The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ปณาลี คำมณี, 2019-09-06 01:15:03

แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี ชั้น ม.1

เรื่อง-รูปร่างและรูปทรง

คำนำ

แบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทศั นธาตุในงานทัศนศิลป์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เรอ่ื ง
รูปรา่ งและรปู ทรงนี้ จัดทาขนึ้ ประกอบการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ
รายวิชาทศั นศิลป์ โดยจัดทาใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
และตามแนวทาง การจดั การเรียนรูท้ ่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสาคญั ในพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.
๒๕๔๒

แบบฝกึ ทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชุด ทัศนธาตใุ นงานทัศนศิลป์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เรื่อง
รูปร่างและรปู ทรง นี้ นอกจากจะใช้ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนในห้องเรยี นแล้วยังใช้เปน็
แบบฝึกเสริมสาหรบั นักเรียนทเี่ รียนศิลปะในระดบั ดี และใชส้ าหรบั สอนซอ่ มเสรมิ นักเรียนท่ีเรยี นอ่อนได้อีก
ดว้ ย เพราะแบบฝึกนีม้ ีลกั ษณะเป็นแบบฝกึ ทสี่ ามารถเรียนไดด้ ้วยตนเอง แบบฝึกแตล่ ะชุดจะกาหนดเนื้อหา
จุดประสงค์ และสรปุ แนวคิดของแตล่ ะเน้ือหา มแี นวการฝึกแสดงใหผ้ ้เู รยี นได้ศึกษาก่อน เม่ือเข้าใจดีแล้ว
จงึ ลงมือทาแบบฝกึ แตล่ ะสว่ นทก่ี าหนดไว้

แบบฝกึ ทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทศั นธาตใุ นงานทัศนศิลป์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เรื่อง
รูปร่างและรปู ทรง ประกอบด้วย

๑. รปู รา่ ง
- รูปร่างธรรมชาติ รูปร่างเรขาคณติ รูปร่างนามธรรม

๒. รปู ทรง
- รปู ทรงจากสง่ิ มีชีวิต รปู ทรงเรขาคณติ รูปทรงอิสระ

หวงั วา่ แบบฝึกทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทัศนธาตใุ นงานทศั นศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
เร่อื ง รปู รา่ งและรูปทรง จะเป็นประโยชนต์ อ่ ครแู ละนกั เรยี น ตลอดถงึ บคุ คลผูส้ นใจที่ได้นาไปประกอบการ
เรียนการสอนและฝกึ ฝนเพิ่มเติม อันจะมผี ลโดยตรงต่อการพัฒนาการเรียนการสอนวชิ าศลิ ปะให้มี
ประสิทธภิ าพและบรรลุผลสาเรจ็ มากยง่ิ ขนึ้ ขอขอบพระคุณผูท้ ีม่ สี ว่ นเก่ียวข้องทุกท่านท่ีทาให้แบบฝึก
ทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทัศนธาตใุ นงานทัศนศลิ ป์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เร่อื ง รูปร่างและรูปทรง
น้ี บรรลผุ ลสาเรจ็ ดังปรากฏเปน็ อยา่ งสูง

ปณาลี คามณี

สำรบญั หนา้

คานา ๑

คาแนะนาสาหรบั ครูผสู้ อน ๓
คาแนะนาสาหรับผู้เรยี น ๔
แบบบนั ทกึ คะแนนก่อนเรียน หลังเรยี น ๕
แบบทดสอบก่อนเรยี น ๖
แนวคิด จดุ ประสงค์ เนอ้ื หา เร่อื งรปู ร่างและรปู ทรง ๙
แนวทางการเรยี นรู้ เรือ่ ง รปู ร่างและรูปทรง ๑๑
บัตรความรู้ศลิ ปะ เรือ่ งที่ ๑ รปู รา่ งและรปู รา่ งธรรมชาติ ๑๒
บตั รกจิ กรรมที่ ๑ รปู ร่างสรา้ งสรรค์ ๑๓
บตั รความรศู้ ลิ ปะ เรอื่ งท่ี ๒ รูปร่างเรขาคณติ ๑๔
บตั รกจิ กรรมท่ี ๒ รูปรา่ งเรขาพาสร้างสรรค์ ๑๕
บัตรความรศู้ ิลปะ เรอ่ื งที่ ๓ รูปรา่ งนามธรรม ๑๖
บัตรกิจกรรมท่ี ๓ นามธรรมนาสูร่ ปู ๑๙
บัตรความรู้ศลิ ปะ เรอื่ งที่ ๔ รูปทรงและรูปทรงธรรมชาติ ๒๐
บัตรกิจกรรมที่ ๔ ธรรมชาติวาดรูปทรง ๒๑
บัตรความรู้ศลิ ปะ เรอ่ื งท่ี ๕ รูปทรงเรขาคณิต ๒๒
บตั รกจิ กรรมท่ี ๕ รปู ทรงสร้างสรรค์จากงานเรขา ๒๓
บตั รความรู้ศิลปะ เรื่องท่ี ๖ รูปทรงอสิ ระ ๒๔
บัตรกจิ กรรมที่ ๖ รปู ทรงสร้างสรรคง์ านอิสระ ๒๖
แบบทดสอบหลงั เรียน ๒๗
เฉลยแบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน
บรรณานุกรม

