The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผ้าซิ่นตีนจก (อำเภอลอง)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khantarak, 2021-03-24 06:21:52

ผ้าซิ่นตีนจก (อำเภอลอง)

ผ้าซิ่นตีนจก (อำเภอลอง)

๕๑

ดอกผักแวน่

เชงิ ใบสน
รูปภาพที่ ๕๙ ลายดอกผกั แว่น
ทีม่ า : ร้านเวยี งเหนือ ผา้ ตนี จก

หงส์คู่ ๕๒
เชิงนกคู่
นกคู่
โกง้ เกง้ ซ้อนนก

รูปภาพที่ ๖๐ ลายนกกินนา้ ร่วมต้น
ทมี่ า : ร้านเวียงเหนือ ผา้ ตีนจก

๕๓

ดอกตะลอ่ ม นกกินน้ารว่ มตน้
ดอกดาว ขอลอ้ ม

เครอื ขอดาว เครอื สะเปา

รปู ภาพท่ี ๖๑ ลายขอลอ้ มดาว
ทม่ี า : ร้านเวยี งเหนอื ผา้ ตนี จก

๕๔

โกง้ เกง้ ซอ้ นนก

เชงิ สะเปา

รปู ภาพที่ ๖๒ ลายโกง้ เก้งซอ้ นนก
ท่มี า : รา้ นเวียงเหนือ ผา้ ตีนจก

ฟันเร่ือย ๕๕
เชิงสะเปา
นกกินนา้ รว่ มตน้
หงสค์ ู่

รูปภาพท่ี ๖๓ ลายเจยี งแสน
ท่มี า : รา้ นเวียงเหนือ ผา้ ตีนจก

๕๖

แมงมมุ หรอื แมงกา้ ป้งุ

งวงน้าคฟุ นั ปลา

รูปภาพท่ี ๖๔ ลายแมงกาปงุ้
ที่มา : ร้านเวียงเหนอื ผ้าตีนจก

๕๗

เขาวงกต

เชิงสะเปา

รูปภาพท่ี ๖๕ ลายเขาวงกรด
ที่มา : ร้านเวียงเหนือ ผา้ ตีนจก

๕๘

ลำยผำ้ ซิ่นตีนจกจำกศูนยก์ ำรเรียนรูผ้ ้ำจกเมอื งลอง (พิพธิ ภณั ฑบ์ ้ำนศลิ ปนิ แหง่ ชำต)ิ
ลำยตอ่ มเครือ

ลายเครอื นกคุม้ ลายเครอื ก้างปลา
ลายดอกตอ่ ม

ลายขอคุหางสะเปา

ดอกตอ่ ม

รปู ภาพที่ ๖๖ ลายต่อมเครอื
ทีม่ า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑ์บา้ นศิลปนิ แห่งชาต)ิ
ลายหลัก
๑. ลายดอกตอ่ ม ดอกตอ่ ม หมายถึง กระดมุ

ลาย ประกอบ

๑. ลายขอเครอื มาจากขอคุ คือตะขอที่เก่ยี วถังน้า มีลกั ษณะเป็นตะขอวงกลมท่ีใช้เกี่ยวข้างถัง
นา้ ทง้ั สองขา้ งเพ่อื ใช้ถือโดยในผา้ ลายขอเครอื คือ การลายขอท่ีต่อกนั ยาวๆ เป็นเครือ

๒. ลายเครือก้างปลา ลกั ษณะของลายก้างปลามาจากกา้ งของปลาทผี่ ูท้ อเห็นแลว้ นามาทอเป็น
ลวดลายบนผ้า

๓. ลายเครือนกค้มุ ลกั ษณะเป็นรปู แบบนกสองตวั หนั หน้าเข้าหากันต่อกันเป็นเครือ
๔. ลายขอคุหางสะเปาดอกตอ่ ม มาจากขอคุ คอื ตะขอทเี่ กยี่ วถังนา้ มีลกั ษณะเป็นตะขอวงกลม

ท่ีใชเ้ ก่ียวขา้ งถังน้า ทั้งสองขา้ งเพือ่ ใช้ถือหางสะเปาดอกต่อม ลายหางสะเปาดอกต่อม หาง
สะเปา คอื หางสาเภาหรือสะเปา และ ดอกตอ่ ม หมายถึง กระดุม ลายสะเปาหาดอกต่อม
จึงมีลกั ษณะคลา้ ยกระดุมทรงสีเ่ หลี่ยมข้าวหลามตดั และมหี างสะเปาห้อยตอ่ ลงมา

ลำยฟนั เลื่อย ๕๙

ลายฟนั เล่อื ย ลายนกกินน้ารว่ ม

ตน้

ลายสะเปาหางสน

รูปภาพที่ ๖๗ ลายฟนั เลอ่ื ย
ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

ลายหลัก
๑. ลายฟันเลอื่ ย รปู แบบของลายมาจากใบเลื่อย ท่ีคนในท้องถ่ินที่ใช้ในการตัดหรือเล่ือย
ไมส้ ่วนใหญ่ ลายฟนั เลอื่ ยจะเป็นที่นยิ มของผู้ชาย

ลายประกอบ
๑. ลายนกกินน้าร่วมต้น เป็นลายท่ีมีนกสองตัวหันหน้าเข้าหากัน เหมือนกาลังกินน้า
รว่ มกันเป็นลายทแ่ี สดงให้เหน็ ถึงความสมคั รสมานสามัคคี เปรียบเสมือนนกสองตัวกิน
นา้ รว่ มตน้ เดยี วกัน
๒. ลายสะเปาหางสน รูปแบบของลวดลายจากใบของต้นสน ผสมกบั ลายสะเปา

ลำยหงส์คู่ กำบหมำก ๖๐

ลายกาบพรา้ วกาบ ลายหงสค์ ่กู ินนา้

ลายขอคหุ าง รว่ มกนั

สะเปาดอกต่อม ลายขอคุหางสะเปาดอกตอ่ ม

รปู ภาพท่ี ๖๘ ลายหงสค์ ู่ กาบหมาก
ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาติ)

ลายหลกั
๑. ลายหงส์คูก่ นิ น้ารว่ มกัน คือหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันซึ่งหงส์มีการอยู่ร่วมกันเป็น
กลุ่มก้อน ซึ่งแสดงได้ถึงการบ่งบอกถึงความสามัคคีของคนในชุมชนที่มีการทางาน
รวมกัน เหมือนกับหงส์ ท่รี ว่ มกันกินน้ารว่ มกนั จากนา้ ต้น (คนโทใส่น้าดื่ม) ได้โดยไม่มี
ปัญหาการทะเลาะกัน
๒. ลายกาบพร้าวกาบหมาก มาจากกาบของต้นมะพรา้ วและกาบของตน้ หมาก

ลายประกอบ

๑. ลายขอคุหางสะเปาดอกต่อม ซ่งึ ขอคคุ ือตะขอถงั นา้ หางสะเปา คอื หางเรอื สาเภาและ
ดอกตอ่ ม คือ กระดุม ดงั นนั้ ลายขอคุหางสะเปาเป็นการผสมผสานของตะขอท่ีเกี่ยว
หางสะเปายาวลงมาและดอกตะต่อมเป้นสว่ นประกอบเรียงๆกันอยู่ข้างบน

๖๑

ลำยขำมดแดงกำบหมำก

ลายตนี มด ลายสร้อยกาบ

สม้ หมาก

ลายหางสะเปาดอกต่อม

รปู ภาพที่ ๖๙ ลายขามดแดงกาบหมาก

ทมี่ า : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑบ์ า้ นศลิ ปินแห่งชาติ)

