การเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาป8ที่ 1 โดยใช>การสอนแบบการสาธิต Comparison of watercolor painting skills For Mathayom 1 students Using demonstration teaching นางสาวปนัดดา สิงหEโคตร PANATDA SINGKHOT บทคัดยDอ การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ]งหมายเพื่อเพื่อเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่ไดnรับการสอนโดยวิธีการสาธิต ก]อนเรียนและ หลังเรียน โรงเรียนมัธยมขนาดใหญ]พิเศษ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ที่กำลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 1 ปlการศึกษา 2566 โดยใชnวิธีแบบ ( One Group Pretest - Posttest Design ) จำนวน 1 หnองเรียน รวม 40 คน เครื่องมือที่ใชnในการวิจัย ประกอบดnวย 1) แผนการจัดการเรียนรูnโดยใชnเรื่องการระบายสีน้ำ 2) แบบทดสอบ ประเมินทักษะทัศนศิลป~ วิเคราะหEขnอมูลโดยใชnรnอยละ ค]าเฉลี่ย และส]วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ผลการวิจัยพบว]า ผลการประเมินทักษะทัศนศิลป~ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่ไดnรับการจัดการเรียนรูnโดยใชnรูปแบบการสอน Active Learning นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ย เท]ากับ 18.9 คะแนน คิดเปÜนรnอยละ 94.5 ซึ่งไม]นnอยกว]า เกณฑEรnอยละ 80 เปÜนไปตามสมมติฐานที่กำหนดไวn
2 ABSTRACT The aim of this research is to compare watercolor painting skills forMathayom 1 students. Extra large high school, Mueang District, Udon Thani Province who are studying in the 1st semester of academic year 2023. Using the method (One Group Pretest - Posttest Design), 1 classroom, totaling 40 people. The research tools included 1) a learning plan using watercolor painting 2) a test to assess visual arts skills. Data were analyzed using percentages, means, and standard deviations. The research results found that Visual arts skills assessment results of Mathayom 1 students who received learning management using the Active Learning teaching model. Students have an average score of 18.9 points, accounting for 94.5 percent, which is not less than the 80 percent threshold, in line with the set assumptions.
3 ความเป.นมาและความสำคัญของป:ญหา หนnาที่หลักในการจัดการศึกษาของประเทศไทยของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งนโยบายดnานการศึกษาจากพรรคการเมืองในประเทศไทย ทำใหnสรุปไดnว]า ภาพอนาคตการศึกษาไทย การศึกษาเปÜนเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน ไทยเปÜนการเพิ่มตnนทุนทางสังคมใหnแก]ประเทศการมีส]วนร]วมของทุกภาคส]วนของ สังคมในการจัดการศึกษา โดยเนnนใหnเด็กเปÜนคนดีคนเก]ง มีความสุข มีคุณธรรม อาศัยการสอนที่หลากหลายใหnเหมาะสมกับศักยภาพของผูnเรียนเกิดการ บูรณาการ วิชาต]าง ๆ เขnาดnวยกันเปÜนสหวิทยาการเพื่อใหnการศึกษาสอดคลnองกับวิถีชีวิต ความ ตnองการของผูnเรียน และชุมชนทnองถิ่นมากที่สุด และเพื่อความคล]องตัวในการบริหาร จัดการ จึงตnองมีการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาไปยังทnองถิ่นอย]างเต็มรูปแบบใน อนาคต นอกจากนั้นในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอน เพื่อใหn สอดคลnองกับการดำเนินชีวิตและเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีบทบาทอย]างยิ่งในระบบ การศึกษาในอนาคต (เสน]หE แตงทอง, 2542 : 27) รูปแบบการสอนในปñจจุบันนี้ ไดnว]าเปóดกวnางมากขึ้น ผูnเรียนไม]จำเปÜนตnอง เรียนรูnผ]านตำรา หรือเรียนในหnองเรียนแต]เพียงเท]านั้น