บทพากยเ์ อราวัณ
ภาษาไทยพน้ื ฐาน ท23102
ครูผู้สอน : นางสาวอรณี มูลปอ้ ม
โรงเรียนสีชมพูศกึ ษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
ความเปน็ มา
ในสมยั อยุธยาจะนาเน้ือเรื่องรามเกียรต์ิบางตอนมาแต่ง
สาหรับการแสดงหนังใหญแ่ ละโขน บทประพันธน์ ั้นเรียกว่า “บท
พากยห์ รือคาพากย”์ รปู แบบคาประพนั ธม์ ักจะเป็นกาพย์ยานี 11
ตอ่ มาในสมยั รตั นโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ
หล้านภาลัยไดท้ รงพระราชนิพนธบ์ ทพากยบ์ างตอนขนึ้ เพือ่ ใช้
สาหรับการแสดงโขน คือ บทพากยน์ างลอย บทพากย์พรหมาสตร์
บทพากย์นาคบาศ และบทพากยเ์ อราวัณ
ตอนท่ีนามาใหศ้ กึ ษานี้ คดั มาจากเรอื่ ง
รามเกยี รตคิ์ าพากย์ อยใู่ นหนา้ ๑๓๑ - ๑๓๓
ของหนงั สอื กาพยคดี มีจานวนกาพย์ฉบัง ๑๗ บท
ใชต้ วั สะกดท่เี ป็นปัจจบุ ันแต่ได้ทาเชงิ อรรถบอกไว้
วา่ ตน้ ฉบับเดิมสะกดอยา่ งไร
ประวตั ผิ ู้แตง่
➢ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั
(รชั กาลท่ี ๒)
➢ ทรงมพี ระนามเดิมวา่ “เจ้าฟา้ ชายฉิม”
➢ ทรงพระราชสมภพเมอ่ื วนั ที่ ๒๔
กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐
➢ ทรงเสดจ็ สวรรคตดว้ ยพระประชวรไข้
พษิ ในปี พ.ศ. ๒๓๖๗
รวมระยะเวลาในการครองราชย์นาน
๑๕ ปี
“ยุคทองของวรรณคดี”
บทพระราชนิพนธว์ รรณคดที สี่ าคญั
บทละครในเรอื่ งรามเกยี รติ์ กาพยแ์ ห่เรอื ชมเคร่ืองคาวหวาน
บทละครในเรื่องอเิ หนา บทละครนอก
ได้รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรเปน็ สังขท์ อง คาวี ไชยเชษฐ์
“ยอดของกลอนบทละคร” ไกรทอง มณพี ชิ ัย
บทพากย์รามเกยี รต์ิ กลอนเสภา
๔ ตอน นางลอย พรหมาสตร์ เรอ่ื ง ขุนชา้ งขนุ แผน
นาคบาศ และเอราวัณ ตอนท่ี ๔, ๑๓, ๑๗ และ ๑๘
ทรงเป็นกวีท่ีได้รับการยกย่อง
จากองค์การ UNESCO ประจาปี พ.ศ.