ลายหลกั

๑. ลายตนี มดสม้ มาจากขาของมดแดงทช่ี ่างทอไดพ้ บเจอตามธรรมชาติ แล้วนามาทาเป็นลาย
ผา้ ซน่ิ ตนี จก

๒. ลายสร้อยกาบหมาก กาบหมาก คอื กาบของตน้ หมาก ส่วนคาว่า สร้อย คนในภาคเหนือจะ
เรียกสง่ิ ทีต่ ่อกนั เปน็ เส้นยาวๆ ว่าสร้อย ดงั นั้น ลายสร้อยกาบหมากท่ีมีลักษณะต่อเรียกกัน
เปน็ เส้นยาวๆ

ลายประกอบ
1. ลายหางสะเปาดอกตอ่ ม หางสะเปา คอื หางสาเภาหรือสะเปา ส่วนคาวา่ ดอกต่อม หมายถึง
กระดุม ลายสะเปาหางดอกตอ่ มจึงมลี ักษณะคลา้ ยกระดุมสเ่ี หลย่ี มขนมเปยี กปูน

ลำยหวั นำค ๖๒

ลายหัวนาค ลายเครอื ดอกตะลอ่ ม
ลายหางสะเปาไข่ปลา หางสะเปา ลายนกกนิ นา้ รว่ ม
ตน้

รปู ภาพที่ ๗๐ ลายหวั นาค
ท่ีมา : ศนู ย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาต)ิ
ลายหลกั
๑. ลายหวั นาค มาจากหวั ของพญานาค นามาทาลวดลายบนผนื ผ้า

ลายประกอบ

๑. ลายเครือดอกตะลอ่ ม ดอกต่อม คอื กระดมุ ลายเครือดอกตอ่ ม มีลักษณะเป็นส่ีเหล่ียมข้าว
หลามเรยี งต่อกัน

๒. ลายนกกนิ นา้ ร่วมต้น ลกั ษณะเปน็ รปู นกสองตัวหันหน้าเข้าหากัน กินนา้ รว่ มต้น คือ ลักษณะ
ของนกทง้ั สองตัวเหมือนกินน้าในคนโดด้วยกนั ทาใหเ้ ห็นถึงความสามคั คี

๓. ลายขอคุ มาจากขอคุ คือ ตะขอท่ีเกี่ยวกบั ถงั น้า มลี ักษณะเปน็ ตะขอวงกลมที่ใช้เกี่ยวข้างถัง
นา้

๔. ลายหางสะเปาไข่ปลา หางสะเปา หมายถึง หางเรอื สาเภา,ไข่ปลา หมายถงึ ลักษณะจากจก
ลายท่คี ลา้ ยจดุ ไขป่ ลา จงึ เรียกว่า สะเปาไข่ปลา

๖๓

ลำยโคมชอ่ ตงุ นอ้ ย

ลายโคม

ลายหางสะเปาดอกต่อม

หางสะปา

รปู ภาพที่ ๗๑ ลายโคมชอ่ ตงุ นอ้ ย
ท่มี า : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ
ลายหลกั
๑. ลายโคม เป็นลายท่นี ามาจากวฒั นธรรมของชมุ ชนทตี่ อ้ งมกี ารถวายโคมไฟ และตงุ เพอื่ เป็น
พทุ ธบุชาให้กบั พระพุทธศาสนาซงึ่ เป้นความเช่ือโบราณที่ว่าหากไดม้ กี ารถวายของเหล่าน้แี ล้ว
จะได้บุญใหญ่ ซงึ่ โคมและตุง ถือวา่ เปน็ ส่งิ ท่ีเปน็ มงคลกบั ชีวิตของคนในชุมชนเปน็ อยา่ งมาก
จึงได้มกี ารจาลองนามาใสผ่ ้าซ่นิ ตีนจก เพอ่ื ให้เกดิ ความเปน็ สริ ิมงคลกับตวั เอง และผทู้ อด้วย
ลายประกอบ
๑. ลายหางสะเปาขอ หางสะเปา คือ หางสาเภาหรือหางสะเปาสว่ น ขอ คือ ตะขอดังนั้นลาย
หางสะเปาขอ จึงมีลักษณะโค้งเหมือนตะขอ ต่อด้วยดอกต่อมที่มีลักษณะสี่เหล่ียมข้าว
หลามตัด และมหี างสะเปาหอ้ ยตอ่ ลงมา ลายหางสะเปาดอกตอ่ ม
๒. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะปา หรือ หางสะเภาหรือสะเปาและดอกต่อม หมายถึง
กระดมุ ลายสะเปาหางดอกตอ่ มจึงมีลักษณะคลา้ ยกระดุมทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดและมี
หางสะเปาห้อยต่อลงมา

๖๔

ลำยกำแล นกคุม้

ลายเครอื นกคมุ้ ลายนกคุ้มในตีนมดส้มสาเภา
ลายขอคหุ าวสะเปาดอกตอ่ ม
ลอยนา้

รปู ภาพท่ี ๗๒ ลายกาแล นกคุ้ม

ทม่ี า : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

ลายหลัก

๑. ลายนกคุ้มในตีนมดส้มสาเภาลอยนา้ นกคมุ้ มาจากลกั ษณะของนกคุ้ม ตีนมดสม้ มาจากขามด
แดง สาเภาลอยน้า มาจากเรือสาเภาทีล่ อยนา้ ดังนัน้ ลายนกคุ้มในตีนมดส้มสาเภาลอยน้า
จงึ เป็นลายที่มีลกั ษณะผสมผสานของลายนกคุมที่ล้อมด้วยลายตีนมดส้ม และมีลายสะเปา
ลอยนา้ อยูต่ รงกลาง

ลายประกอบ

๑. ลายขอคุหาวสะเปาดอกต่อม มาจากขอคคุ อื ตะขอทเ่ี กีย่ วถงั นา้ มีลักษณะเป็นตะขอวงกลม
ทใ่ี ช้เกีย่ วข้างถงั นา้ ทั้งสองข้าง เพือ่ ใชถ้ ือ หางสะเปาดอกต่อม ลายหางสะเปาดอกต่อม หาง
สะเปา คอื หางสาเภาหรอื สะเปา และ ดอกตอ่ ม หมายถึง กระดมุ ลายสะเปาหางดอกต่อม
จึงมีลักษณะคลา้ ยกระดุมสีเ่ หลี่ยมขา้ วหลามตัดและมีหางสะเปาหอ้ ยต่อลงมา

ลำยเชียงแสนหงส์ดำ ๖๕

ลายเขี้ยวหมาฟันเลื่อย ลายหงสด์ า
ลายหางสะเปา (ลายใหม)่

รปู ภาพที่ ๗๓ ลายเชียงแสนหงสด์ า

ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑ์บา้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

ลายหลัก

๑. ลายหงส์ดา หมายถงึ หงส์สดี า มลี ักษณะเป็นหงส์สดี าและส่วนหัวเปน็ สฟี ้าหันหน้าเขา้ หากนั
สองตัวอยใู่ นส่ีเหลยี มขา้ วหลามตัด

ลายประกอบ

๑. ลายน้าต้น หมายถึง คนโทใส่น้า จะมีลักษณะอยู่ระหว่างหงส์สองตัวที่หันหน้าเข้าหากัน
เปรียบเสมอื นคนั โทโดยมที ัง้ หมด ๕ โทด้วยกนั อยใู่ นสเี่ หลยี่ มขา้ วหลามตัดรว่ มกับหงสด์ า

๒. ลายเข้ียวหมาฟันเลื่อย เข้ียวหมา หมายถึง ฟันหมา, ฟันเล่ือย หมายถึง ชี่ของใบเลื่อย
มลี กั ษณะเป็นสามเหลีย่ มข้าวหลามตัดอยู่ ๆ หงส์ดา

