The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่แตกต่างกัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krittiya.s, 2023-02-28 04:01:18

การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่แตกต่างกัน

การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่แตกต่างกัน

การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่แตกต่างกัน รหัสวิชา 1166501


ก คำนำ รายงานการศึกษาค้นคว้าเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา การบริหารองค์การทางการศึกษา Educational Organization Administration รหัสวิชา 1166501 เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่แตกต่างกัน และได้ศึกษาอย่าง เข้าใจ เพื่อเป็นประโยชน์กับการศึกษาด้านการบริหารการศึกษา ในระดับดุษฎีบัณฑิต การศึกษาค้นคว้าเรื่อง “การตัดสินใจภายใต้สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคมที่ แตกต่างกัน” เล่มนี้ ข้าพเจ้าได้วางแผนการดำเนินงานการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิ ตำรา หนังสือ วารสาร นิตยสาร และแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ การจัดทำรายงานฉบับนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ด้วยดี ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ ผศ. ที่ท่านได้ให้คำแนะนำการเรียบเรียง เนื้อหา ขอบเขตของ การศึกษา จนทำให้รายงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ข้าพเจ้าหวังว่า เนื้อหาในรายงานฉบับนี้ที่ได้เรียบเรียงมาจะเป็น ประโยชน์ต่อผู้สนใจเป็นอย่างดี หากมีสิ่งใดในรายงานฉบับนี้จะต้องปรับปรุง ข้าพเจ้าขอน้อมรับในข้อชี้แนะและ จะนำไปแก้ไขหรือพัฒนาให้ถูกต้องสมบูรณ์ต่อไป กฤติยา ชินประเสริฐ 20 กุมภาพันธ์ 2566


ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ความหมายของการตัดสินใจ 1 ความสำคัญของการตัดสินใจ 2 ลักษณะของการตัดสินใจ 3 ชนิดของการตัดสินใจ 4 รูปแบบของการตัดสินใจ 6 สภาวการณ์หรือสถานการณ์ของการตัดสินใจ 7 ความหมายและความสำคัญของวัฒนธรรม 8 บทบาทของวัฒนธรรมต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร 9 ตัวอย่างความผิดพลาดทางการตลาดโลกในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน 9 ตัวอย่างการหยัดยืนในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน 10 ตัวอย่างการสร้างวัฒนธรรมองค์การด้านการศึกษา 13 บรรณานุกรม 16


ความหมายของการตัดสินใจ การตัดสินใจ (Decision Making) หมายถึงกระบวนการเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง จากหลาย ๆ ทางเลือกที่ได้พิจารณา หรือประเมินอย่างดีแล้วว่า เป็นทางให้บรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์การ การ ตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ และเกี่ยวข้องกับ หน้าที่การบริหาร หรือการจัดการเกือบทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการ วางแผน การจัดองค์การ การจัดคนเข้าทำงาน การประสานงาน และการควบคุม การตัดสินใจได้มีการศึกษามา นาน ความหมายของการตัดสินใจ นักวิชาการได้ให้ความหมายไว้แตกต่างกันดังนี้ • บาร์นาร์ด (Barnard) ได้ให้ความหมายของการตัดสินใจไว้ว่า คือ "เทคนิคในการที่จะพิจารณา ทางเลือกต่างๆ ให้เหลือทางเลือกเดียว" • ไซมอน (Simon) ได้ให้ความหมายว่า การตัดสินใจ เป็นกระบวนการของการหาโอกาสที่จะ ตัดสินใจ การหาทางเลือกที่พอเป็นไปได้ และทางเลือกจากงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ • มูดี (Moody) ได้ให้ความหมายว่า การตัดสินใจเป็นการกระทำที่ต้องทำเมื่อไม่มีเวลาที่จะหา ข้อเท็จจริงอีกต่อไป ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อใดถึงจะตัดสินใจว่าควรหยุดหาข้อเท็จจริง แนวทางแก้ไขจะ เปลี่ยนแปลงไปตามปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งการรวบรวมข้อเท็จจริง เกี่ยวพันกับการใช้จ่ายและการใช้เวลา • กิบสันและอิวาน เซวิช (Gibson and Ivancevich) ได้ให้ความหมายของการตัดสินใจไว้ว่า เป็น กระบวนการสำคัญขององค์การ ที่ผู้บริหารจะต้อง กระทำอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสาร (information) ซึ่ง ได้ รับมาจากโครงสร้างองค์การ พฤติกรรมบุคคล และกลุ่มในองค์การ • โจนส์ (Jones) ได้ให้ความหมายของการตัดสินใจองค์การว่าเป็นกระบวนการ ที่จะแก้ไขปัญหาของ องค์กร โดยการค้นหาทางเลือก และเลือกทางเลือกหรือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การที่ ได้กำหนดไว้ จากคำนิยามข้างต้นอาจกล่าวได้ว่า มีมุมมองของนักวิชาการที่แตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียดแต่ ประเด็นหลักที่มองเหมือนกันคือ 1. การตัดสินใจเป็นกระบวนการ (process) นั่นหมายความว่าการตัดสินใจต้องผ่านกระบวนการคิด พิจารณาไตร่ตรอง วิเคราะห์แล้ว ค่อยตัดสินใจเลือก ทางที่ดีที่สุด มีหลายท่านคิดว่าการตัดสินใจไม่มีขั้นตอนอะไร มากคิดแล้วทำเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการคิดก็ต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสาร (search) การออกแบบ (design) และการเลือก (choice) เพื่อให้สามารถเลือกทางเลือกได้ดีที่สุด 2. การตัดสินใจเกี่ยวข้องกับทางเลือก (solution) การตัดสินใจเป็นการพยายามสร้างทางเลือกให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางเลือกที่น้อยอาจปิดโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์หรือทางเลือกที่ดีกว่าได้ ผู้บริห ารที่ดี จำเป็นต้องมีการฝึกฝนการสร้างทางเลือกที่มากขึ้น หลากหลายด้วยวิธีการคิดแบบริเริ่ม (initiative) และคิดแบบ สร้างสรรค์ (creative thinking) 3. การตัดสินใจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างขององค์การ จะเห็นว่าผู้บริหารในแต่ละระดับชั้นก็มีหน้าที่ใน


