พนั ธุกรรม
(Heredity)
เพราะเหตใุ ดสิ่งมชี วี ติ ชนดิ เดยี วกนั จงึ มลี กั ษณะคลา้ ยกนั
พันธกุ รรม หมายถงึ ลกั ษณะของสิ่งมีชวี ิตที่
ถา่ ยทอดจากรุ่นพ่อแม่ ปู่ยา่ ตายาย ไปยังรุ่นลูก
รุ่นหลาน ซ่ึงเปน็ ลักษณะท่ถี กู ควบคมุ ดว้ ย
หนว่ ยพันธุกรรม หรือ ยนี (gene)
ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมถ่ายทอด
จากพ่อแมม่ าสู่ลกู หลาน
ได้อย่างไร
เอนโดพลาสมกิ เรติคลู มั ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm)
(Endoplasmic reticulum) นิวเคลียส (Nucleus)
ไมโตคอนเดรีย แวควิ โอล (Vacuole)
(Mitochondrion) ผนงั เซลล์ (Cell wall)
กอลจิ แอพพาราตสั เย่ือห้มุ เซลล์
(Golgi apparatus) (Plasma membrane)
เวสเิ คิล (Vesicles) เพอรอกซโิ ซม
(Peroxisome)
คลอโรพลาสต์
(Chloroplast)
เอนโดพลาสมกิ เรติคลู มั นิวเคลยี ส (Nucleus)
ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm)
(Endoplasmic reticulum) ไซโตสเกลเลตนั (Cytoskeleton)
เย่ือห้มุ นิวเคลยี ส ไลโซโซม (Lysosome)
Nuclear envelope เพอรอกซิโซม
(Peroxisome)
เยื่อห้มุ เซลล์
ไมโตคอนเดรีย
(Plasma membrane) (Mitochondrion)
กอลจิ แอพพาราตสั
(Golgi apparatus)
เวสเิ คิล (Vesicles)
ภายในนิวเคลยี สของเซลลซ์ ่ึงมลี กั ษณะรูปทรงกลมหรอื รปู ไข่
ถา้ ใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนส์ อ่ งดใู นขณะท่เี ซลลก์ าลงั แบง่ ตัวจะเหน็ วา่
ภายในมีโครงสรา้ งทม่ี ีลกั ษณะเปน็ เสน้ ใยเลก็ ๆ ขดพันกนั อยู่
เหมือนลวดสปรงิ เตม็ ไปหมด เรยี กโครงสร้างนว้ี า่ โครมาทิน
(chromatin) เมอ่ื มกี ารแบง่ เซลล์ เส้นโครมาทนิ กจ็ ะขดแน่น
มากขน้ึ จนมลี กั ษณะเป็นแทง่ เรียกวา่ โครโมโซม
(chromosome)
- โครโมโซม (Chromosome) มีดีเอ็นเอ(DNA)และ
โปรตีน(Protein) เป็นสว่ นประกอบหลกั
- ดเี อน็ เอ (DNA) คอื สารพนั ธุกรรม มชี ่อื เต็มวา่
กรดดีออกซไี รโบนวิ คลอี กิ (Deoxyribonucleic acid)
- ยนี (Gene) เปน็ ส่วนหนง่ึ ของดเี อน็ เอ(DNA)
- หากเรยี งขนาดจากใหญ่ไปเลก็ จะเรยี งได้ดงั นี้
โครโมโซม (Chromosome) > ดีเอ็นเอ(DNA) > ยีน
(Gene)
DNA ยอ่ มาจาก Deoxyribo Nucleic Acid เปน็ สารพันธกุ รรม
ในนวิ เคลยี ส ทเี่ รียงตัวในลักษณะเกลยี วคอู่ ยา่ งมีระเบียบ คลา้ ยบนั ได
วนบิดตัวไปทางขวา ขาของราวบนั ไดแต่ละข้างคอื การเรียงตัวของ
นวิ คลีโอไทด์ (Nucleotide) มีขนาดเลก็ มาก ไม่สามารถมองเห็นได้
ดว้ ยตาเปลา่
นิวคลโี อไทด์ (nucleotide) เป็นโครงสรา้ งพ้นื ฐานของ
กรดนวิ คลอี กิ ซง่ึ ประกอบด้วย นวิ คลีโอไซด(์ neucleoside) กบั หมู่
ฟอสเฟต
DNA จะทาหนา้ ทคี่ วบคมุ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชวี ติ ไม่วา่ จะเป็น
พืช สัตว์ และมนษุ ย์ โดยมี ยนี (gene) ซง่ึ เปน็ หน่วยท่คี วบคมุ
ลักษณะทางพันธุกรรม ยีนเป็นส่วนของ DNA ทสี่ ามารถควบคมุ การ
แสดงออกได้ เชน่ สีตา สผี ม และความสงู รูปร่างหน้าตาของเดก็ ท่ีมี
บางสว่ น เหมอื นกับแม,่ สสี ันของดอกไม,้ ฯลฯ
ทาความรู้จกั
โครโมโซมกนั เถอะ
โครโมโซมมอี งคป์ ระกอบเปน็ สารเคมีประเภทโปรตนี
และกรดนิวคลอิ กิ ในขณะเซลลก์ าลงั แบ่งตวั โครโมโซม