๓. ลายหางสะเปา หมายถึง หางสะเภา ท่ีเป็นลวดลายใหม่แตกต่างไปจากลวดลายเดิมตรงท่ี
ลวดลายใหม่จะมีลกั ษณะเป็นสี่เหล่ยี มพน้ื ผา้ และมีสามเหลย่ี มอยขู่ ้างใน จะมีเปน็ สีดา สีขาว
สคี รมี สีฟา้ และสีชมพูคละสกี นั ใหเ้ กิดความสวยงาม

๖๖

ลำยสอ้ ยกำบหมำก

ลายเครอื กาบหมาก

ลายหางสะเปา

ดอกตอ่ ม

รปู ภาพที่ ๗๔ ลายสอ้ ยกาบหมาก
ทีม่ า : ศูนย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)
ลายหลัก
๑. ลายเครือกาบหมาก หมายถึง ดอกหมาก มีลักษณะเป็นลายดอกหมาก ที่อยู่ด้วยกันเป็น
เครอื หลาย ๆ เครือ
ลายประกอบ
๑. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา หมายถึง หางสาเภา, ดอกต่อม หมายถึง กระดุม
ลายหางสะเปาดอกต่อมจึงหมายถึงลายท่ีมีลักษณะท่ีเป็นหางสาเภาท่ีลอยในน้าและมี
ลักษณะคลา้ ยดอกตอ่ มท่เี ปรยี บเสมือนกระดุมทอต่อกันจนเกอื บสุดตีนซนิ่

๖๗

ลำยกำบปำ้ วนกคมุ้

ลายนกคู่กนิ นา้ รว่ ม ลายนกคุ้มในเครอื กาบหมาก

ตน้

ลายขอคหุ างสะเปาไข่

ปลา

รูปภาพที่ ๗๕ ลายกาบป้าวนกคุ้ม

ท่มี า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑบ์ ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)

ลายหลัก

๑. ลายนกคุ้มในเครอื กาบหมาก นกค้มุ มาจากลักษณะของนกคุ้ม กาบหมาก คือ กาบของต้น
หมาก ดังน้ัน ลายเครอื กาบหมาก คือ ลายกาบหมาก ทีม่ ีลักษณะต่อกนั เปน็ เครือ

ลายหลัก

๑. ลายนกคูก่ นิ นา้ ร่วมต้น เป็นลายท่ีมีนกสองตัวหันหน้าเข้าหากันเหมือนกาลังกินน้าร่วมกัน
เปน็ ลายทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสมคั รสมานสามคั คี เปรยี บเสมือนนกสองตวั กนิ นา้ ร่วมกัน

๒. ลายขอคหุ างสะเปาไขป่ ลา ขอคุ มาจากตะขอที่เกี่ยวถังน้า มีลักษณะเป็นตะขอวงกลมที่ใช้
เกีย่ วข้างถงั น้า ทงั้ สองข้าง เพ่อื ใช้ถือ หางสะเปา คอื หางสาเภาหรือหางสะเปา ไข่ปลา คือ
ลกั ษณะจดุ ไข่ปลา ดงั นัน้ ลายขอคหุ างสะเปาไขป่ ลามลี ักษณะเหมอื นตะขอของถังน้าตอ่ ด้วย
ลายหางสะเปาทีม่ ีลักษณะลายเปน็ จดุ ไข่ปลา

ลำยบุง้ เลน ๖๘

ลายนกกินน้ารว่ มตน้ ลายแมงบุ้งเลน

ลายขอคุ
ลายหางสะเปาดอกตอ่ มหาง

สะเปา

รปู ภาพท่ี ๗๖ ลายบุ้งเลน
ทม่ี า : ศูนย์การเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)
ลายหลัก
๑. ลายแมงบงุ้ เลน มาจากสัตว์ตามธรรมชาติ คอื หนอนบ้งุ ทีม่ ีขนปุยสดี า
ลายประกอบ
๑. ลายนกกนิ น้าร่วมต้น คือ การทีน่ กสองตวั หนั หน้าเข้าหากนั
๒. ลายขอคุ ขอคุ คือ ตะขอถังน้า
๓. ลายหางสะเปาดอกต่อมหางสะเปา คือ หางเรือสาเภาและดอกตอ่ ม คือ กระดมุ ดังน้ัน ลาย
ประกอบทัง้ สามนี้ มีนกสองตวั หนั หนา้ เขา้ หากันแลว้ ยงั มคี อคหุ างสะเปาเป็นตะขอเก่ียวยาว
ลงและมีดอกต่อมเปน็ สว่ นประกอบเรยี งตอ่ ๆ กนั อยูข่ า้ งบน

๖๙

ลำยขอใหญ่เข้ยี วหมำ

ลายเข้ียวหมา ลายผสมใหม่
ลายนกคกู่ ินน้าร่วมต้น

ลายสะเปาหาง

สน

รูปภาพที่ ๗๗ ลายขอใหญ่เขย้ี วหมา
ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แห่งชาติ)
ลายหลัก
๑. ลายนกคูก่ นิ น้ารว่ มตน้ มาจากนกสองตวั หันหน้าเขา้ หากัน
๒. ลายเขีย้ วหมา เข้ียวหมา คือ ฟันหมา ดังน้ัน นกคู่สองตวั ทห่ี ันหนา้ เขา้ หากัน จะถกู ล้อมรอบ
ด้วยฟันหมาท้งั หมด
ลายประกอบ
๑. ลายสะเปาหางสน สะเปา คือ หางสาเภาและสน คือ ใบสน ดังนั้น รูปแบบของลวดลายมา
จากใบของต้นสนผสมกบั ลายหางสะเปา

๗๐

ลำยดอกจนั ทรแ์ ปดกลบี

ลายงูหอ้ ย ลายดอกจนั ทร์แปด

ซา้ ว กลบี

ลายหางสะเปาดอกต่อม

รปู ภาพท่ี ๗๘ ลายดอกจันทร์แปดกลบี

ทม่ี า : ศูนย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ิธภณั ฑ์บา้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

ลายหลกั

๑. ลายดอกจนั ทร์แปดกลบี หมายถงึ ดอกของต้นจัน มีลักษณะเป็นดอกจันท่ีอยู่ในสเี่ หลี่ยมขา้ ว
หลามตดั ประกอบไปดว้ ยสองดอก ดอกหนึง่ มี ๘ กลบี ด้วยกนั

ลายประกอบ

๑. ลายงูห้อยซ้าว หมายถึง งูท่ีพันอยู่กับไม้สอยผลไม้ จากการพบเห็นของคนในท้องถ่ินแล้ว
นามาทอเปน็ ลาย ประกอบตกแตง่

๒. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา หมายถึง หางสาเภา ดอกต่อม หมายถึง กระดุม
มลี ักษณะลายหางสะเปาดอกต่อมจงึ มีลกั ษณะคล้ายกระดุมทรงสเี่ หลยี่ มขนมเปยี กปูนทหี่ อ้ ย
ลงมาต่อจากลายงูห้อยซา้ วจนเกือบสดุ ตีนซ่ิน

ลำยสำเภำลอยน้ำหัวนำค ๗๑

ลายเครอื กาบหมากงูห้อยสา้ ว ลายสาเภาลอยนา้
ลายหางสะเปาดอกต่อม

ลายหางสะเปาขอ

รปู ภาพที่ ๗๙ ลายสาเภาลอยน้าหวั นาค

ทม่ี า : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

ลายหลกั

๑. ลายสาเภาลอยน้า มาจาก เรอื สาเภาลอบน้า ลักษณะของลายสาเภาลอยนา้
๒. ลายเครือกาบหมากงหู อ้ ยสา้ ว ลายเครือกาบหมาก มาจากกาบของต้นหมาก ในภาคเหนือ