2 การตัดสินใจต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (strategic decision) เป็นการ ตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางที่ถูกต้องเพื่อใช้ทรัพยากรที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ องค์การที่กำหนดไว้ ผู้บริหารระดับกลางจะตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ (management decision) เป็นการ ตัดสินใจเพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผู้บริหารระดับต้นจะตัดสินใจเกี่ยวกับ การปฏิบัติการ (Operational decision) เป็นการตัดสินใจดำเนินการควบคุมงานให้สำเร็จตามระยะเวลาและ เป้าหมายที่กำหนดไว้ 4. การตัดสินใจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมคน จะเห็นว่าการตัดสินใจเกี่ยวข้องตั้งแต่คนเดียว กลุ่มและทั้ง องค์การ ซึ่งพฤติกรรมคนแต่ละคนก็แตกต่างกัน ผู้บริหารที่ดีจะต้องมีความเข้าใจและมีจิตวิทยาเกี่ยวข้องกับบุคคล กลุ่ม และองค์การที่ดีพอจึงจะทำให้การตัดสินใจประสบผลสำเร็จได้ ดังนั้นกล่าวได้ว่า การตัดสินใจ คือ ผลสรุปหรือผลขั้นสุดท้ายของกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลเพื่อเลือก แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ ทรัพยากร และบุคคล สามารถนำไปปฏิบัติและทำให้งาน บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ การตัดสินใจ เป็นส่วนหนึ่งของบทบาทของผู้บริหารที่เกิดจาก ตำแหน่งและอำนาจที่เป็นทางการ คือ บทบาทการเป็นผู้ประกอบการ (Enterpreneur) บทบาทผู้จัดการ สถานการณ์ที่เป็นปัญหา (Disturbance Handler) บทบาทผู้จัดทรัพยากร (Resource Allocator) และบทบาทผู้ เจรจาต่อรอง (Negotiator) ความสำคัญของการตัดสินใจ ทฤษฎีการบริหารองค์การในยุคหนึ่งได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการบริหาร (Management Process) อันได้แก่ การวางแผน การจัดการองค์การ การบริหารงานบุคคล การอำนวยการและการควบคุม ต่อมา ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดไปว่า แม้ว่าจะทำหน้าที่ดังกล่าวได้ดีเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าขาดการตัดสินใจที่ดีพอแล้ว ยากที่จะทำให้การบริหารองค์การสู่ความสำเร็จได้ การตัดสินใจจึงมีความสำคัญ 4 ประการ ดังนี้ 1. การตัดสินใจเป็นเครื่องวัดความแตกต่างระหว่างผู้บริหารกับผู้ปฏิบัติงาน ผู้ที่เป็นผู้บริหารใน ระดับต่าง ๆ จะต้องแสดงความรู้ ความสามารถในการตัดสินใจที่ดีกว่าผู้ปฏิบัติงาน ผู้บริหารจะต้องมีเหตุผล มี หลักการ มีเจตคติและวิจารณญาณที่ดีกว่า ความสามารถในการตัดสินใจคือมูลค่าเพิ่มที่ผู้บริหารต้องทำให้เห็นว่า นี่ คือความแตกต่างที่สมแล้วกับค่าจ้างเงินเดือนในตำแหน่งผู้บริหาร 2. การตัดสินใจเป็นมรรควิธีนำไปสู่เป้าหมายองค์การ ผู้บริหารควรตระหนักเสมอว่า การตัดสินใจ มิใช่เป็นเป้าหมายในตัวของมันเอง แต่เป็นมรรควิธี แนวทาง วิธีการและเครื่องมือที่จะทำให้การบริหารองค์กร ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ดังนั้น การกำหนดเป้าหมายองค์การให้ชัดเจนก็เป็นสิ่งสำคัญที่


3 จะต้องเริ่มต้น การหาวิธีการและแนวทางปฏิบัติที่หลากหลายก็เป็นขั้นตอนที่กระทำตามมา และนี่คือการตัดสินใจ นั่นเอง การกำหนดแนวทางวิธีการที่ดี ที่หลากหลายและสร้างสรรค์จะนำพาให้องค์การสู่ความสำเร็จได้ 3. การตัดสินเป็นเสมือนสมองขององค์การ การตัดสินใจที่ดีก็เหมือนกับคนเรามีสมอง และระบบ ประสาทที่ดีก็จะทำให้ตัวเราประสบผลสำเร็จในชีวิตการงาน ชีวิตส่วนตัวและชีวิตทางสังคมได้ ในขณะเดียวกันถ้า เป็นการตัดสินใจขององค์กรที่ดีก็จะต้องมีสมอง และระบบประสาทขององค์กรที่ดีด้วยจึงจะทำให้องค์กรมี ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลได้ ผู้บริหารที่ดีจะต้องกระตือรือร้น ใฝ่หาแนวทางแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา จะต้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ กำหนดแนวทางใหม่ๆ ยกระดับมาตรฐานและป้องกันปัญหาที่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้ได้ 4. การตัดสินปัญหาเป็นกลยุทธ์การแก้ปัญหาในอนาคต ในทฤษฎีการตัดสินใจทั่วไปมองว่าเป็น การแก้ไขปัญหาในอดีต ซึ่งได้แก่ปัญหาข้อขัดข้องซึ่งมีสะสมมาตั้งแต่ในอดีต และมีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งก็ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมดสิ้นและยังมีปัญหาใหม่ ๆ เข้ามาอีกมากมาย โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิด (paradigm) ในการมองปัญหาใหม่ให้มองไปถึงปัญหาในอนาคต ซึ่งได้แก่ปัญหาป้องกัน รู้แล้วว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคต ก็ควรมีการตัดสินใจล่วงหน้าก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น ปัญหาเชิงพัฒนาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้บริหารต้องให้ ความสนใจ เป็นการมองโดยใช้วิสัยทัศน์ (vision) ของผู้บริหารในการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต กำหนดภาพ อนาคต (scenario) ไว้พร้อมกำหนดทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาในแต่ละภาพอนาคตนั้นด้วย อาทิ ภาพอนาคตมุ่งเน้น 3 C ได้แก่ ลูกค้า (Customer) การแข่งขัน (Competition) และการเปลี่ยนแปลง (Change) ดังนั้นผู้บริหาร เตรียมการที่จะคิดวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ในเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ในการบริการลูกค้าเหนือความ คาดหวัง กลยุทธ์การแข่งขันสู่ความเป็นเลิศ และกลยุทธ์สู่องค์การอัจฉริยะ เป็นต้น ลักษณะของการตัดสินใจ กุลชลี ไชยนันตา (2539:130) ได้สรุปลักษณะของการตัดสินใจจาก ลูมบา (Loomba, 1978:100-103) ไว้ ดังนี้ 1. การตัดสินใจเป็นกระบวนการของการเปรียบเทียบผลตอบแทนหรือผลประโยชน์ที่จะได้ รับจาก ทางเลือกหลาย ๆ ทาง โดยที่ผู้ตัดสินใจจะเลือก ทางเลือกที่ให้ประโยชน์สูงสุด 2. การตัดสินใจเป็นหน้าที่ที่จำเป็น เพราะทรัพยากรมีจำกัด และมนุษย์มีความต้องการไม่จำกัด จึง จำเป็นต้องมีการตัดสินใจ เพื่อให้ได้รับประโยชน์และ ความพอใจจากการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อบรรลุเป้าหมาย ขององค์การ


