The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เป็นพื้นฐานของศาสนาอิสลาม เป็นหลักสำคัญและเป็นองค์ประกอบของอิสลาม ผู้ที่เป็นมุสลิมจะต้องมีความรักที่มีต่ออัลลอฮฺ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อจะทำให้การนับถือศาสนาอิสลามของเขานั้นครบถ้วนสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 406216031, 2020-02-16 05:12:22

ความรักแบบฉบับอิสลาม

เป็นพื้นฐานของศาสนาอิสลาม เป็นหลักสำคัญและเป็นองค์ประกอบของอิสลาม ผู้ที่เป็นมุสลิมจะต้องมีความรักที่มีต่ออัลลอฮฺ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อจะทำให้การนับถือศาสนาอิสลามของเขานั้นครบถ้วนสมบูรณ์

Keywords: ความรัก,อิสลาม

ความรกั แบบฉบบั อิสลาม

ความรกั ในศาสนาอสิ ลาม
"ความรกั " คือ ? คือ ความรสู้ ึก สภาพและเจตคติตา่ ง ๆ ซ่งึ มีตง้ั แต่ความชอบระหว่าง

บคุ คลหมายถึงอารมณก์ ารดงึ ดูดและความผกู พัน ส่วนบุคคลอย่างแรงกลา้ ในบรบิ ททาง
ปรัชญา ความรกั เป็นคุณธรรมแสดงออกซึง่ ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หา
ท้งั หมดของมนุษย์ ความรกั เปน็ แก่นแทข้ องศาสนาอสิ ลาม ฉะนัน้ มนุษยเ์ รามคี วามรสู้ ึกหลากหลาย
รูปแบบเช่น ความรกั ความเศร้า ความทกุ ข์ เป็นตน้

ความรกั เปน็ พนื้ ฐานของศาสนาอิสลาม เปน็ หลักสาคัญและเป็นองค์ประกอบของ
อสิ ลาม ผู้ที่เปน็ มุสลมิ จะตอ้ งมีความรักทมี่ ีตอ่ อลั ลอฮฺ อยา่ งครบถว้ นสมบูรณ์ เพ่ือจะทาใหก้ าร
นับถอื ศาสนาอสิ ลามของเขานนั้ ครบถ้วนสมบูรณ์ และหากวา่ ความรักที่มีต่ออลั ลอฮฺ บกพร่อง
จะมีผลทาใหบ้ ุคคลผู้นนั้ ขาดหลักการให้เอกภาพ (เตาฮีด) ต่ออัลลอฮฺ ไปด้วย ดังนั้น เปา้ หมาย
ของความรกั ในทนี่ ี้คือ ความรักในการเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ ซงึ่ จาเปน็ ตอ้ งมีความนอบนอ้ มถอ่ ม

ตน ความจงรกั ภกั ดี และมีความรสู้ ึกประทบั ใจในความรกั ท่มี ตี ่ออลั ลอฮฺ มากกวา่ ความรักท่มี ี
ใหก้ ับบุคคลอ่ืนหรือส่งิ อืน่ ความรกั ประเภทนี้เป็นความรักท่มี ีเฉพาะต่ออลั ลอฮฺ เท่าน้ัน ไม่
อนญุ าตให้มคี วามรกั ต่อผอู้ น่ื เขา้ มามีสว่ นรว่ ม เชน่ ความรักประเภทนี้
ความรกั มีหลายรปู แบบ ดงั น้ี

♥ รกั อลั ลอฮฺ

การรกั อัลลอฮฺ เป็นส่วนหน่ึงของการศรัทธา และมสุ ลิมและผู้ศรทั ธาทกุ ๆ คนจาเปน็ ตอ้ งมี
ความรักต่อพระเจ้า มากกวา่ ตัวของเขาเอง มากกวา่ บดิ ามารดาของเขา มากว่าลกู เมยี ของเขา และ
มากกว่าทรพั ย์สินเขาเขาและมนษุ ย์ทกุ ๆ คน และแนน่ อนใครกต็ ามท่ีเขานัน้ รกั สิ่งอ่นื มากกว่า
อลั ลออฺและรอ่ ซลู แน่นอนจะมีการลงโทษจากพระองค์ อลั ลอฮฺ ตรัสวา่

‫قُلْ إِن َكا َْن آ َبا ُؤ ُكمْ َوأَبنَآ ُؤ ُكْم َوإِخ َوانُ ُكْم َوأَز َوا ُج ُكمْ َو َع ِشي َرتُ ُكمْ َوأَم َوالْ اقتَ َرفتُ ُمو َها‬
‫َوتِ َجا َرةْ تَخ َشو َْن َك َسا َد َها َو َم َسا ِك ُْن تَر َضو َن َها أَ َحبْ إِلَي ُكم ِّم َنْ الْلِ َو َر ُسو ِل ِْه َو ِج َهادْ فِي‬

ْ‫َسبِي ِل ِْه فَتَ َرب ُصواْ َحتى َيأتِ َيْ الْلُ ِبأَم ِر ِْه َوالْلُ لَْ َيه ِدي القَو َْم ال َفا ِس ِقي َن‬

"จงกลา่ วเถดิ (มุหัมมัด) ว่า หากบรรดาบดิ าของพวกเจ้าและบรรดาลูกๆของพวกเจา้ และ
บรรดาพ่นี อ้ งของพวกเจ้า และบรรดาคคู่ รองของพวกเจา้ และบรรดาญาตขิ องพวกเจา้

และบรรดาทรพั ย์สมบัติทพี่ วกเจา้ แสวงหาไว้ และสินคา้ ท่พี วกเจ้ากลวั ว่าจะจาหน่ายมนั ไม่
ออก และบรรดาที่อย่อู าศัยทีพ่ วกเจา้ พงึ พอใจมันนั้น เปน็ ท่รี ักใครแ่ ก่พวกเจ้ายง่ิ กวา่ อัลลอฮฺและร
สูลของพระองค์ และการต่อส้ใู นทางของพระองค์แลว้ ไซร้

ก็จงรอคอยกันเถิด จนกว่าอลั ลอฮจฺ ะทรงนามาซ่ึงคาสั่งของพระองค์ และอัลลอฮฺน้ันจะไม่ทรง
นาทางแก่กลุ่มชนที่ละเมิด"
(อตั เตาบะฮฺ : 24)

เร่ืองของความรักทีต่ อ้ งมีตอ่ อลั ลอฮฺ เป็นความรักที่บ่าวของพระองค์ รักพระองค์ มีความ
นอบนอ้ มและรักมากกว่าความรกั อน่ื ใดทง้ั สิ้น ความรักประเภทอืน่ นั้นเป็นความรกั ทีส่ ามารถ
รวมเข้าดว้ ยกันได้ เช่น รกั พอ่ รกั แม่ รักลูกรักหลาน รักสามรี ักภรรยา รกั ทรัพย์สมบตั ิ อลั ลอฮฺ ได้
ทรงคาดโทษแก่ผูท้ ีเ่ อาความรักอื่นท่รี วมกันได้น้นั มากเกนิ กวา่ ความรักที่ตอ้ งมอบใหพ้ ระองค์ ดว้ ย
ความเปน็ บ่าวของพระองค์ ดงั ทมี่ ีในซูเราะฮอฺ ตั เตาบะฮฺ อายะฮทฺ ี่ 24 ความว่า

