ขัตติยพันธกรณี คณะผู้จดัทำ นางสาวกมลพิชญ์จันทร เลขที่๓ นางสาวกมลวรรณ ไม้สน เลขที่๔ นางสาวกุลวีร์ เล็กถวิลวงศ์เลขที่๘ นางสาวชนาภัทร อยู่สกุล เลขที่๑๒ นางสาวปิยาภรณ์ ศรีสุขเลขที่๑๙ นางสาวรัตน์ฐาภัทรแซ่เฮ้า เลขที่๒๓ นางสาววรรณษา สุวรรณศรีเลขที่๒๔ นางสาวศรุตยา เสือเมือง เลขที่๒๗ นางสาวศุภากร ไชยศรีเลขที่๒๘ นางสาวโศภชารวีร์ เกิดวัน เลขที่๓๐ นางสาวอภิญาลักษณ์ พีรภาสไพศาล เลขที่๓๓ นางสาวอรัชพร โอชารส เลขที่๓๔ นางสาวอัญชิสา สุริวรรณ เลขที่๓๕ นางสาวทัศนีย์วรรณ ข าสมอเลขที่๔๐ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๘ น ำเสนอ ครูชมัยพรแก้วปานกัน วารสารอิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย โรงเรียนสงวนหญิง
ก ค ำน ำ วารสารอิเล็กทรอนิกส์เรื่อง “ขัตติยพันธกรณี” ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ๖ รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีไทยเรื่อง ขัตติย พันธกรณี ซึ่งวารสารอิเล็กทรอนิกส์ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งตอบกลับโดยสมเด็จกรมพระยาด ารงราชานุภาพ ที่มาจากเหตุการณ์จริงใน ประวัติศาสตร์ช่วง พ.ศ. ๒๔๓๖ ที่มาและความส าคัญของขัตติยพันธกรณี เนื้อเรื่อง ประวัติผู้แต่ง ลักษณะค า ประพันธ์สาระของเรื่อง รวมไปถึงการวิเคราะห์คุณค่าทั้ง ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้าน สังคม การศึกษาค้นคว้าเรื่อง ขัตติยพันธกรณีเล่มนี้กลุ่มของข้าพเจ้าได้วางแผนการด าเนินการท างานเป็น ๔ สัปดาห์ศึกษาจากแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิหนังสือเรียน แหล่งความรู้จากอินเทอร์เน็ต การจัดท าวารสารเล่มนี้ส าเร็จตามจุดประสงค์ไปได้ด้วยดีกลุ่มของข้าพเจ้าขอขอบคุณครูชมัยพร แก้ว ปานกัน ที่ได้ให้ค าแนะน าและให้ค าปรึกษาในการท าวารสาร จนท าให้วารสารเล่มนี้สมบูรณ์ในด้านผลการ ปฏิบัติศึกษา การท าวารสาร การเรียบเรียงเนื้อหา การวิเคราะห์เนื้อหาด้านต่างๆ ให้ส าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี กลุ่มของข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาในวารสารอิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ เป็นอย่างดี หากมีสิ่งใดในวารสารเล่มนี้ที่ต้องปรับปรุง กลุ่มของข้าพเจ้าขอน้อมรับในข้อชี้แนะและจะน าไป แก้ไขเพื่อพัฒนาให้ถูกต้องสมบูรณ์ต่อไป กลุ่มขัตติยพันธกรณี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖
ข สำรบัญ เรื่อง ค าน า ก สารบัญ ข ที่มาและความส าคัญ ๑ ผู้แต่งและประวัติผู้แต่ง ๒-๓ ลักษณะค าประพันธ์ ๔-๖ เนื้อเรื่อง ๗-๑๒ เนื้อเรื่องย่อ ๑๓ แนวคิดและค่านิยม ๑๔ วิเคราะห์คุณค่าทางวรรณคดี ๑๔ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑๔-๑๕ คุณค่าด้านสังคม ๑๖ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑๗-๒๒ ด้านการน าไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ๒๒ วิเคราะห์วรรณคดีด้านโวหาร ๒๓ พรรณนาโวหาร ๒๓ เทศนาโวหาร ๒๔ บรรยายโวหาร ๒๕ สาธกโวหาร ๒๖ อุปลักษณ์โวหาร ๒๗ อติพจน์โวหาร ๒๘ เกร็ดความรู้ ๒๙ บรรณานุกรม ๓๐ ภาคผนวก ๓๑-๓๓
๑ ทมี่ำและควำมสำ คัญ ขัตติยพันธกรณีมีความหมายถึงเหตุอันเป็นข้อผูกพันของกษัตริย์ เป็นพระราชหัตถเลขาของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและตอบกลับโดยสมเด็จกรมพระยาด ารงราชานุภาพ มีที่มาจาก เหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ช่วง ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) หรือที่เรียกว่าวิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒ วิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒ เกิดจากความขัดแย้งเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่พยายามจะยึดครองประเทศลาว ซึ่งในเวลานั้น เป็นประเทศราชของไทย สถานการณ์ได้เริ่มบานปลาย เมื่อฝรั่งเศสส่งเรือปืนแองกงสตองและเรือโกเมต ข้ามสัน ดอนเข้ามายังไทย โดยมีเรือชองบาตีสต์เซ เป็นเรือน าร่องเข้ามาล่วงล ้าอธิปไตยของสยาม และในขณะเดียวกัน นั้น ทหารที่ประจ า ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้าและป้อมผีเสื้อสมุทรที่ปากแม่น ้าเจ้าพระยา ก็ได้เกิดการปะทะกัน แต่ในที่สุดเรือปืนแองกงสตองและเรือโกเมต ก็สามารถฝ่ากระสุนเข้ามาทอดสมอจอดที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสได้ รัฐสภาฝรั่งเศสได้ประชุมพิจารณาและลงมติมอบอ านาจให้รัฐบาลด าเนินการให้รัฐบาลสยามรับรอง และเคารพสิทธิของฝรั่งเศส และรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยื่นข้อเรียกร้องให้สยามด าเนินการดังนี้ จากวิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒ ท าให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งจน ประชวรหนักไม่ยอมเสวยใด ๆ ระหว่างนั้นจึงได้พระราชนิพนธ์บทโคลงและฉันท์เป็นจดหมายระบายความทุกข์ โทมนัสจนไม่ปรารถนาจะด ารงพระชนม์ชีพอีกต่อไป จากนั้นจึงส่งไปให้พี่น้องบางพระองค์เพื่ออ าลา สมเด็จกรม พระยาด ารงราชานุภาพซึ่งเป็นพระเจ้าน้องยาเธอจึงทรงตอบกลับมาท าให้พระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเจ้าเกล้าอยู่หัวนั้นดีขึ้น
