Rambhai Barni
Rajabhat University
มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
ภาษีอากร
TAX
แนวที่หนึ่ง อธิบายว่า ภาษีอากรคือสิ่งที่รัฐบาลบังคับ
เก็บจากราษฎร และนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดย
มิได้มีสิ่งตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษีอากร
แนวที่สอง อธิบายว่า ภาษีอากรคือเงินได้หรือ
ทรัพยากรที่เคลื่อนย้ายจากภาคเอกชนไปสู่ภาครัฐบาล
แต่ไม่รวมถึงการกู้ยืมหรือขายสินค้า หรือให้บริการใน
ราคาทุนโดยรัฐบาล
แนวที่สาม อธิบายว่า ภาษีอากร คือสิ่งที่เรียกจาก
บุคคลทรัพย์สินหรือธุรกิจเพื่อการสนับสนุนรัฐบาลกลาง
หรือรัฐบาลท้องถิ่น
การเก็บภาษีอากรนอกจากมีวัตถุประสงค์ในการหารายได้เพื่อให้พอกับ
ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแล้ว ในปัจจุบันภาษีอากรยังเป็นเครื่องมือสำคัญ
ของรัฐบาลในการกระจายรายได้ ส่งเสริมความเจริญเติบโตธุรกิจการค้า
รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ช่วยควบคุมการบริโภคของประชาชน
หรือเพื่อสนองนโยบายบางประการของรัฐบาล (เช่น การศึกษา การ
สวัสดิการสังคม นโยบายประชากร) ด้วย
ชโมคแดโมีอดีคนตยคบ่ยวไลงวด่พาาะ้ิารมยคจัมบแนาเเแรนปปน่ื็ลณ่นนรอะะาองธเกถปจรนึ็องารนแคกบมกลวกกาะัาปาบรชมรัรปกด้ดสะอูาเชแาจรงมาลพกนัชิาคนุจ้นรมปาถคมครรใิวณะนรใหรชอก้ามเางีาถจหชขึ้รงานอนเผพ้สงสาีลนยรทาััปีฐภ่กมเรบสงาาีะาาษยรโีนลถยภอใเชาาชข้กน้ษอา์ีรทอำใีข่จนาปอคการงวรจะปาใชหหมร้านแะห้ชาชกนม่ทารีแั่าชโฐดตยนบ่ยลไาดมะ้ลิ
ทอมีคม่ีีสาำปุคกดนรวึรงะาทถสมึิำงทสใหธคะ้ิภจดวัดาวาพเมกก็สบวปะิภธดรีกาะวษหากีรอยขักาดอำกรงหราผูน้ไยเดสด้จี่มยเาวายภลกผาูาโ้ษจดใีันดอยเกามกีกา็คบ่รราเแใสชลี้ยจะ่ภผาู้ายมีษใหีนอนก้าาากทรีร่จเคัสดีวยเรกภ็ตบ้าอษนงี้อย
เมผมหีีคลคมวกวาาราะมะมกัทยนเืปบดส็นหถตกย่าุอ่ลนนกากางสารทราทาณมำ์งาไงเดรศา้ถอนรปยษข่ราอฐับงงกสิปกจะลรุดงพไวกเยพกติ่ามแลยลหาาะดรมืรอไวหลมด่รดใืเอหจร้็มกวำีผานรลวเกนก็รภบะาภทษาีบอษีนาอ้อกายรกใทรหี่้มสีุด
การจำแนกประเภทภาษีอากร โดย
พิจารณาจากลักษณะการรับภาระ
ภาษีอากรนี้ แบ่งภาษีอากรออกเป็น
2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
ภาษีทางตรง ได้แก่ ภาษีที่ชำระ
ภาษีตกแก่บุคคลที่กฎหมายประสงค์
จะให้รับภาระ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง
ผู้เสียภาษีผลักภาระภาษีไปให้ผู้อื่น
ได้ยาก เช่น ภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีทางอ้อม ได้แก่ ภาษีภาระภาษี
ไม่แน่ว่าจะตกแก่บุคคลที่กฎหมาย
ประสงค์จะให้รับภาระหรือไม่ หรือ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้เสียภาษีผลัก
ภาระไปให้ผู้อื่นได้ง่าย เช่น ภาษี
มูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษี
ศุลกากร ภาษีสรรพสามิต
โครงสร้างของ
กฎหมาย
ภาษีอากร
1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร
ผู้อยู่ในข่ายเสียภาษีอากรจะเป็นใครบ้างย่อมแล้วแต่กฎ
หมายนั้นๆจะกำหนด แต่โดยทั่วไปมักได้แก่บุคคล
ธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่ตาม
กฎหมาย
2.ฐานภาษีอากร
สิ่งที่เป็นมูลเหตุให้ต้องเสียภาษีอากร ขึ้นอยู่กับ
กฎหมายกำหนดไว้เช่น
2.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ฐานภาษี คือเงินได้สุทธิ
2.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษี คือมูลค่าการใช้จ่าย/
