PLANTE HORMONES ( ฮอร์โร์ มนพืช พื )
สารบัญ บั คำ นำ ความหมายของฮอร์โร์ มนพืช พื ไซโทไคนินนิ (Cytoconins) จิบจิเบอเรลลิน (Gibberellins) ออกซินซิ (auxin) กรดแอบซิสิซิคสิ (Abscisic Acid) หรือ รื ABA 1 2 3-4 5 6 7-8 9 เอธิลีธิ ลี น (Ethylene) คำ ถามเรื่อ รื่ งฮอร์โร์ มนพืช พื 10-11 เฉลย 12 13 อ้างอิงข้อ ข้ มูล
หนัง นั สือ สื เล่ม ล่ นี้เ นี้ป็น ป็ ส่ว ส่ นหนึ่ง นึ่ ของวิชวิาชีว ชี วิทวิยา โดยมีจุ มี ด จุ ประสงค์เ ค์ พื่อ พื่ ให้ผู้ ห้ อ่ผู้า อ่ นได้ศึ ด้ ก ศึ ษาหาความรู้แ รู้ ละ ข้อ ข้ มูล มู จากเรื่อ รื่ ง ฮอร์โร์ มนพืช พื ในหนัง นั สือ สื เล่ม ล่ นี้มี นี้ เ มี นื้อ นื้ หาประกอบด้ว ด้ ยความรู้เ รู้ กี่ย กี่ วกับ กั ฮอร์โร์ มนพืช พื ผู้จัผู้ด จั ทำ ได้ได้ปศึก ศึ ษาค้น ค้ คว้า ว้ ข้อ ข้ มูล มู ทางอินอิเตอร์เ ร์ น็ต น็ และในหนัง นั สือ สื ชีว ชี วิทวิยาต่า ต่ งๆ ผู้จัผู้ด จั ทำ หวัง วั เป็น ป็ อย่า ย่ งยิ่งยิ่ว่า ว่ หนัง นั สือ สื เล่ม ล่ นี้จ นี้ ะให้ค ห้ วามรู้แ รู้ ละเป็น ป็ประโยชน์แ น์ ก่ผู้ ก่ อ่ผู้า อ่ นไม่ม ม่ ากก็น้ ก็ อ น้ ย และ สามารถนำ ผู้อ่ผู้า อ่ นไปสู่จุสู่ ด จุ หมายตามศัก ศั ยภาพและจุด จุ ประสงค์ คำคำ คำคำ นำนำ นำนำ 1 จัดทำ โดย นางสาวกมลทิพย์ ต่อคุณ นางสาวกันย์สุดา บุตะเคียน นางสาวสุจริยา สถานพงษ์ ครูผู้สอน คุณครูศศิธร กุแก้ว
โฮร์โมนพืช (Plant Hormone) ออกซินซิ (Auxin) เป็น ป็ ฮอร์โร์มนพืชพืที่สร้า ร้ งขึ้นขึ้จากกลุ่มลุ่เซลล์เนื้อนื้เยื่อยื่บริเริวณยอดใบอ่อน ก่อน ถูกถูลำ เลียงไปยังยัเซลล์เป้า ป้ หมาย มีหมีน้า น้ ที่กระตุ้นตุ้เซลล์ของเนื้อนื้เยื่อยื่ ให้เกิดการขยายตัว ส่ง ส่ ผลให้ พืชพืเจริญริเติบโตสูงสูขึ้นขึ้เพิ่มพิ่ขนาดใบและผล ออกซินซิยังยัมีผมีลต่อการยับยัยั้งยั้การเจริญริเติบโตของ ตาข้า ข้ ง และช่ว ช่ ยป้อ ป้ งกันการหลุดลุร่ว ร่ งของใบ ดอกและผล อีกทั้งยังยัส่ง ส่ ผลต่อการควบคุมคุการ เคลื่อนไหว การตอบสนองต่อแสงและแรงโน้ม น้ ถ่วงของพืชพือีกด้วย ไซโทไคนินนิ (Cytokinin) เป็น ป็ สารกระตุ้นตุ้การแบ่ง บ่ เซลล์และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ โดย เฉพาะในส่ว ส่ นของลำ ต้นและราก ส่ง ส่ เสริมริการสร้า ร้ งและการเจริญริของตาข้า ข้ ง การแผ่กิ่ ผ่ กิ่งก้าน สาขา และการงอกของเมล็ด อีกทั้งยังยัช่ว ช่ ยป้อ ป้ งกันการสลายตัวของคลอโรฟิลฟิล์ (Chlorophyll) ช่ว ช่ ยให้พืชพืผักผัผลไม้มี ม้ อมีายุยืนยืและสามารถรักรัษาความสดใหม่เ ม่ อาไว้ไว้ ด้ยาวนาน เอทิลีน (Ethylene) เป็น ป็ ก๊าซที่เกิดขึ้นขึ้ ในกระบวนการเมแทบอลิซึมซึ (Metabolism) ของพืชพื โดยส่ว ส่ นมากเอทิลีนถูกถูสร้า ร้ งขึ้นขึ้เมื่อมื่พืชพืมีบมีาดแผลหรือรืเข้า ข้ สู่ภสู่ าวะร่ว ร่ งโรย มีส่มีว ส่ นช่ว ช่ ยเร่ง ร่ การ สุกสุของผลไม้ กระตุ้นตุ้การออกดอก การผลัดใบตามฤดูกดูาล และการงอกของเมล็ดพืชพืบาง ชนิดนิรวมไปถึงการกระตุ้นตุ้การผลิตน้ำ ยาง และการเกิดรากฝอยและรากแขนงของพืชพือีกด้วย กรดแอบไซซิกซิ (Abscisic acid) เป็น ป็ สารที่ถูกถูสังสัเคราะห์ขึ้นขึ้ได้ในทุกทุส่ว ส่ นของต้นพืชพืกระตุ้นตุ้ การหลุดลุร่ว ร่ งของใบและผลแก่ ยับยัยั้งยั้การเจริญริเติบโตและการยืดยืตัวของเซลล์บริเริวณตาข้า ข้ ง รวมไปถึงยับยัยั้งยั้การงอกของเมล็ด การแตกใบอ่อน และการเปิดปิออกของปากใบ (Stomata) ส่ง ส่ ผลให้พืชพืสามารถทนทานต่อสภาพอากาศแห้งจัดจัหรือรือยู่ใยู่ นภาวะขาดน้ำ ได้ยาวนานขึ้นขึ้ จิบจิเบอเรลลิน (Gibberellin)เป็น ป็ สารที่ถูกถูสร้า ร้ งขึ้นขึ้บริเริวณยอดใบอ่อนและราก ส่ง ส่ ผลต่อการ เจริญริเติบโตของเซลล์พืชพืกระตุ้นตุ้การขยายตัวของเซลล์ช่ว ช่ งระหว่า ว่ งข้อ ข้ ทำ ให้ลำ ต้นยืดยืยาว กระตุ้นตุ้การงอกของเมล็ด การเจริญริเติบโตของผล และควบคุมคุการเกิดเพศในดอกของพืชพื บางชนิดนิ ฮอร์โร์ มนพืช พื (Plant Hormone) คือสารอินทรีย์รีที่ย์ ที่ พืชพืสร้า ร้ งขึ้นขึ้เองตามธรรมชาติในบริเริวณอวัยวัวะหรือรืเนื้อนื้เยื่อยื่ส่ว ส่ นใดส่ว ส่ นหนึ่งนึ่ของ ต้นพืชพืก่อนทำ การเคลื่อนย้า ย้ ยสารดังกล่าวไปยังยัเนื้อนื้เยื่อยื่เป้า ป้ หมาย เพื่อพื่ส่ง ส่ สัญสัญาณในการเริ่มริ่ กระบวนการสร้า ร้ ง ทำ การควบคุมคุหรือรืเปลี่ยนแปลงส่ว ส่ นต่างๆ ของพืชพืทั้งด้านการเจริญริเติบโต การงอกของเมล็ด การออกดอกออกผล และการผลัดใบ รวมไปถึงการยับยัยั้งยั้การเปลี่ยนแปลง ทางสรีรรีวิทวิยาภายในต้นพืชพืนั้นนั้ๆ อีกด้วย ฮอร์โร์มนพืชพืมีอมียู่ใยู่ นพืชพืทุกทุชนิดนิทุกทุสายพันพัธุ์ใธุ์นอาณาจักจัร พืชพื (Plant Kingdom) แม้แ ม้ ต่ในสาหร่า ร่ ยหรือรืพืชพื โบราณต่างมีฮมีอร์โร์มนพืชพืทำ หน้า น้ ที่เป็น ป็ ตัวส่ง ส่ สัญสัญาณ เพื่อพื่ควบคุมคุการเจริญริเติบโตในด้านต่างๆ เช่น ช่ กัน ฮอร์โร์มนพืชพืแบ่ง บ่ ออกเป็น ป็ 5 กลุ่มลุ่ด้วยกัน ได้แก่ 2
ออกซิน (auxin) ออกซินซิ (Auxin) ความรู้พื้ รู้ พื้ น พื้ ฐานเกี่ยวกับออกซินซินั้นนั้เกิดขึ้น ขึ้ จากงานของ Charles Darwin ซึ่ง ซึ่ ศึกษา เรื่อ รื่ ง Phototropism ซึ่ง ซึ่ พืช พื จะโค้งงอเข้า ข้ หาแสง Darwin ทดลองกับต้นกล้าของ Phalaris canariensis และพบว่า ว่ โคลีออพไทล์ของพืช พื ชนิดนินี้จะตอบสนองต่อการได้รับรั แสงเพีย พี งด้านเดียวทำ ให้เกิดการโค้งเข้า ข้ หาแสง Darwin สรุปว่า ว่ เมื่อ มื่ ต้นกล้าได้รับรัแสง จะทำ ให้มี "อิทธิพธิล" (Influence) บางอย่า ย่ งส่ง ส่ ผ่า ผ่ นจากส่ว ส่ นยอดมายังยัส่ว ส่ นล่างของโคลี ออพไทล์ ทำ ให้เกิดการโค้งงอเข้า ข้ หาแสง ซึ่ง ซึ่ นักนัวิทวิยาศาสตร์รุ่ ร์ รุ่ น รุ่ ต่อมาได้ศึกษาถึง "อิทธิพธิล" ดังกล่าว ต่อมา Boysen-Jensen และ Paal ได้ศึกษาและแสดงให้เห็นว่า ว่ "อิทธิพธิล" ดังกล่าวนี้มี สภาพเป็น ป็ สารเคมี ซึ่ง ซึ่ ในสภาพที่โคลีออพไทล์ได้รับรัแสงเท่ากันทั้งสองด้าน สารเคมีนี้ มี นี้ จะ เคลื่อนที่ลงสู่ส่สู่ ว ส่ นล่างของโคลีออพไทล์ ในอัตราเท่ากันทุก ทุ ด้านและทำ หน้า น้ ที่เป็น ป็ สาร กระตุ้น ตุ้ การเจริญริเติบโต ในปี ค.ศ. 1926 Went ได้ทำ งานทดลองและสามารถแยกสารชนิดนินี้ออกจากโคลีออพ ไทล์ได้ โดยตัดส่ว ส่ นยอดของโคลีออพไทล์ของข้า ข้ วโอ๊ตแล้ววางลงบนวุ้น วุ้ จะทำ ให้สารเคมีที่ มี ที่ กระตุ้น ตุ้ การเจริญริเติบโตไหลลงสู่วุ้สู่ วุ้ น วุ้ เมื่อ มื่ นำ วุ้น วุ้ ไปวางลงที่ด้านหนึ่ง นึ่ ของโคลีออพไทล์ที่ไม่มี ม่ มี ยอดด้านใดด้านหนึ่ง นึ่ จะทำ ให้โคลีออพไทล์ดังกล่าวโค้งได้ เขาสรุปว่า ว่ สารเคมีไมี ด้ซึม ซึ ลงสู่วุ้สู่ วุ้ น วุ้ แล้วซึม ซึ จากวุ้น วุ้ ลงสู่ส่สู่ ว ส่ นของโคลีออพไทล์ วิธีวิก ธี ารดังกล่าวนอกจากเป็น ป็ วิธีวิก ธี ารแรกที่แยก สารเคมีช มี นิดนินี้ได้แล้ว ยังยัเป็น ป็ วิธีวิก ธี ารวัดวั ปริมริาณของฮอร์โร์ มนได้ด้วย เป็น ป็ วิธีวิที่ ธี ที่ เรีย รี กว่า ว่ Bioassay สารเคมีดั มี ดังกล่าวได้รับรัการตั้งชื่อ ชื่ ว่า ว่ ออกซินซิซึ่ง ซึ่ ในปัจปัจุบันบัพบในพืช พื ชั้นชั้สูง สู ทั่วๆ ไป และมี ความสำ คัญต่อการเจริญริเติบโตของพืช พื สังสัเคราะห์ได้จากส่ว ส่ นเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ เจริญริของลำ ต้น ปลายราก ใบอ่อน ดอกและผล และพบมากที่บริเริวณเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ เจริญริ โคลีออพไทด์และ คัพภะ รวมทั้งใบที่กำ ลังเจริญริด้วย การเคลื่อนที่ของออกซินซิเป็น ป็ กระบวนการที่ต้องใช้พ ช้ ลังงานโดยมีห มี ลักฐานที่สนับนัสนุน นุ ดังนี้ 1. การเคลื่อนที่เร็ว ร็ กว่า ว่ การซึม ซึ 10 เท่า 2. เคลื่อนที่ได้ดีในสภาพที่มีอ มี อกซิเซิจนเท่านั้นนั้และการเคลื่อนที่หยุดได้โดยสารบางชนิดนิ (Inhibitor) 3. เคลื่อนที่จากบริเริวณที่มีปมี ริมริาณมากไปสู่บสู่ ริเริวณที่มีปมี ริมริาณน้อ น้ ย (Gradient) 4. เกิด Saturation Effect ได้ 3
