคร้งั นี้ เป็นการวจิ ยั เร่ืองการพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้ Google classroom ในรายวิชา

เคมี 2 ว31222 ของนกั เรียนระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียนตราษตระการคณุ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา

2564 ผู้วิจยั ขอนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดงั น้ี ผลการประเมนิ ความพึงพอใจตอ่

การจดั การเรียนการสอนผา่ น สื่อออนไลน์ Google Classroom ดงั นี้

1. การเพ่ิมผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวชิ า เคมี 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 โดยใช้ Google

classroom กบั เกณฑ์รอ้ ยละ 70

ผลการเพิม่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวชิ า เคม2ี หลังเรยี นของชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5

โดยใช้ Google classroom กบั เกณฑร์ อ้ ยละ 70 ดังตาราง 1

ตารางที่ 1 แสดงผลการเปรียบเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรายวชิ า เคมี 2 หลังเรยี นของชน้ั

มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/5 โดยใช้ Google classroom กับเกณฑ์ร้อยละ 70

ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นรายวชิ า เคมี 1 n k ̅ S.D. t

หลงั เรียน 40 14 18.72 2.58 11.45

จากตารางท่ี 1 พบว่า ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรายวชิ า เคมี 2 หลงั เรยี นของ นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี

ที่ 4/5 ที่ได้รบั การสอนโดยใช้ Google classroom สงู กวา่ เกณฑ์รอ้ ยละ 70 อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี ระดับ

.05 โดยมคี ่า t = 11.45

2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าเคมี 2 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปที ี่ 4/5

เรื่อง สารละลาย ก่อนและหลัง การเรียนโดยการใช้ Google classroom ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ

ทางการเรียนวิชา เคมี 2 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/5 เร่ือง สารละลาย ก่อนและหลัง การเรียนโดย

การใช้ Google classroom พบดงั ตาราง 2

ตารางท่ี 2 แสดงผลเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าเคมี 2 ของ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่

4/5 เร่อื ง สารละลาย กอ่ นและหลังการเรียนโดยการใช้ Google classroom

ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น n ̅ S.D. t

กอ่ นการจดั การเรียนรู้ 40 13.21 2.61 13.58
หลงั การจดั การเรียนรู้ 40 18.72 2.58

p < .05

จากตารางที่ 2 พบว่า วิชาเคมี 2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 เร่ือง สารละลาย หลังการ ใช้

Google classroom สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ผา่ นการใช้ Google classroom อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติ

ที่ระดับ .05 โดยมคี ่า t = 13.58

3. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 ที่มีต่อ Google classroom ผล

การศึกษาความพงึ พอใจของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/5 ท่มี ีต่อ Google classroom พบดังตาราง

ตารางท่ี 3 แสดงผลการประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรียน ดา้ นการจัดการเรยี นการสอนผ่าน
Google Classroom

จากตารางที่ 3 แสดงผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ด้านที่ 1 การจัดการเรียนการสอน
ผา่ น Google Classroom ในภาพรวมพบวา่ นักเรียนมคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับมาก มีคา่ เฉลี่ย 4.27 และเมื่อ
พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด 1 ขอ้ ได้แก่ ชว่ ยให้ ประหยัดเวลาในการ
เรียนมีค่าเฉล่ีย 4.60 ส่วนข้ออ่ืนๆ อยู่ในระดับมาก ได้แก่ ช่วยให้มีส่วนร่วมและการ แสดงความคิดเห็น มี
ค่าเฉลี่ย 4.40 ช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีค่าเฉล่ีย 4.30 เน้ือหาเหมาะสมกับการนาเสนอ มี
คา่ เฉล่ีย 4.30 ช่วยให้เข้าใจบทเรียน มีค่าเฉลี่ย 4.30 กิจกรรมการเรียนช่วยให้เข้าใจบทเรียน มีคา่ เฉล่ีย 4.30
ช่วยให้บรรลุเป้าหมายของการเรียน มีค่าเฉล่ีย 4.20 ตัวอย่างที่ใช้ อธิบายสอดคล้องกับบทเรียน มีค่าเฉล่ีย
4.10 แบบฝึกหัดหลากหลายและสอดคล้องกับบทเรียน มี ค่าเฉล่ีย 4.10 และช่วยให้มีความกระตือรือร้นใน
การเรยี นมากข้นึ มีคา่ เฉลย่ี 4.10 ตามลาดับ