คาว่า เครือ เป็นคาทีใ่ ชอ้ ธิบายลักษณะของส่ิงใดส่ิงหนึ่งท่ีมีลักษณะต่อฟันกันเหมือนเถาไม้
ยาว และงูห้อยส้าว มาจากงท่ีพันกับไม้ส้าว มาจากงูท่ีพันกับไม้สอยผลไม้ที่ช่างทอ
สงั เกตเห็นในธรรมชาติแล้วนามาเป็นลวดลาย ดังน้ัน ลายเครือกาบหมากงูห้อยส้าว จึงมี
ลักษณะท่ีผสมผสานทง้ั ลายเครือกาบหมากและลายงูห้อยส้าวเปน้ เครือต่อกันยาว

ลายประกอบ

๑. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา คือ หางสาเภาหรือสะเปา ส่วนคาว่า ดอกต่อม
หมายถึง กระดมุ ลายสะเปาหางดอกตอ่ ม มีลักษณะคล้ายกระดุมทรงส่เี หล่ยี มขนมเปียกปูน
ทหี่ ้อยลงมา

๒. ลายหางสะเปาขอ หางสะเปา คอื หางสาเภาหรอื สะเปาส่วน ขอ คือ ตะขอ ดังนั้นลายหาง
สะเปาขอ จึงมีลกั ษณะโค้งเหมือนตะขอ ตอ่ ด้วยดอกต่อมทม่ี ลี ักษณะเป็นส่ีเหลี่ยมข้าวหลาม
ตัด มหี างสะเปาหอ้ ยตอ่ ลงมา

ลำยขำมดแดง ๗๒
ลายหางสะเปาดอกต่อม
ลายขามดแดง

รูปภาพท่ี ๘๐ ลายขามดแดง

ท่มี า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ิธภณั ฑ์บ้านศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ

ลายหลัก

1. ลายขามดแดง มลี กั ษณะเปรียบเหมือนขามดแดงทอี่ ยู่ในสเ่ี หล่ยี มข้าวหลามตดั สงั เกตไดจ้ าก
ขามดแดงจะมลี ักษณะเหมอื นตวั อักษรภาษาอังกฤษ W

ลายประกอบ

1. ลายนกกินนา้ ร่วมตน้ หมายถึง เปน็ ลายทมี่ นี กสองตวั หันหนา้ เข้าหากัน เหมือนกาลังกินน้า
รว่ มกนั เปน็ ลายท่ีแสดงให้เห็นถึงความสมคั รสมานสามัคคีเปรียบเสมอื นนกสองตวั กินนา้ ร่วม
ต้นเดียวกัน

2. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา หมายถึง หางสาเภา, ดอกตอ่ ม หมายถงึ กรดุม ลาย
หางสะเปาดอกต่อมจงึ มีลกั ษณะคลา้ ยกระดมุ ทรงส่เี หลี่ยมขนมเปียกปูนทหี่ ้อยลงมาตอ่ จาก
ลายงูช้าวจนเกอื บสุดตีนซ่นิ

ลำยผกั กดู ๗๓

ลายขอคุ (แบบใหม)่ ลายเครอื กาบหมาก
ลายนกกินน้ารว่ มต้นในขอผกั กดู ลายขอผักกูด
ลายหางสะเปาดอกต่อม

รปู ภาพท่ี ๘๑ ลายผกั กดู

ทีม่ า : ศนู ย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภณั ฑบ์ า้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)

ลายหลกั

1. ลายนกกนิ น้าร่วมต้นในขอผกั กูด เป็นการผสมผสานของลายที่มาจากมลี ายนกกนิ น้าร่วมต้น
ทอ่ี ยู่กลาง

2. ลายขอผกั กูด ซึ่งลายขอผกั กูด คาวา่ ขอ หมายถึง ตะขอ และผกั กดู มาจากลักษณะของใบ
ผกั กูด ลายขอผกั กดู จึงเปน็ การผสมผสานของลายทมี่ ลี ักษณะเป็นใบผกั กูดกบั ตะขอ

ลายประกอบ

1. ลายเครือกาบหมาก มาจากกาบของต้นหมาก นาคเหนือ คาว่า เครือเป็นคาท่ีใช้อธิบาย
ลักษณะของส่ิงใดส่งิ หนึ่งท่มี ีลักษณะตอ่ พันกนั เหมอื นเถาไมย้ าวๆ ดังนั้นลายเครอื กาบหมาก
จงึ เปน็ ลายท่ีมลี ักษณะเป็นกาบของตน้ หมากทพ่ี นั ต่อกนั เปน็ เถายาวๆ

2. ลายขอคุ มาจากตะขอท่ีเก่ียวถังน้ามีลักษณะเป็นตะขอวงกลมท่ีใช้เก่ียวข้างถังน้า ทั้งสอง
ขา้ ง เพ่อื ถือ

3. ลายหางสะเปาดอกต่อม ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา คือ หางสาเภาหรือสะเปา
สว่ นคาวา่ ดอกต่อม หมายถึง กระดมุ ลายสะเปาหางดอกต่อมจงึ มีลักษณะคล้ายกระดุมทรง
สเ่ี หล่ยี มขนมเปยี กปูน

ลำยขนั ดอก ๗๔

ลายหงส์คู่ซอ้ นนก ขนั ดอก ลายหงส์คซู่ อ้ นนก

ลายขอคุ

หางสะเปาไข่ปลา

ลายหางสะเปานก

ลายหางสะเปาตอ่ ม

รปู ภาพท่ี ๘๒ ลายขนั ดอก

ที่มา : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพธิ ภณั ฑ์บา้ นศลิ ปินแห่งชาติ)

ลายหลกั

1. ลายขันดอก มาจากขันใส่ของดอกไมท้ ่ีอยูว่ ัด

ลายประกอบ

1. ลายหงสค์ ู่ซอ้ นนก คอื หงส์ทีม่ นี กซอ้ นอย่ใู นลายเดยี วกนั
2. ลายนกกินนา้ รว่ มตน้ ลักษณะเป็นรปู นกสองตวั หนั หน้าเข้าหากัน กนิ น้ารว่ มตน้ คอื ลักษณะ

ของนกท้ังสองตัวเหมือนกาลังกินน้าในโทนา้ ด้วยกนั ทาใหเ้ หน็ ถงึ ความสามคั คี
3. ลายขอคุ มาจากขอคุ คือตะขอทีเ่ กยี่ วกบั ถงั น้า มลี ักษณะเป็นตะขอวงกลมท่ีใช้เก่ียวข้างถัง

น้า
4. ลายหางสะเปานก หางสะเปา หมายถึง หางเรอื สาเภา นก หมายถงึ นกคมุ้
5. ลายหางสะเปาไข่ปลา หางสะเปา หมายถงึ หางเรือสาเภา ไขป่ ลา หมายถงึ ลักษณะจากจก

ลายที่คลา้ ยจุดไข่ปลา จึงเรยี กว่า สะเปาหางไขป่ ลา
6. ลายหางสะเปาต่อม หางสะเปา หมายถึง หางเรือสาเภา และดอกต่อม หมายถึง กระดุม

ลายสะเปาหางดอกตอ่ มจึงมลี ักษณะคล้ายกระดุมทรงส่เี หลีย่ มข้าวหลามตัดแลมีหางสะเปา
ห้อยตอ่ ลงมา