๒ ผู้แต่งและประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์บดินทร เทพยมหามกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ์วรุตมพงศ์บริพัตร ศิริวัฒนราชกุมาร ทรงได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่าง กรม มีพระนามกรมว่า กรมหมื่นพิฆเณศวรสุรสังกาศ หลังจากทรงผนวชเป็นสามเณรทรงได้รับการเฉลิมพระ นามาภิไธยขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงเป็นพระราชปิโย รสที่สมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดให้เสด็จอยู่ใกล้ชิดติดพระองค์เสมอเพื่อให้มีโอกาสแนะน าสั่งสอนวิชาการ ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชารัฏฐาภิบาล ราชประเพณีและโบราณคดี นอกจากนั้นยังทรงศึกษาภาษามคธ ภาษาอังกฤษ การยิงปืนไฟ กระบี่กระบอง มวยปล ้า รวมทั้งการบังคับช้างอีกด้วย
๓ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารง ราชานุภาพทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาชุ่ม ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๐๕ ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระองค์ทรงมีบทบาทส าคัญยิ่งในการก่อตั้งและปฏิรูปการจัดระเบียบการปกครองภายในประเทศ และการ บริหารราชการของกระทรวงมหาดไทย ทรงเป็นองค์ปฐมเสนาบดีแห่งกระทรวงมหาดไทย ได้รับการถวาย สมัญญานามว่าพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย และเป็นคนไทยคนแรก ที่องค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติ ได้ถวายสดุดีให้เป็นบุคคลส าคัญของโลก
๔ ลักษณะค ำประพันธ์ ขัตติยพันธกรณีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์นิพนธ์ด้วยค า ประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพจ านวน ๗ บท และอินทรวิเชียรฉันท์๑๑ จ านวน ๔ บท โดยไม่เคร่งรัดเรื่องครุ-ลหุ ส่วนในสมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ด้วยค าประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์๑๑ จ านวน ๒๖ บท โดยไม่เคร่งเรื่องครุ-ลหุ แผนผังโคลงสี่สุภำพ ตัวอย่าง เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ปวงเฮย คิดใครลาลาญหัก ปดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่พบเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม แปล ทรงประชวรหนักมาเป็นเวลานาน จึงมีความคิดเสร็จสวรรคต [อยากลาตาย ] ให้พ้นจากความเหน็ดเหนื่อย ไปสู่โลกหน้าที่มีแต่ความสบายกายสบายใจ มีความสุขมากยิ่งกว่า กล้วยเผาเหลืองแก่ก ้าเกินพระ ลักษณ์นา แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล ้า นานวานยิ่งเครอะคระ กลืนยาก ทนจ่อซ่อมจิ้มจ ้า แตกสิ้นสุดใบ แปล กล้วยเผานั้นมีสีเหลืองแก่ยิ่งกว่าสีผืวของพระลักษณ์[ ตวัละครจากรามเกียรติ์] ท าให้ช่วงแรกๆใครๆก็อยากกิน แต่หาทิ้งไว้นานๆแต่ทิ้งไว้นานๆกลับแข็งและกลืนยาก ไม่ว่าจะใช้ส้อมจิ้มกี่ครั้ง ก็ยังไม่สามารถจิ้มเข้าไปในเนื้อ กล้วยเผาได้
๕ แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์๑๑ ตัวอย่าง นายกลประจ าจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง จะรอก็ระแวง จะไม่ทันธุรการ อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์ทวีทุกวันวาร เหตุห่างบดียาน อันเคยไว้น ้าใจชน ถ้าจะว่าบรรดากิจ ก็ไม่ผิด ณ นิยม เรือแล่นทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน แปล นอกจากนายท้ายเรือแล้วช่างกลประจ าเรือเองก็ไม่รู้จะท าเช่นไรดีเพราะไม่มีกัปตันเรือคอยช่วยชี้แนะจะมัวแต่ มารอก็ย่อมไม่ทันการณ์เรียกได้ว่าทุกคนทุกหน้าที่ต่างก็อึดอัดและมีความทุกข์เพราะขาดผู้นไเรืออย่างร.๕ การท างานต่างๆก็เหมือนกับการเดินเรือ
๖ ขอเดชะเบื้องบาท วรราชะปกศึ- โรตม์ข้าผู้มั่นมี มะนะตั้งกตัญญู ได้รับพระราชทาน อ่านราชนิพนธ์ดู ทั้งโคลงและฉันท์ตู ข้าจึงตริด าริตาม อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้เชิงถวาย แปล กรมพระยาด ารงราชานุภาพได้ทรงกล่าวขอเดชะใฝ่ าละอองธึลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อมด้วยพระองค์เอง เป็นผู้มีใจกตัญญูได้อ่านบทพระราชนิพนธ์ของร.๕ แล้วจึงคิดได้ว่า หลังจากที่ร.๕ทรงประชวรหนักนั้น ประชาชนชาวไทยทุกคนก็วิตกกังวลเป็นอย่างมากจนเกินกว่าที่จะกล่าวออกมาเป็นค าพูดได้หากตัวกรมพระ ยาด ารงราชานุภาพเองประทับอยู่ใกล้ๆ ก็ยอมที่จะถวายเลือดเนื้อของตัวเองมาท าเป็นพระอสถให้ขอเพียงแต่ ช่วยให้ร.๕ มีพระอาการดีขึ้นได้
๗ เนือ้เรื่อง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องขัตติยพันธกรณีด้วยโคลงสี่สุภาพ จ านวน ๗ บทด้วยกัน โดยบรรยายความกังวลใจ ที่ทรงประชวรอย่างหนักเป็นเวลานาน ด้วยโรคฝีสามยอด และไข้ส่า ท าให้เป็นที่หนักใจของผู้ที่ดูแลรักษาอีกทั้งยังบรรยายถึงความเจ็บปวดพระวรกายจากพระอาการ ประชวรจึงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จสวรรคต แต่พระองค์ไม่สามารถท าเช่นนั้นได้เนื่องจากเป็นกษัตริย์ที่มี ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คือการปกป้องรักษาบ้านเมืองจากประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง หลังจากนั้น รัชกาลที่๕ ทรงบรรยายความรู้สึกด้วยอินทรวิเชียรฉันท์โดยบรรยายถึงความรู้สึกเบื่อ หน่าย หมดก าลังพระทัย เนื่องจากพระอาการประชวรที่ยาวนาน และยังมีความเจ็บทางใจที่เกิดจากการต้อง ป้องกันรักษาบ้านเมืองเอาไว้อีกทั้งยังมีความกังวลใหญ่หลวงในพระทัย และทรงหวั่นเกรงว่าจะทรงกลายเป็น พระมหากษัตริย์ที่ราษฎรจะกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุท าให้เสียบ้านเสียเมืองแก่ต่างชาติเช่นเดียวกับสมเด็จพระ มหินทราธิราชและสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ (ค าประพันธ์ใช่ว่า “ทวิราช”แปลว่า กษัตริย์สองพระองค์) ในช่วงที่ เสียกรุงศรีอยุธยาทั้ง ๒ ครั้ง รัชกาลที่๕ ไม่ต้องการจะเป็นกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่ท าให้เราต้องสูญเสียเอกราช ไป