กลไกการทำ งานของออกซินซิ โดยทั่วไปฮอร์โร์ มนจะสามารถก่อให้เกิดผลต่อการเจริญริเติบโตได้ในปริมริาณที่ต่ำ มาก จึง จึ สรุป กันว่า ว่ การทำ งานของฮอร์โร์ มนต้องเกี่ยวข้อ ข้ งกับการขยายสัญ สั ญาณของฮอร์โร์ มน (Large Amplification) แล้วฮอร์โร์ มนสามารถทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโมเลกุล กุ จำ นวนมากขึ้น ขึ้ ได้ โดยทั่วไปฮอร์โร์ มนจะมีผ มี ลต่อการเจริญริเติบโตโดยผ่า ผ่ นมาทางการควบคุม คุ การสัง สั เคราะห์ โปรตีนหรือ รื กรดนิวนิคลีอิคควบคุม คุ "pace-setter" ของเอนไซม์แ ม์ ละควบคุม คุ การยอมให้สาร เข้า ข้ ออกจากเซลล์ของเยื่อ ยื่ หุ้ม หุ้ เซลล์ กลไกในการทำ งานของออกซินซิ ในระยะที่ผ่า ผ่ นมาจะมีแ มี นว ความคิดเป็น ป็ สองอย่า ย่ ง คือ แนวคิดที่เกี่ยวข้อ ข้ งกับผนัง นั เซลล์เป็น ป็ ส่ว ส่ นที่รับ รั ผลกระทบของออก ซินซิและขยายตัว ส่ว ส่ นอีกแนวคิดหนึ่ง นึ่ มุ่ง มุ่ ไปที่ผลของออกซินซิต่อเมตาบอลิสม์ข ม์ องกรดนิวนิคลี อิค ในปัจ ปั จุบัน บั ได้นำ สองแนวคิดมาวิเวิคราะห์ ร่ว ร่ มกันเพื่อ พื่ ศึกษากลไกในการทำ งานของออกซินซิ และยัง ยั ศึกษาผลของออกซินซิต่อเยื่อ ยื่ หุ้ม หุ้ เซลล์ด้วย การขยายตัวของเซลล์จะสัม สั พัน พั ธ์กั ธ์ กั บการ เปลี่ยนแปลงปริมริาณและกิจกรรมของเอนไซม์ โดยที่ออกซินซิจะมีบ มี ทบาทต่อ กระบวนการเม ตาบอลิสม์ข ม์ องกรดนิวนิคลีอิค โดยการศึกษาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ ที่เป็น ป็ ไส้ข ส้ องต้นยาสูบ สู (Tobacco Pith) ซึ่ง ซึ่ จะเจริญริ ไปเป็น ป็ กลุ่ม ลุ่ เนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ (Callus) นั้น นั้ พบว่า ว่ มีปมี ริมริาณของ RNA เพิ่มพิ่มากขึ้น ขึ้ ทั้งนี้เพราะออกซินซิจะกระตุ้น ตุ้ ให้มีก มี ารสัง สั เคราะห์ RNA มากขึ้น ขึ้ แล้วส่ง ส่ ผลไปถึง การเจริญริของกลุ่ม ลุ่ เนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ ถ้าหากใช้ส ช้ ารระงับการสัง สั เคราะห์โปรตีนหรือ รื RNA ความสามารถ ในการกระตุ้น ตุ้ การเจริญริเติบโตของออกซินซิจะหายไป การทดลองอีกเรื่อ รื่ งที่ชี้ใชี้ ห้เห็นว่า ว่ ออกซินซิก ระตุ้น ตุ้ ให้มีก มี ารสร้า ร้ ง RNA คือ การใช้นิ ช้ วนิเคลียส หรือ รื โครมาตินเลี้ยงไว้ใว้ นสารที่เป็น ป็ สารเริ่มริ่ต้น ของ RNA เช่น ช่ ATP CTP GTP และ UTP ซึ่ง ซึ่ สารเริ่มริ่ต้นเหล่านี้จะมีส มี ารกัมมัน มั ตรัง รั สีปสี รากฏ อยู่ด้ ยู่ ด้ วย RNA ที่เกิดขึ้น ขึ้ มาใหม่จ ม่ ะมีส มี ารกัมมัน มั ตรัง รั สีด้ สี ด้ วย ซึ่ง ซึ่ การที่จะเกิด RNA ใหม่ขึ้ ม่ น ขึ้ ได้นี้ เซลล์จะต้องได้รับ รั ออกซินซิก่อนที่นิวนิเคลียสหรือ รื โครมาตินจะถูก ถู แยกออกจากเซลล์เท่านั้น นั้ ซึ่ง ซึ่ แสดงให้เห็นว่า ว่ ออกซินซิ ไปกระตุ้น ตุ้ การสัง สั เคราะห์ RNA 4