ตารางที่ 4 แสดงผลการประเมินความพงึ พอใจของนักศึกษา ด้านขอ้ ดขี อง Google Classroom

จากตารางที่ 4 แสดงผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนด้านข้อดีของGoogle Classroom
พบว่าในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก มีค่าเฉล่ยี 4.30 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยูใ่ น ระดับมากที่สุด 1 ข้อ
ได้แก่ สะดวกและประหยัดเวลา มีค่าเฉล่ีย 4.60 ส่วนข้ออ่ืนๆ อยู่ในระดับมาก ได้แก่เพิ่มขีดความสามารถใน
ด้านการเรียน มีค่าเฉล่ีย 4.30 และ ติดตามทบทวนเน้ือหาบางส่วนท่ีขาด 14 หายไประหว่างเรียน มีค่าเฉลี่ย
4.30 ประสบความสาเร็จในด้านการเรียน มคี ่าเฉลีย่ 4.20 และส่งเสริม ให้ผู้เรียนเรยี นมากขน้ึ มคี ่าเฉลี่ย 4.10
ตามลาดบั

บทท่ี 5

สรุปผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ

สรุปผลการวิจัย
ผลการพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน รายวิชา เคมี 2 เรือ่ ง สารละลาย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี น

ตราษตระการคุณ โดย การใช้ Google classroom ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผูว้ จิ ัยสรุปไวด้ งั นี้
1. ผลการเพ่ิมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา เคมี 2 หลังเรียนของช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 โดยใช้

Google classroom กับเกณฑ์ร้อยละ 70 พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา เคมี 2 หลังเรียนของ
นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4/5 ท่ีไดร้ ับการสอนโดยใช้ Google classroom สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อยา่ งมี
นัยสาคัญทางสถติ ิที่ระดบั .05 โดยมคี ่า t = 11.45

2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี 2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/5 เร่ือง
สารละลาย ก่อนและหลัง การเรียนโดยการใช้ Google classroom พบว่า ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นวิชาเคมี 2
ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 เร่อื ง สารละลายหลังการ ใช้ Google classroom สูงกว่าก่อนการจดั การ
เรยี นรู้ผ่านการใช้ Google classroom อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 โดยมคี ่า t = 13.58

3. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4/5 ทมี่ ีตอ่ Google classroom พบว่า
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 มีความพึงพอใจต่อการใช้ Google classroom นักเรียนมีความพึงพอใจ ใน
ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบวา่ ด้านข้อดีของ Google Classroom มีคา่ เฉลย่ี 4.30
ด้านการจดั การเรียนการสอนผา่ น Google Classroom มีคา่ เฉลย่ี 4.27

อภิปรายผล
จากผลการพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชา เคมี 2 เร่ือง สารละลาย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5
โรงเรียนตราษตระการคุณ โดยการใช้ Google Classroom ผู้วิจัยเสนอการอภิปรายตามรายละเอียด
ดังตอ่ ไปนี้
1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีเพิ่มข้ึน หลังจากท่ีได้ใช้ Google
Classroom สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ70 ผลการวจิ ัยพบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา เคมี 2 หลังเรยี นของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ Google Classroom สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยมีค่า t = 11.45 ซ่ึงสอดคล้องกับสมมติฐานท่ีตั้งไว้ท้ังน้ีเน่ืองจาก นักเรียน
สามารถเข้าเรียนเพิม่ เติมไดน้ อกเวลาเรียน ผ่านการใช้ Google Classroom พรอ้ มทัง้ มีส่ือประสมมากมาย ทา
ให้นักเรยี นเกิดความเขา้ ใจในการเรียนรู้
2. นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4/5 ท่ไี ด้ใช้ Google Classroom ในรายวิชา เคมี 2 เร่ือง สารละลาย
มี ผลสัมฤทธ์ิหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเคมี 2 ของนักเรียนชั้น
มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เร่อื ง สารละลาย หลังการใช้ Google Classroom สงู กวา่ กอ่ นการจัดการเรียนรู้ผ่านการใช้
Google Classroom อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่า t = 13.58 ซ่ึงสอดคล้องกับสมมติฐาน
ที่ตง้ั ไว้ทั้งนเี้ นอ่ื งจากก่อนการนา Google Classroom มาใช้ทาใหผ้ เู้ รียนได้รบั ความรู้ นอกเวลาเรียนและใชส้ ่ือ
การสอนทีห่ ลากหลาย สามารถติดตามงานของตนเองได้ง่ายขน้ึ ส่อื สารกับครูผูส้ อนได้ง่ายข้นึ
3. นักเรยี นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/5 ท่ีได้เลน่ Google Classroom มีความพงึ พอใจเฉลยี่ อยู่ใน ระดับมาก
ผลการวิจยั พบว่า นักเรยี นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการ สอนผา่ นสื่อ
ออนไลน์ Google Classroom ในภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก หากพิจารณา รายด้านพบวา่ ด้านการจัดการเรยี น