๘ ส่วนที่๑ เป็ นพระรำชนิพนธ์ของร.๕ เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ปวงเฮย คิดใครลาลลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่พบเบื้อง หน้านั้นพลันเกษม ด้วยความที่ร.๕ ทรงประชวรหนักมาเป็นเวลานาน จึงมีความคิดจะเสด็จสวรรคต (อยากลาตาย) ให้พ้นจาก ความเหน็ดเหนื่อย ไปสู่โลกหน้าที่มีแต่ความสบายกายสบายใจ มีความสุขมากยิ่งกว่า เป็นฝีสามยอดแล้ว ยังราย ส่านอ ปวดเจ็บใครจักหมาย ช่วยได้ ใช่เป็นแต่ส่วนกลาย เศียรกลัด กลุ้มแฮ ใครต่อเป็นจึ่งผู้ นั่นนั้นเห็นจริง นอกจากร.๕ จะทรงประชวรด้วยโรคฝีสามยอดแล้ว ยังมีไข้ส่าเป็นระยะ ส่งผลให้พระองค์ทรงเจ็บปวดทรมาน มากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะทั้งปวดทั้งกายและศีรษะ ผู้ที่ไม่เคยมีอาการแบบนี้ย่อมไม่รู้ว่าความเจ็บปวดทรมาน นั้นมันมากขนาดไหน ตะปูดอกใหญ่ตรึ้ง บาทาอยู่เฮย จึง บ อาจลีลา คล่องได้ เชิญผู้ที่เมตตา แก้สัตว์ปวงแฮ ชักตะปูนี้ให้ ส่งข้าอัญขยมร.๕ ทรงอธิบายว่า รู้สึกเหมือนมี “ตะปูดอกใหญ่” ตรึงเท้าทั้ง ๒ ข้างเอาไว้ท าให้เดินไม่สะดวก หรือเดินไม่ได้ ใครที่สามารถดึงตะปูดอกใหญ่นี้ออกได้ร.๕ จะทรงยินดีให้ดึงออกเป็นอย่าง ยิ่ง
๙ ชีวิตมนุษย์นี้ เปลี่ยนแปลงจริงนอ ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง โบราณท่านจึงแสดง เป็นเยี่ยงอย่างนา ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี ชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มีทั้งทุกข์และสุข ไม่มีใครที่สุขและทุกข์ได้อย่างถาวร สอดคล้องกับ ส านวน “ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน” เป็นเด็กมีสุขคล้าย ดีรฉาน รู้สุกรู้ทุกข์หาญ ขลาดด้วย ละอย่างละอย่างพาล หย่อนเพราะ เผลอแฮคล้ายกับผู้จวนม้วย ชีพสิ้นสติสูญ ชีวิตของเด็กนั้นเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน สุขและทุกข์ไปวัน ๆอย่างไม่มีสติไม่ต่างกับคนที่ใกล้จะตาย โดยร.๕ ทรงพระราชนิพนธ์บทนี้เพราะหวังจะกลับไปเป็นเด็ก ที่ไม่ต้องมานั่งกังวลถึงปัญหา ไม่ต้องแก้ไข หรือมีความ รับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ ฉันไปปะเด็กห้า หกคน โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ ร.๕ ทรงพบเจอเด็กจ านวน ๕-๖ คน ซึ่งทุกคนโกนผมและใส่เสื้อผ้าสีขาว ท าหน้าที่เชิญเครื่องที่หอศพ การ พบปะเด็กในครั้งนี้ท าให้ร.๕ ทรงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก กล้วยเผาเหลืองแก่ก ้า เกินพระ ลักษณ์นา แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล ้า นานวันยิ่งเครอะคระ กลืนยาก ทนจ่อซ่อมจิ้มจ ้า แดกสิ้นสุดใบ กล้วยเผานั้นมีสีเหลืองแก่ยิ่งกว่าสีผิวของพระลักษณ์(ตวัละครจากเรื่องรามเกียรติ)์ท าให้ในช่วงแรก ๆใครๆ ก็ อยากกิน แต่หากทิ้งไว้นาน ๆ กลับแข็งและกลืนยาก ไม่ว่าจะใช้ส้อมจิ้มกี่ครั้ง ก็ยังไม่สามารถจิ้มเข้าไปในเนื้อ กล้วยเผาได้
๑๐ เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบ ารุงกาย ส่วนจิต บ มีสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง แม้หายก็พลันยาก จะล าบากฤทัยพึง ตริแต่จะถูกรึง อุระรัดและอัตรา นอกจากความเจ็บป่ วยทางกายจะยังคงด าเนินอยู่เรื่อย ๆแล้ว ร.๕ ยังทรงรู้สึกไม่สบายใจอีกด้วย พระองค์ทรง คิดไม่ตกกับปัญหาต่าง ๆ ท าให้เกิดความกังวลใจและอัดอั้นตันใจอยู่เป็นประจ า ดูแล้วคงไม่หายไปโดยง่าย กลัวเป็นทวิราช บ ตริป้องอยุธยา เสียเมืองจึงนินทา บ ละเว้น ฤ วางวาย คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็บ พบซึ่งเงื่อนสาย สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดแลเลยสูญฯ ร.๕ ทรงกลัวว่าตัวพระองค์เองจะกลายเป็นเช่นเดียวกับสมเด็จพระมหินทราธิราช และสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ (ทวิราช)ซึ่งประเทศไทยเราสูญเสียเอกราชในช่วงที่พระมหากษัตริย์๒ พระองค์นี้ขึ้นครองราชย์ไม่ว่าพระองค์ จะทรงครุ่นคิดแก้ไขปัญหานี้เพียงใด ก็ไม่พบทางออก ท าให้ทรงกลัวว่าจะเป็นที่น่าอับอายในสายตาของ ประชาชนทั่วไป ส่วนที่๒ เป็ นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมพระยำด ำรงรำชำนุภำพ
๑๑ ขอเดชะเบื้องบาท วรราชะปกศี- โรตม์ข้าผู้มั่นมี มะนะตั้งกตัญญู ได้รับพระราชทาน อ่านราชนิพันธ์ดู ทั้งโคลงและฉันท์ตู ข้าจึงตริด าริตาม อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย กรมพระยาด ารงราชานุภาพได้ทรงกล่าวขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ตัวพระองค์ เองเป็นผู้มีใจกตัญญูได้อ่านบทพระราชนิพนธ์ของร.๕ แล้วจึงคิดได้ว่า หลังจากที่ร.๕ ทรงประชวรหนักนั้น ประชาชนชาวไทยทุกคนก็วิตกกังวลเป็นอย่างมากจนเกินกว่าที่จะกล่าวออกมาเป็นค าพูดได้หากตัวกรมพระ ยาด ารงราชานุภาพเองประทับอยู่ใกล้ๆ ก็พร้อมที่จะยอมถวายเลือดและเนื้อของตัวเองมาท าเป็นพระโอสถให้ ขอเพียงแต่ช่วยให้ร.๕ มีพระอาการดีขึ้นได้ ทุกหน้าทุกตาตู บ พบผู้จะพึงสบาย