จะขดแน่นเขา้ มาจนมีลกั ษณะเปน็ แทง่ และจะจาลองตวั เอง
ข้ึนมาอีก 1 แท่ง เรียกวา่ โครมาทดิ ทาให้แตล่ ะ
โครโมโซมประกอบดว้ ย โครมาทิด 2 โครมาทิด
ทเ่ี หมือนกนั โครมาทิดท้ังสองจะมีส่วนที่ตดิ กนั อยู่
เรยี กวา่ เซนโทรเมยี ร์ (centromere)
โครโมโซมในเซลลร์ ่างกายจะมรี ปู รา่ งลกั ษณะที่เหมอื นกนั เปน็ คู่ ๆ
แต่ละคเู่ รยี กวา่ ฮอมอโลกสั โครโมโซม (homologous chromosome)
สาหรบั ลกั ษณะรปู รา่ งของโครโมโซมจะแตกตา่ งกนั โดย
ขึน้ อย่กู บั ตาแหนง่ ของเซนโทรเมียร์ ซ่งึ ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ แกนหลกั
สาคัญสาหรบั การเคล่ือนไหวของโครโมโซมภายในเซลล์
ขณะทีโ่ ครโมโซมเคลอื่ นที่เขา้ สขู่ ัว้ เซลลใ์ นชว่ งระยะการแบ่งเซลล์
1. เมตาเซนตรกิ โครโมโซม (metacentric chromosome)
เปน็ โครโมโซมทีม่ ีเซนโทรเมียร์อยู่ตรงบรเิ วณกง่ึ กลางหรือเกือบ
กง่ึ กลางของแทง่ โครโมโซม ทาใหเ้ กดิ แขน 2 ขา้ งทม่ี ขี นาดความ
ยาวเทา่ ๆ กนั ในขณะทเี่ ซลลก์ าลังแบ่งตัว โครโมโซมแบบน้ี
จะปรากฏรูปรา่ งเหมอื นรูปตัววี (V)
2. ซบั เมตาเซนตรกิ โครโมโซม
(submetacentric chromosome)
เปน็ โครโมโซมที่มเี ซนโทรเมียร์อย่คู ่อนไปทางขา้ งใดขา้ งหนึง่ ของ
แทง่ โครโมโซม ทาให้เกดิ แขนข้างหน่ึงยาวกว่าแขนอกี ขา้ งหนงึ่
ในขณะท่ีเซลลก์ าลงั แบ่งตวั โครโมโซมแบบน้จี ะปรากฏรปู รา่ ง
เหมือนรปู ตวั เจ (J) หรือตัวแอล (L)
3. อะโครเซนตริก โครโมโซม (acrocentric chromosome)
เปน็ โครโมโซมที่มลี ักษณะเป็นแท่ง โดยมเี ซนโทรเมียร์อยใู่ กล้กบั
ปลายขา้ งใดข้างหน่ึง ทาให้เกดิ แขนข้างหนงึ่ ยาวมากแตแ่ ขนอกี
ขา้ งหนงึ่ ส้นั มากจงึ เห็นสว่ นเลก็ ๆ ย่ืนออกจากเซนโทรเมียร์ ในขณะ
ที่เซลล์กาลังแบ่งตวั โครโมโซมแบบน้ีจะปรากฏเหมือนแทง่ หรอื ตวั ไอ (i)
4. เทโลเซนตรกิ โครโมโซม (telocentric chromosome)
เปน็ โครโมโซมทม่ี ลี กั ษณะเปน็ แท่ง โดยมเี ซนโทรเมียร์อยู่ตอน
ปลายสุดจงึ ดูเหมอื นมีเพยี งแขนข้างเดียว ในขณะท่ีเซลลก์ าลังแบ่งตัว
โครโมโซมแบบน้ีจะปรากฏเหมอื นแทง่ หรือตวั ไอ (i)
โครโมโซมในเซลลร์ า่ งกายของคน มีจานวน 46 โครโมโซม
นามาจดั เปน็ คู่ ๆ โดยมี 22 คู่ ทเ่ี หมือนกนั ท้งั เพศชายและ
เพศหญิง โครโมโซมเหล่านี้เรียกว่า ออโตโซม (autosome)
หรือโครโมโซมรา่ งกาย
ส่วนอกี 1 คู่ ในเพศหญงิ และเพศชายจะต่างกัน
เรียกว่า โครโมโซมเพศ (sex chromosome)
เพศหญิงจะมโี ครโมโซมเพศแบบ XX X
เพศชายจะมีโครโมโซมเพศ แบบ XY
โดยโครโมโซม Y จะมขี นาดเล็กกว่าโครโมโซม
จานวนโครโมโซมของสิง่ มีชีวติ แตล่ ะชนิดปกตจิ ะมจี านวนคงทีแ่ ละ
เทา่ กันเสมอ และมจี านวนเป็นเลขคู่ ส่งิ มชี วี ติ ต่างชนิดกนั จะมี
จานวนโครโมโซมแตกตา่ งกนั จานวนโครโมโซมในเซลลร์ ่างกาย
และโครโมโซมในเซลล์สบื พนั ธุจ์ ะแตกต่างกันโดยโครโมโซมในเซลล์
สืบพันธุ์จะมเี พียงครง่ึ หนึ่งของโครโมโซมในเซลล์ร่างกาย
ชนิดของสงิ่ มีชวี ติ จานวนโครโมโซม
ในเซลลร์ า่ งกาย (แทง่ ) ในเซลล์สบื พนั ธ์ุ(แทง่ )
ถ่ัวลันเตา
มะเขอื เทศ 14 7
24 12
กล้วย 22 11
ข้าวโพด 20 10
26 13
กบ 84
แมลงหวี่ 78 39
สนุ ขั 40 20
44 22
หนู 60 30
กระต่าย 64 32
46 23
วัว
ม้า
คน