๗๕

ลำยกำแล

ลายกาแล

ลายขอผักกดู

ลายหางสะเปาดอกต่อม

รูปภาพท่ี ๘๓ ลายกาแล

ที่มา : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ า้ นศลิ ปินแห่งชาต)ิ

ลายหลกั

1. ลายกาแล ลักษณะของกาแลของเรือนไทยในภาคเหนือ กาแล คือ ชื่อส่วนประดับอยู่บน
หลังคาเรอื น มลี ักษณะเปน็ ไมแ้ บบเหลี่ยมแกะสลัก โดยไขวต้ ดิ กนั

ลายประกอบ

1. ลายขอผักกูด คาวา่ ขอ หมายถึง ตะขอ และผักกูด มาจากลกั ษณะองใบผกั กูด ลายขอผักกดู
จงึ เป็นการผสมผสานของลายที่มีลกั ษณะเปน็ ใบผักกูดกบั ตะขอ

2. ลายหางสะเปาดอกต่อม มาจากหางสะเปา คอื หางสาเภาหรือสะเปา ส่วนคาว่า ดอกต่อม
หมายถงึ กระดมุ

ลำยสำเภำลอยน้ำ ๗๖

ลายจนั ทร์แปดกลบี ลายนกกนิ น้าร่วมตน้
ลายขอคุหางสะเปา

รูปภาพที่ ๘๔ ลายสาเภาลอยน้า

ทมี่ า : ศนู ย์การเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภัณฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

ลายหลัก

๑. ลายสะเปาลอยน้า สะเปาหรอื สาเภาทีส่ ามารถลอยน้า หรือเครื่องสักการะทางน้า ทาทาน
ใหก้ ับผ้ทู ล่ี ว่ งลับ ตามความเชอื่ ของลา้ นนา

๒. ลายนกกนิ น้าร่วมตน้ นกกินนา้ รว่ มตน้ มาจากลกั ษณะธรรมชาตขิ องทอ้ งถิ่นท่ีมีนกอาศัยอยู่
เปน็ จานวนมากมักมีการมีการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งแสดงได้ถึงการบ่งบอกถึงความ
สามัคคีกันของคนในชมุ ชนท่ีมีการทางนรวมกัน เหมอื นกับนกที่ร่วมกนั กนิ น้าร่วมกันจากน้า
ต้น ได้โดยไมม่ ปี ญั หาการกทะเลาะกนั

ลายประกอบ

1. ลายจนั ทรแ์ ปดกลีบ จนั ทร์แปดกลบี หรือโป๊ยกก๊ั เปน็ พืชตระกูลดอกไม้ และยงั เปน็ สมุนไพร
(โป๊ย แปลว่า "แปด" ส่วน ก๊ัก แปลว่า "แฉก") ซ่ึงสามารถนาดอกไม้ ชนิดนี้มาทาเป็น
ลวดลายในผา้ ซิ่นตนี จก

2. ลายขอคหุ างสะเปา ขอคุ คอื ตะขอถังน้า หางสะเปา คือ หางเรอื สาเภา ดังนั้น ลายขอคุ
หางสะเปา เปน็ การผสมผสานของตะขอท่ีเกย่ี วหา่ งสะเปายาวลงมา

ลำยงหู ้อยสำ้ ว ๗๗

ลายเครอื นกคมุ้ ลายงูหอ้ ยสา้ ว
ลายสะเปาลอย ลายขอคุหางสะเปาดอกตอ่ ม

รปู ภาพที่ ๘๕ ลายงหู อ้ ยสา้ ว

ที่มา : ศูนย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑ์บ้านศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

ลายหลัก

1. ลายงหู ้อยสา้ ว มาจากการสังเกตของช่างทอที่เห็นงูที่พันกับไม้สอยผลไม้ จึงนามาทอเป็น
ลวดลายบนผ้า

2. ลายสะเปาลอย มาจากสะเปาหรอื สาเภาท่ีลอยอยูใ่ นน้า

ลายประกอบ

1. ลายเครอื นกค้มุ ลกั ษณะเปน็ รปู นกสองตวั ตวั หนั หนา้ เขา้ หากันตอ่ กันเป็นเครือ
2. ลายขอคุหางสะเปาดอกต่อม มาจากขอคุ คือตะขอท่ีเกี่ยวกับถังน้า มีลักษณะเป็นตะขอ

วงกลมท่ีใชเ้ ก่ยี วขา้ งถงั น้า ท้ังสองข้างเพ่ือใช้ถือ หางสะเปาดอกต่อม ลายหางสะเปาดอก
ตอ่ ม หางสะเปา คอื หางสาเภาหรือสะเปา และดอกต่อม หมายถงึ กระดุม ลายสะเปาหาง
ดอกตอ่ ม จึงมีลกั ษณะคล้ายกระดุมทรงส่ีเหลยี่ มข้าวหลามตัดและมีหางสะเปาหอ้ ยลงมา

๗๘

ลำยผักแว่น

ลายผักแวน่

ลายขอคหุ างสะเปาดอกตอ่ ม

รูปภาพที่ ๘๖ ลายผกั แวน่
ที่มา : ศนู ย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภณั ฑ์บา้ นศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ

ลายหลกั
1. ลายผักแว่น คือ ต้นกาเนิดลายมาจากพืช ดอกเล็กๆออกดอกสวยงามตามลาน้า เป็นผักที่
รับประทานไดร้ สชาตอิ รอ่ ย ด้วยความผูกผนั จงึ นาดอกผกั แว่นมาสร้างเป็นลายของผา้ ซน่ิ ตนี จก

ลายประกอบ
1. ลายขอคุหางสะเปาดอกต่อม ซ่ึงขอคุ คือ ตะขอถังน้า หางสะเปา คือหางเรือสาและดอก
ต่อม คอื กรดุม ดงั นัน้ ลายขอคุหางสะเปาเป็นการผสมผสานของตะขอท่ีเก่ียวหางสะเปา
ยาวลงมาและมดี อกต่อมเปน็ สว่ นปรกอบเรียงต่อๆกันอยขู่ ้างบน

๗๙

ลำยนกนอน

ลายนกแยงเงา

ลายขอคุหางสะเปาดอกตอ่ ม

รูปภาพท่ี ๘๗ ลายนกนอน

ท่มี า : ศนู ย์การเรยี นรผู้ า้ จกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาติ)

ลายหลกั

1. ลายนกแยงเงา ซ่งึ จะอยู่ในส่ีเหล่ียมทรงขา้ วหลามตัด หรอื เรียกอกี อย่าวา่ นกสอ่ งกระจก

ลายประกอบ

๑. ลายขอคหุ างสะเปาดอกต่อม ซ่ึงขอคุ คือ ตะขอถังน้า หางสะเปา คือหางเรือสาและดอก
ต่อม คอื กรดมุ ดังนั้น ลายขอคุหางสะเปาเปน็ การผสมผสานของตะขอที่เก่ียวหางสะเปา
ยาวลงมาและมีดอกต่อมเป็นสว่ นประกอบเรยี งตอ่ ๆกนั อยขู่ า้ งบน

๘๐

ลายขอกญุ แจ

ลายเครอื ดอกต่อม ลายขอกญุ แจ
ลายขอคุหางสะเปา

รูปภาพที่ ๘๘ ลายขอกญุ แจ

ที่มา : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑ์บา้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

ลายหลกั

1. ลายขอกญุ แจ ในรปู ส่เี หลี่ยมขา้ มหลามตดั บนผ้าซิ่นตรงกลางจะมีลวดลายท่ีเป็นทรงตะขอ
อยู่ คอื ขอกญุ แจ