๑๒ ปรับทุกข์ทุรนทุราย กันมิเว้นทิวาวัน ดุจเหว่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปิตัน นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง ไม่มีประชาชนคนใดมีความสุขเลย เวลาเจอหน้ากันก็มักปรับทุกข์เรื่องพระอาการประชวรของ ร.๕ ว่ารู้สึก เหมือนกับเป็นลูกเรือและนายท้ายเรือที่สับสนงงงัน ไม่รู้จะแล่นเรือไปในทิศทางใด เพราะขาดกัปตันเรืออย่าง พระมหากษัตริย์ที่คอยควบคุมดูแลลูกเรือและนายท้ายเรืออยู่เสมอ นายกลประจ าจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง จะรอก็ระแวง จะไม่ทันธุรการ อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์ทวีทุกวันวาร เหตุห่างบ่ดียาน อันเคยไว้น ้าใจชน นอกจากนายท้ายเรือแล้วช่างกลประจ าเรือเองก็ไม่รู้จะท าเช่นไรดีเพราะไม่มีกัปตันเรือคอยช่วยชี้แนะ จะมัว แต่มารอก็ย่อมไม่ทันการณ์เรียกได้ว่าทุกคนทุกหน้าที่ต่างก็อึดอัดและมีความทุกข์เพราะขาดผู้น าเรืออย่าง ร.๕ ถ้าจะว่าบรรดารกิจ ก็ไม่ผิด ณ นิยม เรือแล่นทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน ธรรมดามหาสมุทร มีคราวหยุดพายุผัน มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน การท างานต่างๆ ก็เหมือนกับการเดินเรือโดยตามธรรมชาติแล้ว มหาสมุทรย่อมมีทั้งคราวที่สงบเงียบ และ คราวที่มีพายุและคลื่นสูง เปรียบได้กับปัญหาในการท างานนั่นเอง ผิวพอก าลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกล าไป ชาวเรือก็ย่อมรู้ ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ แต่ลอยอยู่ตราบใด ต้องจ าแก้ด้วยแรงระดม โดยปกติหากเรือมีพละก าลังมากพอ ก็ย่อมแล่นได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากมีพายุพัดผ่านมา ก็อาจท าให้เรือ ใหญ่นั้นล่มได้ดังนั้น ในขณะที่เรือยังคงลอยอยู่ได้ชาวเรือทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ถา โถมเข้ามา
๑๓ เนือ้เรื่องย่อ โคลงสี่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรารภว่าพระองค์ประชวรมานานด้วยโรคฝีสามยอดและยัง มีส่าไข้เป็นผื่นไปทั้งตัว เป็นที่หนักใจแก่ผู้รักษา แต่นอกจากจะป่ วยกายแล้วยังป่ วยใจอีกด้วยจึงมีพระราชด าริที่ จะเสด็จสวรรคตเพื่อปลดเปลื้องภาระ แต่ไม่อาจท าเช่นนั้นได้ทรงเปรียบพันธกรณีที่มีต่อชาติบ้านเมืองในฐานะ ที่พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ท าให้เหมือนถูกตอกตะปูและไปไหนไม่ได้เพราะพระองค์จะต้องปกป้อง บ้านเมืองและประชาชน อินทรวิเชียรฉันท์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบรรยายความรู้สึกของพระองค์ที่เบื่อหน่าย หมดก าลัง พระทัย และกังวลว่าจะรักษาบ้านเมืองไว้ไม่ได้เหมือนที่ในสมัยอยุธยาเคยเสียกรุงไปถึงสองครั้ง พระองค์ไม่ ต้องการเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่สามที่ท าให้ประเทศสูญเสียเอกราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงระบายไว้ในพระราชหัตถเลขาว่า กลัวเป็นทวิราช บ่ตริป้องอยุธยา เสียเมืองจึงนินทา บ่ละเว้นฤาว่างวาย ทวิราช หมายถึง สองพระราชา นั้นหมายถึงพระเจ้าอุทุมพรและพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์สององค์สุดท้ายแห่ง กรุงศรีอยุธยาสมเด็จกรมพระยาด ารงราชานุภาพ ตอบกลับ โดยเนื้อหาที่ตอบกลับแสดงถึงความวิตกและความทุกข์ของประชาชนชาวไทยในพระอาการประชวรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรวมตัวพระองค์เองด้วย ทรงเปรียบประเทศชาติเป็นรัฐนาวาโดยมี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเป็นผู้บัญชาการเรือ หากไม่ทรงปฏิบัติงาน ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ย่อมท าตัว ไม่ถูก และเป็นธรรมดาที่เมื่อเวลาเรือแล่นไปในมหาสมุทรจะเจอกับพายุหนักบ้าง ดังนั้นตราบใดที่เรือยังไม่จมก็ ต้องหาทางออก ถ้าแก้จนสุดความสามารถแล้วแก้ไม่ได้ก็ยอมรับสภาพ และจะไม่มีใครกล่าวโทษพระองค์ นอกจากนี้สมเด็จกรมพระยาด ารงราชานุภาพก็ยังเปรียบตัวเองเป็นเหมือนม้าที่เป็นพระราชพาหนะ เตรียมพร้อมที่จะรับใช้จนกว่าจะสิ้นชีพ สุดท้ายคืออวยพรขอให้อ านาจแห่งค าสัตย์ของพระองค์ดลบันดาลให้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรวงหายอาการประชวรทั้งพระวรกายและพระราชหฤทัย ให้พระองค์ด ารง พระชนม์ชีพยืนนานเพื่อเกื้อกูลและสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติต่อไป
๑๔ แนวคิดและค่ำนิยม ๑. ประเทศชาติที่มีพระมหากษัตริย์เข้มแข็งย่อมเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง ๒. เมื่อประสบปัญหาในชีวิต หากเรารู้จักใช้สติในการแก้ปัญหา ก็จะท าให้ปัญหาคลี่คลายลงได้ ๓. ก าลังใจ คือ สิ่งที่จะท าให้ผู้ที่ยามท้อแท้และหมดหวัง กลับมาลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง ๔.คนเราไม่ว่าจะอยู่ในต าแหน่งสูงเพียงใด ย่อมประพฤติตัวบกพร่องได้ตามบางโอกาส ๕.อารมณ์สะเทือนในหรือแรงบรรดาลใจเป็นปัจจัยส าคัญในการแต่งบทกวี วิเครำะห์คุณค่ำทำงวรรณคดี คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ ๑.เนื้อหาของขัตติยไม่มีความซับซ้อนและยุ่งยากเหมือนวรรณคดีเรื่องอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง สามารถเข้าใจได้ง่าย และข้อคิดที่ได้จากการอ่านนั้นยังสามารถน ามาปรับใช้ในชีวิตประจ าวันได้ทั้งในเรื่อง ปัญหาภาระในการปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องเผชิญเพื่อเป็นแนวทางในการน าไปปฏิบัติใช้ในชีวิตต่อไป ๒.ขัตติยพันธกรณีกล่าวถึงเรื่องพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ทราง ระบายความทุกข์โทมนัส จึงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จสวรรคต ๓.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชนิพนธ์โคลงเพื่อระบายความทุกข์ถึงญาติของพระองค์ เองซึ่งทรงพรรณนาถึงความเจ็บปวดพระวรกายและพระทัยจากพระอาการประชวร จึงท าให้ทรงหมดก าลังที่ จะด ารงพระชนม์ชีพต่อไป เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ความเหน็ดเหนื่อยของผู้ที่เฝ้ารักษาพยาบาลของพระองค์ เองแต่พระองค์ก็ทรงตระหนักดีว่าพระองค์ยังไม่สามารถเสด็จไปตามพระทัยหมายได้เพราะทรงภาระหน้าที่ที่ หนักกว่าผู้ใดในแผ่นดิน ๔.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรกล่าวถึงชีวิตของมนุษย์ว่า ชีวิตคนเรานั้นมักเปลี่ยนไป เปลี่ยนมาอยู่เสมอ มีชั่วมีดีสลับกันไป