ไซโทไคนิน (Cytoconins) เป็น ป็ ฮอร์โร์ มนพืช พื ที่มีบ มี ทบาทสำ คัญในการกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์พืช พื โดย นัก นั วิทวิยาศาสตร์ใร์ นยุค แรกพยายามที่จะหาสารที่สามารถใช้ก ช้ ระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ของพืช พื ซึ่ง ซึ่ พบว่า ว่ น้ำ มะพร้า ร้ วมีส มี าร บางอย่า ย่ งที่สามารถกระตุ้น ตุ้ ให้เซลล์พืช พื ในการเพาะเลี้ยงเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ สามารถแบ่ง บ่ เซลล์เพิ่มพิ่เติมได้ แต่ในสมัย มั นั้น นั้ ยัง ยั ไม่ท ม่ ราบว่า ว่ เป็น ป็ สารหรือ รื ฮอร์โร์ มนชนิดนิ ใด จนกระทั่งได้มีก มี ารสกัดไซโทไคนินนิออก มาได้ครั้ง รั้ แรกจากข้า ข้ วโพดและเรีย รี กฮอร์โร์ มนชนิดนินี้ว่า ว่ zeatin ปัจ ปั จุบัน บั นัก นั วิทวิยาศาสตร์พ ร์ บ ฮอร์โร์ มนในกลุ่ม ลุ่ นี้ อีกจำ นวนมากมีโมี ครงสร้า ร้ งคล้ายกับเบสอะดีนีน (adenine) บทบาทของไซโทไคนินนิมีห มี ลากหลายสรุปได้ดังนี้ 1.กระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ 2.กระตุ้น ตุ้ การเจริญริของตาข้า ข้ ง 3.กระตุ้น ตุ้ การเกิดยอดพืช พื เมื่อ มื่ เพาะเลี้ยงเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ (สัด สั ส่ว ส่ นของไซโทไคนินนิต่อออกซินซิสูง สู ขึ้น ขึ้ ) 4.ชะลอการชราภาพของอวัย วั วะพืช พื บางส่ว ส่ น (delay senescence) ไซโทโคนิน(Cytoconin) 5
จิบเบอเรลลิน (Gibberellins) จิบจิเบอเรลลิน (Gibberellins) นัก นั สรีร รี วิทวิยาพบว่า ว่ ข้า ข้ วบางต้นมีก มี ารเจริญริที่ผิดผิ ปกติโดยมีลำ มี ลำ ต้นที่ยืด ยื ยาวกว่า ว่ ปกติ ทำ ให้เมื่อ มื่ ต้นข้า ข้ วเหล่านี้เวลาออกรวงลำ ต้นจะหักลงมาได้ นัก นั สรีร รี วิทวิยา เรีย รี กพืช พื ที่มีอ มี าการนี้ว่า ว่ foolish seedling disease ซึ่ง ซึ่ เกิดจากเชื้อ ชื้ ราชนิดนิหนึ่ง นึ่ ชื่อ ชื่ Gibberella fujikuroi ที่สามารถสร้า ร้ งสารกลุ่ม ลุ่ หนึ่ง นึ่ เรีย รี กว่า ว่ จิบจิเบอเรลลิน(Gibberellins) ปัจ ปั จุบัน บั นัก นั วิทวิยาศาสตร์พ ร์ บว่า ว่ พืช พื สามารถสัง สั เคราะห์ จิบจิเบอเรลลินได้เองมากกว่า ว่ 100 ชนิดนิและมีบ มี ทบาทที่แตกต่างกันออกไป จิบจิเบอเรลลินพบมากในเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ อ่อน เช่น ช่ ปลายยอด ใบอ่อน ผล และเมล็ด ที่กำ ลังเจริญริมีลั มี ลั กษณะเป็น ป็ สารประเภทลิพิดพิส่ว ส่ นใหญ่จิ ญ่ บจิเบอเรลลินจะถูก ถู ลำ เลียงได้ ทั้งทางโฟเอ็ม เช่น ช่ การลำ เลียงจิบจิเบอเรลลินจากปลายยอดไปยัง ยั บริเริวณต่างๆ และอาจจะเกิดการลำ เลียงผ่า ผ่ นทางไซเลมได้ เช่น ช่ การลำ เลียงจิบจิเบอเรลลิน จากปลายรากขึ้น ขึ้ ไปยัง ยั ส่ว ส่ นต่างๆได้ บทบาทของจิบจิเบอเรลลินสรุปได้ดังนี้ 1.กระตุ้น ตุ้ การยืด ยื ตัวของลำ ต้น 2.กระตุ้น ตุ้ การเติบโตของผลบางชนิดนิ 3.กระตุ้น ตุ้ การงอกเมล็ด (seed germination) บทบาทของจิบจิเบอเรลลินในการยืด ยื ตัวของลำ ต้นเห็นได้จากการค้นพบโรค foolish seedling disease ในข้า ข้ วโดยส่ว ส่ นใหญ่ก ญ่ ารกระตุ้น ตุ้ การยืด ยื ตัวนี้จะพบที่ บริเริวณยอดมากกว่า ว่ บริเริวณราก การยืด ยื ตัวของลำ ต้นพืช พื นี้เกิดจากการเพิ่มพิ่ การแบ่ง บ่ เซลล์และการขยายขนาดของเซลล์ อย่า ย่ งไรก็ตามนัก นั วิทวิยาศาสตร์พ ร์ บว่า ว่ ถ้าพืช พื มี ความสูง สู ปกติอยู่แ ยู่ ล้ว การให้จิบจิเบอเรลลินเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ ไม่ส ม่ ามารถทำ ให้พืช พื เพิ่มพิ่สูง สู ขึ้น ขึ้ แต่ถ้าเป็น ป็ พืช พื ที่มีลั มี ลั กษณะเตี้ยแคระจากพัน พั ธุกรรม เมื่อ มื่ ให้จิบจิเบอเรลลินแล้ว จะสามารถทำ ให้พืช พื เหล่านี้ยืด ยื ขนาดของปล้องทำ ให้ลำ ต้นสูง สู ขึ้น ขึ้ ได้ ทั้งนี้เพราะพืช พื ต้นสูง สู จะมีก มี ารผลิตระดับของจิบจิเบอเรลลินสูง สู พออยู่แ ยู่ ล้ว นอกจากนี้ในการติดผล ของพืช พื บางชนิดนิเช่น ช่ องุ่นสายพัน พั ธุ์ Thompson ซึ่ง ซึ่ มีก มี ารให้จิบจิเบอเรลลิน จะมีผ มี ลองุ่นขนาดใหญ่ก ญ่ ว่า ว่ กลุ่ม ลุ่ ที่ไม่ใม่ ห้จิบจิเบอเรลลิน ทั้งนี้เพราะว่า ว่ การให้จิบจิเบอเรลลิน จะมีก มี ารกระตุ้น ตุ้ การช่อ ช่ ดอกขอองุ่นยาวขึ้น ขึ้ เมื่อ มื่ มีก มี ารติดผล ผลองุ่นที่เกิดขึ้น ขึ้ จึง จึไม่เ ม่ บีย บี ดกัน ทำ ให้มีก มี ารขยายขนาดผลออกมาได้เต็มที่ 6