คำแนะนำสำหรบั ครผู สู้ อน

แบบฝกึ ทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทัศนธาตใุ นงานทัศนศิลป์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เรอื่ ง
รปู รา่ งและรูปทรงนี้ เปน็ ชุดแบบฝึกท่เี น้นใหผ้ ู้เรยี นเรยี นร้ดู ้วยตนเอง โดยการช่วยเหลือแนะนาจาก
ครูผสู้ อนและกระบวนการกลุ่ม พร้อมกบั การปฏิบัตจิ ริง ผเู้ รยี นจะสามารถสร้างภาพความคิดเกี่ยวกบั
ศลิ ปะให้เปน็ รปู ธรรมซึ่งจะช่วยใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ด้วยตนเองอย่างรวดเรว็ ไดท้ ากิจกรรมท่ที ้าทายและ
ประสบความสาเร็จ ดังนั้นจึงควรดาเนินการตามคาแนะนา ดังน้ี

๑. ก่อนศึกษาแบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสีน้ี ควรให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นและ
บนั ทึกผลลงในแบบบนั ทึกผลการประเมินในชอ่ งผลการประเมนิ คะแนนก่อนเรยี น เพอ่ื ใช้เป็น
ข้อมูลตรวจสอบความกา้ วหน้าและความสาเรจ็ ในการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น และใชใ้ นการ
เปรยี บเทียบประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรยี น

๒. ใหผ้ ูเ้ รยี นเตรยี มอปุ กรณ์ตามคาแนะนาของครแู ละอา่ นบัตรความรศู้ ิลปะ เพือ่ ใหเ้ ข้าใจใน
ความหมายและข้อความท่มี ใี นบัตรความรู้ศลิ ปะ

๓. การศึกษาแบบฝึกทกั ษะการวาดภาพระบายสี ให้ดาเนินการตามลาดบั ในแต่ละส่วนท่ีกาหนด
ไว้ โดยศกึ ษาเน้ือหา หรือตวั อย่างที่กาหนดในบตั รความรู้ศิลปะจนเขา้ ใจดแี ลว้ จงึ ลงมือทา
บตั รกิจกรรม ในขณะท่ีผูเ้ รียนปฏบิ ตั งิ านตามบัตรกจิ กรรม ครผู ้สู อนควรดแู ลอย่างใกล้ชดิ
และใหค้ าปรึกษาเม่อื ผูเ้ รียนไม่เขา้ ใจ

๔. ตัวอย่างงานศลิ ปะในบตั รความรู้ศิลปะนี้ แสดงไวส้ าหรบั เป็นแนวทางความเขา้ ใจเท่านนั้
ไมค่ วรลอกเลยี นแบบและควรให้ผเู้ รียนสรา้ งสรรค์ผลงานของตนเอง

๕. การศึกษาแบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสนี ้ีจะประสบผลสาเร็จหากผู้เรียนปฏบิ ัตติ าม
คุณธรรมในคุณสมบตั ทิ ่ีต้องการเนน้ ตามท่ีเสนอแนะในแบบฝึกทกั ษะเลม่ น้ี

๖. เม่ือทาบตั รกจิ กรรมครบทุกส่วนแล้ว ให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรยี นและให้ครูผสู้ อนตรวจ
แลว้ นาคะแนนที่ได้ไปบนั ทึกลงในแบบบันทึกผลการประเมินในช่องผลการประเมินคะแนนหลงั
เรียน

คำแนะนำสำหรบั ผ้เู รียน

แบบฝึกทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชดุ ทศั นธาตใุ นงานทัศนศิลป์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เรอื่ ง
รปู รา่ งและรูปทรงนี้ เปน็ ชดุ แบบฝึกทีเ่ น้นให้เรยี นรู้ด้วยตนเอง ผูเ้ รยี นควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี

๑. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นและบนั ทกึ ผลลงในแบบบันทกึ ผลการประเมินในช่องผลการประเมนิ
คะแนนกอ่ นเรียน

๒. เตรยี มอปุ กรณ์ตามคาแนะนาของครแู ละอา่ นบัตรความร้ศู ิลปะ
๓. ศึกษาเน้ือหา และตวั อยา่ งทีก่ าหนดใหจ้ นเขา้ ใจดีแล้วจึงลงมือทาตามบตั รกจิ กรรมเม่ือพบ

ปญั หาให้ปรกึ ษาครูผ้สู อนทนั ที
๔. ไมค่ วรลอกเลียนแบบตวั อย่างงานในบัตรความรู้และควรสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง
๕. ควรปฏบิ ตั ิตามคณุ ธรรมตามทเ่ี สนอแนะในแบบฝึกทักษะเลม่ นี้
๖. เมื่อทาบตั รกิจกรรมครบแล้ว ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรยี นและให้ครูผูส้ อนตรวจ แล้วนา

คะแนนที่ได้ไปบนั ทึกลงในแบบบันทึกผลการประเมินในช่องผลการประเมินคะแนนหลงั เรียน

แบบบันทกึ ผลกำรเรยี นรู้ศลิ ปะ ก่อนเรยี น หลงั เรียน
ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๑ เรอ่ื ง รปู รำ่ งและรูปทรง

ให้นาคะแนนจากการทดสอบกรอกลงในชอ่ งคะแนน หมำยเหตุ
ผลกำรประเมิน

คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลังเรยี น คะแนนความก้าวหนา้

