The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานวิจัยโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสง โดยประชาชนมีส่วนร่วมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช


ดร.สุรศักดิ์ ชูทอง
อาจารย์ประจำสาขาวิชาพืชสวนประดับและภูมิทัศน์ คณะเกษตรศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suchantina, 2021-12-24 04:07:05

งานวิจัยโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสง

งานวิจัยโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสง โดยประชาชนมีส่วนร่วมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช


ดร.สุรศักดิ์ ชูทอง
อาจารย์ประจำสาขาวิชาพืชสวนประดับและภูมิทัศน์ คณะเกษตรศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย

1



คำนำ

โครงการสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วนร่วม ในเขต
เทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสารวจ วิเคราะห์ปัจจัยทางด้าน
กายภาพสภาพแวดล้อม และศักยภาพของพื้นที่สีเขียว ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสงเพื่อออกแบบ
ปรับปรุงภูมิทัศน์ เพ่ือสอบถามความต้องการของประชาชนในท้องถ่ิน นักท่องเท่ียว โดยการจัด
ประชุมกลมุ่ สร้างเวทีการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน สถาบนั การศกึ ษา หนว่ ยงานราชการตา่ งๆ ใน
ประเด็นการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด
นครศรีธรรมราช และกาหนดแนวความคิดในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมใน
เขตเทศบาลเมอื งทงุ่ สง จงั หวดั นครศรธี รรมราช

ผู้สารวจได้ศึกษาลักษณะท่ัวไป วิเคราะห์ปัจจัยทางด้านกายภาพ สภาพแวดล้อม และ
ศักยภาพของพ้ืนที่สีเขียว ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสงเพื่อออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ ประกอบไปด้วย
พื้นท่ีดังนี้ 1) พ้ืนที่บริเวณถนนเส้นทางด้านฝั่งถนนทุ่งสง – สุราษฎร์ธานี 2) พ้ืนที่บริเวณถนนเส้นทาง
ด้านฝั่งถนนทุ่งสง – ห้วยยอด 3) พื้นท่ีบริเวณถนนเส้นทางด้านฝั่งถนนทุ่งสง – นครศรีธรรมราช 4)
พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5 5) พื้นท่ีบริเวณสวนสาธารณะถ้าตลอด 6) พื้นท่ี
บริเวณสวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง 7) พื้นที่บริเวณโรงเรียนเทศบาลวัดชัยชุมพล 8) พื้นท่ี
บริเวณโรงเรยี นรีสอรท์ อนุบาลทุง่ สง 9) พื้นทีบ่ ริเวณโรงเรียนกฬี าเทศบาลเมืองทงุ่ สง 10) พื้นทบี่ ริเวณ
สนามหน้าท่ีว่าการอาเภอทุ่งสง 11) พื้นท่ีบริเวณหอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง และ12) พ้ืนท่ี
บริเวณสานกั งานเทศบาลเมอื งทงุ่ สง



สำรบญั

คานา หน้ำ
สารบัญ ก
สารบัญตาราง ข
สารบญั ภาพ ค
บทท่ี 1 บทนา ง

- หลักการและเหตผุ ลการศกึ ษา 1
-วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา 2
-ขอบเขตของการศกึ ษา 2
-แผนการดาเนนิ งาน 4
-ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั 4
บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม
-แนวคิดทฤษฎีที่เกยี่ วข้อง 6
-งานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง 15
-กรอบแนวคิดของการศึกษา 17
บทท่ี 3 วธิ ีการศกึ ษา
-พนื้ ที่ศึกษาขอ้ มลู 18
-การวเิ คราะหข์ ้อมูล 21
-เสนอแนวความคดิ ในการออกแบบปรับปรุงภูมิทศั น์ 21
-ถา่ ยทอดองค์ความรูเ้ ทคโนโลยกี ารออกแบบปรับปรงุ ภมู ิทัศน์ 21
บทท่ี 4 ผลการศึกษา
-ผลการศึกษาปัจจัยทางดา้ นกายภาพ สภาพแวดล้อม และศักยภาพของพน้ื ท่ีสี 22
เขียว ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง
-ผลการศกึ ษาความคดิ เหน็ และความต้องการของประชาชน ในออกแบบและ 76
ปรบั ปรุงภมู ิทัศน์และสภาพแวดล้อมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จงั หวัด
นครศรีธรรมราช 78
-ผลการศึกษาการออกแบบปรบั ปรุงภูมิทศั น์ และสภาพแวดลอ้ มในเขตเทศบาล
เมืองทุ่งสง จังหวดั นครศรีธรรมราช 113
บทท่ี 5 สรปุ ผลและอภิปรายผล 117
-สรปุ ผลการศกึ ษา 118
-การอภิปรายผล 119
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก



สำรบัญตำรำง

หน้ำ

ตารางที่ 1 การสารวจพรรณไมใ้ นเขตเทศบาลเมืองทงุ่ สง 32

ตารางที่ 2 แสดงข้อมลู ทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 122

ตารางที่ 3 แสดงระดับความต้องการเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวที่มีศักยภาพในการออกแบบ 124

ปรบั ปรงุ ภูมทิ ศั น์ และสภาพแวดล้อม

ตารางที4่ ประมาณราคาเบื้องตน้ พื้นทบ่ี ริเวณถนนเสน้ ทางด้านฝงั่ ถนนทุ่งสง – 129

สุราษฎร์ธานี

ตารางท่ี 5 ประมาณราคาเบอ้ื งต้นพื้นที่บริเวณถนนเส้นทางดา้ นฝั่งถนนท่งุ สง - หว้ ยยอด 130

ตารางที่ 6 ประมาณราคาเบื้องตน้ พน้ื ทบี่ ริเวณถนนเส้นทางดา้ นฝงั่ ถนนทุง่ สง - 131

นครศรธี รรมราช

ตารางท่ี 7 ประมาณราคาเบอ้ื งต้นพนื้ ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลมิ พระเกียรติ ร.5 132

ตารางท่ี 8 ประมาณราคาเบอ้ื งต้นพน้ื ที่บรเิ วณบริเวณสวนสาธารณะถา้ ตลอด 133

ตารางที่ 9 ประมาณราคาเบอื้ งตน้ พน้ื ทบ่ี ริเวณสวนสาธารณะสถานรี ถไฟชุมทางทุ่งสง 134

ตารางท่ี 10 ประมาณราคาเบอ้ื งตน้ พ้ืนที่บรเิ วณโรงเรยี นเทศบาลวดั ชัยชุมพล 135

ตารางที่ 11 ประมาณราคาเบื้องตน้ พื้นทบ่ี ริเวณโรงเรยี นรสี อร์ทอนุบาลทุ่งสง 136

ตารางที่ 12 ประมาณราคาเบือ้ งตน้ พน้ื ที่บริเวณถนนโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง 137

ตารางที่ 13 ประมาณราคาเบ้อื งตน้ พ้นื ที่บรเิ วณบริเวณสนามหนา้ ทีว่ ่าการอาเภอทุ่งสง 138

ตารางท่ี 14 ประมาณราคาเบ้ืองต้นพื้นที่บริเวณบริเวณหอสมุดประชาชนเทศบาลเมือง 139

ทุง่ สง

ตารางท่ี 15 ประมาณราคาเบือ้ งต้นพน้ื ท่ีบริเวณสานกั งานเทศบาลเมืองทงุ่ สง 140



สำรบัญภำพ

หนำ้

ภาพที่ 2.1 แสดงทต่ี ง้ั เทศบาลเมืองทุ่งสง 14
18
ภาพที่ 3.1 แสดงขอบเขตพื้นทศี่ ึกษาขอ้ มูล 33
38
ภาพที่ 4.1 แสดงขอบเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง และองค์ประกอบท่ีสาคัญของเมอื ง 38

ภาพท่ี 4.2 แสดงลักษณะพื้นท่ีเดิมบรเิ วณถนนสายทงุ่ สง – สุราษฎรธ์ านี 39
ภาพท่ี 4.3 39
ภาพท่ี 4.4 แสดงมมุ มองที่ 1 บริเวณเกาะกลางถนน เยื้องธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์ 41
ภาพท่ี 4.5 การเกษตร 42
แสดงมุมมองที่ 2 บริเวณส่ีแยกตลาดเกษตรทางดา้ นพื้นท่ที างเข้าเขตเทศบาล 42
เมืองท่งุ สง รอยต่อตดิ กับเทศบาลตาบลชะมาย 43
44
แสดงมมุ มองที่ 3 บริเวณสแี่ ยกชัยชุมพลถงึ สามแยกตรงั 45
45
ภาพที่ 4.6 แสดงลกั ษณะพืน้ ที่เดิมบรเิ วณถนนสายทุ่งสง – ห้วยยอด 46
47
ภาพที่ 4.7 แสดงมมุ มองที่ 1 บริเวณดา้ นหนา้ ห้างสหไทยพลาซ่า ทุง่ สง ฝ่งั ทางไปจงั หวัดตรัง 48
ภาพที่ 4.8 48
ภาพท่ี 4.9 แสดงมมุ มองที่ 2 บรเิ วณดา้ นหน้าหา้ งสหไทยพลาซ่า ทุง่ สง ฝั่งทางเขา้ เทศบาล 49
เมอื งทุ่งสง

แสดงมุมมองที่ 3 บรเิ วณศนู ย์กฟิ ฟารนี ทงุ่ สง

ภาพที่ 4.10 แสดงลักษณะพน้ื ที่เดิมบรเิ วณถนนสายทุ่งสง – นครศรธี รรมราช

ภาพที่ 4.11 แสดงมุมมองที่ 1 บรเิ วณตรงข้ามบ้านพักรถไฟนาเหนือ

ภาพที่ 4.12 แสดงมมุ มองที่ 2 บรเิ วณส่แี ยกยทุ ธศาสตร์

ภาพท่ี 4.13 แสดงมมุ มองท่ี 3 บรเิ วณก่อนถงึ แยกไฟแดงบ้านนาเหนอื

ภาพที่ 4.14 แสดงลักษณะพ้นื ทเ่ี ดิมบริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5

ภาพท่ี 4.15 แสดงมุมมองที่ 1 บรเิ วณดา้ นหน้าสวนสาธารณะเฉลิมพระเกยี รติ 6 รอบ (ร.5)

ภาพที่ 4.16 แสดงมุมมองที่ 2 บรเิ วณอนสุ าวรยี ์รัชกาลที่ 5 ภายในสวนสาธารณะเฉลิมพระ
เกียรติ 6 รอบ (ร.5)

ภาพท่ี 4.17 แสดงมมุ มองท่ี 3 บรเิ วณลานจอดรถสวนสาธารณะเฉลิมพระเกยี รติ 6 รอบ (ร.5)



สำรบญั ภำพ (ตอ่ )

หนำ้

ภาพที่ 4.18 แสดงลักษณะพืน้ ที่เดิมบริเวณสวนสาธารณะถ้าตลอด 50
51
ภาพที่ 4.19 แสดงมมุ มองที่ 1 บริเวณป้ายสวนสาธารณะถ้าตลอด 51
52
ภาพที่ 4.20 แสดงมมุ มองท่ี 2 บรเิ วณดา้ นหน้าถา้ ตลอด 53

ภาพท่ี 4.21 แสดงมุมมองที่ 3 บริเวณสนามเด็กเล่นสวนสาธารณะถ้าตลอด 54
55
ภาพท่ี 4.22 แสดงลกั ษณะพื้นทีเ่ ดิมสวนสาธารณะสถานีรถไฟชมุ ทางทงุ่ สง บรเิ วณหนา้ สถานี 55
รถไฟ 56
56
ภาพที่ 4.23 แสดงลักษณะพื้นทเ่ี ดิมสวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง บรเิ วณชุมชน 57
บ้านพกั รถไฟ 57
58
ภาพที่ 4.24 แสดงมมุ มองที่ 1 บรเิ วณท่วี า่ งรมิ สถานีตารวจรถไฟ 59
59
ภาพที่ 4.25 แสดงมุมมองที่ 2 บรเิ วณควิ มอเตอร์ไซด์ด้านหน้าสถานีรถไฟ 60
61
ภาพที่ 4.26 แสดงมมุ มองท่ี 3 บริเวณทีว่ ่างดา้ นหนา้ สถานีรถไฟ 62

ภาพท่ี 4.27 แสดงมุมมองที่ 4 บรเิ วณหอสมุดรม่ รางด้านหน้าสถานีรถไฟ

ภาพท่ี 4.28 แสดงมุมมองที่ 5 บริเวณหอสมดุ ร่มรางด้านหน้าสถานีรถไฟ

ภาพที่ 4.29 แสดงมมุ มองท่ี 6 บรเิ วณเครื่องออกกาลงั กายสวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทุ่ง
สง

ภาพที่ 4.30 แสดงลักษณะพน้ื ที่เดิมบรเิ วณโรงเรยี นเทศบาลวัดชัยชมุ พล

ภาพท่ี 4.31 แสดงมุมมองท่ี 1 บริเวณด้านหน้าโรงเรยี นเทศบาลวัดชัยชุมพล

ภาพที่ 4.32 แสดงมุมมองท่ี 2 บรเิ วณภายในโรงเรยี นเทศบาลวดั ชยั ชมุ พล

ภาพท่ี 4.33 แสดงมุมมองที่ 3 บริเวณศนู ย์เรียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงภายในโรงเรยี นเทศบาลวัด
ชัยชมุ พล

ภาพที่ 4.34 แสดงลักษณะพืน้ ที่เดิมบริเวณโรงเรยี นรสี อร์ทอนบุ าลทุ่งสง

ภาพท่ี 4.35 แสดงมมุ มองที่ 1 บรเิ วณดา้ นหน้าโรงเรียนรีสอร์ทอนุบาลทุ่งสง



สำรบญั ภำพ (ตอ่ )

หนำ้

ภาพที่ 4.36 แสดงมุมมองที่ 2 บริเวณสนามหญา้ ภายในโรงเรยี นรีสอรท์ อนุบาลทุ่งสง 62

ภาพที่ 4.37 แสดงมมุ มองที่ 3 บริเวณสนามเดก็ เล่นภายในโรงเรยี นรีสอรท์ อนบุ าลทุ่งสง 64

ภาพท่ี 4.38 แสดงลักษณะพื้นทเ่ี ดิมบริเวณโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง 65

ภาพท่ี 4.39 แสดงมมุ มองที่ 1 บรเิ วณสวนหยอ่ มภายในโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง 66

ภาพที่ 4.40 แสดงมมุ มองที่ 2 บริเวณดา้ นหน้าห้องน้าภายในโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง 66

ภาพที่ 4.41 แสดง มมุ มองที่ 3 บริเวณองค์พระประจาโรงเรียนกีฬาเทศบาลเมอื งทุ่งสง 67

ภาพท่ี 4.42 แสดงลกั ษณะพนื้ ท่ีเดิมบริเวณสนามหน้าทวี่ ่าการอาเภอทุ่งสง 68

ภาพท่ี 4.43 แสดงมุมมองท่ี 1 บริเวณหน้าห้องออกกาลังกายภายในสนามหนา้ ที่ว่าการอาเภอ 69
ทุง่ สง

ภาพท่ี 4.44 แสดงมุมมองที่ 2 บรเิ วณสนามหน้าท่ีว่าการอาเภอทุ่งสง 69

ภาพที่ 4.45 แสดงมุมมองที่ 3 บริเวณศาลาประชาคมภายในสนามหน้าท่ีวา่ การอาเภอทงุ่ สง 70

ภาพที่ 4.46 แสดงลกั ษณะพืน้ ทเี่ ดิมบริเวณหอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองท่งุ สง 71

ภาพท่ี 4.47 แสดงมมุ มองที่ 1 บรเิ วณดา้ นหนา้ หอสมุดประชาชนเทศบาลเมอื งทุ่งสง 72

ภาพท่ี 4.48 แสดงมุมมองที่ 2 บริเวณด้านข้างหอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง 72

ภาพท่ี 4.49 แสดงมมุ มองท่ี 3บริเวณสวนหยอ่ มด้านหนา้ หอสมุดประชาชนเทศบาลเมือง 73
ทงุ่ สง 74

ภาพที่ 4.50 แสดงลักษณะพืน้ ท่เี ดิมบรเิ วณสานกั งานเทศบาลเมืองทงุ่ สง

ภาพท่ี 4.51 แสดงมมุ มองท่ี 1 บริเวณดา้ นหน้าสานกั งานเทศบาลเมืองทุ่งสง 75

ภาพท่ี 4.52 แสดงมมุ มองที่ 2 บริเวณลานจอดรถภายในสานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง 75



สำรบัญภำพ (ตอ่ )

หนำ้

ภาพท่ี 4.53 แสดงมมุ มองท่ี 3 บริเวณสวนหยอ่ มภายในสานกั งานเทศบาลเมอื งทุ่งสง 76

ภาพที่ 4.54 แสดงผงั รวมพน้ื ที่ออกแบบบริเวณถนนสายทงุ่ สง – สุราษฎรธ์ านี 78

ภาพที่ 4.55 แสดงผงั ขยายพื้นที่ออกแบบบรเิ วณถนนสายทุ่งสง – สรุ าษฎรธ์ านี 79

ภาพที่ 4.56 แสดงภาพตัดพน้ื ที่ออกแบบบรเิ วณถนนสายทุ่งสง – สุราษฎร์ธานี 79

ภาพท่ี 4.57 แสดงทศั นยี ภาพมมุ องท่ี 1 หลังการปรับปรุงพืน้ ท่ที างเขา้ เขตเทศบาลเมืองท่งุ สง 80

ภาพท่ี 4.58 แสดงทัศนียภาพมมุ องท่ี 2 หลงั การปรับปรงุ พน้ื ทถี่ นนทงุ่ สง-สุราษฎร์ 80

ภาพที่ 4.59 แสดงผงั รวมพนื้ ท่ีออกแบบบริเวณถนนสายทงุ่ สง – ห้วยยอด 82

ภาพท่ี 4.60 แสดงภาพแสดงผังขยายพ้ืนที่ออกแบบบริเวณถนนสายทุง่ สง – ห้วยยอด 83

ภาพท่ี 4.61 แสดงภาพตดั พื้นท่ีออกแบบบรเิ วณถนนสายทุ่งสง – หว้ ยยอด 83

ภาพที่ 4.62 แสดงทศั นียภาพมุมองท่ี 1 หลังการปรบั ปรุงพนื้ ท่สี ามแยกตรงั 84

ภาพท่ี 4.63 แสดงทัศนยี ภาพมมุ องท่ี 2 หลงั การปรับปรงุ พนื้ ที่ถนนทงุ่ สง – หว้ ยยอด 84

ภาพที่ 4.64 แสดงผังรวมพ้นื ท่ีออกแบบบริเวณถนนสายทุ่งสง – นครศรีธรรมราช 85

ภาพท่ี 4.65 แสดงผงั ขยายพน้ื ท่ีออกแบบบริเวณถนนสายทุง่ สง – นครศรีธรรมราช 86

ภาพที่ 4.66 แสดงภาพตดั พืน้ ที่ออกแบบบรเิ วณสายทงุ่ สง – นครศรีธรรมราช 86

ภาพที่ 4.67 แสดงทัศนียภาพมุมมองท่ี 1 หลงั การปรบั ปรุงพ้ืนทถ่ี นนทุ่งสง – 87
นครศรีธรรมราช

ภาพที่ 4.68 แสดงทัศนียภาพมมุ องท่ี 2 หลังการปรบั ปรุงพน้ื ทถ่ี นนทงุ่ สง – นครศรธี รรมราช 87

ภาพที่ 4.69 แสดงผงั พ้นื ที่ออกแบบบรเิ วณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกยี รติ ร.5 88



สำรบญั ภำพ (ตอ่ )

