The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติศาสตร์และความเจริญในอารยธรรมจีน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nicha Klanarongklu, 2023-03-02 10:44:10

อารยธรรมจีน

ประวัติศาสตร์และความเจริญในอารยธรรมจีน

วิชวิาประวัติวัศติาสตร์


มีการเปลี่ยนแปลงตามลำ ดับดังนี้ 1. ระบบกษัตริย์ เชื่อว่าจักรพรรดิเป็น “โอรสแห่งสวรรค์” มีอำ นาจเด็ดขาด แต่ พระมหากษัตริย์ที่ไม่อาจปกครองให้เกิดความสงบสุข เที่ยงธรรม ก็อาจมีการยึด อำ นาจเปลี่ยนผู้ปกครองได้ 2. ระบบศักดินาเริ่มต้นใน “ ราชวงศ์โจว ” จักรพรรดิเป็นโอรสแห่งสวรรค์ แต่ ตอบแทนขุนนางด้วยการมอบที่ดินให้แต่ขุนนางต้องนำ ผลผลิตมาถวายกษัตริย์ และช่วยเหลือเมื่อเกิดสงคราม 3. สมัยจักรวรรดิเริ่มต้นใน “ ราชวงศ์ฉิน ” จิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงรวบรวมจีนเป็น จักรวรรดิมีอำ นาจเด็ดขาดควบคุมดูแลดินแดนโดยตรง แต่ปกครองด้วยการยึด หลักกฎหมาย 4. ระบบสาธารณรัฐชาติตะวันตกต้องการขยายอิทธิพลในจีน ทำ ให้เกิด ความ กดดันการเมืองภายในการเกิดสงครามฝิ่น ระหว่างจีนกับอังกฤษ จีนแพ้ต้องทำ “ สนธิสัญญานานกิง ” จีนต้องเปิดเมืองท่าให้ชาวต่างชาติเข้าอยู่อาศัยและ ทำ การค้า จีนต้องยอมยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษทำ การเช่า และยังเกิดปัญหา มากมาย ดร.ซุนยัตเซ็น ก่อการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์แมนจู จัดตั้ง ระบอบการ ปกครองแบบสาธารณรัฐ โดยให้ ยวน ซีไข ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ต่อมามีการ เปลี่ยนแปลงเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ โดย เหมา เจ๋อ ตุง ใช้นโยบาย “ ก้าว กระโดดไกล ” ผู้นำ คนต่อมาคือ เติ้ง เสี่ยว ผิง ใช้นโยบายพัฒนาประเทศ ที่เรียก ว่า “ นโยบายสี่ทันสมัย ” ซึ่งจีนได้เปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น ความเจริญด้านการปกครอง


พระพุทธศาสนาได้เข้ามาในประเทศจีนดังได้ปรากฏในหลักฐาน เมื่อประมาณ พุทธศักราช 608 ในสมัยของพระจักรพรรดิเม่งเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น พระได้จัดส่ง คณะทูต 18 คน ไปสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย คณะทูตชุดนี้ได้เดินทางกลับ ประเทศจีนพร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป คือ พระกาศยปมาตังคะและพระธรรมรักษ์ รวมทั้งคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาอีกส่วนหนึ่งด้วย เมื่อพระเถระ 2 รูป พร้อมด้วย คณะทูตมาถึงนครโลยาง พระเจ้าฮั่นเม่งเต้ ได้ทรงสั่งให้สร้างวัดเพื่อเป็นที่อยู่ของ พระทั้ง 2 รูป นั้นซึ่งมีชื่อว่า วัดแป๊ะเบ๊ยี่ แปลเป็นไทยว่า วัดม้าขาว เพื่อเป็น อนุสรณ์แก่ม้าตัวที่บรรทุกพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากับพระเถระทั้งสอง หลัง จากนั้นพระปาศยมาตังตะ กับพระธรรมรักษ์ได้แปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็น ภาษาจีนเล่มแรก พุทธศาสนาในปัจจุบัน ในปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาลัทธิมหายานขึ้นใหม่ ในประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังให้การสนับสนุนจัดตั้งพุทธ สมาคมแห่งประเทศจีน และสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนขึ้นใน กรุงปักกิ่งอีกด้วย เพื่อเป็นศูนย์กลางการติดต่อเผยแผ่พระพุทธศาสนากับประเทศ ต่างๆ ทั่วโลก ปัจจุบันนี้ชาวจีนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาคู่ไปกับลัทธิขงจื้อ และลัทธิเต๋า ซึ่งปัจจุบันมีผู้นับถือถึง 30% ความเจริญด้านศาสนาพุทธ