ให้นักเรยี นนาคะแนนก่อนเรียนและหลังเรยี น
เตมิ ลงในช่องทก่ี าหนดใหน้ ะคะ

คะแนนความก้าวหนา้ คอื ผลจากคะแนนหลงั เรยี น
ลบดว้ ยคะแนนก่อนเรยี นคะ่

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบทตี่ ้องกำรลงในกระดำษคำตอบ

๑. ขอ้ ใดคือความหมายของรูปรา่ งในทางศลิ ปะ ข. การใช้ความลึกความหนา เพื่อเพิ่มค่า
ก. รปู ทแ่ี สดงถึงความหนาของวตั ถุ น้าหนกั ของแสงและเงาในงานแกะสลกั
ข. รูปท่ีแสดงถึงความหนาและความสูงของ
ค. การใช้ความอ่อนความเข้ม ของค่านา้ หนัก
วัตถุ แทนคา่ ของแสงและเงาในภาพวาด
ค. รูปทแี่ สดงถึงเส้นรอบนอกของวัตถุ
ง. รปู ท่ีแสดงถงึ ขอบเขตของแสงในวตั ถุ ง. การใช้ความสูง ความกว้าง เพ่ือเพิ่ม
นา้ หนักของแสงและเงาในงานสถาปตั ยกรรม
๒. รูปร่างและรปู ทรงตา่ งกันอยา่ งไร ๘. ขอ้ ใดคอื ลักษณะสาคัญของรูปทรงจากสงิ่ มีชวี ติ
ก. รูปร่างมี ๑ มติ ิ รูปทรงมี ๒ มติ ิ
ข. รปู ร่างมี ๒ มิติ รูปทรงมี ๓ มติ ิ ก. เกิดจากการเลียนแบบรูปทรงส่ิงที่มนุษย์
ค. รปู รา่ งมี ๓ มิติ รปู ทรงมี ๔ มติ ิ สรา้ งขน้ึ
ง. รูปร่างมี ๒ มิติ รปู ทรงมี ๔ มติ ิ
ข. เกิดจากการเลยี นแบบรูปทรงส่ิงท่ีพบเหน็
๓. ข้อใดคือรปู ร่างอิสระ ค. เกิดจากการเลียนแบบรูปทรงส่ิงท่ีเกิดจาก
ก. รปู ร่างของกลอง ข. รูปรา่ งแกว้ น้า การกระทาของสัตว์
ค. รูปรา่ งพีระมิด ง. รปู ร่างก้อนเมฆ ง. เกิดจากการเลียนแบบรูปทรงท่ีเกิดขึ้นตาม
ธรรมชาติ
๔. ข้อใดต่อไปนไ้ี มใ่ ชร่ ปู ร่างธรรมชาติ ๙. ภาพในข้อใดไมใ่ ช่รูปทรงเรขาคณติ
ก. รูปรา่ งของใบมะละกอ
ข. รูปร่างสงิ โต ก. ข.
ค. รปู รา่ งเปลวเทยี น
ง. รปู ร่างโลมา ค. ง.

๕. ขอ้ ใด คือรูปรา่ งนามธรรม ๑๐. ขอ้ ใดคอื ความหมายของรปู ทรงอสิ ระ
ก. รูปร่างเหมือนท่ตี ามองเห็นจรงิ ก. รปู ทรงท่เี กิดข้ึนเองอย่างอสิ ระ ไม่มี
ข. รปู รา่ งที่ถูกตัดแปลง ตัดทอนในบางสว่ น
ค. รปู ร่างทีด่ ดั แปลงจนไมม่ เี ค้าโครงเดิม โครงสรา้ งแน่นอน
ง. รปู ร่างท่ีแสดงรายละเอียดชัดเจนทุกสว่ น ข. รปู ทรงทีเ่ กิดขน้ึ เองอย่างอสิ ระ มี

๖. ขอ้ ใดคือรูปทรงที่เกิดขึ้นจริง โครงสรา้ งแน่นอน
ก. ผลงานประติมากรรม ค. รปู ทรงทีเ่ กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ มี
ข. ผลงานจติ รกรรม
ค. ผลงานภาพพิมพ์ โครงสร้างแน่นอน
ง. ผลงานภาพถา่ ย ง. รปู ทรงจากพืช สัตว์ หรือสิ่งอื่นๆท่ี

๗. ข้อใดเปน็ ลักษณะรปู ทรงแบบลวงตา สามารถเคล่ือนไหวเปล่ียนโครงสรา้ งได
ก. การใช้ความบาง ความหนา เพิ่มค่า

น้าหนักของแสงและเงาในงานป้ัน

แบบฝกึ ทกั ษะกำรวำดภำพระบำยสี
ชุด ทศั นธำตุในงำนทัศนศลิ ป์

ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๑ เร่อื ง รูปร่ำงและรูปทรง

๑. แนวคดิ

รูปร่าง คอื บริเวณที่มีขอบหรือเส้นล้อมรอบ มลี กั ษณะเปน็ สองมิติ คือ มีความกว้างและความ
ยาว ซง่ึ อาจเกิดจากการกระทาในเชงิ สร้างสรรค์ โดยใช้เสน้ ขีดวนใหม้ าบรรจบกนั บนพืน้ ผงิ ระนาบและเรียก
บริเวณทข่ี ีดเสน้ ลอ้ มรอบว่า รูปรา่ ง

รูปทรง มคี วามแตกตา่ งจากรูปรา่ งก็เพราะรูปทรงมี ๓ มติ ิ คอื มีความกวา้ ง ความยาวและความ
หนา มีสองลักษณะคือ รูปทรงทเี่ กิดข้นึ จรงิ มลี กั ษณะเป็นสามมิติและกนิ ระวางพ้ืนทใ่ี นอากาศ สามารถ
สัมผสั ได้ และรูปทรงในงานทัศนศลิ ปป์ ระเภท ๒ มติ ิ ซ่ึงจะมลี กั ษณะเปน็ ๒ มติ แิ ต่ผู้สร้างสรรค์ผลงานหรอื
ศลิ ปนิ ได้ทาใหเ้ กดิ เป็นภาพ ๓ มิติ ด้วยวธิ กี ารลวงตา