“จงกลา่ วเถดิ (มุฮามดั ) วา่ หากบรรดาพ่อแม่ บรรดาลกู หลาน บรรดาพี่นอ้ ง บรรดาสามี
ภรรยาของพวกเจา้ และทรพั ยส์ มบตั ิของพวกเจ้า ทีพ่ วกเจ้าแสวงหาไว้ หรือสนิ ค้าท่ีพวกเจ้ากลวั ว่า
มนั จะจาหน่ายไมอ่ อก และบรรดาทีอ่ ยู่อาศยั ทีพ่ วกเจ้าพงึ พอใจมนั น้นั เปน็ ท่ีรกั ใคร่แกพ่ วกเจ้าย่งิ
กวา่ อลั ลอฮแฺ ละรอ่ ซูลของพระองคแ์ ละการต่อสู้ในทางของพระองคแ์ ลว้ ไซร้ ก็จงรอคอยกันเถดิ
จนกว่าอลั ลอฮฺ จะทรงนามาซ่ึงกาลงั ของพระองค์ และอลั ลอฮฺนั้นจะไม่ทรงนาทางแก่กลุ่มชนที่
ละเมิด”

อลั ลอฮฺ ทรงแจง้ ใหท้ ราบวา่ ใครกต็ ามที่ใหค้ วามรักทง้ั แปดชนดิ ที่ถูกระบุอย่ใู นอายะฮฺ
ดังกล่าวมากเกนิ กวา่ ความรกั ตอ่ อลั ลอฮฺ และรอ่ ซลู ของพระองค์ และบรรดาการงานตา่ ง ๆ ท่ี
พระองคท์ รงชน่ื ชอบแล้ว ก็จะมบี าปหรอื มโี ทษท่จี ะตอ้ งได้รบั การชาระอยา่ งแน่นอน แต่ถ้ามีความ
รกั ต่อสิ่งเหล่านนั้ อย่บู ้าง ซ่ึงไม่มากเกนิ ไปกว่าการรักอลั ลอฮฺ ถือว่าไมเ่ ป็นความผิดอนั ใด
เนอ่ื งจากความรักเช่นนปี้ กติวสิ ยั ของมนุษย์ทกุ คนอยู่แล้ว แตจ่ าเปน็ อย่างยิ่งทตี่ ้องให้ความรกั ทม่ี ี
ตอ่ อัลลอฮฺ นั้น มากย่งิ กวา่ ทกุ สิ่งอื่นใด ทัง้ ปวง ตลอดจนให้รักรอ่ ซลู ของพระองค์ให้มาก
เชน่ เดยี วกัน และต้องมคี วามรกั ในสิ่งทพ่ี ระองค์ทรงโปรดปรานด้วยหลักฐานตา่ ง ๆ ที่แสดงว่ามี
ความรักอย่างแท้จรงิ ต่ออลั ลอฮฺ มีมากมาย

หนงึ่ ในน้ันก็คือ เมอ่ื เขารกั อัลลอฮฺ มากกวา่ อนื่ ใดแล้ว เขากจ็ ะตอ้ งนาเอาการงาน
ทอี่ ัลลอฮฺ ทรงชื่นชอบมากอ่ นสิ่งท่ีตนเองชื่นชอบทั้งทางดา้ นของอารมณ์ใคร่ หรือส่งิ ของท่ีทาให้
เกดิ ความพอใจ ตลอดจนทรัพย์สิน และบรรดาลกู หลาน หรืออาคารบ้านเรอื น

อกี ส่วนหนึ่งก็คือ ผใู้ ดที่รกั อลั ลอฮฺ มาก เขาย่อมจะต้องปฏบิ ัติตามร่อซลู ของพระองค์ใน
แนวทางที่ท่านนามาใหไ้ ว้อย่างครบถว้ นสมบูรณ์ โดยทาในสิ่งที่ใช้ งด หรือ ละเลกิ สง่ิ ทถ่ี กู ห้ามดว้ ย
ความยนิ ดีเต็มใจ ดงั ทีอ่ ลั ลอฮฺ ได้ตรสั ไวใ้ นซเู ราะฮฺ อาละอิมรอน อายะฮฺที่ 31-32 วา่ :

“จงกลา่ วเถิด (มุฮามัด) วา่ หากพวกทา่ นรักอลั ลอฮฺ จงปฏิบตั ิตามนั้น อัลลอฮฺ จะทรงรัก
พวกท่าน และจะทรงอภยั ใหแ้ ก่พวกท่านซง่ึ โทษท้ังหลายของพวกทา่ น และอลั ลอฮฺ นนั้ เป็นผูท้ รง
อภยั โทษ ผทู้ รงเมตตาเสมอ จงกลา่ วเถิด (มุฮามดั ) ว่า พวกท่านจงเชือ่ ฟงั อัลลอฮฺ และร่อซลู เถิด
แต่ถ้าพวกเจ้าผนิ หลังให้ แทจ้ ริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ปฏเิ สธศรทั ธาท้ังหลาย”

บรรพชนชาวสลฟั ในอดตี ได้บอกไว้วา่ มีชนกล่มุ หน่ึงอ้างตัววา่ พวกเขารกั อัลลอ
ฮฺ ดังน้ัน พระองค์ จงึ ไดป้ ระทานอายะฮฺอัลกรุ อาน ในเรอื่ งของความรกั ดังกล่าว

ความหมายดังท่ีได้แปลไปแล้ว ซึ่งจากความหมายของอายะฮฺน้ี ชใี้ หเ้ ห็นได้ชดั เจนเก่ยี วกบั
เร่ืองรักอลั ลอฮฺ และผลท่ีได้จากความรักนัน้ หลกั ฐานท่เี ห็นได้ก็คือ ถา้ รักอัลลอฮฺ จริง ก็
ตอ้ งปฏิบตั ติ ามร่อซูล และผลท่ไี ด้กค็ อื อัลลอฮฺ ทรงรักบคุ คลผู้นน้ั และจะทรงอภัยโทษใน
ความผดิ ตา่ ง ๆ ให้แก่เขา ความหมายท่วี า่ มีความจรงิ ในความรกั ของบา่ วทม่ี ตี ่ออลั ลอฮฺ นั้นก็คอื
ตามที่อลั ลอฮฺ ได้ทรงตรสั ไว้ในซูเราะฮอฺ ัลมาอดิ ะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 54 วา่ :

“บรรดาผู้ศรัทธาท้ังหลาย ผใู้ ดในหม่พู วกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเขาไป อลั ลอฮฺ ก็
จะทรงนามาซงึ่ พวกหนึง่ ซึง่ พระองคท์ รงรกั พวกเขา และพวกเขากร็ ักพระองค์ เปน็ ผนู้ อบนอ้ มถ่อม
ตนตอ่ บรรดามอุ มฺ ินไว้เกยี รติแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะเสียสละและต่อสใู้ นทาง
ของอลั ลอฮฺ และไมก่ ลัวการตาหนขิ องผตู้ าหนิคนใด...”