การสอนผ่าน Google Classroom ช่วยให้ประหยัดเวลาในการ เรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 4.60 ส่วน

เบ่ยี งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.52 ถือวา่ นักศึกษามีความพึงพอใจ มากทส่ี ดุ ข้อดขี องการใช้ Google Classroom
หัวข้อสะดวกและประหยัดเวลา มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากัน 4.60 ถือว่ามีความพึงพอใจมาก ท่ีสุด ส่วนเบี่ยงเบน

มาตรฐานเท่ากับ 0.52 ถือว่าการนา Google Classroom ไปใชม้ ีความเหมาะสมมากสอดคล้องกับการศึกษา
ระดับความพึงพอใจระบบการ จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ผ่านกูเก้ิลคลาสรูมภายในโรงเรียนช่วง

สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ของ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินความพึงพอใจระบบการจัดการเรียนการสอน
แบบออนไลน์ผ่านกูเก้ิลคลาสรูม สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
ผลการวจิ ัยพบวา่ ผูเ้ รียนมคี วามพงึ พอใจในการจัดการเรียนการสอนผา่ นกูเกิ้ลคลาสรมู ในระดบั มาก (x = 4.32,

S.D.= 0.63) และสอดคล้องกับ สาวิตรีสิงหาดและคณะ (2561) ศึกษาผลสัมฤทธ์ิและความพึงพอใจของ
นักศึกษาพยาบาลตอการ จัดการเรียนการสอนผ่าน Google Classroom ในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ

ทางการพยาบาลพบว่า นกั ศึกษาพยาบาลมีความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลจากการเรียนโดยใช้ Google
Classroom เปน็ เครอ่ื งมอื อยู่ในระดับมากท่ีสุดและการท่ีนักศึกษามีความพึงพอใจตอ่ การจดั การเรยี นการสอน
ผ่านสื่อ ออนไลน์ Google Classroom ในภาพรวมอยู่ในระดับมากเป็นเพราะว่า Google Classroom เป็น

แอปพลิเคชันท่ีง่ายต่อการใช้งานฟังก์ชันไม่ซับซ้อน เมนูไม่ยุ่งยาก รองรับได้หลากหลายอุปกรณ์ ช่วย
ประหยดั เวลาในการศึกษาเรียนรู้ ส่งเสริมการเรยี นรู้ท่ีไม่จากัด ว่าต้องอยู่ในห้องเรียน ผู้เรียนสามารถใช้ เวลา

ว่างเข้าไปทบทวนหรือศกึ ษาได้ดว้ ยตัวเอง เหมาะแก่สถานศกึ ษาทุกระดับ และตวั Google Classroom ยังไม่
มีคา่ ใชจ้ า่ ยใดๆ ในการดาเนินการ
ข้อเสนอแนะการนาผลวจิ ัยไปใช้

Google Classroom เปน็ แอปพลเิ คชนั ทีไ่ มม่ ีค่าใชจ้ ่ายใดๆ งา่ ยต่อการใช้งานฟังก์ชันไม่ ซับซอ้ น เมนู
ไม่ยุ่งยาก รองรบั ได้หลากหลายอุปกรณช์ ว่ ยประหยดั เวลาในการศกึ ษาเรียนรผู้ ูเ้ รยี น สามารถใชเ้ วลาวา่ งเข้าไป

ทบทวนหรอื ศึกษาได้ดว้ ยตวั เอง จงึ เหมาะกบั นกั เรียน ซง่ึ สว่ นมากไมม่ ีเวลามาพบกลุ่มเรยี นรู้ ในชว่ ง
สถานการณ์โควดิ -19
ข้อเสนอแนะการวจิ ยั คร้งั ตอ่ ไป

ปัญหาทพี่ บจากผลการปฏบิ ัตงิ านการเรยี นรู้ผา่ นส่ือออนไลน์ Google Classroom คือ
1) กิจกรรมการเรยี นร้ใู นแต่ละรายวชิ าไม่มใี บความร้หู รือส่อื ในการสอนใหน้ กั ศกึ ษา ต้องใหน้ ักศกึ ษา