2. ลายเครอื ดอกตอ่ ม คือ กรดมุ จานวน 4 เมด็ ทอี่ ยู่ในรูปทรงส่เี หล่ยี มข้าวหลามตดั

ลายประกอบ

1. ลายขอคุหางสะเปา ขอคุ คือ ตะขอถังน้า หางสะเปา คือ หางเรือสาเภา ดังนั้น ลายขอคุ
หางสะเปาเปน็ การผสมผสานของตะขอท่เี กี่ยวหางสะเปายาวลงมา

๘๑

ลายหงสค์ กู่ นิ นา้ รว่ มต้น

ลายนกกนิ นา้ ร่วมตน้ ลายหงส์คู่ซอ้ นนก

ลายขอคุ
ลายหางสะเปาไขป่ ลา
ลายหางสะเปาดอกตอ่ ม

รูปภาพที่ ๘๙ ลายหงสค์ ู่กนิ น้าร่วมต้น

ทีม่ า : ศูนย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)

ลายหลกั

1. ลายหงส์ค่ซู ้อนนกกนิ ร่วมตน้ คือ หงสท์ ีม่ ีนกซอ้ นอยใู่ นลายเดียวกนั

ลายประกอบ

1. ลายนกกนิ น้าร่วมตน้ ลักษณะเป็นรปู นกสองตวั หันหนา้ เขา้ หากัน กินนา้ ร่วมต้น คือ ลักษณะ
ของนกทั้งสองตัวเหมือนกาลงั กนิ น้าในน้าโทนา้ ดว้ ยกนั ทาให้เห็นถึงความสามคั คี

2. ลายขอคุ มาจากขอคุ คอื ตะขอทีเ่ กี่ยวกับถังนา้ มลี กั ษณะเป็นตะขอวงกลมที่ใชเ้ กย่ี วข้างถังนา้
3. ลายหางสะเปาไข่ปลา หางสะเปา หมายถึง หางเรือสาเภา,ไข่ปลา หมายถงึ ลกั ษณะจากจก

ลายท่คี ลา้ ยจดุ ไขป่ ลา จงึ เรยี กว่าสะเปาไขห่ างปลา

๘๒

4. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา คือ หางสาเภาหรือสะเปา และ ดอกต่อม หมายถึง
กระดมุ ลายสะเปาหางดอกต่อมจงึ มลี กั ษณะคล้ายกระดุมทรงสี่เหล่ียมข้าวหลามตัดและมี
หางสะเปาห้อยตอ่ ลงมา

ลายโกง้ เกง้ ซอ้ นนก ลำยนกกนิ นำ้ รว่ มต้นหัวนำค
ลายนกกินน้าร่วมต้นหัวนาค
ลายขอคุ
ลายหางสะเปาดอกต่อม

รูปภาพท่ี ๙๐ ลายนกกินน้าร่วมต้นหัวนาค

ทีม่ า : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมืองลอง (พิพิธภณั ฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)

ลายหลกั

1. ลายนกกินนา้ ร่วมต้นหัวนาค ลกั ษณะเปน็ รูปนกสองตัวหันหน้าเข้าหากันกินน้าร่วมต้น คือ
ลกั ษณะของนกท้งั สองตัวเหมอื นกาลังกินนา้ ในคนโทนา้ ด้วยกนั ทาให้เห็นถึงความสามัคคี
ส่วนหวั นาค มาจากหัวของพญานาค

๘๓

2. ลายโก้งเกง้ ซ้อนนก โก้งเกง้ มาจากไม้โก้งเก้งที่เป็นเคร่ืองเล่นพื้นบ้านของคนในภาคเหนือ
ลายโก้งเกง้ ซ้อนนกเปน็ ลกั ษณะท่ีมกี ารปรกอบกันของลายโกง้ เกง้ กับลายนกค้มุ ซอ้ นกนั

ลายประกอบ
1. ลายขอคุ มาจากขอคุ คือตะขอทเ่ี กยี่ วกบั ถังน้า มลี ักษณะเป็นตะขอวงกลมทีใ่ ช้เกย่ี วขา้ งถงั น้า
2. ลายหางสะเปาดอกต่อม หางสะเปา คือ หางสาเภาหรือสะเปา และ ดอกต่อม หมายถึง
กระดุม ลายสะเปาหางดอกต่อมจึงมลี กั ษณะคล้ายกระดุมทรงส่ีเหล่ียมข้าวหลามตัดและมี
หางสะเปาห้อยตอ่ ลงมา

รูปภาพท่ี ๙๑ ศึกษาขอ้ มูลผา้ ซ่นิ ตีนจก ศูนยก์ ารเรยี นรู้ผา้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑ์บ้านศลิ ปินแหง่ ชาติ)
ผู้สมั ภาษณ์ นาวสาววลยั พร ขันทะรกั ษแ์ ละนางสาวนายา จนั ทร์วเิ ชียร
ผู้ให้สมั ภาษณ์ นางประนอม ทาแปง ศลิ ปนิ แห่งชาติ

๘๔

รูปภาพที่ ๙๒ ศกึ ษาขอ้ มูลผ้าซนิ่ ตนี จก ศูนยก์ ารเรยี นรูผ้ า้ จกเมืองลอง (พพิ ิธภัณฑ์บา้ นศิลปินแหง่ ชาติ)
ผู้สมั ภาษณ์ นาวสาววลยั พร ขนั ทะรักษ์และนางสาวนายา จันทรว์ เิ ชยี ร
ผู้ใหส้ ัมภาษณ์ นางประนอม ทาแปง ศิลปนิ แหง่ ชาติ

พิพิธภณั ฑ์โกมลผ้ำโบรำณ
พิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ ริเริ่มโดยนายโกมล พานิชพันธ์ นักสะสมผ้าโบราณชาวอาเภอลอง ซ่ึงได้

สะสมผ้าโบราณชนิดตา่ งๆของ "เมืองลอง" และผา้ โบราณของชุมชนใกล้เคียง จนกระทงั่ รว่ มมอื กบั ศูนย์การศึกษา
นอกโรงเรียนจังหวัดแพร่ จัดต้ังศูนย์เทคโนโลยีพ้ืนบ้านสาขาสิ่งทอ เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจรญิ พระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ.2535 จากนั้นจึงได้เปิดเป็น
พพิ ิธภณั ฑ์โกมลผา้ โบราณใหบ้ ุคคลท่วั ไปชมเมอ่ื วันท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ.2535
พพิ ธิ ภณั ฑโ์ กมลผ้ำโบรำณ แบ่งกำรจัดแสดงออกเป็น 3 สว่ น ดังนี้

สว่ นที่ 1 ว่าด้วยเรือ่ งจติ รกรรมเวยี งตา้ งานจติ รกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไม้หลายแผ่นท่ีประกอบเป็นฝาผนัง
ของช่างพน้ื บ้านในอดตี เดมิ อยใู่ นวดั ต้ามอ่ น อาเภอลอง จังหวัดแพร่ ปจั จบุ นั ผาตกิ รรมไปเก็บไว้ที่ไร่แม่ฟ้าหลวง
จงั หวัดเชียงราย ลกั ษณะของภาพเขียนเป็นรปู แบบงานจติ รกรรมของสกุลช่างศิลป์เมืองน่าน แสดงถึงการแต่ง
กายของสตรี "เมอื งลอง" อย่างชัดเจน

๘๕

รปู ภาพท่ี ๙๓ ภาพจิตกรรมสีฝุ่นบนแผน่ ไมห้ ลายแผ่น ที่ประกอบเปน้ ฝาผนงั ของชา่ งพนื้ บ้านในอดตี