หนำ้

ภาพท่ี 4.70 แสดงทัศนยี ภาพมมุ องที่ 1 หลงั การปรบั ปรงุ พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิม 89
พระเกียรติ ร.5 89
90
ภาพท่ี 4.71 แสดงทศั นยี ภาพมุมองท่ี 2 หลงั การปรับปรงุ พ้นื ท่ีบรเิ วณสวนสาธารณะเฉลมิ 90
พระเกยี รติ ร.5 91
92
ภาพที่ 4.72 แสดงทัศนยี ภาพมมุ องที่ 3 หลังการปรับปรงุ พ้นื ท่ีบรเิ วณสวนสาธารณะเฉลิม 93
พระเกยี รติ ร.5 93
94
ภาพท่ี 4.73 แสดงทัศนยี ภาพมุมองท่ี 4 หลังการปรับปรุงพืน้ ท่ีบริเวณสวนสาธารณะเฉลิม 95
พระเกยี รติ ร.5 96
97
ภาพท่ี 4.74 แสดงทศั นียภาพมุมองท่ี 5 หลังการปรบั ปรุงพ้นื ทบี่ ริเวณสวนสาธารณะเฉลิม 97
พระเกียรติ ร.5

ภาพที่ 4.75 แสดงทัศนยี ภาพมมุ องท่ี 6 หลงั การปรบั ปรงุ พืน้ ทบ่ี ริเวณสวนสาธารณะเฉลิม
พระเกยี รติ ร.5

ภาพท่ี 4.76 แสดงทัศนียภาพมมุ องท่ี 7 หลงั การปรับปรุงพืน้ ท่บี รเิ วณสวนสาธารณะเฉลมิ
พระเกยี รติ ร.5

ภาพท่ี 4.77 แสดงผังพ้ืนที่ออกแบบบริเวณสวนสาธารณะถา้ ตลอด

ภาพที่ 4.78 แสดงทัศนียภาพมมุ องที่ 1 หลังการปรบั ปรุงพื้นท่ีบริเวณสวนสาธารณะถ้า
ตลอด

ภาพที่ 4.79 แสดงทศั นียภาพมุมองที่ 2 หลงั การปรับปรงุ พน้ื ที่บรเิ วณสวนสาธารณะถา้
ตลอด

ภาพท่ี 4.80 แสดงทัศนยี ภาพมุมองที่ 3 หลงั การปรับปรุงพื้นท่ีบริเวณสวนสาธารณะถา้
ตลอด

ภาพท่ี 4.81 แสดงพน้ื ที่ออกแบบสวนสาธารณะสถานรี ถไฟชุมทางทุง่ สง บริเวณหน้าสถานี
รถไฟ

ภาพท่ี 4.82 แสดงพืน้ ท่ีออกแบบสวนสาธารณะสถานรี ถไฟชุมทางทุ่งสง บรเิ วณชุมชนบา้ นพัก
รถไฟ

ภาพท่ี 4.83 แสดงทศั นียภาพมุมองที่ 1 หลังการปรับปรุงพื้นทด่ี ้านหน้าสวนสาธารณะรถไฟ

ภาพที่ 4.84 แสดงทัศนียภาพมุมองท่ี 2 หลังการปรบั ปรงุ พื้นท่ีสวนสาธารณะรถไฟ



สำรบัญภำพ (ตอ่ )

ภาพที่ 4.85 แสดงทัศนยี ภาพมุมองท่ี 3 หลังการปรบั ปรุงพืน้ ที่สวนสาธารณะรถไฟ หนำ้
ภาพที่ 4.86 แสดงพน้ื ท่ีออกแบบบริเวณโรงเรยี นเทศบาลวดั ชยั ชุมพล 98
99
ภาพท่ี 4.87 แสดงทศั นยี ภาพมุมองที่ 1 หลงั การปรับปรุงพนื้ ท่ีโรงเรยี นเทศบาลวัดชยั ชมุ พล
100

ภาพท่ี 4.88 แสดงทัศนยี ภาพมมุ องท่ี 2 หลงั การปรบั ปรุงพื้นท่ีโรงเรียนเทศบาลวัดชัยชุมพล 100
ภาพที่ 4.89 101
ภาพท่ี 4.90 แสดงพื้นที่ออกแบบบรเิ วณโรงเรยี นรีสอร์ทอนุบาลท่งุ สง 102
แสดงทศั นยี ภาพมุมองที่ 1 หลงั การปรับปรงุ พ้นื ที่สนามเด็กเล่นในโรงเรยี นรีสอร์
ภาพท่ี 4.91 ทอนบุ าลท่งุ สง 102
ภาพท่ี 4.92 แสดงทศั นยี ภาพมุมองที่ 2 หลงั การปรับปรงุ พื้นทถ่ี นนทางเขา้ โรงเรียนรสี อรท์ 103
ภาพที่ 4.93 อนบุ าลทงุ่ สง 104
ภาพที่ 4.94 แสดงทศั นยี ภาพมุมองท่ี 3 หลงั การปรับปรุงพ้ืนทโี่ รงเรยี นรสี อร์ทอนุบาลท่งุ สง 105

ภาพที่ 4.95 แสดงพื้นที่ออกแบบบรเิ วณโรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง 105
ภาพท่ี 4.96 แสดงทัศนียภาพมมุ องท่ี 1 หลังการปรับปรงุ พืน้ ทภ่ี ายในโรงเรยี นกฬี าเทศบาล 106
ภาพที่ 4.97 เมอื งทุ่งสง 107
แสดงทศั นยี ภาพมมุ องที่2หลังการปรับปรงุ พื้นทีห่ นา้ หอ้ งน้าโรงเรยี นกีฬา
ภาพท่ี 4.98 เทศบาลเมืองทุ่งสง 107
แสดงพน้ื ที่ออกแบบบริเวณสนามหน้าทีว่ า่ การอาเภอทุง่ สง
แสดงทศั นยี ภาพมมุ องที่ 1 หลงั การปรับปรุงพื้นท่ีบรเิ วณสนามหนา้ ที่ว่าการ
อาเภอทุ่งสง
แสดงทัศนียภาพมมุ องท่ี 2 หลงั การปรบั ปรุงพืน้ ท่ีบรเิ วณสนามหนา้ ทวี่ า่ การ
อาเภอทุ่งสง

ภาพท่ี 4.99 แสดงพน้ื ที่ออกแบบบริเวณหอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมืองทงุ่ สง 108

ภาพท่ี 4.100 แสดงมมุ มองที่ 1 บริเวณดา้ นหนา้ หอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง 109

ภาพท่ี 4.101 แสดงพนื้ ท่ีออกแบบบรเิ วณสานกั งานเทศบาลเมืองท่งุ สง 109



สำรบัญภำพ (ต่อ)

ภาพท่ี 4.102 แสดงทศั นียภาพมุมองท่ี 1 หลงั การปรับปรงุ พนื้ ที่บรเิ วณสานกั งานเทศบาล 110
110
เมอื งทงุ่ สง 111

ภาพที่ 4.103 แสดงทศั นยี ภาพมุมองท่ี 2 หลงั การปรับปรุงพน้ื ท่ีบริเวณสานกั งานเทศบาล
เมอื งทุ่งสง

ภาพท่ี 4.104 แสดงมุมมองที่ 3 หลังการปรับปรุงพื้นที่บริเวณสานักงานเทศบาลเมืองทงุ่ สง

1

บทท่ี 1

บทนำ

1. หลักกำรและเหตุผลกำรศึกษำ
สภาพปัจจุบันพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง มีผู้มาเยี่ยมเยือนและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้

ประโยชน์มากมาย ท้ังการเดินทางมาติดต่อธุรกิจ ท่องเท่ียว รับส่งบุตรหลานเพื่อศึกษาเล่าเรียน ใน
ตอนกลางวัน การวิ่งออกกาลังกายตอนเช้า เดินเล่นยามเย็นในสวนสาธารณะ ร ๕ และ แวะพัก
รับประทานอาหาร ตามร้านอาหาร ยามค่าคืน ซ่ึงกิจกรรมต่างต่างๆ ในแต่ละวัน สิ่งผล ให้เกิด
ความรสู้ ึกแออัด รถตดิ เกดิ มลพิษ สง่ ผลเสียต่อสขุ ภาพของผู้คนทพี่ ักอาศัยในเมือง หากแต่สภาพพน้ื ท่ี
ของเมืองทุ่งสง ยังปรากฏที่ว่างโล่ง พื้นท่ีสีเขียว พื้นท่ีริมคลอง ภูมิทัศน์ถนน ท่ีมีศักยภาพเพื่อการ
ปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมให้สวยงามย่ิงข้ึน ท้ังส่วนการปลูกต้นไม้เพ่ิมเติม ทั้งไม้ดอก
ไม้ประดับ และปรับปรุงบารุงรักษาภูมิทัศน์ ของสวนสาธารณะให้สวยงาม การสร้างความร่วมมือกับ
เครือข่ายภาคประชาชน ชุมชนท้องถ่ิน สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการต่างๆ วัด โบสถ์ มัสยิด
เพื่อช่วยกันคิด วางแผน และศึกษาความต้องการของประชาชนในท้องถ่ิน จาเป็นที่จะต้องอาศัย
ความรู้ จากนักวิชาการในสาขาที่เก่ียวข้อง ในเร่ืองการพัฒนาด้านกายภาพ สภาพแวดล้อม และการ
จัดตกแต่งภูมิทัศน์ เพื่อแก้ปัญหาความรู้สึกแออัด มลพิษทางอากาศ และสร้างความร่มร่ืนสวยงาม
สามารถใช้ประโยชน์ จากพรรณไม้ในด้านต่างๆ เป็นต้นแบบให้กับเทศบาลอ่ืน ในการดาเนินการด้าน
การปรับปรุงภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง เพ่ือให้เป็นเมืองท่ีมีความเป็น
ระเบยี บเรยี บร้อย มีพ้ืนที่สีเขียว รองรับการเจรญิ เตบิ โต อย่างยั่งยืนของเมืองในอนาคต

เทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช กับการจัดการเรื่องภูมิทัศน์และส่ิงแวดล้อมของ
เมืองเพื่อให้นักท่องเท่ียว เกิดความประทับใจในส่วนของบรรยากาศ ของเมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่ ท่ี
มีอายุกว่า 100 ปี เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ ดังน้ันหากไม่มีการสารวจ และ
ออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วนในเขตเมืองทุ่งสง ก็อาจจะส่งผลกระทบใน
การดูแลต้นไม้ สภาพภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมของเมืองได้ การสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิ
ทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วนร่วม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง ดาเนินการสารวจ วิเคราะห์
ศักยภาพของพ้ืนที่ ออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยการดาเนินการสอบถามความต้องการ จัดประชุม
กลุ่ม สร้างเวทีการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และวิเคราะห์ กาหนดแนวความคิดในการออกแบบ
ปรบั ปรงุ ของภูมิทศั น์เมอื งทุง่ สง

ดังน้ันการวิจัยในคร้ังน้ี จะทาการสารวจ และออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดย
ประชาชนมีส่วนร่วม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง ดาเนินการสารวจ วิเคราะห์ศักยภาพของพ้ืนท่ี
ออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยการดาเนินการสอบถามความต้องการ จัดประชุมกลุ่ม สร้างเวทีการมี
สว่ นรว่ มจากภาคประชาชน และวิเคราะห์ กาหนดแนวความคิดในการออกแบบปรับปรุง ของภูมิทศั น์
เมืองทงุ่ สง เพ่อื เป็นตวั อยา่ งในการจัดการพน้ื ที่สีเขียวใหอ้ ย่คู วบคู่กับการพัฒนาเมืองต่อไปในอนาคต

2

2. วัตถุประสงค์ของกำรศกึ ษำ
2.1 เพ่ือสารวจ วเิ คราะหป์ จั จัยทางด้านกายภาพ สภาพแวดลอ้ ม และศกั ยภาพของพนื้ ท่ีสี

เขียว ในเขตเทศบาลเมืองทงุ่ สงเพือ่ ออกแบบปรบั ปรุงภมู ทิ ัศน์
2.2 เพอ่ื สอบถามความตอ้ งการของประชาชนในทอ้ งถิ่น นกั ทอ่ งเท่ยี ว โดยการจดั ประชมุ กลุ่ม

สร้างเวทกี ารมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน สถาบันการศกึ ษา หน่วยงานราชการต่างๆ ในประเด็นการ
ออกแบบปรับปรงุ ภมู ิทัศน์และสภาพแวดลอ้ ม ในเขตเทศบาลเมอื งทุ่งสง จังหวดั นครศรธี รรมราช

2.3 เพื่อกาหนดแนวความคิดในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมในเขต
เทศบาลเมืองท่งุ สง จงั หวดั นครศรีธรรมราช

3. ขอบเขตกำรศกึ ษำ
3.1 ขอบเขตกำรศึกษำดำ้ นพ้นื ท่ี
การสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วนร่วม ในเขต

เทศบาลเมอื ง ทุง่ สง จงั หวัดนครศรีธรรมราช มขี อบเขตการศกึ ษาด้านพ้นื ทีด่ ังน้ี
3.1.1 เส้นทางด้านฝั่งถนนทงุ่ สง - สรุ าษฎร์ธานี
3.1.2 เส้นทางดา้ นฝงั่ ถนนท่งุ สง – ห้วยยอด
3.1.3 เส้นทางดา้ นฝัง่ ถนนทงุ่ สง – นครศรีธรรมราช
3.1.4 สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5
3.1.5 สวนสาธารณะถา้ ตลอด
3.1.6 สวนสาธารณะสถานีรถไฟชมุ ทางทุ่งสง
3.1.7 โรงเรยี นเทศบาลวดั ชยั ชมุ พล
3.1.8 โรงเรียนรสี อร์ทอนบุ าลทุ่งสง
3.1.9 โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง
3.1.10 สนามหน้าที่ว่าการอาเภอทุ่งสง
3.1.11 หอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมืองท่งุ สง
3.1.12 สานกั งานเทศบาลเมอื งท่งุ สง

3.2. ขอบเขตของเน้อื หำ
การศึกษาวเิ คราะห์พ้ืนที่สเี ขียว ที่มศี ักยภาพในการออกแบบปรับปรุงภมู ทิ ัศน์ ในเขตชมุ ชน

เทศบาลเมืองทุ่งสง จงั หวัดนครศรธี รรมราช โดยการ สำรวจ และวเิ ครำะห์ เพ่ือกาหนดแนวความคิด

ในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด
นครศรธี รรมราช โดยมีขอบเขตของเนอื้ หาดังน้ี

3.2.1 พรรณไม้เดิม ของไม้ยืนต้นที่ปรากฏในพื้นท่ีดังน้ี 1) เส้นทางด้านฝ่ังถนนทุ่งสง – สุ
ราษฎรธ์ านี 2) เส้นทางด้านฝง่ั ถนนทงุ่ สง – หว้ ยยอด 3) เส้นทางด้านฝ่ังถนนทงุ่ สง – นครศรีธรรมราช
4) สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5 5) สวนสาธารณะถ้าตลอด 6) สวนสาธารณะสถานีรถไฟชุม
ทางทงุ่ สง 7) โรงเรียนเทศบาลวดั ชัยชุมพล 8) โรงเรยี นรีสอรท์ อนุบาลทุ่งสง 9) โรงเรียนกีฬาเทศบาล
เมืองทุ่งสง 10) สนามหน้าท่ีว่าการอาเภอทุ่งสง 11) หอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง และ12)

3

สานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง โดยระบุตาแหน่งต้นไม้ แนวทางการตัดแต่ง บารุงรักษา และการใช้
ประโยชนจ์ ากตน้ ไม้ในปัจจบุ ันและในอนาคต

3.2.2 ขนำดพ้ืนที่สีเขียว ในเขตเมืองทุ่งสง เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ของจานวนประชากร
ในพ้ืนท่ี ต่อสัดส่วนของพ้ืนที่สีเขียวตามเกณฑ์มาตรฐาน ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด
นครศรธี รรมราช

3.2.3 เทศบัญญัติและกฎหมำยท่ีเกี่ยวข้องกับกำรจัดกำรพ้ืนที่สีเขียว ศึกษาเทศบัญญัติ
และกฎหมายท้องถิ่นท่ีเกย่ี วข้องกบั การจัดการพื้นทส่ี เี ขียวในเขตเมือง และพระราชบัญญตั กิ ารควบคุม
อาคารของท้องถิ่นโดยการศึกษาย้อนหลังไปสิบปี เพื่อดูทิศทางการบังคับใช้กฎหมาย ระบบ
สาธารณูปโภคและระบบสาธารณูปการ ท่ีเก่ียวข้องการการปกครองท้องท้องถ่ิน นาไปศึกษา
เปรียบเทยี บกบั เมอื งที่มลี กั ษณะเดียวกันกับการใชก้ ฎหมายเพื่อการการจดั การพน้ื ท่สี เี ขยี วในเขตเมือง

3.2.4 ลักษณะดินและกำรใช้ประโยชน์ในที่ดินเดิม ศึกษาลักษณะดินท่ีมีความเหมาะสม
ต่อการปลูกพืชในการจัดตกแต่งภูมิทัศน์ และการใช้ประโยชน์ในที่ดินเดิม เพื่อกิจการต่างๆ เช่น
ร้านคา้ แผงลอย ท่จี อดรถ ท่ปี รากฏในเขตเทศบาลเมอื งทุ่งสง

3.2.5 มุมมองและทัศนียภำพ ศึกษามุมมองและทัศนียภาพท่ีมีความสาคัญ และปรากฏ
ตามพื้นที่ดังน้ี 1) เส้นทางด้านฝ่ังถนนทุ่งสง – สุราษฎร์ธานี 2) เส้นทางด้านฝั่งถนนทุ่งสง – ห้วยยอด
3) เส้นทางด้านฝ่ังถนนทุ่งสง – นครศรีธรรมราช 4) สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5 5)
สวนสาธารณะถา้ ตลอด 6) สวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง 7) โรงเรยี นเทศบาลวดั ชัยชุมพล 8)
โรงเรียนรสี อร์ทอนุบาลทุ่งสง 9) โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมอื งทุ่งสง 10) สนามหน้าที่ว่าการอาเภอทุ่งสง
11) หอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง และ12) สานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง กับการนามาใช้
ประโยชน์ทางด้านภูมิทัศน์ และส่งเสริมศักยภาพของการออกแบบภูมิทัศน์ จุดบ่งช้ี วิเคราะห์ จุด
มุมมองและศักยภาพท่ีดเี พื่อนามาพัฒนาทางด้านการสภาพแวดลอ้ มของเมอื ง

3.2.6 องค์ประกอบและส่ิงก่อสร้ำงอำคำร ที่ปรากฏในพ้ืนท่ีสีเขียว เพื่อการอนุรักษ์ หรือ
รื้อถอน เสนอแนะตามข้อกฎหมายท่ีเกี่ยว เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวของชุมชนเทศบาลเมืองทุ่ง
สง

3.2.7 ประวัติศำสตร์และวัฒนธรรมวิถีชุมชน ท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่สี
เขียว เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วิถีชุมชนในเขตเทศบาล
เมอื งทุง่ สง

3.2.8 แหลง่ น้ำและระบบนิเวศเดมิ ศกึ ษาแหล่งนา้ ใกล้เคียง ระดับน้าขึ้นสูงสุด ต่าสุด และ
ระบบนิเวศท่ีควรค่าแก่การอนุรักษ์ เพื่อการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ ตามต้องการของประชาชนใน
ทอ้ งถ่นิ และนกั ท่องเที่ยว ในเขตเทศบาลเมืองทุง่ สง จงั หวัดนครศรธี รรมราช

3.2.9 ประชุมระดมควำมคิดเห็น ศึกษาต้องการของประชาชนในท้องถิ่น โดยการจัด

ประชมุ กลมุ่ สร้างเวทกี ารมีส่วนรว่ มจากภาคประชาชน สถาบนั การศึกษา หนว่ ยงานราชการตา่ งๆ ใน