ดงั นั้น อลั ลอฮฺ ทรงระบใุ นอายะฮนฺ ี้ เกย่ี วกับผลของความรักทีม่ ตี อ่ อลั ลอฮฺ มอี ยสู่ ส่ี ัญลกั ษณ์ดว้ ยกัน
คือ :

ข้อทห่ี น่ึง : บรรดาคนท่รี กั เพอื่ อัลลอฮฺ น้นั พวกเขาจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตวั กบั บรรดา ผู้
ศรทั ธา เตม็ ไปดว้ ยความรักเมตตาสงสารด้วยไมตรจี ิต
ทา่ นอะฏอฺ บอกว่า : “มอุ มฺ ินกับบรรดามุอฺมนิ ด้วยกันนนั้ มีสภาพเหมอื นพอ่ กบั ลูก”

ขอ้ ท่ีสอง : บรรดาผู้ทีร่ ักอัลลอฮฺ น้ัน มศี ักด์ิศรเี หนอื กว่าพวกปฏิเสธศรัทธา พวกเขามีความ
เข้มแขง็ เด็ดขาดเหนอื กวา่ พวกเหล่านน้ั จะไม่ลดตัวหรือแสดงความออ่ นแอยอ่ ท้อกับคนที่ปฏเิ สธ
ศรทั ธาเป็นอันขาด

ข้อทีส่ าม : บรรดาทผ่ี รู้ ักอัลลอฮฺ จะมีการเสยี สละในหนทางของอัลลอฮฺ ด้วยชวี ิต รา่ งกาย
และทรพั ย์สิน หรอื ก็ดว้ ยการใชค้ าพูด เพ่ือเป็นพลงั แกศ่ าสนาของอลั ลอฮฺ และสกัดกั้นศตั รขู อง
พระองคใ์ นทกุ วถิ ีทาง

ขอ้ ทส่ี ่ี : บรรดาผู้ท่รี กั อลั ลอฮฺ นั้น จะไมม่ คี วามวิตกกงั วลต่อการวพิ ากษ์วจิ ารณ์ของผคู้ น
ซง่ึ ขอ้ ตาหนติ ิฉินต่าง ๆ ของพวกเขา ที่มีต่อบุคคลผ้ทู ่ีทมุ่ เทร่างกายและชวี ิตหรอื ทรัพย์สินไปในทาง
ของ อัลลอฮฺ เพื่อสนับสนนุ สัจธรรมใหไ้ ดร้ บั ความจาเริญ และเพ่ือยนื ยันใหเ้ ป็นทปี่ ระจักษ์จน
ผ้คู นยอมจานนในความถูกตอ้ งท่ีพวกเขายดึ ม่ันอยูน่ ้ัน และเปน็ พลงั ใหเ้ กิดความเข้มแข็ง คราใดท่ี
คนรักกนั แล้วทอ้ ถอยตอ่ คาวิพากษ์วิจารณ์ทีเ่ กิดขึ้นแลว้ หมดความพยายามท่ีจะช่วยปกปอ้ งเกอื้ กูล
คนที่ตนรัก ความรกั เช่นน้ีเป็นความรกั ท่ไี ม่จรี ังแตอ่ ย่างใด

♥ รักท่านนบีมฮุ ัมมัด ซอ็ ลลัลลอฮุอะลัยฮวิ ะซัลลมั

อัลลอฮตฺ รัสว่า

‫»قُ ْل ِإن ُكنتُمْ تُ ِح ُّبو َْن الَْل َفات ِبعُونِي يُح ِبب ُك ُْم الْلُ َو َيْغ ِفرْ لَ ُكمْ ذُنُو َب ُكْم َواللُْ َغفُو ْر ر ِحيْم‬
"จงกลา่ ว(แก่ประชาชาตขิ องเจ้า)เถิด(โอม้ หุ ัมมดั ) วา่ ถา้ หากวา่ พวกเจ้ารกั อลั ลอฮจฺ ริง พวกเจ้า
ก็จงปฏบิ ัติตาม(แนวทางของ)ฉนั แลว้ อัลลอฮจฺ ะทรงรกั พวกเจา้ และทรงอภัยโทษต่อบาปต่างๆแก่
พวกเจา้ และอลั ลอฮคฺ ือผ้ปู ระทานอภัยและทรงเมตตายงิ่ "

(อาล อิมรอน : 31)

ทา่ นนบีมฮุ ัมมดั ซ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮิวะซัลลมั กลา่ ววา่
ْ‫َوال ِذ ْي َنف ِسيْ بِ َي ِد ِْه َْل يُؤ ِم ُنْ أَ َح ُد ُكمْ َحتى أَ ُكو َْن أَ َح ْب إِ َلي ِْه ِمنْ َوا ِل ِد ِْه َو َولَ ِد ِهْ َوالنا ِس‬
‫أَج َم ِعي َْن‬

“ขอสาบานต่อผทู้ ่ชี ีวติ ของฉันอย่ใู นพระหตั ถข์ องพระองค์ คนหน่ึงคนใดในพวกท่านจะยังไม่อี
หมา่ น จนกวา่ จะฉนั เปน็ ท่รี กั มากทสี่ ุด โดยมากกวา่ รกั พ่อของเขาลูกของเขาและมนุษยท์ ัง้ หมด”

(บันทกึ โดยบุคอรยี ฺ : มสุ ลิม)

อับดุลลอฮฺ บนิ ฮิชาม เลา่ ว่า

‫ فَقَا َْل َلهُْ ُع َم ُرْ يَا‬، ْ‫ُكنا َم َْع النبِ ِّىْ صلى الل عليه وسلم َوه َْو آ ِخْذ ِب َي ِدْ ُع َم َرْ ب ِْن ال َخطا ِب‬
‫ َف َقا َلْ النبِ ُّْى صلى الل عليه وسلم‬. ‫َر ُسو َلْ ّللِْا لأَن َْت أَ َح ُّبْ إِ َل ْى ِم ْن ُك ِّْل َشى ْء إِلْ ِمنْ نَف ِسى‬
ِ‫ فَإِنهُْ الآ َنْ َوّللْا‬: ْ‫فَقَا َْل لَْهُ ُع َم ُر‬. » ‫» لَْ َوال ِذى نَف ِسى ِب َي ِد ِْه َحتى أَ ُكو َنْ أَ َحبْ ِإ َلي َكْ ِمنْ نَف ِسْ َْك‬

‫ َف َقا َلْ النبِ ُّىْ صلى الل عليه وسلم » الآ َنْ َيا ُع َم ُْر‬. ‫ » لأَن َتْ أَ َح ُّْب إِ َل ْى ِم ْن نَف ِسى‬.

