อิศรญาณภาษิต
ภาษาไทยพื้นฐาน ท23101 ชั้น ม.3
ครูอรณี มูลป้อม
ความหมายของชื่อเรื่อง
อิศร ความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ , เป็นใหญ่ในตัวเอง
ญาณ ปรีชาหยั่งรู้ หรือก าหนดรุ้ ที่เกิดจากอ านาจสมาธิ
ความสามารถ หยั่งรู้พิเศษ
ภาษิต ถ้อยค าหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้วมี
ความหมายเป็นคติ
อิศรญาณภาษิต หมายถึง ความรู้เกิดจากสมาธิ เป็นใหญ่ในตัวเองถือว่า
เป็นข้อความที่กล่าวสืบทอดต่อกันมา และมีความหมายเป็นคติเตือนใจ
ประวัติความเป็นมา
เรียกอีกชื่อว่า กลอนเพลงยาว
ออกพระโอษฐ์บริภาษว่า “บ้า”
ครั้งหนึ่งหม่อมเจ้าอิศรญาณ
ท ร ง ก ร ะ ท า ก า ร ไ ม่ ต้ อ ง และด้วยความที่มีอุปนิสัยผิดไป
พ ร ะ ร า ช อั ธ ย า ศั ย ข อ ง จากคนอื่น เป็นเหตุให้ใครต่อใคร
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า- คิดว่าท่านมีจริตไม่สู้ดี
เจ้าอยู่หัว(ร.4)
เกิดขึ้นจากความน้อย กลอนเพลงยาวนี้จะมีเนื้อหา
อกน้อยใจของผู้แต่งหลัง ที่แฝงไปด้วยน้ าเสียงเหน็บ
ถูกต าหนิว่าสติไม่ดี แนม ประชดประชัน
ประวัติผู้แต่ง
01 ชื่อ : หม่อมเจ้าอิศรญาณ
02 เป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ
03 ผนวชที่วัดบวรนิเวศฯได้พระฉายานามว่า “ อิสสรญาโน”
04 มีพระชนม์ชีพอยู่ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4)
ลักษณะค าประพันธ์
อิศรญาณภาษิตแต่งด้วยค าประพันธ์ประเภทกลอนเพลง
ยาว ซึ่งมีลักษณะบังคับเหมือนกลอนสุภาพแต่จะขึ้นบทแรกด้วยวรรค
รับและจบด้วยค าว่า เอย ดังน ี้
O อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร
เทศนาค าไทยให้เป็นทาน โดยต านานศุภอรรถสวัสดี
....................................... ................................................
แสนประเสริฐเลิศภพจบธาตรี ยังจรลีเข้าสู่นิพพานเอยฯ
็
เอย เปนค ำบังคับลงท้ำยใน “กลอนดอกสร้อย” และ “กลอนสักวำ”
ฉันทลักษณ์กลอนเพลงยาว
เอย
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
1 เพื่อเป็นค าสั่งสอนเตือนใจให้คิดก่อนที่จะกระท าสิ่งใด
2 เป็นค าสอนสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นในสังคม
3 เป็นค าสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นในสังคมให้อยู่
ร่วมกันได้อย่าง มีความสุข
เรื่องย่อ
อิศรญาณภาษิตมีเนื้อหาเชิงสั่งสอนแบบเตือนสติและ
แนะน าเกี่ยวกับการประพฤติตนให้เป็นที่พอใจของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่
ึ
อ านาจมากกว่า สอนว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจงจะอยู่ในสังคมได้อย่าง
ึ
สงบสุข ท าอย่างไรจงจะประสบความส าเร็จสมหวัง บางตอนเน้นเรื่อง
การเห็นคุณค่าและความสาคัญของผู้อื่นโดยไม่สบประมาทหรือดูแคลน
ผู้อื่น โดยทั้งนี้การสอนบางครั้งอาจเป็นการกล่าวตรง ๆ หรือใช้ถ้อยค า
เชิงประชดประชัน
มีการสันนิษฐานว่าอิศรญาณภาษิตอาจไม่ใช่บท
นิพนธ์ของหม่อมเจ้าอิศรญาณเพียงผู้เดียว
หากแต่นิพนธ์ไว้เพียงตอนแรกเท่านั้น
กล่าวคือนิพนธ์ถึงวรรคว่า
“ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน”
คุณค่าด้านเนื้อหา
๑. คุณค่าด้านเนื้อหา
การเคารพผู้อาวุโส
ลักษณะเนื้อหาล้วนเป็นเทศนา
โวหารทั้งสิ้นโดยสอนให้เห็นว่าคนเราจะ เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด
อยู่ตามล าพังไม่ได้ จ าเป็นต้องพึ่งพา ไปพูดขัดเขาท าไมขัดใจเขา
อาศัยซึ่งกันและกันเหมือน “น้ าพึ่งเรือ ใครท าตึงแล้วหย่อนผ่อนลงเอา
เสือพึ่งป่า” ฉะนั้นเมื่ออยู่ร่วมกันก็ นักเลงเก่าเขาไม่หาญราญนักเลง
ควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา
๑.๒ แก่นเรื่อง
การอยู่ร่วมกันในสังคม
บุคคลจ าเป็นต้องรู้จัก
ประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสม
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๒.๑ ลักษณะการประพันธ์
แต่งเป็นกลอนเพลงยาว มีข้อบังคับทางฉันทลักษณ์เหมือน
กลอนสุภาพหรือกลอนแปด แต่ต่างกันที่กลอนเพลงยาวจะขึ้นต้นด้วย
วรรครับ (วรรคที่สอง) และลงท้ายบทด้วยค าว่า “เอย” ในการ
แต่งไม่จ ากัดจ านวนบท จึงเรียกว่า “เพลงยาว” กลอนเพลงยาว
อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร
เทศนาค าไทยให้เป็นทาน โดยต านานศุภอรรถสวัสดี
ส าหรับคนเจือจิตจริตเขลา ด้วยมัวเมาโมห์มากในซากผี
ต้องหาม้ามโนมัยใหญ่ยาวรี ส าหรับขี่เป็นม้าอาชาไนย
๒.๒ ศิลปะการประพันธ์
01 ใช้ค าง่าย อ่านแล้ว ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ
ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
เข้าใจได้ดี
ชายข้าวเปลือกหญิง
ข้าวสารโบราณว่า ใช้โวหารเปรียบเทียบให้
น้ าพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เห็นจริง 02
อัชฌาสัย ค่อยด าเนินตามไต่ผู้ไป
หน้า
03 ใช้ค ามีความหมายแฝง ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน
ให้ตีความ
เอาหลังตากแดดเป็นนิจคิดค านวณ
ฆ่าควายเสียดายพริก รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ
น้ าพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มีการเขียนส านวนโวหาร 04
เดินตามหลังผู้ใหญ่
หมาไม่กัด
คุณค่าด้านสังคมและสะท้อนวิถีไทย
1) ให้ความส าคัญแก่ผู้อาวุโส
ส อ น ใ ห้ ท า ต า ม ผู้ ใ ห ญ่ ๒) สอนให้ส ารวจจิตใจของตนอยู่เสมอ
ไม่อกตัญญูและรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อจะได้เตือนตนได้ทัน
การณ์
ค่อยด าเนินตามไต่ผู้ไปหน้า อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน
๓) สอนให้รู้จักประมาณตน ๔) สอนให้รู้จักขยันหมั่นเพียร
ไม่ท าอะไรเกินก าลังและฐานะของตน การท าสิ่งใดควรหมั่นท าอยู่
เสมอ
สูงอย่าให้สูงกว่าฐานนานไปล้ม เอาหลักตากแดดเป็นนิจคิดค านวณ
จะเรียนคมเรียนไปเถิดอย่าเปิดฝัก รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ
)
๕ สอนการอยู่ร่วมกันของคนใน ๖) การท าบุญท าทานให้ท าตามก าลังทรัพย์
สังคม ของตน
ต้องรู้จกพึ่งพาอาศัยกัน อย่าดูถูกกการท าบุญผู้อื่น
ั
ควรรักและเห็นใจซึ่งกันและกัน
น้ าพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย อย่าดูถูกบุญกรรมว่าท าน้อย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ น้ าตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ
ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ
ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
ข้อคิดที่สามารถน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน
1. การพึ่งพาอาศัยกัน
.............................................