๒. จุดประสงค์

๑. บอกความหมายของรปู ร่างและรปู ทรงได้
๒. มีความรู้ความเขา้ ใจในเรอ่ื งรูปร่างและรูปทรง
๓. ชื่นชมการสร้างสรรค์ผลงานในภาพวาดของตนเองและผ้อู ่นื

๓. เน้ือหำ

๑. รปู ร่าง
- รูปร่างธรรมชาติ รปู รา่ งเรขาคณิต รปู รา่ งนามธรรม

๒. รปู ทรง
- รปู ทรงจากสิ่งมีชีวติ รปู ทรงเรขาคณติ รูปทรงอิสระ

๔. คณุ ธรรมทต่ี อ้ งกำรเน้น

๑. ความม่นั ใจในตนเอง
๒. ความขยันหมนั่ เพียร
๓. ความใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น
๔. ความรับผิดชอบ
๕. ความละเอยี ดและประณีต
๖. ความรักธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม

แนวทำงกำรเรยี นรเู้ ร่ือง รปู รำ่ งและรูปทรง

ศึกษำแนวคิด ตวั ช้วี ดั ศกึ ษำ เร่อื งรูปรำ่ งและรูปทรง
เน้ือหำ ตำ่ งๆ

ศกึ ษำ ค้นควำ้ วิธกี ำรเรียนรู้ ฝึกทกั ษะกำรวำด
เร่อื งรูปรำ่ งและรปู ทรง รูปรำ่ งและรูปทรง

ศกึ ษำ ค้นควำ้ ประเมินผลงำนของ
ฝึกทกั ษะเพิม่ เตมิ ตนเอง ปรบั ปรุงเพอ่ื
ปรึกษำครูผ้สู อน
พฒั นำตนเอง

นำควำมรู้เรื่องรูปรำ่ งและรปู ทรง
ไปใช้ในกำรวำดภำพใน
ชวี ิตประจำวนั

ทศั นธำตุ
ทศั นะ หมำยถึง กำรเห็น สง่ิ ทมี่ องเหน็
ธำตุ หมำยถึง สง่ิ ท่ถี ือวำ่ เป็นสว่ นสำคญั ท่รี วมกัน เปน็ รูปร่ำงของสิ่งทงั้ หลำย
ทัศนธำตุ หมำยถงึ สว่ นสำคัญท่รี วมกันเป็นรปู รำ่ งของสิง่ ท้งั หลำยตำมทีต่ ำ

มองเหน็
ทศั นธำตุ จงึ สำมำรถหมำยควำมไดว้ ำ่ ธำตแุ ห่งกำรมองเห็นหรือสว่ นประกอบตำ่ งๆที่

ประกอบกันในงำนศลิ ปะหรืองำนออกแบบ ได้แก่ จดุ เส้น สี แสงเงำ รูปร่ำง รปู ทรง พื้นผวิ
เป็นตน้ ซึ่งทศั นธำตุเหล่ำน้ี จะมอี ยู่แลว้ ในธรรมชำติ เช่นจำกพืชและสตั วต์ ำ่ งๆ เรำสำมำรถ
นำทัศนธำตุเหล่ำนั้นมำสรำ้ งสรรค์เป็นงำนศิลปะไดห้ ลำกหลำยรูปแบบ ซงึ่ วธิ ใี นกำรนำมำใช้
ก็จะให้ควำมร้สู ึกทีแ่ ตกตำ่ งกันออกไป ทศั นธำตุจงึ เปน็ ควำมรู้พน้ื ฐำน ท่ีผสู้ ร้ำงสรรค์งำน
ศิลปะควรศกึ ษำให้เข้ำใจอย่ำงถ่องแท้ ซ่ึงมีรำยละเอียดที่เรำจะศกึ ษำตอ่ ไป

ในเล่มน้ีเรำมำศกึ ษำเรอื่ งรปู ร่ำง รูปทรงกันนะคะ
รปู ร่ำงและรูปทรง ทีน่ ำมำใช้เรยี กในทำงทศั นศลิ ป์ คอื รปู ร่ำงและรูปทรงทเี่ กิด
จำกกำรสร้ำงสรรค์ โดยมนษุ ย์ อำจจะทำโดยกำรลอกเลียนจำกแบบอยำ่ งของ
รปู รำ่ งรูปทรงจำกธรรมชำติหรอื สร้ำงสรรคร์ ูปร่ำงและรูปทรงจำกจินตนำกำร

ของตนเอง หรือท้ังสองกรณผี สมผสำนกันค่ะ

บตั รควำมรู้ศลิ ปะ เร่อื งท่ี ๑ รปู รำ่ ง และรูปรำ่ งธรรมชำติ

ในทางศิลปะ คาว่า “รูปรา่ ง” ไม่ได้มีความหมายเช่นเดยี วกับคาว่ารูปร่างที่ใช้ในชีวติ ประจาวัน
เนื่องจาก คาวา่ รูปรา่ งทีใ่ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั น้นั มีความหมายครอบคลุมไปถึง ความหนา ซง่ึ เปน็ ลักษณะของ
รูปทรงของสิ่งของน้ันๆด้วย เช่น รปู ร่างของคน รูปร่างของสัตว์และรปู ร่างของวตั ถสุ งิ่ ของต่างๆ เปน็ ต้น