ประเด็นการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด

นครศรธี รรมราช

4

4. แผนกำรดำเนินงำน

แผนกำรดำเนนิ งำน ประจำปีงบประมำณ 2563 ก.ค. ส.ค. ก.ย.
ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. XX X
1. เตรยี มโครงการวิจยั และ
รวบรวมข้อมลู XX
2. จดั ทาแบบสารวจและ XX
แบบสอบถาม X
3. สารวจความต้องการและ
ศึกษาขอ้ มูลในพน้ื ทจ่ี ริง XX
4. นาเขา้ ขอ้ มลู ลงในระบบ
GIS
5. เก็บรวบรวมขอ้ มลู

6. วิเคราะห์ผลและ XXX
ออกแบบปรับปรุงภมู ิทัศน์ XX

7. สรุปผลโครงการ

5. ประโยชน์ทคี่ ำดว่ำจะได้รับ

5.1 รายงานโครงการสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วน
ร่วม ในเขตเทศบาลเมืองท่งุ สง จังหวดั นครศรีธรรมราช

5.2 แบบแนวคดิ ปรับปรุงภูมทิ ัศน์บรเิ วณถนนเส้นทางดา้ นฝ่ังถนนทงุ่ สง - สุราษฎร์ธานี
5.3 แบบแนวคดิ ปรับปรุงภมู ทิ ัศนบ์ ริเวณถนนเส้นทางดา้ นฝัง่ ถนนทงุ่ สง – ห้วยยอด
5.4 แบบแนวคิดปรับปรุงภูมทิ ัศน์บริเวณถนนเสน้ ทางด้านฝง่ั ถนนทุ่งสง – นครศรธี รรมราช
5.5 แบบแนวคดิ ปรบั ปรุงภมู ิทัศน์บรเิ วณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกยี รติ ร.5
5.6 แบบแนวคิดปรับปรุงภมู ิทศั นบ์ ริเวณสวนสาธารณะถ้าตลอด
5.7 แบบแนวคดิ ปรบั ปรงุ ภมู ิทัศน์บรเิ วณสวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทงุ่ สง
5.8 แบบแนวคิดปรับปรุงภูมทิ ศั นบ์ ริเวณโรงเรียนเทศบาลวดั ชยั ชุมพล
5.9 แบบแนวคดิ ปรับปรงุ ภมู ทิ ศั นบ์ ริเวณโรงเรยี นรีสอร์ทอนุบาลทุง่ สง
5.10 แบบแนวคิดปรับปรุงภมู ทิ ัศน์บรเิ วณโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง
5.11 แบบแนวคิดปรบั ปรงุ ภมู ิทศั น์บริเวณสนามหนา้ ที่วา่ การอาเภอทงุ่ สง
5.12 แบบแนวคิดปรบั ปรุงภูมิทัศน์บรเิ วณหอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมอื งทุ่งสง
5.13 แบบแนวคดิ ปรบั ปรงุ ภมู ิทัศนบ์ ริเวณสานกั งานเทศบาลเมอื งทุ่งสง

5

บทท่ี 2

กำรทบทวนวรรณกรรม

ในการศึกษาเร่ือง โครงการสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมี
ส่วนร่วมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการทบทวนวรรณกรรมที่เก่ียวข้อง
ดงั นี้

1. แนวคดิ ทฤษฎที ่เี กยี่ วขอ้ ง
1.1 แนวคิดทฤษฎเี ก่ียวกบั การสารวจเบ้อื งต้น
1.2 แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกบั การมสี วนร่วมของประชาชน
1.3 แนวคดิ ทฤษฎีเก่ียวกับข้ันตอนการออกแบบวางผังบริเวณ
1.4 ข้อมลู พนื้ ฐานของเทศบาลเมอื งทุ่งสง จงั หวดั นครศรีธรรมราช

2. งานวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง
3. กรอบแนวคิดของการศึกษา

1. แนวคิดทฤษฎที ่เี ก่ียวขอ้ ง

1.1 แนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกบั กำรสำรวจเบอ้ื งต้น
1.1.1 ควำมหมำยของกำรสำรวจเบ้ืองต้น
เพ่ิมศักด์ิ เปานิล (2546) การหาความสาพันธ์ของตาแหน่งของจุดต่างๆ ท่ีอยู่บน

อยูเ่ หนือหรอื อย่ใู ตพ้ ืน้ พภิ พ หรอื การสรา้ งจุดข้นึ เพื่อใหเ้ ป็นจดุ บังคับ
1.1.2 ควำมมุ่งหมำยของกำรสำรวจเบ้อื งต้น
การปฏิบัติการสารวจ มีความมุ่งหมายที่จะไดข้อมูลรายละเอียดเก่ียวกับตาแหนง

และทิศทางของส่ิงตา่ งๆ ในภูมิประเทศ ซึ่งขอ้ มูลเหลา่ น้จี ะช่วยให้รถู งึ ส่งิ ตา่ งๆ ดงั น้ี
- เน้อื ท่ี (Area) บรเิ วณทต่ี ้องการ
- ขอบเขต (Boundary) หรอื แนวเขตของพื้นท่ี
- รปู ร่าง (Shape) ของพ้ืนที่บริเวณหรอื ส่ิงอื่นใด เชน่ รูปร่างของอาคารและอ่างเก็บ

นา้
- ทิศทาง (Direction)
- ตาแหนง่ (Location) - กาหนดสงู (Elevation)
- ปรมิ าตร (Volume)

1.1.3 ควำมสำคัญของกำรสำรวจเบอื้ งตน้
งานสารวจมีความสาคัญอยา่ งย่งิ ตอ่ งานตอ่ ไปนี้
1.1.3.1 การก่อสร้างถนน จะต้องออกแบบทางก่อน ซึ่งจะเร่ิมต้ังแต่การเลือก

แนวทาง ในแผนที่ การสารวจเส้นทางในภูมิประเทศจริง โดยการสารวจวางแนวทางการหาความสูง
ของพื้นดิน ตามแนวทางและตามขวาง การเก็บรายละเอียดของภูมิประเทศ แล้วจึงนาข้อมูลมา

6

ออกแบบเส้นทาง แบบเส้นทางน้ีจะช่วยให้รู้ถึงลักษณะแนวทาง ระยะทางที่จะก่อสร้าง ตาแหน่งและ
ขนาดของท่อระบายน้า ตาแหน่งและความยาวของสะพาน ปริมาตรงานดินและอื่นๆ ซ่ึงจะช่วยให้
คานวณหาราคาก่อสรา้ ง และวางแผนกอ่ สรา้ งได้ถกู ต้องเหมาะสม

1.1.3.1 การออกหนังสือสาคัญสาหรับที่ดิน จะต้องทาการสารวจเพ่ือหารูปร่างของ
ที่ดนิ แนวเขตทีด่ นิ และเนอื้ ที่ดนิ จัดทาเปน็ แผนทป่ี ระกอบหนงั สอื สาคัญ เชน่ โฉนดทีด่ นิ

1.1.3.2 ใช้กิจการทหาร จะต้องใช้แผนที่เพื่อวางแผนในด้านต่างๆ เช่น แผนการ
เคล่ือนย้ายกาลังพล การส่งกาลังบารุงและแผนการรบ เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องทาการสารวจเพ่ือจัดทา
แผนทขี่ ้นึ ใชต้ ามความตอ้ งการ

1.1.4 ลกั ษณะของกำรสำรวจเบือ้ งตน้
1.1.4.1 การหาตาแหน่งทางราบ เป็นการหาตาแน่งของจุดท่ีต้องการว่าอยู่ที่ใด โดย

อาศัยอ้างอิง จากจุดท่ีรู้ตาแหน่งแน่นอนแล้ว อาจจะบอกตาแหน่งเป็นค่าละติจูด (Latitude) และค่า
ลองจิจูด (Longitude) หรือเป็นค่าพิกัดฉากตามแนวแกนราบ (แกน X) และแกนต้ัง (แกน Y)
ลักษณะของการสารวจขึ้นพ้ืนฐานในสนาม ส่วนใหญ่จะเป็นการวัดมุมราบ (Horizontal Angle)
ประกอบกับการวัด ระยะทางราบ

1.1.4.2 การหาตาแหน่งทางด่งิ หรอื การหาความสงู ของจดุ ท่ีตอ้ งการว่า มีความสูง –
ต่าจากพืน้ อา้ งอิงเทา่ ไรลกั ษณะของงานจะเปน็ การทาระดบั ทั้งวธิ ีทางตรงและวธิ ีทางอ้อม

1.1.4.3 การคานวณแผนท่ี (Computation) เป็นการนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจ
เพอ่ื หาตาแหน่งทั้งทางราบ และทางด่ิงมาคานวณหาส่งิ ทตี่ ้องการ ตามจุดม่งุ หมายของการสารวจ เช่น
คานวณหาเนือ้ ที่ และคานวณหาปริมาตรดินตัด - ดนิ ถม เปน็ ต้น

1.1.5 ชนดิ ของกำรสำรวจเบือ้ งต้น
1.1.5.1 การสารวจภูมิประเทศ (Topographic Surveys) หมายถึง การสารวจ

รายละเอยี ดตา่ งๆ บนพน้ื ผิวโลก ทั้งทีเ่ กิดขึ้นเองตามธรรมชาตแิ ละสง่ิ ก่อสร้างทีม่ นุษย์สร้างข้ึน มิตขิ อง
รายละเอียด ตา่ งๆ จะสามารถนามาเขียนเปน็ แผนท่ีภมู ิประเทศได้

1.1.5.2 การสารวจทางอุทกศาสตร์ (Hydrographic Surveys) หมายถึง การสารวจ
ลกั ษณะมิติ สัมพันธ์ ทเี่ น้นรายละเอียดในสว่ นท่ีเกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้า เช่น การสารวจแหล่งนา้ ใต้
ดิน การสารวจชายฝ่ังทะเล การเดินเรือ การสารวจร่องน้า การวัดระดับน้าข้ึน - น้าลง การวัด
ระดบั น้าทะเล และการสารวจปรมิ าณน้าในเข่อื น เป็นต้น

1.1.5.3 การสารวจเส้นทาง (Route Surveys) หมายถึง งานสารวจท่ีเกี่ยวข้องกับ
ส่ิงก่อสร้างทุก ชนิดทีม่ ลี ักษณะแคบและยาวมาก เช่น ถนนทางรถไฟ แนวท่อระบายน้า แนวเสาไฟฟ้า
เป็นต้น ข้ันตอนการสารวจนั้นประกอบด้วย การสารวจโดยสังเขป การสารวจเบื้องต้น การสารวจ
กาหนดหมดุ การสารวจขณะการกอ่ สรา้ ง

1.1.5.4 การสารวจกรรมสิทธิ์ที่ดิน (Property Surveys) หมายถึง การสารวจท่ี
เก่ยี วข้องกบั สิทธิการถือครองท่ีดนิ เชน่ การออกโฉนด การสอบเขตแบ่งแยก การรวมแปลงท่ดี ิน การ
สารวจจะมีลักษณะเพ่ือหาตาแหน่งหมุดท่ีดิน การวัดระยะทุกแนวเขต การวัดมุม การตรวจสอบ
ทศิ ทาง และการคานวณหาเนอื้ ท่ี

7

1.1.5.5 การสารวจเพื่อการกอ่ สรา้ ง (Construction Surveys) หมายถึง การสารวจ
ท่ีเกี่ยวข้อง กับการวางผังปักหมุดระดับความสูงตามรูปแบบที่กาหนด รวมถึงการตรวจสอบตาแหน่ง
ของหมุดสาคัญตา่ งๆ ทีไ่ ด้สารวจไวก้ ่อนการกอ่ สร้าง

1.1.5.6 การสารวจเหมืองแร่ (Mine Surveys) หมายถึง การสารวจเพ่ือสร้างจุด
ควบคมุ ขึ้นใน พ้ืนที่เหมือง เพ่ือใชป้ ระโยชนใ์ นการโยงยดึ คา่ พกิ ัดของจุดควบคมุ ใต้ดินใหส้ ัมพันธก์ นั กับ
บนผิวดิน จากนั้นจึงสารวจทางธรณีวิทยา ตาแหน่งปากอุโมงค์ และสารวจตาแหน่งการขุดเจาะตาม
รปู แบบ

1.1.5.7 การสารวจเพื่อสร้างจุดควบคุม (Control Surveys) หมายถึง การสารวจ
เพื่อสร้างจุด บังคับแผนที่ หรือจุดที่รู้พิกัดทางราบและดิ่ง วิธีการสร้างจุดควบคุมทางราบ อาจใช้
วิธีการสามเหลี่ยม หรือทาวงรอบ เพ่ือจุดประสงค์ใช้เป็นจุดโยงยึดตาแหน่งรายละเอียดได้ ส่วนการ
สรา้ งจดุ ควบคมุ ทางด่ิงนัน้ จะใช้วธิ กี ารถ่ายระดับ จดุ ประสงคเ์ พอื่ อา้ งองิ ความสูง

1.1.5.8 การสารวจเพ่ือเก็บรายละเอียด (Detail Surveys) หมายถึง การสารวจหา
ค่าพิกัดทางราบ และทางดิ่ง ในพน้ื ที่ที่ต้องการสารวจทาแผนที่การสารวจส่วนมากจะสารวจด้วยกลอ้ ง
วดั มมุ รว่ มกบั โซห่ รือเทป สว่ นการหาความสูงจะใชก้ ล้องระดับ

1.1.5.9 การสารวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ (Photogrammetric Surveys)
หมายถึง การสารวจเพ่ือทาแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศซ่ึงได้จากการบินสารวจเพ่ือถ่ายภาพทาง
อากาศ ต้องมีการใช้เทคโนโลยีโดยผ่านขบวนการบันทึก รังวัด และแปลความหมายจากจุดภาพ และ
รปู ลกั ษณ์ของพลงั งานแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าท่ีบนั ทกึ ไว้

1.1.5.10 การสารวจทางดาราศาสตร์ (Astronomy) หมายถึง การรังวัดดาวฤกษ์
ต่างๆ ท่ีรู้วิถี โคจรท่ีสัมพันธ์กับตาแหน่งของโลก มาช่วยในการกาหนดพิกัดทางภูมิศาสตร์ของจุด
สถานบี นพ้นื โลก และช่วยในการหาตาแหน่งทิศเหนือจริง ทก่ี ระทากบั เส้นฐานใดๆ ได้อกี

1.2 แนวคดิ ทฤษฎีเก่ียวกับกำรมสี วนรว่ มของประชำชน
1.2.1 ควำมหมำยของกำรมีส่วนรว่ มของประชำชน
จินตวีร์ เกษมศุข (2557) กระบวนการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการ

ดาเนินงานพัฒนา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจแก้ปัญหาของตนเอง ร่วมใช้ความคิดสร้างสรรค์ความรู้และ
ความชานาญร่วมกับวิทยากรที่เหมาะสม และสนับสนุนติดตามผลการปฏิบัติงานขององค์กรและ
เจา้ หนา้ ท่ีที่เกย่ี วขอ้ ง

1.2.2 รปู แบบของกำรมสี ่วนร่วมของประชำชน
1.2.2.1 การรับรู้ข่าวสาร (Public Information) ประชาชนและหน่วยงานที่

เก่ียวข้องจะต้องไดร้ ับการแจ้งให้ทราบถงึ รายละเอียดของโครงการที่จะดาเนินการร่วมท้ังผลกระทบที่
คาดวา่ จะเกิดขึ้น ท้ังนี้การได้รับแจ้งข่าวสารดังกล่าวจะต้องเป็นการแจง้ ก่อนที่จะมีการตดั สนิ ใจดาเนิน
โครงการ

8

1.2.2.2 การปรึกษาหารือ (Public Consultation) เป็นรูปแบบการมีส่วนร่วมท่ีมี
การจัดการหารือระหวา่ งผดู้ าเนินการโครงการกับประชาชนท่ีเกยี่ วข้องและได้รับผลกระทบ เพ่ือรับฟัง
ความคิดเห็นและตรวจสอบขอ้ มูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกดิ ความเขา้ ใจในโครงการและกิจกรรมมากขึ้น

1.2.2.3 การประชุมรับฟังความคิดเห็น (Public Meeting) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้
ประชาชนและฝ่ายท่ีเกยี่ วข้องกับโครงการหรือกจิ กรรม และผูม้ ีอานาจตัดสนิ ใจในการทาโครงการหรือ
กิจกรรมนั้นได้ใช้เวทีสาธารณะในการทาความเข้าใจ และค้นหาเหตุผลในการดาเนินโครงการหรือ
กิจกรรมในพืน้ ท่ีนนั้ ซ่ึงมหี ลายรูปแบบ ได้แก่

1) การประชุมในระดับชมุ ชน (Community Meeting) โดยจัดขึ้นในชุมชน
ท่ีได้รับผลกระทบจากโครงการ โดยเจ้าของโครงการหรือกิจกรรมจะต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม เพื่ อ
อธิบายให้ทีป่ ระชมุ ทราบถงึ ลักษณะโครงการและผลกระทบที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนและตอบข้อซักถาม

2) การประชุมรับฟังความคิดเห็นในเชิงวิชาการ (Technical Hearing)
สาหรบั โครงการที่มีข้อโตแ้ ย้งในเชงิ วิชาการ จาเป็นจะต้องเชญิ ผู้เช่ยี วชาญเฉพาะสาขาจากภายนอกมา
ช่วยอธบิ ายและใหค้ วามเห็นต่อโครงการ ซึ่งผเู้ ข้ารว่ มประชมุ ต้องไดร้ บั ทราบผลดงั กล่าวด้วย

3) การประชาพิจารณ์ (Public Hearing) เป็นเวทีในการเสนอข้อมูลอย่าง
เปิดเผยไม่มีการปิดบังทั้งฝ่ายเจ้าของโครงการและฝ่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการ ซึ่งจะต้องมี
องค์ประกอบของผู้เข้าร่วมท่ีเป็นที่ยอมรบั มีหลักเกณฑแ์ ละประเด็นในการพจิ ารณาท่ีชัดเจน และแจ้ง
ใหท้ ุกฝา่ ยทราบท่ัวกัน

1.2.2.4 การร่วมในการตัดสินใจ (Decision Making) เป็นเป้าหมายสูงสุดของการมี
สว่ นร่วมของประชาชน ซงึ่ ประชาชนจะมีบทบาทในการตัดสินใจได้เพียงใดน้ันข้ึนอยู่กับองค์ประกอบ
ของคณะกรรมการที่เปน็ ผู้แทนประชาชนในพืน้ ท่ี

1.3 แนวคิดทฤษฎเี กย่ี วกบั ขัน้ ตอนกำรออกแบบวำงผงั บรเิ วณ
1.3.1 ควำมหมำยของกำรออกแบบวำงผงั บรเิ วณ
การวางผงั บริเวณเป็นศลิ ปะและ วิทยาศาสตร์ เพอื่ การจัดใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของท่ีดิน นัก

วางผังบริเวณเป็นผู้กาหนดรายละเอียดในการใช้ที่ดินส่วนต่างๆ โดยการเลือกและวิเคราะห์ท่ีดินน้ัน
แล้วทาการวางรูปผังการใช้ที่ดิน จัดรูปการสัญจรของยานพาหนะและทางคมนาคม วางแนวความคิด
ด้านทัศรูป (Visual form) และการใช้วัสดุ ทาการปรับปรุง รูปทรงของที่ดินเดิม ด้วยการออกแบบ
การปรับระดับ (Grading) จัดทาระบบการระบายน้าท่ีถูกต้อง และท้ายที่สุด นักวางผังบริเวณจะ
จดั ทารายละเอียดการกอ่ สรา้ งบริเวณท่จี าเปน็ เพอ่ื งานก่อสรา้ ง

1.3.2 ขน้ั ตอนกำรออกแบบวำงผังบรเิ วณ
การออกแบบวางผังบริเวณ ที่จะทาให้พ้ืนที่ที่มีการออกแบบนั้น สามารถใช้

ประโยชน์ได้สูงสุด และมีความสวยงามเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมซ่ึงมีขั้นตอนในการออกแบบ
ดังต่อไปน้ี ประกอบด้วย (นภวรรณ, 2541)