กรดแอบซิสิค (Abscisic Acid) หรือ ABA ในการศึกษาถึงการร่ว ร่ งของใบ การพัก พั ตัวของตาและเมล็ดในช่ว ช่ งปี ค.ศ. 1950-1960 นั้น นั้ ชี้ใชี้ ห้เห็นว่า ว่ เป็น ป็ ไปได้ว่า ว่ มีส มี ารระงับการเจริญริ ปรากฏอยู่ใยู่ นต้นพืช พื โครงสร้า ร้ งของสารเคมี ดังกล่าวถูก ถู ค้นพบในปี 1965 ในผล และใบของฝ้า ฝ้ ย สารเคมีดั มี ดั งกล่าวได้รับ รั การตั้งชื่อ ชื่ ว่า ว่ กรดแอบซิสิซิคสิหรือ รื ABA และพบว่า ว่ เป็น ป็ สารจำ พวกเซสควิเวิทอร์พี ร์ น พี อยด์ ABA สัง สั เคราะห์ในใบแก่และผลแก่ และจะถูก ถู กระตุ้น ตุ้ ให้สัง สั เคราะห์เมื่อ มื่ ขาดน้ำ โดยการสัง สั เคราะห์เกิดใน คลอโรพลาสต์ ดังนั้น นั้ ใบ ลำ ต้น และผลไม้สี ม้ เ สี ขีย ขี วจึง จึ สัง สั เคราะห์ ABA ได้ นอกจากนั้น นั้ แหล่งอาหารสำ รอง และรากของข้า ข้ วสาลีก็สามารถสัง สั เคราะห์ ABA ได้ เมื่อ มื่ เกิดการสัง สั เคราะห์ ABA แล้ว ABA จะเคลื่อนย้า ย้ ย จากใบไปสู่ส่สู่ ว ส่ นอื่นๆ เช่น ช่ ยอดและไประงับการเจริญริที่บริเริวณนั้น นั้ อาจจะกระตุ้น ตุ้ ให้เกิดการพัก พั ตัวของตา ในเมล็ดอาจจะมีก มี ารสัง สั เคราะห์ ABA ได้บ้า บ้ ง หรือ รื อาจจะเป็น ป็ ABAซึ่ง ซึ่ ส่ง ส่ จากใบ แต่ในเมล็ดมัก มั จะมี ปริมริาณของ ABA อยู่ม ยู่ ากลักษณะภายใต้ความเครีย รี ดของพืช พื เช่น ช่ ขาดน้ำ ขาดอาหาร น้ำ ท่วม จะกระตุ้น ตุ้ ให้เกิดการสัง สั เคราะห์ ABA เพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ ดังนั้น นั้ ABA อาจจะเพิ่มพิ่ความต้านทานต่อความเครีย รี ดให้พืช พื ได้ การหาปริมริาณ ABA 1. Bioassay โดยทดสอบการยับ ยั ยั้ง ยั้ การยืด ยื ตัวของโคลีออพไทล์ของพืช พื ใบเลี้ยงเดี่ยว หรือ รื ใช้ใช้ บของ CommelinaลอยในABA ในบรรยากาศที่ไม่มี ม่ มีCO2 จะทำ ให้ปากใบปิดปิ 2. ใช้ Gas chromatograph นับ นั ว่า ว่ ใช้ไช้ ด้ผลดีกว่า ว่ ฮอร์โร์ มนชนิดนิอื่นเพราะมีคุ มี ณ คุ สมบัติ บั ติในการจับ จั อีเลค ตรอนได้ดีและดูด ดู กลืนแสงอุลตราไวโอเล็ตได้ ความสัม สั พัน พั ธ์ข ธ์ องโครงสร้า ร้ งและกิจกรรมของ ABA ทั้ง ABA ที่เกิดตามธรรมชาติ (+) type dextrorotary และสัง สั เคราะห์ (-) เป็น ป็ optical enantiomers กัน มีปมี ระสิทสิธิภธิาพต่อพืช พื เท่ากันแต่ 2-cis geometric isomer เท่านั้น นั้ ที่มีคุ มี ณ คุ สมบัติ บั ติ ของฮอร์โร์ มน จากการสกัด ABA ในพืช พื นั้น นั้ พบว่า ว่ มี 2-trans isomer อยู่เ ยู่ พีย พี งเล็กน้อ น้ ยเท่านั้น นั้ และอาจ จะเป็น ป็ ไปได้ว่า ว่ เปลี่ยนแปลงมาจาก 2-cis ในระหว่า ว่ งกระบวนการสกัด ส่ว ส่ นลักษณะของโครงสร้า ร้ งอื่น ๆ ที่จำ เป็น ป็ ต่อคุณ คุ สมบัติ บั ติของ ABA นั้น นั้ ยัง ยั ไม่ท ม่ ราบแน่ชั น่ ด ชั นัก นั นอกจากว่า ว่ วงแหวนต้องมี double bond การสลายตัวของ ABA 1. เมื่อ มื่ ABA เปลี่ยนจากรูปของ cis ไปเป็น ป็ trans isomer ก็จะหมดคุณ คุ สมบัติ บั ติในการทำ ให้พืช พื ตอบสนองทางสรีร รี วิทวิยา 2. ถูก ถู ออกซิไซิดซ์ก ซ์ ลายเป็น ป็ Phaseic acid 3. เกิดเป็น ป็ รูปที่รวมกับสารอื่น เช่น ช่ เกิด Glucose ester 4. เกิดเป็น ป็ สารประกอบกลุ่ม ลุ่ Methyl ester ซึ่ง ซึ่ อาจจะยัง ยั มีผ มี ลต่อการตอบสนองของพืช พื บ้า บ้ ง แต่น้อ น้ ย ลง และไม่ก ม่ ระตุ้น ตุ้ ให้เกิดการปิดปิของปากใบ กรดแอบซิสิค (Abscisic Acid) หรือ รื ABA 7