ความเจริญด้านแนวคิดปรัชญา ลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทาง เป็นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม เน้นความสัมพันธ์และการ ทำ หน้าที่ของผู้คนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกับราษฎร บิดากับบุตร พี่ชายกับ น้องชาย สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพื่อน เน้นความกตัญญู เคารพผู้อาวุโส ให้ความ สำ คัญกับครอบครัว เน้นความสำ คัญของการศึกษา ลัทธิเต๋า โดยเล่าจื๊อ ที่มีแนวทาง เน้นการดำ เนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีระเบียบ แบบแผนพิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ลัทธินี้มีอิทธิพลต่อศิลปิน กวี และจิตรกรจีน คำ สอนทั้งสองลัทธิเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คน ลัทธิโม่จื้อ มีชีวิตอยู่หลังขงจื้อเล็กน้อยแนวความคิดของโม่ซื้อเน้นในเรื่องความรัก ระหว่างเพื่อนมนุษย์เขาเชื่อว่าถ้ามนุษย์ชาติมีความรักซึ่งกันและกันไม่เอาเปรียบ กันมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันโลกก็จะมีความสุขปัญหาสังคมทั้งหลายจะหมดสิ้น ไป โม่จื้อไม่เห็นด้วยกับการแบ่งความสัมพันธ์ของบุคคลเป็นชั้น ๆ ลัทธิฟาเนีย (นิติธรรมนิยม) ลัทธินี้มีหลักการที่เน้นความสำ คัญของการใช้ระบบ กฎหมายในการปกครองมีมาตรการที่เข้มงวดเมื่อบุคคลกระทำ ความผิดต้องได้รับ การลงโทษอย่างหนักในสมัยราชวงศ์ฉินจักรพรรดิฉินสื่อหวงตี้ทรงน ำลัทธินี้ไปใช้ ในการปกครองของพระองค์และกำ จัดลัทธิอื่นที่มีแนวคิดขัดแย้งกับลัทธิฟาเฉียอ ย่างรุนแรงมีการจับกุมสังหารนักพรตและปัญญาชนรวมทั้งเผาเอกสารตำ ราในลัทธิ อื่น ๆ เป็นจำ นวนมาก


กำ แพงเมืองจีน สร้างในสมัยราชวงศ์จิ๋น เพื่อป้องกันการรุกรานของมองโกล ศาลาเหนียนเตี้ยน สร้างในปีค. ศ. 1420 งอยู่ทางด้านเหนือของบริเวณ เป็นสถานที่ สำ หรับจักรพรรดิประกอบพิธีกรรมบวงสรวง ต่อฟ้าดินเพื่อคลบันดาลให้การเพาะปลูก พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ พระราชวังฤดูร้อน สร้างในสมัยราชวงศ์เช็ง โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและจีนโบราณ พระราชวังจักรพรรดิหรือเรียกกันว่า“ นครต้องห้าม” พระราชวังนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1406 ในรัชสมัยหยงเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ห้องพระราชวังนี้ใช้เป็นที่ประทับ ของพระจักรพรรดิจีนมาแล้วทั้งหมด 24 พระองค์ด้วยกันอาคารทั้งหมดออกแบบ ก่อสร้างอย่างมีเอกภาพ และมีดุลยภาพ อย่างสมบูรณ์นับเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณ ที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ความเจริญด้านสถาปัตยกรรม


