พญาคันคาก
เนื้ อเรื่ อง
พระนางแก้วเทวี มเหสีแห่งพระยาเอกราชเจ้าเมือง
อินตามหานคร ได้ประสูติพระโอรส ซึ่งมีผิวพรรณ
เหลืองอร่ามดั่งทองคำ แต่ทว่ามีผิวหนังดุจคางคก
และในวันที่พระกุมารประสูติเกิดอัศจรรย์ขึ้นบนพื้น
โลก ฝนตกฟ้าร้องฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง ลมพายุพัด
ต้นไม้หักล้มระเนระนาด เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับ
ว่าโลกจะถล่มทลาย
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีบุญลงมาเกิด พระยา
เอกราชได้จัดหาหญิงสาวที่มีลักษณ์ดีเช่นมีถัน
เต่งตึงกลมงามมาเป็นแม่เลี้ยงนางนมแก่พระ
กุมาร เมื่อพระกุมารเจริญวัยเติบใหญ่เป็นหนุ่มก็
คิดอยากได้คู่ครอง และอยากได้ปราสาทเสา
เดียวไว้เป็นที่ประทับ จึงเข้าเฝ้าทูลขอให้พระบิดา
ช่วย
ฝ่ายพระบิดาเห็นว่าพระโอรสของตนมีรูปร่างผิดแผก
แตกต่างไปจากคนทั้งหลาย คงไม่มีหญิงใดปรารถนาจะได้
เป็นคู่ครอง จึงทรงบอกให้พระกุมารเลิกล้มความคิดเช่น
นั้นเสีย โดยให้เหตุผลว่าพระกุมารมีรูปร่างอัปลักษณ์
ทำให้พระกุมารเสี ยพระทัยยิ่งนัก
ต่อมาในกลางดึกสงัดของคืนวันหนึ่ง พระกุมารจึงตั้งจิตอธิษฐาน
ว่า ถ้าตนเคยได้สร้างสมบุญบารมีมา ก็ขอให้สำเร็จดังความ
ปรารถนาด้วยเถิด ด้วยแรงอธิษฐานทำให้บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ซึ่ง
เป็นที่ประทับนั่งของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้างขึ้น
และยังได้นำเอานางแก้วจากอุดรกุรุทวีปมามอบให้เป็นคู่
ครอง ก่อนจากได้เนรมิตพระกุมารให้เป็นชายหนุ่มรูปงาม
พระยาเอกราชเห็นประจักษ์ ในบุญบารมีของลูกแล้วจึงเวน
ราชสมบัติบ้านเมืองให้ครอบครอง
เมื่อพระกุมารได้ครองราชย์แล้ว เจ้าเมืองทั้งหลายในชมพู
ทวีปต่างก็มาขออยู่ใต้ร่มบารมี แม้พวก พญาครุฑ
พญานาคพญาหงส์ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ เช่น ช้าง ม้า เสือ
สิงห์ กระทิง แรด ลงไปถึงกบ เขียด อึ่งอ่าง คางคก ผึ้ง
ต่อ แตน มดปลวก
ต่างพากันมาถวายตัวเป็นบริวารจนหมดสิ้น ทำความไม่พอใจให้
พระยาแถนเป็นยิ่งนัก พระยาแถนจึงไม่ยอมให้พวกพระยานาค
ลงเล่นน้ำ เป็นเหตุให้เกิดความแห้งแล้ง ฝนไม่ตกลงมายังโลก
มนุษย์เป็นเวลาหลายปี
ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเหี่ยวเฉาตาย มนุษย์และ
เหล่าสัตว์พากันเดือดร้อน จึงไปทูลให้พระยาคางคก
ทราบ พระยาคางคกจึงไปยังเมืองบาดาล ถามพวก