4 3. ในการปฏิบัติงานของฝ่ายต่าง ๆ ในองค์การ อาจมีการขัดแย้งกัน เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่าย บุคคล ฝ่าย การเงินการบัญชี ฝ่ายการบริหารงานบุคคล แต่ละฝ่ายอาจมีเป้าหมายของการทำงานขัดแย้งกัน ผู้บริหารจึงต้อง เป็นผู้ตัดสินใจชี้ขาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การโดยส่วนรวม 4. กระบวนการตัดสินใจประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ข้อจำกัด การกำหนดทางเลือก ส่วนที่สอง เป็นการเลือกทางเลือกหรือ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดตามสภาวการณ์ 5. การตัดสินใจมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายและลักษณะของปัญหา เช่น อาจแบ่งออกได้เป็นการ ตัดสินใจตามลำดับขั้น ซึ่งมักเป็นงานประจำ เช่น การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ตารางการทำงาน เป็นต้น และการ ตัดสินใจที่ไม่เป็นไปตามลำดับขั้น เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับการริเริ่มงานใหม่ เช่น ตั้งคณะใหม่ หรือขยายโรงงานใหม่ เป็นต้น ชนิดของการตัดสินใจ ไซมอน (Simon, 1960:5-6) ได้แบ่งชนิดของการตัดสินใจออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ดังนี้ 1. การตัดสินใจที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือมีแบบอย่างไว้ล่วงหน้า (Programmed decisions) เป็นการตัดสินใจตามระเบียบ กฎเกณฑ์ แบบแผนที่เคยปฏิบัติมาจนกลายเป็นงานประจำ เช่น การตัดสินใจ เกี่ยวกับการลาป่วย ลากิจ ลาบวช การอนุมัติการเบิกจ่ายเงิน การอนุมัติผลการศึกษา เป็นต้น การตัดสินใจแบบ กำหนดไว้ล่วงหน้านี้ เปิดโอกาสให้ผู้บริหารเลือกทางเลือกได้น้อย เพราะว่าเป็น การตัดสินใจภายใต้สภาวการณ์ที่ แน่นอน 2. การตัดสินใจที่ไม่ได้กำหนดหรือไม่มีแบบอย่างไว้ล่วงหน้า (Nonprogrammed decisions) เป็นการตัดสินใจในเรื่องใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีระเบียบ กฎเกณฑ์ แบบแผนที่เคยปฏิบัติมาก่อน จึงเป็นเรื่อง ยุ่งยากแก่ผู้ตัดสินใจ โดยที่ผู้บริหาร หรือผู้ตัดสินใจ จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนด้วย เช่น การ ตัดสินใจนำเงินไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนหรือผลกำไรในธุรกิจ การตัดสินใจผลิตสินค้าตัวใหม่ การตัดสินใจใน การขยายกิจการ เป็นต้น กระบวนการตัดสินใจ (Process of decision making) หมายถึง การกำหนดขั้นตอนของการตัดสินใจ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไป จนถึง ขั้นตอนสุดท้าย การตัดสินใจโดยมีลำดับขั้นของกระบวนการ ดังกล่าว เป็นการตัดสินใจ โดยใช้หลักเหตุผลและมีกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจ โดยใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือช่วยในการ หาข้อสรุปเพื่อการตัดสินใจ ขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจมีอยู่หลายรูปแบบ แล้วแต่ความคิดเห็นของ นักวิชาการ พลันเกต และแอ็ตเนอร์ (Plunkett and Attner, 1994:162) ได้เสนอลำดับขั้นตอนของกระบวนการ ตัดสินใจเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้ อ้างจาก กุลชลี ไชยนันตา (2539:135-139)