รูปรา่ ง คอื บริเวณที่มีขอบหรือเส้นลอ้ มรอบ ซึง่ อาจเกดิ จากการกระทาในเชงิ สร้างสรรค์ โดยใชเ้ สน้
ขีดวนใหม้ าบรรจบกันบนพนื้ ผิงระนาบและเรยี กบริเวณที่ขีดเส้นล้อมรอบวา่ รูปร่าง

รูปร่างและรูปทรง ทน่ี ามาใช้เรียกในทางทศั นศิลป์ จะมคี วามหมายทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปอีกลกั ษณะ
หนง่ึ คือ คาวา่ รปู ร่างและรูปทรง ทีห่ มายถึงนี้ เปน็ รปู รา่ งและรปู ทรงท่เี กิดจากการสร้างสรรคห์ รอื สรา้ งขึ้น
โดยมนุษย์ โดยผู้ท่สี ร้างสรรคอ์ าจจะทาโดยการลอกเลยี นจากแบบอย่างของรูปรา่ งรปู ทรงจากธรรมชาติหรือ
สร้างสรรค์รปู ร่างและรปู ทรงจากจนิ ตนาการของตนเอง หรือทัง้ สองกรณีผสมผสานกนั แล้วถูกนามา
ถ่ายทอดใหป้ รากฏเป็นรปู รา่ ง รูปทรงในผลงานทศั นศลิ ป์

รูปรา่ งและรปู ทรงในทางศิลปะถือเปน็ พนื้ ฐานทสี่ าคญั โดยจะมีหน้าท่ีในการใช้เปน็ ตวั สือ่ ความคิด
อารมณ์หรือจินตนาการของผู้สร้างสรรค์ ผ่านรปู รา่ งหรอื รูปทรงเพ่ือให้ผชู้ มงานไดร้ ับรใู้ นสง่ิ ที่ผสู้ รา้ งงาน
ต้องการแสดงออกทางศิลปะ ซึง่ คณุ ลกั ษณะของรูปรา่ งรปู ทรงสามารถจาแนกได้ดังน้ี

รูปรำ่ ง (Shape) คอื รปู แบน ๆ มี ๒ มิติ มคี วามกว้างกบั ความยาว ไมม่ ีความหนาเกดิ จากเส้นรอบ
นอกที่แสดงพน้ื ทข่ี อบเขตของรปู ตา่ ง ๆ เชน่ รูปวงกลม รูปสามเหล่ียม หรอื รปู อิสระท่ีแสดงเนือ้ ที่ของผิวที่
เป็นระนาบมากกว่าแสดงปริมาตรหรือมวล

รูปทรง (Form) คือ รปู ท่ีลักษณะเป็น ๓ มิติ โดยนอกจากจะแสดง ความกว้าง ความยาวแลว้ ยังมี
ความลึก หรอื ความหนา นูน ดว้ ย เช่น รปู ทรงกลม ทรงสามเหล่ียม ทรงกระบอกเปน็ ตน้ ให้ความร้สู ึกมี
ปริมาตร ความหนาแน่น มีมวลสาร ที่เกดิ จากการใช้ ค่าน้าหนกั หรอื การจดั องค์ประกอบของรูปทรง
หลายรปู รวมกนั

รปู รา่ งทเ่ี กดิ จากเสน้

การสร้างสรรค์รปู รา่ งในทางศิลปะไม่จาเปน็ ตอ้ งใชเ้ ส้นในการสรา้ งเสมอไป แต่ยังสามารถ
สร้างสรรคด์ ้วยวิธีอนื่ ๆ เชน่ การระบายหรือทาด้วยสี ก็คือรูปร่างของสี หรอื สร้างพนื้ ผิวท่ีแตกต่างจาก
พ้นื ผวิ เดมิ ของระนาบ ซ่งึ เราจะเรยี กพืน้ ท่ีท่ีมพี ้นื ผิวที่แตกตา่ งน้ีว่า รปู รา่ งของพ้ืนผิว

รปู รา่ งท่เี กิดจากการระบายสี
รปู ร่างมลี กั ษณะเป็นสองมิติ คือ มีความกวา้ งและความยาวตามความเปน็ จริง ซ่ึงรปู ร่างในทาง
ศิลปะอาจแบง่ ออกได้เปน็ ๓ ประเภท คือ
รปู ร่ำงธรรมชำติ หมายถึง รูปรา่ งทีถ่ ่ายทอดแบบมาจากธรรมชาตทิ พี่ บเหน็ อยทู่ ว่ั ไป เช่น คน สัตว์
พืช หรอื เรยี กอีกอย่างว่า รปู ร่างที่ได้จากสงิ่ มีชวี ิต(ORGANIC) เปน็ สิ่งทเ่ี กดิ ตามธรรมชาติ เป็นการ
ลอกเลียนแบบเหมือนจรงิ ตามทีม่ องเห็น หรือนามาดดั แปลง ตัดทอน เพ่ิมเติมเพ่ือสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ผลงาน
ศิลปะ

รูปร่างจากธรรมชาติ ตัวอยา่ งการนารูปร่างจากธรรมชาติ
มาใชใ้ นงานทัศนศลิ ป์

บตั รกจิ กรรมที่ ๑ รปู ร่ำงสรำ้ งสรรค์

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นนำรปู รำ่ งธรรมชำติมำสรำ้ งสรรค์เป็นผลงำนศิลปะ

ดงั ตัวอยำ่ ง (สรำ้ งสรรค์ผลงำนเอง หำ้ มลอกจำกแบบ)

ตัวอยำ่ ง

ช่อื …………..………………………………………………………….ช้นั …………………เลขที่…………………..