การเคลื่อนที่ของ ABA การให้ ABA แก่ใบแก่หรือ รื รากจะก่อให้เกิดการหยุดการเจริญริเติบโตกับส่ว ส่ นอื่น ๆ ของพืช พื ได้ จึง จึ แสดงให้เห็นว่า ว่ ABA เคลื่อนที่ได้ และจากการศึกษาพบว่า ว่ เคลื่อนที่ได้ในทุก ทุ ทิศทางโดยไม่มี ม่ โมี พลารี ตี้ แต่ในราก ABA อาจจะเคลื่อนที่ในลักษณะเบสิพีสิตั พี ตั ล และโดยทั่ว ๆ ไป ABA อาจจะเคลื่อนที่ไปใน ท่อน้ำ และท่ออาหาร พบ ABA มากที่ใบแก่ ผลแก่ และพืช พื ที่ขาดน้ำ กลไกในการทำ งานของ ABA ABA มีก มี ลไกการทำ งานคล้ายคลึงกับฮอร์โร์ มนพืช พื ชนิดนิอื่นๆ คือจะเปลี่ยนระดับและกิจกรรมของ เอนไซม์ใม์ นรูปเมตาบอลิสม์ข ม์ องกรดนิวนิคลีอิค ABA สามารถชะงักการปรากฏของแอลฟาอะมัย มั เลส ในเซลล์อะลีโรนของข้า ข้ วบาร์เ ร์ ลย์ไย์ ด้ในทำ นองเดียวกันกลไกของการทำ งานของ ABA คล้ายคลึง กับฮอร์โร์ มนชนิดนิอื่นๆ คือ เกี่ยวข้อ ข้ งกับการควบคุม คุ เมตาบอลิสม์ข ม์ องกรดนิวนิคลีอิค และการ สัง สั เคราะห์โปรตีน ซึ่ง ซึ่ การควบคุม คุ อาจจะเกิดได้หลายวิธีวิธี เช่น ช่ ABA กระตุ้น ตุ้ กิจกรรมของเอนไซม์ไม์ ร โบนิวนิคลีเอส (Ribonuclease) หรือ รื RNase ซึ่ง ซึ่ จะทำ ลาย RNA ทำ ให้อัตราการสัง สั เคราะห์โปรตีน ลดลง แต่อย่า ย่ งไรก็ตามมีข้ มี อ ข้ ขัด ขั แย้ง ย้ ว่า ว่ ABA สามารถลดการสัง สั เคราะห์ RNA ลงได้ภายใน 3 ชั่ว ชั่โมง หลังจากที่พืช พื ได้รับ รั ABA แต่จริงริๆ แล้วกิจกรรมของ RNase จะเพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ หลังจากนั้น นั้ 8 ชั่ว ชั่โมง ซึ่ง ซึ่ ชี้ใชี้ ห้เห็นว่า ว่ ผลของ ABA ในชั้น ชั้ ต้นไม่ใม่ ช่ก ช่ ารสัง สั เคราะห์ RNase แต่ยัง ยั ไม่ท ม่ ราบแน่ชั น่ ด ชั ว่า ว่ คืออะไร ผลของ ABA ต่อพืช พื 1. ลดการคายน้ำ โดยกระตุ้น ตุ้ ให้ปากใบปิดปิซึ่ง ซึ่ พืช พื ตอบสนองได้ภายใน 1-15 นาที หลังจากได้รับ รั ABA ในพืช พื ที่ขาดน้ำ จะมีปมี ริมริาณ ABA เพิ่มพิ่ขึ้น ขึ้ อย่า ย่ งรวดเร็ว ร็ ซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ การลดการคายน้ำ ของพืช พื 2. กระตุ้น ตุ้ ให้เกิดการพัก พั ตัวของตา ซึ่ง ซึ่ จะเกิดกับพืช พื เขตอบอุ่น พบว่า ว่ เมื่อ มื่ ให้ ABA กับตาที่กำ ลัง เจริญริเติบโต จะทำ ให้ตาชะงักการเจริญริเติบโตและเข้า ข้ สู่กสู่ ารพัก พั ตัวตามปกติ การให้ GA จะลดผล ของ ABA ที่ทำ ให้ตาพัก พั ตัวได้ 3. การร่ว ร่ งของใบและดอก เช่น ช่ ในฝ้า ฝ้ ย ผลแก่ที่ร่ว ร่ งเองจะมี ABA สูง สู มาก 4. เร่ง ร่ กระบวนการเสื่อ สื่ มสภาพของใบ 8
เอธิลีน (Ethylene) เอธิลีธิ ลี นเป็น ป็ สารในกลุ่ม ลุ่ olefin มีโมี ครงสร้า ร้ งง่ายที่สุด สุ มีMมี W เพีย พี ง28เท่านั้น นั้ เอธิลีธิ ลี นเป็น ป็ ฮอร์โร์ มนพืช พื ที่ อยู่ใยู่ นสถานะแก๊ส และอาจเปลี่ยนรูปเป็น ป็ เอธิลีธิ ลี นไกลคอล หรือ รื อาจออกซิไซิดซ์เ ซ์ป็น ป็ คาร์บ ร์ อนไดออกไซด์ เอธิลีธิ ลี นแพร่อ ร่ อกจากเซลได้ง่ายมาก และสามารถแพร่ไร่ ปตามช่อ ช่ งว่า ว่ งระหว่า ว่ งเซลและเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ พืช พื ได้ เมื่อ มื่ ความเข้ม ข้ ข้น ข้ ของเอธิลีธิ ลี นในอากาศเป็น ป็ 1 แLL” จะทำ ให้มีค มี วามเข้ม ข้ ข้น ข้ ในน้ำ จะเป็น ป็ 4.4 x 10 M เนื่อ นื่ งจากเอธิลีธิ ลี น เป็น ป็ แก๊สจึง จึ สามารถแพร่อ ร่ อกจากเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ ชนิดนิหนึ่ง นึ่ และไปมีอิ มี