5 1. การระบุปัญหา (Define the problem) เป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะการระบุ ปัญหาได้ถูกต้องหรือไม่ ย่อมมีผล ต่อการดำเนินการในขั้นต่อ ๆ ไปของกระบวนการตัดสินใจ ซึ่งจะส่งผลกระทบ ต่อคุณภาพของการตัดสินใจด้วย ดังนั้น ผู้บริหารจึง ควรระมัดระวังมิให้เกิดความผิดพลาดในการระบุปัญหาของ องค์การ ทั้งนี้ ผู้บริหารควรแยกแยะความแตกต่าง ระหว่าง อาการแสดง (symptom) ที่เกิดขึ้นกับตัวปัญหาที่ แท้จริงเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ยอดขายของบริษัทลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจาก คุณภาพสินค้าต่ำ จะเห็นว่า การที่ยอดขายลดลง เป็นอาการแสดง และปัญหาที่ต้องแก้ไขได้แก่ การที่คุณภาพสินค้าต่ำ ดังนั้นผู้บริหาร ที่ชาญ ฉลาดต้องคอยสังเกตอาการแสดงต่าง ๆ ทั้งต้องรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการค้นหา สาเหตุของอาการ แสดง เหล่านั้น ซึ่งจะนำไปสู่การระบุปัญหาที่แท้จริงได้อย่างถูกต้องแม่นยำ 2. การระบุข้อจำกัดของปัจจัย (Identify limiting factors) เมื่อสามารถระบุปัญหาได้ถูกต้องแล้ว ผู้บริหารควรพิจารณาถึง ข้อจำกัดต่าง ๆ ขององค์การ โดยพิจารณาจากทรัพยากรซึ่งเป็นองค์ประกอบของ กระบวนการผลิต ได้แก่ กำลังคน เงินทุน เครื่องจักร สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ รวมทั้งเวลาซึ่งมักเป็นปัจจัย จำกัดที่พบอยู่เสมอ ๆ การรู้ถึงข้อจำกัดหรือเงื่อนไข ที่ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ จะช่วยให้ผู้บริหารกำหนด ขอบเขตในการพัฒนาทางเลือกให้แคบลงได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงื่อนไขว่าต้องส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าภายในเวลา 1 เดือน ทางเลือกของการแก้ไขปัญหาการผลิตสินค้าไม่เพียงพอ ที่มีระยะเวลา ดำเนินการมากกว่า 1 เดือน ก็ควรถูก ตัดทิ้งไป 3. การพัฒนาทางเลือก (Develop potential alternatives) ขั้นตอนต่อไป ผู้บริหารควรทำการพัฒนา ทางเลือกต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งทางเลือกเหล่านั้นควรเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพและมีความเป็นไปได้ ในการแก้ปัญหาให้ น้อยลงหรือให้ประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างเช่น กรณีที่องค์การประสบปัญหาเวลาการผลิตไม่เพียงพอ ผู้บริหารอาจ พิจารณาทางเลือกดังนี้ 1) เพิ่มการทำงานกะพิเศษ 2) เพิ่มการทำงานล่วงเวลาโดยใช้ตารางปกติ 3) เพิ่มจำนวน พนักงาน หรือ 4) ไม่ทำอะไรเลย ในการพัฒนาทางเลือกผู้บริหาร อาจขอความ คิดเห็น จากนักบริหารอื่น ๆ ที่ ประสบความสำเร็จทั้งภายในและภายนอกขององค์การ ซึ่งอาจใช้วิธีการปรึกษาหารือเป็นรายบุคคล หรือจัดการ ประชุมกลุ่มย่อยขึ้น ข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลเหล่านั้น เมื่อผนวกรวมกับ สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ ความคิด สร้างสรรค์และประสบการณ์ของตนเอง จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถพัฒนา ทางเลือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. การวิเคราะห์ทางเลือก (Analyze the alternatives) เมื่อผู้บริหารได้ทำการพัฒนาทางเลือกต่าง ๆ โดยจะนำเอาข้อดีและข้อเสีย ของแต่ละทางเลือกมาเปรียบเทียบกันอย่างรอบคอบ และควรวิเคราะห์ทางเลือกใน สองแนวทาง คือ 1) ทางเลือกนั้นสามารถ นำมาใช้ จะเกิดผลต่อเนื่องอะไรตามมา ตัวอย่างเช่น ถ้าโควตาปกติใน การผลิตมอเตอร์ของแผนกผลิตเท่ากับ 500 เครื่องต่อเดือน แต่แผนกผลิตต้องผลิตมอเตอร์ให้ได้ 1,000 เครื่อง ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยมีข้อจำกัดด้านต้นทุนขององค์การว่า จะจ่ายค่าจ้างพนักงาน เพิ่มขึ้น ไม่เกิน 10,000 บาท เท่านั้น ทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหา อาจทำได้โดยการจ้างพนักงาน ทำงานล่วงเวลา ในวันหยุด และเวลา


6 กลางคืน แต่เมื่อ ประเมินได้แล้ว พบว่า วิธีนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 17,000 บาท ผู้บริหารก็ควรตัด ทางเลือกนี้ทิ้งไป เพราะไม่สามารถ นำมาใช้ได้ภายใต้ ข้อจำกัดด้านต้นทุน อย่างไรก็ตามทางเลือกบางทางเลือกที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดขององค์การก็อาจทำให้เกิดผลต่อเนื่องที่ไม่พึง ประสงค์ตามมา เช่น ทางเลือกหนึ่ง ของการเพิ่มผลผลิต ได้แก่การลงทุนติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ แก้ปัญหาได้ แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับ การลดลงของขวัญกำลังใจของพนักงานในระยะต่อมา เป็นต้น 5. การเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด (Select the best alternative) เมื่อผู้บริหารได้ทำการ วิเคราะห์และ ประเมินทางเลือกต่าง ๆ แล้ว ผู้บริหารควรเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อ พิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดเพียงทางเดียว ทางเลือกที่ดีที่สุด ควรมีผลเสียต่อเนื่องในภายหลังน้อยที่สุด และให้ ผลประโยชน์มากที่สุด แต่บางครั้งผู้บริหาร อาจตัดสินใจเลือก ทางเลือกแบบประนีประนอม โดยพิจารณา องค์ประกอบที่ดีที่สุดของแต่ละทางเลือกนำมาผสมผสานกัน 6. การนำผลการตัดสินใจไปปฏิบัติ(Implement the decision) เมื่อผู้บริหารได้ทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ก็ ควรมีการนำผล การตัดสินใจนั้น ไปปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารควรกำหนด โปรแกรมของการตัดสินใจ โดยระบุถึง ตารางเวลาการดำเนินงาน งบประมาณ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ ควรมีการมอบหมายอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน และจัดให้มีระบบการติดต่อสื่อสารที่จะช่วยให้การตัดสินใจเป็นที่ ยอมรับ นอกจากนี้ผู้บริหารควรกำหนดระเบียบวิธี กฎ และนโยบาย ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้การดำเนินงานเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ 7. การสร้างระบบควบคุมและประเมินผล (Establish a control and evaluation system) ขั้นตอน สุดท้ายของกระบวนการตัดสินใจ ได้แก่ การสร้างระบบการควบคุมและการประเมินผล ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหาร ได้รับข้อมูล ย้อนกลับ เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ข้อมูลย้อนกลับจะช่วยให้ผู้บริหาร แก้ปัญหา หรือทำการตัดสินใจ ใหม่ได้โดยได้ผลลัพธ์ของการปฏิบัติที่ดีที่สุด รูปแบบของการตัดสินใจ การตัดสินใจเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในหน่วยงาน การตัดสินใจอาจ กระทำโดยบุคคลเพียงคนเดียว หรือเป็นกลุ่มบุคคลแล้วแต่ความเหมาะสมของกรณี รูปแบบของการตัดสินใจโดย ถือเอาจำนวนคนที่ร่วมตัดสินใจ เป็นเกณฑ์สามารถ จำแนกออกได้ 2 รูปแบบ ดังนี้ 1. การตัดสินใจโดยบุคคลคนเดียว (Individual decision making) ใช้สำหรับการตัดสินใจ ในเรื่องง่าย ๆ ที่ผู้ทำการตัดสินใจ ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉินที่ไม่มีเวลาพอสำหรับการ ปรึกษาหารือกับบุคคลอื่น 2. การตัดสินใจโดยกลุ่มบุคคล (Group decision making) เป็นการตัดสินใจโดยให้ผู้ที่มี