9

1.3.2.1 กำรสำรวจสถำนที่ (survey)
1. ศึกษาข้อมูลจากประชาชนเพื่อกาหนดโปรแกรมการพัฒนา program

development เป็นการหาข้อมูลจากสถานที่นั้น ๆ โดยการออกแบบสอบถามถึงความประสงค์ของ
บุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้น หรือบริเวณอ่ืน ๆ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ล่วงหน้าถึงปัญหา
ต่าง ๆ ในอนาคต พร้อมทัง้ วิธแี กป้ ญั หา

2. ศึกษาข้อมูลภายในสถานที่ (inventory of on – site factors) เป็นการ
หาข้อมูลจากพ้ืนที่จริงทั้งข้อมูลจากส่ิงท่ีมนุษย์ทาข้ึน เช่น บ้าน อาคาร ถนน ทางเท้า ทางสัญจร
สาธารณูปโภคตา่ ง ๆเป็นตน้ และข้อมูลจากธรรมชาติ เชน่ ความลาดเอยี ง ชนดิ ดิน พรรณไม้เดิม สตั ว์
ปา่ ภูมอิ ากาศ ทศิ ทางลม การข้นึ ลงของดวงอาทิตย์ในรอบปี เปน็ ต้น

3. ศึกษาข้อมูลนอกสถานท่ี (inventory of off – site factors) เป็นข้อมูล
อ่ืน ๆ ที่อาจเกี่ยวเน่ืองกันและมีผลต่อสถานที่น้ัน ๆ ด้วย เช่น ลักษณะการใช้พื้นที่ แหล่งน้า ทาง
ระบายน้า เสียง กลิ่น ทิวทัศน์ ลักษณะพื้นที่ใกล้เคียง การสัญจรไปมา ตาแหน่งสถานที่ราชการและ
สาธารณะ เป็นต้น

1.3.2.2 กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มูล (analysis)
การวิเคราะห์ข้อมลู เพือ่ การออกแบบบริเวณ (site analysis) คือ การศึกษา

ข้อมูลเกี่ยวบริเวณในหลายๆ ปัจจัย ท้ังส่วนที่เก่ียวข้องกับสภาพพ้ืนที่เดิมและผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นท่ี
จะทาการวางผงั ออกแบบสงิ่ อานวยความสะดวก โดยข้อมูลสามารถแบ่งได้ 3 กล่มุ ดงั น้ี

1. ปัจจัยทางดา้ นธรรมชาติ ประกอบด้วยปจั จยั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1.1 ลักษณะภูมิประเทศ ปัจจัยที่มีความสาคัญ คือ ความสูงต่า

และ ความลาดชัน ซ่ึงส่งผลต่อการเลือกตาแหน่งที่ต้ังส่ิงอานวยความสะดวก ในการพัฒนาพื้นท่ีมี
ความลาดชนั สงู มากๆ สง่ ผลตอ่ สภาพแวดลอ้ ม ในเรื่องการพงั ทลายของดนิ และข้อจากัดอ่ืนๆ

1.2 ลักษณะทางธรณีวิทยาและดิน ลักษณะทางธรณีวิทยาจะมี
ความเกี่ยวขอ้ งกบั ความลกึ ของชั้นหนิ และดนิ ซง่ึ มีผลตอ่ การกอ่ สร้างและสงั คมพชื ในพื้นที่

1.3 แหล่งน้าและระบบระบายน้าธรรมชาติ แหล่งน้าใช้สอยเป็น
ปัจจัยจากัดในการพัฒนาพ้ืนท่ีนันทนาการ ระบบระบายน้าธรรมชาติ มีความสาคัญต่อการวางตาแหน่ง
ระบบสาธารณูปโภค การวางผังควรใช้ทางน้าธรรมชาติในการระบายน้า แต่หลีกเลี่ยงการออกแบบสิ่ง
ก่อ สร้างขวางทางน้าธรรมชาติ

1.4 พืชพรรณธรรมชาติ เป้าหมายหลักส่วนหนึ่งของ การ
ออกแบบวางผังบริเวณ คือ การรกั ษาสภาพเดิมของธรรมชาติใหค้ งอยู่ และพันธ์ุไมค้ ือสว่ นสาคัญท่ตี ้อง
รักษาไว้ ควรทาแผนที่ระบุตาแหน่งตน้ ไม้เดมิ ชนดิ ขนาด และความสงู

1.5 สัตว์ป่า นักออกแบบต้องทราบว่ามีสัตว์ป่าชนิดใดบ้างที่มี
ถ่ินอาศัยในบริเวณท่ีออกแบบ และมีผลกระทบประการใดหากพัฒนาส่ิงอานวยความสะดวก ควร
หาทางป้องกันและหลกี เลยี่ ง เพอื่ ให้เกดิ ผลกระทบนอ้ ยท่สี ดุ

1.6 ลักษณะภูมิอากาศ ควรคานึงถึงทั้งในระดับ ภูมิอากาศมหา
ภาคของประเทศและภูมิภาคน้ันๆ และภูมอิ ากาศจุลภาค คอื สภาพลมฟา้ อากาศของบริเวณนั้น ข้อมูล
ท่ศี กึ ษา ได้แก่ ปริมาณนา้ ฝน ความชืน้ สัมพัทธ์ อณุ หภมู ิ ทศิ ทางลม แสงแดด น้าขึ้น - น้าลง

10

1.7 ภัยธรรมชาติ เป็นปัจจัยที่ให้ความสาคัญ เป็นพิเศษในการ
วิเคราะห์บริเวณ ภยั ธรรมชาติ ได้แก่ น้าป่า ไฟป่า ดินเคล่อื นทลาย หินถล่ม และสตั วป์ ่าแมลงเป็นพิษ
ตา่ งๆ

2. ปจั จยั ดา้ นสนุ ทรียภาพ สามารถวิเคราะหไ์ ด้แก่
2.1 รูปทรงของแผ่นดิน ลักษณะทางด้านธรรมชาติ เช่น โขดหิน

หน้าผา น้าตก และอื่นๆมคี ุณคา่ ด้านสุนทรียภาพ ในการวางผังบริเวณต้องพยายามวิเคราะห์หาจุดเด่น
และรูปทรงแผ่นดินลักษณะต่างๆ เพื่อกาหนดกิจกรรมและที่ตั้งสงิ่ อานวยความสะดวก ให้สอดคล้องกับ
ลกั ษณะเด่นของพืน้ ที่

2.2 มุมมองและทิวทัศน์ การวิเคราะห์มุมมองและทิวทัศน์ เป็น
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ของสิ่งท่ีสายตารับรู้ได้จากการมอง ณ จุดต่างๆ ภายในบริเวณที่จะ
วางผังและออกแบบ มุมมองจะมีความสาคัญในการกาหนดจุดแวะและก่อสรา้ งอาคาร เพื่อดึงดูดให้ผู้
มาเยือนได้ใช้ประโยชน์จากบริเวณได้นานข้ึน และมีความพึงพอใจและประสบการณ์ท่ีดีในการอยู่ใน
บรเิ วณเหล่าน้ัน

2.3 การวิเคราะห์ผู้ใช้ประโยชน์ การวิเคราะห์การใช้ประโยชน์
โดยทั่วไปใชว้ ธิ ีสังเกตควบคู่กับการใช้แบบสอบถาม หรือสัมภาษณ์กาหนดประเด็นเฉพาะเรอ่ื งประเด็น
หลกั ที่ต้องทราบดงั น้ี

2.3.1 ภูมหิ ลงั หรอื ลกั ษณะทางสังคมประชากรของผู้ใช้
ประโยชน์

2.3.2 รปู แบบกิจกรรมการใชป้ ระโยชน์ทีเ่ กิดขึ้นในพนื้ ท่ี
2.3.3 ความคิดเหน็ ต่อพ้นื ทีแ่ ละการพัฒนาพื้นที่
2.3.4 ความตอ้ งการส่งิ อานวยความสะดวกและบรกิ ารต่าง ๆ
3. การสงั เคราะห์ขอ้ มูลหรือการประกอบขึ้นเปน็ โครงร่าง
เป็นการนาข้อมูลที่ได้มาจากการสอบถาม สัมภาษณ์ ข้อมูลจาก
พื้นท่ี และจากท่ีอ่ืน ๆ มาเขียนลงในแปลน เพ่ือแสดงให้เห็นถึงแผนผังของสถานท่ีนี้ในอนาคต โดยมี
ขน้ั ตอนดังนี้
3.1 แบบร่าง (design concept) เป็นการวางตาแหน่งต่าง ๆ ที่
นามาจากความสัมพันธ์ของโปรแกรม (program relationship) ลงในแปลน โดยอาศัยข้อมูลพ้ืนที่
จากการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สัมพันธ์กันในเร่ืองของลักษณะพื้นที่และการใช้ ซ่ึงแปลนน้ีเป็น
แนวความคิดเร่ิมตน้ จะตอ้ งมกี ารเปลีย่ นแปลงแก้ไขเสมอ
3.2 แปลน (refined plan) นาเอาแบบร่างมาวิเคราะห์เพื่อหา
ข้อผิดพลาดและหาทางแก้ไขให้ได้ผลดีและสมบูรณ์ยิ่งข้ึน แล้วนาแบบร่างมาเขียนใหม่ตามข้อแก้ไข
เป็นแปลนทีด่ ีกว่าเดิม
3.3 แปลนสมบูรณ์ (final plan) เป็นแปลนท่ีเป็นท่ียอมรับจากผู้
ว่าจ้างหรือลูกค้าที่ไม่มีการแก้ไขใด ๆ แล้ว โดยที่แปลน (plan) หมายถึง ลายเส้นที่แสดงให้เห็นถึง
ขอบเขตหรือลักษณะของวัตถุโดยการมองจากที่สูงลงมาเป็นภาพ 2 มิติ แปลนมีหลายประเภท เพ่ือ
เน้นถงึ แต่ละเนื้อหาทีเ่ หมาะสม คือ

11

3.3.1 Master Plan คือ แปลนที่สมบูรณ์แล้วในพ้ืนที่กว้างใหญ่
อาจจะมีเน้อื ทเี่ ป็นรอ้ ย ๆ ไร่ นยิ มใชม้ าตราส่วน (scale) ประมาณ 1:1,000 หรือ 1:2,000

3.3.2 Site Plan อาจเป็นส่วนหนึ่งของ Master Plan หรือ
เป็นตัว Master Plan เองก็ได้ (พ้ืนท่ีต่ากว่า 100 ไร่) เพราะ Master Plan ท่ีมีขนาดใหญ่มากจะขาด
รายละเอียดเรื่องเส้น รูปร่างของวัตถุ หรือเส้นระดับ (contour) และตาแหน่งของโครงสร้างท่ีเล็ก ๆ
จึงมกี ารใช้ Site Plan เพ่อื ขยายบางตอนของแปลนใหญ่ ใชม้ าตราส่วน 1:100 หรอื 1:200-500

3.3.3 Detail Plan ใช้ขยายบางส่วนที่เน้นถึงความสวยงาม
เฉพาะจดุ จาก Site Plan เพอ่ื ตอ้ งการใหร้ ายละเอียดที่เด่นชัดมากขน้ึ

3.3.4 Schematic Plan เป็นแผนผังแสดงถึงทิศทางการสัญจร
(circulation) และความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ ภายในพื้นที่ หรือเป็นแผนผังแสดงถึงข้อมูลและ
วสั ดุทใี่ ชใ้ นการบรรยายแปลนใหญ่

3.3.5 Staging Plan เป็นแปลนท่ีแสดงถึงขั้นตอนในการ
กอ่ สรา้ งตา่ ง ๆ ของ Master Plan เป็นขัน้ ๆ จากความสาคัญมากไปหาน้อย เพื่อเปน็ ประโยชนใ์ นการ
ก่อสรา้ งสว่ นทจ่ี าเปน็ กอ่ น เนื่องจากงบประมาณท่จี ากดั ในแต่ละปี

3.3.6 Construction Plan แสดงถึงรายละเอียดของวัสดุ
ระยะทางท่ีแน่นอน แผนผงั โครงสรา้ ง และสงิ่ อื่น ๆ ที่จาเป็น

3.3.7 Planting Plan เป็นแปลนท่ีแสดงถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ
ต้นไม้ ช่ือ ระยะห่างระหว่างปลูก และจานวนของต้นไม้ท่ีใช้ โดยใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ และหมายเลข
แทนช่อื ตน้ ไม้และอื่น ๆ

1.4 ข้อมูลพน้ื ฐำนของเทศบำลเมืองทุง่ สง จงั หวัดนครศรีธรรมรำช
เทศบาลเมืองทุ่งสง เป็นเมืองท่ีตั้งอยู่ในเขตท้องท่ีตาบลปากแพรก อาเภอทุ่งสง จังหวัด

นครศรีธรรมราช ตาแหน่งท่ีตั้งของทุ่งสง อยู่กึ่งกลางคาบสมุทรมีเส้นทางเช่ือมต่อระหว่างทะเลอ่าว
ไทยกับทะเล อันดามัน ทาให้เมืองทุ่งสงเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าข้ามคาบสมุทร ในสมัย
อาณาจักรตามพรลิง และสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช หลักฐานท่ียังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันคือ
ร่องรอยชุมชนโบราณท่ีได้รับอิทธิพลของ วัฒนธรรมอินเดียที่ตาบลหนองหงส์ สันนิษฐานว่าเส้นทาง
คาบสมุทรเส้นน้ีเร่ิมต้นจากปากแม่น้ากันตัง กองเรือ สินค้าท่ีมาจากอินเดีย ลังกา หรือชาวตรัง จะ
ลอ่ งเรือเข้ามาตามแม่นา้ กันตงั ผ่านมาทางคลองท่าหลวง เข้าคลองวังหีบ คลองท่าเลา คลองท่าโหลน
ข้ึนบกที่บริเวณวัดชัยชุมพล เมืองทุ่งสง แล้วเดินทางเท้าเข้าอาเภอร่อนพิบูลย์ข้ามคลองเสาธง เข้าสู่
เมืองนครศรีธรรมราช ในยุคสมัยน้ีทุ่งสงคงมีฐานะเป็นชุมชนไม่ขยายใหญ่โตขนาดเมืองมาถึงสมัย
รัตนโกสินทร์ ทุ่งสงเจริญขึ้นเป็นลาดับ จนกระทั่งในสมัยรัชกาลท่ี 5 เม่ือปี พ.ศ. 2440 เมืองแห่งน้ี ก็
ได้รับการแต่งต้ังให้เป็นอาเภอข้ึนกับนครศรีธรรมราช คนเก่าเล่าว่า ชุมชนแรกของเมืองทุ่งสงต้ังอยู่
บริเวณตลาดใน ริมคลองท่าเลาใกล้ ๆ บริเวณหอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสงในปัจจุบัน ต่อมา
ได้มีการสร้างทางรถไฟสายใต้ โดยทางรถไฟซึง่ มีการสร้างและเปิดใช้งานเป็นช่วง ๆ ต้งั แต่สมัยรัชกาล

12

ที่ 5 มาสาเรจ็ เสรจ็ สิน้ ตลอดสายในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เลือกทุ่งสง (ตาบลปากแพรก) เป็นสถานีชมุ ทาง
ใหญ่ เปน็ จดุ รวมและจุดจ่ายรถไฟแยกไปส่วนตา่ ง ๆ ของภาคใต้

1.4.1 ท่ีตั้งและอำณำเขต
เทศบาลเมืองทุ่งสง ต้ังอยู่ในอาเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของทางภาคใต้

ห่างจากกรุงเทพมหานคร 780 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 7.17 ตารางกิโลเมตร (2.77 ตร.ไมล์) มีอาณาเขต
ติดตอ่ ดังต่อไปนี้

ทิศเหนอื ติดตอ่ กับ ตาบลนาหลวงเสน
ทิศใต้ ติดตอ่ กบั ตาบลชะมาย
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับ ตาบลถ้าใหญ่
ทิศตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กบั ตาบลชะมาย

ภาพประกอบที่ 2.1 แสดงทตี่ ้ังเทศบาลเมืองทุ่งสง
ที่มา: สานกั งานเทศบาลเมืองท่งุ สง อาเภอทุ่งสง จังหวดั นครศรธี รรมราช, 2560

13

1.4.2 กำรเดินทำง
เส้นทางการคมนาคม การเดินทางเข้าสู่เทศบาลเมืองทุ่งสง : การเดินทางจากตาบล

ถ้าใหญ่ เดินทางโดยใช้รถยนต์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มีถนนลาดยางเข้าสู่ตัวเทศบาลเมืองทุ่งสง
รถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยให้บริการสู่ อาเภอทุ่งสง ท้ังเป็นสถานี

ปลายทางและเปน็ สถานขี บวนรถผ่าน
1.4.3 ลกั ษณะภูมอิ ำกำศ
ลักษณะภมู ิอากาศของอาเภอทงุ่ สง สามารถแบง่ ออกได้ 2 ฤดู คอื
ฤดรู ้อน เริม่ ตั้งแต่กลางเดอื นธนั วาคมถึงเดอื นพฤษภาคม ซง่ึ เป็นช่วงเปลี่ยนฤดมู รสุม

หลังจากส้ินฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว อากาศจะเร่ิมร้อนจัดท่ีสุดในเดือนเมษายนและเดือน
พฤษภาคม

ฤดูฝน เร่ิมตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถงึ เดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มรสุมตะวันตก
เฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทาให้ฝนตกทั่วไป ในช่วงฤดูฝนยังมีช่วงความกดอากาศต่าปกคลุม
ภาคใต้เป็นระยะ ๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงทาให้ฝนตกมาก และเนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งอยู่
ทางด้านตะวันออกของภาคใต้ จึงทาให้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย
อย่างเต็มท่ี ทาให้ฝนตกมากในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมด้วยเหตุนี้ อาเภอทุ่งสงจึงไมม่ ีหน้าหนาว
มเี พยี งฤดูร้อน และฤดฝู นทยี่ าวนานมาก

1.4.4 อุณหภูมิ
อุณหภูมิมีค่าเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 27.32 องศาเซลเซียส เนื่องจากเทศบาลเมือง

ทุ่งสง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกจึงได้รับอิทธิพลจากสมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือท่ีพัดผ่านอ่าวไทย ทา
ให้ได้รับไอน้าและความชุ่มช่ืนมาก จึงมีอุณหภูมิเฉล่ียตลอดทั้งปีไม่สูงมากนัก เดือนท่ีมีอุณหภูมิสูงสุด
คอื เดือนเมษายน เฉลย่ี 36.4 องศาเซลเซียส และต่าสุดในเดือนธนั วาคม เฉล่ยี 20.4 องศาเซลเซียส

1.4.5 ปรมิ ำณน้ำฝน
จากสถิติภูมิอากาศจะมีฝนตกตลอดปี ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณ

ฝนตกชกุ กวา่ ลมมาสุมตะวันตกเฉยี งใต้ ซึ่งได้รบั กระแสลมจากมรสุมไมเ่ ตม็ ที่ เดือนที่มีฝนตกน้อยท่ีสุด
คือเดือนกุมภาพันธ์ มีค่า 0.06 มิลลิลิตร ส่วนปริมาณน้าฝนเฉลี่ยรวมตลอดปีประมาณ 2,364.2
มลิ ลลิ ิตรต่อปี

14

2. งำนวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง
วิรุจ ถิ่นนคร (2556) ได้ทำกำรศึกษำกำรปรับปรุงภูมิทัศน์เพ่ือส่งเสริมคุณค่ำและ