สามก๊ก สันนิษฐานว่าเขียนในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นเรื่องราวของความ แตกแยกในจีนตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮั่น ซ้องกั๋ง เป็นเรื่องประท้วงสังคม เรื่องราวความทุกข์ของผู้คนในมือชนชั้นผู้ ปกครอง สะท้อนความทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองของพวกมองโกล ไซอิ๋ว เป็นเรื่องราวการเดินทางไปนำ พระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายัง ประเทศจีน จินผิงเหมย หรือดอกบัวทอง แต่งขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็น นิยายเกี่ยวกับสังคมและชีวิตครอบครัว เป็นเรื่องของชีวิตที่ร่ำ รวย มีอำ นาจ ขึ้นมาด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่ด้วยการทำ ชั่วและผิดศีลธรรมในที่สุดต้องด้รับ กรรม หงโหลวเมิ่ง หรือ ความฝันในหอแดง เด่นที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เรื่อง ราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยากัน ผู้อ่านจะรู้สึกเศร้าสลดต่อ ชะตาชีวิตของพระเอกนางเอกเนื้อเรื่องสะท้อนให้ เห็นสังคมศักดินาของจีน ที่กำ ลังเสื่อมโทรมก่อนการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้าสู่ ยุคใหม่ บันทึกประวัติศาสตร์ ของ สื่อหม่าเฉียน ความเจริญด้านวรรณกรรม


ความเจริญด้านประติมากรรม ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ทำ จาก ดินสีแดง มีลวดลาย แดง ดำ และขาวเป็นลวดลายเรขาคณิต สมัยราชวงศ์ชาง มี การแกะสลักงาช้าง หินอ่อน และหยกตามความเชื่อและความนิยมของชาวจีน ที่ เชื่อว่า หยก ทำ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสุขสงบ ความรอบรู้ ความกล้าหาญ ภาชนะสำ ริดเป็นหม้อสามขา สมัยราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาเป็น เคลือบ 3 สีคือ เหลือง น้ำ เงิน เขียว ส่วนสีเขียวไข่กามีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ ซ้อง ส่วนพระพุทธรูปนิยมสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง ทั้งงานหล่อสำ ริดและแกะสลัก จากหิน ซึ่งมีสัดส่วนงดงาม เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียและจีนที่มี ลักษณะเป็นมนุษย์มากกว่าเทพเจ้า นอกจากนี้มีการปั้นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม สมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่องเคลือบได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าออก คือ เครื่องลาย ครามและลายสีแดง ถึงราชวงศ์ชิง เครื่องเคลือบจะนิยมสีสันสดใส เช่น เขียว แดง ชมพู เป็นต้น ความเจริญด้านจิตรกรรม มีวิวัฒนาการมาจากการเขียนตัวอักษรจีนจารึกบนกระดูกเสี่ยงทายเพราะตัว อักษรจีนมีลักษณะเหมือนรูปภาพ งานจิตรกรรมจีนรุ่งเรืองมากในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีการเขียนภาพและแกะสลักบนแผ่นหิน ที่นิยมมากคือ การเขียนภาพบนผ้าไหม ภาพวาดเป็นเรื่องเล่าในตำ ราขงจื๊อพระพุทธศาสนาและภาพธรรมชาติ สมัย ราชวงศ์ถัง มีการพัฒนาการใช้พู่กันสีและกระดาษภาพส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจาก พุทธศาสนาและลัทธิเต๋า สมัยราชวงศ์ซ้อง จิตรกรรมจัดว่าเด่นมาก ภาพวาดมัก เป็นภาพมนุษย์กับธรรมชาติ ทิวทัศน์ ดอกไม้