ครงั้ หนึ่งเราอย่พู ร้อมกับนบี และท่านเอามอื ไปจบั มอื อมุ ัร บิน อัลค็อฏฏอบอมุ รั ได้กล่าวแก่
ทา่ นวา่ "โอ้รสลู ของอลั ลอฮฺ แท้จรงิ ท่านเปน็ คนที่ฉันรักมากกวา่ สง่ิ อื่นใดนอกจากตวั ฉนั เองเทา่ นัน้ "

ดงั นน้ั ท่านนบี จึงกลา่ วขึน้ วา่ "ไม่ ฉนั ขอสาบานด้วยพระนามของผูท้ ่ตี ัวฉันอยู่ในพระหตั ถ์ของ
พระองค์ จนกว่าตัวฉันจะเปน็ ท่ีรกั ของเจา้ มากกว่าตัวของเจ้าเอง"

ดังน้ันอมุ ัรจึงกล่าวแกท่ ่านวา่ "แท้จริง ขณะนี้ ฉันขอสาบานดว้ ยพระนามของอัลลอฮฺ วา่
แทจ้ ริงทา่ นน้ันเปน็ ที่รักของฉันมากกว่าตัวของฉันเองดงั น้นั

นบี จงึ กล่าววา่ "บดั เดย๋ี วน้แี หละ โอ้อุมรั "

(อลั บุคอรยี ์)

ท่านนบีทา่ นรอซูลลุ ลอฮฺ ซ็อลลัลลอ ฮุอะลยั ฮวิ ะซลั ลมั กล่าวว่า
‫ثَ ََل ْث َم ْن ُكنْ فِي ِْه َو َج َدْ َح ََل َوْةَ اْ ِلي َما ِنْ أَنْ َي ُكو َْن ّللاُْ َو َر ُسولُْهُ أَ َحبْ إِ َلي ِْه ِمما ِس َوا ُه َما‬.

“สามประการทีใ่ ครกต็ ามมเี ขาย่อมไดพ้ บกบั ความหวานช่นื ของการอีหมา่ น (ศรัทธา) การ
ทอ่ี ลั ลอฮฺและ รอซูลเป็นท่รี ักทส่ี ุดสาหรับเขา .."

(บันทึกโดยบุคอรียฺ มสุ ลมิ )

อนัส บนิ มาลกิ เลา่ ว่า มีชายคนหน่งึ มาหาท่านนบี แล้วกลา่ ววา่
:ْ‫ َما أَع َدد َْت لَ َها؟ قَا َل‬:‫ َمتَى السا َعةُ؟ قَا َْل رسو ُْل ّللاْ ﷺ‬:‫أَ ْن أَعراب ًّيا قَا َلْ لرسول ّللاْ ﷺ‬

‫ أَن َْت َم َعْ َمنْ أَحبَب َْت‬:‫ قَا َْل‬،‫ ُح ُّبْ ّللاِْ ورسو ِل ِه‬.
"โอร้ สูลของอลั ลอฮฺ เมื่อไหรจ่ ะถงึ วนั กียามะฮฺ ?"

ทา่ นนบีถามเขาวา่ "แล้วเจา้ เตรียมอะไรไวส้ าหรับวันกิยามะฮฺ ?"

ชายผ้นู ัน้ ตอบวา่ "ความรักที่มตี อ่ อลั ลอฮแฺ ละรสูลของพระองค์"

ท่านนบตี อบวา่ "ถ้าเชน่ น้นั เจา้ กจ็ ะได้พานักอย่กู บั คนทเี่ จ้ารัก”

♥ รักที่จะปฏบิ ตั ติ ามบทบัญญตั อิ ิสลาม
‫َوال ِذي َنْ َك َف ُروا فَتَع ًسا َل ُهْم َوأَ َضلْ أَع َمالَ ُهْم* ذَ ِل َْك ِبأَن ُهمْ َك ِر ُهوا َما أَن َز َلْ ّللاُْ فَأَحبَ َْط‬
‫أَع َمالَ ُهْم‬
“สว่ นบรรดาผูป้ ฏิเสธศรัทธานั้น ความพินาศหายนะจะไดแ้ ก่พวกเขาและพระองค์ไดท้ รงทาให้

การงานของพวกเขาไร้ผล

ท้งั นเ้ี พราะว่า พวกเขาเกลียดชังสิง่ ท่ีอลั ลอฮ.ทรงประทานลงมา พระองคจ์ ึงทรงทาใหก้ ารงาน
ของพวกเขาไรผ้ ล”

(มุฮัมหมัด 8 9)

พระองคท์ ี่ตรสั ไว้ในอัลกุรอานวา่ :

ْ‫َوأ ُمرْ أَه َل َكْ بِالص ََل ِْة َواص َطبِ ْر َع َلي َها َلْ نَسأَلُ َْك ِرز ًقا ََح ُْن َنر ُزقُ َكْ َوال َعا ِقبَةُْ ِللْتق َوى‬

“และจงใชค้ รอบครัวของเจา้ ให้ทาการละหมาด และจงอดทนในการปฏิบตั ิ เรามิไดข้ อเคร่อื ง
ยงั ชีพจากเจ้า เราต่างหากเปน็ ผ้ใู หเ้ ครือ่ งยังชพี แก่เจ้าและบั้นปลายนน้ั สาหรับผู้ที่มีความยาเกรง”

(ตอฮา 132)

มีคนถามทา่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสลั ลัม ว่าการละหมาดใดทีป่ ระเสริฐที่รองลงมาจาก
ละหมาดห้าเวลา? ท่านตอบวา่

»ْ‫ الصَلْةُ فِي َجو ِْف اللي ِل‬،‫»أَف َض ُلْ الصَل ِةْ بَـع َدْ الصَلِْة ال َمكتُو َب ِة‬

“การละหมาดที่ประเสริฐทส่ี ุดรองลงมาจากละหมาดหา้ เวลาคือการละหมาดในช่วงทา้ ยของ
กลางคนื ”

(บนั ทกึ โดยมุสลมิ )

การแต่งงานตามหลกั การศาสนาอสิ ลาม
สาหรับการแตง่ งานตามหลักการอิสลามน้ี ได้รวบรวมเนื้อหาจากหลายๆท่มี าเป็นหน่ึง

สาหรบั การแต่งงานของชาวมลายู ซึง่ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามนั้น แม้ว่าชาวมลายจู ะมปี ระเพณกี าร
แตง่ งานท่มี พี ิธีกรรมหลากหลาย แตใ่ นบรรดาพธิ ีกรรมตา่ งๆนัน้ จะต้องมีพิธกี รรมท่ีเป็นหลกั ของ
การแตง่ งานตามหลักการในศาสนาอสิ ลาม นัน้ คอื พิธีนิกะห์
การสมรส คือ การผูกความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งชายกบั หญิง
โดยมเี ป้าหมาย ทจ่ื ะใชช้ วี ติ คู่รว่ มกัน อยา่ งสามภี รรยา ที่สอดคล้องกับหลักการชรั อียะฮ และ
กฎหมาย อสิ ลามถือวา่ การสมรส เป็นอิบาดะฮ ประเภทหนึ่ง ท่สี ง่ เสรมิ ให้มี สาหรบั ผท้ ม่ี ี
ความสามารถ ในด้านต่างๆ ท่กี าหนด ทัง้ น้ี เพราะเป็นแบบอย่างทีด่ ีงาม จากทา่ นรอ
ซูล ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซลั ลัม ดังปรากฏในอลั กรอุ าน ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้สง่
บรรดารอซลู มากอ่ นหน้าเจ้า และเราได้ให้พวกเขา มีภรรยา และลกู หลาน” (อัรฺเราะอดฺ :ุ 38)
และอัลลอฮฺ ซุบหานาฮวู าตาอาลา ไดก้ ล่าว ความว่า “อัลลอฮทฺ รงสรา้ งคคู่ รอง ทีม่ าจากหมู่พวก
เจา้ ให้แกพ่ วกเจ้าเอง พระองคท์ รงทาใหเ้ กดิ ลกู และหลาน จากภรรยาของพวกเจ้า และทรง
ประทานปจั จยั ยงั ชีพ จากสิง่ ดีๆ แก่พวกเจ้า” (อนั นะหฺล:ุ 72)