7 หน้าที่ที่จะต้อง ปฏิบัติตามผลของการตัดสินใจนั้น ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูล การตัดสินใจโดยกลุ่มบุคคลนี้ เหมาะสำหรับ การตัดสินใจ ในเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน หรือเรื่องที่ผู้บริหารไม่มีข้อมูล ข่าวสารเพียงพอหรือยังขาดประสบการณ์ในเรื่องนั้น ๆ หรือไม่มีความชำนาญ ทางด้านนั้นอย่างเพียงพอ จึงจำเป็นต้องฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ แล้วประมวลความคิดเห็นเหล่านั้น มาเป็นสิ่ง กำหนดการตัดสินใจ กลุ่มบุคคล ดังกล่าว อาจได้แก่ กลุ่มผู้บริหาร ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าส่วนต่าง ๆ ของ หน่วยงาน คณะกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งอาจประกอบด้วยผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกัน วิธีการ ตัดสินใจโดย กลุ่มอาจทำได้ใน ลักษณะต่างๆ (1) การตัดสินใจโดยใช้ข้อยุติที่เป็นมติในเสียงข้างมาก อาจใช้ระบบเสียงข้างมากเกินครึ่งหนึ่ง หรือระบบ สองในสามของกลุ่ม แล้วแต่ความสำคัญของเรื่องที่ตัดสินใจ (2) การตัดสินใจโดยข้อยุติเป็นเอกฉันท์คือการที่สมาชิกทุกคนเห็นพร้องต้องกันโดยไม่มีความขัดแย้ง และ (3) สมาชิกในที่ประชุมเสนอความคิดเห็น แล้วให้ผู้บริหารนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจเอง สภาวการณ์หรือสถานการณ์ของการตัดสินใจ โดยปกติแล้ว ผู้นำหรือผู้บริหารมักจะต้องทำการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์หรือสภาวการณ์ต่างกัน ซึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือ การควบคุมของผู้นำ แต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอย่างยิ่งจึงต้องนำมาพิจารณา ประกอบการตัดสินใจ สภาวการณ์หรือสถานการณ์ ของ การตัดสินใจสามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบ ดังนี้ 1. การตัดสินใจภายใต้ความที่แน่นอน (Decision-making under certainty) คือการตัดสินใจ ที่ทราบผลลัพธ์การตัดสินใจล่วงหน้าอย่างแน่นอนแล้วว่า ถ้าเลือกทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผลลัพธ์จะเป็น อย่างไร ลักษณะของการตัดสินใจประเภทนี้ คือ (1) ผู้ตัดสินใจมีข้อมูลอย่างเพียงพอในการตัดสินใจ และทราบถึงผลลัพธ์ของแต่ละทางเลือก (2) ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นแน่นอนคือเกือบไม่มีการเสี่ยงใด ๆ เลย (3) การตัดสินใจจะเลือกทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด 2. การตัดสินใจภายใต้ความเสี่ยง (Decision-making under risk) คือ การตัดสินใจที่ทราบ ผลลัพธ์ของการตัดสินใจน้อยกว่าการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่แน่นอน แต่พอจะคาดคะเนความน่าจะเป็นหรือ โอกาสที่น่าจะเกิดขึ้น (probability) ลักษณะสำคัญของการตัดสินใจประเภทนี้ได้แก่ (1) ผู้ตัดสินใจมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจไม่เพียงพอ (2) การตัดสินใจอยู่ภายใต้ความเสี่ยงคือผู้ตัดสินใจจะต้องคาดคะเนถึงโอกาสหรือความน่าจะ เกิดขึ้นโดยอาศัยประสบการณ์ร่วมด้วย


8 (3) การตัดสินใจจะพิจารณาเลือกทางเลือกที่ผลตอบแทนสูงสุดและโอกาสที่จะเกิดขึ้นของ ทางเลือกด้วย 3. การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน (Decision-making under uncertainty) คือ การ ตัดสินใจที่ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์และโอกาส หรือความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้นได้เลย การตัดสินใจภายใต้ความไม่ แน่นอนจะมีลักษณะใหญ่ๆ ดังนี้ คือ (1) ผู้ตัดสินใจไม่ทราบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นของแต่ละทางเลือก เพราะไม่มีข้อมูลที่จะใช้ ประกอบในการตัดสินใจ (2) ผู้ตัดสินใจไม่ทราบถึงโอกาสที่จะเป็นไปได้ และ (3) มีสภาวะนอกบังคับ (State of Nature) หรือตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ หรือตัวแปรที่ผู้ ตัดสินใจไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่มีอิทธิพลต่อ การตัดสินใจเกิดขึ้นเช่น ภาวะเศรษฐกิจ รุ่งเรือง หรือซบเซา ภาวะเงินเฟ้อ การเมือง แรงงาน การแข่งขันจากภายนอกประเทศ กฎหมายการค้า วัฒนธรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เป็นต้น การตัดสินใจแบบนี้ ผู้นำ ต้องอาศัยประสบการณ์ ความเชื่อมั่น และลางสังหรณ์มาคาดการณ์ โอกาสที่จะเป็นไป ได้ แล้วจึงทำการตัดสินใจ การตัดสินใจแบบนี้จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ในยุคของการ สื่อสาร และระบบข้อมูลสาร สนเทศ เจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เหมือนใน ปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด ให้ต้องทำการตัดสินใจ เท่านั้น ความหมายและความสำคัญของวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2485 ได้จำกัดความหมายของวัฒนธรรมไว้ว่า “วัฒนธรรม คือลักษณะที่ แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวของชาติและศีลธรรรมอันดี งามของประชาชน”สำนักงาน ราชบัณฑิตยสภา (2560) จากความหมายของวัฒนธรรมที่กล่าวเบื้องต้นทำให้เรา วิเคราะห์ได้ว่า วัฒนธรรมมีหลายสิ่งที่เป็น องค์ประกอบ บางองค์ประกอบเราสามารถสัมผัสได้จากภาษาที่ใช้ สื่อสาร อาหารที่รับประทาน การแต่งกาย การนับถือศาสนา รูปแบบพิธีกรรมหรือจารีตประเพณีที่ปฏิบัติร่วมกัน ของคนในสังคมนั้น และที่สัมผัสไม่ได้หรือยากที่จะมองเห็นคือค่านิยม ความ เชื่อ การตัดสินความถูกต้อง การยอมรับ การยกย่อง สุนทรียภาพและมุมมองความสวยงามต่างๆ ซึ่งหลักเกณฑ์เหล่านี้ทางหลัก วิชาการเรียกว่า “ค่านิยม” ซึ่งค่านิยมของสังคมเป็นค่านิยมร่วมที่สามารถส่งผลต่อการ ตัดสินใจของผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้น ดังนั้น วัฒนธรรมจึงเปรียบเสมือนมรดกที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลาน ที่อยู่ร่วมกันเป็น สังคมและประเทศชาติเป็น สาเหตุที่ทำให้บุคคลในสังคมหรือท้องถิ่นต่างๆมีรูปแบบการคิดการตัดสินใจที่แตกต่างกัน ส่งต่อสืบสาน กันมาจาก รุ่นสู่รุ่น ยิ่งนานวันยิ่งหยั่งรากลึกและเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่นักการตลาดต้องเข้าใจและเข้าถึงแก่นแท้ของ วัฒนธรรม ท้องถิ่นที่ต้องการขยายธุรกิจ การศึกษาและทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละด้าน นักธุรกิจ