ความเจริญด้านวิทยาการ 1.กระดาษและการพิมพ์ ชาวจีนเป็นชาติแรกที่คิดค้นทำ กระดาษขึ้นมาใช้เขียนตัวอักษร คือ ประมาณ ค.ศ.105 ไช่หลุน ขุนนางจีน เป็นผู้นำ เปลือกไม้ เศษปอหรือป่าน ผ้าเก่า และแห มาทำ กระดาษ ทำ ให้กระดูก กระดองเต่า แผ่นโลหะ ไม้ไผ่ และผ้าไหมไม่เป็นที่ นิยมอีกต่อไป ต่อมามีการคิดค้นหมึกขึ้น โดยใช้เขม่าต้นรักหรือไม้สนปั้นเป็นเม็ดหรือแท่ง ฝน กับน้ำ ใช้พู่กันจุ่มหมึกเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษซึ่งสามารถบรรจุตัวอักษรได้ เป็นจำ นวนมาก น้ำ หนักเบา จัดเก็บและพกพาได้สะดวก ทำ ให้การบันทึกหรือ เขียนตำ รับตำ ราลงบนแผ่นกระดาษแล้วรวมเป็นเล่มเริ่มแพร่หลาย ในระยะต่อมา จีนได้เริ่มพัฒนาการพิมพ์ด้วยการเอาน้ำ หมึกทาลงบนแผ่นไม้ที่แกะสลัก สมัยราชวงศ์ซ่ง การพิมพ์ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการแกะตัวอักษรลงบนดิน เหนียว ต่อมาเปลี่ยนจากดินเหนียวเป็นไม้แท่ง และในสมัยราชวงศ์หมิงใช้วิธีแกะ ตัวอักษรลงบนแท่งทองแดง การใช้ตัวพิมพ์เรียงพิมพ์ทำ ให้การพิมพ์ของจีนก้าวหน้ายิ่งขึ้น หนังสือต่างๆ เช่น พระสูตร ในพระพุทธศาสนา คัมภีร์ในลัทธิขงจื๊อ ตำ รา วรรณกรรม เอกสารทาง ราชการ ล้วนได้รับการจัดพิมพ์ด้วยวิธีเรียงพิมพ์ทั้งสิ้น และในสมัยราชวงศ์ซ่งได้มี การจัดตั้งโรงพิมพ์ตามหัวเมืองต่างๆหลายเมือง จนถึงสมัยราชวงศ์หมิงและสมัย ราชวงศ์ชิงมักนิยมพิมพ์หนังสือเป็นชุดใหญ่ ชุดหนึ่งมีจำ นวนหนึ่งหมื่นเล่ม ทำ ให้ ความรู้ต่างๆแพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง จีนได้เริ่มการพิมพ์หนังสือก่อนชาว ยุโรป800ปี และรู้จักใช้ตัวพิมพ์เรียงพิมพ์เป็นหนังสือเล่มก่อนยุโรปถึง400ปี


2.การแพทย์ ในราชวงศ์ฮั่นนั้นถือว่าได้มีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ยาวนาน ที่สุด และมีประสบการณ์ และ ทฤษฎีมากที่สุด การแพทย์โบราณของจีนนั้นถือ กำ เนิดมาจากบริเวณลุ่มแม่น้ำ เหลืองของจีน ได้กำ หนดแพทย์ชื่อดังจำ นวนมาก และตำ ราแพทยศาสตร์ที่สำ คัญมากมาย ได้มีการบันทึกการรักษาพยาบาล และ โรคมากมายลงบนกระดูก กระดองเต่า จนมาถึงราชวงศ์โจว เริ่มมีการ ตรวววจ วินิจฉัย 4 อย่าง คือ มอง ฟัง ถาม และ แมะ ตลอดจน วินิจฉัยโรคต่างๆ และมี การจ่ายยา และการฝังเข็ม เป็นต้น ในสมัยราชวงศ์ฉินและฮั่น นั้นได้มีบทประพันธ์ที่มีระบบชื่อว่า ” หวาง ตี้ เน่ย จิง” ถือเป็นตำ ราทางการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุด เมื่อถึงราชวงศ์ฮั่น แพทย์ศัลยกรรม เริ่มมีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว และได้เริ่มมีการใช้ยา “ หมา เฟ่ย ส่าน ”เพื่อใช้เป็น ยาสลบ เพื่อลดความเจ็บปวดในการผ่าตัด และ ในราชวงศ์ซ่งนั้น การฝังเข็มได้มี การปฎิรูป ครั้งสำ คัญตั้งแต่ ราชวงศ์หมิงเป็นต้นมาแพทย์ศาสตร์ ของตะวันตกได้ เข้าไปยังประเทศจีน นับเป็นจุดเริ่มต้น ของการนำ แพทย์ศาสตร์ตะวันตก กับจีน เข้าด้วยกัน 3.การฝังเข็ม การฝังเข็มเป็นส่วนสำ คัญในการรักษาของแพทย์แผนจีนโบราณ ซึ่งเริ่มแรก เป็นเพียงการรักษาขั้นพื้นฐาน ต่อมาได้พัฒนาเป็นสาขาวิชาการฝังเข็มนั้นมีประวัติ ยาวนาน หนังสือโบราณได้เคยเอ่ยถึงเข็มที่ทำ มากจากหิน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ใน การรักษา เรียกว่า “เข็มหิน” ซึ่งเกิดในสมัยยุคหินใหม่ ซึ่งห่างจากยุคปัจจุบัน 8,000-4,000ปี ซึ่งอยู่ในระบบชาติกุลคอมมูน และเมื่อมีเทคโนโลยีในการหลอม เข้ามา ก็ได้มีการหลอมเข็มเพื่อใช้ในประโยชน์ต่างๆมากมาย