อิทธิพธิลต่อเนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ หรือ รื ส่ว ส่ นอื่นๆของพืช พื ได้ง่าย ในการค้าจะใช้จุ ช้ จุ นสี (KMnO,, potassium permanganate) ตรึง รึ แก๊สเอธิลีธิ ลี น ทำ ให้ สามารถลดความเข้ม ข้ ข้น ข้ ของเอธิลีธิ ลี นในอากาศได้มาก เช่น ช่ การลดเอธิลีธิ ลี นในห้องเก็บผลแอปเปิ้ลปิ้จาก 250 เป็น ป็ 10 ult ได้แบคทีเรีย รี เชื้อ ชื้ รา และพืช พื สร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้ บรรยากาศในธรรมชาติมีเ มี อธิลีธิ ลี นอยู่บ้ ยู่ า บ้ งแม้ใม้ นพื้น พื้ ที่ห่างไกลจากมลพิษพิทางอากาศเนื่อ นื่ งจากพืช พื และ จุลินทรีย์ รี ส ย์ ามารถสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้ ส่ว ส่ นของพืช พื ที่กำ ลังพัฒ พั นาไปสู่คสู่ วามตายและผลไม้สุ ม้ ก สุ สร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี น ได้มากกว่า ว่ 1 n. g-fresh-weight hi” ในอ่อนสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้ 0.4 กL g h ซึ่ง ซึ่ มากกว่า ว่ ใบแก่ถึงสิบสิ เท่า ในขณะที่เอธิลีธิ ลี นสามารถกระตุ้น ตุ้ การตอบสนองทางสรีร รี วิทวิยาได้แม้มี ม้ ค มี วามเข้ม ข้ ข้น ข้ ในอากาศเพีย พี ง 1 L ” (ppm) ผลแอปเปิลปิหุก หุ อาจมีเ มี อธิลีธิ ลี นมากกว่า ว่ 2500 L L และการเกิดบาดแผลสามารถชัก ชั นำ ให้ เนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ พืช พื สร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้มากขึ้น ขึ้ ถึง 7 เท่าภายในเวลาเพีย พี ง 30 นาทีเท่านั้น นั้ Gymnosperms และ พืช พื ชั้น ชั้ ต่ำ เช่น ช่ เฟิร์ฟิม ร์ มอส liverworts และ cyanobacteria สามารถสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้ ในขณะที่เชื้อ ชื้ ราและแบคทีเรีย รี มีบ มี ทบาทมากในการสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นที่พบในดิน ความสามารถของจุลินทรีย์ รี ใย์ นการสร้า ร้ ง เอธิลีธิ ลี นขึ้น ขึ้ กับชนิดนิของอาหารเสีย สี ง Escherichia coli สามารถสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้จากกรดอะมิโมิน methionine อิสระ แต่นัก นั วิทวิยาศาสตร์ยั ร์ ง ยั ไม่พ ม่ บว่า ว่ เนื้อ นื้ เยื่อ ยื่ ของสัต สั ว์เ ว์ ลี้ยงลูก ลู ด้วยนมหรือ รื สัต สั ว์ที่ ว์ ที่ไม่มี ม่ มี กระดูก ดู สัน สั หลังสร้า ร้ งเอธิลีธิ ลี นได้ เอธิลีธิ ลี น (Ethylene) 9
คำ ถามเรื่องฮอร์โมนพืช 1.ฮอร์โร์ มนพืช พื มีกี่ มี กี่ประเภท ก. 1ประเภท ข. 6ประเภท ค. 3ประเภท ง. 5ประเภท 2.ฮอร์โร์ มนใดที่ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การเจริญริเติบโตของเซลล์พืช พื และคุม คุ กำ เนิดนิเพศของดอกในบางชนิดนิ ก.ออกซินซิข.ไซโคไทนิน ค. เอธิลีธิ ลี น ง. จิลจิเบอเรลลิน 3.ไซโคไทนินนิทำ หน้า น้ ที่อะไร ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ข.ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ ให้ผ ห้ ลไม้สุ ม้ ก สุ เร็ว ร็ ค. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ เซลล์ให้เ ห้ กิดการขยายตัว ง. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ช พื เจริญริเติบโตไว 4.ออกซินซิทำ หน้า น้ ที่อะไร ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ข.ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ ให้ผ ห้ ลไม้สุ ม้ ก สุ เร็ว ร็ ค. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ช พื สุข สุ ภาพแข็ง ข็ แรง ง. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ช พื เจริญริเติบโตไว 4.ออกซินซิทำ หน้า น้ ที่อะไร ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ข.ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ ให้ผ ห้ ลไม้สุ ม้ ก สุ เร็ว ร็ ค. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ช พื สุข สุ ภาพแข็ง ข็ แรง ง. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ช พื เจริญริเติบโตไว 5.ฮอร์โร์ มนที่มีส มี ถานะเป็น ป็ แก๊ส ก. ไซโคไทนิน ข. เอธีลิธี ลิน ค. จิบจิเบอเรลลิน ง. ออกซินซิ 10