๒๕๑๑ นับเป็นกวีเอกของโลกคนท่ี ๓
ของประเทศไทย
จดุ เริม่ ตน้ ของ รามเกยี รต์ิ
บทพากย์
เอราวัณ
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กาพยฉ์ บงั 16
๑ บท มี ๑๖ คา แบ่งเปน็ ๓ วรรค
วรรคแรกมีจานวน ๖ คา
วรรคท่สี อง มี ๔ คา
วรรคสดุ ท้ายมี ๖ คา
เรือ่ งยอ่ มณโฑ + ทศกณั ฐ์
ศรพรหมาสตร+์ พรแปลงกาย รณพกั ตร์
รบชนะพระอนิ ทร์
(พระอิศวร)
เปลี่ยนชือ่ เป็น “อินทรชติ ”
ศรนาคบาศ+
พรเศยี รหา้ มตกดิน
(พระพรหม)
ศรวษิ ณปุ าณมั (พระนารายณ์)
อินทรชติ ออกรบเพอื่ ชงิ นางสดี า ครง้ั ที่ ๔
คร้งั ที่ ๒ ถกู พระรามแผลงศร
ตดั คอ
แผลงศรใสพ่ ระลักษณ์และ
พลวานร
ถูกศรพลคารยัง้วาทตขี่ อ๑งพระ คร้ังที่ ๓
ลักษมณ์ต้องหนีกลบั เข้า แปลงเปน็ พระอนิ ทรข์ ี่ช้าง
เมือง เอราวณั ออกมารบกบั พระ
ลักษมณ์
อนิ ทรชติ บิดเบอื นกายิน เหมือนองคอ์ มรินทร์
ทรงคชเอราวัณ เผอื กผ่องผิวพรรณ
เศียรหนง่ึ เจด็ งา
ช้างนิรมติ ฤทธิแรงแขง็ ขนั สระหนงึ่ ยอ่ มมี
สสี ังขส์ ะอาดโอฬาร์ ดอกหนง่ึ แบ่งบาน
เจ็ดองค์โสภา
สามสบิ สามเศียรโสภา อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ดงั เพชรรตั นร์ ูจี ชาเลอื งหางตา
ทุกเกศกญุ ชร
งาหน่งึ เจด็ โบกขรณี
เจด็ กออบุ ลบนั ดาล
กอหนึ่งเจด็ ดอกดวงมาลย์
มกี ลบี ได้เจ็ดกลีบผกา
กลบี หน่งึ มีเทพธดิ า
แน่งน้อยลาเพานงพาล
นางหน่งึ ยอ่ มมบี ริวาร
ลว้ นรปู นิรมิตมารยา
จับระบารารา่ ยสา่ ยหา
ทาทีดังเทพอปั สร
มวี ิมานแก้วงามบวร
ดังเวไชยันตอ์ มรินทร์
เครอื่ งประดบั เกา้ แกว้ โกมิน ซองหางกระวนิ
สร้อยสายชนักถักทอง ผา้ ทพิ ยป์ กตระพอง
เปน็ เทพบุตรควาญ
ตาขา่ ยเพชรรตั น์ร้อยกรอง เปลยี่ นแปลงกายคง
ห้อยพูท่ กุ หคู ชสาร ทพั หลงั สบุ รรณ
คนธรรพ์ปกี ขวา
โลทันสารถีขนุ มาร โตมรศรชยั
ขบั ท้ายท่นี ัง่ ช้างทรง รีบเรง่ รพ้ี ล
บรรดาโยธาจตั ุรงค์
เป็นเทพไทเทวัญ
ทัพหนา้ อารักษไ์ พรสัณฑ์
กินนรนาคนาคา
ปีกซา้ ยฤาษติ วทิ ยา
ตัง้ ตามตารับทัพชัย
ล้วนถอื อาวุธเกรียงไกร
พระขรรคค์ ทาถว้ นตน
ลอยฟ้ามาในเวหน
มาถงึ สมรภมู ิชัย
เมื่อนั้นจงึ พระจกั รี พอพระสรุ ยิ ศ์ รี
อรุณเรืองเมฆา เฟ่อื งฟ้งุ วนา
รอ่ นราถาลง
ลมหวนอวลกล่ินมาลา ไก่ขันปกี ตี
นิวาสแถวแนวดง หาคู่เคยี งประสาน
สร่างแสงอโณทัย
ผ้ึงภหู่ มู่คณาเหมหงส์ ธบิ ดินทร์เธอบรรเทือง
แทรกไซใ้ นสรอ้ ยสมุ าลี