ไป ศึกษาเรียนรดู้ ว้ ยตนเองและหาคาตอบมาตอบคาถามในใบงาน วิธกี ารแก้ไขควรปรบั ปรบั ส่ือออนไลน์
Google Classroom

2) เนื้อหาของแต่ละรายวชิ ามีเนื้อหาแตกต่างกนั บางรายวชิ ามเี นื้อหามาก บาง รายวิชามเี นื้อหาน้อย

ควรปรับปรงุ โดยการจดั ทาส่ือออนไลน์ Google Classroom แยกเป็นรายวิชา และมใี บงาน ใบความรู้
แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน เพื่อใหน้ ักศึกษาไดเ้ ขา้ มาศึกษาเรียนรู้ได้ อย่างเต็มรปู แบบและมีความ

เข้าใจในเนือ้ หามากขนึ้ ได้

บรรณานุกรม

จตุรภัทร ประทุม. (2559). แนวทางการจัดการเรยี นการสอนด้วย GOOGLE CLASSROOM. [ออนไลน์].
เข้าถึงไดจ้ าก : http://oho.ipst.ac.th/google-classroom-learning-approach/ (วันทค่ี น้ ขอ้ มลู
:20 พฤศจกิ ายน 2560).

ฉันท์ทพิ ย์ ลีลิตธรรม และพรเพ็ญ เอกเอยี่ มวัฒนกุล. (2558). Journal of Mass Communication
Technology, RMUTP Issue 1 Volume 1 January - June 2016. หน้า 20-25.

ดวงพร อิมแสงจันทร์. (2554). การพัฒนาผลการเรยี นรู้ เร่อื ง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กบั การ
พฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศและความสามารถในการแก้ปญั หา ตามขนั้ ตอนการ จดั การเรยี นรู้
แบบโครงงาน ของนักเรยี นชนั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5. สาขาวิชาการสอนสังคม ศึกษา, ภาควชิ าหลกั สูตร
และวิธสี อนบัณฑติ วิทยาลยั , มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.

นิชาภา บรุ กี าญจน์. (2556). ผลการจัดการเรยี นร้วู ชิ าสขุ ศกึ ษาโดยใชแ้ นวคดิ แบบหอ้ งเรียนกลับ ดา้ นที่มี
ต่อความรับผิดชอบและผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนกั เรียนมัธยมศกึ ษา ตอนต้น. สาขาวชิ าสขุ
ศึกษาและพลศึกษา ภาควิชาหลกั สูตรและการสอน คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภาสกร เรอื งรอง. (2558). การใช้เทคโนโลยี Google Apps ในการพัฒนานวตั กรรมการเรียน การสอน
(The use of Google Apps in the development of innovative Teaching). ภาควชิ า
เทคโนโลยีและสอื่ สารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั นเรศวร.

สุจติ รา ยอดเสนห่ า. (2555). เสน้ ทางการพัฒนาห้องเรยี นออนไลนม์ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าช มงคล
ธัญบุร.ี รายงาน. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2553). พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช 2542
และแกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พทุ ธศกั ราช 2553. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว.

อพชั ชา ช้างขวัญยืน และทิพรัตน์ สิทธวิ งศ์. (2559). การจดั การเรยี นการสอนแบบหอ้ งเรียนกลับ ด้าน
ร่วมกับการเรยี นร้แู บบโครงงานรายวิชาคอมพวิ เตอร์สารสนเทศข้นั พนื้ ฐาน สาหรับนสิ ติ ปรญิ ญา
ตรี. นเรศวรวจิ ยั ครั้งที่ 12: วจิ ยั และนวตั กรรมกบั การพัฒนาประเทศ. มหาวิทยาลยั นเรศวร. หนา้
1344-1353.

อภริ กั ษ์ ทลู ธรรม และอมุ าพร จันโสภา. (2559). ความพึงพอใจระบบบรกิ ารจดั การเรยี นการสอน แบบ
ออนไลน์มเู ด้ลิ และกเู กิ้ลคลาสรมู ในบทบาทของผู้สอน (The Satisfaction towards Learning
Management System of Moodle and Google Classroom in Teacher Role). การ
ประชมุ วิชาการ “มหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครง้ั ท่ี 12”. มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. 8-9
กันยายน 2559. หน้า 78-85.

Best, J. W. , & Kahn, J. V. (1993). Research in Education. 7 th ed. Boston : Allyn and Bacon,
1993


Click to View FlipBook Version