น้ าพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ
รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ
2. การปรับตัวให้เข้ากับสังคมและการวางตนให้เหมาะสม
............................................
ไปพูดขัดเขาท าไมขัดใจเขา
ใครท าตึงลงหย่อนผ่อนลงเอา
นักเลงเก่าเขาไม่หาญราญนักเลง
3. การให้ความเคารพผู้อาวุโส
ค่อยด าเนินตามไต่ผู้ไปหน้า
ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน
4. การมีสติ
อันเสาหินแปดศอกตอกเสาหลัก
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป
เชื่อน้ าใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ
5. การรับราชการ
เป็นข้าเฝ้าเหล่าเสวกามาตย์
ยิ่งกว่าทาสทาสาค่าสินไถ่
อย่าใช้ชิดอย่าให้ห่างเป็นกลางไว้
ฝ่ายข้างในอย่าน าออกนอกอย่าแจง
6.การรู้จักใช้จ่าย
หาเงินติดไถ้ไว้อย่าให้ขาด
ต าลึงบาทหาไม่คล่องเพียงสองสลึง
7. การคบมิตร
อย่าคบมิตรจิตพาลสันดาลชั่ว
จะพาตัวให้เสื่อมที่เลื่อมใส
คบรักปราชญ์นั่นแหละดีมีก าไร
ท่านย่อมให้ความสบายหลายประตู
8. ความสามัคคี
นกกระจาบเดิมหนักหนามากกว่าแสน
ไม่เดือดแค้นสามัคคีย่อมมีผล
ครั้นภายหลังอวดก าลังต่างถือตน
พรานก็ขนกระหน่ ามาพากันตาย
9. ท าดีได้ดี ท าชั่วได้ชั่ว
ถ้าท าดีก็จะดีเป็นศรีศักดิ์
ถ้าท าชั่วชั่วก็จักตามสนอง
10.ให้รู้จักตนเอง
เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้เท่า
ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน
ฉันทลักษณ์กลอนเพลงยาว
เอย
บทอาขยานบทหลัก ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
อิศรญาณภาษิต
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ าพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ
ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย
รักสั้นนั้นอย่าให้รู้อยู่เพียงสั้น รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย แหงนดูฟ้าอย่าให้อายแก่เทวดา
อย่าดูถูกบุญกรรมว่าท าน้อย น้ าตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน
อิศรญาณภาษิต
ชายข้าวเปลือก/หญิงข้าวสาร/โบราณว่า น้ าพึ่งเรือ/เสือพึ่งป่า/อัชฌาสัย
เราก็จิต/คิดดูเล่า/เขาก็ใจ รักกันไว้/ดีกว่าชัง/ระวังการ
ผู้ใดดี/ดีต่อ/อย่าก่อกิจ ผู้ใดผิด/ผ่อนพัก/อย่าหักหาญ
สิบดีก็/ไม่ถึง/กับกึ่งพาล เป็นชายชาญ/อย่าเพ่อคาด/ประมาทชาย
รักสั้นนั้น/ให้รู้/อยู่เพียงสั้น รักยาวนั้น/อย่าให้เยิ่น/เกินกฎหมาย
มิใช่ตาย/แต่เขา/เราก็ตาย แหงนดูฟ้า/อย่าให้อาย/แก่เทวดา
อย่าดูถูก/บุญกรรม/ว่าท าน้อย น้ าตาลย้อย/มากเมื่อไร/ได้หนักหนา
อย่านอนเปล่า/เอากระจก/ยกออกมา ส่องดูหน้า/เสียทีหนึ่ง/แล้วจึงนอน