๑๕ ๕.พระนิพนธ์ฉันท์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพมีเนื้อความเริ่มต้นด้วย การถวายก าลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงบรรยายให้เห็นว่าพระองค์ใน ฐานะที่ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีที่ทรงปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ทรงตระหนักว่าพระอาการ ประชวรจะหนักหนาและสาหัสเพียงใด ทรงมีความวิตกกังวลและพร้อมที่จะสละเลือดเนื้อและชีวิตหากจะช่วย บรรเทาพระอาการประชวรลงได้และในช่วงท้ายมีเนื้อความเกี่ยว กับการอาสาที่จะถวายชีวิตรับใช้ปฏิบัติ หน้าที่ตามพระราชบัญชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนสุดก าลังและได้ถวาย พระพรให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฟื้นจากพระอาการประชวรโดยเร็ว และมีพระราช หฤทัยผ่องแผ้วและมีพระชนมายุยืนยาวเพื่อเมืองสยามต่อไป ๖.เหตุการณ์ในขัตติยพันธกรณีที่สะท้อนถึงค่านิยมต่างๆ - ค่านิยมเกี่ยวกับการไม่สร้างความล าบากใจให้กับผู้อื่น เช่น การที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว มีพระราชด าริที่อยากจะเสด็จสวรรคตเพราะไม่อยากให้ผู้ที่เฝ้ารักษาต้องล าบาก - ค่านิยมเกี่ยวกับการมีผู้น าที่ทรงคุณธรรม อย่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวท าให้ปวงชนชาว ไทยพร้อมที่จะสละชีพเพื่อพระองค์ - ค่านิยมเกี่ยวกับการท าหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มี พระราชประสงค์ที่จะเสด็จสวรรคต แต่ก็ยังนึกถึงหน้าที่ของตนเอง คือต้องทรงปกป้อง รักษาบ้านเมืองเอาไว้ ให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกคน คุณค่ำด้ำนสังคม ๑. สะท้อนความคิด ความเชื่อของคนไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี ผิวพอก าลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกล าไป ชาวเรือก็ย่อมรู้ ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ แต่ลอยอยู่ตราบใด ต้องจ าแก้ด้วยแรงระดม แก้รอดตลอดฝั่ง จะรอดทั้งจะชื่นชม เหลือแก้ก็จ าจม ให้ปรากฏว่าถึงกรรม เสียทีก็มีชื่อ ได้เลื่องลือสรรเสริญ สงสารว่ากรรมเกิน ก าลังดอกจึงจมสูญ
๑๖ ความเชื่อเรื่องเวรกรรม ๒. ปลุกจิตส านึกให้คนในชาติหวงแหนรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ด ารงอยู่สืบไปและตระหนักถึงความเหนื่อย ยากของบรรพบุรุษที่ต้องยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อรักษาฝืนแผ่นดินนี้ไว้ ๓.มีสติในการแก้ปัญหาต่างๆ ผิวทอดธุระนิ่ง บ วุ่นวิ่งเยียวยาท า ที่สุดก็สูญล า เหมือนที่แก้ไม่หวาดไหว ๔.ก าลังใจเป็นสิ่งส าคัญที่จะต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ขอจงวราพาธ บรมนาถเร่งเคลื่อนคลาย พระจิตพระวรกาย จงผ่อนพันที่หม่นหมอง คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ ๑. มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลายเป็นแบบอย่างของการแต่งลิลิต อาทิการสรรค า เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้จะชิงถวาย สื่อว่าสมเด็จฯพร้อมที่จะเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตให้พระเจ้าอยู่หัวหายประชวร อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม ไม่ใช่เพียงแต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นห่วงพระทัยของกษัตริย์แต่ประชาชนก็ห่วงเช่นกัน การเรียบเรียงค า ขัตติยพันธกรณีเป็นพระราชนิพนธ์และพระนิพนธ์ที่แต่งด้วยค าฉันท์ทั้งสองพระองค์เลือกใช้ค า ประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์โดยมิได้ทรงเคร่งครัดหลักการใช้ครุ-ลหุตามที่คณะฉันท์ใช้แต่ที่ใช้ตามการ ออกเสียงตามธรรมชาติของการพูดและเน้นใช้ค าที่สร้างจินตภาพและอารมณ์สะเทือนใจเป็นหลัก
๑๗ ๒. ไพเราะด้วยสัมผัสนอก สัมผัสใน สัมผัสสระและอักษร การเล่นค าซ ้าค า การเล่นค าสัมผัส มีการใช้ถ้อยค าให้มีเสียงสัมผัสคล้องจองโดยมีทั้งสัมผัสนอกและสัมผัสใน หรือสัมผัสบังคับตามฉันท ลักษณ์ของค า ประพันธ์และสัมผัสไม่บังคับ แต่ในขัตติยพันธกรณีมีสัมผัสในเพื่อเพิ่มความไพเราะมากขึ้น โดย มีทั้งสัมผัสพยัญชนะ และสัมผัสสระ เช่น คิดใคร่ลาลาญหัก เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง การเล่นค าซ ้า มีการใช้ค าเดียวกันในความหมายเดียวกันหลายแห่งในบทประพันธ์หนึ่ง เพื่อย ้าความหมายให้หนัก แน่นมากยิ่งขึ้น เช่น อย่างละอย่างพาล เป็นเด็กมีสุขคล้าย ดีรฉาน รู้สุขรู้ทุกข์หาญ ขลาดด้วย ละอย่างละอย่างพาล หย่อนเพราะ เผลอแฮ คล้ายกับผู้จวนม้วย ชีพสิ้นสติสูญ การเล่นค าอัพภาส ค าซ ้าประเภทหนึ่งที่กร่อนเสียงพยางค์หน้าเป็น “อะ”เช่น ละลืม ละลาย จงคลายเหมือนหลายปี ละลืมเลิกละลายสูญ ๓. มีการใช้ภาพพจน์ต่างๆอาทิ การใช้อุปมา เปรียบเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนะยาน ผูกเครื่องบังเหียนอาน ประจ าหน้าพลับพลาชัย สมเด็จฯเปรียบตัวเองเหมือนม้าที่เป็นพระราพาหนะ เตรียมพร้อมรับใช้รัชกาลที่ ๕ การใช้อุปลักษณ์ ตะปูดอกใหญ่ตรึ้ง บาทาอยูเฮย จึง บ อาจลีลา คล่องได้ เชิญผู้ที่มีเมตตา แก่สัตว์ปวงแฮ