บัตรควำมรศู้ ลิ ปะ เรอ่ื งที่ ๒ รูปรำ่ งเรขำคณติ

รูปร่ำงเรขำคณิต (GEOMETRIC SHAPE) หมายถึง รปู ร่างทมี่ นษุ ย์สร้างขึน้ มีโครงสรา้ งแน่นอน
ได้แก่ รปู รา่ งวงกลม สามเหลี่ยม ส่ีเหลย่ี ม หรือรปู แบบหลายเหลี่ยม รปู รา่ งเรขาคณิตน้ีเปน็ พ้นื ฐานในการ
สรา้ งสรรคง์ านศิลปะไดห้ ลากหลายรูปแบบโดยสามารถนามาจดั วาง จัดองคป์ ระกอบเป็นผลงานทส่ี วยงาม
ได้

รูปรา่ งเรขาคณติ ตัวอย่างการนารปู ร่างเรขาคณิต
มาใช้ในงานทัศนศลิ ป์

ตวั อยา่ งการนารปู ร่างเรขาคณิต มาใช้ในงานทัศนศลิ ป์
ท่มี า : http//www.th.aliexpress.com,2557.

บัตรกจิ กรรมที่ ๒ รปู รำ่ งเรขำพำสรำ้ งสรรค์

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นนำรปู รำ่ งเรขำคณิตมำสร้ำงสรรคเ์ ปน็ ผลงำนศลิ ปะ
ตวั อยำ่ ง ดังตวั อยำ่ ง (สร้ำงสรรค์ผลงำนเอง ห้ำมลอกจำกแบบ)

ชื่อ…………..………………………………………………………….ช้ัน…………………เลขที่…………………..

บัตรควำมรูศ้ ลิ ปะ เรอ่ื งที่ ๓ รปู ร่ำงนำมธรรม

รูปร่ำงนำมธรรม (ABSTRACT SHAPE) หมายถงึ รูปรา่ งท่ีถกู เปล่ยี นแปลงให้งา่ ยข้นึ หรือ ตดั
ทอนไม่ตรงกับความเปน็ จรงิ อาจจะขยายขึน้ ลดทอน ดดั แปลงแตย่ ังพอทีจ่ ะระบุหรือจาเนือ้ หาได้ อาจเปน็
รูปรา่ งทีถ่ กู ดดั แปลงมาจากธรรมชาติ หรือจากการคดิ ค้นข้ึนเอง ไม่มโี ครงสร้างที่แนน่ อน สามารถ
เปล่ียนแปลงไดต้ ามใจชอบ

รูปร่างนามธรรม ตวั อย่างการนารปู ร่างนามธรรม
มาใช้ในงานทัศนศลิ ป์

บัตรกจิ กรรมท่ี ๓ นำมธรรมนำสู่รูป

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนนำรูปร่ำงนำมธรรมมำสรำ้ งสรรคเ์ ปน็ ผลงำนศลิ ปะ
ดงั ตวั อย่ำง (สร้ำงสรรค์ผลงำนเอง ห้ำมลอกจำกแบบ)

ตวั อย่ำง

ช่ือ…………..………………………………………………………….ชัน้ …………………เลขที่…………………..

บัตรควำมรู้ศิลปะ เร่ืองที่ ๔ รปู ทรง และรปู ทรงธรรมชำติ

รปู ทรง มลี กั ษณะทีแ่ ตกต่างจากรปู ร่างก็เพราะรูปทรงมีสามมิติ คือ มคี วามกว้าง ความยาวและ
ความหนา รปู ทรงมสี องลกั ษณะ คือ

๑. รปู ทรงท่ีเกดิ ขน้ึ จรงิ คือมลี กั ษณะเป็นสามมติ แิ ละกนิ ระวางพน้ื ท่ใี นอากาศ และสามารถ
สัมผสั ได้โดยรอบ เชน่ รูปทรงทางกายภาพของผลงานประติมากรรม ท่ีใช้เทคนคิ ป้ัน แกะสลัก เป็นต้น

ตวั อย่างรูปทรงในงานประตมิ ากรรม
ที่มา : http//www.alepaint.com,2554.

๒. รูปทรงในงานทัศนศิลป์ประเภทสองมิติ ซ่ึงจะมลี ักษณะเป็น ๒ มิติแตผ่ ้สู ร้างสรรค์ผลงาน
หรือศลิ ปนิ ได้ทาให้เกดิ เปน็ ภาพ ๓ มิติ ด้วยวิธีการลวงตา คอื วิธีการใชค้ วามเข้ม ความออ่ นของค่านา้ หนกั
มาใชแ้ ทนค่าของแสงและเงา ซง่ึ จะพบรปู ทรงแบบลวงตานไ้ี ด้ในงานจิตรกรรมและงานภาพพิมพ์ เป็นต้น

ตัวอยา่ งรูปทรงในงานจติ รกรรม
ทมี่ า : http//www.era.su.ac.th,2557.