แต]สามารถเรียนรูnแบบบูรณา การไดnหลากหลายรูปแบบเพื่อใหnผูnเรียนรูnสึกมีความสุขและสนุกสนานไปกับการเรียน มากยิ่งขึ้น เทคนิคการสอนแบบสาธิต (Demonstration technique) เปÜน กระบวนการที่ผูnสอนใชnในการช]วยใหnผูnเรียนเกิดการเรียนรูnตามวัตถุประสงคEที่กำหนด โดยการแสดงหรือทำสิ่งที่ตnองการใหnผูnเรียนไดnเรียนรูnใหnผูnเรียนสังเกตดูแลnวใหnผูnเรียน ซักถาม อภิปราย และสรุปการเรียนรูnที่ไดnจากการสังเกตการสอนแบบสาธิต (ทิศนา แขมมณี, 2557 : 330) การสอนดnวยวิธีนี้จึงเปÜนที่นิยมใชnเนื่องจาก การสาธิตใชnวัสดุ อุปกรณEนnอยกว]าการใหnผูnเรียนทดลองทำเอง ประหยัดเวลาในการเรียนการสอน และ ผูnสอนสามารถควบคุมชั้นเรียนไดnดี (ปñญญา สังขEภิรมยE และสุคนธE สินธพานนทE, 2550 : 47 - 51) จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการสอนแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธEของ Wood, Breyfogle (2006) เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวความคิดที่คลาดเคลื่อนในวิชาเคมี
4 เรื่องอัตราส]วนโมลและสารกำหนดปริมาณ โดยนักเรียนตั้งคำถามในทั้งสองเรื่องที่จะ สาธิตไวnในระบบ Electronic keypad คำถามจะถูกถามขั้นระหว]างการสาธิตการ ทดลองผลการวิจัยพบว]า นักเรียนมีแนวคิดที่คลาดเคลื่อนในเรื่องอัตราส]วนโมลและ สารกำหนดปริมาณลดลงและมีแนวคิดเชิงบวกต]อการเรียนวิชานี้มากขึ้นจากการ ทำแบบทดสอบแบบตัวเลือกนักเรียนมีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว]าก]อนเรียน และยัง มีความเขnาใจในเรื่องปริมาณสัมพันธEมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากการสอนแบบสาธิตเชิง ปฏิสัมพันธEที่มีการตั้งคำถามผ]านระบบ Electronic keypad ที่หลากหลายจะช]วย แกnปñญหาในเรื่องของนักเรียนที่ไม]กลาถามคำถามที่ตนเองสงสัย และคำถามเหล]านี้ยัง สามารถศึกษาผ]านระบบเครือข]ายอินเตอรEเน็ตไดn สำหรับงานวิจัยในรายวิชาฟóสิกสE เปÜนการวิจัยเปรียบเทียบการสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธEกับการสอนแบบ บรรยายผลการวิจัยพบว]า การสอนบรรยายแบบสาธิตเชิงปฏิสัมพันธE ทำใหn ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว]าการสอนแบบบรรยาย เพราะการใชnชุดการ สาธิตทำใหnผูnเรียนมองภาพในเรื่องของแสงไดnเปÜนรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทำใหnเกิดความ เขnาใจในเนื้อหาที่เรียน ส]งผลใหnนักเรียนทำแบบทดสอบไดn (Sokoloff, 2008) นอกจากนี้การสอนที่มีการสาธิตใหnดูหรือสังเกตจะทำใหnผูnเรียน สนใจในสิ่งที่ผูnสอน กระทำอยู]และยังมีโอกาสไดnทดลองดnวยตนเอง ทำใหnมีปฏิสัมพันธEระหว]างผูnเรียนกับ ผูnสอนมากขึ้น (ปรีดา ตะเหลบ, 2552 : 5) การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนสตรีราชินูทิศ พบว]านักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป~ เรื่องการสรnางสรรคEเทคนิค สีน้ำข]อนขnางต่ำ และส]งผลกระทบใหnนักเรียนขาดทักษะดnานการปฏิบัติและจาก ประสบการณEของผูnวิจัยพบว]าการจดการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติในปñจจุบัน ครูผูnสอนยังคงใชnการแบ]งกลุ]มนักเรียนและมอบหมายใบงานโดยใหnนักเรียนลงมือ ปฏิบัติตามใบงาน ผูnวิจัยจึงตnองหาแนวทางในการจัดการเรียนการสอที่หลากหลายขึ้น เพื่อใหnนักเรียนมีความรูn ครอบคลุมตามที่หลักสูตรกำหนด และแกnปñญหาที่เกิดขึ้นไดn โดยทำการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับการสาธิต
5 จากแนวคิดและเหตุผลดังกล]าว ผูnวิจัยมีความสนใจศึกษาเรื่องการเปลี่ยน วิธีการสอนจากแบบที่เคยใชnเปÜนประจำ มาเปÜนแบบสาธิต โดยจัดกระบวนการจัดการ เรียนการสอนในหnองเรียน ที่ครูบรรยายเนื้อหาสาระการเรียนรูn และแสดงวิธีการ หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใหnนักเรียนดู เปÜนตัวอย]าง โดยนักเรียนคอยสังเกต วิธีการ แลnวนำไปปฏิบัติตาม ดังนั้นผูnวิจัยในฐานะครูศิลปะจึงมีความสนใจที่จะศึกษา นำเอาวิธีการเรียนรูnแบบสาธิตมาทดลองสอนเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนใหnมี ประสิทธิภาพในชั้นเรียน ที่จะช]วยพัฒนาใหnเด็กมีคุณภาพ มีความพรnอมที่จะรับ การศึกษาในระดับต]อไป วัตถุประสงค@ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปlที่ 1 ที่ไดnรับการสอนโดยวิธีการสาธิต ก]อนเรียนและหลังเรียน 2. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทักษะการระบายสีน้ำสำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่โดยใชnการสอนแบบสาธิต สมมุติฐานของการวิจัย 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่ไดnรับการสอนโดยวิธีการสาธิตมีทักษะ การระบายสีน้ำหลังการทดลองสูงกว]าก]อนการทดลอง 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่ไดnรับการสอนโดยวิธีการสาธิตมีการ เปลี่ยนแปลงทักษะการระบายสีน้ำหลังการทดลองสูงกว]าก]อนการทดลอง ขอบเขตของการวิจัย 4.1 ประชากร ประชากรที่ใชnในการวิจัยครั้งนี้ เปÜนนักเรียนหญิงลnวน ที่กำลังศึกษาอยู]ชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปlการศึกษา 2566 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอ เมือง จังหวัดอุดรธานี
6 4.2 กลุDมตัวอยDาง กลุ]มตัวอย]างที่ใชnในการศึกษาครั้งนี้ เปÜนนักเรียน หญิงลnวน ที่กำลังศึกษา อยู] ชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1/5 ภาคเรียนที่ 1 ปlการศึกษา 2566 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จำนวน 40 คน จากการเลือกกลุ]มตัวอย]างแบบกลุ]ม (Cluster random sampling) 4.3 ตัวแปรที่ศึกษา 3.3.1 ตัวแปรตnน คือ การสอนโดยวิธีการสาธิต 3.3.2 ตัวแปรตาม คือ ทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุDมตัวอยDาง ประชากรในการวิจัยในครั้งนี้ เปÜนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 โรงเรียน สตรีราชินูทิศ จังหวัดอุดรธานี ปlการศึกษา 2566 จำนวน 1 หnองเรียน 40 คน ซึ่งกลุ]ม ตัวอย]างไดnจากการสุ]มแบบกลุ]ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 1 หnองเรียน จำนวน 40 คน เพื่อเปÜนกลุ]มตัวอย]างในการวิจัยครั้งนี้ 2. เครื่องมือที่ใช>ในการวิจัย เครื่องมือที่ใชnในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบดnวย 1. แผนการจัดการเรียนรูnการสอนโดยวิธีการสาธิต ผูnวิจัยสรnางขึ้นประกอบ จำนวนทั้งสิ้น 5 แผน รวม 10 ชั่วโมง 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป~เรื่องการ เปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ ที่ผูnวิจัยสรnางขึ้นเปÜนแบบทดสอบอัตนัย จำนวน 1 ชุด
7 การเก็บรวบรวมขKอมูล การดำเนินการวิจัยครั้งนี้ ผูnวิจัยดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมขnอมูลกับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 โรงเรียนสตรีราชินูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี การ ดำเนินการทดลองและเก็บขnอมูลในแต]ละขั้น มีดังนี้ 3.1 การวิจัยครั้งนี้เปÜนการวิจัยเชิงทดลอง ผูnวิจัยไดnดำเนินการแบบ One Group Pretest - Posttest Design 3.2 การทำแบบทดสอบก]อนเรียน (Pretest) โดยใชnแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป~ ใชnเวลา 2 ชั่วโมงในสัปดาหEแรกก]อนทำการ ทดลอง 3.3 ดำเนินการทดลองการจัดกิจกรรมการเรียนรูnวิชาทัศนศิลป~ โดยใชn กิจกรรมการจัดการเรียนรูnแบบสาธิต เรื่องการเขียนภาพเหมือนจริงดnวยสีน้ำ กับ นักเรียนกลุ]มตัวอย]างตามแผนการจัดการเรียนรูnที่ผูnวิจัยสรnางขึ้น