ความสาคญั ด้านมรดกทางวฒั นธรรมวดั พระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวดั นครศรีธรรมราช สกู่ ารเสนอ
ชื่อเป็นแหล่งมรดกโลก ผลการศึกษาพบว่า พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงลังกาหรือทรงระฆังอยู่
ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และ
โบราณคดใี นหลายมิติ เช่น การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ รูปแบบทาง
สถาปัตยกรรมท่ีเป็นต้นแบบ และคติความเชื่อที่ถ่ายทอดมาเป็นประเพณีท่ีสืบทอดตั้งแต่อดีตถึง
ปัจจุบัน เนื่องด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนราชการ และภาคเอกชนได้ร่วมกันเสนอให้วัดพระ
มหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราชข้ึนบัญชีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม สานักวิชา
สถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ศึกษาและออกแบบปรับปรุงภูมิ
ทัศน์พ้ืนท่ีอนรุ ักษ์สาคัญ (core zone) บรเิ วณภายในวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอรูปแบบการปรับ
ภูมิทัศน์พื้นท่ีอนุรักษ์สาคัญ โดยศึกษาจากเกณฑ์การพิจารณาในการขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกทาง
วัฒนธรรมของยูเนสโก กฎหมายต่างๆ ท่ีควบคุมในพ้ืนที่ แนวคิดในการอนุรักษ์แหล่งมรดก
ประวัติศาสตร์ ปรัชญา คติความเช่ือ ขนบธรรมเนียมประเพณีและกิจกรรมต่าง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง และนา
ผลการวิเคราะห์ทางด้านกายภาพในแต่ด้าน ซึ่งประกอบด้วย การใชป้ ระโยชน์ท่ีดิน เส้นทางสัญจร ท่ี
เปิดโล่ง มุมมอง และรปู แบบการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม เพ่ือนาไปสู่แนวทางในการปรับปรุงภูมิทัศน์
และการกาหนดมาตรการควบคุมในด้านต่างๆ โดยสร้างความสาคัญเพ่ือให้วัดพระมหาธาตุ
วรมหาวิหาร เป็นโบราณสถานท่ีมีคุณค่า และมีความสอดคล้องกับเกณฑ์ตัวชี้วัด ในการประกาศ
คณุ ค่าโดดเด่นอันเปน็ สากล (Outstanding Universal Value: OUV) ของแหล่งมรดกทางวฒั นธรรม

พงศ์ศักดิ์ วัฒนสินธ์ุ และนิลุบล คล่องเวสสะ (2556) ได้ทาการศึกษาแนวทางการปรับปรุง
ภูมิทัศน์ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่นเพื่อสนับสนุนแนวคิดเมืองสีเขียว ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบัน
ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่นสามารถปฏิบัติตามแนวทางของเมืองสีเขียวได้ 2 ใน 5 ด้าน กล่าวคือ
ด้านท่ีสามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ คือ ด้านพ้ืนที่สีเขียวและด้านการกาจัดขยะ ส่วนด้านที่ไม่สามารถ
ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ คือดา้ นการจดั การด้านพลังงาน ด้านการจัดการน้าอย่างมีประสิทธภิ าพ และด้าน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลการศึกษาครั้งน้ีได้นามาใช้เสนอแนะแนวทางการปรับปรุงภูมิทัศน์
ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่นในส่วนท่ียังไม่ได้ตามเกณฑ์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นศูนย์ราชการตามแนวคิด
เมอื งสเี ขยี วทดี่ ียิ่งขึน้ ต่อไป

จามรี อาระยานิมิตสกุล (2550) ได้ทาการศึกษาแนวทางการออกแบบปรบั ปรุงภูมิทัศน์ทาง
หลวง ผลการศึกษาพบว่า เป้าหมายเพื่อจัดทาแนวทางการออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ทางหลวง
โดยรวบรวมจากหลักการสากล และลกั ษณะปัญหาหรืออปุ สรรคที่เกิดขึ้นในงานภูมิทัศนท์ างหลวงของ
ประเทศไทย แนวทางท่ีจดั ทาข้นึ นี้จะกล่าวถงึ บทบาทของงานภูมสิ ถาปตั ยกรรมในขัน้ ตอนต่างๆ ตัง้ แต่

15

ข้ันตอนของการกาหนดเส้นทาง การจัดทาทางเลือกเส้นทาง การออกแบบ การประมาณราคา การ
ก่อสร้าง จนถึงข้ันตอนการดูแลรักษา เพื่อให้ผู้ท่ีทางานทางหลวงและภูมิทัศน์ทางหลวงตระหนักและ
คานึงถึงปจั จัยทางด้านธรรมชาติ ความสวยงาม ทิวทัศน์ ความร่ืนรมย์ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยและ
ความคล่องตวั ในการสัญจร

ตรีชฎา ศรีระษา (2560) ได้ทาการศึกษาการออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ชุมชนเพ่ือลด
ผลกระทบจากปัญหาน้าท่วมกรณีศึกษา หมู่บ้านเมืองทองการ์เด้นท์ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
ผลการศึกษาพบว่า เขตประเวศกรุงเทพมหานครมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ตา่ รับนา้ ซึ่งในอดีต
มีห้วยหนองคลองบึงและที่ว่างเป็นจานวนมากไม่มีปัญหาน้าท่วมมากนักทั้งความเดือดร้อนเสียหาย
ทางเศรษฐกจิ อันเน่ืองมาจากสภาวะน้าทว่ มยงั ไม่รุนแรงตอ่ มาความเจริญไดเ้ ติบโตขึน้ อยา่ งรวดเร็วเกิน
กว่าที่การวางผังเมืองการใช้ที่ดินและการสาธารณูปโภครวมทั้งมาตรการในการระบายน้าและการ
ป้องกันน้าท่วมท่ีวางไว้จะรับได้สาเหตุหลัก ๆ คือการถูกทาลายของสภาพการระบายน้าท่ีอยู่ตาม
ธรรมชาติการสร้างถนนอาคารในลักษณะท่ีกีดขวางทิศทางการไหลของน้าการทาลายสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะพ้ืนที่ชมุ ชนเมืองที่มกี ารพัฒนาแหล่งท่ีอยู่อาศยั เพิ่มมากขึ้นซึ่งนอกจากปัจจัยทางธรรมชาติก็
มีปัจจัยเหล่านี้ที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์เป็นสาเหตุท่ีทาให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนเมือง
ภายหลังการสารวจพื้นที่กรณีศึกษาได้นาข้อมูลท่รี วบรวมได้ด้านกายภาพยังพบประเดน็ ของการรุกล้า
ที่ดนิ ตามชายคลองสองฝั่งและขยะในลาคลองมีน้าเน่าเสียซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชวี ิตของผู้อยู่อาศัยและ
ส่งผลกระทบก่อให้เกิดปัญหาน้าท่วมซ้าซากโดยเฉพาะบริเวณถนนศรีนครินทร์และในพ้ืนที่หมู่บ้าน
จดั สรร

16

3. กรอบแนวคิดของกำรศกึ ษำ
การศึกษาคร้ังน้ี มุ่งสารวจและออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองทุ่งสงโดยประชาชนมีส่วนร่วม

ในเขตเทศบาลเมอื งทุ่งสง จังหวดั นครศรีธรรมราช โดยมกี รอบแนวคิดของการวิจยั
เตรียมการ/กาหนดพื้นที่สารวจ

สารวจ

ดา้ นกายภาพ สภาพแวดล้อม และศักยภาพพ้ืนที่

วิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์ข้อมูล การมสี ว่ นร่วมจากภาคประชาชน
การถา่ ยทอดเทคโนโลยี
ออกแบบปรับปรุงภมู ิทศั น์

รักษา

ภาพประกอบท่ี 2.2 กรอบแนวคิดของการศึกษา

17

บทท่ี 3

วิธีกำรศกึ ษำ

การศึกษาวิเคราะห์พ้ืนทส่ี ีเขียว ท่ีมศี ักยภาพในการออกแบบปรับปรุงภมู ิทัศน์ ในเขตชุมชน
เทศบาลเมืองทงุ่ สง จังหวดั นครศรธี รรมราช โดยการ สำรวจ และวเิ ครำะห์ เพ่ือกาหนดแนวความคิด
ในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด
นครศรธี รรมราช ซึ่งมีรายละเอียดตอ่ ไปนี้

1. เตรียมการโดยการศึกษาลักษณะท่ัวไป เพื่อสารวจ วิเคราะห์ปัจจัยทางด้านกายภาพ
สภาพแวดล้อม และศักยภาพของพนื้ ทส่ี เี ขียว ในเขตเทศบาลเมืองทงุ่ สงเพือ่ ออกแบบปรับปรุงภมู ิทศั น์
ประกอบไปด้วยพน้ื ท่ีดังนี้ (ดังภาพประกอบท่ี 3.1)

- พนื้ ทบ่ี รเิ วณถนนเส้นทางด้านฝัง่ ถนนทุ่งสง - สุราษฎรธ์ านี
- พน้ื ที่บริเวณถนนเส้นทางดา้ นฝงั่ ถนนทุ่งสง – หว้ ยยอด
- พน้ื ทบ่ี ริเวณถนนเสน้ ทางด้านฝง่ั ถนนทงุ่ สง – นครศรีธรรมราช
- พน้ื ทบ่ี รเิ วณสวนสาธารณะเฉลมิ พระเกยี รติ ร.5
- พน้ื ทบ่ี รเิ วณสวนสาธารณะถ้าตลอด
- พน้ื ทบ่ี รเิ วณสวนสาธารณะสถานรี ถไฟชุมทางทุ่งสง
- พื้นที่บริเวณโรงเรยี นเทศบาลวัดชัยชมุ พล
- พื้นทบี่ ริเวณโรงเรยี นรีสอร์ทอนุบาลท่งุ สง
- พน้ื ทบี่ รเิ วณโรงเรยี นกีฬาเทศบาลเมืองทงุ่ สง
- พ้นื ท่บี รเิ วณสนามหน้าทว่ี ่าการอาเภอทงุ่ สง
- พน้ื ทบ่ี ริเวณหอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมอื งทุ่งสง
- พ้นื ท่ีบริเวณสานกั งานเทศบาลเมอื งทงุ่ สง

18

ภำพท่ี 3.1 แสดงขอบเขตพนื้ ทศ่ี กึ ษาขอ้ มูล

19

2. ศึกษาความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น นักท่องเท่ียว โดยการจัดประชุมกลุ่ม สร้าง

เวทีการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการต่างๆ ในประเด็นการ

ออกแบบปรบั ปรุงภูมิทศั น์และสภาพแวดลอ้ ม ในเขตเทศบาลเมอื งทงุ่ สง จงั หวัดนครศรีธรรมราช

2.1 พื้นที่ศกึ ษา
การศึกษ าคร้ังนี้ กาห น ดพื้ น ที่ ศึกษ าใน เขตเท ศบ าลเมื องทุ่ งสง จังห วัด

นครศรีธรรมราช โดยการจัดเวทีการมีส่วนร่วม เชิญผู้เก่ียวข้อง ได้แก่ นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง
คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตัวแทนชุมชนทั้ง 20 ชุมชน และ
ตัวแทนจากสถาบนั การศกึ ษา จากมหาวทิ ยาลยั ในพ้นื ท่ีรวมถึงผู้บริหารสถานศกึ ษาโรงเรยี นในสังกดั

2.2 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
2.2.1 ประชากรทศี่ ึกษา

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ี คือ ประชากรในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง
และนกั ท่องเทีย่ วท่ีเคยมาเยือนเมอื งทงุ่ สงโดยการตอบแบบสอบถามจานวน 400 ตัวอย่าง

2.3 เครื่องมือและวิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

2.3.1 เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการศึกษา
เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษาครงั้ น้ีใช้แบบสอบถาม แบบมีโครงสรา้ งทสี่ รา้ งขึ้น
จากแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ประกอบด้วยคาถามปลายปิด (Closed-ended

Questions) และคาถามปลายเปิด (Open-ended Questions) ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 คาถามเกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไปของผู้ให้ข้อมูล ลักษณะคาถามเป็น

คาถามปลายปดิ และคาถามปลายเปิด

ส่วนท่ี 2 คาถามเกี่ยวกับระดับพื้นท่ีสีเขียวที่มีศักยภาพในการออกแบบ
ปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ลักษณะ
คาถามจะเป็นแบบให้เลือกตอบ 5 ระดับ ตามความคิดเห็น (Rating Scale) โดยให้ผู้เลือกตอบเพียง

คาตอบเดียว มีเกณฑ์การให้คะแนนเป็นดงั นี้ (บญุ สม ภเู่ จริญ, 2555)

มากท่สี ดุ 5 คะแนน

มาก 4 คะแนน

ปานกลาง 3 คะแนน
น้อย 2 คะแนน
น้อยทส่ี ุด 1 คะแนน

เกณฑ์การแปลผล ใช้เกณฑ์การแปลผลตามหลักเกณฑ์การแบ่งแบบใช้อันตรภาคชั้น
โดยใช้คะแนนสูงสุด – คะแนนต่าสุด ผลลัพธ์ท่ีได้หารด้วยจานวนช้ันที่แบ่ง ซึ่งในการคร้ังน้ีคะแนน
สูงสุด คือ 5 และ คะแนนต่าสุด คือ 1 ค่าอันตรภาคช้ันท่ีได้ คือ 0.80 และนามากาหนดขอบเขต
มธั ยฐานในการอ่านช่วงคา่ เฉลยี่ ดงั นี้

20

ขอบเขตมัธยฐาน = 4.21 – 5.00 หมายถึง มากทส่ี ดุ
ขอบเขตมัธยฐาน = 3.42 – 4.20 หมายถงึ มาก
ขอบเขตมธั ยฐาน = 2.61 – 3.40 หมายถงึ ปานกลาง
ขอบเขตมัธยฐาน = 1.81 – 2.60 หมายถึง น้อย
ขอบเขตมัธยฐาน = 1.00 – 1.80 หมายถึง น้อยทสี่ ดุ
ส่วนที่ 4 ข้อเสนอแนะและความต้องการของประชาชนเก่ียวกบั พ้นื ท่ีสีเขียว
ท่ีมีศักยภาพในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ลักษณะคาถามเป็นแบบปลายเปดิ ผู้ตอบแบบสอบถามมีอสิ ระในการตอบคาถาม
2.4 การตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมอื
เพื่อให้เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลในส่วนท่ีเก่ียวกับการวัดทัศนคติ
ด้านความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูล มีความถูกต้อง น่าเช่ือถือ จะต้องมีการทดสอบแบบก่อนนาไปใช้จริง
(Try out) ในกลุ่มประชากรในพื้นท่ีๆ ไม่ได้รับการสุ่มคัดเลือกเป็นตัวอย่าง แล้วนามาหาความเช่ือมั่น
ของตัวช้ีวัด (Reliability) โดยวิธขี องครอนบาค (Cronbach, s alpha coefficient) (สุชาติ ประสิทธิ์
รัฐสินธิ์, 2540 : 226) โดยการวิเคราะห์รายข้อ (Item analysis) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้อง
ภายใน (Internal consistency) และคานวณคา่ สมั ประสิทธอิ์ ัลฟาของตัวช้วี ดั หากพบว่าตัวชี้วดั ใดให้
ความเชื่อมั่นต่า จะพิจารณาตัดบางข้อคาถามออกไป เพ่ือทาให้ค่าความเช่ือม่ันสูงข้ึน ส่วนข้อคาถาม
อื่นๆ พยายามปรับปรุงแก้ไขข้อคาถามบางข้อท่ีสังเกตว่าผู้ตอบเข้าใจยากและอาจทาให้เกิดความ
คลาดเคลอ่ื นในขอ้ คาถามได้ ใหม้ ีความกระชบั และเปน็ ภาษาทเี่ ขา้ ใจง่ายขึน้
2.5 การวิเคราะห์ขอ้ มูล
วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใชโ้ ปรแกรมสถิตสิ าเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ (Statistical
package for the social science, SPSS) (ศิริชยั พงษว์ ิชยั , 2543)
การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนนี้โดยใช้โปรแกรมสถิติสาเร็จรูปทางสังคมศาสตร์
(Statistical package for the social science, SPSS) โดยใช้สถติ ิดังตอ่ ไปน้ี
1. สถิติเชงิ บรรยาย (Descriptive statistic)

(1) ค่าร้อยละ (percentage) เพื่ออธิบายข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างท่ีเป็น
ขอ้ มูลระดับนามบญั ญตั ิ (Nominal scale) และข้อมลู ระดบั มาตราอนั ดบั (Ordinal scale)

(2) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard deviation) เพ่ืออธิบายข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นข้อมูลระดับช่วง (Interval scale)
และข้อมูลระดับอัตราส่วน (Ratio scale)

21

2. สถิติเชงิ อ้างองิ (Inferential statistic)
(1) การทดสอบแบบทีกรณี 1 กลุ่มตัวอย่าง (One sample t - test)

เพอ่ื เปรยี บเทียบกบั เกณฑท์ ี่ตัง้ ไว้ โดยใชส้ ตู รดังน้ี (ฉัตรศริ ิ ปิยะพิมลสิทธ์ิ, 2545: 63)

t = โดยมี df = n - 1

เมอื่ แทน คา่ เฉลีย่ ของกลุ่มตัวอยา่ ง

S แทน คา่ เฉล่ยี ของกลุ่มประชากร หรือ เกณฑ์ทตี่ ้ังขน้ึ
n
df แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อย่าง
แทน ขนาดของกลุม่ ตัวอยา่ ง
แทน ชั้นแหง่ ความเป็นอสิ ระ (Degree of freedom)

3. เสนอแนวความคิดในการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมในเขตเทศบาล
เมอื งทุ่งสง จังหวดั นครศรีธรรมราช

4. ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมในเขต
เทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมท้ังเผยแพร่ความรู้ ผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ของ
เทศบาลเมอื งทงุ่ สง จังหวดั นครศรีธรรมราช

22

บทท่ี 4

ผลกำรศึกษำ

4.1 ผลกำรศึกษำปัจจยั ทำงดำ้ นกำยภำพ สภำพแวดลอ้ ม และศกั ยภำพของพืน้ ทีส่ ีเขยี ว ในเขต
เทศบำลเมอื งทุ่งสง

4.1.1 ปัจจัยทำงด้ำนกำยภำพ และสภำพแวดล้อม
4.1.1.1 ลกั ษณะกำรใชท้ ด่ี นิ ในเขตเทศบำล มี 4,481.25 ไร่ดังน้ี

ก.) การใช้ท่ีดินประเภทที่อยู่อาศัย การใช้ที่ดินประเภทท่ีอยู่อาศัย มีพื้นที่ประมาณ 470.62
ไร่ มกี าร กระจุกตัวในเขตเมือง และมีการขยายตวั เพิ่มข้ึนในรูปของอาคารตึกแถว ทาวเฮ้าส์ และบา้ น
จดั สรร ในพน้ื ทว่ี า่ งระหวา่ ง ชมุ ชนเมืองกบั ถนนชนปรดี า ถนนทุ่งสง-นาบอน ถนนยุทธศาสตร์ ถนนชัย
ชุมพล ถนนประชาอุทิศ เสริมชาติ ทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 41 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
403

ข.) การใช้ดนิ ประเภทสถาบันศาสนาและสถาบันการศึกษา ประมาณ 130.93 ไร่ การใช้ที่ดิน
ประเภท สถาบันศาสนามีพื้นที่ประมาณ 33.00 ไร่ มีวัด จานวน 5 แห่ง ได้แก่ วัดเขาปรีดี วัดโคก
สะท้อน วัดท่าแพ วัดชัยชุมพล ศาลเจ้าซาปอกง มีสถาบันการศึกษา พื้นท่ีประมาณ 64 ไร่ ได้แก่
โรงเรียน 11 โรงเรยี น คอื โรงเรียนสตรีทุ่งสง โรงเรยี นมธั ยมเทศบาลวัดท่าแพ โรงเรยี นเทศบาลบ้านนา
เหนือ โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน โรงเรียนเจริญวิทยา โรงเรียนรัตนศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัด
ชัยชุมพล โรงเรียนกาญจน์ศกึ ษา โรงเรียนเจรญิ วัยวทิ ยา โรงเรียน เสริมปัญญา โรงเรยี นตันตวิ ตั ร