ดเุ หว่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี
กู่ก้องในท้องดงดาน
ปักษาตืน่ ตาขนั ขาน
สาเนยี งเสนาะในไพร
เดอื นดาวดบั เศรา้ แสงใส
ก็ผา่ นพยบั รองเรือง
จบั ฟา้ อากาศแลเหลือง
บรรทมฟื้นจากไสยา
เสดจ็ ทรงรถแก้วโกสยี ์ ไพโรจนร์ ูจี
จะแขง่ ซ่ึงแสงสรุ ิย์ใส
เทียมสินธพอาชาไนย เริงร้องถวายชยั
ชันหูระเหดิ หฤหรรษ์
มาตลสี ารถีเทวัญ กรกมุ พระขรรค์
ขับรถมากลางจัตรุ งค์
เพลารอยพลอยประดับดุมวง กึกกอ้ งกากง
กระทบกระทง่ั ธรณี
มยรุ ฉัตรชุมสายพรายศรี พัดโบกพัชนี
กบ่รี ะบายโบกลม
องึ อนิ ทเภรตี ีระงม แตรสังข์เสยี งประสม
ประสานเสนาะในไพร
เสียงพลโห่รอ้ งเอาชยั เลือ่ นลั่นสน่ันใน
พิภพเพียงทาลาย
สตั ภณั ฑ์บรรพตทัง้ หลาย อ่อนเอยี งเพยี งปลาย
ประนอมประนมชมชัย
พสุธาอากาศหวาดไหว เนอื้ นกตกใจ
ซกุ ซอ่ นประหวัน่ ขวัญหนี หัสดินอนิ ทรี
หักถอนพฤกษา
ลกู ครุฑพลดั ตกฉมิ พลี แหลกลลู่ ้มลง
คาบชา้ งก็วางไอยรา เทวญั จนั ทรี
โปรยทิพมาลยั
วานรสาแดงเดชา พุม่ บษุ ปมาลา
ถอื ต่างอาวธุ ยทุ ธยง เรง่ รดั หสั ดนิ
ไม้ไหล้ยงู ยางกลางดง
ละเอียดดว้ ยฤทธิโยธี
อากาศบดบงั สุรยิ ์ศรี
ทกุ ช้ันอานวยอวยชัย
บ้างเปิดแกลแกว้ แววไว
ซ้องสาธกุ ารบูชา
ชกั รถรี่เร่อื ยเฉอื่ ยมา
กงรถไม่จดธรณินทร์
เร่งพลโยธาพานรินทร์
วานรใหเ้ ร่งรีบมา
เมือ่ นนั้ พระศรอี นชุ า เออื้ นอรรถวจั นา
ตรสั ถามสุครีพขนุ พล สมรภูมไิ พรสณฑ์
ทกุ ทีสหสั นัยน์
เหตไุ ฉนสหสั นยั น์เสด็จดล บัดนเ้ี ธอมา
เธอมาด้วยกลอันใด ฤๅจะกลับเป็นกล
คอยดสู าคัญ
สคุ รีพทูลทัดเฉลยไข ตรัสส่งั เสนี
เสด็จดว้ ยหมู่เทวา เคลบิ เคล้มิ วรกาย
อวยชัยถวายทิพมาลา
เห็นวิปรติ ดูฉงน
ทรงเคร่อื งศัสตราแยง่ ยล
ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรม์
พระผเู้ รืองฤทธิแข็งขัน
อย่าไว้พระทยั ไพรี
เมื่อนนั้ อนิ ทรชิตยักษี
ใหจ้ บั ระบาราถวาย
ให้องค์อนุชานารายณ์
จะแผลงซ่ึงศสั ตรศรพล
อนิ ทรชติ สถิตเหนอื เอรา- วณั ทอดทศั นา
เห็นองค์พระลักษณ์ฤทธริ งค์ จึงจบั ศรทรง
หมายองค์พระอนชุ า
เคลบิ เคลมิ้ หฤทยั ใหลหลง โลกลน่ั องึ อล
พรหมาสตรอ์ นั เรืองเดชา ตอ้ งองคอ์ ินทรยี ์
ทูนเหนือเศียรเกลา้ ยกั ษา
กแ็ ผลงสาแดงฤทธริ ณ
อากาศก้องโกลาหล
อานาจสะท้านธรณี
ศรเต็มไปท่วั ราศี
พระลกั ษณก์ ็กลิง้ กลางพล
ร้จู กั ตัวละครกนั
อนิ ทรชติ เดิมชือ่ รณพักตร์ เป็นบุตรของทศกัณฐ์กบั
นางมณโฑ