การหม้นั หมายถงึ การตกลงระหว่างฝ่ายชาย กับฝา่ ยหญิง ทจ่ี ะผกู พนั ด้วยการสมรส ใน
อนาคต ทง้ั นี้ เพือ่ ให้ทง้ั สองฝา่ ย ได้รจู้ ักซ่ึงกันและกัน และเพือ่ ความพร้อม ในการใช้ชีวิตคู่ต่อไป
เงื่อนไขการหม้ัน มีดงั นี้
1. ฝ่ายหญิงจะตอ้ งปราศจากขอ้ หา้ มต่างๆ ตามบญั ญตั อิ สิ ลาม
2. ฝ่ายหญงิ จะต้องไมม่ ชี ายใดหม้ันไวก้ อ่ น และหวังจะแต่งงานด้วย ดงั รายงานจากอกุ บะฮฺ อิบนุ
อามีรฺ ว่า ทา่ นรอซูล ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลยั ฮวิ ะซัลลมั ได้กลา่ ว ความวา่ “ผู้ศรัทธานั้น เป็นพี่น้องของ
ผศู้ รทั ธา ดังนัน้ จึงไมอ่ นญุ าตให้ขายตัดหน้า พ่นี อ้ งของเขา และไมห่ ม้ันซ้อน พน่ี ้องของเขา
จนกว่าคนนั้น เขาจะปล่อยไป” (บันทึกโดย อะหมัด และมุสลิม)
3. ฝา่ ยหญิงไมอ่ ย่ใู นช่วงของอดิ ดะฮฺ สามีคนก่อน ยกเว้นสามเี สยี ชวี ติ ก็อนุญาตใหพ้ ูดเป็นนยั ๆ ไว้
ก่อนได้
เมื่อทัง้ สองฝ่าย ไดห้ มัน้ หมายกันแล้ว ตา่ งฝา่ ยตา่ งกม็ สี ิทธิ ที่จะมองกันและกันได้ เฉพาะสว่ นท่ี
อนุมตั ใิ ห้มอง เชน่ ใบหนา้ และฝ่ามือ แตห่ ้ามทงั้ สอง อยู่ในทีล่ ับตา หรือโดยลาพัง จนกว่าจะได้
สมรสถูกต้องตามหลกั ของศาสนาอสิ ลาม

การรบั นกิ ะห์
การสมรสจะมผี ล ตามหลักศาสนาอิสลาม ก็ตอ่ เมอ่ื มกี ารอะกดั นกิ ะห ซง่ึ ประกอบดว้ ย
อญี าบ และกอบูล
อญี าบ หมายถึง คาเสนอทีบ่ ่งบอก ถึงการสมรสระหวา่ งใครกบั ใคร และทรพั ยม์ ะฮัร (สินสอด)
เทา่ ไร เชน่ กลา่ วว่า “ ฉันแต่งงานคณุ กบั นางสาวอามนี ะฮ บตุ รีฉันด้วยมะฮรั 2,000 บาท’’เป็น
ต้น
กอบลู หมายถงึ การต้อนรับของฝา่ ยชาย เมื่อผเู้ สนอกล่าวคาอีญาบเสร็จ เชน่ กล่าวว่า “ฉันรบั
การแต่งงาน ดงั กลา่ วแล้ว” หรอื อาจจะตอบรับ โดยละเอยี ด ตามที่เสนอกไ็ ด้
ท้ังอีญาบ และกอบูล จะใช้ภาษาอะไรกไ็ ด้ แต่ควรจะเปน็ ภาษาทั้งสองฝา่ ย เขา้ ใจความหมาย และ
ต้องกลา่ วตอบรบั ในทันที โดยไมม่ ีคาพดู อืน่ ใด มาแทรกในระหวา่ งคาอีญาบ และกอบูล ใน
ขณะเดียวกนั การรับนิกะห์ จะต้องมีพยานรู้เห็นไม่น้อยกวา่ 2 คน โดยพยานต้องเป็นบุคคล ท่มี ี
คุณสมบตั ิ
หญงิ ตอ้ งห้ามแต่งงาน
ในการสมรสตามหลักการอิสลามน้นั ไดม้ ีขอ้ กาหนด เก่ียวกบั คุณสมบัติของฝ่ายชาย และ
ฝา่ ยหญิง ไวอ้ ยา่ งชัดเจน นอกจากน้ี ยังได้กาหนดรายละเอยี ด ผทู้ ่ีอิสลามห้ามทาการสมรส ไวด้ ้วย
เช่นกัน
ชายหญงิ สมรสกันไม่ได้ เน่อื งจากเหตุ 3 ประการ ไดแ้ ก่
1. ตอ้ งหา้ มเพราะสบื สกลุ คือ

- แม่ แม่ของแม่ และสงู ข้นึ ไป
- ลกู สาว ลูกของลูกสาว และระดบั ตา่ ลงไป
- พส่ี าว น้องสาว
- อาหญงิ
- ป้าหญงิ
- ลูกสาวของพช่ี าย หรือน้องชาย
- ลกู สาวของพช่ี าย หรอื น้องสาว
2. ต้องหา้ มด้วยสาเหตุการแตง่ งาน คือ
- แมข่ องภรรยา แม่ของแมภ่ รรยา แม่ของพ่อของภรรยา และระดบั สูงขน้ึ ไป
- ลูกสาวภรรยาของเขา ท่ีเขามีเพศสัมพันธก์ บั นางแล้ว และลกู สาวของลกู ชายของนางและระดับ
ตา่ ลงไป
- ภรรยาของลกู ชาย ลกู สาวของลูกชาย ลูกสาวของลกู สาว และระดบั ต่าลงไป
- ภรรยาของพ่อ
3.ตอ้ งหา้ มเพราะการด่มื นม คือ
- หญิงท่เี ป็นแม่นม เพราะนางถือเป็นแม่ของเด็ก
- แมข่ องสามแี ม่นม เพราะนางถอื เปน็ ย่าของเด็ก
- พ่สี าว นอ้ งสาวของแมน่ ม เพราะเป็นน้าสาวของเด็ก
- พสี่ าว นอ้ งสาว ของสามแี มน่ ม เพราะถอื เปน็ ปา้ ของเดก็
- ลูกสาวของลกู ชาย และลูกสาวของแม่นม เพราะพวกนาง เป็นลูกสาวของพ่นี ้องชายหญงิ ของ
เขา
ทง้ั นี้ การด่ืมนมตอ้ งมเี งอื่ นไขวา่ ด่มื นมจรงิ ๆ จากเตา้ นมของผู้ให้นมดังกลา่ ว โดยได้ด่ืมนมจนอิม่
ไม่น้อยกวา่ 5 คร้ัง และอายขุ องเดก็ ไม่เกนิ 2 ขวบ