การบริโภค
3.อัตราภาษีอากร
ร้อยละที่จัดเก็บภาษี จะแบ่งเป็น 3 ประเภท
3.1อัตราภาษีแบบคงที่ คือ ฐานภาษีเปลี่ยนแปลง
แต่อัตราภาษีคงที่เท่าเดิม
3.2อัตราภาษีแบบก้าวหน้า คือ ฐานภาษีเพิ่มขึ้น
อัตราภาษีก็จะเพิ่มขึ้น
3.1อัตราภาษีแบบถดถอย คืิออัตราภาษีอากรลดลง
แม้ว่าจำนวนของฐานภาษีอากร จะเพิ่มขึ้น
โครงสร้างของ
กฎหมาย
ภาษีอากร
4. การประเมินจัดเก็บภาษีอากร
การประเมินตนเอง ภาษีอากรส่วนใหญ่ ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
อากรเป็นผู้ดำเนินการประเมินตนเอง แล้วยื่นแบบแสดง
รายการชำระภาษีอากร ตามจำนวนที่พึงต้องชำระ
เจ้าพนักงานประเมิน หากว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีประ
เมินตนเองไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ เจ้าพนักงานก็มีอำนาจ
ประเมินให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ต้องรับผิดชำระเงินเพิ่ม และ
หรือ เบี้ยปรับเพิ่มขึ้น นอกเหนือ จากภาษีอากรที่ต้องเสีย
4. การประเมินจัดเก็บภาษีอากร
(ต่อ)
การหักภาษี ณ ที่จ่าย หลายกรณี กฎหมายกำหนด ให้ผู้
จ่ายเงินได้เป็นผู้ดำเนินการหักภาษีจากจำนวนเงินที่จ่าย
แล้วนำส่งต่อเจ้าพนักงานภายในกำหนด เวลา ภาษีที่ถูกหัก
ไว้นี้ มักถือเป็นเครดิตของผู้มีหน้าที่เสียภาษีเมื่อถึงกำหนด
เวลา หรือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอาจได้รับเงินคืน ถ้าภาษีที่ถูก
หักไว้เกินกว่าจำนวนภาษีที่พึงต้องเสีย
โครงสร้างของ
กฎหมาย
ภาษีอากร
5. การอุทธรณ์ภาษีอากร
กรณี เกิดปัญหาข้อขัดแย้งพิพาทกัน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงหรือ
ข้อกฎหมาย ระหว่างผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรและผู้จัดเก็บ
ภาษีอากร เกี่ยวกับจำนวนภาษีอากรที่ต้องเสีย หรืออำนาจ
การประเมินเรียกเก็บภาษีอากร หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร
ต้องการ ให้มีการพิจารณาทบทวนใหม่ กฎหมายมักกำหนด
ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีหา
ข้อยุติให้ครบถ้วนก่อน มิฉะนั้นผู้เสียภาษีอากรอาจเสียสิทธิใน
การนำคดีขึ้นสู่ศาลได้
6. เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และโทษ
ผู้ไม่ชำระภาษีอากร จะต้องรับผิดในจำนวนภาษีอากรที่
ไม่ชำระ พร้อมด้วยเบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่ม ถ้าฝ่าฝืนไม่
ยอมชำระ กฎหมายมักให้อำนาจเจ้าพนักงานดำเนินการ
ยึดทรัพย์สินของผู้ค้างภาษีอากรไปขายทอดตลาด เพื่อ
นำเงินไปชำระภาษีอากรค้างได้โดยไม่ต้องฟ้องศาล
นอกจากนี้ อาจต้องรับโทษทางอาญา เช่น เสียค่าปรับ
และหรือ ต้องระวางโทษจำคุกด้วย
การจำแนกประเภทของภาษีอากรตาม
หน่วยงานที่จัดเก็บ
กรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์
กรมสรรพสามิตเป็นผู้จัดเก็บ
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ภาษีสรรพสามิต
การจำแนกประเภทของภาษีอากรตาม
หน่วยงานที่จัดเก็บ
กรมศุลกากรเป็นผู้จัดเก็บ
ภาษีการค้าระหว่างประเทศ
หน่วยงานอื่นๆ เป็นผู้จัดเก็บ
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ภาษีป้าย
ภาษีบำรุงท้องที่
จัดทำโดย
นางสาวณัฐชา ยุทธสุขประเสริฐ 6424621001
นางสาวเพียงพัดชา เหล็กเพชร 6424621002
นางสาวณัฐพร บุตรฉ่ำ 6424621003
นายษมากร หงษ์ศรี 6424621006
นางสาวไพลิน ผิวสะอาด 6424621010