นาคดู เมื่อรู้เหตุที่ทำให้ฝนแล้งแล้ว
พระยาคางคกจึงยกทัพอันประกอบไปด้วยมนุษย์และ
เหล่าสั ตว์ทั้งหลายบรรดามีอยู่ในโลกขึ้นไปทำสงคราม
กับพวกแถนฟ้าพระยาคางคกกับพระยาแถนฟ้าได้ต่อสู้
กันด้วยอิทธิฤทธิ์ต่างๆ เมื่อพระยาแถนเห็นว่าจะเอาชนะ
พระยาคางคกด้วยฤทธิเดชไม่ได้
จึงท้าให้ชนช้างกัน ในที่สุดพระยาคางคกชนะจับพระยาแถน
ฟ้าได้ให้พระยานาคมัดไว้ พระยาแถนจึงขอยอมแพ้ขอมอบ
ถวายบ้านเมืองให้ และสัญญาว่าจะส่งน้ำฝนลงมาให้ตาม
ฤดูกาลดังเดิม
และจะลงมาปลูกพันธุ์ข้าวทิพย์ลูกเท่ามะพร้าวให้
นับแต่นั้นมา พอถึงฤดูทำนาฝนก็ตกลงมายังความ
ชุ่มชื้ นให้แก่แผ่นดินเป็นประจำทุกๆ ปี
พระยาคางคกปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม คือศีล
ภาวนา สร้างกุศลกรรมอยู่มิได้ขาด ทำให้ชาวประชาร่มเย็นเป็นสุข
กันทั่วหน้า พระองค์ทรงพระชนมายุได้แสนปีจึงสวรรคต
หลังจากนั้ นมาชาวโลกก็ได้อาศั ยหนทางที่พระยาคางคกสร้างไว้
ขึ้นไปเรียนเอาเวทย์มนต์คาถาจากพวกพระยาแถนเมื่อลงมายัง
โลกแล้วก็ใช้คาถาอาคมที่ตนเรียนมาจากครูบาอาจารย์เดียวกัน
รบราฆ่าฟันกันล้มตายเป็นจำนวนมากต่อมาก
และพวกมนุษย์ยังพากันเกียจคร้านไม่เอาใจใส่เรือกสวนไร่นา เมื่อ
ข้าวกล้าที่พระยาแถนลงมาปลูกให้ตามคำสั ญญากับพระยาคางคก
สุกแก่แล้วก็ไม่พากันทำยุ้งฉางไว้ใส่ มิหนำซํ้ายังพากันโกรธแค้นให้
เมล็ดข้าวที่โตเท่าลูกมะพร้าว
ช่วยกันสับฟันจนแตกเป็นเม็ดเล็กเม็ดน้อย เมล็ดข้าวจึงกลาย
เป็นเมล็ดเล็ก ๆ ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ จากนั้นมาข้าวจึง
ไม่เกิดเองมนุษย์ต้องหว่านไถปักดำจึงจะได้ข้าวมากิน
เมื่อพระยาแถนเห็นชาวโลกละเลยศีลธรรม ไม่ตั้งตนอยู่ในศีล
ธรรมอันดีงาม พระยาแถนจึงทำลายเส้นทางติดต่อระหว่างชาว
โลกกับพวกแถนเสีย นับแต่นั้นมาชาวโลกจึงไม่อาจขึ้นไปยัง
เมืองฟ้าพระยาแถนได้อีก
ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
จักประพฤติตน มีความพากเพียรสำรวมกาย วาจาและใจ
ดังที่พญาคันคากได้รับฟังพระราชบิดาสอนว่า
จงรู้จักเจียมตัว ไม่พูดจาโอ้อวด
หมั่นเพียรในการทำบุญ คนทำดีนั้นไม่ต้องโอ้อวด
คนดีไม่ว่าจะตกอยู่ที่ใด ค่าของความดีก็ยังเหมือนเดิ
ผู้จัดทำ
ด.ญ.ณัฏฐิกา สารินนท์ เลขที่ 14 ห้อง3/10
ด.ญ.ปิยภรณ์ เฮียงหล้า เลขที่25 ห้อง 3/10
ด.ญ.พิมพ์ชนก ยืนยง เลขที่28 ห้อง 3/10
เสนอ
คุณครู อรณี มูลป้อม
โรงเรียนสีชมพูศึกษา
❤️