มกี ายสเี ขียว มฤี ทธิเ์ กง่ กลา้ มาก ไดศ้ ึกษาวิชากับ
พระฤาษีโคบุตรจนสาเร็จวิชามหากาลอัคคี
ต่อมาประกอบพิธีบูชาเทพจนได้ประทานอาวุธ
พิเศษ คือ พระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์
และให้มีฤทธิ์วิเศษแปลงกายเป็นพระอินทร์
พระพรหมประทานศรนาคบาศและให้พรว่าถ้าจะ
ตายตอ้ งมพี านแก้วของพระพรหมมารองรับเศียร
มฉิ ะนนั้ ถ้าเศยี รตกดนิ จะทาให้ไฟไหม้โลก ส่วน
พระนารายณ์ประทานศรวษิ ณุปาณัม
ครัง้ หน่งึ รณพกั ตร์มีความเหมิ เกรมิ ไปทา้
รบกับพระอนิ ทร์ และชนะพระอนิ ทร์
พระลักษณ์
เป็นโอรสของทา้ วทศรถกบั นางสมุทรชา
มพี ระวรกายสเี หลอื งดังทอง
(คือพญาอนันตนาคราช
อวตารลงมาพร้อมพระราม)
เม่ือพระรามต้องเสดจ็ ออกเดินดงตาม
พระประสงค์ของนางไกยเกษี พระ
ลกั ษณก์ ็ได้ทลู ขอตามเสด็จไปด้วยความ
จงรักภกั ดี ทรงรว่ มผจญกับเหลา่ หมู่
มารและรว่ มรบเคียงบา่ เคยี งไหลก่ บั
พระรามเสมอ
สคุ รพี
➢ เปน็ ลิงมีกายสีแดง
➢ เป็นลกู ของพระอาทติ ยก์ ับนางกาลอัจนา
➢ เปน็ นอ้ งของพาลี(ลูกคนละพอ่ ) เปน็ น้าของ
หนมุ าน
➢ พระฤาษโี คดมสาปให้เปน็ ลิง เพราะรูว้ า่ เปน็
ลกู ชู้
➢ ไดเ้ ปน็ ทหารเอกของพระราม ได้รับความไว้
วางพระทยั จากพระราม ใหเ้ ป็นผ้จู ัดการ
กองทัพ ออกสูร้ บกบั กองทัพของกรงุ ลงกา
อยู่เสมอ
พระราม พระรามเปน็ ปางท่ี ๗ ของพระ
นารายณห์ รือพระวิษณุ อวตารลงมา
เปน็ โอรสของท้าว ทศรถกับพระ
นางเกาสุรยิ า
ทรงมีพระวรกายสีเขยี ว ทรงธนู
เป็นอาวธุ มศี รวิเศษ ๓ เล่ม คือ
ศรพรหมาสตร์ ศรอัคนวิ าต
และศรพลายวาต
มพี ระมเหสี คือ นางสีดา (ซ่งึ คอื พระลกั ษมี
พระชายาของพระนารายณ์อวตารลงมาเป็น
คคู่ รอง)
อลังการ : ช้างเอราวณั
เป็นช้างทรงของพระอินทร์ ซึ่งพระศิวะ
เป็นผปู้ ระทานให้ เปน็ ช้างท่ีมีพละกาลังและเป็นท่ี
โปรดปรานมากที่สุดในศาสนาฮินดูเชื่อกันว่า
ช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง ช่ือไอราวัณ
เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จไปไหนเอราวัณ
เทพบตุ รจะแปลงกายเป็นชา้ งเผือก ขนาดสูงใหญ่
มีเศียรถึง ๓๓ เศยี ร แตล่ ะเศยี รมี ๗ งา แต่ละงา
ยาวถึง ๔ ล้านวาและมีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระ
บัวมีบัว ๗ กอ แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละ
ดอกมีกลีบ ๗ กลีบ ในแต่ละกลีบมีเทพธิดา ๗