6.ฮอร์โร์ มนที่กระตุ้น ตุ้ ให้ผลไม้สุ ม้ ก สุ 7.ฮอร์โร์ มนมีอ มี ะไรบ้า บ้ ง 8.ฮอร์โร์ มนพืช พื มีค มี วามสํา สํ คัญอย่า ย่ งไร 9.เหตุใ ตุ ดเมื่อ มื่ เราตัดที่ปลายยอดจึง จึ ทำ ให้ต้นไม้มี ม้ ลั มี ลั กษณะเป็น ป็ พุ่ม พุ่ 10.ทำ ไมต้องตัดแต่งกิ่งไม้ ก. ไซโคไทนิน ข. เอธีลิ ธี ลิน ค. จิบจิเบอเรลลิน ง. ออกซินซิ ก. 1. ออกซินซิ 2. จิบจิเบอเรวลิน 3. ไซโทไคนินนิ 4. เอทิลีน 5. กรดแอบไซซิกซิ ข.1. ออกซินซิ 2. จิบจิเบอเรลลิน 3. ไซโทไคนินนิ 4. เอทิลีน 5. กรดแอคไซซิกซิ ค. 1. ออกซินซิ 2. จิบจิเบอเรลลิน 3. ไซโทไคนินนิ 4. เอทิลีน 5. กรดแอบไซซิกซิ ง. 1. ออกซินซิ 2. จิบจิเบอเรลลิน 3. ไซโทไคนินนิ 4. เอทิลีด 5. กรดแอบไซซิกซิ ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ข.ช่ว ช่ ยให้ค ห้ วามสวยงาม ค. ช่ว ช่ ยให้พื ห้ ชพืสุข สุ ภาพแข็ง ข็ แรง ง. เพื่อพื่ส่ง ส่ เสริมริและควบคุม คุ การเติบโตของพืชพื ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ทำ ให้เ ห้ ซลล์แข็ง ข็ แรงและสามารถเจริญริเติบโตต่อได้ ข.ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ ให้ผ ห้ ลไม้สุ ม้ ก สุ เร็ว ร็ ผลสวย ลูก ลู ดก ค.เป็น ป็ การลดแหล่งสร้า ร้ งออกซินซิทำ ให้ต ห้ าข้า ข้ งที่อยู่ใยู่ กล้ยอดสามารถเจริญริ ได้ ง.ทำ ให้ต้ ห้ ต้ นไม้ เจริญริเติบโต มีสุมีข สุ ภาพ แข็ง ข็ แรง สมบูรณ์ ก. ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ การแบ่ง บ่ เซลล์ ทำ ให้เ ห้ ซลล์แข็ง ข็ แรงและสามารถเจริญริเติบโตต่อได้ ข.ช่ว ช่ ยกระตุ้น ตุ้ ให้ผ ห้ ลไม้สุ ม้ ก สุ เร็ว ร็ ผลสวย ลูก ลู ดก ค.เป็น ป็ การลดแหล่งสร้า ร้ งออกซินซิทำ ให้ต ห้ าข้า ข้ งที่อยู่ใยู่ กล้ยอดสามารถเจริญริ ได้ ง.ทำ ให้ต้ ห้ ต้ นไม้ เจริญริเติบโต มีสุมีข สุ ภาพ แข็ง ข็ แรง สมบูรณ์ 11
1.ฮอร์โมนพืชมีกี่ประเภท (5ประเภท) 2.ฮอร์โมนใดที่ช่วยกระตุ้นการเจริญ ริ เติบโตของเซลล์พืชและคุมกำ เนิดเพศของดอกในบางชนิด (จิบเบอเรลลิน) 3.ไซโคไทนินทำ หน้าที่อะไร (ช่วยกระตุ้นการแบ่งเซลล์) 4.ออกซินทำ หน้าที่อะไร (ช่วยกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการขยายตัว) 5.ฮอร์โมนที่มีสถานะเป็นแก๊ส (เอธีลีน) 6.ฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ผลไม้สุก (จิบเบอเรลลิน) 7.ฮอร์โมนมีอะไรบ้าง(1. ออกซิน 2. จิบเบอเรลลิน 3. ไซโทไคนิน 4. เอทิลีน5. กรดแอบไซซิก) 8.ฮอร์โมนพืช มีความสําคัญอย่างไร (เพื่อส่งเสริม ริ และควบคุมการเติบโตของพืช) 9.เหตุใดเมื่อเราตัดที่ปลายยอดจึงทำ ให้ต้นไม้มีลักษณะเป็นพุ่ม (เป็นการลดแหล่งสร้างออกซิน ทำ ให้ตาข้างที่อยู่ใกล้ยอดสามารถเจริญ ริ ได้ เนื่องจากสัดส่วนของออกซินต่อไซโทไคนินตํ่า) 10.ทำ ไมต้องตัดแต่งกิ่งไม้ (ทำ ให้ต้นไม้ เจริญ ริ เติบโต มีสุขภาพ แข็งแรง สมบูรณ์) เฉลย 12
อ้างอิง https://web.agri.cmu.ac.th/hort/course/359311/PPHY10_hormone.htm ? fbclid=IwAR1i3wJxhBAMWgqbUQcJRL2RKZ8TdZRt2j50hj5ex3LP0hWiS Sh5j26CTUg_aem_AcEvIm5- cnOQ5PjGagFSjc3RJd_TTG_EE8aPYM1tfEj7auQ-59llmtlImOGOFpHS9LE 13
Thank You For watching