รปู ภาพที่ ๙๔ ภาพจติ กรรมสีฝนุ่ บนแผน่ ไมห้ ลายแผน่ ทป่ี ระกอบเป้นฝาผนงั ของช่างพ้ืนบา้ นใน
สว่ นที่ 2 ผา้ โบราณเมืองลอง จัดแสดงผ้าซิ่นตนี จกของกลุ่มไทโยนก "เมืองลอง" ท่ีมีลวดลายเหมือนกับ
ภาพเขียนจิตรกรรมเวียงต้า ประวัติศาสตร์การทอผ้าจกของเมืองลอง ซึ่งไม่สามารถจะหาหลักฐานอ้างอิง
ชดั เจนได้ นอกจากตานานการทอผา้ จากคนโบราณไดเ้ ล่าขานตอ่ มาวา่ แมน่ า้ ยมท่ไี หลผา่ นเมอื งลองในอดีต มีถ้า
อยู่ใตน้ า้ เรยี กวา่ วังนา้ (อย่แู ถวตาบลปากกาง) ไปถึงแหลมล่ี มีคนน้าคนหนง่ึ ซ่งึ ชาวบา้ นเรียกว่า "เงือก" ข้ึนมายมื
ฟมื ทอผ้า (อุปกรณท์ อผ้าทาดว้ ยไม้) เมื่อทอผ้าเสร็จได้มกี ารเฉลิมฉลองด้วยการบรรเลงดนตรี แล้วเงือกก็เอาฟืม
มาคนื ชาวบา้ น ชาวบา้ นสงั เกตเหน็ ลวดลายบนหัวฟืมทีม่ ีสีสลบั กนั สวยงาม ชาวบ้านลองจึงเอาฟืมที่มีลายทอผ้า
มาตอ่ เนื่องจนเกดิ เป็นตีนซิ่นเรยี กว่า "ซิน่ ตีนจก" ทีเ่ หน็ กนั ในปัจจุบัน

๘๖

รูปภาพที่ ๙๕ ตัวอย่างผา้ ซน่ิ ตนี จกของแตล่ ะจังหวดั

รูปภาพท่ี ๙๖ ศกึ ษาผา้ โบราณ ๒๐๐ ปี
สว่ นท่ี 3 จัดแสดงผา้ ซิ่นตนี จกจากแหลง่ ตา่ งๆ เพอ่ื ทจี่ ะใหเ้ กิดการพฒั นาของชมุ ชน ทางพพิ ิธภณั ฑไ์ ด้
จดั แสดงผา้ จกจากแหลง่ ต่างๆในเชงิ เปรยี บเทียบ เพอ่ื ให้คนในท้องถนิ่ ไดร้ ้แู ละเห็นถึงความแตกต่างกันของผา้ ตนี
จกจากแหลง่ อื่นๆ เชน่ ตนี จกแมแ่ จม่ , ตีนจกไหล่หิน , ตีนจกนานอ้ ย ตีนจกหาดเสยี้ ว , ตนี จกราชบรุ ี , ตีนจก
ลาวครัง่ เป็นต้น

๘๗

รูปภาพที่ ๙๗ ผ้ากลมุ่ ไทพวนหรอื ลาวพวน
รปู ภาพท่ี ๙๘ ผา้ ซน่ิ ตนี จกโบราณเมืองลอง ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๑๐

๘๘

ส่วนที่ 4 แสดงวิธีการเกบ็ ผ้าโบราณ โดยอาศยั ภูมิปญั ญาของคนโบราณทท่ี าใหผ้ ้าสามารถอยไู่ ดน้ านกวา่
200 ปี

ตวั ซิ่นตา๋ หมู่

ลายหลกั หม่าโอในเครอื ดอกตอ่ ม

หางสะเปา ขอนา้ คุ เครอื ดอก
ต่อม

รูปภาพท่ี ๙๙ ผ้าซนิ่ ลาย จีห๋ มา่ โอในเครอื ดอกต่อม

ตวั ซ่นิ ตา๋ หมู่

ลายประกอบ โกง้ เกง้ นกแยงเงา ลายหลกั สะเปาลอย
หางสะเปา ขอนา้ คุ เครอื ดอกตอ่ มไข่ปลา

รปู ภาพที่ ๑๐๐ ผ้าซิ่นลาย สะเปาลอย

ตัวซิ่นตา๋ หมู่ ๘๙
ลายประกอบ 1 บวั คว่าบวั หงาย
ลายประกอบ 2 นกคมุ้ ,ขอขนั ดอก
หางสะเปาขอนา้ คุ

รปู ภาพที่ ๑๐๑ ลายสะเปาลอย

รปู ภาพที่ ๑๐๒ ซนิ่ เชียงแสน

๙๐

รปู ภาพที่ ๑๐๓ พญาซ่ิน เป็นผา้ ซ่นิ ตระกูลเชยี งแสน โดยใชเ่ ทคนคิ การท้อข้นั สงู มีเทคนิค จก ยก ขีดและมดั หม่ี
โดยใชว้ ัสดุ เสน้ ไหมและฝา้ ย

รปู ภาพที่ ๑๐๔ ศึกษาข้อมลู ผ้าซิ่นตนี จก พิพธิ ภัณฑ์ทอ้ งถนิ่ โกมลผ้าโบราณ
ผสู้ มั ภาษณ์ นาวสาววลยั พร ขันทะรกั ษ์และนางสาวนายา จันทรว์ เิ ชียร
ผู้ใหส้ มั ภาษณ์ นายโกมล พานิชพนั ธ์

๙๑

เมอื งลอง เป็นชมุ ชนโบราณ เปน็ อาเภอหน่ึงของจงั หวดั แพร่ เมืองลองในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านสาคัญ
เมืองหนึง่ ของทิศใตข้ องอาณาจักรลา้ นนา มีชาวไทยวนและชาวโยนก เป็นกลุ่มชนหน่ึงท่ีตั้งถ่ินท่ีอยู่อาศัยท่ีเมือง
ลอง ชาวไทยยวนเป็นกลุ่มชนท่ีมวี ฒั นธรรมตา่ ง ๆ รวมทั้งดา้ นการแต่งกายเป็นแบบเดียวกับชาวไทยวนหรือชาว
โยนกในอาณาจักรลา้ นนาโดยทว่ั ไป การทอผ้าจกกถ็ อื เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมร่วมของกลุ่มชนที่มีเชื้อสาย
ไทยวนโยนก ที่สบื ต่อกนั มาอยา่ งยาวนานผหู้ ญิงชาวไทยวนมีความสามารถในการทอผ้า เม่ือมีการอพยพต้ังถิ่น
ฐานอยู่ท่ีใดก็ได้นาภูมิปัญญาศิลปะการทอผ้าจกที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาวไทยวนเมืองเชียงแสนที่มีอยู่ใน
สายเลือดติดตัวมาด้วย ดังเช่น กลุ่มไทยวนท่ีเมืองลอง ก็ได้มีการสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าจก โดยเฉพาะ
ผ้าซิ่นตีนจก ท่ีแสดงถึงเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยวนมาอย่างยาวนาน จนทาให้ผ้าตีนจก
ทอี่ าเภอลอง เปน็ ผา้ ทอทีม่ ีช่อื เสียงเปน็ ทร่ี ้จู กั แพรห่ ลาย ของจงั หวัดแพรม่ าจนถงึ ปัจจุบนั