9 ต้องเลือกวิธีการศึกษาที่ ถูกต้องเหมาะสม เช่น รสชาดอาหารของท้องถิ่นต้องทดลองชิมจึงจะรู้รสที่แท้จริง หากดู จากรูปภาพจะเห็นแต่สีสันหรือส่วนผสม ของอาหารเท่านั้นไม่สามารถบรรยายรสชาดที่แท้จริงได้ หรือการศึกษา เกี่ยวกับประเพณีสำคัญต่างๆของท้องถิ่นหากฟังแต่คนอื่น เล่าหรืออ่านจากหนังสือก็ไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ ความรู้สึกหรือไม่ได้สัมผัสกับความสนุกสนานหรือความประทับใจได้ ต้องไปดูให้เห็นด้วยตาตนเองหรือร่วม กิจกรรมนั้นด้วยตนเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของคนในท้องถิ่นที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมนั้น และ วัฒนธรรม เหล่านั้นส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิตของคนในท้องถิ่นอย่างไร และทำไมจึงแตกต่างจากท้องถิ่นอื่นๆในโลก บทบาทของวัฒนธรรมต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร มีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริหาร ปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยกว่าปัจจัยอื่น คือ วัฒนธรรม ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมมนุษย์เพราะวัฒนธรรมเป็นผลรวมของการเรียนรู้ ความเชื่อ ค่านิยม ธรรมเนียมปฏิบัติ คุณธรรม กฎหมาย ความสามารถ อุปนิสัย ซึ่งจะกำหนดพฤติกรรมความต้องการของบุคคลใน สังคมใดสังคมหนึ่งโดยที่คนในสังคมยอมรับและเผยแพร่ต่อไป ซึ่งส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิตและขนบธรรมเนียม ประเพณีของแต่ละท้องถิ่นให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมหล่อหลอมบุคคลด้วยแนวคิดและแนวปฏิบัติ ตั้งแต่เกิดจนเติบโต บทบาทของวัฒนธรรมจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนในกรณีที่มีบริการที่ขัดต่อวัฒนธรรมเข้า มาในท้องถิ่น คนในท้องถิ่นจะมีการตอบโต้สินค้าที่ขัดต่อวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป กรณีที่รุนแรงที่สุดคือการไม่ ยอมให้บริการเหล่านั้นเข้ามาในท้องถิ่น หรือไม่กีดกันการเข้ามาแต่ไม่ยอมรับบริการเหล่านั้น คือปล่อยให้หมด สภาพไปตามเวลา หากไม่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับวัฒนธรรม บริการเหล่านั้นก็จะให้บริการไม่ได้ใน ท้องถิ่นนั้น คนท้องถิ่นจะซึมซับวัฒนธรรมจากบรรพบุรุษและสังคมที่อาศัยอยู่มาตลอดชีวิตจึงคิดว่าวัฒนธรรมของ ตนเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับตนมากที่สุด มีแนวคิดในการรักษาวัฒนธรรมให้คงอยู่และเห็นว่าการเรียนรู้ วัฒนธรรมอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับตน ด้วยเหตุผลที่ว่าวัฒนธรรมอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ากับวิถีชีวิตของตนได้ หรือ วัฒนธรรมอื่นขัดต่อแนวคิดและแนวทางปฏิบัติจึงไม่ต้องการเรียนรู้และปฏิบัติตาม นอกจากนั้นยังเกรงว่า วัฒนธรรมอื่น ๆ อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้วัฒนธรรมเดิมที่ดีของท้องถิ่นอ่อนแอลงจากเหตุผลต่าง ๆ ทำให้คนท้องถิ่นรู้สึกพอใจที่จะปฏิบัติตนตามสภาวะแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมของตนอย่างมีความสุข การ เรียนรู้บทบาทของวัฒนธรรมท้องถิ่นจะเป็นเรื่องยาก สำหรับนักบริหารที่มีมุมมองเชิงลบเรื่องความแตกต่างทาง วัฒนธรรม แต่จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักบริหารที่เข้าใจและสามารถยอมรับความแตกต่างของวัฒนธรรม ตัวอย่างความผิดพลาดทางการตลาดโลกในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน บัตรอวยพรของ Hallmark ไม่ประบผลสำเร็จในประเทศฝรั่งเคส เพราะชาวฝรั่งเศส ไม่ชอบคำหวาน และ ชอบการเขียนบัตรอวยพรของตนเองมากกว่า