รูปทรงจำกธรรมชำติ หมายถงึ รปู ทรงทเ่ี กิดขึ้นจากการเลยี นแบบรปู ทรงที่เกิดขนึ้ ตาม
ธรรมชาติ ได้แก่ คน สตั ว์ พชื แรธ่ าตุ ฯลฯ รูปทรงประเภทน้จี ะมีลกั ษณะเป็นสามมิติ มีลกั ษณะเหมือนจริง
ตามที่พบเหน็ ในธรรมชาติสามารถนามาตดั ทอน ดดั แปลง หรือเพม่ิ เติม เพื่อสรา้ งสรรคเ์ ป็นผลงานศลิ ปะท้งั
ทางด้านจติ รกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ หรืองานศิลปะแขนงอ่นื ได้

ตวั อย่างการนารปู ทรงธรรมชาติมาใชใ้ นงานทศั นศลิ ป์

บัตรกจิ กรรมท่ี ๔ ธรรมชำตวิ ำดรูปทรง

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นนำรูปทรงจำกธรรมชำตมิ ำสรำ้ งสรรค์เป็นผลงำนศลิ ปะ

ดังตัวอยำ่ ง (สร้ำงสรรคผ์ ลงำนเอง หำ้ มลอกจำกแบบ)

ตวั อยำ่ ง

ช่ือ…………..………………………………………………………….ชั้น…………………เลขที่…………………..

บัตรควำมรู้ศลิ ปะ เรอ่ื งที่ ๕ รูปทรงเรขำคณิต

รูปทรงเรขำคณติ หมายถึง รปู ทรงทมี่ นษุ ย์สรา้ งข้นึ เชน่ รปู ทรงกลม รูปทรงสามเหล่ียม
รปู ทรงส่เี หลี่ยม หรือรปู แบบหลายเหล่ยี มเป็นต้น มีโครงสรา้ งแน่นอน รูปทรงเรขาคณิตเป็นพืน้ ฐานในการ
สรา้ งสรรค์งานศิลปะได้หลากหลายรปู แบบโดยสามารถนามาจดั วาง จัดองค์ประกอบเป็นผลงานที่สวยงาม
ได้

ตวั อยา่ งรูปทรงเรขาคณิต

ตัวอยา่ งการนารปู ทรงเรขาคณติ มาใช้ในงานทศั นศลิ ป์

บัตรกิจกรรมท่ี ๕ รปู ทรงสร้ำงสรรค์จำกงำนเรขำ

คำช้ีแจง ให้นักเรยี นนำรูปทรงเรขำคณติ มำสร้ำงสรรค์เปน็ ผลงำนศลิ ปะ
ตวั อย่ำง ดงั ตัวอยำ่ ง (สรำ้ งสรรค์ผลงำนเอง หำ้ มลอกจำกแบบ)

ชื่อ…………..………………………………………………………….ชน้ั …………………เลขท่ี…………………..

บตั รควำมรู้ศลิ ปะ เร่ืองที่ ๖ รปู ทรงอสิ ระ

รูปทรงอิสระ หมายถึง รปู ทรงทเ่ี กิดข้ึนเองอยา่ งอิสระไม่มโี ครงสร้างแน่นอน อาจเป็น
รปู ทรงท่ถี ูกดดั แปลงมาจากธรรมชาติ ตดั ทอนไม่ตรงกับความเปน็ จรงิ อาจจะขยายขึน้ ลดทอน ดัดแปลง
หรือจากการคดิ ค้นขน้ึ เอง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบเชน่ รปู ทรงของก้อนเมฆ เปลวไฟ คลนื่ ทะเล
เปน็ ต้น ซง่ึ รูปทรงประเภทนี้จะให้ความรู้สึกเคลือ่ นไหวเป็นอิสระ

ตวั อย่างรูปทรงอิสระ
การทจ่ี ะเลือกใช้รปู ร่างหรอื รูปทรงประเภทใดมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะนัน้ สิ่งที่
ต้องคานึงคือ ประเภทของรูปร่างหรอื รูปทรงนั้นๆมคี วามสอดคล้องกบั เน้ือหาหรือแนวความคิดท่ตี ้องการ
นาเสนอหรอื ไม่ เพราะถ้าเราเลือกประเภทรูปร่างหรือรูปทรงไมเ่ หมาะสม การสอ่ื แสดงออกของเนื้อหาหรือ
แนวความคิดในงานศลิ ปะตอ่ ผชู้ มผลงานอาจจะไม่เตม็ ประสิทธิภาพหรือผดิ เพ้ียนไปจากเดิมที่เราต้องการ
แสดงออกได้

บตั รกจิ กรรมท่ี ๖ รปู ทรงสรำ้ งสรรคง์ ำนอิสระ

คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนนำรปู ทรงอิสระมำสรำ้ งสรรค์เปน็ ผลงำนศิลปะ
ดังตวั อยำ่ ง (สรำ้ งสรรคผ์ ลงำนเอง ห้ำมลอกจำกแบบ)
ตวั อย่ำง

เสน้ ในขนำดต่ำงๆ เม่อื เสน้ มีควำมหนำมำก ควำมเปน็ เส้นจะหำยไป

ช่อื …………..………………………………………………………….ชัน้ …………………เลขที่…………………..

แบบทดสอบหลงั เรียน

ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบทตี่ ้องกำรลงในกระดำษคำตอบ

๑. รปู ร่างและรปู ทรงตา่ งกนั อย่างไร ข. การใช้ความลึกความหนา เพื่อเพ่ิมค่า
ก. รปู รา่ งมี ๑ มติ ิ รปู ทรงมี ๒ มติ ิ น้าหนกั ของแสงและเงาในงานแกะสลัก
ข. รปู รา่ งมี ๒ มิติ รปู ทรงมี ๔ มติ ิ
ค. รูปร่างมี ๓ มติ ิ รูปทรงมี ๔ มติ ิ ค. การใช้ความอ่อนความเข้ม ของค่าน้าหนัก
ง. รูปรา่ งมี ๒ มิติ รปู ทรงมี ๓ มติ ิ แทนคา่ ของแสงและเงาในภาพวาด