๙๒

ประวตั ิสว่ นตัว

วนั เดือน ปี เกดิ วนั พธุ ที่ ๒๖ เดอื น ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๙๔
ภูมลิ ำเนำ
ทอ่ี ย่ปู ัจจุบัน อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง
สถำนทีส่ ำงำน บ้านเลขท่ี ๑๕๗/๒ หมทู่ ี่ ๖ ตาบลหว้ ยออ้ อาเภอลอง จงั หวัดแพร่
พิพิธภณั ฑ์ท้องถ่นิ โกมลผา้ โบราณ เลขที่ ๑๕๗ หมทู่ ่ี ๒ ตาบลห้วยออ้ อาเภอลอง
โทรศัพท์
มอื ถอื จงั หวัดแพร่
โทรสำร ๐๕๔-๕๘๑๕๓๒
อเี มล ๐๘๑-๘๐๗๙๙๖๐

๐๕๔-๕๘๑๕๓๒
[email protected]

๙๓

ประวตั สิ ่วนตวั

ชือ่ – นำมสกุล นางประนอม ทาแปง (ศิลปนิ แห่งชาติ ด้านผา้ ทอ)

วัน เดอื น ปี เกดิ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2497
ทีอ่ ยู่ปจั จุบนั บา้ นนามน ตาบลหัวทงุ่ อาเภอลอง จงั หวดั แพร่
สถำนที่ทำงำน ศนู ย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภณั ฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

นางประนอม ทาแปง จังหวัดแพร่ เปน็ ผมู้ คี วามรู้ความสามารถในการทอผา้ เปน็ เลิศ ทโ่ี ดดเดน่ เป็นพิเศษ
คือ การทอผ้าตีนจกที่สวยงาม มีชีวิตชีวา ตลอดระยะเวลา 28 ปี ได้อุทิศตนและเวลาให้กับการสร้างสรรค์

ผลงานศลิ ปะลายผา้ ดงั้ เดิมทาให้ผลงานมคี วามประณตี เชงิ ศลิ ป์อย่างลึกซึ้งและสามารถคิดค้นพฒั นาลวดลายใหม่
ไดอ้ ย่างประณีตงดงามเป็นท่ปี ระจกั ษแ์ ละได้รับการยอมรับจากสาธารณชนท่ัวไปจนไดร้ บั การยกย่องเชดิ ชเู กียรติ
เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์ (ศิลปหัตถกรรม เครื่องถักทอ) จากสานักงา น

คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ และได้รับเกยี รติให้เป็นครภู มู ิปัญญาไทยภาคเหนือ จากสานักงานเลขาธิการ
สภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในฐานะเปน็ ผู้อนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนาศลิ ปหตั ถกรรมพน้ื บา้ นอยา่ งครบ
วงจร ต้งั แตก่ ารปลกู ฝา้ ย ปลูกคราม ทาเส้นฝ้าย ทอผ้า ย้อมสีธรรมชาติ รวมทั้งการออกแบบตัดเย็บ สามารถ

สร้างรายได้ใหแ้ ก่ชมุ ชนจนกลายเป็นชุมชนท่ีเขม้ แขง็ มีคุณภาพชีวิตที่ดีสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตามพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั

นางประนอม ทาแปง ได้เผยแพร่ผลงานผ้าทอตีนจกอันงดงามทั้งในประเทศและต่างประเทศและ

เล็งเห็นถึงคุณค่าของศิลปหัตถกรรมพ้ืนถ่ินท่ีใกล้จะถูกลบเลือนด้วยกระแสของการพัฒนาชาติสู่ยุคสมัยใหม่
ตอ่ มาได้ดดั แปลงบ้านใหเ้ ป็นแหลง่ การเรียนรู้การศึกษาภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน โดยได้ถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาด้าน
การทอผา้ เชงิ อนุรกั ษ์ลวดลายไทยโบราณและพฒั นาลวดลายผ้าให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมใน

แต่ละยคุ จงึ นับวา่ นางประนอม ทาแปง เป็นต้นแบบของช่างฝมี ือพื้นบ้านท่ียังคงทาหน้าท่ีเป็นผู้อนุรักษ์และสืบ
ทอดมรดกภูมิปัญญาอนั ทรงคณุ คา่ ของไทยสืบต่อไป นบั เป็นผมู้ คี ุณปู การต่องานหตั ถศลิ ปไ์ ทย

๙๔

อ้ำงองิ

กระทวงวฒั นธรรม การรณรงคส์ ง่ เสรมิ การใชผ้ ้าไทย มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม, พมิ พ์คร้งั ที่ ๒, ๘,๐๐๐ เล่ม ,
สานกั งานกจิ การโรงพมิ พ์ องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผ่านศึก ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ : ๒๕๕๙ : ๕ - ๖

รายงานผลการคัดเลือกสินค้าและบริการด้านวัฒนธรรม (CPOT) จังหวัดแพร่ เขตตรวจราชการกระทรวง
วัฒนธรรม เขตที่ ๑๖ สานักงานวฒั นธรรมจังหวัดแพร่ กระทรวงวัฒนธรรม

ประนอม ทาแปง ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง ( พิพิธภณั ฑ์บา้ นศิลปนิ แห่งชาติ) ท่อี ยู่ 97/2 หมู่ 9 ตาบลหวั ทงุ่
อาเภอลอง จงั หวัดแพร่

สภุ าภรณ์ ยงย่วน รา้ นเวียงเหนือ ผา้ ตีนจก 119/3 หมู่ 1 ตาบลสงู เม่น อาเภอสงู เม่น จังหวัดแพร่
Amparwon Pichalct. ๒๕๖๐

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10155903760527220&id=67710721
9&sfnsn=mo . ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ (ออนไลน์)
ไทยโพสต์ https://www.thaipost.net/main/detail/2699 ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๔ (ออนไลน์)
นางประนอม ทาแปง สานกั งานวัฒนธรรมจงั หวดั แพร่
https://www.mculture.go.th/phrae/ewt_news.php?nid=981&filename=index (ออนไลน)์

๙๕

ผำ้ ซนิ่ ตนี จก (อำเภอลอง)

โครงการจัดทาสือ่ รณรงคส์ ง่ เสรมิ การแตง่ กายนุ่งผา้ ซิน่ ไม่น่งุ สัน้ ( ผา้ ซิน่ ตนี จก)
สานักงานวัฒนธรรมจงั หวดั แพร่ ร่วมกบั นกั ศกึ ษาปฏิบตั งิ านสหกจิ ศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ์

ท่ปี รึกษำ

นางจติ รา สิทธนานวุ ฒั น์ วัฒนธรรมจังหวดั แพร่
นกั วิชาการวฒั นธรรมชานาญการพเิ ศษ
นางรัตนา สนั ตกจิ
นกั วิชาการวัฒนธรรมชานาญการ
นางสางวภิ ากรณ์ ราชฟู นักวชิ าการวัฒนธรรมชานาญการ
นักวชิ าการวฒั นธรรมปฏิบัติการ
นายราเชนน์ ชทู องรัตน์
นักวชิ าการวฒั นธรรมปฏิบตั ิการ
นางสาวพชรพรรณ ผาทอง นักวชิ าการวัฒนธรรมปฏบิ ตั กิ าร
นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบตั กิ าร
นายทศพล กนั ทะวงศ์

นายอานนท์ พลแหลม

นายธรรมทรรศ์ ภกั ดี

กองบรรณำธกิ ำร อาสาวัฒนธรรม
นายฉตั รชาย ยอดเรอื น
นกั ศึกษาปฏิบตั ิงานสหกจิ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดติ ถ์
นางสาววลยั พร ขนั ทะรักษ์ นักศึกษาปฏิบตั ิงานสหกจิ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อตุ รดติ ถ์
นางสาวนาตยา จนั ทรว์ เิ ชียร

๙๖


Click to View FlipBook Version