10 การส่งเสริม McDonalds ของ Ronnie McDonald ไม่ประลบผลสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าสีขาว หมายถึงความตายในประเทศญี่ปุ่น Phillips เพียงเพิ่งเริ่มต้นได้รับผลทำไรในญี่ปุ่น หลังจากได้ลดขนาดของเครื่องซงกาแฟ เพื่อให้เหมาะสม กับดรอบครัวญี่ปุ๊น ซึ่งเป็นดรอบครัวเล็ก และลดขนาดของมีดโกนหนวดให้หมาะสมกับมือที่เล็กกว่า Coca Cola ต้องถอนสินค้าขนาดขวด 2 ลิดร ในสเปน หลังจากดันพบว่าชาวสเปนจำนวนเล็กน้อย ที่มี ตู้เย็นขนาตใหญ่เพียงพอ General Foods Tang เริ่มแรกก็ล้มเหดวในฝรั่งเคส เพราะดูกวางไว้ในตำแหน่ง สิ่งชดเชยสำหรับน้ำส้ม ในอาหารมื้อเช้า ซึ่งชาวฝรั่งเศสไม่นิยมดื่มน้ำส้มในตอนเช้า General Foods ใช้เงินอย่างมเฟือยนับล้านๆ ในการพยายามที่แนะนำผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นให้รู้จักการผสม ขนมสำเร็จรูป แต่บริษัทลัมเหลว โดยไม่ได้สังเกตว่ามีเพียง 3% ของชาวญี่ปุ่นที่มีเตาอบ ตัวอย่างการหยัดยืนในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน กรณีของบริษัท 3M ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทข้ามชาติดีเด่น เนื่องจาก 1) ชื่นชมวัฒนธรรมท้องถิ่น 2) จ้างพนักงาน ที่เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ 3) สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน นักการเมือง ข้าราซการ และให้ประโยชน์แก่ชุมชน ทำให้คนใน สังคมนั้นๆ มองบริษัท 3 M ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคม 4) ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดในประเทศนั้น ๆ 5) จัดตั้งสำนักงานสาขาระดับภูมิภาค เพื่อสะดวกต่อการติดต่อประสานงาน อันดับ 1 Google : กูเกิล ยังคงยืนหนึ่งติดต่อกัน 5 ปีซ้อนสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่างกูเกิลที่ยังคงไม่หยุด พัฒนาความเป็นหนึ่งในด้านต่าง ๆ และแม้ในประเทศไทยจะมีอัตราการแข่งขันเข้าทำงานที่สูงมาก แต่เหล่าคนรุ่น ใหม่ก็ไม่เคยถอดใจ เพราะกูเกิลขึ้นชื่อในเรื่องของความสนุกในการทำงาน ความยืดหยุ่นในการทำงาน โอกาสได้ ทำงานกับเพื่อน ๆ จากทั่วทุกมุมโลก และได้พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีสวัสดิการต่าง ๆ มากมายที่เพียงได้ ฟังก็ทำให้ใจพองโตอย่างการเที่ยวต่างประเทศ คอร์สเรียนต่าง ๆ และที่กูเกิลยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีโอกาส ในการพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง รวมไปถึงผู้บริหารจากอเมริกา ทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดและพิเศษมากสำหรับ ชาวกูเกิล นอกจากนี้ออฟฟิศประเทศไทยของกูเกิลก็ยังมีความสบายต่าง ๆ ไว้คอยให้บริการพนักงานและสไตล์การ ตกแต่งที่ก็เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่กูเกิลจะยังคงรักษาตำแหน่งสุดยอดบริษัทที่คนไทยรุ่นใหม่อยาก ทำงานด้วยมากที่สุดอันดับที่ 1


11 อันดับ 2 LINE: ไลน์ แอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานในประเทศไทยมากถึง 50 ล้านคนทำให้เป็นองค์กรที่ยังสามารถเติบโตได้ อีกมาก กลายเป็นตลาดอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น แอปพลิเคชันที่ดูง่ายแต่มีฟีดเจอร์เยอะจนทำให้ผู้ใช้งานสามารถ ทำงาน พูดคุยส่งรูป เล่นเกม อ่านข่าวและอีกมากมาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าไลน์สนับสนุนให้ พนักงานทุกระดับมีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารได้โดยง่าย มีบรรยากาศการทำงานที่สบาย และยังให้พนักงานทำงาน จากที่ไหนก็ได้เพื่อรีเฟรชและเพิ่มไอเดียให้กระฉูด สวัสดิการอย่างอาหารเช้าและเที่ยงฟรี มีห้องนอน ห้องนวด ห้องเล่นเกมและอีกมากมาย วันหยุดประจำปีมากถึง 15 วันและยังมีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ มีการต้อนรับ พนักงานน้องใหม่เป็นอย่างดี และยังมีฝ่ายที่คอยดูแลความสุขของพนักงานอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้ทำให้ไลน์เป็น บริษัทที่มีผู้สมัครเข้ามามากมายและกลายเป็นอันดับ 2 ที่ครองใจของคนทำงาน อันดับ 3 SCG: ปูนซิเมนต์ไทย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอสซีจี เป็นบริษัทแรก ๆ ในไทยที่ทุ่มเทเรื่อง การสร้างแบรนด์นายจ้างเพื่อพนักงานอย่างจริงจัง จนประสบความสำเร็จขึ้นแท่นเป็นอันดับแรกของบริษัทไทยที่ คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย เพราะชื่อเสียงเรื่องการดูแลพนักงานและสวัสดิการ แม้แต่น้อง ๆ นักศึกษาก็มุ่งที่ อยากจะฝึกงานและได้ทำงานที่นี่ ปัจจุบัน เอสซีจี ปรับเวลาการทำงานเป็นแบบยืดหยุ่นให้แผนกสามารถเลือก ตัดสินใจเลือกเวลาการทำงานหรือจะทำงานที่บ้านก็ได้ เอสซีจีดูแลเรื่องของสุขภาพพนักงานเป็นอย่างมาก โดยมี ศูนย์ออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่มีคลาสต่าง ๆ มีหมอมาตรวจสุขภาพให้ถึงที่บริษัท มีสวัสดิการรักษาฟรีที่รวมไปถึง บุคคลอื่น ๆ ในครอบครัวด้วย มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสูงถึง 13% ทำให้พนักงานมีเงินใช้ในยามเกษียณ แถมยังมี เงินมอบให้พนักงานเป็นเปลี่ยนสวัสดิการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ไม่ว่าเป็นการทำเลเซอร์ เรียนคอร์สระยะ สั้นที่ตนสนใจ ก็คือว่าสมคำร่ำลือที่ผู้คนอยากทำงานที่เอสซีจีจริง ๆ อันดับ 4 PTT : ปตท. บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเข้าไป ทำงานอยู่เสมออย่าง ปตท. ก็ไม่พลาดที่จะอยู่ในชาร์ตของเรา โดย ปตท. ได้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานที่สำคัญมาก ของประเทศไทยมานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจที่แตกออกไปหลายแขนง ทำให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาร่วมกันทำงานเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังให้การดูแลพนักงานเป็นอย่างดีด้วยความมั่นคงของหน้าที่ การงานและด้วยสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย เช่น ระบบการเบิกค่ารักษาพยาบาล ระบบประกันสุขภาพ ระบบ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ปตท.ที่ให้มากขึ้นทุกปี และพนักงาน ปตท. สามารถนำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนรู้หรือ พัฒนาตัวเองตามที่ต้องการมาเบิกได้ด้วย เรียกว่าอยากรู้อะไรก็เรียนให้เชี่ยวชาญกันไปเลย รู้แล้วหล่ะว่าทำไม ปตท. รักษาตำแหน่งระดับท๊อปในใจคนรุ่นใหม่ได้ไม่ยากเลย


12 อันดับ 5 Apple : แอปเปิล ผู้นำด้านมือถือระดับโลกพร้อมด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่ครองใจคนทั่วโลกได้ทุก รุ่น จนทำให้ผู้คนต่างรอคอยการเปิดตัวเทคโนโลยีของแอปเปิลในทุกปี แต่ในอีกมุมหนึ่งผู้คนก็ต่างให้ความสนใจกับ การทำงานที่แอปเปิลเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่แอปเปิลกล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ Apple อาจจะ เป็นตัวบริษัท Apple เองก็ว่าได้” เพราะบริษัทแห่งนี้เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของคนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ด้วย เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความใส่ใจพนักงาน การให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งใด ก็มีโอกาสที่ความคิดของพนักงานจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลได้ และการทำงานของที่นี่ยังแบ่งตามความ เชี่ยวชาญในการทำงาน ให้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนเก่งจริง ๆ และนี่คือบริษัทที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด อันดับที่ 5 ในประเทศไทย อันดับ 6 Agoda : อโกด้า ผู้ให้บริการจองที่พักระดับโลก และเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ ทำงานกับชาวต่างชาติหัวกะทิจากหลายประเทศ การทำงานที่อโกด้าจึงช่วยเพิ่มความสามารถให้คนที่ทำงานอยู่ เติบโตได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นเหตุให้ที่นี่มีผู้สมัครเข้าทำงานเป็นหลักแสนคน และยังเป็นบริษัทอันดับที่ 6 ที่คนรุ่น ใหม่พูดถึงมากที่สุด เพราะการให้พนักงาน Work from anywhere ได้นานถึง 30 วันโดยจะทำงานที่บ้าน ที่ ต่างจังหวัดหรือที่ต่างประเทศก็ได้ โดยจะได้รับส่วนลดพนักงานในการจองที่พักและการเดินทางต่าง ๆ มี Agoda Choice ที่ช่วยพนักงานสามารถฟื้นฟูร่างกายและจิตใจโดยจัดสรรเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย ตัด แว่นหรือจะไปนวด ทำสปาก็ได้เช่นกัน และยังมีคอร์สเรียนมากมายที่จะช่วยพัฒนาความรู้ของพนักงาน พร้อม ส่วนลดร้านอาหาร ให้พนักงานสามารถเลือกทานอาหารที่ชอบได้อย่างเต็มที่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนทำให้อโกด้าก ลายเป็นที่พูดถึง อันดับ 7 Mitr Phol : มิตรผล มิตรผล บริษัทคนไทยที่สามารถผลิตน้ำตาลใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีโรงงานทั้งที่ไทยและ ต่างประเทศซึ่งนอกจากธุรกิจอ้อยและน้ำตาลแล้ว ยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย และที่นี่ยังมีโอกาสเติบโตในสาย งานได้อีกมาก รวมถึงโอกาสในการไปทำงานในต่างประเทศได้ด้วย ทำให้มิตรผลมีชื่อเสียงด้านการทำงานและยัง ได้รับรางวัลการันตีด้านการทำงานมากมายหลายปีซ้อนซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงการเป็นหนึ่งในดวงใจของ คนทำงาน เรียกได้ว่าดูแลพนักงานทุกระดับด้วยความตั้งใจจริง อันดับ 8 | Toyota Motor : โตโยต้า มอเตอร์ เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ตัวองค์กรเองก็เป็น แบรนด์นายจ้างที่ผู้คนใฝ่ฝันที่จะได้ร่วมงานด้วยในระดับต้น ๆ อยู่เสมอ ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ของ โตโยต้าและสวัสดิการที่ดูแลพนักงานในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรทเงินเดือนที่สูงกว่าที่อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันและ ยังมีโบนัสประจำปีให้หลายเดือน ที่ทำให้พนักงานมีความสุขจนอยากบอกต่อ


13 อันดับ 9 ThaiBev : ไทยเบฟ ถูกคนรุ่นใหม่ยกให้บริษัทที่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดทุกปีกับ ไทยเบฟ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ มีชื่อเสียงโดยมีฐานการผลิตทั้งในและต่างประเทศ ถือว่าเป็นองค์กรของไทยขนาดใหญ่ที่สร้างความภาคภูมิใจให้คน ไทยทั้งประเทศและสร้างความประทับใจให้พนักงานจนต้องบอกต่อ เพราะด้วยออฟฟิศหลักหรูหราตั้งอยู่ใจกลาง เมือง เดินทางสะดวก สวัสดิการ และวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่น และที่นี่เน้นเรื่องการให้ “โอกาสไร้ขีดจำกัด” แก่ พนักงานทุกคนโดยหวังว่าทุกคนจะสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ภายใต้ศักยภาพที่ตนเองมี สมกับที่เป็นองค์กร ระดับเวิลด์คลาส ซึ่งโอกาสไร้ขีดจำกัดต่าง ๆ ที่พนักงานได้รับ นำมาสู่การเป็นอันดับหนึ่งในดวงใจของคนรุ่นใหม่ จำนวนมากในปีนี้ อันดับ 10 BJC BigC: กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี หลังจากผนึกกำลังรวมกับระหว่าง BJC กับ Big C ก็ทำให้ 2 ปีมานี้กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กซี ทรง อิทธิพลอย่างมากสำหรับการตัดสินใจเลือกบริษัทที่อยากร่วมงานด้วย เพราะความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ใช่แค่ใน ไทย แต่ดังไกลถึงภูมิภาคอาเซียน เป็นสาเหตุให้คนรุ่นใหม่อยากมาลิ้มลองประสบการณ์ในการทำงานที่นี่สักครั้ง เพราะเชื่อว่าหากเข้ามาแล้วจะได้ชีวิตการทำงานที่มั่นคงและเอนจอยกับการทำงานเป็นทีมเพื่อให้พนักงานมีโอกาส ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นและยังมีโอกาสในการย้ายที่ทำงานจะไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ได้อีกด้วย ขอเพียง คุณมีความกล้าที่จะพรีเซนต์ตัวเอง การทำงานในกลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กซี ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ตัวอย่างการสร้างวัฒนธรรมองค์การด้านการศึกษา กิจกรรมทำบุญตักบาตร


14 กิจกรรมวันสำคัญ กิจกรรมหน้าเสาธง


15 กิจกรรมแสดงความยินดี กิจกรรมจิตอาสา


16 บรรณานุกรม ชนงกรณ์ กุลฑลบุตร. (2559). การบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ภรภัทร รุจยาชยะกูร. (2566). จะขายของแดนไกล อย่ามองข้ามเรื่องวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์2566, จาก http:// incquity.com/articles/learn-customers-cultures. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2566). วัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์2566, จาก http://www.royin.go.th/dictionary. ________.การตัดสินใจ. (Decision Making) สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://www.novabizz.com/NovaAce/Behavior/Decision_Making.htm ________.เปิดโพลสุดยอด 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด 2023.สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://www.workventure.com/top50-companies-2023


Click to View FlipBook Version