ในสมัย ค.ศ.256-589 นั้นได้มีตำ ราเกี่ยวกับการฝังเข็มมากมายอย่างเห็นได้ชัด จน สมัยนี้การฝังเข็มได้แพร่ไปยัง เกาหลี และ ญี่ปุ่นแล้ว ใน ศตวรรษที่ 16 การฝังเข็มได้เผยแพร่ไปถึงยุโรป นับตั้งแต่ สาธารณรัฐ ประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้นใน ค.ศ.1949 เป็นต้นมาการฝังเข็มนั้นพัฒนาไปอย่าง มาก ได้มีการจัดแผนกเข็มในโรงพยาบาล และให้ความสำ คัณกับภูมิปัญญานี้อย่าง มากมาย จึงทำ ให้ภูมิปัญญานี้ไม่อาจถูกลบเลือนได้ มิหนำ ซ้ำ ยังได้ถูกเผยแพร่ไป ทั่วโลกอีกด้วย 4.ดาราศาสตร์และปฏิทิน ประเทศจีนนับเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการคำ นวณหาระยะพิกัดดวงดาว จากเส้นศูนย์สูตร เนื่องจากแนวคิดทางดาราศาสตร์ของจีนนับแต่โบราณกาล มีพื้น ฐานมาจากการศึกษาการเคลื่อนตำ แหน่งของดวงดาว อาทิตย์และจันทร์ ในขณะที่ ประเทศทางแถบตะวันตกในสมัยโบราณจะใช้ระบบวงโคจรของจักรราศีของ 12 ราศี ซึ่งจากการศึกษาทางดาราศาสตร์ในปัจจุบันพิสูจน์ว่า ระบบทั้งสองมีความ แตกต่างกัน โดยระบบแรกให้ผลดีกว่าระบบหลัง ปัจจุบันวงการดาราศาสตร์หันมา ใช้ระบบการหาพิกัดจากเส้นศูนย์สูตร คนจีนสมัยก่อน มีการบันทึกเรื่องราวบนฟ้ามากมาย เช่น การเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา มนุษย์นอกโลก แผนที่ดาว หรือแม้กระทั่งมีการบันทึกดาวหางแบบ ต่างๆ 5.แผนที่ ชาวจีนมีความรู้ในการทำ แผนที่ สามารถหาพิกัดและกำ หนดอัตราส่วนแผนที่ ส่วนใหญ่เพื่อใช้ทางการทหาร ในสมัยหลังนำ มาใช้ประโยชน์ในการเดินเรือ