๑๘ ขัดตะปูนี้ให้ ส่งขาอันขยม เปรียบพันธกรณีที่มีต่อชาติบ้านเมืองเป็นตะปูดอกใหญ่ที่ตรึงพระบาทของพระองค์ไว้ไม่ให้ก้าวย่างไปได้และ ขอให้ผู้ที่มีเมตตา น าตะปูนี้ออกให้ด้วย การใช้บุคคลวัต ผิวพอก าลังเรือ ก็แล่นเรรอดได้ไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกล าไป ถ้าเรือพอมีก าลังก็จะด้านลมได้ท าให้แล่นไปได้อย่างปลอดภัย แต่หากมกรรมก็จะท าให้เรือล่มทุกล าไป การใช้อติพจน์ การเปรียบเทียบโดยการกล่าวข้อความที่เกินจริง มักเปรียบเทียบในเรื่องปริมาณ ว่ามีมากเหลือเกิน มีเจตนา เน้นข้อความที่กล่าวนั้นให้มีน ้าหนักยิ่งขึ้น กล้วยเผาเหลืองแก่ก ้า เกินพระ ลักษณ์นา ถ้าเลือดเนื้อของสมเด็จฯ เจือยาถวายหายอาการประชวรได้ก็ยินดีที่จะทูลเกล้าถวาย ประสาอยู่แต่ใกล้ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้จะชิงถวาย การใช้ข้อความที่เกี่ยวข้องกับส านวนสุภาษิต ชีวิตมนุษย์นี้ เปลี่ยนแปลงจริงหนอ ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง โบราณท่านจึงแสดง เป็นเยี่ยงอย่างมา ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี ชีวิตคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนส านวนที่ว่าชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ไกลใกล้บ่ได้เลือก จะกระเดือกเต็มประดา ทราบเท่าจะถึงวา- ระชีวิตมลายปราณ ตรงกับมุภาษิตพระร่วงที่ว่าอาสาเจ้าจนตัวตาย การใช้ค าปฏิพากย์ การเปรียบโดยใช้ถ้อยค าที่มีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกันมา
๑๙ กล่าวอย่างกลมกลืนเพื่อเพิ่มความหมายให้มีน ้าหนักมากขึ้น ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี รู้สุขรู้ทุกข์หาญ ขลาดด้วย การใช้เสาวรจนี กล้วยเผาเหลืองแก่ก ้า เกินพระ ลักษณ์นา ชมกล้วยว่ามีสีเหลืองแก่ยิ่งกว่าผิวของพระลักษณ์ การใช้กรุณารส อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้จะชิงถวาย เป็นการใช้ค าเพื่อแสดงออกถึงความเมตตาสงสารท าให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสลดหดหู่ใจตามไปด้วย
๒๐ การใช้วีรรส เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใครลาลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพบั้นเขษม รสแห่งความกล้าหาญพระราชหฤทัยพระองค์ที่สละพระชนม์ชีพสวรรคตที่จะไม่เป็นภาระแกพระญาติและ ข้า ราชบริพารโดยไม่หวาดกลัวความตายเลย การใช้นามนัย เป็นเด็กมีสุขคล้าย ดีรฉาน ดีรฉาน หมายถึง สัตว์ดีรฉาน ขอเดชะเบื้องบาท วรราชะปกศี เบื้องบาท หมายถึง พระมหากษัตริย์ร.๕ ดุจเหล่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปิตัน กระปิตัน หมายถึง กัปตันเรือ(เปรียบมหากษัตริย์) นายกลประจ าจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง นายกล หมายถึง ผู้ดูแลเครื่องจักเรือ(ข้าราชการ/ข้าราชการบริพาร) เหตุห่างบดียาน อันูเคยไว้น ้าใจน.ช. บดียาน หมายถึง นายเรือเจ้าของเรือ
๒๑ การใช้ค าไวพจน์ บริรักษ์= ป๋ อง ลาญ = หัก อัญขยม = ข้า ข้าพเจ้า เขษม = สุข อุรา สบาย เกศ = ศิระ ศิโรตม์ เศียร บาทา = เบื้องบาทา บาท พระบาท เบื้องบาทา ขลาด = วิตก กลัว มะนะ = มโน ฤทัย อุระ พระทัย ม้วย = สิ้น มลาย สูญหาย ละลาย ตาย นิตย์= อัตรา มโน = ด าริตริอุปมา คิด นึก ประชวร = เจ็บ ปวด วราพาธ ถวาย = แก่ ให้ เปรียบ = ดุจ คล้ายเยี่ยง แหนง = หมาง ระแวง หวาด กิจ = ธุระ อาดูร = วุ่น อนุกูล = ช่วย สลาตัน = พายุ แล = ดู ทวี= พูน มาก เพิ่ม ไคล = ไป ลีลา คล่อง เสด็จไป ขาว = ยล วัน = ทิวา การใช้ค าถามเชิงวาทศิลป์ การตั้งค าถามที่ไม่ต้องการค าตอบ หรือถ้ามีค าตอบก็เป็นค าตอบที่ทั้งผู้ถามและผู้ตอบรู้ดีอยู่แล้ว เป็นฝีสามยอดแล้ว ยังราย ส่านอ ปวดเจ็บใครจักหมาย เชื่อได้ ใช่เป็นแต่ส่วนกาย เศียรกลัด กลุ้มแล ใครต่อเป็นจึงผู้ นั่นนั้นเห็นจริง
๒๒ การใช้จินตภาพด้านสี โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม เห็นสีขาว กล้วยเผาเหลืองแก่ก ้า เกินพระ ลักษณ์นา เห็นสีเหลือง เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้จะชิงถวาย เห็นสีแดง การใช้จินตภาพด้านเสียง ทนจ่อซ่อมจิ้มจ ้า แดกสิ้นสุดใบ ได้ยินเสียงที่จิ้มลงบนกล้วย มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน ได้ยินเสียงน ้ากระเพื่อมอย่างแรง การใช้จินตภาพด้านรสชาติ แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล ้า รสชาติอร่อย การใช้จินตภาพด้านการการเคลื่อนไหว(นาฏการ) ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม ชักตะปูนี้ ส่งข้าอัญขยม ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง ด้ำนกำรน ำไปใช้ในชีวิตประจ ำวัน ๑.การเป็นผู้น าต้องมีส านึกในความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ๒.ควรมีความเห็นใจไม่สร้างความล าบากใจให้แก่ผู้อื่นโดยเฉพาะคนที่อยู่ต ่ากว่า ๓.ปุถุชนไม่ว่าจะอยู่ต าแหน่งสูงเพียงใดย่อมประพฤติบกพร่องผิดพลาดได้ในบางโอกาส ๔.อารมณ์สะเทือนใจหรือแรงบันดาลใจเป็นปัจจัยในการท างานต่างๆ ๕.บุคคลพึงฟังค าแนะน าตักเตือนที่มีเหตุผลสมควรจากทุกคน ๖.เมื่อประสบปัญหาในชีวิต หากเรารู้จักใช้สติในการแก้ปัญหา ก็จะท าให้ปัญหาคลี่คลายลงได้
๒๓ วิเครำะห์วรรณคดีด้ำนโวหำร พรรณนำโวหำร กวีเลือกใช้ค าง่ายๆ แต่สื่ออารมณ์ได้ดีทรงเล่าถึงพระอาการประชวรว่าเป็นฝีสามยอด และยัง มีส่าไข้เป็นผื่นทั่วไป เจ็บปวดอย่างไม่น่าเบื่อ การประชวรครั้งนี้มิใช่แต่พระวรกายแต่ยังทรงกลัดกลุ้มพระราช หทัยด้วยผู้ใดได้มาเป็น เช่นพระองค์จึงจะร็ถึงความเจ็บปวดว่ามากเพียงใด แปล นอกจากร.๕ จะทรงประชวรด้วยโรคฝีสามยอดแล้ว ยังมีไข้ส่าเป็นระยะ ส่งผลให้พระองค์ทรงเจ็บปวด ทรมานมากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะทั้งปวดทั้งกายและศีรษะ ผู้ที่ไม่เคยมีอาการแบบนี้ย่อมไม่รู้ว่าความเจ็บปวด ทรมานนั้นมันมากขนาดไหน คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ การเป็นโรคฝีสามยอดนี้ท าให้ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและความทรมาณ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ มีการใช้ภาพพจน์โวหาร และฉันทลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ท าให้มีความหลากหลายในการใช้ คุณค่ำด้ำนสังคม ผู้แต่งแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่ร.๕เคยได้พบประสบกับปัญหาของโรคฝีสามยอด
๒๔ วเทศนำโวหำร หากนิ่งเฉยไม่ขวนขวายที่จะแก้ไขหรือท าอะไรเลย ในที่สุดก็จะสูญเสียเรือทั้งล าเหมือนกับที่ แก้ปัญหาไม่ได้แตกต่างกันตรงที่ว่า ถ้ามีการแก้ไขอย่างเต็มก าลังความสามารถแล้วเรือยังจมก็จะไม่มีใครสบ ประประมาทได้ แปล หากคิดว่าไม่เป็นธุระ และไม่คิดจะเยียวยารักษา(ลุกขึ้นสู้แก้ปัญหา) ในที่สุดก็จะสูญเสียเรือล านี้ไป เหมือนที่แก้ปัญหาไม่ไหว (หนีปัญหา) แต่ถ้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่แล้วจึงจมก็คงไม่มีใครว่าเป็นผู้ประมาทหรือ ขลาดเขลาและเมาเมิน คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ การรู้จักการแก้ไขปัญหา เผชิญหน้ากับปัญหาไม่หนีปัญหาก็จะไม่มีใครว่าเราได้ คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลาย มีการใช้ภาพพจน์ต่างๆ ทั้งอุปมา มีการสอนคติข้อคิดในการน าไปใช้ ในชีวิตประจ าวัน คุณค่ำด้ำนสังคม ผู้แต่งแสดงถึงแนวคิดเรื่องการสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นถ้าเราหนีปัญหาก็จะมีแต่เรื่องสูญเสียตามมาแต่ถ้า เรารู้จักแก้ปัญหาอย่างถูกต้องก็จะไม่มีใครมาว่าเราและเราก็จะไม่ต้องสูญเสียอะไรไป คุณค่าด้านวรรณศิลป์ มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลาย มีการใช้ภาพพจน์ต่างๆ ทั้งอุปมา มีการสอนคติข้อคิดในการ น าไปใช้ในชีวิตประจ า
๒๕ บรรยำยโวหำร พระองค์เสด็จไปพบเด็กแต่งชุดขาวประมาณห้าถึงหกคนท าหน้าที่เป็นคนเชิญเครื่องในพิธีศพ ท าให้รู้สึกเศร้าพระราชหฤทัย แปล ฉันได้พบเด็กหาหกคน โกนผมใส่เสื้อผ้าสีขาว ก็ถามเขาได้ความว่าเขาเป็นคนเชิญเครื่องไปที่หอศพ ช่างรู้สึกอ้างว้างเหงาใจ คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ การพบเด็กครั้งนี้ท าให้รู้สึกอ้างว้างใจเป็นอย่างมาก คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลาย มีการใช้ภาพพจน์ต่างๆ คุณค่ำทำงด้ำนสังคม ผู้แต่งแสดงถึงความเศร้าใจเป็นอย่างมากที่ไปพบเจอเด็กกลุ่มนั้นที่ไม่มีทางเลือกต้องไปท าหน้าที่เชิญ เครื่องที่หอศพและอ้างว้าง
๒๖ สำธกโวหำรชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนเเปลงอยู่ตลอด มีทั้งทุกข์สุขไม่มีใครที่สุขและทุกข์ได้อย่างถาวร สอดคล้องกับส านวน ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน เเปล ชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มีทั้งทุกข์และสุข ไม่มีใครที่สุขและทุกข์ได้อย่างถาวร สอดคล้องกับส านวน “ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน” คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ ชีวิตคนเปลี่ยนเเปลงไปได้อยู่เสมอมีทั้งทุกข์เเละสุข ดั่งค าพูดที่ว่าชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ การเล่นเสียงพยัญชนะ สาธกโวหารยกตัวอย่างค าพูดที่ว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน คุณค่ำทำงด้ำนสังคม ในสมัยนั้นเป็นสังคมของการเองตัวรอดมีปัญหารอบด้านที่เข้ามาท าให้ในตอนนนั้นทุกคนต่างต้องดูเเล ตัวเองเเละสะท้อนให้เห็นถึงความคิดเเละความเชื่อในอดีต
๒๗ อุปลักษณ์โวหำร “เป็นตะปูดอกใหญ่ที่ตรึงพระบาทไว้มิให้ก้าวย่างไปได้”ทรงเปรียบพัธกรณีที่มีต่อชาติ บ้านเมืองในฐานะที่พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ แปล รู้สึกเหมือนมี“ตะปูดอกใหญ่” ตรึงเท้าทั้ง ๒ ข้างเอาไว้ท าให้เดินไม่สะดวก หรือเดินไม่ได้ใครที่ สามารถดึงตะปูดอกใหญ่นี้ออกได้ร.๕ จะทรงยินดีให้ดึงออกเป็นอย่างยิ่ง คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ มีตะปูติดเท้าทั้งสองข้างท าให้เดินไม่สะดวกหากใครสามารถที่จะดึงออกให้ด้ก็จะยินดีให้ดึงออก คุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ มีการใช้ค าที่เข้าใจง่าย ใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลายรูปแบบ คุณค่ำทำงด้ำนสังคม ผู้แต่งให้ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีตะปูมาต าเท้าไว้ทั้งสองข้าง ขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่สามารถเป็น ผู้รู้ผู้กล้าและมีเมตตาที่จะช่วยเหลือกันและกัน