๒. ข้อใดคอื ความหมายของรูปรา่ งในทางศลิ ปะ ง. การใช้ความสูง ความกว้าง เพ่ือเพิ่ม
ก. รูปท่ีแสดงถงึ ความหนาของวัตถุ น้าหนักของแสงและเงาในงานสถาปตั ยกรรม
ข. รูปทแ่ี สดงถึงเสน้ รอบนอกของวตั ถุ ๘. ขอ้ ใดคือลักษณะสาคญั ของรปู ทรงจากสิ่งมีชีวิต
ค. รูปทีแ่ สดงถงึ ความหนาและความสูงของ
ก. เกิดจากการเลียนแบบรูปทรงสิ่งท่ีมนุษย์
วัตถุ สรา้ งขึ้น
ง. รปู ทีแ่ สดงถงึ ขอบเขตของแสงในวัตถุ
ข. เกดิ จากการเลียนแบบรูปทรงที่เกิดขึ้นตาม
๓. ขอ้ ใดคือรูปร่างอสิ ระ ธรรมชาติ
ก. รปู รา่ งก้อนเมฆ ข. รปู รา่ งแก้วนา้
ค. รูปรา่ งใบไม้ ง. รปู ร่างของกลอง ค. เกิดจากการเลียนแบบรูปทรงส่ิงท่ีเกดิ จาก
การกระทาของสตั ว์
๔. ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ใช่รูปรา่ งธรรมชาติ
ง. เกดิ จากการเลยี นแบบรปู ทรงส่ิงทพี่ บเห็น
๙. ภาพในข้อใดไม่ใช่รปู ทรงเรขาคณิต

ก. รูปร่างของใบมะละกอ ก. ข.
ข. รูปร่างสิงโต

ค. รูปร่างเปลวเทียน

ง. รูปรา่ งโลมา

๕. ขอ้ ใด คือรปู รา่ งนามธรรม ค. ง.
ก. รปู ร่างทีด่ ัดแปลงจนไมม่ ีเคา้ โครงเดมิ

ข. รูปร่างท่แี สดงรายละเอยี ดชดั เจนทกุ ส่วน ๑๐. ข้อใดคือความหมายของรปู ทรงอิสระ
ค. รปู ร่างเหมือนทีต่ ามองเห็นจริง ก. รูปทรงท่ีเกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ มี
ง. รูปรา่ งท่ีถูกตดั แปลง ตัดทอนในบางส่วน
๖. ข้อใดคือรูปทรงท่ีเกดิ ข้ึนจริง โครงสร้างแน่นอน
ก. ผลงานจติ รกรรม ข. รูปทรงท่ีเกิดขน้ึ เองอย่างอสิ ระ มี
ข. ผลงานประตมิ ากรรม
ค. ผลงานภาพถา่ ย โครงสรา้ งแนน่ อน
ง. ผลงานภาพพมิ พ์ ค. รปู ทรงทีเ่ กดิ ข้ึนเองอยา่ งอสิ ระ ไมม่ ี
๗. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะรปู ทรงแบบลวงตา
ก. การใชค้ วามบาง ความหนา เพิม่ ค่า โครงสร้างแน่นอน
ง. รูปทรงจากพชื สัตว์ หรือส่งิ อน่ื ๆท่ีสามารถ

เคล่อื นไหวเปลีย่ นโครงสร้างได้

น้าหนักของแสงและเงาในงานปนั้

นกั เรียน อยา่ ลืมนาคะแนนที่ไดไ้ ปเขียนลงแบบบันทึกผลการประเมนิ
ในช่องประเมนิ ตนเองหลังเรยี นนะคะ จะได้เปรยี บเทียบคะแนนของตนเอง

วา่ มกี ารพฒั นาขน้ึ หรอื ไม่ และอย่าลมื ฝึกวาดภาพจากรปู รา่ ง รปู ทรง
ในแบบต่างๆ เพื่อจะไดใ้ ชเ้ ปน็ พน้ื ฐานในการสรา้ งสรรค์ผลงาน

ในขน้ั ต่อไปค่ะ

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น

๑. ค ๒. ข ๓. ง ๔. ค ๕. ข
๖. ก ๗. ค ๘. ง ๙. ค ๑๐. ก

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น

๑. ง ๒. ข ๓. ก ๔. ค ๕. ง
๖. ข ๗. ค ๘. ข ๙. ง ๑๐. ค

บรรณำนุกรม

ฉัตรช์ ัย อรรถปกั ษ.์ องค์ประกอบศลิ ปะ. กรุงเทพฯ : วทิ ยพฒั น,์ ๒๕๕๐.
ชะลดู นมิ่ เสมอ. องค์ประกอบของศิลปะ . กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร,์ ๒๕๕๓.
ธวชั ชานนท์ ตาไธสง. หลักกำรศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ : วาดศิลป์, ๒๕๔๙.
สชุ าติ สุทธ.ิ เรียนรกู้ ำรเหน็ :พน้ื ฐำนกำรวิจำรณท์ ัศนศิลป์. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พร้นิ ติ้ง เฮ้าส์
,๒๕๓๕.
สมภพ จงจิตตโ์ พธา. จิตรกรรมสร้ำงสรรค.์ กรงุ เทพฯ : วาดศลิ ป์, ๒๕๕๒.
______. ทัศนธำตุในงำนทศั นศิลป์. กรุงเทพฯ : วาดศิลป์, ๒๕๕๖.
อนนั ต์ ประภาโส. ทัศนธำตใุ นงำนทัศนศิลป์. ปทุมธานี : สิปประภา, ๒๕๕๗.


Click to View FlipBook Version