6.คณิตศาสตร์และการคำ นวณ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจีน ได้มีการขุดพบ อักษรจารึกบนกระดูก สัตว์ในสมัยชาง และได้มีการจารึกตัวเลข 1-10 จนถึง ร้อย พัน หมื่น สูงสุดกว่า 20,000 หลังจากนั้นมาวิธีการนับตัวเลขก็มีความก้าวหน้าตามลำ ดับ โดยการใช้ เบี้ย เข็มทิศ การประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีคุณค่าที่สุดและเก่าแก่ที่สุดสิ่งหนึ่ง ของ จีน คือ เข็มแม่เหล็ก สมัยแรกคนจีนใช้เข็มแม่เหล็กไปติดไว้บนรถ สร้างรถชี้ ทิศ เพื่อใช้ในการสงครามหรือใช้เป็นเครื่องมือหาทิศทางเวลาอยู่ในป่าลึกหรือ ภูเขา จากหลักฐานที่บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ชาวจีนรู้จักใช้เข็มทิศหน้าปัด กลมเพื่อเดินเรือเมื่อศตวรรษที่ 12 นั่นคือในขณะนั้น จูยี่ เป็นชาวมณฑล เจ้อเจียง ได้เขียนบันทึกชื่อผิงโจวเข่อถาน บันทึกไว้ว่า ในคืนแรม ทหารเรือได้ใช้เข็มทิศหน้า ปัดกลมจำ แนกทิศทาง และ ลูกคิดในการคำ นวณ ต่อมา เจิ้งเหอ ได้เริ่มเดินทางตั้ง แต่ปีค.ศ. 1405 เดินทางไปถึงอาหรับและแอฟริกาตะวันออก ไปกลับเจ็ดครั้ง รวม เวลาได้ 28 ปี เราจะเห็นได้ว่าหากไม่มีเข็มทิศแล้ว การเดินทางในมหาสมุทรระยะ ไกลเช่นนี้ย่อมไม่สำ เร็จแน่ ชาวอิตาเลียนใช้เข็มทิศในศตวรรษที่ 14 จีน จึงใช้เข็ม ทิศเร็วกว่าอิตาลีอย่างน้อยสองศตวรรษ และหากอ้างอิงถึง ทรรศนะของนัก ประวัติศาสตร์ ชาวตะวันตกได้นำ เข็มทิศหน้าปัดกลมไปจากจีนนั่นเอง 7.ดินปืน เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของจีนอีกเช่นกัน หลักฐานของจีนมีอยู่ว่า การประดิษฐ์ดินปืนนั้นสืบเนื่องมาจาก ในป่าลึกทางตะวันตกของจีนมีผีป่าน่ากลัว ชื่อซันเซา ผู้ใดพบก็จะมีอาการจับไข้ หากนำ ไม้ใผ่มาตัดเป็นข้อปล้องโยนเข้าไปใน กองไฟ จะเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ซันเซาก็จะตกใจหนีไป คืนส่งท้ายปีเก่าของจีน จึงนิยมจุดประทัดเพื่อขับไล่ผีซันเซานี่เอง ภายหลังมีการนำ เอาดินประสิวและ กำ มะถันมาห่อรวมกันในกระดาษทำ ให้เป็นประทัดนั่นคือการเริ่มต้นใช้ดินปืน


ส่วนประกอบสำ คัญของดินปืน คือ ดินประสิว กำ มะถัน และผงถ่าน สมัยซ้อง มีการนำ ดินปืนมาประดิษฐ์อาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะสมัยซ้องใต้มี การนำ มาใช้มากขึ้นไปอีก เกี่ยวกับการประดิษฐ์ดินปืน และทำ กระดาษนี้ มีตำ รา เล่มหนึ่งบันทึกเรื่องเหล่านี้เอาไว้ เช่น ปลายสมัยราชวงศ์หมิง ซ่งอิ้งซิง ได้เขียน ตำ รา เทียนกงไคอู้ บรรยายการวิเคราะห์อุตสาหกรรมเคมีสมัยจีนโบราณทั้งมีภาพ ประกอบ นับว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก 8.ความรู้ทางวิศวกรรมโลหะ สมัยราชวงศ์ชางเมื่อ3,000 ปีมาแล้ว ประชาชนจีนได้รู้จักการถลุงสำ ริด และ ยังรู้จักใช้เหล็ก ในสมัยชุนชิว ได้ปรากฎเทคนิคการถลุงเหล็กกล้า ควบคู่ไปกับ การเกษตรกรรม จึงทำ ให้เกิดชลประทานตูเจียงแย่น ที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน สมัยราชวงศ์ช้องได้มีการพัฒนาด้านถ่านหิน และ การหลอมเหล็กกล้ามาก จีน ได้สร้างอาวุธมากมายก๋งชูจื่อ เป็นวิศวกรที่ใครๆ ในสมัยนั้นรู้จักกันดี ซึ่งได้สร้างสิ่ง ประดิษฐ์ที่น่าสนใจคือ “ นกพยนต์ “ ซึ่งประดิษฐ์มาจากไม่ไผ่ซึ่งสามารถบินได้ สามวันสามคืนไม่ตกพื้นเลย เพราะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์โดยการใช้วงเวียน และไม้ฉาก ซึ่งบ่งบอกมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ของจีนได้เป็นอย่างดี 9.การต่อเรือ กำ เนิด และวิวัฒนาการของเรือสำ เภาจีนไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเรือนี้มีอายุ เท่าใด และรูปร่างลักษณะของ เรือที่แตกต่างกันนั้นได้เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใด การ ศึกษาสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นในทางประวัติศาสตร์ มิได้ช่วยให้พบหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับ “เรือสำ เภา” แบบดั้งเดิมเลย