วลีย์
วลยี ์ คือ ชายผู้ซึ่งมเี อกสิทธ์ิ ท่ีจะประกอบพธิ ีนกิ ะห์ หรอื สมรสให้กบั หญงิ หรือสมรสให้กบั ชาย
ทีย่ งั ไมบ่ รรลศุ าสนภาวะ เพราะมรี ายงานจากกอบูมูซา ว่า แท้จริงทา่ นรอซลู ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะซลั ลมั ไดก้ ลา่ วความวา่ “ ไม่ถือเปน็ การแตง่ งาน นอกจากตอ้ งมีวลีย์ ” (รายงานโดย ตริ มีซยี ์ )

วลยี ์ แบง่ ออกได้เป็น 7 ประเภท

1. วลีย์คอส ไดแ้ ก่ ผู้ชายท่ีเปน็ ญาติสนิทของหญงิ ที่มีสทิ ธิ์เป็นวลยี ์ไดก้ ่อน และหลงั ตามลาดับ
ดังนี

1.1 บิดา

1.2 ปู่

1.3 พี่ชาย หรือนอ้ งชาย ทรี่ ว่ มบิดา มารดา

1.4 พช่ี าย หรือน้องชาย ที่รว่ มบิดา

1.5 บุตรชายของพี่ชาย หรือนอ้ งชาย ที่รว่ มบิดา มารดา

1.6 บตุ รชายของพช่ี าย หรอื น้องชาย ทร่ี ่วมบิดา

ถา้ วลียใ์ นลาดับท่ี 1.6 ไมม่ ี ก็ให้บุตรชายในลาดบั ท่ี 1.5 เปน็ วลยี ์ ถา้ วลยี ์ในลาดบั ที่ 1.5 ไม่
มี ก็ให้บตุ รชายของวลีย์ ในลาดบั ที่ 1.6 เป็นวลยี ์ ถ้าบตุ รชายของวลยี ล์ าดบั ที่ 1.6 ไมม่ ี ก็
ให้หลานชายของวลีย์ ลาดบั ท่ี 1.5 เปน็ วลยี ์ ถา้ หลานชายของวลีย์ลาดับท่ี 1.5 ไมม่ ี ก็ให้
หลานชายของวลียล์ าดบั ท่ี 1.6 เป็นวลยี ์ โดยสลับกันไปเชน่ นี้ จนกว่าจะขาด ชายผูส้ ืบสันดาน
ของวลีย์ ในลาดับที่ 1.5 หรือท่ี 1.6

1.7 พ่ชี าย หรอื นอ้ งชายของบิดา ทร่ี ่วมบิดา มารดา

1.8 พช่ี าย หรอื นอ้ งชายของบิดา ทร่ี ่วมบิดา

1.9 บุตรชายของพ่ีชาย หรอื น้องชาย ทร่ี ว่ มบิดา มารดา

1.10 บุตรชายของพ่ีชาย หรอื น้องชาย ท่ีร่วมบิดา

1.11 พี่ชาย หรอื นอ้ งชายของปู่ ที่รว่ มบิดา มารดา

1.12 พ่ชี าย หรอื น้องชายของปู่ ทร่ี ว่ มบดิ า

1.13 บุตรชายของพชี่ าย หรอื นอ้ งชายปู่ ทร่ี ่วมบดิ า มารดา

1.14 บุตรชายของพี่ชาย หรือนอ้ งชายของปู่ ที่ร่วมแตบ่ ดิ า

2. วลียอ์ ักรอบ ได้แก่ วลีย์คอสทีส่ นทิ หรอื ใกล้ชดิ ที่สุด ตามลาดบั ของวลีย์คอส ทีม่ ตี วั ตนอยใู่ น
ขณะน้ัน

3. วลยี ์อบั อัฏ ไดแ้ ก่ วลยี ค์ อสทีห่ ่างลดหลนั่ จากวลีย์อกั รอบออกไปตามลาดั บ

4. วลีย์มุจญบริ วลยี ์ทีเ่ ป็นบดิ า หรอื ปใู่ นเมือ่ ไมม่ ีบิดา

5. วลีย์หะกมิ คอื ผู้ซงึ่ ไดร้ บั การแต่งต้งั โดยพระมหากษตั ริย์ ให้ทาหน้าท่สี มรสผู้หญงิ ท่บี รรลุศา
สนภาวะแล้วทว่ั ไป

6. วลยี อ์ าม คอื ผ้ทู รงสิทธจ์ิ ะประกอบพิธสี มรส ให้กบั หญิงท่บี รรลศุ าสนภาวะทั่วไป

7. วลียต์ ะห์กมิ คือผู้ชายทีผ่ ู้หญิง กล่าวแต่งตง้ั ให้ทาหน้าท่ีเป็นวลยี ์ และสมรสใหก้ ับนาง

ในสว่ นของวลีย์คอส จะตอ้ งเรียงลาดบั ก่อน หลงั จากลาดับท่ี 1-14 จะสบั เปลย่ี น โดยที่วลยี ์
ยงั คงมีตวั ตนอยู่ และมีคุณสมบัตคิ รบถ้วนไม่ได้

เง่อื นไขของผู้ทาหน้าท่ีเป็นวลยี ์ในการสมรส มดี ังน้ี

1. มสุ ลิม

2. ไม่มจี ิตฟัน่ เฟอื น

3. ไม่เปน็ เสมอื นบคุ คลไร้ความสามารถ

4. ไมเ่ ป็นฟาซิก

5. มีสติปัญญาเย่ียงสามญั ชน

6.ไมอ่ ยู่ในระหว่างประกอบพิธหี ัจญ์

พยาน

การสมรสจะมีผล ตามหลกั ของศาสนาอสิ ลาม จะตอ้ งมพี ยานการสมรส รเู้ ห็น ไมน่ อ้ ย กวา่
2 คน ดงั รายงานจากท่าหญงิ อาชชี ะฮฺวา่ แทจ้ ริงทา่ นรอซูล ศอ็ ลลลั ลอฮุ อาลัฮิวะซัลลมั กล่าว
ความวา่ “ไม่ถอื เป็นการแตง่ งาน นอกจากจะตอ้ งมีวะลยี ์ (ผูป้ กครอง) และมพี ยานท่ีเท่ยี งธรรม 2
คน” (บันทึกโดย อัดดารุกฏนี)