ค.) การใช้ท่ีดินประกอบสถาบันราชการ การสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ มีพ้ืนที่
ประมาณ 135.49 ไร่ ได้แก่ โรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองทุ่งสง สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง ท่ีทาการวิศวกร
กากับการเขตบารุงทางทุ่งสง แผนก 2 กองกากับการ 2 กองตารวจรถไฟ ธนาคารออมสิน ท่ีทา
การแพทย์เขตทุ่งสง และท่ีทาการ ร.ส.พ. ทุ่งสง สานักงานเทศบาล เมืองทุ่งสง สถานธนานุบาล
เทศบาลเมืองทุ่งสง สถานีดับเพลิง หอสมุดประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง ธนาคารกรุงไทย จากัด
(มหาชน) สาขาทุ่งสง ที่ทาการไปรษณีย์โทรเลขอาเภอทุ่งสง ท่ีว่าการอาเภอทุ่งสง สานักงานสื่อสาร
ไปรษณยี เ์ ขต 8 ศาลาประชาคม และสถานีตารวจภูธรอาเภอทุ่งสง ชุมสายโทรศพั ทท์ ุ่งสง

ง.) การใช้ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่
ประมาณ 210 ไร่ ประกอบด้วย เขาแจ่ม เขายายสีหวัง เขาถ้าตลอด เขาปรีดี เขาราบ เขาพนังเกียด
สนามเทนนิสการรถไฟแห่งประเทศ ไทย สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 สนามหน้าที่ว่าการ
อาเภอทงุ่ สง อาคารส่งเสริมกฬี าประชาชน สวนสาธารณะถ้าตลอด สวนพฤกษาสิรนิ ธร

23

จ.) การใช้ท่ีดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม มีพื้นท่ีประมาณ 1,957.11 ไร่ เป็นพ้ืนท่ี
ชุมชนเมือง ดั้งเดิม ถนนเสริมชาติฟากตะวันตก ฟากทางใต้บริเวณข้างโรงเรียนเทศบาลวัดท่าแพ
บรเิ วณชุมชนทา่ แพ เปน็ สวนยางพารา และปลูกผลไม้บางส่วน

ฉ.) การใชท้ ีด่ นิ ประเภทอนุรักษ์ปา่ ไม้ประกอบด้วย ภเู ขาแจ่ม ภเู ขายายสีหวัง ภูเขาราบ และ
ภเู ขาชยั ชุมพล

ช.) การใชท้ ดี่ ินเพื่อการพาณชิ ยกรรม มพี ื้นทปี่ ระมาณ 392.10 ไร่
ซ.) การใช้ที่ดนิ เพ่อื การอตุสาหกรรม มีพนื้ ทป่ี ระมาณ 291.91 ไร่
ญ.) การใชท้ ิดี่ นิ เพอื่ เปน็ ที่ตัง้ สถานศึกษาและศาสนา มีพื้นท่ีประมาณ 130.93 ไร่
ฎ.) พ้นื ที่ว่าง มีพืน้ ท่ีประมาณ 893.09 ไร่

4.1.1.2 แหล่งน้ำและระบบนเิ วศเดิม
ก .คลอง เทศบาลเมืองท่งุสง มีคลองทั้งหมด 4 สาย
1) คลองท่าเลา พบว่า เป็นต้นน้าที่ไหลเข้าเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง

มีการก่อสร้างบ้านเรือนรุกล้าเขตลาคลองในเขตการรถไฟแห่งประเทศไทย สภาพลาคลองต้ืนเขินมี
การสร้างกาแพงคอนกรีตสองฝ่ังลาคลอง มีความกว้างของลาคลองเฉล่ียประมาณ 12 เมตร ตลอด
แนวของโรงเรียนรัตนศึกษาชายเขา ไหลผ่านบ้านพักรถไฟ วัดโคกสะท้อน และผ่านหน้าหอสมุด
ประชาชนเทศบาลเมืองทุ่งสง แนวลาคลองจะปรากฏเห็นเป็นการพัฒนาเมืองโดยการก่อสร้างถนน
ร่วมคลองซ่ึงมีความกว้างเฉล่ียประมาณ 8-10 เมตร ลาคลองจะโผล่อีกคร้ังเลยส่ีแยกไฟแดงตลาด
เกษตร ซึ่งลาคลองสายน้ีมีการสร้างถนนขนานไปกับลาคลอง ส่วนใหญ่ลาคลองสายนี้มีการ
เปลี่ยนแปลงธรรมชาตดิ ้งั เดิม และจดุ สุดทา้ ยที่ลาคลองอยตู่ รงบริเวณ บรษิ ัท ยางไทยปักษใ์ ต้ จากัด

2) คลองท่าโหลน พบว่า เป็นต้นน้าท่ีไหลในเขตเทศบาลเมืองทุ่ง
สง มีการก่อสร้างบ้านเรือนรุกล้าเขตลาคลอง สภาพลาคลองตื้นเขินมีความกว้างของลาคลองเฉล่ีย
ประมาณ 10 เมตร จากโรงเรยี นเทศบาลบ้านนาเหนือไหลผ่านหน้าสวนสาธารณะ ร.5 ซ่ึงบริเวณตรง
นั้นมกี ารสร้างร้านคา้ เป็นส่วนใหญ่ ลาคลองบริเวณนี้มีการสร้างถนนควบคู่กับลาคลองโดยลาคลลองมี
การเปลี่ยนแปลงธรรมชาติด้ังเดิม และจุดสุดท้ายของลาคลองอยู่บริเวณถนนเลียบรางรถไฟติดถนน
สาย 41 หลังวัดชัยชุมพลลาคลองตรงนี้ยังมีสภาพสมบูรณ์มีต้นไม้หลากหลายชนิดอยู่บริเวณท้ัง 2 ลา
คลอง

24

3) คลองตม พบว่า เป็นคลองสาขาเล็กๆ ท่ีเทศบาลเมืองทุ่งสง ใช้
เป็นคลองลาเลียงและบาบัดน้าเสียจากครัวเรือน ก่อนปล่อยสู่ลาคลอง ความกว้างของลาคลองเฉล่ีย
ประมาณ 7 เมตร จุดเร่มิ ต้นของคลองตม เร่มิ ต้นบริเวณศาลาพ่อท่านคล้าย ตรงที่ทาการชุมชน
ยุทธศาสตร์ ไหลลอดผ่านริมรางรถไฟสถานีรถไฟชมุ ชนทางทุ่งสง ผ่านภัตคารแสงไทย บริเวณนน้ั มีไม้
ยืนต้นและพืชพรรณไม่ก่ีชนิด และจุดสุดท้ายลาคลองอยู่ข้างธนาคารอิสลามจากนั้นก็ไหลตามท่อ
ระบายนา้ ใตท้ อ้ งถนนและไหลไปบรรจบกับคลองทา่ เลาท่ไี หลมาจากหนา้ หอสมุดเทศบาลเมอื งท่งุ สง

4) คลองท่าแพ พบว่า เป็นคลองที่สาคัญต่อชุมชนเมืองทุ่งสง
สาหรบั ใชป้ ระโยชน์ในการอปุ โภคและบริโภค โดยลาคลองสายนี้ได้ใช้เป็นน้าดิบผลิตน้าประปา ความ
กว้างของลาคลองเฉล่ียประมาณ 10 เมตร จุดเริม่ ต้นของคลองท่าแพ เริ่มต้นบริเวณวัดท่าแพ บรเิ วณ
น้ันมไี ม้ยืนต้นและพืชพรรณหลากหลายชนิด จากน้ันไหลผา่ นบรเิ วณข้างร้านไดโนเสาร์ และไหลไปจุด
สุดทา้ ยลาคลองตรงทส่ี วนธารณะพฤกษาสริ ินธร

ข. หนองนำ้ /บึง ประกอบด้วยแหลง่ นา้ 2 แห่ง
1) หนองป่าแก่ เป็นแหล่งนา้ ท่ีกักเก็บน้า เพื่อใช้ประโยชน์ในด้าน

เกษตรกรรม โดยมีลาห้วยไหลออกไปยังพ้ืนท่ีบริเวณเขาแจ่มจึงมีความเพียงพอตลอดทั้งปี เพราะมี
การเข้าถึงแหล่งน้าเพ่ือการเกษตรอย่างท่ัวถึง คิดเป็นร้อยละ 30 ของครัวเรือนที่เข้าถึงแหล่งน้าเพ่ือ
การเกษตร

2) หนองน้าสวนพฤกษาสิรินธร ในพ้ืนท่ีของสวนพฤกษาสิรินธร
สวนสาธารณะของเทศบาลเมืองทุ่งสง ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ชุ่มน้ามีความหลากหลายทางชีวภาพในด้าน
พรรณพืชและส่ิงมีชีวิต มีหนองน้า และลาห้วยเล็กๆ ไหลผ่านตลอดท้ังปีจึงมีปริมาณน้าเพียงพอตลอด
ท้ังปี โดยมีพ้ืนที่ของชุมชนบ้านในหวังเป็นพื้นท่ีรับประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 80 ของครัวเรือนท่ีเข้าถึง
แหล่งนา้ เพ่ือการเกษตร

ค. ฝาย
เทศบาลเมืองท่งุ สงได้ให้ความสาคัญด้านทรัพยากรแหลง่ น้าจึงได้มีการสร้างฝายเพ่ือชะลอน้า
ไว้ใช้ในการเกษตรกรรม และเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรแวดล้อมลาคลอง เช่น สัตว์น้า พรรณไม้ และ
คุณภาพน้า เปน็ ต้น ซึง่ ไดส้ รา้ งฝายขน้ึ 5 ฝาย

1) ฝายคลองท่าแพ บรเิ วณชมุ ทางลดโลกรอ้ นทุ่งสง สวนพฤกษาสิรินธร
2) ฝายโหละ๊ ตดี คลองท่าโหลน เพอ่ื แกป้ ัญหานา้ ฟื้นคนื ระบบนเิ วศหนองป่าแก
3) ฝายมีชวี ิตคลองทา่ เลา บรเิ วณดา้ นหนา้ หอสมดุ
4) ฝายมชี วี ิตชมุ ชนเขาปรดี ี คลองท่าเลา
5) ฝายมีชวี ติ บริเวณชมุ ทางลดโลกร้อนทุ่งสง สวนพฤกษาสริ ินธร

25

4.1.1.3 ประวัติศำสตร์ และวัฒนธรรมวิถีชุมชน

เทศบาลเมืองทุ่งสง เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตาบลปากแพรก อาเภอทุ่งสง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ตาแหน่งที่ ตั้งของทุ่งสงอยู่ก่ึงกลางคาบสมุทรมีเส้นทางเช่ือมต่อระหว่างทะเลอ่าว
ไทยกับทะเลอันดามัน ทาให้ทุ่งสงเป็นส่วนหนึ่ง ของเส้นทางการค้าข้ามคาบสมุทร ในสมัยอาณาจักร
ตามพรลิงค์ และสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช หลักฐานที่ยังหลงเหลือ อยู่ในปัจจุบันคือร่องรอย
ชุมชนโบราณท่ีได้รับอิทธิพลของ วัฒนธรรมอินเดียที่ ตาบลหนองหงส์ สันนิษฐานว่าเส้นทาง
คาบสมุทร เส้นน้ีเร่ิมต้นจากปากแม่น้ากันตัง กองเรือ สินค้าท่ีมาจากอินเดีย ลังกา หรือชาวตรัง จะ
ลอ่ งเรือเขา้ มาตามแมน่ ้ากนั ตัง ผ่าน มาทางคลองท่าหลวง เข้าคลองวังหีบ คลองทา่ เลา คลองท่าโหลน
ขึ้นบกที่บริเวณวัดชัยชุมพล เมืองทุ่งสง แล้วเดินทางเท้าเข้า อาเภอร่อนพิบูลย์ข้ามคลองเสาธงเข้าสู่
เมืองนครศรีธรรมราช ในยุคสมัยน้ีทุ่งสงคงมีฐานะเป็นชุมชนไม่ขยายใหญ่โตขนาดเมือง มาถึงสมัย
รัตนโกสินทร์ทุ่งสงเจริญขึ้นเป็นลาดับ จนกระท้ังในสมัยรัชกาลท่ี 5 เมื่อปี พ.ศ. 2440 เมืองแห่งนี้ ก็
ได้รับการ แต่งต้ังให้เป็นอาเภอข้ึนกับนครศรีธรรมราช คนเก่าเล่าว่า ชุมชนแรกของเมืองทุ่งสงต้ังอยู่
บริเวณตลาดใน ริมคลองทา่ เลา ใกล้ ๆ บริเวณหอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมืองท่งุ สงในปัจจุบัน ต่อมา
ได้มีการสรา้ งทางรถไฟสายใต้ โดยทางรถไฟซงึ่ มีการสรา้ ง และเปิดใชง้ านเป็นช่วง ๆ ต้ังแตส่ มยั รัชกาล
ท่ี 5 มาสาเร็จเสร็จสิ้นตลอดสายในสมยั รัชกาลที่ 6 ได้เลอื กทงุ่ สง (ตาบลปากแพรก) เป็นสถานีชมุ ทาง
ใหญ่ เป็นจุดรวมและจุดจ่ายรถไฟแยกไปส่วนต่าง ๆ ของภาคใต้ การเป็นชุมทางรถไฟนี้ทาให้จุด
ศนู ย์กลาง ของเมืองที่เคยอยบู่ ริเวณ ตลาดใน ย้ายไปอยู่รมิ ทางรถไฟและบรเิ วณโดยรอบ เมืองทุ่งสง
เป็นชุมชนที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง และเป็นศูนย์กลางความเจริญแห่งหนึ่งของจังหวัด เพื่อรองรับ
การเจรญิ เติบโตของเมืองจากปัจจัยดา้ นการคมนาคม โดยเรมิ่ จาก การเป็นชุมทางการคมนาคมขนส่ง
ทางรถไฟซ่ึงมีผลให้เกิดการค้าและการบริการตามมา แม้ว่าในระยะหลังการเป็นชุมทางรถไฟ จะลด
บทบาท ความสาคญั ลงบา้ งเน่ืองจากการเปิดเส้นทางการคมนาคมทางบกสายใหม่ ๆ หลังจากปี พ .ศ.
2517 เป็นต้นมา ซ่งึ ทาใหช้ ุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนทางรถยนต์ท่ีสาคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช และ
ติดต่อกับพ้ืนที่จังหวัด ทางฝั่งทะเลทาง ตะวันตกของภาคใต้อีกด้วย เมืองศูนย์กลางการคมนาคม ชุม
ทางรถไฟการคมนาคมทางรถยนต์ที่สะดวกเป็นชุมทางรถยนต์ท่ีสาคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช
และการติดต่อกับพื้นท่ีจังหวัดทางฝ่ังทะเลทางตะวันตกของภาคใต้อีกด้วยนอกจากนี้ ชุมชนทุ่งสงยัง
เป็นที่ต้ังของส่วนราชการหลายหน่วยงานท้ังระดับเขตและระดับจังหวัดทาให้ ชุมชนนี้เจริญข้ึนอย่าง
รวดเร็ว

26

4.1.1.4 วัฒนธรรมและประเพณีทส่ี ำคญั

1). ประเพณีสำรทเดือนสิบ ความสาคัญ : เป็นความเช่อื ของพุทธศาสนิกชนของชาวจังหวัด
นครศรีธรรมราช ซึง่ เชื่อว่าบรรพบุรุษ อนั ไดแ้ ก่ ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติพน่ี ้องท่ีล่วงลับไปแลว้ หากทา
ชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรตต้องทนทุกข์ทรมาน ในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ ลูกหลานอุทิศส่วนกุศล
ให้แต่ละปีมายังชีพ ดังนั้น ในวันแรก 1 ค่าเดือนสิบ คนบาปท้ังหลายที่เรียกว่าเปรต จึงถูกปล่อยตัว
กลับมายังโลกมนุษย์ เพ่ือมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาตพิ ี่นอ้ ง และจะกลับไปนรกในวันแรก 15 ค่า
เดือนสิบ ในโอกาสน้ีเอง ลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนาอาหารไปทาบุญท่ีวัด เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วน
กุศลให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับไปแล้ว สรุปว่าประเพณีเดือน สิบมีความสาคัญ ดังนี้ 1. เป็นการแสดงความ
กตัญญิูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ท่ไี ด้อบรมเล้ียงดูลูกหลานเพ่ือตอบแทนบญุ คุณ ลูกหลาน
จงึ ทาบุญอทุ ิศสว่ นกุศลไปให้ 2. เป็นโอกาสไดร้ วมญาติทอี่ ยูห่ ่างไกล ได้พบปะทาบุญร่วมกันสร้าง
ความรักใคร่สนิทสนมในหมู่ญาติ 3. เป็นการทาบุญในโอกาสที่ได้รับผลผลิตทางการเกษตรที่เร่ิม
ออกผลเพราะเช่ือว่าเป็น สิริมงคลแก่ตนเองและ ครอบครัว 4. ภาคใต้ฤดูฝนจะเริ่มข้ึนในปลายเดือน
สิบ พระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตลาบาก ชาวบ้านจึงจัดเสบียงอาหารนาไปถวาย พระในรูปของหมรับ ให้
ทางวดั ไดเ้ ก็บรักษาเปน็ เสบยี งสาหรบั พระภกิ ษสุ งฆ์ ในฤดฝู น

2). ประเพณีสงกรำนต์

ความสาคญั : 1. ให้ความสาคัญผู้สงู อายุ 2. สรงน้าพระ 3. ทาบุญตกั บาตร 4. รดน้าขอพรผใู้ หญ่

3). ประเพณีเข้ำพรรษำ เดือนกรกฎำคม

ความสาคัญ : เป็นวันที่พระภิกษุอธิษฐานว่าจะอยู่ประจาวัด มีการทาบุญตักบาตรถวายเทียนพรรษา
ถวายผ้าอาบ นา้ ฝน

4). ประเพณลี ำกพระ

ความสาคัญ : เกิดจากความเช่ือม่ันในพระพุทธศาสนา แสดงถึงความปิติยินดีในการเสด็จกลับมา
ดาวดึงส์ของพระ พุทธองค์ (ตรงกับ วนั ข้ึน 15 ค่า เดือน 11) การลากพระเป็นการแสดงออกถึงความ
สามัคคปี รองดอง และเอื้ออาทรซ่ึงกนั และกัน

27

4.1.1.5 องค์ประกอบ และสิ่งกอ่ สรำ้ ง
องคป์ ระกอบและสง่ิ ก่อสรา้ งอาคาร ทปี่ รากฏในพนื้ ที่สเี ขียวเทศบาลเมืองทุ่งสง โดยระบุ
องคป์ ระกอบและสิง่ ก่อสรา้ งทปี่ รากฏในพนื้ ทแี่ ต่ละจุด ทสี่ ารวจเพือ่ การออกแบบปรบั ปรุงภูมทิ ศั น์
โดยมรี ายละเอียดในการสารวจและการวเิ คราะห์ดังต่อไปน้ี

1) เส้นทางดา้ นฝง่ั ถนนทุ่งสง – สรุ าษฎรธ์ านี
บริเวณถนนสายนี้ตรงสามแยกไฟแดง จุดตัดกับถนนทุ่งสง-ห้วยยอด มีเกาะกลางถนน