จำนวน 5 แผน ใชn เวลา 10 ชั่วโมง 3.4 ทดสอบหลังเรียน (Posttest) กับกลุ]มทดลอง โดยใชnแบบทดสอบการ วาดภาพสีน้ำ ฉบับเดียวกันกับการทดสอบก]อนเรียน 3.5 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการวาดภาพระบายสีน้ำ โดยใชn ผลคะแนนระหว]าง ก]อนเรียนและหลังเรียน และนําคะแนนที่ไดnมาวิเคราะหEหาทาง สถิติเพื่อทดสอบสมมติฐาน การวิเคราะห@ขKอมูล ผลการการเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 โดยใชnการสอนแบบการสาธิต ตารางที่ 1 การแสดงประสิทธิภาพกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรูn โดย ใชnการสอนแบบการสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการการระบายสีน้ำ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 จำนวน 40 คน
8 เลข ที่ กDอน เรียน (20) คะแนนระหวDางเรียน รวม ระหวDา งเรียน (50) หลัง เรียน (20) แผนที่ 1 (10) แผนที่ 2 (10) แผนที่ 3 (10) แผนที่ 4 (10) แผนที่ 5 (10) รวม 517 293 327 299 337 383 1639 756 " 12.92 5 7.325 8.175 7.475 8.425 9.575 40.97 5 18.9 S. D 1.384 6 1.227 6 1.550 6 1.617 0 1.567 0 0.780 7 4.221 3 1.081 3 รnอย ละ 64.62 5 36.62 5 40.87 5 37.37 5 42.12 5 47.87 5 81.95 94.5 จากตารางที่ 1 แสดงใหnเห็นว]านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่เรียนโดยใชn รูปแบบการเรียนการสอนแบบสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายภาพสีน้ำ ไดn คะแนนเฉลี่ยก]อนเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท]ากับ 12.925 คิดเปÜนรnอยละ 64.625 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.3846 ส]วน คะแนนเฉลี่ยที่ไดnระหว]างเรียนจากการทำแบบฝ£กทักษะเท]ากับ 40.975คิดเปÜนรnอย ละ 81.95 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 4.2213 และไดnคะแนนเฉลี่ยหลัง เรียนจากการทำแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท]ากับ 18.9 คิดเปÜนรnอยละ 94.5 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.0813
9 ตารางที่ 2 การเปรียบเทียบคะแนนการจัดการโดยใชnรูปแบบการเรียนการ สอนแบบสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายสีน้ำ ก]อนเรียนและหลังเรียน ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 (N=43) ผลการ ทดสอบ " S. D % t-test Sig. ก]อนเรียน 12.925 1.3846 5.975 42.1710 0.00 หลังเรียน 18.9 1.0813 *มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 2 พบว]า การทดสอบก]อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยเท]ากับ 12.925 คะแนน และ 18.9 คะแนน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบระหว]างคะแนนก]อนเรียนและหลังเรียน พบว]า คะแนน สอบหลังเรียนสูงกว]าก]อนเรียน อย]างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ดังนั้นผลการวิจัย เรื่อง การเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 โดยใชnการสอนแบบการสาธิต มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียนสูงกว]าก]อนเรียน เนื่องจากรูปแบบการสอนโดยใชnการสอนแบบการ สาธิต เปÜนวิธีการสอนที่ช]วยส]งเสริมใหnผูnเรียนเขnาใจในเนื้อหา และเห็นขั้นตอนการ ระบายสีน้ำอย]างชัดเจน ไดnใกลnผูnสอนจนรูn ถึงเนื้อหาจนเกิดทักษะในที่สุด สรุปผลการวิจัย 1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่เรียนโดยใชnรูปแบบการสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายภาพสีน้ำ ไดnคะแนนเฉลี่ยก]อนเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนเท]ากับ 12.925 คิดเปÜนรnอยละ 64.625 โดยมีส]วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท]ากับ 1.3846 ส]วนคะแนนเฉลี่ยที่ไดnระหว]างเรียนจากการทำแบบฝ£ก ทักษะเท]ากับ 40.975 คิดเปÜนรnอยละ 81.95 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ
10 4.2213 และไดnคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนจากการทำแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนเท]ากับ 18.9 คิดเปÜนรnอยละ 94.5 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.0813 2. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่เรียนโดยใชnรูปแบบการเรียนการ สอนแบบสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายสีน้ำ ไดnคะแนนทดสอบก]อนเรียนเฉลี่ย เท]ากับ 12.925 คิดเปÜนรnอยละ 64.625 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.3846 และไดnคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท]ากับ 18.9 คิดเปÜนรnอยละ 94.5 โดยมีส]วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท]ากับ 1.0813แสดงว]านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว]าก]อนเรียน 3.นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่เรียนโดยใชnรูปแบบการเรียนการ สอนแบบสาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายสีน้ำ มีความสามารถในการระบายสีน้ำ หลังเรียนคะแนนเฉลี่ยเท]ากับ 18.9 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบหลังเรียนกับเกณฑE การอภิปรายผล การศึกษาครั้งนี้มีความมุ]งหมายเพื่อเปรียบเทียบทักษะการระบายสีน้ำ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปlที่ 1 โดยใชnวิธีการแบบสาธิต และเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทักษะการ ระบายสีน้ำนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 โดยใชnวิธีการสอนแบบสาธิต จากการวิจัยพบว]า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 ที่เรียนโดยใชnรูปแบบการ สาธิต วิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายสีน้ำ มีคะแนนทดสอบก]อนเรียนเฉลี่ยเท]ากับ 12.925 คิดเปÜนรnอยละ 64.625 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.3846 ส]วนคะแนน เฉลี่ยระหว]างเรียนไดnจากการทำแบบฝ£กทักษะเท]ากับ 40.975 คิดเปÜนรnอยละ 81.95 โดยมีส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 4.2213 และไดnคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนจากการ ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท]ากับ 18.9 คิดเปÜนรnอยละ 94.5 โดยมี ส]วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท]ากับ 1.0813 และการทดสอบก]อนเรียนและหลังเรียนของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปlที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยเท]ากับ 12.925 คะแนน และ 18.9 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบระหว]างคะแนนก]อนเรียนและหลังเรียน พบว]า คะแนน สอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว]าก]อนเรียน อย]างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
11 กล]าวคือ การนําวิธีการสอนแบบสาธิต เปÜนวิธีการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ที่ จะช]วยขจัด ปñญหาต]างๆ ใหnหมดหรือลดนnอยลงไป ช]วยกระตุnนความสนใจในการ เรียนของนักเรียน ช]วยใหnผูnเรียนทั้งชั้นไดnเห็นการปฏิบัติจริงดnวยตาตนเอง ทำใหnเกิด ความรูnความเขnาใจในเรื่องหรือการปฏิบัตินั้นชัดเจนขึ้น เพื่อช]วยอธิบายเนื้อหาวิชาที่ ยาก ซึ่งตnองใชnเวลามาก ใหnเขnาใจง]ายขึ้นและประหยัดเวลา จนทำใหnเกิดประสิทธิภาพในการเรียนการปฏิบัติในการระบายสีน้ำ และผูnเรียน สามารถเชื่อมโยงการเรียนรูnดnวยความคิด ต]างๆ ทักษะ เจตคติ หรือความเชื่อไดnดี การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใหnผูnเรียนไดnมองเห็น ขั้นตอน ภาพความคิดที่จะ ช]วยส]งเสริมและพัฒนาความสามารถ ทางสติปñญญาที่หลากหลาย และสนองต]อ รูปแบบการเรียนรูn ที่แตกต]างกัน ของผูnเรียนแต]ละคนไดnเปÜนอย]างดี จากขnอความ ดังกล]าว จะเห็นไดnว]าวิธีการดnานการระบายสีน้ำโดยวิธีการสาธิตนั้นสามารถพัฒนา อารมณEสังคม สติปñญญา บุคลิกภาพ ความคิดสรnางสรรคE ทั้งทางดnาน สุนทรียะ ความ ดีงาม ความอดทน ซึ่งมีอิทธิพลต]อความรูnสึก ความคิดสรnางสรรคE สามารถนําความรูn และกระบวนการที่ไดnจาการฝ£กปฏิบัติการวาดภาพไปใชnเพื่อพัฒนากระบวนการ เรียนรูnในรายวิชา อื่นๆไดn นั่นแสดงว]าการสอนการระบายสีน้ำแบบสาธิต ทำใหnผูnเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น เหมาะสมอย]างยิ่งที่จะนำมาใชnจัดกิจกรรมการเรียน การสอนวิชาทัศนศิลป~ เรื่องการระบายสีน้ำ ส]งผลใหnผูnเรียนสามารถระบายสีน้ำไดn อย]างถูกตnอง ข"อเสนอแนะ ข>อเสนอแนะทั่วไป 1. ในกิจกรรมการเรียนถnานักเรียนทุกคนไดnมีโอกาสและมีส]วนร]วมในการ เรียนการสอนจะ ทำใหnนักเรียนเกิดการพัฒนาทักษะการเรียนรูnอย]างมีประสิทธิภาพ 2. ครูผูnสอนสามารถนําขnอมูลนักเรียนจากผลการวิจัยครั้งนี้ไปประยุกตEใชnใน การ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนในวิชาศิลปะที่ไดnรับมอบหมายเพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูnและสรnาง องคEความรูn
12 ข>อเสนอแนะในการวิจัย 1. ควรมีการวิจัยเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะวิชาอื่นๆ โดยการใชnกิจกรรม ดnานศิลปะ 2. ครูผูnสอนควรนำการจัดการเรียนรูnโดยใชnรูปแบบการสอน Active Learning ไปใชn กับการจัดการเรียนรูnในทักษะอื่น ๆ ในรายวิชาทัศนศิลป~ เพื่อใหn ผูnเรียนเกิดการเรียนรูnที่หลากหลายรูปแบบ และควรนำไปประยุกตEใชnกับการจัดการ เรียนการสอนในรายวิชาอื่น ๆ 3. ควรศึกษาโดยออกแบบการวิจัยในรูป Pretest Postest Control Group Design เพื่อตรวจสอบกับผลที่ไดnรับในระบบวิจัย
13 เอกสารอKางอิง กรองกมล บุตรขาว. (2546). การศึกษาการสร>างผลงานปVWนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาป8 ที่ 1 จากการจัดกิจกรรมศิลปะ. ปริญญานิพนธE กศ.ม. (ศิลปศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรEวิโรฒ. โกศล พิณกุล. (2541). เทคนิคการวาดเขียน. กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตรE. (2541). เทคนิคการระบายสีน้ำ. กรุงเทพฯ: ดีแอลเอส. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศนE.ลnวน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพEศูนยEส]งเสริมวิชาการ. วิจิตรา วิเศษสมบัติ. (2538). การศึกษาพัฒนาการการปVWนและพัฒนาการความคิด สร>างสรรค^ของเด็กปฐมวัยอายุ 4-5 ป8. ปริญญานิพนธE กศ.ม. (การศึกษา ปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สมศรี สมบูรณE. (2545). การศึกษาความสามารถในการใช>กล>ามเนื้อมัดเล็กของ กลุDมอาการดาวน^ในระดับปฐมวัย โดยใช>กิจกรรมศิลปะการปVWน. ปริญญา นิพนธE กศ.ม. (การศึกษาพิเศษสาขาการเรียนร]วม). กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตร^การสอน : องค^ความรู>เพื่อการจัดกระบวนการ เรียนรู>ที่มีประสิทธิภาพ.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพEแห]งจุฬาลงกรณE มหาวิทยาลัย นงเยาวE สีเหลือง. (2553). การสอนแบบสาธิตเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาการใช>โปรแกรมประมวลผลคำ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นป8ที่ 3 สาขาวิชา พิชยการ แผนกบริหารธุรกิจ. ยโสธร : วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยียโสธร.