The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ta Kanphakpim, 2022-05-25 23:22:19

แผนการสอน

แผนการสอน

Keywords: แผน

แผนการจัดการเรยี นร้รู ายวชิ า วัสดุศาสตร์3 พว32024
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551

สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั สุพรรณบรุ ี
สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั
สำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ
กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา วัสดุศาสตร์3 พว32024 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
สาระความรู้พื้นฐาน หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประจำ
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย
แนวทางการจดั การเรียนการสอนแบบ ONIE MODEL 4 ข้นั ตอน ได้แก่ ขน้ั ตอนที่ 1 การกำหนดสภาพ ปัญหา
ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) ขั้นตอน ที่ 2 การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ (N : New
ways of learning) ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ (I : Implementation) ขั้นตอนที่ 4
การประเมินผล (E : Evaluation) มีเนื้อหาความสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน
กศน. ปีงบประมาณ 2564 และแนวนโยบาย จุดเน้นการปฏิบัติในการจัดการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ
การศึกษานอกระบบแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ในการจัดทำแผนการจัดการเรียนการสอนเล่มนี้ ผู้จัดทำได้รวบรวม
องค์ความรู้ ทักษะและสภาพปัญหาจากการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงเพื่อเพ่ิม
ประสทิ ธภิ าพกระบวนการจดั การเรยี นรใู้ ห้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึน้ มกี ารจดั การเรียนรู้ครบตามเนื้อหา และ
ตัวชีว้ ัดของหลักสูตร

ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้ความรู้ คำแนะนำและ
ให้คำปรึกษาเป็นแนวทาง ทำให้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาเล่มนี้ จนสำเร็จเป็นรูปเล่มสมบูรณ์
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้นำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้
ได้อย่างมีประสิทธิภาพหากพบข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้แก้ไข
ปรบั ปรุงด้วยความขอบคณุ ย่ิง

กศน.อำเภอหนองหญา้ ไซ
พฤศจกิ ายน 2564

สารบญั หนา้

คำนำ ก
สารบัญ ข
คำอธิบายรายวชิ า วัสดศุ าสตร์3 พว32024 1
รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา วสั ดุศาสตร์3 พว32024 2
ตารางวเิ คราะหย์ ากงา่ ยรายวิชา วสั ดศุ าสตร3์ พว32024 5
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบพบกลุ่ม ครัง้ ที่ 10 8
10
- ใบความรู้ 12
- ใบงาน 15
- เฉลยใบงาน 17
- แบบทดสอบยอ่ ย 19
- เฉลยแบบทดสอบยอ่ ย 20
- บนั ทึกผลหลังการเรียนรู้ 22
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบพบกลุ่ม ครั้งท่ี 11 24
- ใบความรู้ 34
- ใบงาน 37
- เฉลยใบงาน 41
- แบบทดสอบยอ่ ย 43
- เฉลยแบบทดสอบย่อย 44
- บันทกึ ผลหลังการเรียนรู้ 46
แผนการจัดการเรียนรู้แบบพบกลุ่ม ครั้งท่ี 12 48
- ใบความรู้ 51
- ใบงาน 52
- เฉลยใบงาน 57
- แบบทดสอบย่อย 59
- เฉลยแบบทดสอบยอ่ ย 60
- บนั ทึกผลหลังการเรียนรู้

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า

ปฏทิ ินการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง วสั ดุศาสตร์3 พว32024 62
แผนการจดั การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง ครั้งท่ี 10 64
64
- ใบความรู้ 69
- ใบงาน 70
- เฉลยใบงาน 71
แผนการจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง คร้ังที่ 11 72
- ใบความรู้ 74
- ใบงาน 75
- เฉลยใบงาน 85
แผนการจัดการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ครง้ั ท่ี 12 86
- ใบความรู้ 86
- ใบงาน 88
- เฉลยใบงาน ง
บรรณานุกรม
คณะทำงาน

คำอธิบายรายวชิ า วัสดุศาสตร3์ พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั
มคี วามรูความเขาใจ ทกั ษะและเหน็ คุณคาเกยี่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร เทคโนโลยี ส่ิงมีชีวิต

ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถิ่น ประเทศ โลก สาร แรง พลังงาน กระบวนการ
เปลี่ยนแปลง โครงงานวิทยาศาสตรของโลกและดาราศาสตร มีจิตวิทยาศาสตรและนําความรู ไปใชในการ
ดาํ เนนิ ชีวิต

ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองตอ่ ไปนี้
ศึกษาและฝกทักษะเกี่ยวกับเรื่องตอไปนี้ หลักวัสดุศาสตรการใชประโยชนและผลกระทบจากวัสดุ

การคัดแยกและการรีไซเคิล ทิศทางการพัฒนาวัสดุในอนาคตสิ่งประดิษฐจากวัสดุตามหลักสะเต็มศึกษาและ
เทคโนโลยีการกาํ จดั วสั ด

การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
บรรยาย ศึกษาคนควาดวยตนเองจากสื่อที่เกี่ยวของ แหลงเรียนรูในชุมชน พบกลุม อภิปราย

แลกเปลี่ยนเรียนรู ทดลอง วเิ คราะห และสรปุ การเรียนรูที่ไดลงในเอกสารการเรยี นรูดวยตนเอง (กรต.)

การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินความกาวหนาผูเรียนดวยวิธีการสังเกต ซักถาม ตอบคําถาม ตรวจเอกสารการเรียนรู้

ดวยตนเอง(กรต.) และประเมินผลรวมผูเรียนดวยการตอบคําถามกิจกรรมทายหนวยและใชแบบทดสอบ
วดั ความรู้

คำอธบิ ายรายวชิ า วสั ดุศาสตร์3 พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกติ

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั

มีความรูความเขาใจ ทกั ษะและเหน็ คุณคาเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร เทคโนโลยี สงิ่ มีชีวิต

ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถิ่น ประเทศ โลก สาร แรง พลังงาน กระบวนการ

เปลี่ยนแปลง โครงงานวิทยาศาสตรของโลกและดาราศาสตร มีจิตวิทยาศาสตรและนําความรู ไปใชในการ

ดาํ เนินชีวติ

ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชี้วัด เน้อื หา จำนวน
ช่ัวโมง

1. หลกั วสั ดศุ าสตร 1.บอกความหมายของวสั ดุได 1. หลกั วสั ดศุ าสตร 10

2.อธบิ ายประเภทของวัสดุได 1.1 ความหมายของวัสดุศาสตร และ

3.อธิบายสมบตั ขิ องวสั ดไุ ด ประเภทของวสั ดุ

4.ทดสอบสมบัติของวสั ดุได 1.2 สมบัติวัสดุ

5.นําความรู เรื่องสมบัติของ

วสั ดุไปใชได

2. การใช ประโยชน 1.อธิบายถึงการใชประโยชน 2. การใชประโยชนและผลกระทบจากวัสดุ 20

และผลกระทบ จาก จากวัสดุ 2.1 การใชประโยชนจากวสั ดุ

วัสดุ 2.สามารถประยุกตใชประโย 2.2 มลพิษจากการผลติ และการใชงาน

ชนจากวสั ดุได 2.3 ผลกระทบจากการใชวสั ดุตอสิ่งมีชีวิต

3.อธิบายสาเหตุของมลพิษ และสงิ่ แวดลอม

จากการผลิตและการใชงานได

4.นําความรู เรื่อง มลพิษจาก

การผลิตและการใชงานไปใช

ได

5.อธิบายผลกระทบที่เกิดจาก

การใชวัสดุตอส่ิงมีชีวติ และส่ิง

แวดลอม

6.นําความรูเรื่องผลกระทบที่

เ ก ิ ด จ า ก ก า ร ใ ช ว ั ส ด ุ ต่ อ

สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอมไปใช

ได

ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนอ้ื หา จำนวน
ชั่วโมง
3. การคัดแยก แ ละ 1. อธิบายถึงการคัดแยกวัสดุ 3. การคดั แยกและการรไี ซเคลิ
20

การรไี ซเคิลวสั ดุ ได 3.1 การคดั แยกวัสดุใชแลว

2. นําความรูเรื่องการคัดแยก 3.2 การจัดการวสั ดุดวยการรไี ซเคิล

วสั ดุไปใชได

3. อธิบายหลัก 3R ในการ

จัดการวัสดุและแนวทาง

ดาํ เนนิ การทีเ่ หมาะสมได

4. นําความรู เรื่องหลัก 3R

ไปใชในการจดั การวสั ดไุ ด

5. อธิบายวิธีการรีไซเคิลวัสดุ

แตละประเภทได

6. นําความรูเรื่องการรีไซเคิล

วสั ดแุ ตละประเภทไปใชได

4. แนวโนมการใชวัสดุ 1. อธิบายแนวโนมการใชวัสดุ 4. แนวโน มการใช วัสดุและทิศทางการ 20

และ ทิศทาง ก าร ในอนาคตได พัฒนาวัสดใุ นอนาคต

พ ั ฒ น า ว ั ส ด ุ ใ น 2. นาํ ความรูเรอ่ื งแนวโนมการ 4.1 แนวโนมการใชวสั ดใุ นอนาคต

อนาคต ใชวัสดใุ นอนาคตไปใชได 4.2 ทศิ ทางการพฒั นาวัสดุในอนาคต

3. อธิบายทิศทางการพัฒนา

วสั ดใุ นอนาคตได

4. นําความรูเรื่องทิศทางการ

พัฒนาวัสดุในอนาคตไปใชได

5. อธิบายถึงความสําคัญของ

การพฒั นาวัสดุในอนาคตได

5. สิ่งประดิษฐ จาก 1. อธิบายหลกั สะเต็มศกึ ษาได 5. สิ่งประดิษฐจากวัสดุตามหลักสะเต็ม 30

ว ั ส ด ุ ต า ม ห ลั ก 2. อธ ิบายปร ะ โยชน ของ ศกึ ษา

สะเตม็ ศึกษา สะเตม็ ศกึ ษาได 5.1 หลกั สะเต็มศกึ ษา

3. อธิบายหลักสะเต็มศึกษา 5.2 หลักสะเต็มศึกษาสําหรับการ

สําหรับการประดิษฐวัสดุใช้ ประดิษฐวสั ดุใชแลว

แลวได 5.3 การประดิษฐวสั ดใุ ชแลว

4. นําความรูเรื่องหลักสะเต็ม

ศึกษาสําหรับการประดิษฐ

วัสดใุ ชแลวไปใชได้

5. สามารถออกแบบและสราง

สง่ิ ประดิษฐจากวัสดุใชแลวได

ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา จำนวน
ชว่ั โมง
6. เ ท ค โ น โ ล ย ี ก า ร 1. อธิบายเทคโนโลยีการกาํ จัด 6. เทคโนโลยกี ารกําจัดวัสดุ
20

กําจัดวสั ดุ เศษวัสดุเหลือทิ้งดวยการเผา 6.1 เทคโนโลยีการกําจัดเศษวัสดุ

ได เหลือทิ้งดวยการเผา

2. นําความรูเรื่องเทคโนโลยี 6.2 การผลิตพลังงานจากเศษวัสดุ

การกําจัดเศษวัสดุเหลือท้ิง เหลือทง้ิ

ดวยการเผาไปใชได

3. อธิบายการผลิตพลังงาน

จากเศษวัสดเุ หลอื ทิง้ ได

4. นําความรู เรื่องการผลิต

พลังงานจากเศษวัสดุเหลือทง้ิ

ไปใชได้

ตารางวเิ คราะห์ยากงา่ ยรายวชิ า วัสดุศาสตร์3 พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ออกแบบแผน

ท่ี ตวั ชี้วัด เนื้อหา ชัว่ โมง การจัดการเรยี นรู้
พบ การเรียนรู้
1. เรอ่ื ง หลกั วัสดุศาสตร์ 1.สมบัตวิ ัสดุ
ตัวช้วี ัด กลุ่ม ดว้ ยตนเอง
1.อธิบายสมบัติขอวัสดุได้
2.ทดสอบสมบัติขอวสั ดไุ ด้ 6✓
3.นําความรูเรอ่ื งสมบัติของวัสดุ
ไปใชได้ ✓
เร่อื ง การใชประโยชนและ
ผลกระทบ จากวัสดุ 1.การใชประโยชนจากวัสดุ
ตัวชี้วัด 2.มลพิษจากการผลติ และการใชงาน
1.อธิบายถึงการใช้ประโยชน์
จากวัสดุ
2.สามารถประยุกตใช
ประโยชนจากวสั ดุได
3.อธบิ ายสาเหตขุ องมลพิษจาก
การผลติ และการใชงานได
4.นําความรู เรื ่องม ลพ ิ ษ จ า ก
การผลิตและการใชงานไปใชได

2. เร่อื ง หลักวัสดุศาสตร์ 24 ✓
ตวั ชว้ี ัด ✓
1.บอกความหมายของวัสดไุ ด 1.ความหมายของวัสดุศาสตร และ

2.อธิบายประเภทของวสั ดไุ ด ประเภทของวัสดุ
เร่อื ง การใชประโยชนและ

ผลกระทบ จากวัสดุ
ตัวชี้วัด
1.อธิบายผลกระทบที่เกิดจาก 1.ผลกระทบจากการใชวสั ดุตอสง่ิ มี

การใชวัสดุตอสิ่งมีชีวิตและส่ิง ชวี ติ และสง่ิ แวดลอม
แวดลอม

2.นําความรู เรื่องผลกระทบท่ี
เกิดจากการใชวัสดุตอสิ่งมีชีวิต
และสงิ่ แวดลอมไปใชได

ออกแบบแผน

ท่ี ตวั ชี้วัด เนอ้ื หา ชว่ั โมง การจดั การเรียนรู้
พบ การเรียนรู้

กลุ่ม ดว้ ยตนเอง

3. เรอื่ ง การคัดแยกและการรี 6✓

ไซเคลิ วสั ดุ

ตวั ช้วี ัด 1.การจัดการวัสดดุ วยการรีไซเคิล

1.อธ ิบายหลัก 3R ใน ก า ร

จัดการวัสดุและแนวทาง

ดาํ เนนิ การที่เหมาะสมได

2.นําความรูเรอื่ งหลัก 3R ไปใช

ในการจดั การวัสดุได

3.อธิบายวิธีการรีไซเคิลวัสดุ

แตละประเภทได

4นําความรู เรื่อง การรีไ ซเคิ ล

วัสดแุ ตละประเภทไปใชได้ ✓

เรือ่ ง แนวโนมการใชวัสดแุ ละ

ทิศทางการพัฒนาวัสดุใน

อนาคต

ตัวชวี้ ัด

1.อธบิ ายแนวโนมการใชวสั ดุใน 1. แนวโนมการใชวสั ดใุ นอนาคต

อนาคตได 2. ทศิ ทางการพฒั นาวสั ดใุ นอนาคต

2นําความรูเรื่องแนวโนม การ

ใชวัสดุในอนาคตไปใชได

3.อ ธ ิ บ า ย ท ิ ศ ท า ง ก า ร พ ั ฒ น า

วสั ดุในอนาคตได

4.นําความรู เรื่อง ทิศทาง การ

พฒั นาวสั ดุในอนาคตไปใชได

5อธิบายถึงความสําคัญของ

การพัฒนาวัสดุในอนาคตได

4. เรอ่ื ง การคัดแยกและการรี 1.การคดั แยกวัสดใุ ชแลว 34 ✓

ไซเคลิ วสั ดุ

ตัวชีว้ ัด

1.อธบิ ายถงึ การคัดแยกวสั ดุได

2.นําความรู เรื่องการคัดแยก

วสั ดุไปใชได

ออกแบบแผน

ที่ ตวั ชวี้ ดั เน้อื หา ชัว่ โมง การจดั การเรียนรู้
พบ การเรียนรู้

กล่มุ ด้วยตนเอง

5. เร่ือง สิง่ ประดษิ ฐจากวัสดุ 6✓

ตามหลกั สะเตม็ ศึกษา

ตัวชี้วัด 1.หลกั สะเตม็ ศึกษา

1.อธิบายหลักสะเตม็ ศกึ ษาได 2.หลักสะเต็มศึกษาสําหรับการ

2.อธิบายประโยชนของสะเต็ม ประดษิ ฐวสั ดุใชแลว

ศกึ ษาได

3.อธิบายหลักสะเต็มศึกษา

สําหรับการประดิษฐ วัสดุใช

แลวได

เรือ่ ง เทคโนโลยีการกาํ จดั วสั ดุ ✓

ตัวชี้วัด 1.เทคโนโลยกี ารกาํ จดั เศษวสั ดุเหลือ

1.อธิบายเทคโนโลยีการกําจัด ทงิ้ ดวยการเผา

เศษวัสดเุ หลอื ทิง้ ดวยการเผาได

2.นําความรูเร่ืองเทคโนโลยีการ

กําจัดเศษวัสดุเหลือทิ้งดวยการ

เผาไปใชได

6. เรอ่ื ง ส่งิ ประดษิ ฐจากวสั ดุ 44 ✓

ตามหลัก สะเตม็ ศกึ ษา

ตัวช้วี ัด 1.การประดิษฐวัสดุใชแลว

1.นําความรู เร ื่ อง ห ล ัก ส ะ เ ต็ ม

ศึกษาสําหรับการประดิษฐวัสดุใช

แลวไปใชได้

2.สามารถออกแบบและสราง

สิง่ ประดิษฐจากวัสดใุ ช้แลวได ✓

เรื่อง เทคโนโลยีการกาํ จัดวสั ดุ

ตวั ชวี้ ัด 1.การผลิตพลงั งานจากเศษวัสดุ

1.อธิบายการผลิตพลังงานจาก เหลอื ทิง้

เศษวสั ดุเหลอื ทิ้งได้

2.นําความรู เรื่องการผลิต

พลังงานจากเศษวัสดุเหลือท้ิง

ไปใชได

แผนการจัดการเรยี นรู้ (พบกลมุ่ )
รายวชิ า วสั ดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
คร้งั ที่ 10 จำนวน 6 ช่ัวโมง
เรือ่ ง หลกั วัสดศุ าสตร์
ตวั ชวี้ ัด
1. อธิบายสมบัติของวสั ดุได้
2. ทดสอบสมบัติของวัสดุได้
3. นาํ ความรูเร่ืองสมบัตขิ องวัสดุไปใชได
เน้อื หา
1.สมบตั วิ สั ดุ
เรื่อง การใชประโยชนและผลกระทบจากวัสดุ
ตัวชี้วัด
1. อธิบายถงึ การใชประโยชนจากวัสดุ
2. สามารถประยุกตใชประโยชนจากวสั ดุได้
3. อธิบายสาเหตุของมลพิษจากการผลิตและการใชงานได้
4. นาํ ความรูเร่ืองมลพิษจากการผลติ และการใชงานไปใชได้
เน้ือหา
1.การใชประโยชนจากวัสดุ
2.มลพษิ จากการผลิตและการใชงาน

ขัน้ ตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้
ข้ันท่ี 1 การกำหนดสภาพปัญหา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้

ครนู ำเข้าสู่บทเรียนโดยการพดู คยุ เกยี่ วกับปัญหามลภาวะในชุมชนของผู้เรียน

ขั้นท่ี 2 การแสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรียนรู้
1. ครูอธิบายสมบตั ิของวัสดุศาสตร์ การใช้ประโยชน์จากวสั ดุ มลพิษจากการผลิตและการใชง้ าน
2. ครูใหผ้ ้เู รียนรับชมวีดีโอ จาก youtube เรอ่ื งภาวะมลพษิ ท่เี กิดจากการผลติ และใช้ผลิตภัณฑ์
จากเชอ้ื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ https://www.youtube.com/watch?v=mJrj3y0xnl4
3. ครู แบ่งกลุ่มผู้เรียนเท่าๆ กัน ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ อินเทอร์เน็ต
หนังสือเรียน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากวัสดุ ส่งตัวแทนนำเสนอหน้าชั้นเรียน และร่วมกันสร
ปองค์ความรู้ร่วมกนั
4. ครมู อบหมายหมายใหผ้ ู้เรยี นทำใบงานและทดสอบย่อย

ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบตั แิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้
1. ผู้เรียนส่งตัวแทนนำเสนอ หน้าชั้นเรียนใน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากวัสดุ และสรุปข้อมูลจาก
การรับชมวีดิโอ จาก youtube เรื่อง ภาวะมลพิษที่เกิดจากการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์จาก
เชอื้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์
2. ผู้เรยี นร่วมกนั สรุปเนอ้ื หาร่วมกันเรื่อง สมบัตขิ องวัสดศุ าสตร์ การใชป้ ระโยชนจ์ ากวัสดุ มลพิษ

จากการผลิตและการใช้งาน

3. ครูเฉลยใบงานและแบบทดสอบย่อย และร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจำวัน

ขั้นท่ี 4 การประเมนิ ผล
1. ใบงาน
2. แบบทดสอบย่อย

ส่อื 1. หนงั สือเรยี น
2. อนิ เทอร์เนต็
3. แบบทดสอบย่อย
4. ใบความรู้

การวัดผลประเมนิ ผล
การทดสอบ การตรวจผลงานจากใบงาน

ใบความรู้ ครงั้ ที่ 10

รายวิชาวัสดศุ าสตร์ 3 พว 32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

เรอ่ื ง สมบตั ิของวัสดุศาสตร์
1.1 สมบตั ทิ างเคมี เปน็ สมบัตทิ ีส่ ำคญั ของวัสดุซ่งึ จะบอกลกั ษณะเฉพาะตวั ท่ีเก่ยี วกบั โครงสร้างและ

องคป์ ระกอบของธาตุต่างๆทีเ่ ป็นวสั ดุนน้ั ตามปกติสมบตั ิน้ีจะทราบไดจ้ ากการทดลองในหอ้ งปฏบิ ตั ิการเทา่ น้นั
1.2 สมบัติทางกายภาพ เป็นสมบัติเฉพาะของวัสดุที่เกี่ยวกับการเกิดอันตรกิริยาของวัสดุนั้นกับ

พลังงานในรูปต่างๆ เช่น ลักษณะของสี ความหนาแน่น การหลอมเหลว ปรากฏการณ์ที่เกิดเกี่ยวกับ
สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า

1.3 สมบัตเิ ชงิ กล เปน็ สมบัติเฉพาะตวั ของวสั ดุท่ถี กู กระทำดว้ ยแรงโดยทั่วไปจะเก่ยี วกับการยืดและหด
ตวั ของวสั ดคุ วามแขง็ ความสามารถในการรับนำ้ หนกั ความสกึ หรอและการดูดกลนื พลงั งาน

1.4 สมบัติทางความร้อน เป็นการตอบสนองของวัสดุต่อปฏิบัติการทางความร้อน เช่น การดูดซับ
พลงั งานของของแข็งในรปู ของความรอ้ นด้วยการเพิม่ ขนึ้ ของอณุ หภูมแิ ละขนาด พลงั งานจะถ่ายเทไปยงั บริเวณ
ทม่ี อี ุณหภูมิตำ่ กว่าคา่ วสั ดมุ ี 2 บรเิ วณทม่ี ีอณุ หภมู ิต่างกันโดยวสั ดุอาจเกิดการหลอมเหลวในบรเิ วณที่มีอุณหภูมิ
สูง
2 การใช้ประโยชนข์ องโลหะชนิดตา่ งๆ

2.1 การใชป้ ระโยชนข์ องโลหะเหล็ก มกี ารนำไปใช้ประโยชนม์ ากมาย ใชเ้ ป็นวัสดสุ ำหรับงานกอ่ สร้าง
ต่างๆ เชน่ โครงสรา้ งอาคาร เสา คาน หลงั คา สะพาน เสาไฟฟ้าแรงสูง ในอตุ สาหกรรมคมนาคมขนสง่ กม็ กี ารใช้
เหลก็ เป็นวสั ดสุ ำหรับผลติ ยานพาหนะตา่ งๆเช่น รถยนตร์ ถบรรทุก รถไฟ เรอื เดนิ สมุทรและเครอ่ื งบนิ

2.2 การใช้ประโยชน์ของโลหะดีบุก เป็นโลหะอ่อนจึงไม่ใช้ดีบุกในการผลิตชิ้นส่วนจักรกล แต่ด้วย
คุณสมบตั ิเด่นที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนของกรด และสารละลายต่างๆ ทนต่อการเปน็ สนิม มีความเงา
งาม สวยงามและไมก่ อ่ ให้เกิดสารพิษท่ีเปน็ อนั ตรายตอ่ ร่างกาย จึงนยิ มใช้ในการเคลือบแผ่นแมเ่ หล็ก เพ่ือผลิต
เปน็ ภาชนะบรรจอุ าหารและเคร่อื งดมื่

2.3 การใชป้ ระโยชน์ของโลหะตะก่ัว มีคุณสมบัติเด่น คอื มีหลอมเหลวตำ่ มคี วามหนาแนน่ สูง มีความ
อ่อนตัวสงู ความแขง็ แรง อยู่ในเกณฑ์ตำ่ มีคุณสมบัติหล่อลื่น และต้านทานการกดั กร่อนได้ดี การใช้ประโยชน์
โลหะตะกัว่ สว่ นใหญจ่ ะใช้ในอุตสาหกรรม ทำแบตเตอร่รี ถยนต์ ใชท้ ำลกู กระสนุ และยุทธภัณฑ์ ใชท้ ำฉากเพ่ือ
ป้องกันรังสีตา่ งๆ

2.4 การใช้ประโยชนข์ องโลหะสังกะสี เป็นโลหะทม่ี จี ดุ หลอมเหลวต่ำมีความเหนียวนอ้ ย หรือเปราะ
อัตราการยืดตัวน้อย และมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนได้ดี ใช้เคลือบผิวเหล็กเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
และการผุกรอ่ น ใชท้ ำทองเหลือง โดยผสมกับโลหะทองแดง ใช้ในอตุ สาหกรรมยางเซรามิกส์ ยา สสี ะทอ้ นแสง

2.5 การใช้ประโยชนข์ องโลหะพลวง เป็นโลหะสีขาวเงินวาว มีคุณสมบัติแข็งเปราะ ไม่สามารถแปร
รูปไดท้ อี่ ุณหภมู ปิ กติ แต่มีคณุ สมบัตติ ้านทานการกัดกร่อนของกรดเจือจางได้ ใชใ้ นงานเกี่ยวกับเคมีท่อแผ่นมุง
หลงั คาใช้บถุ งั ทำโลหะตัวพิมพ์ โลหะบดั กรี

2.6 การใช้ประโยชน์ของโลหะนิกเกิล ใช้ทำมาตรน้ำประตูน้ำท่อสำหรับอุปกรณ์ส่งถ่ายความร้อน
และวสั ดุกรองในอตุ สาหกรรมเคมีและการกลนั่ น้ำมัน ใชเ้ คลอื บผวิ อปุ กรณ์ประดบั ยนต์ต่างๆ รวมถึงเครื่องใช้
ในครวั เรือน เชน่ เตาไฟฟ้าหม้อหุงขา้ ว เตาป้งิ ขนมปังเครือ่ งเป่าผม

2.7 การใช้ประโยชน์ของโลหะอะลูมิเนียม เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติเด่นในหลายด้านเช่นมีความ
หนาแน่นน้อยน้ำหนักเบาและมีกำลังวัสดุต่อหนว่ ยสูงมีคุณสมบัติที่ยืดตัวได้ง่ายและมีความเหนียวมากทำให้
สามารถขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีต่างๆได้ง่าย นิยมใช้ทำเครื่องจักรอุปกรณ์ตลอดจนชิ้นส่วนเครื่องบินจรวดและ
รถยนต์เพื่อลดน้ำหนักของยานพาหนะใหน้ ้อยลงและช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง

ใบงาน คร้ังที่ 10

รายวชิ าวัสดุศาสตร์ 3 พว 32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ชื่อ – นามสกุล

กศน.ตำบล

1. จงอธบิ ายสมบตั ขิ องวสั ดุศาสตร์
1.1 สมบัติทางเคมี

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 สมบัติทางกายภาพ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 สมบตั เิ ชิงกล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.4 สมบัติทางความรอ้ น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ใหผ้ เู้ รียนบอกการใชป้ ระโยชนข์ องโลหะชนิดต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
2.1 การใช้ประโยชน์ของโลหะเหลก็

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 การใช้ประโยชน์ของโลหะดบี กุ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 การใชป้ ระโยชนข์ องโลหะตะกัว่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.4 การใชป้ ระโยชนข์ องโลหะสงั กะสี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.5 การใช้ประโยชนข์ องโลหะพลวง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.6 การใชป้ ระโยชน์ของโลหะนกิ เกลิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.7 การใชป้ ระโยชนข์ องโลหะอะลูมเิ นียม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบงาน ครัง้ ที่ 10

รายวชิ าวสั ดุศาสตร์ 3 พว 32024 จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

1. จงอธิบายสมบัติของวัสดุศาสตร์
ตอบ

1.1 สมบตั ิทางเคมี เปน็ สมบตั ทิ ีส่ ำคัญของวสั ดุซง่ึ จะบอกลักษณะเฉพาะตวั ท่ีเกี่ยวกับโครงสร้างและ
องค์ประกอบของธาตตุ ่างๆทเี่ ปน็ วสั ดุนนั้ ตามปกติสมบัติน้จี ะทราบได้จากการทดลองในห้องปฏบิ ัติการเท่าน้ัน

1.2 สมบัติทางกายภาพ เป็นสมบัติเฉพาะของวัสดุที่เกี่ยวกับการเกิดอันตรกิริยาของวัสดุนั้นกับ
พลังงานในรูปต่างๆ เช่น ลักษณะของสี ความหนาแน่น การหลอมเหลว ปรากฏการณ์ที่เกิดเกี่ยวกับ
สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟา้

1.3 สมบตั เิ ชงิ กล เป็นสมบัตเิ ฉพาะตัวของวสั ดทุ ถี่ กู กระทำด้วยแรงโดยทว่ั ไปจะเก่ยี วกับการยดื และหด
ตวั ของวัสดคุ วามแข็งความสามารถในการรบั น้ำหนักความสึกหรอและการดูดกลนื พลังงาน

1.4 สมบัติทางความร้อน เป็นการตอบสนองของวัสดุต่อปฏิบัติการทางความร้อน เช่น การดูดซับ
พลงั งานของของแขง็ ในรูปของความรอ้ นดว้ ยการเพิ่มข้ึนของอณุ หภมู แิ ละขนาด พลงั งานจะถ่ายเทไปยังบริเวณ
ทีม่ อี ณุ หภูมิต่ำกว่าค่าวัสดุมี 2 บริเวณทีม่ อี ุณหภมู ติ า่ งกันโดยวสั ดุอาจเกิดการหลอมเหลวในบรเิ วณท่ีมีอุณหภูมิ
สงู

2. ใหผ้ ้เู รยี นบอกการใชป้ ระโยชน์ของโลหะชนิดต่างๆ ดังต่อไปนี้
ตอบ

2.1 การใชป้ ระโยชน์ของโลหะเหลก็ มกี ารนำไปใชป้ ระโยชน์มากมาย ใช้เป็นวสั ดุสำหรบั งานก่อสร้าง
ต่างๆ เชน่ โครงสรา้ งอาคาร เสา คาน หลังคา สะพาน เสาไฟฟา้ แรงสงู ในอตุ สาหกรรมคมนาคมขนสง่ กม็ ีการใช้
เหลก็ เป็นวัสดุสำหรับผลิตยานพาหนะตา่ งๆเช่น รถยนต์รถบรรทกุ รถไฟ เรือเดินสมุทรและเครอื่ งบนิ

2.2 การใช้ประโยชน์ของโลหะดีบุก เป็นโลหะอ่อนจึงไม่ใช้ดีบุกในการผลิตชิ้นส่วนจักรกล แต่ด้วย
คุณสมบัติเด่นทมี่ ีความทนทานต่อการกัดกร่อนของกรด และสารละลายต่างๆ ทนต่อการเป็นสนิม มีความเงา
งาม สวยงามและไมก่ อ่ ให้เกิดสารพิษท่ีเปน็ อันตรายตอ่ รา่ งกาย จงึ นยิ มใช้ในการเคลอื บแผ่นแมเ่ หล็ก เพ่ือผลิต
เป็นภาชนะบรรจอุ าหารและเคร่ืองดมื่

2.3 การใช้ประโยชนข์ องโลหะตะก่วั มคี ณุ สมบตั เิ ด่น คือ มหี ลอมเหลวตำ่ มคี วามหนาแน่นสูง มีความ
อ่อนตัวสงู ความแข็งแรง อยู่ในเกณฑ์ต่ำ มีคุณสมบัติหล่อลื่น และต้านทานการกดั กร่อนได้ดี การใช้ประโยชน์
โลหะตะก่ัว ส่วนใหญ่จะใช้ในอุตสาหกรรม ทำแบตเตอรีร่ ถยนต์ ใชท้ ำลกู กระสนุ และยทุ ธภัณฑ์ ใช้ทำฉาก
เพอ่ื ป้องกันรังสีตา่ งๆ

2.4 การใช้ประโยชนข์ องโลหะสังกะสี เป็นโลหะที่มีจุดหลอมเหลวต่ำมีความเหนียวนอ้ ย หรือเปราะ
อัตราการยืดตัวน้อย และมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนได้ดี ใช้เคลือบผิวเหล็กเพื่อป้องกันการเกิดสนมิ
และการผกุ ร่อนใช้ทำทองเหลือง โดยผสมกบั โลหะทองแดง ใชใ้ นอุตสาหกรรมยางเซรามิกส์ ยา สีสะท้อนแสง

2.5 การใช้ประโยชน์ของโลหะพลวง เป็นโลหะสีขาวเงินวาว มีคุณสมบัติแข็งเปราะ ไม่สามารถแปร
รปู ไดท้ อ่ี ณุ หภูมปิ กติ แตม่ คี ณุ สมบตั ิต้านทานการกดั กร่อนของกรดเจอื จางได้ ใชใ้ นงานเกี่ยวกบั เคมีทอ่ แผน่ มุง
หลงั คาใช้บุถงั ทำโลหะตวั พิมพ์ โลหะบดั กรี

2.6 การใช้ประโยชน์ของโลหะนิกเกิล ใช้ทำมาตรน้ำประตูน้ำท่อสำหรับอุปกรณ์ส่งถ่ายความร้อน
และวัสดกุ รองในอตุ สาหกรรมเคมีและการกลน่ั นำ้ มนั ใชเ้ คลอื บผิวอปุ กรณ์ประดับยนต์ตา่ งๆ รวมถึงเคร่ืองใช้

ในครวั เรอื น เช่นเตาไฟฟ้าหมอ้ หงุ ข้าว เตาปิง้ ขนมปังเครื่องเปา่ ผม
2.7 การใช้ประโยชน์ของโลหะอะลูมิเนียม เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติเด่นในหลายด้านเช่นมีความ

หนาแน่นน้อยน้ำหนักเบาและมีกำลังวัสดุต่อหน่วยสูงมีคุณสมบัติที่ยืดตัวได้ง่ายและมีความเหนียวมากทำให้
สามารถขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีต่างๆได้ง่าย นิยมใช้ทำเครื่องจักรอุปกรณ์ตลอดจนชิ้นส่วนเครื่องบินจรวดและ
รถยนตเ์ พื่อลดน้ำหนกั ของยานพาหนะใหน้ อ้ ยลงและชว่ ยในการประหยัดเช้ือเพลิง

แบบทดสอบย่อย ครั้งที่ 10
รายวชิ า วสั ดศุ าสตร์3 พว32024 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ชอ่ื – นามสกุล

กศน.ตำบล

1. โลหะชนดิ ใด มีคุณสมบัติ คล้ายคลึงกบั เหลก็ ด้าน 3. โลหะชนิดใด นิยมใช้ทำช้ินส่วนในเครอื่ งบิน

แข็งแรงมีความตา้ นทานตอ่ การกัดกร่อนทด่ี คี ล้าย จรวด และรถยนต์เพื่อลดนำ้ หนักของยานพาหนะให้

ทอง มีสีขาวเงนิ น้อยลงและช่วยในการประหยัดเชอ้ื เพลิง

ก. นิกเกลิ ก. นิกเกิล

ข. สงั กะสี ข. สังกะสี

ค. แทนทาลมั ค. แทนทาลมั
ง. อะลูมิเนยี ม ง. อะลูมิเนยี ม

2. โลหะชนิดใด นิยมใชท้ ำมาตรนำ้ ประตูนำ้ ท่อ 4. “ลักษณะเฉพาะตวั ทเี่ ก่ียวกับโครงสร้างและ
สำหรับอุปกรณ์สง่ ถ่ายความรอ้ น วสั ดุกรองใน
อุตสาหกรรมเคมแี ละการกล่ันน้ำมัน องค์ประกอบของธาตตุ ่างๆท่ีเป็นวัสดุน้ัน” เป็น
สมบัติด้านใดของโลหะ
ก. นิกเกลิ
ข. สงั กะสี ก. สมบตั เิ ชิงกล

ค. แทนทาลมั ข. สมบัติทางเคมี
ง. อะลูมิเนยี ม ค. สมบัติทางกายภาพ

ง. สมบตั ทิ างความรอ้ น
5. “ลักษณะของสี ความหนาแนน่ การหลอมเหลว
ปรากฏการณท์ ี่เกิด เก่ยี วกับสนามแม่เหลก็ หรือ

สนามไฟฟา้ ” เปน็ สมบัตดิ ้านใดของโลหะ
ก. สมบตั ิเชิงกล

ข. สมบัติทางเคมี
ค. สมบัตทิ างกายภาพ
ง. สมบตั ิทางความรอ้ น

1. จงอธิบายสมบัตขิ องวัสดุ
1.1 สมบัตวิ ัสดพุ อลเิ มอร์

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 สมบตั ิวัสดุเซรามิกส์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยแบบทดสอบยอ่ ย ครัง้ ท่ี 10
รายวชิ า วัสดุศาสตร์3 พว32024 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

1.ตอบ ก. นกิ เกลิ
2. ตอบ ก. นกิ เกลิ
3. ตอบ ง. อะลูมิเนียม
4. ตอบ ข. สมบตั ิทางเคมี
5. ตอบ ค. สมบัติทางกายภาพ

1. จงอธบิ ายสมบัตขิ องวัสดุ
ตอบ 1.1 สมบตั ิวัสดุพอลเิ มอร์

แบ่งอย่างกว้างได้หลายโหมด ขึ้นกับความละเอียดในระดับนาโนหรือไมโคร เป็นสมบัติที่อธิบาย
ลักษณะของสายโดยตรง โดยเฉพาะโครงสร้างของพอลิเมอร์ ในระดับกลาง เป็นสมบัติที่อธิบายสัณฐานของ
พอลเิ มอร์ เม่อื อยู่ในท่ีวา่ งในระดับกว้างเป็นการอธิบายพฤติกรรมโดยรวมของพอลเิ มอร์ซึง่ เป็นสมบัติในระดับ
การใช้งาน

- จดุ หลอมเหลวที่ใชก้ ับพอลิเมอร์ไม่ใช่ ไม่ใชก่ ารเปลย่ี นสถานะจากของแขง็ เป็นของเหลว แต่เป็นการ
เปลย่ี นจากรปู ผลึกหรือกง่ึ ผลกึ มาเป็นรปู ของแขง็ บางครง้ั เรียกว่าจุดหลอมเหลวผลกึ

- พฤติกรรมการผสมโดยทั่วไปส่วนผสมของพอลิเมอร์ มีการผสมกันไดน้ อ้ ยกวา่ การผสมของโมเลกุล
เล็กๆ ผลกระทบนี้เป็นผลจากแรงขับเคลื่อนสำหรับการผสมที่เปน็ แบบระบบปดิ ไม่ใช่แบบใช้พลังงาน 3 การ
แตกกงิ่ การแตกกงิ่ ของสายพอลิเมอรม์ ีผลกระทบต่อสมบัตทิ ง้ั หมดของพอลเิ มอร์สายยาวท่ีแตกก่งิ จะเพิ่มความ
เหนยี วเน่ืองจากการเพม่ิ จำนวนของความซับซ้อนต่อสายความยาวอย่างสมุ่ และสายสน้ั จะลดแรงภายใน พอลิ
เมอร์

- การนําความร้อนการนำความร้อนของพอลิเมอร์ส่วนใหญ่มีค่าต่ำด้วยเหตุนี้วัสดุพอลิเมอร์จึงถูก
นำมาใช้เป็นฉนวนทางความร้อนเนอ่ื งจากค่าการนำความรอ้ นตำ่ เช่นเดยี วกบั วัสดุเซรามิก

1.2 สมบัติวัสดุเซรามกิ ส์
- การนำความร้อนของเซรามิกส์ จะเป็นฉนวนความร้อนมาก ขึ้นตามจำนวนอิเล็กตรอนอิสระ ท่ี
ลดลง ค่าการนำความร้อนของวัสดเุ ซรามิกอยูใ่ นชว่ งประมาณ 2 ถงึ 50 วตั ตต์ อ่ เมตรเคลวิน เมื่ออุณหภมู ิสูงข้ึน
การกระเจงิ จากการส่นั ของผลกึ จะมากขึ้นทำใหก้ ารนำความร้อนของวัสดเุ ซรามิกสล์ ดลง
- ความเหนียวของเซรามิกเนื่องจากพันธะที่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างของเซรามิกส์ เป็นพันธะแบบ
ไอโอนิก โคเวเลนต์ ดังน้ันวสั ดเุ ซรามกิ ส์ จะมคี วามเหนียว ท่ตี ำ่
- ความแข็งของเซรามิกส์ เนื่องจากเซรามิกมีความแข็งมากทำให้เราสามารถนำเอาวัสดุเซรามิกส์
มาใช้เป็นวัสดุสำหรับขัดสีเพื่อตัดบดและขัดถูวัสดุอื่นที่มีความแข็งน้อยกว่าเซรามิคเหล่านี้ได้แก่อะลูมิเนียม
ออกไซด์และซิลคิ อนคาร์ไบด์

บนั ทกึ ผลหลงั การเรียนรู้

ครงั้ ท่ี ..................
วนั ท.่ี ..........................เดือน..............................................พ.ศ. ............................ ระดับ………………….....…………

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

จำนวนนกั ศึกษา ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน
จำนวนนกั ศึกษาทเ่ี ข้าเรยี น ท้ังหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน
จำนวนนักศกึ ษาทข่ี าดเรยี น ทงั้ หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน

สภาพการจดั การเรยี นร้แู บบพบกลุ่ม (ปจั จยั กระบวนการจดั กจิ กรรมและผู้เรยี น)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

สภาพการจัดการเรียนรู้แบบเรยี นร้ดู ้วยตนเอง (ปจั จัยกระบวนการจัดกจิ กรรมและผู้เรียน)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ดา้ นสื่อการเรียนรู้
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ปญั หาท่ีพบและการแกไ้ ขปัญหา (อย่างไร)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ข้อคดิ เห็นขอ้ เสนอแนะ (เพอื่ การปรบั ปรุงแก้ไข/พัฒนา)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.............................................................ผูบ้ นั ทกึ
(.............................................................)

(อาจแนบภาพแสดงใหเ้ หน็ เฉพาะส่วนเด่นและสว่ นท่ีเปน็ ปญั หา)
เสนอขอ้ คิดเห็น

1. ...........................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

2. ...........................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .............................................................ผตู้ รวจเสนอ
(.............................................................)
นายทะเบียน

การดำเนินการแกไ้ ข/พฒั นา
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.............................................................ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
(.............................................................)
ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอ............................

ผลจากการนำขอ้ เสนอแนะไปปฏบิ ัติ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .............................................................ผู้ปฏบิ ตั ิ
(.............................................................)

แผนการจัดการเรยี นรู้ (พบกลมุ่ )
รายวชิ า วสั ดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หน่วยกติ

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
คร้งั ที่ 11 จำนวน 6 ช่ัวโมง

เรอ่ื ง การคัดแยกและการรไี ซเคลิ วสั ดุ

ตัวชว้ี ัด
1. อธบิ ายหลัก 3R ในการจัดการวสั ดุและแนวทางดําเนินการทีเ่ หมาะสมได
2. นาํ ความรูเรอ่ื งหลกั 3R ไปใชในการจัดการวสั ดไุ ด
3. อธิบายวิธกี ารรีไซเคลิ วสั ดุแตละประเภทได
4. นําความรูเรอ่ื งการรไี ซเคิลวัสดแุ ตละประเภทไปใชได

เนือ้ หา
การจดั การวัสดุดวยการรีไซเคิล

เร่ือง แนวโน้มการใชว้ สั ดุและทิศทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคต

ตวั ชี้วัด
1. อธิบายแนวโนมการใชวัสดใุ นอนาคตได
2. นําความรูเร่ืองแนวโนมการใชวสั ดุในอนาคตไปใชได
3. อธบิ ายทิศทางการพฒั นาวสั ดใุ นอนาคตได
4. นําความรูเรอื่ งทิศทางการพัฒนาวสั ดใุ นอนาคตไปใชได
5. อธบิ ายถงึ ความสําคญั ของการพฒั นาวัสดุในอนาคตได

เนอ้ื หา
1. แนวโนมการใชวสั ดุในอนาคต
2. ทิศทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคต

ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้

ขนั้ ท่ี 1 การกำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้
ครู นำเข้าสู่บทเรียน โดยพูดคยุ ถงึ เรื่องการคดั แยกขยะ และเศษวสั ดทุ ี่ใชแ้ ลว้ ตามวธิ กี ารคัดแยก โดย
ใชส้ ีเปน็ ตัวกำหนดการแยกขยะและเศษวัสดุใช้แล้วแตล่ ะชนิด และให้ ผู้เรียนบอกวา่ ที่บ้าน และ ชุมชนที่
อาศยั อยู่ ไดค้ ดั แยกขยะและวสั ดุท่ีใชแ้ ลว้ ตามสที ีก่ ำหนดไวห้ รือไม่

ขั้นท่ี 2 การแสวงหาข้อมลู และจดั การเรยี นรู้
1. ครูอธิบายความหมาย ความสำคัญของการคัดแยกขยะ หลกั 3 R และวัสดุท่ใี ช้แลว้
2. ครอู ธิบายแนวโนม้ การใช้วสั ดุและทิศทางการพฒั นาวสั ดุ ในอนาคตแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่

โลหะ พอลิเมอร์ และ เซรามิกซ์
3. ครูแบ่งกลุม่ ผู้เรียน ออกเปน็ 4 กลมุ่ ๆ ละ เทา่ ๆ กนั มอบหมายใหผ้ ู้เรยี นหาข้อมูลจากใบความรู้

และอนิ เตอรเ์ น็ต ในหวั ข้อต่อไปนี้
3.1 หลัก 3R ในการจดั การวัสดุ

3.2 การจัดการวัสดุดว้ ยการรไี ซเคิล
3.3 แนวโน้มการใช้วัสดุในอนาคต
3.4 ทศิ ทางการพฒั นาวัสดุในอนาคต
4. ครใู ห้ผ้เู รยี นสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น

ข้ันที่ 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้
1. ผูเ้ รยี นสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรียน
2. ผเู้ รยี นจดั ทำใบงานและทดสอบย่อย
3. ครูเฉลยใบงานและทดสอบยอ่ ย และร่วมกนั สรปุ องค์ความรูท้ ่ไี ด้ เพื่อนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั

ข้ันท่ี 4 การประเมนิ ผล
1. ใบงาน
2. แบบทดสอบยอ่ ย

ส่อื

1. หนังสือเรียน
2. อินเทอร์เนต็ เช่น Youtube , google
3. ใบความรู้
4. แหลง่ เรยี นรู้ในตำบล

การวัดผลและประเมินผล
การตรวจผลงานจากใบงาน และ การการทดสอบยอ่ ย

ใบความรู้ ครัง้ ที่ 11
รายวิชา วสั ดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หน่วยกิต

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

เร่ือง การคดั แยกและการรีไซเคิลวสั ดุ /แนวโน้มการใช้วัสดแุ ละทศิ ทางการพัฒนาวัสดใุ นอนาคต

การจดั การวัสดุดว้ ยการรไี ซเคิล
แนวคดิ 3R

R : Reduce
คือ การลดการใช้ การบริโภคทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง ลองมาสำรวจกันวา่ เราจะลดการบริโภคที่ไม่
จำเป็นตรงไหนได้บา้ ง โดยเฉพาะการลดการบริโภคทรัพยากรท่ีใชแ้ ล้วหมดไป เช่น นำ้ มัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่าน

หนิ และแรธ่ าตุ ตา่ ง ๆ การลดการใช้นี้ ทำไดง้ า่ ย ๆ โดยการเลือกใช้เทา่ ท่ีจำเปน็ เชน่ ปดิ ไฟทุกครั้งท่ีไม่ใช้งาน
หรือเปิดเฉพาะจุดที่ใช้งาน ปิดคอมพิวเตอร์และเครื่องปรับอากาศ เมื่อไม่ใช้เป็นเวลานาน ๆ ถอดปลั๊กของ

เคร่อื งใช้ไฟฟา้ เชน่ กระติกน้ำรอ้ นออกเมอื่ ไมไ่ ดใ้ ช้ เม่ือตอ้ งการเดินทางใกล้ ๆ ก็ควรใช้วิธเี ดิน ข่ีจักรยาน หรือ
นงั่ รถโดยสารแทนการขบั รถไปเอง เป็นต้น เพียงเท่านเ้ี ราก็สามารถเก็บทรัพยากรด้านพลังงานไว้ใช้ได้นานข้ึน
ประหยัดพลงั งานและอนรุ ักษ์ส่ิงแวดล้อมอีกด้วย

R : Reuse
คอื การใชท้ รพั ยากรให้คุ้มค่าที่สุด โดยการนำสง่ิ ของเครื่องใช้มาใช้ซ้ำ ซึ่งบางอย่างอาจใช้ซ้ำได้หลาย

ๆ ครง้ั เชน่ การนำชดุ ทำงานเกา่ ทย่ี งั อยู่ในสภาพดีมาใส่เลน่ หรือใสน่ อนอยู่บา้ นหรือนำไป บริจาค แทนที่จะท้ิง
ไปโดยเปล่าประโยชน์ การนำกระดาษรายงานที่เขียนแล้ว 1 หน้า มาใช้ในหน้าที่เหลือหรืออาจนำมาทำเป็น

กระดาษโน๊ต ช่วยลดปริมาณการตัดต้นไม้ได้เป็นจำนวนมาก การนำขวดแก้วมาใส่น้ำรับประทานหรือนำมา
ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่างๆ เช่นแจกันดอกไมห้ รือที่ใสด่ ินสอ เป็นต้น นอกจากจะช่วยลดคา่ ใช้จ่าย ลดการใช้
พลงั งานพลงั งานแล้วยงั ชว่ ยรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มและยงั ไดข้ องนา่ รักๆ จากการประดษิ ฐ์ไวใ้ ช้งานอกี ด้วย

R : Recycle
คือ การนำหรือเลือกใชท้ รพั ยากรที่สามารถนำกลับมารีไซเคิล หรือนำกลับมาใชใ้ หม่ เป็นการลดการ

ใชท้ รพั ยากรในธรรมชาติจำพวกตน้ ไม้ แรธ่ าตตุ ่าง ๆ เชน่ ทราย เหล็ก อลูมิเนยี ม ซึ่งทรพั ยากรเหล่าน้ี สามารถ
นำมารไี ซเคิลได้ยกตัวอย่างเชน่ เศษกระดาษสามารถนำไปรีไซเคิลกลับมาใช้เปน็ กลอ่ งหรือถงุ กระดาษ การนำ

แก้วหรือพลาสติกมาหลอมใช้ใหม่เป็นขวด ภาชนะใส่ของ หรือเครื่องใช้อื่นๆ ฝากระป๋องน้ำอัดลมก็สามารถ
นำมาหลอมใช้ใหม่หรอื นำมาบริจาคเพ่ือทำขาเทยี มให้ กบั คนพิการได้

(ท่มี า: yongrecycle.blogspot.com/2012/06/3r-5r.html )

ความรูเ้ ก่ียวกบั การจดั การและการใชป้ ระโยชน์จากขยะรีไซเคลิ

การจัดการและการใช้ประโยชน์จากขยะ สำหรบั ประเทศไทยนับว่าเป็นเรอื่ งท่ีดีท่ีมกี ลุ่มคนท่ีทำหน้าที่

คัดแยกขยะจากบ้านเรือน เพื่อนำขยะเหล่านี้กับมารีไซเคิลใหม่ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ คือ ผู้ประกอบอาชีพเก็บ

และรับซื้อของเก่า ที่เป็นกลไกที่สำคัญในการคัดแยกขยะ ซ่ึงในการคัดแยกขยะผู้ประกอบอาชีพนี้

จะต้องทราบว่าขยะประเภทใดบ้างทีเ่ ป็นความต้องการของตลาดรีไซเคิล และควรจดั การกับขยะเหลา่ น้ีอย่างไร

ก่อนนำไปขายเพอ่ื ให้ได้ราคาดี

1.ประเภทพลาสตกิ
รูปภาพตวั อย่าง

ขยะประเภทพลาสตกิ มีจำนวนเพิม่ ข้ึนอย่างรวดเรว็ เพราะสนิ คา้ และบรรจภุ ัณฑ์ต่างๆ สว่ นมากทำมา
จากพลาสติก เช่น ขวดนม กระป่องยา ขวดอาหาร เป็นต้น เนื่องจากคุณสมบัติทีเ่ หมาะสมของพลาสตกิ ซึ่งมี
น้ำหนักเบา สีสันสวยงาม ไม่เป็นสนิม ทนทาน และมีหลายประเภทจึงทำให้สามารถนำพลาสติกมาใช้
ประโยชน์ได้หลากหลาย ถึงแม้ว่าพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงทำให้ยากต่อการ
กำจัดโดยการฝังกลบ แต่การกำจัดขยะพลาสติกโดยการฝังกลบไม่ใช่วิธกี ารที่ถูกต้อง เนื่องจากขยะพลาสติก
สามารถนำกลบั มาใชใ้ หม่ไดเ้ กือบทกุ ประเภท พลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคอลได้ ได้แก่ พลาสติกชนิดยูเรีย เม
ลามีน อพี อกซ่ี นอกนั้นสามารถรีไซเคลิ ไดห้ มด แต่บางครง้ั ยงั มขี ้อจำกัดอีกหลายเร่อื งทีไ่ ม่สามารถนำพลาสติก
ทุกชนิดมารีไซเคิลได้ เช่นด้านความต้องการของโรงงาน รีไซเคิล หรือพลาสติกบางประเภทมีน้ำหนักเบาและ
เก็บรวบรวมได้ยากจึงไม่เนทนี่ ิยมนำมารีไซเคลิ เชน่ ถุงพลาสติก

1.1 พลาสตกิ ทส่ี ามารถนำมารีไซเคิล ไดแ้ ก่
(1) โพลีโพรพิลิน (Polypropylene;PP) พลาสติกประเภทนีเ้ ป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นถ้วยนม

เปรย้ี ว กระปอ๋ งมนั ฝร่งั ทอด และถังเนยเทยี ม
(2) โพลีสไตรีน (Polystyrene;PS) พลาสติกประเภทนี้เป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นภาชนะแทน

โฟม ถาดสลดั กลอ่ งบรรจวุ ิดีโอและซดี ี
(3) โพลีเอทลิ นี (Polyethylene;PE) พลาสติกประเภทนเ้ี ปน็ ทน่ี ยิ มนำมาใชท้ ำขวดเครื่องด่ืม

หรือ ขวดน้ำอดั ลม
(4) โพลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride;PVC) พลาสติกประเภทนี้เป็นที่นิยมนำมาใช้

เป็นภาชนะบรรจุอาหาร สายไฟ และทอ่ นำ้

(5) โพลิเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง (High-density Polyethylene;HDPE) พลาสติก
ประเภทนเ้ี ปน็ ที่นยิ มนำมาใช้เปน็ เหยอื กนำ้ ผลไม้ เหยอื กนม ของเลน่ ขวดน้ำยาซกั ผา้

(6) โพลิเอทิลินที่มีความหนาแน่นต่ำ (Low-density Polyethylene;LDPE) พลาสติก
ประเภทนีเ้ ปน็ ทน่ี ยิ มนำมาใช้เป็นพลาสตกิ ใสสำหรับหอ่ อาหาร และถงุ หิว้
1.2 การคัดแยกพลาสตกิ เพอื่ นำไปรไี ซเคิล
พลาสติกทซ่ี อื้ ขายเกนั เพ่ือนำกลับมารีไซเคิลมรี าคาแตกต่างกนั ตัง้ แต่ 3-8 บาท ขนึ้ อยู่กับประเภทของ
พลาสติกกอ่ นนำไปขายจะมกี ารจดั การขยะพลาสตกิ ให้ดีก่อน ดงั น้ี

(1) ขวดใหส้ ิ่งปนเปอ้ื นออกใหห้ มด ดงึ ฉลากและส่งิ ต่างๆ ท่ตี ดิ กบั พลาสติกออกให้หมด
(2) ทำให้แบนเพ่ือประหยดั เนื้อที่
(3) คัดแยกพลาสติกออกตามปรเภท อาจจะสังเกตประเภทของพลาสติกจากเคร่ืองหมายท่ี
ก้อนบรรจภุ ัณฑ์ก็ได้ เพราะบางทจี ะมเี ครื่องหมายรีไซเคลิ พรอ้ มทั้งตัวเลขระบุประเภทของพลาสติก หรืออาจ
นำพลาสติกมาแช่นำ้ เพื่อแยกประเภทพลาสตกิ เพราะพลาสตกิ แต่ละประเภทมีความหนาแนน่ ไม่เทา่ กนั
2. ประเภทกระดาษ

ขยะมูลฝอยจากบ้านเรือนและสำนกั งานจะมีกระดาษเป็นองค์ประกอบที่สำคัญตัวหนึ่ง เนื่องจากใน
ชีวิตประจำวันของเราจะต้องเกี่ยวพันกับการใช้กระดาษ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ กระดาษคอมพิวเตอร์
ถุงกระดาษ กระดาษลัง เปน้ ตน้ กระดาษเหล่านส้ี ามารถนำกลับมารไี ซเคิลได้ กระดาษท่ีไมส่ ามารถนำกลับมา
รีไซเคลิ ได้ เชน่ กระดาษหอ่ ของขวญั กระดาษกล่องแอปเปิล เพราะกระดาษประเภทนีม้ ีเยอื่ เซลลโู ลสน้อยมาก
ไมเ่ หมาะท่ีจะนำมารไี ซเคิลอีก

2.1การจัดการขยะประเภทกระดาษเพ่อื นำมารไี ซเคลิ
กระดาษแต่ละประเภทมีราคารบั ซ้ือไม่เทา่ กัน ถ้าขายรวมๆ กันก็จะไดร้ าคารวมเย่างต่ำเพียงกิโลกรัม
ละ 1 บาท และท่ีสำคัญกระดาษทน่ี ำมากขายจะตอ้ งไมเ่ ปอ้ื นคราบน้ำมันต่างๆ ดงั นั้นจึงควรมกี ารแยกประเภท
กระดาษกอ่ นท่ีจำนำไปขายตามประเภทดังนี้
- กระดาษแขง็ กล่องน้ำตาล
- กระดาษยอ่ ยและหนังสือเลม่ ทัว่ ไป
- กระดาษขาวสำนักงาน

- กระดาษหนงั สอื พิมพ์
- สมุดโทรศพั ท์
- กระดาษสมดุ นักเรยี น
- กลอ่ งยูเอชที
2.2 การรีไซเคลิ กระดาษ
กระดาษท่รี บั ซ้อื จากบ้านเรือนหรอื แหลง่ ตา่ งๆ จะถูกสง่ ไปยังโรงงานผลิตกระดาษ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ
ผสมในการผลิตกระดาษประเภทต่างๆ กระดาษมีหลายชนดิ และหลายคุณภาพ กระดาษขาวสำหรับเขียนหรือ
การะดาษคอมพิวเตอร์จะเป็นกระดาาที่มีคุณภาพสูง จึงถูกนำมาแปรรูปเป็นกระดาษสมุดและหนังสือ ส่วน
หนังสอื พิมพแ์ ละกระดาษกลอ่ งจะมีคุณภาพต่ำ จึงถูกนำมาแปรรูปเปน็ กระดาษกลอ่ งบรรจุเคร่ืองด่มื กระดาษ
ห่อของขวัญ กล่องกระดาษแข็ง การรีไซเคลิ กระดาษจะเร่ิมด้วยกำจดั หมึกออกและตกี ระดาษใหเ้ ปื่อยยุ่ยเปน็
เยื่อกระดาษและเติมเยื่อกระดาษใหม่เข้าไป ซึ่งสัดส่วนเยื่อกระดาษรีไซเคิลกับเยื่อกระดาษใหม่ขึ้นอยู่กับ
ประเภทของกระดาษที่จะผลิตแลว้ จะเข้าสกู่ ระบวนการผลติ กระดาษตอ่ ไป
3. ประเภทแกว้

แกว้ เป็นผลติ ภัณฑ์ที่ทำมาจากทรายโดยมหี ินปนู และโซดาไฟเปน็ ส่วนผสม โดยนำมาหลอมและข้ึนรูป
เปน็ ภาชนะต่างๆ เชน่ แก้วน้ำ ขวดอาหารและเคร่อื งดื่ม ฯลฯ แก้วเปน็ วัสดทุ ่ีไม่สามารถยอ่ ยสลายได้ ขวดแก้ว
ทุกประเภทสามารถนำมารีไซเคิลได้แต่ขวดแก้วแต่ละประเภทแต่ละสีจะมีาคาต่างๆ คือ ขวดแก้วสีขาวจะมี
ราคาดีที่สุด รองลงมาคือสีชาและสีเขียว ถ้าเป็นขวดดีไม่แตกก็จะได้ราคาสงู กว่าขวดแตกหรือเศษแก้ว ดังนน้ั
ควรมกี ารคัดแยกแก้วออกตามสี
การนำแก้วไปรีไซเคลิ

- ขวดแก้วดี ขวดแก้วที่ไม่แตกจะถูกนำมาคดั แยกตามสีและประเภทที่บรรจสุ ินค้า เช่น ขวดแม่โขง
ขวดเบยี ร์ ขวดน้ำปลา ขวดซอส ขวดน้ำอัดลมแบบวันเวย์ ฯลฯ ขวดแกว้ เหล่าน้ีหากไม่แตกบ่ินเสียหายจะถูก
สง่ แลบั เข้าโรงงานเพ่อื นำไปล้างและฆ่าเชอ้ื โรคและนำกลับมาบรรจุสนิ ค้าใหม่ซ้ำอีกอย่างน้อยถึง 30 ครั้ง โดย
ผู้ผลติ สินค้าเดมิ เชน่ บริษทั ผลิตเบียร์จำนำขวดเบียร์ท่ีใช้แลว้ มาผา่ นกระบวนการลา้ งและทำความสะอาดด้วย
สารเคมีตา่ งๆ แล้วจงึ นำกลบั มาบรรจเุ บยี รอ์ กี คร้ัง

- ขวดแก้วแตกหรอื เศษแก้ว ขวดท่ีแตกชำรดุ เสียหายจะถกู นำมาคดั แยกสี คอื ขวดแก้วขาว ขวดแก้ว
สชี า ขวดแก้วสีเขียว เม่อื แยกสแี ล้วจะถูกสง่ เขา้ โรงงานหลอมแกว้ เพ่ือทุบให้แตกละเอยี ด ล้างทำความสะอาด
ด้วยสารเคมีและหลอมละลายเพือ่ เปา่ เปน็ ขวดใหม่

4. ประเภทโลหะ

โลหะหลากหลายชนดิ สามารถนำมารีไซเคิลได้โดยการนำมาหลอมและแปรรูปเปน็ ผลิตภัณฑ์อนื่ ๆ
สามารถแบ่งโลหะออกได้ 3 กล่มุ ใหญ่ คือ

- โลหะประเภทเหลก็ เหล็กสามารถนำมารีไซเคิลไดท้ กุ ชนิด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
เหลก็ หล่อ เหล็กหนา และเหลก็ บาง ราคราซ้ือขายจะต่างกนั ตามประเภทของเหลก็ ซึ่งพ่อคา้ รบั ซ้ือของเกา่ จะ
ทำการตดั เหล็กตามขนาดต่างๆ ตามที่ท่างโรงงานกำหนดเพอ่ื สะดวกในการเข้าเตาหลอมและการขนส่ง

- โลหะประเภทอะลูมิเนียม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ (1) อะลูมินียมหนา เช่น อะไหร่
เครื่องยนต์ ลูกสูบ อะลูมิเนียมาอัลลอย ฯลฯ (2) อะลูมิเนียมบาง เช่น หม้อ กะละมังซักผ้า ขันน้ำ กระป๋อง
เครื่องดื่ม ฯลฯ ราคาซื้อขายโลหะประเภทอะลูมิเนียมมีราคาตั้งแต่ 10 บาท ถึง 45 บาท แล้วแต่ประเภท
อะลูมิเนียมหนาจะมรี าคาแพงกวา่ อะลูมิเนยี มบาง แต่ขยะอะลมู เิ นียมทพี่ บมากในกองขยะส่วนใหญ่จะเปน็ พวก
กระปอ๋ งเครื่องดืม่ เชน่ กระปอ๋ งน้ำอดั ลม กระป๋องเบียร์ โดยเฉพาะกระป๋องน้ำอัดลมจะเป็นขยะท่ีมีปริมาตร
มาก ดังนน้ั กอ่ นนำไปขายควรจะอัดกระป๋องให้มีปริมาตรเลก็ ลงเพ่ือท่ีจะได้ประหยัดพ้นื ท่ีในการขนส่ง สำหรับ
การรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมนั้นพ่อค้ารับซื้อของเก่าจะทำการอัดกระปอ๋ งอะลมู ิเนียมใหม้ ขี นาดตามท่ีทาง
โรงงานกำหนดมา กระปอ๋ งอะลมู เิ นยี มสามารถนำกลับมารไี ซเคิล ซือ้ ได้หลายๆ ครั้ง ไมม่ ีการกำจดั จำนวนครั้ง
ของการผลิต เมื่อกระป๋องอะลูมิเนียมถูกส่งเข้าโรงงานแล้วจะถูกบดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหลอมให้เป็นแท่งแข็ง
จ า ก น ั ้ น น ำ ไ ป ร ี ด ใ ห ้ เ ป ็ น แ ผ ่ น บ า ง เ พ ื ่ อ ส ่ ง ต ่ ไ ป ย ั ง โ ร ง ง า น ผ ล ิ ต ก ร ะ ป ๋ อ ง เ พ ื ่ อ ผ ล ิ ต ก ร ะ ป ่ อ ง ใ ห ม่

- โหละประเภททองเหลือง ทองแดง และสแตนเลส โลหะประเภทนี้มีราคาสูงประมาณ 30-60 บาท
โดยทองเหลอื งสามารถนำมากลับมาหลอมใหม่ โดยทำเปน็ พระ ระฆัง อปุ กรณ์สขุ ภณั ฑ์ต่างๆ ส่วนทองแดงกน็ ำ
กลบั มาหลอมทำสายไฟได้ใหม่

ปัจจัยสำคัญในการรไี ซเคิลวัสดุประเภทต่างๆ ไม่วา่ จะเปน็ โลหะ พลาสตกิ กระดาษ แก้ว ก็คือจะต้อง
แยกประเภทของขยะรีไซเคิลแต่ละชนิดออกจากกันไม่ให้ปนกัน และทำความสะอาดวัสดุก่อนทีจ่ ะนำไปขาย
ถ้าเปน็ กระป๋องก็ควรจะทำการอัดเพ่อื ลดปริมาตรของชขยะก่อนท่จี ำนำไปขายารใช้วัสดุในอนาคต

แนวโนม้ การใชว้ ัสดุในอนาคต
ตามท่ไี ด้กลา่ วข้างต้นในหนว่ ยที่ 1 ประเภทของวสั ดุสามารถแบ่งออกได้เปน็ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

โลหะ พอลเิ มอร์ และเซรามกิ ส์ ซ่ึงมสี มบัติแตกต่างกนั ไป มนษุ ยจ์ ึงสามารถผลติ ผลิตภณั ฑ์โดยเกิดจากการผสม
วสั ดหุ ลายชนิดทำให้ ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์ที่มสี มบัติ ตามตอ้ งการได้ ในปจั จบุ นั ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการของ
ประเทศไทยมแี นวโนม้ การเตบิ โตอย่างตอ่ เนอ่ื ง เนือ่ งจากมกี ารลงทุนของตา่ งชาตมิ ากขนึ้ ทำให้ประเทศไทย
กลายเปน็ ฐานการผลิตสินค้าเพ่ือส่งออก ซึง่ สนิ ค้าสง่ ออกสำคญั ของประเทศไทยสว่ นใหญล่ ว้ นเกี่ยวข้องกับวัสดุ
ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์และอุปกรณ์ส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์และสว่ นประกอบ อัญ
มณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เป็นต้น จากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้แนวโน้มการใช้
วสั ดุแต่ละประเภทเพิม่ ขึน้ ดว้ ย

1.1 วสั ดุประเภทโลหะ

โลหะผสมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อใช้ในโครงการอวกาศ เช่น โลหะผสมนิกเกิล ที่ทนทานต่อ
อุณหภูมิสูงกำลังได้รับการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเน่ือง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงเมื่อใช้อุณหภูมิสูงและทนทานต่อ
การกัดกร่อนยิ่งขึ้น โลหะผสมเหล่านี้ได้นำไปใช้สร้างเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถ
ทำงานไดท้ ี่อณุ หภูมิสูงขึ้นไปอกี กระบวนการผลิตท่ีใช้เทคนิคใหม่ เชน่ ใชก้ ารดงึ ยืดดว้ ยความร้อนสูง สามารถ
ช่วยยืดอายุ ของการเกิดความล้าของโลหะผสมที่ใช้กับเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคการถลุงโลหะ
ด้วยโลหะผง ทำให้สมบัติโลหะผสมมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น และทำให้ราคาของการผลิตลดลง อีกด้วย เทคนิค
การทำให้โลหะแข็งตวั อย่างรวดเรว็ โดยทำให้โลหะท่ีหลอมเหลวลดอุณหภูมิ ลงประมาณ 1 ล้านองศาเซลเซียส
ต่อวินาที กลายเป็นโลหะผสมทเี่ ป็นผง จากผงโลหะผสมเปลี่ยนใหเ้ ปน็ แท่งดว้ ยกระบวนการต่างๆ เชน่ การดึง

ยืดด้วยความร้อนสูง เป็นต้น ด้วยวิธีการเหล่านี้ทำให้สามารถผลิตโลหะที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูงชนิดใหม่ได้
หลายชนดิ เช่น นิกเกิล อัลลอยดอ์ ะลมู ิเนียมอัลลอยด์ และ ไทเทเนียมอัลลอยด์

1.2 วัสดปุ ระเภทพอลเิ มอร์
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาวัสดุพอลิเมอร์ (พลาสติก) มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ด้วยอัตราการ
เพมิ่ ข้นึ รอ้ ยละ 9 ตอ่ ปโี ดยน้ำหนกั แม้ว่าอตั ราการเตบิ โต ของพลาสตกิ จากปี ค.ศ.1995 ไดม้ กี ารคาดหมายว่า
โดยเฉลี่ยแล้วจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 5 การลดลงนี้ ก็เพราะว่าพลาสติกได้ถูกนำมาใช้แทนโลหะ แก้วและ
กระดาษ ซงึ่ เป็นผลิตภณั ฑห์ ลักในตลาด เช่น ใชท้ ำบรรจภุ ัณฑ์ และใชใ้ นการก่อสรา้ ง ซ่งึ พลาสติกเหมาะสมกว่า
พลาสติกที่ใช้งานทางวิศวกรรม เช่น ไนลอน ได้รับความคาดหมายว่าน่าจะเป็นคู่แข่งกับโลหะได้อย่างน้อย
จนถงึ ค.ศ. 2000 แนวโน้มท่สี ำคัญในการพัฒนาพลาสติกวศิ วกรรม คือ การผสมผสานพลาสตกิ ตา่ งชนดิ กันเข้า
ด้วยกันให้เป็นพลาสติกผสมชนิดใหม่ (synergistic plastic alloy) ตัวอย่างเช่น ในช่วงปี ค.ศ.1987 ถึง ค.ศ.
1988 ได้มีการผลิตพลาสติกชนิดใหม่ๆพลาสติกผสมและสารประกอบตัวใหมจ่ ากทั่วโลกประมาณ 100 ชนิด
พลาสติกผสมชนดิ ใหมม่ ปี ระมาณร้อยละ 10
Shape memory polymersคนื รปู ได้ แตกหกั -เสยี หายซ่อมตวั เอง

แกรฟนี วสั ดทุ ี่ใช้ทำหนา้ จอสัมผสั มีลักษณะบางมาก โปรง่ ใส ยดื หยนุ่ และนำไฟฟ้า

1.3 วัสดปุ ระเภทเซรามิก
ในอดีตการเจรญิ เตบิ โตของการใช้เซรามิกส์สมัยเกา่ เช่น ดนิ เหนียว แกว้ และหินในอเมริกาเทา่ กบั ร้อย
ละ 3.6 (ค.ศ.1966 - 1980) อัตราการเจริญเตบิ โตของวสั ดเุ หล่านี้ จากปี ค.ศ. 1982 ถึง ค.ศ. 1995 คาดว่าจะ
ประมาณร้อยละ 2 ในช่วง 10 ปที ่ผี ่านมาเซรามกิ สว์ ิศวกรรมตระกลู ใหม่ไดผ้ ลิตขน้ึ ซ่งึ เปน็ สารประกอบพวกไน
ไตรตค์ าร์ไบด์ และออกไซด์ ปรากฏวา่ วัสดเุ หล่านไ้ี ด้นำไปประยกุ ตอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยเฉพาะใช้กบั อณุ หภูมสิ งู ๆ
และใช้กับเซรามิกส์อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุเซรามิกส์ มีราคาถูกแต่การนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมักใช้
เวลานาน และมีคา่ ใช้จา่ ยสงู วสั ดเุ ซรามกิ ส์สว่ นใหญจ่ ะแตกหักหรอื ชำรดุ ได้ง่ายจากการกระแทก เพราะมคี วาม
ยืดหยุ่นน้อยหรือไม่มีเลย ถ้ามีการค้นพบเทคนิคใหม่ที่สามารถพัฒนาให้เซรามิกส์ ทนต่อแรงกระแทกสูง ๆ
ได้แล้ว วัสดุประเภทน้ีสามารถนำมาประยุกต์ทางวิศวกรรมไดส้ ูงย่ิงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง
และในบริเวณสงิ่ แวดลอ้ มที่มกี ารกดั กร่อนสงู

สัญลกั ษณต์ า่ ง ๆ ที่ใชร้ ะบปุ ระเภทของการคัดแยกวัสดุในการรไี ซเคิล

การระบุรหัสสําหรับพอลิเมอร(ID Code) และคุณสมบัติของขวดพอลิเมอร พอลิเมอรถูกแบงเปน 7
ประเภท ซึ่งแตละประเภทจะมีการระบุรหัสของ พอลิเมอร(identification code) ถึงแมวาพอลิเมอรหลาย
ประเภทจะสามารถรไี ซเคิลได ในปจจบุ นั ไดนําเฉพาะพอลิเมอรทใ่ี ชในครวั เรือนมารีไซเคิลกนั ดังนั้นขวดพอลิ
เมอรแตละชนิด จงึ มวี ิธีการรไี ซเคลิ ทแ่ี ตกตางกันไป

หมายเหตุ สัญลกั ษณต์ ่าง ๆ สามารถสบื คน้ จาก แบบเรยี น และ อนิ เตอรเ์ นต็ เพิ่มเตมิ ได้

ใบงาน ครั้งที่ 11
รายวิชา วสั ดศุ าสตร์ 3 พว32024 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ชื่อ – นามสกุล ...................................................................................

กศน.ตำบล ..........................................

คำชแี้ จง ให้ผเู้ รยี นอ่านใบงานแล้วตอบคำถามจากใบงาน(…10 คะแนน)
1. โยงเสน้ จับคู่สญั ลักษณ์กับรปู ภาพพอลเิ มอร์รีไซเคลิ ตอ่ ไปน้ใี ห้ตรงกนั

2. ยกตวั อย่างการคัดแยกขยะเพื่อเพ่มิ มลู ค่า และวิธีการรวบรวมขยะตามประเภท

2.1 ขยะประเภทโลหะ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

2.2 ขยะประเภทพอลเิ มอร์
...........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

2.3 ขยะประเภทเซรามิกส์
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ทิศทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคต
คําช้แี จง ให้ผ้เู รยี นศึกษาค้นควา้ เพิม่ เตมิ จากสือ่ และแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ ตามท่แี นะนาํ ไว้ ท้ายหนว่ ยในชดุ วิชา

แลว้ ทํากจิ กรรมตอไปนี้
3. จงอธบิ ายถึงแนวโนม้ การใช้วัสดุในอนาคต ของวัสดุประเภทต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี

3.1 วสั ดปุ ระเภทโลหะ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

3.2 วสั ดุประเภทพอลเิ มอร์
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

3.3 วัสดุประเภทเซรามิกส์
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

4. จงบอกทิศทางการพฒั นาวสั ดุในอนาคต มาพอเข้าใจ
…………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………
………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………
………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………
………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………

เฉลย ใบงาน ครัง้ ที่ 11
รายวชิ า วัสดุศาสตร์3 พว32024 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

แนวทางการตอบคำถาม

แนวทางการตอบคำถาม
2 ยกตวั อยา่ งการคดั แยกขยะเพอ่ื เพ่มิ มลู ค่า และวธิ กี ารรวบรวมขยะตามประเภท

2.1 ขยะประเภทโลหะ
ตอบ โลหะหลากหลายชนิดสามารถนํามารีไซเคิลได้โดยการนํามาหลอมและแปรรูป เป็น

ผลิตภณั ฑอ์ ื่นๆ สามารถแบ่งโลหะออกได้ 3 กลุม่ ใหญ่คอื
- โลหะประเภทเหล็ก เหล็กสามารถนํามารีไซเคิลได้ทุกชนิด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
เหล็กหลอ่ เหล็กหนา และเหล็กบาง ราคาซ้อื ขายจะต่างกันตามประเภทของ เหล็ก ซงึ่ พอ่ ค้ารับซื้อของเก่าจะ
ทําการตัดเหล็กตามขนาดตา่ งๆ ตามที่ทางโรงงานกาํ หนดเพ่ือ สะดวกในการเขา้ เตาหลอมและการขนสง่
- โลหะประเภทอะลมู ิเนียม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคอื (1) อะลูมิเนยี มหนา เชน่ อะไหรเ่ ครือ่ งยนต์
ลูกสูบ อะลูมิเนียมอัลลอย ฯลฯ (2) อะลูมิเนยี มบาง เช่น หม้อ กะละมังซักผ้า ขันน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม ฯลฯ
ราคาซื้อขายโลหะประเภทอะลมู เิ นียมมรี าคาตั้งแต่ 10 บาท ถึง 45 บาท แล้วแตป่ ระเภท อะลูมิเนยี มหนาจะมี
ราคาแพงกวา่ อะลมู ิเนียมบาง
- โลหะประเภททองเหลือง ทองแดง และ สแตนเลส โลหะประเภทนี้มรี าคาสงู ประมาณ 30 - 60
บาท โดยทองเหลืองสามารถนํามากลบั มาหลอมใหม่ โดยนํามาสร้างพระ ระฆัง อุปกรณส์ ขุ ภัณฑ์ต่างๆ ส่วน
ทองแดงกน็ าํ กลับมาหลอมทำสายไฟไดใ้ หม่

2.2 ขยะประเภทพอลิเมอร์
ตอบ พอลิเมอรไ์ ดก้ ลายเป็นผลติ ภัณฑ์สําคัญอยา่ งหนง่ึ และมีแนวโนม้ ทจ่ี ะเข้ามามี บทบาทใน

ชีวิตประจําวนั เพมิ่ มากข้นึ เนื่องจากพอลิเมอร์มีราคาถกู นำ้ หนักเบาและมีขอบข่าย การใชง้ านได้กว้าง
พอลิเมอร์ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สําคัญอย่างหนึ่ง และมีแนวโน้มที่จะเข้ามา มีบทบาทใน
ชีวิตประจําวันเพิ่มมากขึ้น โดยการนํามาใช้แทนทรัพยากรธรรมชาติได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไม้
เหลก็ เนื่องจากพอลิเมอร์มรี าคาถกู มีน้ำหนักเบา และมีขอบข่ายการใช้งาน ไดก้ ว้าง

2.3 ขยะประเภทเซรามิกส์
ตอบ วัสดุที่สามารถนํามา รีไซเคิลได้มีหลายชนิด อาทิโลหะชนิดต่างๆ พลาสติก เป็นต้น

อย่างไรก็ตามกลับพบว่าได้มีการนำวัสดุเซรามิกส์ เช่น กระเบื้องปูพื้นและผนัง ถ้วยชาม ตลอดจน
เครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ มาผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อนํากลับมาใช้ใหม่น้อยมาก ยกเว้นแก้วและ
กระจก ทั้งที่วสั ดุเหล่าน้ีมปี รมิ าณ การผลิตและการใช้งาน ตลอดจน ผลิตภัณฑ์ที่ เสีย ทั้งในระหว่าง
การผลิต และการใช้งานทตี่ อ้ งกลายเปน็ ขยะปหี นงึ่ ๆ เป็นจาํ นวนมาก

แนวทางการตอบคำถาม
ทิศทางการพัฒนาวัสดใุ นอนาคต

3. จงอธิบายถึงแนวโนม้ การใชว้ ัสดใุ นอนาคต ของวสั ดุประเภทตา่ ง ๆ
3.1 วสั ดปุ ระเภทโลหะ
ตอบ โลหะผสมที่ได้รับการพฒั นาข้ึนใหม่เพ่ือใช้ในโครงการอวกาศ เชน่ โลหะผสม นกิ เกิล ท่ีทนทาน

ต่ออุณหภมู ิสงู กาํ ลงั ไดร้ บั การค้นคว้าวจิ ัยอยา่ งต่อเนื่อง เพอ่ื เพ่ิมความแขง็ แรง เมือ่ ใชอ้ ุณหภูมสิ ูงและทนทานต่อ
การกัดกร่อนยิ่งขึ้น โลหะผสมเหล่านี้ได้นําไปใช้สร้าเครื่องยนต์ ไอพ่นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถ
ทาํ งานไดท้ ีอ่ ณุ หภูมสิ งู ขึ้นไปอีก กระบวนการผลติ ทใ่ี ช้ เทคนคิ ใหม่ เชน่ ใช้การดึงยดื ด้วยความร้อนสงู สามารถ
ช่วยยืดอายุของการเกิดความล้าของ โลหะผสมที่ใช้กับเครื่องบิน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคการถลุงโลหะ
ด้วยโลหะผง ทําให้สมบตั ิ โลหะผสมมีการปรับปรุงให้ดขี ึ้น

3.2 วสั ดปุ ระเภทพอลิเมอร์
ตอบ วสั ดุพอลิเมอร์ (พลาสติก) มอี ัตราการเติบโตอยา่ งรวดเร็วมาก ด้วยอัตราการ เพม่ิ ข้ึน 9% ต่อปี
โดยนํ้าหนกั แม้ว่าอัตราการเติบโตของพลาสติกจากปคี .ศ.1995 ได้มีการ คาดหมายว่าโดยเฉลีย่ แล้วจะลดลงต่ำ
กว่า 5% การลดลงนี้กเ็ พราะวา่ พลาสติกไดถ้ กู นํามาใช้ แทนโลหะ แก้วและกระดาษ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักใน
ตลาด เชน่ ใชท้ ําบรรจุภัณฑ์และใช้ใน การกอ่ สรา้ ง ซง่ึ พลาสติกเหมาะสมกว่า พลาสตกิ ท่ีใช้งานทางวิศวกรรม
เช่น ไนลอน ได้รับความ คาดหมายว่านา่ จะเปน็ คู่แขง่ กับโลหะได้อย่างนอ้ ยจนถึง ค.ศ.2000 แนวโน้มท่ีสําคญั
ในการ พัฒนาพลาสติกวิศวกรรม คอื การผสมผสานพลาสติกต่างชนิดกนั เข้าดว้ ยกนั ให้เป็นพลาสติก ผสมชนิด
ใหม่ (synergistic plastic alloy) ตัวอย่างเช่น ในช่วงปีค.ศ.1987 ถึง ค.ศ. 1988 ได้ มีการผลิตพลาสติกชนดิ
ใหมๆ่ พลาสตกิ ผสมและสารประกอบตวั ใหม่

3.3 วสั ดปุ ระเภทเซรามิกส์
ตอบ เซรามิกสว์ ิศวกรรมตระกูลใหมไ่ ดผ้ ลิตขนึ้ ซ่ึงเป็นสารประกอบพวก ไนไตรต์คาร์ไบด์และออกไซด์
ปรากฏว่าวัสดุเหล่านี้ได้นําไปประยุกต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ใช้กับอุณหภูมิ สูง ๆ และใช้กับเซรามิกส์
อิเลก็ ทรอนิกส์

แนวทางการตอบคำถาม
4. จงบอกทศิ ทางการพัฒนาวสั ดใุ นอนาคต

ตอบ
1. วสั ดทุ มี่ ีความเป็นมติ รต่อสงิ่ แวดล้อม

2. พลาสตกิ จากพืชท่ีแข็งแรงทนทาน (Durable Bioplastic) เป็นวัสดทุ างเลือกทไ่ี ม่ได้ ผลิตจากนำ้ มัน
เหมอื นพลาสตกิ รูปแบบเดิมทีใ่ ชก้ นั อย่อู ย่างแพร่หลายต้งั แตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบนั

3. วัสดุลกู ผสม (Hybrid Material) เปน็ การผสมผสานและทํางานรว่ มกันของวัสดสุ อง ประเภทเพ่อื ให้

ไดค้ ณุ สมบัตแิ ละตอบโจทยก์ ารใชง้ านท่กี ว้างขนึ้ เช่น เทคโนโลยีท่ีสวมใสไ่ ด้ (wearable technology)
4. การลดค่าใช้จา่ ย วัสดทุ มี่ ีราคาสูงถูกแทนทดี่ ว้ ยวสั ดทุ ร่ี าคาถกู ลงเพ่ือลดคา่ ใชจ้ ่าย ดเู หมอื นจะเป็น

เทรนด์ทเ่ี กิดขึ้นอยา่ งถาวรไปแลว้
5. วสั ดทุ ่ชี ว่ ยทาํ ใหส้ ขุ ภาพดขี ้ึนเรายอมเสียเงินซ้ือเสื้อผ้าที่สามารถช่วยทาํ ให้สุขภาพดขี ้ึน เชน่ เสื้อผ้าที่

ใชเ้ ทคโนโลยีนาโนซลิ เวอรใ์ นการฆา่ เชื้อโรคและกาํ จัดกลิน่

6. รีไซเคิลสนิ แรห่ ายาก (mining landfill) สนิ แรห่ ายากเป็นวัตถดุ ิบสําคัญทใ่ี ช้ในสนิ คา้ Hi-tech
หลายประเภทเชน่ โทรทศั น์จอแบนหรอื โทรศัพทม์ ือถือ Smart phone โดยท่จีนเป็น ผ้ผู ลติ 97% ของโลก

7. โซลาร์เซลล์ บริษัทต่าง ๆ พยายามพัฒนาโซลาร์เซลล์ให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึน มีขนาด เล็กลง ใช้
งานไดห้ ลากหลายขึน้ ในรูปของฟิลม์ ท่ียืดหยุน่ ได้จากรูปแบบเดิมท่ีเปน็ แผน่ แขง็ และ มีราคาถูกลง เมื่อโซลาร์
เซลมีคุณภาพดขี ึ้น เราจะสามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ สต์ ่าง ๆ และโทรศัพท์มอื ถือได้สะดวกข้ึน โซลาร์

เซลทาํ ให้พนื้ ทห่ี ่างไกลมีไฟฟ้าใช้ช่วยให้คนจํานวนมาก มชี ีวติ ท่ีดีข้ึน

แบบทดสอบยอ่ ย ครั้งที่ 11
รายวิชา วสั ดุศาสตร์ 3 พว32024 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ช่ือ – นามสกลุ ..................................................................................

กศน.ตำบล..........................................

ขอ้ สอบปรนัย จำนวน 5 ข้อ
1. หลกั 3R หมายถึงข้อใด

ก. หลกั การบริหารจัดการวสั ดเุ พอ่ื การใชง้ าน
ข. หลกั การบํารงุ รักษาวัสดุให้สามารถใชง้ านได้ดี
ค. หลักการจัดการวสั ดุเพ่อื ลดปริมาณวัสดุทใี่ ช้แล้ว
ง. หลักการจดั การวัสดุเพ่ือเพิ่มประสทิ ธภิ าพการใช้งาน

2. ข้อใดต่อไปนี้ให้ความหมายของ Reuse ไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. มดซ้ือน้ำอัดลมทีเ่ ป็นขวดแล้วคนื ได้
ข. นอ้ ยนําปน่ิ โตไปใส่อาหารแทนการใช้กลอ่ งโฟม
ค. เบนซ์นาํ ขวดนำ้ พลาสตกิ ไปทาํ กบั ดกั แมลงวนั ทอง
ง. แกว้ เลอื กซื้อนำ้ ยารดี ผ้าชนิดเตมิ แทนการแบบเปน็ ขวด

3. ข้อใดตอ่ ไปนใ้ี ห้ความหมายของ Recycle ได้ถกู ตอ้ ง
ก. หนึง่ นาํ ซองกาแฟมาทาํ ตะกรา้ ใสข่ อง
ข. สองยมื หนังสือนทิ านจากห้องสมุดประชาชน
ค. สามนําขวดน้ำพลาสตกิ ทใ่ี ช้แล้วไปล้างแลว้ นํากลับมาใช้ใหม่
ง. ส่ีนําขวดแก้วทใี่ ช้แล้ว ไปหลอมใหม่ เพ่ือขนึ้ รปู เปน็ แก้วใบใหม่

4. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ทิศทางในการพัฒนาวัสดใุ นอนาคต
ก. พัฒนาให้มีความเบา
ข. พัฒนาใหม้ ีขนาดใหญ่
ค. พัฒนาใหม้ คี วามแขง็ แรง
ง. พฒั นาให้ทนความรอ้ น

5. จากข่าวการพฒั นาหน้าจอโทรศัพท์มอื ถือท่ีโค้งงอไดท้ า่ นคดิ ว่าหนา้ จอโทรศพั ท์มือถือเปน็ การพฒั นาของ
วัสดปุ ระเภทใด

ก. โลหะ
ข. พอลิเมอร์
ค. เซรามิกส์
ง. วัสดุธรรมชาติ

ข้อสอบอัตนยั จำนวน 2 ข้อ

1. จงอธิบายความหมาย ของหลกั 3R
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

2. วัสดทุ ่ีเป็นมิตรต่อส่งิ แวดลอ้ มหมายถึง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

เฉลยแบบทดสอบยอ่ ย ครั้งที่ 11
รายวชิ าวสั ดุศาสตร์ 3 พว32024 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ข้อสอบปรนัย (จำนวน 5 ขอ้ )
1. .....ค......
2. .....ค.....
3. .....ง.....
4. .....ข.....
5. .....ข......

ขอ้ สอบอตั นยั (จำนวน 2 ข้อ)
1. จงอธิบายความหมาย ของหลกั 3R

ตอบ 3R เป็นหลกั ของการจัดการเศษวสั ดุ เพ่อื ลดปริมาณเศษวัสดุ ไดแ้ ก่
รีดิวส์ (Reduce) คือการใชน้ อ้ ยหรือลดการใช้
รียูส (Reuse) คือการใช้ซำ้
รไี ซเคลิ (Recycle) คือ การผลิตใช้ใหม่
ใชเ้ ปน็ แนวทางในการลดปริมาณเศษวสั ดุในครวั เรอื น โรงเรยี น และ ชมุ ชน

2. วัสดุท่เี ปน็ มิตรตอ่ สง่ิ แวดล้อมหมายถึง
ตอบ การเลือกใชว้ ัสดแุ ละกรออกแบบโดยคำนึงประโยชน์สูงสุดของการใช้งานและการเหลือทิ้งเป็น

ขยะใหน้ อ้ ยท่ีสดุ การใชว้ ัสดุจากธรรมชาติเพราะสามารถย่อยสลายกลับคนื สดู่ ินได้

บันทึกผลหลังการเรียนรู้

ครง้ั ที่ ..................
วนั ท.่ี ..........................เดือน..............................................พ.ศ. ............................ ระดับ………………….....…………

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

จำนวนนักศึกษา ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน
จำนวนนกั ศึกษาทเี่ ขา้ เรยี น ทัง้ หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน
จำนวนนักศึกษาที่ขาดเรียน ทั้งหมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน

สภาพการจดั การเรยี นร้แู บบพบกลุ่ม (ปจั จัยกระบวนการจัดกิจกรรมและผูเ้ รยี น)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

สภาพการจัดการเรียนรแู้ บบเรียนรดู้ ้วยตนเอง (ปัจจัยกระบวนการจัดกิจกรรมและผู้เรยี น)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ดา้ นสื่อการเรียนรู้
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ปัญหาท่ีพบและการแก้ไขปญั หา (อย่างไร)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ขอ้ คิดเหน็ ขอ้ เสนอแนะ (เพอื่ การปรบั ปรงุ แกไ้ ข/พัฒนา)
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.............................................................ผบู้ ันทึก
(.............................................................)

(อาจแนบภาพแสดงใหเ้ หน็ เฉพาะส่วนเด่นและส่วนที่เป็นปญั หา)
เสนอขอ้ คิดเห็น

1. ...........................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

2. ...........................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .............................................................ผ้ตู รวจเสนอ
(.............................................................)
นายทะเบียน

การดำเนินการแก้ไข/พฒั นา
1. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
2. ...........................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.............................................................ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
(.............................................................)
ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอ............................

ผลจากการนำข้อเสนอแนะไปปฏบิ ัติ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.............................................................ผูป้ ฏิบัติ
(.............................................................)

แผนการจัดการเรยี นรู้ (พบกลุ่ม)
รายวิชา วัสดศุ าสตร์ พว32024 จำนวน 3 หนว่ ยกติ

ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ครงั้ ท่ี 12 จำนวน 6 ชว่ั โมง

เร่อื ง สง่ิ ประดิษฐจ์ ากวัสดตุ ามหลักสะเตม็ ศกึ ษา เทคโนโลยีการกำจดั วสั ดุ

ตวั ชวี้ ัด
1. อธิบายหลักสะเต็มศกึ ษาประโยชน์ของสะเต็มศึกษา หลักสะเตม็ ศึกษาสำหรับการประดิษฐ์วัสดุใช้

แล้ว ได้นำความรเู้ รือ่ งหลกั สะเต็มศึกษาสำหรบั การประดิษฐ์วัสดุใชแ้ ลว้ ไปใชไ้ ด้
2. อธิบายเทคโนโลยีการกำจัดเศษวัสดุเหลือทิ้งด้วยการเผาไปใช้ได้ การผลิตพลังงานจากเศษวัสดุ

เหลอื ท้ิงได้นำความรเู้ ร่ืองการผลิตพลังงานจากเศษวสั ดุเหลือทง้ิ ไปใชไ้ ด้

เน้อื หา
1. หลักสะเต็มศกึ ษา
2. หลักสะเต็มศกึ ษาสำหรับการประดิษฐ์จากวสั ดุใช้แล้ว
3. การประดิษฐ์วัสดใุ ชแ้ ล้ว
4. เทคโนโลยีการกำจดั เศษวัสดุเหลอื ท้ิงด้วยการเผา
5. การผลติ พลังงานจากเศษวสั ดุเหลือท้ิง

ขน้ั ตอนการจัดกระบวนการเรยี นรู้

ข้ันที่ 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรียนรู้
ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนช่วยกันบอกสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากการนำวัสดุเหลือทิ้ง หรือ

การนำสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาทำใหม่โดยใช้การรีไซเคิล โดยให้ผู้เรียน ยกตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ในบ้าน
ตนเองหรอื ในชมุ ชนท่อี าศยั อยู่

ข้นั ท่ี 2 การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้
1. ครอู ธิบายเรือ่ ง สิง่ ประดิษฐจ์ ากวัสดุตามหลกั สะเต็มศกึ ษา เทคโนโลยีการกำจัดวสั ดุ
2. ครูให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมจาก QR Code เรื่อง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุตามหลักสะเต็มศึกษา

เทคโนโลยีการกำจัดวสั ดุ

3. ครูแบ่งกลุ่มผู้เรียนออก เพื่อให้ศึกษาค้นคว้า และออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรียน ในรูปแบบแผนผัง
ความคิด (Mind Mapping) ดงั น้ี

กลุม่ ท่ี 1 หลักสะเต็มศกึ ษา
กลมุ่ ท่ี 2 หลักสะเตม็ ศกึ ษาสำหรับการประดษิ ฐ์จากวัสดุใชแ้ ลว้


Click to View FlipBook Version