และมีรายงานจากอิบนีอบั บาสว่า แท้จรงิ ทา่ นรอซลู ศ็อลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิวะซัลลัม ไดก้ ล่าว ความ
วา่ “ถอื เป็นพวกกบฏ สาหรบั หญงิ ทแ่ี ตง่ งาน โดยไมม่ ีพยาน” (บนั ทึกโดยตริ ฺมีซยี ์)

จากหลักฐานทีก่ ล่าวอา้ ง จะเห็นได้วา่ พยานมคี วามสาคัญ เปน็ อย่างย่งิ อสิ ลามจึงไดก้ าหนด
คุณสมบัติ ของพยานทั้งสอง ดงั นี้

1. เปน็ มูสลิม

2. ไม่มจี ติ รฟัน่ ฟอ์ น

3. มีสติปญั ยาเยย่ี งสามัญชน

4. เปน็ บุคคลอาดลิ (ยุตธิ รรม) ไมก่ ระทาบาปใหญ่ หรอื บาปเลก็ โดยสม่าเสมอ

5. มองเหน็ ไดย้ นิ และพูดได้

6. ไม่ผ้เู สมอื นไรค้ วามสามารถ

7. ประกอบอาชีพ ที่มเี กยี รติ ตามสภาพสังคม

8. มีมารยาทดี

มะฮรั (สนิ สอด)

มะฮรั หมายถึง ทรพั ยส์ ินเงินทอง หรอื คณุ ประโยชน์อ่นื ๆ ทฝี่ า่ ชายต้องมอบ ให้กับฝา่ ย

หญงิ เนือ่ งจากการสมรส ดงั ปรากฏในอลั กรอ่าน ความว่า “และพวกเจ้าจงใหท้ รัพยม์ ะฮรั แก่

บรรดาหญิง (ทพ่ี วกเจ้าแต่งงาน) ด้วยความเต็มใจ” (อัลนซิ าอ :4)

สาระท่ีควรรขุ้ องมะฮัร มดี งั น้ี

ฝ่ายหญงิ มีสทิ ธิ ทจี่ ะเรยี กรองมะฮรั จากฝา่ ยชาย ได้ตามความเหมาะสม

บดิ ามารดา หรอื วะลีย์ ไมม่ สี ิทธิในทรัพย์สนิ มะฮรั ดงั กล่าว เว้นแตฝ่ า่ ยหญงิ มอบให้ ยกให้
หรอื อนุญาตให้ใชจ้ า่ ยได้

ฝา่ ยชายไม่มสี ิทธิ ขอลดปรมิ าณทรัพม์ ะฮรั ทไ่ี ด้ตกลงกนั แล้ว

ถา้ ฝา่ ยชายเสีชวี ิตก่อนได้รว่ มประเวณี ฝ่ายหญิงมสี ิทธิเรียกร้องมะฮัร ท่ีคงคา้ งได้ ไมเ่ กิน
ครึง่ หนงึ่ ของมะฮรั ทั้งหมด

ก่อนรว่ มประเวณีคร้งั แรกฝ่าหิงมสี ิทธิทจ่ี ะขดั ขืนไม่ยินยอมใหฝ้ ่ายชายรว่ ม ประเวณีได้
จนกว่าฝ่ายชายจะจ่าทรพั ยม์ ะฮัรตามที่ไดต้ กลงกันไว้

ถ้าฝ่าชายหย่ารา้ งกอ่ นร่วมประเวณอี นั เนือ่ งมาจากฝา่ ยหญิงไมย่ นิ ยอมฝ่ายชายมิ สิทธิเรยี ก
ทรพั ยม์ ะฮัรกลับคนื ได้ทงั้ หมด

การทีฝ่ า่ ยหญงิ จะกาหนดปริมาณทรพั ยม์ ะฮัร ควรจไั ดพ้ ิจารณาปรมิ าณทรพั ยม์ ะฮรั ของพี่
สาหรือน้องสาวของบิดา หรอื ญาตผิ ูห้ ญงิ ของบิดาเป็ยเกณฑ์ แต่ทั้งนีต้ อ้ งอยู่ในระยะเวลาที่ห่างกัน
ไมม่ ากนัก

ท้ังฝ่ายชายและหญงิ มสี ิทธทิ ี่จะตกลงกาหนดเวลาชาระ เพกิ ถอน เพ่มิ เตมิ หรือลดทรพั ย์
อยยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ที่ได้ตกลงกันไว้กอ่ นแล้วก็ย่อมได้

ข้อควรคานงึ สาหรบั ฝ่ายหญิง คอื ไมค่ วรกาหนดคา่ มะฮัร มากจนเกนิ ไป เพราะมีรายงาน
จากท่านหญิงอาอชี ะฮ รอฎิยลั ลอฮอุ นั ฮา กลา่ วว่า ท่านรอซลู ศ็อลลลั ลอฮุ อะลัยฮวิ ะซลั ลมั ได้

กลา่ วไว้ความว่า “ความดีของสตรีน้ัน คือทรัพย์มะฮัรนอ้ ย การแต่งงานงา่ ย ๆ อปุ นสิ ยั ดี และทีช่ วั่
ๆ ของนาง คือทรัพยม์ ะฮรั แพง การแตง่ งานแบบลาบาก อปุ นิสยั ไมด่ ี ”

นอกจากนนั้ การกาหนดคา่ มะฮัรแพง เทา่ กับเปน็ การเพ่มิ ภาระ ใหแ้ กฝ่ ่ายชาย ซ่ึงจะเกิด
ผลกระทบ กบั การใชช้ วี ติ ในอนาคต

งานวะลมี ะฮฺ

เม่ือท้งั สองฝา่ ยชายหญิง ตกลงพร้อมใจท่จี ะนกิ ะหฺ และอยู่กินดว้ ยกัน ฉันสามภี รรยา ใน
อนาคต จะมกี จิ กรรมหนึ่ง ส่งเสริมให้กระทา คอื การจดั งานวะลีมะตลุ อรุ สู คอื งานเลยี้ งสมรส เพื่อ
ประกาศให้สังคมทวั่ ไปทราบวา่ ชายหญงิ คดู่ งั กล่าว ไดส้ มรสกนั แล้ว

ทา่ นรอซลู ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซลั ลมั ได้กลา่ วแก่ อับดุรฺเราะฮฺมาน บุตรของ
โอ๊ฟ ความว่า “จงจดั งานวะลีมะฮฺ แมเ้ ป็นแกะเพยี งตัวเดยี วก็ตาม” (รายงานโดย ท่านบคุ อรีย์)

และรายงาน จากอบูฮุร็อยเราะฮฺวา่ เม่ืออาลีไดห้ มนั้ หมาย กบั ฟาติมะฮฺ ทา่ นรอซูล ศ็อลลลั ลอฮุ อะ
ลยั ฮวิ ะซลั ลมั ได้กล่าว ความว่า “ความจริงจาเปน็ สาหรับการแตง่ งาน มันตอ้ งมงี านวะลี
มะฮฺ” (รายงานโดย ท่านอะหฺมัด)