องค์ และเทพธิดาแต่ละองค์ก็มีบริวารอีกองค์ละ
๗ คน ซ่งึ แสดงให้เห็นถึงความใหญโ่ ตอลังการ
ของชา้ งทรงพระอินทร์
วิเคราะห์คณุ ค่าบทพากยเ์ อราวณั
ฉาก
ฉากท่ีปรากฏในตอนน้ี คือ
ฉากกองทัพของฝ่ายอินทรชิต และฝ่าย
พระราม กวีได้พรรณนาให้เห็นถึงภาพความ
ยิ่งใหญ่ของกองทัพทั้งสองฝ่าย และยัง
ปรากฏฉากธรรมชาติบริเวณท่ีประทับของ
พระรามในขณะทีพ่ ระรามต่นื บรรทมดว้ ย
แกน่ เรือ่ ง
การพิจารณาสิ่งต่างๆ จะต้อง
มีสติ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ เพราะความ
งดงามชวนหลงใหลนั้นมักจะแฝงมากับพิษภัย
เช่นเดียวกับการที่อินทรชิตปลอมแปลงกาย
เป็นพระอินทร์จนทาให้พระลักษณ์เคลิบเคลิ้ม
หลงใหลจนตอ้ งศรพรหมาสตร์
บทวิเคราะห์
คุณค่าดา้ นเนอื้ หา
วรรณคดีเรือ่ งนแี้ ม้ไม่เดน่ ดา้ นเน้ือเรอ่ื ง แต่ก็
ทรงคุณค่าในประวตั ิความเป็นมา ทาใหเ้ หน็ ไดว้ า่ มกี าร
สานตอ่ วรรณคดีเร่ืองนใี้ นฐานะที่เป็นราชปู โภคของ
กษตั ริย์ กษัตรยิ ไ์ ทยทรงใชว้ รรณคดใี นการสร้าง
เอกลักษณ์ความเป็นชาติ
คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
การใช้ภาพพจน์
๑) อตพิ จน์ คือ การกล่าวเกินจรงิ
๒) บุคคลวตั คือ การสมมติหรือกาหนดให้
การใชโ้ วหาร ส่ิงไม่มชี ีวิตสามารถแสดง
อากัปกริ ิยาไดเ้ ชน่ เดยี วกับ
กวใี ช้ถอ้ ยคาเพื่อสร้างจินตภาพหรือ สิ่งมีชีวติ
สรา้ งภาพใหเ้ กดิ ข้นึ แกผ่ ู้อา่ น โดยใช้
พรรณนาโวหารใหเ้ ห็นภาพของ
ชา้ งเอราวณั
การเล่นเสียง
จะมเี สียงสัมผสั ใน ซึง่ จะช่วยให้การ
อา่ นหรอื การพากย์มี
ความไพเราะขน้ึ
คุณค่าดา้ นสงั คมและสะทอ้ นวถิ ไี ทย
๑) ความเชอื่ ในเรอ่ื งเทพเจา้
เพราะเนอ้ื หาและเรอื่ งราวล้วนมีความเก่ียวข้อง
กับพระอศิ วร พระพรหม พระนารายณ์ พระอินทร์
๒) ความเชอื่ ในเรอื่ งโชคลาง
ได้สะท้อนให้เห็นความเชื่อบางประการท่ีมี
ความเกี่ยวโยงกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่น เมื่อ
กองทัพของพระลักษมณ์พร้อมท่ีจะสู้รบกับกองทัพของ
อนิ ทรชิตได้มีการเป่าและสังข์ พร้อมกับท่ีทหารหาญโห่
ร้องเอาชัย
ขอ้ คดิ ท่สี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวัน
การตง้ั ใจศึกษาเลา่ เรียน
การใหอ้ านาจแกบ่ ุคคลใดควรไตรต่ รองให้ดี
การมอี านาจควรใช้ไปในทางทถ่ี ูกต้อง
การใชช้ ีวิตอยา่ งมสี ติ
สงครามคือความสญู เสยี
ขอบคณุ ท่ีต้ังใจอ่านนะคะ
เหนือ่ ยไหมคนดี สๆู้ นะ