ปีเอตรี ได้อ้างถึงตำ ราของชาวจีนที่เก่าแก่เล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนขึ้นในคริสต์ ศตวรรษที่ 1 กล่าวว่าวิธีการต่อ “เรือสำ เภา” นั้น มีมาแต่สมัยโบราณในอ่าวเปอร์ เชีย และชาวเปอร์เชียหรือชาวอินเดียเป็นผู้ใช้เรือนี้เป็นครั้งแรกเพื่อเดินเรือ ไปยัง ทะเลจีนทั้งนี้ก็เป็นการยากที่จะเชื่อได้ว่าชาวเปอร์เชียหรือชาว อินเดียก็ดีที่ได้ต่อ เรือใบนี้ขึ้นแล้วจะเลิกแบบอย่างที่ดีนี้เสียโดยไม่ ทิ้งหลักฐานในทางโบราณคดีไว้ ปี พ.ศ.1841 มาร์โคโปโล ได้บรรยายถึงเรือใหญ่ลำ ที่เขาโดยสารไปยังตะวัน ออกในการเดินทางตอนหนึ่งว่า เป็น เรือใบ 4 เสา มีห้องที่กั้นน้ำ ด้วยฝาผนัง 13 ห้อง ห้องพักส่วนตัวสำ หรับพ่อค้าที่มั่งคั่ง 60 ห้อง และเป็นเรือที่มีหางเสือ อยู่ตรง ทวนท้ายเรือ นับว่าเป็นการแนะให้โลกตะวันตกได้รู้จักเรือสำ เภาจีน นักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมได้รายงานว่าในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ได้มีผู้พบเรือ ของจีนอยู่ในแม่น้ำ ยูเฟรติส สิ่งที่แสดงถึง “เรือสำ เภา” ที่เก่าแก่ที่สุดก็คือภาพแกะ สลักภายในโบสถ์แห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชาซึ่งประมาณว่าราว พ.ศ.1693 การ สร้างเรือสำ เภาจีนโดยใช้ผนังกั้นเป็นห้องหลายๆห้อง และกันน้ำ ได้นี้นับว่ามีความ สำ คัญมาก และเป็นเวลา ก่อนที่ชาวยุโรปจะรู้จักและนำ เอามาใช้ต่อเรือเหล็ก ใน ศตวรรษที่ 19 หลายพันปี ชาวจีนเป็นผู้ประดิษฐ์ใบแขวนชนิดห้อยและมีพรวนใบ แต่เรือชนิดอื่นไม่เคย นำ ไปใช้กันเลยนอกจากชาวยุโรปและชาวอเมริกันที่ได้นำ มา ใช้กับเรือยอชท์และ เรือใบแข่งขันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง


การปรากฏของอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทาง ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อประมาณ 5,000 ปี มาแล้ว โดยอยู่ในรูปของอักษร ภาพที่แกะสลักเป็นวงกลม พระจันทร์เสี้ยว และ ภูเขาห้ายอด บนเครื่องปั้นดินเผา จวบจนเมื่อ 3,000 ปี ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น อักษรที่จารึกบนกระดูกสัตว์นั่นเอง ซึ่งเป็นยุคต้นศิลปะการเขียนของจีน อักษรจารึกบนกระดูกสัตว์เจี๋ยกู่เหวิน เป็นอักษรโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ตั้งแต่มีการค้นพบมา โดยอยู่ในรูปแบบ ของ การทำ นาย ที่ใช้มีดแกะสลักลงบนกระดูกของเต่า อักษรโลหะ หรือ จินเหวิน เป็น อักษรที่เกิดในราชวงศ์ชาง-ราชวงศ์โจว มีลักษณะพิเศษคือ ลายเส้นจะมีความ หนาและชัดเจนมากเพราะได้จากากรหลอมของโลหะ ไม่ใช่การแกะสลัก อักษรจ้วนเล็ก จากสมัยชุนชินจั้นกว๋อจนถึงราชวงศ์ฉินอักษรจีนได้คงรูปแบบเดิมไว้อยู่จาก ราชวงศ์โจวตะวันตก ภายหลังหลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินจีนเข้าด้วยกัน ในปี ค.ศ.221 แล้วก็ได้เกิดการปฎิรูปตัวอักษรจีนครั้งใหญ่ อักษรที่ผ่านการปฎิรูป นี้ ได้ใช้กันทั่วประเทศจีนเป็นครั้งแรกเรียกว่า อักษร จ้วนเล็ก ความเจริญด้านอักษร


อักษรลี่ซู ขณะที่ราชวงศ์ฉินมีการประกาศใช้อักษร จ้วนเล็กแล้ว ก็ได้มีการให้ใช้อักษรลี่ซู ควบคู่กันไป โดยอักษรลี่ซู พัฒนามาจาก อักษรจ้วนเล็กอย่างง่าย อักษรลี่ซูทำ ให้ อักษรจีน ก้าวเข้าสู่อักษรสัญลักษณ์ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่อักษรภาพเหมือน ยุคแรก อักษรข่ายซู เป็นอักษรที่ใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน เป็นเส้นลักษณะที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบ สี่เหลี่ยม หลุดพ้นจากอักษรภาพ ยุคโบราณอย่างสิ้นเชิง อักษรเฉ่าซู เกิดจากการที่นำ ลายเส้นที่มีอยู่แต่เดิม มาย่อเหลือเพีงขีดเดียว โดยฉีกรูปแบบที่ จำ เจของอักษรภายใต้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีแต่เดิมออกไป อักษรสิงซู มีรูปแบบระหว่าง ข่ายซู กับ เฉ่าซู ผสมกัน หรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอักษรที่เขียน ตวัด อย่างบรรจง กำ หนดขึ้นใน ปลายราชวงศ์ฮั่น ทางตะวันออก


แหล่งอ้างอิง Wikibooks. (2566).อารยธรรมตะวันออก/อารยธรรมจีน. สืบค้นเมื่อวัน ที่1 กุมภาพันธ์ 2566,จากhttps://th.m.wikibooks.org/wiki/ History m2t2. (2566).แหล่งอารยธรรมจีน. สืบค้นเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://historym2t2v.blogspot.com/2019/01/blogpost_16.html?m=1 Crem42pp. (2566).พัฒนาการอารยธรรมจีน ด้านการปกครอง. สืบค้น เมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566, จากhttps://crem42pp.wordpress.com/category/ วิกิพีเดีย. (2566).ประวัติศาสตร์จีน. สืบค้นเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566, digital school.club. (2566).อารยธรรมจีน. สืบค้นเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566,จากhttp://www.digitalschool.club/digitalschool/social2_1 _1/m6_1/content/lesson3/3_21.php? Meta. (2566).ประวัติศาสตร์จีน. สืบค้นเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566, มหาวิทยาลัยสยาม. (2566).อารยธรรมจีน. สืบค้นเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2566,จากhttps://gened.siam.edu/wpcontent/uploads/2018/07/civil-handout-100- 107_04_2553_1.pdf? จากhttps://th.m.wikipedia.org/wiki/ จากhttps://l3ankdatasocial.wordpress.com/?


Click to View FlipBook Version