๒๘ อติพจน์โวหำร ถ้าเลือดเนื้อของสมเด็จฯ เจือยาถวายให้หายประชวรได้ก็ยินดีที่จะทูลเกล้าฯถวาย เเปล หากตัวกรมพระยาด ารงราชานุภาพเองประทับอยู่ใกล้ๆ ก็พร้อมที่จะยอมถวายเลือดและเนื้อของตัวเองมาท า เป็นพระโอสถให้ขอเพียงแต่ช่วยให้ร.๕ มีพระอาการดีขึ้นได้ คุณค่ำด้ำนเนือ้หำ แสดงถึงกรมพระยาด ารงราชานุภาพยอมที่จะเสียสละเลือดและเนื้อของตัวเองมาท ายาเพื่อให้รัชกาลที่ ๕มีพระอาการดีขึ้น คุณค่ำด้ำนด้ำนวรรณศิลป์ การเรียบเรียง ใช้อินทรวิเชียรฉันท์๑๑ ใช้ค าครุ-ลหุเน้นใช้ค าสร้างจินตภาพและอารมณ์สะเทือนใจ การสรรหาค า สรรหาค าที่เเสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อรัชกาลที่๕ ใช้อติพจน์ เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้จะชิงถวาย เป็นการกล่าวเกินจริงเเเสดงความรู้สึกพร้อมจะเสียสละเลือดเนื้อเเละชีวิตของตัวเองน ามาท าเป็นยา การสัมผัสสระ คุณค่ำทำงด้ำนสังคม เเสดงถึง ความห่วงใยที่มีต่อรัชกาลที่๕และความเสียสละ
๒๙ เกร็ดควำมรู้ ขัตติย หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน พันธกรณีหมายถึง ข้อผูกมัด ข้อผูกพันต่าง ๆ ดังนั้น เมื่อรวมทั้งสองค าเข้า ด้วยกันเป็น ขัตติยพันธกรณีจึงแปลว่า เหตุอันเป็นข้อผูกพันหรือข้อผูกมัดของกษัตริย์ จุดมุ่งหมายในการแต่ง ถ้าเป็นส่วนของบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีจุดมุ่งหมายในการ แต่งเพื่ออ าลาเจ้านายพี่น้อง แต่ถ้าเป็นส่วนของพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงรา ชานุภาพ จะแต่งเพื่อปลอบประโลมให้คลายทุกข์และปลุกใจให้ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรค ขัตติยพันธกรณีมาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์คือเหตุการณ์รศ.๑๑๒ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๓๖) โดยเหตุการณ์ครั้งนี้มาจากความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับเขตแดนทางด้าน หลวงพระบาง ซึ่งเริ่มต้นจากการกระทบกระทั่งกันของก าลังทหารทั้งจากฝั่งไทยและฝรั่งเศส และทวีความ รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อผู้แทนทางการทูตของทั้ง ๒ ประเทศเจรจาเพื่อหาทางออกไม่ส าเร็จ จนกระทั่งวันที่ ๑๓ กรกฎาคม รศ. ๑๑๒ กองเรือรบของฝรั่งเศส ได้รุกล ้าเข้ามาถึงปากแม่น ้าเจ้าพระยา แล่นผ่านป้อมพระ จุลจอมเกล้า และป้อมผีเสื้อสมุทร จนในที่สุด เรือปืนของฝรั่งเศส ๒ ล าก็สามารถเข้ามาจอดและทอดสมอหน้า สถานทูตฝรั่งเศสได้พร้อมทั้งยื่นค าขาดในการเรียกร้องสิทธิเหนือดินแดน และเรียกร้องค่าปรับ อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์ครั้งนี้จบลงเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม รศ. ๑๑๒ ด้วยการลงนามในสนธิสัญญา กรุงเทพฯ ซึ่งมีผลท าให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น ้าโขงไป และเสียอ านาจการปกครองคนในบังคับชาวอิน โดจีนให้แก่ฝรั่งเศส เหตุการณ์ครั้งนี้ ท าให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสียพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง จน ทรงประชวรหนัก ไม่ยอมเสวยพระโอสถ ในระหว่างนี้ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทโคลงและฉันท์เพื่อระบายความ เจ็บปวด ความทุกข์ทรมานแสนสาหัส จนไม่ทรงปรารถนาที่จะด ารงพระชนม์ชีพอีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงส่งบทพระราชนิพนธ์ไปอ าลาเจ้านายพี่น้องบางพระองค์ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ ซึ่งเป็นพระเจ้าน้องยาเธอในขณะนั้น เมื่อทรงได้รับ สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ ก็ทรงนิพนธ์บทประพันธ์ถวายตอบทันที
๓๐ บรรณำนุกรม ไม่พบผู้แต่ง.ผู้แต่งและประวัติผู้แต่ง.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://www.trueplookpanya.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จุฑาลักษณ์เชิดอรุณ.เนื้อเรื่องย่อขัตติยพันธกรณี.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://blog.startdee.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ชิสานุชา.ที่มาขัตติยพันธกรณี.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://nockacademy.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ไม่พบผู้แต่ง.แนวคิดเรื่องขัตติยพันธกรณี.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://www.trueplookpanya.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ กิ่งกาญจน์.ลักษณะค าประพันธ์.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: https://kingkarnk๒๘๘.wordpress.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ไม่พบผู้แต่ง.คุณค่าด้านเนื้อหา.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: https://rak-pooh.wixsite.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ไม่พบผู้แต่ง.คุณค่าด้านวรรณศิลป์.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: : https://rak-pooh.wixsite.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ไม่พบผู้แต่ง.คุณค่าด้านวรรณศิลป์.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://noeyarp.weebly.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จุฑาลักษณ์เชิดอรุณ.วิเคราะห์พรรณนาโวหาร.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://blog.startdee.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จุฑาลักษณ์เชิดอรุณ.วิเคราะห์เทศนาโวหาร.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://blog.startdee.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จุฑาลักษณ์เชิดอรุณ.วิเคราะห์สาธกโวหาร.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:https://blog.startdee.com. วันที่ค้นพบข้อมูล:วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๖
๓๑ ภาคผนวก
๓๒
๓๓
๓๔