ก่อสร้างดว้ ยคอนกรีต มีความสงู ประมาณ 0.70 เมตร ปลูกต้นลีลาวดไี ว้คอยดดู ซบั อากาศ มลพิษ จาก
ฝุ่นควัน ยานพาหนะต่างๆ สามารถควบคุมการจราจรบริเวณนี้ได้ดี มีการก่อสร้างถนนและสะพาน
ข้ามคลองท่าเลา เพื่อระบายน้าออกจากเมืองให้เร็วท่ีสุดในฤดูฝน เลยจากจุดนี้จะพบเกาะกลางถนน
ความสูงประมาณ 0.30 เมตร กว้างประมาณ 2.0 เมตร ตรงด้านหน้าทางเข้าตลาดเกษตรเชื่อม
รอยต่อกับเทศบาลตาบลชะมาย ตรงเกาะกลางถนนถมดินปลกู ไมพ้ ุ่มบางสว่ นไว้แลว้ เพือ่ ความเด่นชัด
ในการต้อนรับเข้าสู่เมืองทุ่งสง ยังขาดซุ้มโครงสร้างทางเข้าเมืองเฉลิมพระเกียติ รัชกาลที่ 10 ในส่วน
ของฟุตบาตสองฝั่งถนนสายนี้ พบต้นไม้บางจุดมีลักษณะยืนต้นตาย จากการเทคอนกรีตทับ
โดยเฉพาะตรงจุดที่มีการใชป้ ระโยชน์ในการขายนา้ ชา กาแฟ ยามคา่ คืน ต้นไมไ้ ดห้ ายไปหลายจดุ หาก
มีการจัดการส่ิงก่อสร้างท่ีขัดขวางเส้นทางเดินเท้า เช่น ป้ายโฆษณา สิ้นค้าที่วางจาหน่ายรุกล้าถนน
การจอดรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ท่ีไม่เป็นระเบียบ หากนามาตรการทางกฎหมายจราจร ส่ิงแวดล้อม
เมืองโดยการปลกู ซ่อมต้นไม้เดมิ เป็นการเพม่ิ พ้นื ทสี่ เี ขยี ว จะช่วยใหถ้ นนสายน้ีร่มร่นื และทาให้เมืองน่า
อย่ยู ง่ิ ขึน้

2) เสน้ ทางดา้ นฝ่ังถนนทุ่งสง – หว้ ยยอด
บริเวณถนนสายน้ีเริ่มต้ังแต่สามแยกไฟแดง จุดตัดกับถนนทุ่งสง-สุราษฎร์ธานี ผ่านหน้าห้างสหไทย
สรรพสินค้า ข้ามสะพานยกระดับตัดกับถนนสาย 41 เชื่อมต่อเขตเทศบาลตาบลชะมาย มีเกาะกลาง
ถนน ก่อสร้างด้วยคอนกรตี มีความสูงประมาณ 0.30 เมตร กว้างประมาณ 3.0 เมตร ปลูกต้นจามจุรี
และต้นลีลาวดีสลับกัน ถนนสายน้ีกว้างมี ไหล่ทางหรือฟุตบาทกว่า 3.0 เมตร มีการปลูกต้นเสลาให้
ดอกสวยงามในฤดแู ล้ง เปน็ ต้นไม้ทดี่ ูดซับอากาศ มลพษิ จากฝุน่ ควัน ยานพาหนะตา่ งๆ หากมกี ารจัด
ภมู ิทัศน์บรเิ วณด้านหน้าห้างสหไทย กาหนดสะพายลอยข้ามถนนและเพิ่มจานวนของต้นเสลาสองขา้ ง
ถนนต้ังแต่ทางลงสะพานต่างระดับให้หนาแน่น โดยการรื้อแผ่นคอนกรีตฟุตบาตออกบางส่วน เราจะ
ไดพ้ นื้ ทส่ี ีเขียวเพ่ิมข้นึ ตรงถนนสายน้ี ลดการจอดรถทีไ่ ม่เปน็ ระเบยี บ รา้ นค้าแผงลอยหนา้ ห้าง โดยการ
หากนามาตรการทางกฎหมายจราจร มีบงั คับใช้จะทาใหเ้ มอื งน่าอยูย่ ่ิงขน้ึ

28

3) เส้นทางด้านฝั่งถนนทงุ่ สง – นครศรธี รรมราช
บริเวณถนนสายนี้เร่ิมตั้งแต่สามแยกไฟแดง จุดตัดกับซอยยุทธศาสตร์ ผ่านหน้าร้านข้าวต้มยิ้มๆ ข้าม
สะพานคลองท่าโหลน ตรงบริเวณนี้มีการจราจรหนาแน่น จนถึงสามแยกไฟแดงบ้านนาเหนือ ตรง
บริเวณน้ีมีเกาะกลางถนนสร้างด้วยคอนกรีต ถมดินสูงกว่า 0.50 เมตร ปลูกต้นลีลาวดีตลอดแนว จาก
สามแยกไฟแดงบ้านนาเหนือ มีเกาะกลางถนน ก่อสร้างด้วยคอนกรีต มีความสงู ประมาณ 0.30 เมตร
กว้างประมาณ 2.0-3.0 เมตร ตลอดจนถึงสะพานข้ามคลองท่าแพ เชื่อต่อกับเทศบาลตาบลถ้าใหญ่
ปลูกต้นเสลาและทองอุไรสลับกนั ถนนสายนกี้ วา้ งมีไหล่ทางค่อนขา้ งแคบและสูงต่าสลับกนั ไม่สะดวก
ในการเดินเท้าและการปลูกต้นไม้ จุดท่ีมีการเน้นคือการจัดภูมิทัศน์เกาะกลางถนนโดยการนาหัวจักร
รถไฟโบราณพร้อมตู้ขบวนปลูกต้นไม้ตามฤดูกาล ตรงบริเวณด้านหน้าตลาดเกษตรอินทรีย์ท่ีกาลังจะ
เกิดข้ึน รวมถึงการรับฟังความเห็นของตัวแทนชุมชนแนะนาให้มีการสร้างซุ้มทางเข้าเฉลิมพระเกียรติ
เหมอื นฝง่ั ถนนสายทุ่งสง-สุราษฏรธ์ านี หากขยายคอนกรตี ฟตุ บาต รื้อสงิ่ กอ่ สรา้ งที่ทาให้การเดินเท้าไม่
สะดวก จัดการความเป็นระเบียบของป้ายโฆษณา เราจะไดพ้ ื้นทางเดนิ เท้าและพน้ื ทส่ี ีเขยี วเพมิ่ ขึน้ ตรง
ถนนสายน้ี รวมถึงการลดการจอดรถที่ไม่เป็นระเบียบ ตลอดเส้นทาง บริหารจัดการร้านค้าแผงลอย
นามาตรการทางกฎหมายจราจร มีบงั คบั ใช้จะทาใหถ้ นนสายนี้สวยงามมากย่งิ ขน้ึ

4) สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5
สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.5 มีพืน้ ท่ีเป็นพ้ืนแข็งเป็นส่วนใหญ่ของพ้ืนที่ มีอนุสาวรีย์ของสมเด็จ
พระปิยมหาราช ในหลวงรัชกาลที่ 5 ไว้ประกอบพธิ ีในวันสาคัญ ชว่ งเช้าและตอนเย็นเป็นสถานท่ีออก
กาลังกาย ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างแออัด ควรขยายถนนหรือลู่ว่ิงเพิ่มข้ึน บริเวณฐานอนุสาวรีย์ มี
ขอ้ กาหนดของกรมศิลปากร มีการนาหัวรถจักรรถไฟโบราณ ก่อสร้างห้องน้า ศาลาพักผ่อน เป็นพื้นท่ี
ที่เหมาะในการพัฒนาเป็นพ้ืนท่ีสีเขียวของเมือง หากแต่มีข้อจากัดคือไม่สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่เพ่ือ
ปิดบังตัวฐานอนุสาวรีย์ได้ ควรปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาในส่วนของสนามหญ้า ลู่วิ่ง และปลูกไม้ดอกสีสัน
เปน็ จุดเชค็ อนิ ของเมอื ง เพอ่ื ให้การพักผ่อนในเวลากลางวันไดม้ ากขน้ึ

5) สวนสาธารณะถา้ ตลอด
พ้ืนที่สวนสาธารณะถ้าตลอด ด้านหน้าถนนปรากฏวงเวียน และส่วนภายในถ้ามีองค์พระนอนขนาด
ใหญ่วางตามแนวของถ้า เหมาะสาหรับเข้าไปสักการะ มีองค์ประกอบและส่ิงก่อสร้างจาพวก รูปปั้น
ท้าวเวสสุวัณ ปีเกิดสิบสองนักษัตร ตรงหน้าถ้า ห้องน้า เคร่ืองเล่นสาหรับเด็ก เหมาะสาหรับการ
พกั ผ่อนหย่อนใจแบบ สงบเงียบ ควรมีการออกแบบเช่ือมโยงกับเส้นทางเดินเท้า ท่ีจะขึ้นไปชมเจดีย์ท่ี
บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตุ ในอนาคต

29

6) สวนสาธารณะสถานีรถไฟชมุ ทางทงุ่ สง
สวนสาธารณะสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง พ้ืนท่ีส่วนนี้ส่ิงก่อสร้างท่ีปรากฏมีห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ เป็น
ตู้รถไฟ ลานกิจกรรม ทางเดินเท้าเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.9 ที่เชื่อมต่อกับหอนาฬิกา เสริมการ
เดินเท้าเข้าสู่ตลาดวัฒนธรรม คงอนุรักษ์และฟื้นฟูอาคารเก่าตรงวงเวียนหอนาฬิกา และสถานีตารวจ
รถไฟการออกแบบขึ้นมาใหม่ให้คงเอกลักษณ์การเป็นเมืองแห่งชุมทางทุ่งสง เน้นสถาปัตยกรรมท่ีมี
ความเช่ือมโยงกับการกาเนดิ รถไฟสายใต้ เพอื่ รองรับการท่องเทีย่ วในอนาคต ในส่วนของต้นไม้ใหญใ่ น
สวนและเกาะกลางถนนควรตดั แตง่ ให้ถกู วธิ ี

7) โรงเรียนเทศบาลวัดชัยชมุ พล
โรงเรยี นเทศบาลวัดชัยชุมพล เป็นโรงเรียนยอดนยิ มในสงั กัดเทศบาลเมืองทุ่งสงทไ่ี ด้รบั รางวลั โรงเรยี น
พระราชทาน โรงเรียนจะมีพื้นท่ีแคบ แออัดเป็นอาคารสูง ขาดแคลนสนามหญา้ สเี ขียวควรเน้นการจัด
สวนหย่อม แหล่งเรียนรู้ สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียนในบริเวณ ยกขอบสวนท่ีได้ทาการก่อสร้างไว้
แล้ว ในส่วนด้านข้างและด้านหลังโรงเรียนเน้นกิจกรรม เศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ โดยการใช้
ประโยชน์พื้นที่ให้มากท่ีสุด ในการเลี้ยงปลา ปลูกผักยกพื้น เป็นต้น ส่วนถนนด้านหน้าโรงเรียนมีการ
ดแู ลรกั ษาตน้ ไมใ้ หญ่และสรา้ งแปลงดอกไม้ยกพืน้ หรอื สวนแนวตัง้ หนา้ โรงเรียน

8) โรงเรียนรีสอร์ทอนบุ าลท่งุ สง
องค์ประกอบและสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ปรากฏในโรงเรียน มีอาคารเรียน 3 หลัง และโรงอาหาร สาหรับ
ทากจิ กรรม 1 หลัง ลานจอดรถ กว่า 80 คนั สนามเด็กเล่นสาหรบั เดก็ พ้ืนที่โรงเรยี น มีรั้วรอบขอบชิด
อาคารมสี ีสันสดใส สนุก ส่งเสริมการเรียนรู้ หากการก่อสร้างอาคารเสร็จสมบรู ณ์ตามตามผังบริเวณที่
ไดก้ าหนดไวจ้ ะเป็นโรงเรียนต้นแบบดา้ นอนุบาลไดเ้ ป็นอย่างดี การจัดภูมิทศั น์ควรเน้นการปลูกไมย้ ืน
ต้นให้ร่มเงาสาหรับเด็ก สนามหญ้ากว้างๆ เพื่อว่ิงเล่นออกกาลังกาย แปลงสาธิตการเกษตร ปลูกผัก
ปลูกดอกไม้ และจัดสวนให้มีบรรยากาศธรรมชาติ เหมาะแก่การเรียนรู้ของเด็กๆ ด้านหน้าควรจัด
สวนหย่อมเล็กๆน่ารัก และปรับปรุงผิวจราจรของถนนภายในโรงเรียน การออกแบบเน้นพ้ืนยาง
สังเคราะห์ และทรายทอี่ อ่ นนุ่ม เพ่อื ความปลอดภยั ของนักเรยี น เปน็ ต้น

9) โรงเรยี นกฬี าเทศบาลเมืองทงุ่ สง
องค์ประกอบและส่ิงก่อสร้าง ปรากฏอาคารเรยี น เรียนนอนหรือหอพกั นักเรยี น 3 หลังห้องน้า 1 หลัง
ในอนาคตมกี ารก่อสร้างอาคารเพ่ิมขึ้น ทางเชือ่ มต่อระหวา่ งอาคาร ลานจอดรถที่เปน็ ระเบยี บควรปลูก
ต้นไม้เพ่ือลดการสะท้อนของแสง ปรับปรุงพ้ืนผิวถนน ทางสัญจรภายในโรงเรียน ควรกาหนดจุดใน
การสร้างเรอื นเพาะชาต้นไมเ้ พ่ือนามาใชใ้ นการจัดตกแตง่ ในโรงเรียน ส่วนด้านหน้าโรงเรียนปลกู ต้นไม้
เป็นแถวเป็นแนวเพ่ือแยกขอบเขตชัดเจนว่าถึงเขตโรงเรียน เน้นการปลูกไม้ยืนต้น ให้ร่มเงา สวน
ดอกไม้เพือ่ ช่วยผอ่ นคลายความเครยี ดจากการฝึกซ้อม และการแข่งขนั

30

10) สนามหน้าทีว่ ่าการอาเภอทงุ่ สง
องค์ประกอบและส่ิงก่อสร้างที่ปรากฏ มี อาคารศาลาประชาคม 1 หลัง อาคารโรงยมิ 1 หลงั สนาม
กีฬากลางแจ้ง 1 สนาม เวทีกลางแจ้ง 1 หลัง ลานจอดรถ กว่า 50 คัน พื้นท่ีเช่ือมต่อโรงเรียนชัยชุม
พล รอการก่อสร้างอาคารหรือขยายตัวของโรงเรียน บางจดุ ตน้ ไมใ้ หญ่หลายต้นขาดการดูแลรักษาและ
การตัดแต่งท่ีถูกวิธี ควรเร่งประเมินความเสี่ยงของต้นไม้แต่ละต้น ท่ีจะทาอันตรายต่อผู้ท่ีมาใช้
ประโยชน์ รวมถึงอาคารและส่ิงก่อสร้าง พัฒนาลานกิจกรรม ฟ้ืนฟูต้นไม้รอบๆสนาม ระบบไฟส่อง
สว่าง ในงานพิธีที่สาคัญของชาติ การออกกาลังกายของประชาชน เพ่ือความปลอดภัยกับประชาชน
รวมถึงการเปน็ สถานที่สาคญั ของส่วนราชการระดบั อาเภอ เปน็ ตน้

11) หอสมดุ ประชาชนเทศบาลเมอื งท่งุ สง
องค์ประกอบและสิ่งก่อสร้างท่ีปรากฏ นอกจากหอสมุดประชาชนท่ีเป็นองค์ประกอบหลักของบริเวณ
นี้แล้ว ยังที่พื้นที่ว่างข้างอาคารและลานกิจกรรมด้านหน้าริมคลอง รวมถึงพื้นที่ด้านหลังหอสมุด
พฒั นาเป็นพื้นท่ีอ่านหนังสือ ด่ืมกาแฟ นัง่ เลน่ รมิ น้า เลน่ โทรศพั ท์ จดุ เชือ่ มต่อ Wi-Fi ในการเข้ามาอ่าน
หนังสือ สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต สาหรับคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา เปิดบริการวันหยุดเสาร์-
อาทิตย์ เพ่ือให้ทุกคนเข้าถึงได้ ที่ต้องมีการปลูกต้นไม้ท่ีให้ร่มเงา ริมคลอง ที่ทนต่อน้าท่วมขังได้ดี จัด
สวนใหม้ ไี มด้ อกประดบั สสี ันสวยงาม เพือ่ ดึงดูดให้คนสนใจหอสมุด มากยิง่ ข้ึน

12) สานกั งานเทศบาลเมืองทงุ่ สง
องค์ประกอบและส่ิงก่อสร้าง บริเวณสานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง ปรากฏอาคารเพ่ือการบริหาร
จัดการ 4 หลัง เป็นอาคารไม้หลังเดิม 1 หลัง รวมถึงโรงรับจานาและให้บริการรักษาปฐมพยาบาล
เบอ้ื งตน้ ของประชาชนในเขตเทศบาล พ้นื ที่ดา้ นหลังติดกบั รมิ คลองทา่ เลา สามารถจดั ตกแต่งภมู ทิ ศั น์
ปรับปรุงพื้นผิวจราจร ให้สามารถรองรับการมาติดต่อราชการของประชาชนและอานวยความสะดวก
ในการปฏิบัติของฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าส่วนราชการในสังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ไม้ยืนตน้ ท่ีมีอยู่เดิม
เพิ่มการตัดแต่งที่ถูกวิธี ปลูกเพิ่มต้นไม้ประจาชาติ ไม้ประจารัชกาลท่ี 10 ไม้ประจาจังหวัด ปลูก
ประดับสานักงาน ในเชิงสัญลักษณ์ ปลูกไผ่ประดับเพื่อช่วยในการกรองเสียงและฝุ่น ลดความแข็ง
กระด้างของตัวอาคาร ปลูกต้นไม้ทนต่อน้าทว่ มขังได้ดี สวนน้าตกใต้ถุนอาคารเน้นการดูแลรกั ษาและ
จัดตกแต่งภูมทิ ัศน์ เพื่อความร่มรื่นภายในสานกั งานโดยรวมทงั้ หมด

โดยรวมแล้วองค์ประกอบและส่ิงก่อสร้างอาคารท่ีปรากฏในพ้ืนท่ีสีเขียวแต่ละจุดที่จาทาการ
ออกแบบนั้น เราสามารถอนุรักษ์อาคารไว้เพื่อเป็นสถาปัตยกรรมท่ีเก่ียวข้องกับเมือง เช่น อาคาร
บริเวณสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง อาคารสานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง หรือฐานและอนุสาวรีย์ใน
สวนสาธารณะ ร. 5 เป็นต้น ในส่วนการรื้อถอนส่ิงก่อสร้างท่ีปรากฏน้ัน ควรจะทาการรื้อถอนบริเวณ
ทางเท้า ฟตุ บาตท่ขี ดั ขวางเสน้ ทางเดนิ เท้า ปา้ ยโฆษณา ท่สี ร้างรุกล้าเขตถนน รอ้ื คอนกรีตทโี่ ปกปดิ ทับ
ตาแหน่งของต้นไม้เดิมที่ทางเทศบาลปลูก รวมถึงการออกมาตรการจูงใจให้ผู้คนที่อาศัย ส่วนราชการ

31

ทเี่ กี่ยวข้อง กับการใชพ้ ื้นท่ีริมถนน มีจติ สานึกในการรักษ์ตน้ ไม้ ในสว่ นของผู้วิจัยสามารถเสนอแนะให้
การก่อสร้าง ต่อเติมใหเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญัติควบคุมอาคารและเทศบัญญตั ิของเทศบาลเมอื ทุ่งสง
โดยเน้นการมีสว่ นร่วมควบคู่ไปกับการบังคับใชก้ ฎหมาย ให้ในแต่ละจุดท่ีทาการออกแบบปรับปรงุ ภูมิ
ทัศน์ เพ่ือรองรบั การพัฒนาเป็นแหล่งทอ่ งเทีย่ วของชุมชนเมืองท่งุ สง ตอ่ ไป

4.1.2 ศกั ยภำพของพ้ืนท่ีสีเขียว ในเขตเทศบำลเมืองทุ่งสง

4.1.2.1. พรรณไม้เดิม ของไม้ยืนต้นที่ปรากฏในพ้ืนที่ดังน้ี 1) เส้นทางด้านฝั่งถนน
ทุ่งสง – สุราษฎร์ธานี 2) เส้นทางด้านฝั่งถนนทุ่งสง – ห้วยยอด 3) เส้นทางด้านฝ่ังถนนทุ่งสง –
นครศรีธรรมราช 4) สวนสาธารณะเฉลมิ พระเกยี รติ ร.5 5) สวนสาธารณะถา้ ตลอด 6) สวนสาธารณะ
สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง 7) โรงเรียนเทศบาลวัดชัยชุมพล 8) โรงเรียนรีสอร์ทอนุบาลทุ่งสง 9)
โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง 10) สนามหน้าท่ีว่าการอาเภอทุ่งสง 11) หอสมุดประชาชนเทศบาล
เมืองทุ่งสง และ12) สานักงานเทศบาลเมืองทุ่งสง โดยระบุตาแหน่งต้นไม้ แนวทางการตัดแต่ง
บารงุ รักษา และการใช้ประโยชน์จากต้นไม้ในปัจจบุ ันและในอนาคต

ผลการศึกษาพบว่า พรรณไม้ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง พบมากท่ีสุดคือ 1.ลีลาวดี จานวน
236 ต้น 2.ตะเคียนทอง จานวน 121 ต้น 3.เทียม จานวน 84 ต้น 4.เสลา จานวน 67 ต้น 5.ตะแบก
จานวน 42 ต้น 6.ราชพฤกษ์ จานวน 35 ต้น 7.อินทนิล จานวน 30 ต้น 8.อโศกอินเดีย จานวน 29
ต้น 9.ขอ่ ย จานวน 28 ต้น 10.จามจรุ ี จานวน 20 ต้น (ดงั ตารางที่ 3.1)

ตำรำงท่ี 1 การสารวจพรรณไมใ้ นเขตเทศบาลเมอื งทงุ่ สง

ลำดับ ชอ่ื ไทย ชือ่ วทิ ยำศำสตร์ Family จำนวน DBH รศั มี
APOCYNACEAE 236 16.62 1.81
1 ลีลาวดี Plumeria spp. DIPTEROCARPACEAE 23.50 2.80
ANACARDIACEAE 121 21.30 2.34
2 ตะเคียนทอง Hopea odorata LYTHRACEAE 84 14.64 2.17
LYTHRACEAE 67 26.18 2.75
3 เทยี ม Azardirachta excelsa CAESALPINIACEAE 42 19.37 3.40
LYTHRACEAE 35 25.79 3.73
4 เสลา Lagerstroemia loudonii. ANNONACEAE 30 20.65 2.47
MORACEAE 29 16.55 1.91
5 ตะแบก Lagerstroemia floribunda MIMOSACEAE 28 85.75 4.93
6 ราชพฤกษ์ Cassia fistula L. 20

7 อนิ ทนิล Lagerstroemia macrocarpa.

8 อโศกอินเดีย Polyalthia longifolia (Benth.)

9 ขอ่ ย Streblus asper Lour.

10 จามจุรี Samanea saman (Jacq.)

32

ภาพที่ 4.1 แสดงขอบเขตเทศบาลเมอื งทงุ่ สง และองค์ประกอบท่ีสาคัญของเมือง

33

4.2.2. เทศบญั ญตั แิ ละกฎหมำยทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั กำรจดั กำรพื้นท่สี เี ขียว
มาตรการทางกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับพื้นท่ีสีเขียวในเขตชุมชน สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
ได้แก่ กฎหมายเกี่ยวกับการดูแลรักษาและการใช้ประโยชน์ท่ีดิน กฎหมายเกี่ยวกับอานาจหน้าท่ีของ
องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกย่ี วกับสง่ิ แวดล้อม และกฎหมายเกีย่ วกบั ภาษีอากร

4.2.2.1 มำตรกำรทำงกฎหมำยที่เกีย่ วกบั กำรดแู ลรกั ษำและใช้ประโยชน์ที่ดนิ
ทด่ี ินแบง่ ออกได้เปน็ 3 ประเภท ประเภทแรก ได้แก่“ทีด่ ินของรัฐ” ซ่ึงได้แก่ 1.ที่ราช
พสั ดุ 2.สาธารณสมบัติของแผ่นดนิ ท่ีเป็นที่รกรา้ งวา่ งเปล่าซึ่งไม่มีบุคคลใดมสี ิทธิครอบครอง และที่ดิน
ท่ีมีผู้ทอดท้ิงหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน 3.สาธารณสมบัติของ
แผ่นดินสาหรบั พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน และ 4.ท่ีดินของรัฐวิสาหกิจและที่ดินมหาวทิ ยาลัยซึ่งมิใช่
ทร่ี าชพัสดุประเภทท่สี องได้แก่“ที่ดินของเอกชน” และประเภทที่สาม ได้แก่“ท่ีดินประเภทพิเศษ” ซึ่ง
ได้แกท่ ่ีดินที่เป็นทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ และท่ีดินศาสนสถานท่ีดินแต่ละประเภทมีผู้ดูแลรักษา
และใช้ประโยชน์ในท่ีดิน ชุมชนท่ีมีขนาดใหญ่จะมีท่ีดินหลายประเภท มีผู้ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์
ในทด่ี ินแตกต่างกันออกไป
ท่ดี ินของรัฐ

- ท่ีรำชพัสดุ ซ่ึงได้แก่ ท่ีดินที่ใช้หรือสงวนไว้เพ่ือใช้ประโยชน์ของทาง
ราชการ เช่น สถานทร่ี าชการ คา่ ยทหาร เป็นต้น ทีร่ าชพสั ดนุ ีแ้ บ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ ประเภท
ท่ีทาง ราชการเข้าใช้ประโยชน์แล้วและประเภทที่ทางราชการยังไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์หรือเลิกใช้
ประโยชน์ แลว้ ท่รี าชพัสดุประเภทแรกจะอยู่ในความดูแลรกั ษาของสว่ นราชการท่ีขอเข้าใชป้ ระโยชน์
แต่ ประเภทที่ทางราชการยังไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์หรือเลิกใช้ประโยชน์แล้วจะอยู่ในความดูแลของ
“กรมธนารักษ์” กระทรวงการคลัง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 การใช้
ประโยชน์ในที่ราชพัสดุนั้น มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 ให้เป็นหน้าที่ของ
“คณะกรรมการท่ีราชพัสดุ” ในการกาหนดนโยบายและออกกฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์ และ
วิธีการในการปกครองดูแล บารุงรักษา ใช้และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับท่ีราชพัสดุแต่กฎ กระทรวง
กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปกครองดูแล บารุงรักษาใช้และจัดหาประโยชน์เกี่ยว กับที่ราช
พัสดุกาหนดเพียงหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้และการเลิกใช้ที่ราชพัสดุของกระทรวง ทบวง กรม
เท่านั้น ไม่มีเง่ือนไขให้ส่วนราชการต้องกันพื้นท่ีเป็นท่ีว่างหรือท่ีปลูกต้นไม้ไว้โดยเฉพาะการ เว้นที่ว่าง
เพ่ือปลูกต้นไม้ขุดบ่อน้าหรือทาท่ีจอดรถยนต์จึงต้องเป็นไปตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.
2522 และขอ้ บัญญัตทิ ้องถ่ินอ่นื ๆ

34

- สำธำรณสมบัติของแผ่นดินที่เป็นที่รกร้ำงว่ำงเปล่ำ ซึ่งไม่มีบุคคลใดมี
สิทธิครอบ ครองและท่ีดินท่ีมีผู้ทอดท้ิงหรือกลับมำเป็นของแผ่นดินโดยประกำรอ่ืนตำมกฎหมำย
ที่ดิน และสำธำรณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน สาธารณสมบัติของ
แผ่นดินที่เป็น ที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ในความดูแลของอธิบดีกรมท่ีดินตามมาตรา 8 แห่งประมวล
กฎหมายที่ดิน และสาธารณสมบัติของแผ่นดินสาหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน อยู่ในความดูแล
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือนาย อาเภอท้องท่ี
ตามมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ กรณีท่ีที่ดินน้ัน
อยูน่ อกเขต องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ กระทรวงมหาดไทยไดอ้ อกระเบียบว่าด้วยการดแู ลรักษาและ
คุ้มครอง ปองกันที่ดนิ อนั เป็นสาธารณสมบตั ิของแผ่นดิน พ.ศ.2544 ขึ้นเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการดูแล
รักษาที่ดินดังกล่าวไม่ให้ผู้ใดมารุกล้าหรือเบียดบังไปใช้ประโยชน์เฉพาะตน โดยระเบียบนี้ว่าด้วยการ
ดาเนินคดีการขอออกหนังสือสาคัญสาหรับท่ีหลวงการตรวจสอบแนวเขตและการดาเนินการต่างๆ
เพื่อป้องกันการบุกรุกหรอื เข้าไปครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจัดทาและจาหน่ายทะเบียน
ท่ีดินสาธารณประโยชน์วิธีการขอใช้และเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์ในท่ีดิน และการถอนสภาพ
ที่ดินเท่านั้น แต่ไม่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดให้มีพื้นท่ีสีเขียวในที่ดินท่ีเป็นสาธารณสมบัติของ
แผ่นดิน

- ที่ดินของรัฐวิสำหกิจและท่ีดินมหำวิทยำลัยซ่ึงมิใช่ที่รำชพัสดุ กฎหมาย
จัดตั้ง รัฐวิสาหกิจต่างๆรวมท้ังกฎหมายจัดตั้งมหาวิทยาลัยให้เป็นอานาจของคณะกรรมการ
รัฐวิสาหกิจ และสภามหาวิทยาลัยท่ีจะกาหนดนโยบายการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐวิสาหกิจและ
ที่ดินของมหาวิทยาลัยซึ่งมิใช่ที่ราชพัสดุซึ่งข้ึนอยู่กับแนวทางการดาเนินงานของแต่ละองค์กรว่าจะ
บรหิ าร ทรพั ย์สนิ อย่างไร

ทด่ี นิ ของเอกชน
การดแู ลรักษาและใชป้ ระโยชน์เป็นสิทธขิ องเจ้าของกรรมสทิ ธหิ์ รือผู้ครอบครองทดี่ ิน
น้นั ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายทด่ี ิน แต่มีกฎหมายบางฉบับท่ีจากัด
หรอื รอนสทิ ธิบางประการของเจา้ ของกรรมสทิ ธ์ิในการใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ ในส่วนท่ีเก่ียวกับการเพิม่ พืน้ ที่
สเี ขยี ว ได้แก่

- พระรำชบัญญัติควบคุมอำคำร พ.ศ. 2522 กาหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับ
การควบคุมการก่อสร้างอาคาร โดยมาตรา 8 (7) ให้เป็นอานาจของรัฐมนตรีโดยคาแนะนาของ
คณะกรรมการควบคุมอาคารในการออกกฎกระทรวงกาหนดรายละเอียดในเร่ืองต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับ
การก่อสร้างอาคารเช่น รปู แบบและลักษณะของอาคารการรับน้าหนกั ความต้านทานและความคงทน
ของอาคารระบบต่างๆรวมทั้งการใช้พื้นท่ีเป็นที่ก่อสร้างอาคาร ที่จอดรถ และ “ท่ีว่าง” ภายนอก
อาคารซึง่ ต้องไม่มีหลังคาปกคลุม ซึ่งที่ว่างน้ีอาจจะใช้เป็นท่ีปลูกต้นไม้ บ่อน้าหรอื ท่ีจอดรถโดยบัญญัติ

35

เป็นกฎกระทรวงกาหนดให้อาคารประเภทต่างๆ ต้องมีที่ว่างตามอัตราส่วนที่กาหนด นอกจากนี้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาศัยอานาจตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ สามารถ
ออกข้อบัญญตั ิท้องถิ่นกาหนดให้อาคารแต่ละประเภทต้องมที ีว่ ่างตามอัตราส่วนที่กาหนด

- พระรำชบัญญัติกำรจัดสรรท่ีดิน พ.ศ. 2543 กาหนดหลักเกณฑ์ในการ
จัดสรรท่ีดินโดยให้คณะกรรมการจัดสรรท่ีดินกลางเป็นผู้กาหนดนโยบายและวางระเบียบเก่ียวกับการ
จัดสรรท่ีดินเพื่อให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการออกข้อ กาหนดและ
อนุญาตให้มีการจดั สรรท่ีดนิ ในเขตจังหวัดแล้วแต่กรณีในการน้ีคณะกรรมการจัดสรรทดี่ ินกลางไดอ้ อก
ประกาศ “นโยบายในการจัดสรรท่ีดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม”โดยในส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่สี
เขียวนั้น คณะกรรมการจัดสรรท่ีดินกลาง กาหนดว่า ผู้จัดสรรที่ดินต้องกันพื้นที่ไว้เพ่ือจัดทา
สาธารณูปโภคหรอื บริการสาธารณะ โดยต้องมีพน้ื ท่สี วน สนามเด็กเลน่ และ/หรือ สนามกฬี า ไม่น้อย
กว่ารอ้ ยละ 5 ของพนื้ ท่ีจัดจาหนา่ ย และถา้ เป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญก่ ว่า 100 ไร่ขึ้นไป ต้องกันที่
ไว้ไม่น้อยกว่า 200 ตารางวา เพื่อไว้ต้ังโรงเรียนอนุบาล 1 แห่ง ถ้ากันท่ีไว้แล้วแต่ต้ังโรงเรียนอนุบาล
ไม่ได้ จะนาท่ีนั้นไปทาเป็นสวนสนามเด็กเล่น หรือสนามกีฬากไ็ ด้ท้งั นก้ี ฎหมายกาหนดให้ผจู้ ัดสรรท่ดี ิน
หรือนิติบุคคลต้องเป็นผู้ดูแลที่ดินที่เป็นสาธารณูปโภคดังกล่าว และจะนาท่ีดินนั้นไปใช้ประโยชน์
ในทางทผี่ ู้อยอู่ าศยั เส่ือมความสะดวกในการใช้มิได้

ท่ีดินประเภทพเิ ศษ
- ท่ีดินท่ีเป็นทรัพย์สินฝ่ำยพระมหำกษัตริย์ อยู่ในความดูแลของ

“สานักงานทรพั ย์สนิ ส่วนพระมหากษัตรยิ ์” ซงึ่ ได้สนับสนุนให้มีการใช้ที่ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์
เพื่อให้เกิด ประโยชน์แก่ชุมชน โดยการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเช่าท่ีดินไปใช้ทาสวนสาธารณะ
ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบยี บทรพั ย์สินฝา่ ยพระมหากษัตรยิ ์พุทธศักราช 2479

- ท่ีดินศำสนสถำน ผู้ดูแลที่ดินศาสนสถานข้ึนกับว่าที่ศาสนสถานน้ันเป็น
ของศาสนาใดถ้าเป็นที่วัดในศาสนาพุทธจะอยู่ในความดูแลของ “วัด” ถ้าเป็นวัดร้างจะอยู่ในความ
ดูแลของ “กรมการศาสนา” สานักพระพุทธศาสนาแห่งชาติตามมาตรา 23 ทวิแห่งพระราชบัญญัติ
คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ถา้ เป็นท่ีมสั ยดิ ของศาสนาอิสลามจะอยู่ในความดูแลของ “คณะกรรมการอิสลาม
ประจามัสยิด” ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 แต่
หากเป็นวัดโรมันคาธอลิกจะอยู่ในความดูแลของ“บาทหลวง”ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะ
ฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลกิ ในกรงุ สยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128

36

4.2.2.2 มำตรกำรทำงกฎหมำยที่เกย่ี วขอ้ งกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
กฎหมายที่มีความสาคัญด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่มีพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา

คุณภาพส่ิงแวดล้อม พ.ศ.2535 ซ่ึงกาหนดให้ภาครัฐและเอกชนได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรกั ษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยตรง มีการกาหนดอานาจหน้าท่ีตลอดจนแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ทุกฝ่าย
ประสานความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมโดยให้อานาจคณะกรรมการส่ิงแวดลอมแห่งชาติเสนอ
นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรีและประกาศ
กาหนดมาตรฐานสงิ่ แวดลอมในเรื่องต่างๆ นอกจากนั้นกฎหมายอ่ืนๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับสิง่ แวดล้อมทม่ี ีผล
บังคับอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.
2535พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เป็นต้น ซ่ึงล้วนแต่เป็นกลไกท่ีจะช่วยให้มีการ
เปลี่ยนแปลง นโยบายและแผนไปสู่การพัฒนารัฐให้เป็นสมัยใหม่ อาศัยอานาจของกฎหมายดังกล่าว
ออกกฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ให้อยู่ในกรอบของผู้ก่อให้เกิดมลพิษหรือผู้ที่ทาให้ส่ิงแวดล้อม
เสียหายต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กฎหมายจึงกาหนดค่ามาตรฐานส่ิงแวดล้อมเพ่ือคุ้มครองอนุรักษ์
ส่ิงแวดล้อม กาหนดความรับผิดทางแพ่งและทางอาญา การเพ่ิมพ้ืนที่สีเขียวเป็นแผนงานท่ีผู้สร้างจะ
กาหนดวธิ แี ละรปู แบบขนึ้ มาเอง กฎหมายเหลา่ นั้นจะเป็นกลไกทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ กิดความยงั่ ยืน

4.2.3. มมุ มองและทศั นียภำพ
1) ถนนสำยทุ่งสง – สุรำษฎร์ธำนี ต้ังแต่รอยต่อเขตกับเทศบาลตาบลชะมาย

อาเภอทุ่งสง เข้ามายังเทศบาลเมืองทุ่งสง เช่ือมต่อถนนสาย 41 ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานีน้ี ถือเป็น
หน้าด่านท่ีใช้ในการต้อนรับผู้ท่ีมาเยือนเมืองทุ่งสง แนวคิดในการออกแบบปรับปรับภูมิทัศน์บริเวณ
เกาะกลางถนน ควรออกแบบเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ท่ีมีใบเขียวตลอดปี มีดอกสวยงาม และบริเวณที่
เป็นซุ้มทางเข้าเทศบาลเมืองทุ่งสง ปลูกไม้เล้ือย ที่ให้ดอกสีสันสวยงาม จาพวก เฟ่ืองฟ้า พวงคราม
การเวก เปน็ ต้น

37

ภำพท่ี 4.2 แสดงลกั ษณะพ้ืนทเ่ี ดิมบริเวณถนนสายทุ่งสง – สรุ าษฎร์ธานี
ภำพท่ี 4.3 แสดงมุมมองท่ี 1 บรเิ วณเกาะกลางถนน เย้ืองธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร

38

ภำพท่ี 4.4 แสดงมุมมองท่ี 2 บริเวณสแ่ี ยกตลาดเกษตรทางดา้ นพนื้ ท่ีทางเข้าเขตเทศบาลเมืองทงุ่ สง
รอยต่อติดกบั เทศบาลตาบลชะมาย

ภำพที่ 4.5 แสดงมุมมองท่ี 3 บริเวณสแ่ี ยกชัยชุมพลถงึ สามแยกตรัง

39

2) ถนนสำยทุ่งสง – ห้วยยอด รอยตอ่ เขตกบั เทศบาลตาบลชะมาย อาเภอท่งุ สง ฝั่ง
จงั หวดั ตรงั นี้ เมอื่ ลงสะพานต่างระดับ เข้าเขตเทศบาลเมืองทุง่ สง แนวคิดในการออกแบบปรับปรับภูมิ
ทัศน์ ควรปลูกไม้ยืนต้นขนาดกลาง ท่ีมีดอกสวยงาม ให้ดอกตลอดปี ปลูกสองข้างถนน จาพวก เสลา
อินทนิล ตะแบก และเกาะกลางถนนก่อนถึงสามแยกตรัง ควรปลูกต้นไม้ท่ีมีใบเขียวตลอดปี จาพวก
ไทรย้อย เพราะทรงพุ่มสามารถให้ร่มเงา ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าได้ ส่วนบริเวณสามแยกตรัง ควร
ตัดแต่ง ลดขนาดต้นลีลาวดีขาวพวง บารุงต้น จัดสวนหย่อมประดับ เพ่ือช่วยให้เกิดมุมมองท่ีน่ามอง
และช่วยในการสญั จรใหส้ ะดวกขน้ึ เปน็ ต้น


Click to View FlipBook Version