นักวิชาการ สรุปจากหะดีษดงั กลา่ ว วา่ งานวะลีมะฮฺ เป็นสุนตั มุอกั กาดะฮฺ สง่ เสรมิ ใหจ้ ัด
แต่ไมใ่ ชจ่ ดั แบบฟุ่มเฟือย หรอื จดั เพือ่ เป็นเกียรติ และศกั ด์ิศรีของวงศ์ตระกูล สาหรับแขกผู้ถกู เชญิ
จาเป็น (วาญบิ ) ต้องไปร่วมงานดังกล่าว เพราะมีรายงานจากอิบนอุ มุ ัรวฺ ่า แท้จริงท่านรอซลู
ศ็อลลลั ลอฮุ อะลยั ฮวิ ะซัลลมั ได้กล่าว ความวา่ “เม่ือคนใดในหมู่พวกเจ้า ไดถ้ กู เชญิ ไปงานวะลมี ะฮฺ
แลว้ เขาจงไปเถิด” (รายงานโดย มุสลมิ )

เงอ่ื นไขการเชญิ ร่วมงานวะลมี ะฮฺ ต้องมดี ังน้ี

1. ผู้เชญิ ต้องบรรลุศาสนภาวะ

2. จะตอ้ งไม่เชิญเฉพาะผทู้ ่ีรา่ รวย

3. จะต้องไม่แสดงออกถึงการรักใคร หรอื เกลียดใคร

4. ผู้เชญิ ต้องเปน็ มสุ ลิม

5. ตอ้ งเปน็ งานวนั แรกกรณจี ัดงานหลายวัน

6. ไมเ่ จาะจงว่าต้องไปงานกอ่ นคนอื่น

7. จะตอ้ งไมม่ กี จิ กรรมท่ีขดั ตอ่ หลักการของศาสนาปะปนอยู่

8. จะตอ้ งไม่มีอุปสรรคในการเดินทางไปร่วมงาน
ข้อควรคานงึ เก่ยี วกับการเชิญแขก ไปรว่ มงาน ท่านรอซลู ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลัยฮิวะซลั ลัม

ได้ตาหนิการเชิญแขก ท่มี ีฐานะดี และไมส่ นใจผ้ทู ฐี่ านะดอ้ ย ดงั รายงานจากอบูฮรุ ็อยเราะฮฺว่า
แทจ้ รงิ ท่านรอซูล ศอ็ ลลัลลอฮุ อะลัยฮวิ ะซัลลัม ไดก้ ลา่ ว ความว่า “อาหารท่เี ลวทส่ี ดุ คือ อาหาร
ของงานวะลมี ะฮฺ ซงึ่ เป็นงานทีห่ ้ามคนท่อี ยากมา แต่ไปเชิญคนทีไ่ มอ่ ยากมา และผู้ใดไม่ตอบรับ
เชิญ (ไม่ไปร่วมงาน) แน่นอนเขาได้ฝา่ ฝนื อัลลอฮฺและรอซลู ”

♥ รกั ภรรยา

ความรกั มีต่อภรรยา คือสาเหตุทาให้ครองชีวิตคู่ที่ยาวนานส่งิ นเ้ี ป็นธรรมชาติของผู้ชาย
และผหู้ ญิง มันคือพรอันประเสรฐิ ท่ีอลั ลอฮ์ ประทานให้แกม่ นษุ ย์
อลั ลอฮทฺ รงกลา่ ววา่
ْ‫َو ِم ْن آ َيا ِت ِهْ أَ ْن َخ َل َقْ َل ُكم ِّم ْن أَنفُ ِس ُكْم أَز َوا ًجا ِلِّتَس ُكنُوا ِإ َلي َها َو َجعَ َْل بَينَ ُكم م َودْةً َو َرح َمةًْ ِإن‬

‫ِفي َذ ِل َْك لَآيَا ْت ِلِّقَوْم يَتَ َفك ُرو َْن‬
“และหน่ึงจากสญั ญาณท้งั หลายของพระองคค์ ือ ทรงสรา้ งคคู่ รองใหแ้ กพ่ วกเจา้ จากตวั ของ
พวกเจ้า เพ่ือพวกเจ้าจะได้มคี วามสขุ อยกู่ บั นาง และ ทรงมคี วามรักใคร่และความเมตตาระหวา่ ง
พวกเจา้ แท้จรงิ ในการน้ี แนน่ อน ย่อมเป็นสญั ญาณแก่หมู่ชนผใู้ คร่ครวญ”
( 21 )
ดังมีรายงานฮะดษี จากทา่ นอับดลุ ลอฮฺ อบิ นิ อัมรฺ อิบนิล อ๊าซ

"ُ‫"ال ُّدي َنا َمتَاع َو َخي ُرْ َمتَا ْعِ ال ُّدن َيا ال َمرأْةُ الصا ِل َحْة‬
“โลกดุนยาน้คี ือ ความสขุ เบกิ บาน ความเพลิดเพลิน และความเบกิ บาน ความเพลิดเพลินที่ดี
ยง่ิ ของดนุ ยาคือ หญิง (ภรรยา) ทด่ี ”ี
(บนั ทกึ โดย อิมามมสุ ลมิ )

♦ ทา่ นหญงิ อาอชิ ะฮ์ ภรรยาท่รี กั ย่ิงของทา่ นนบีมุฮมั มดั

ท่านอมั ร อบิ นุอาศ ได้กลา่ ววา่ “แท้จรงิ ฉันได้ถามท่านรอซลู ว่า“ผูใ้ ดในมวลมนุษยท์ ่ีเปน็ ทรี่ ัก
ยิ่งแกท่ า่ นมากท่สี ุด”

‫يا رسو َْل ّللْاِ أ ُّيْ النا ِسْ أح ُّْب إلي َْك قا َْل عائشْةُ قي َلْ ِم َْن ال ِّرجا ِلْ قا َْل أبوها‬
ทา่ นรอซลู กล่าววา่ “อาอิชะฮฺ”
ท่านอมั ร จงึ ถามต่อไปอีกวา่ “และจากบรรดาผู้ชายเล่า ใครเป็นทีร่ ักย่งิ แก่ท่าน”
ท่านรอซูล ตอบวา่ “บดิ าของนาง”
(รายงานโดยบุคอรีย์ มุสลิม และติรมีซีย์)

อาอิชะฮ์เป็นบตุ รีของอบบู กั ร อัศศดิ ดกิ ซงึ เปน็ สหายสนิทของทา่ นนบมี ฮุ มั หมัด และเปน็
ชายคนแรกทเี่ ขา้ รบั อสิ ลาม อาอชิ ะฮ์เปน็ สตรีทม่ี ีความประเสรฐิ เหนอื บรรดาสตรีทัง้ หลาย โดย
ทา่ นนบีไดก้ ล่าวถงึ ความประเสริฐของทา่ นหญิงอาอชิ ะฮว์ ่า

ْ‫فَض َْل َعائِ َشْةَ َع َلى ال ِّن َْسا ِْء َك َفض ِْل الث ِري ِْد َعلَى َسا ِئ ِرْ الط َعا ِمْ َوإِن‬
“ความเลอเลิศของอาอิชะฮ์ที่เหนอื กว่าสตรที ง้ั หลายนนั้ เหมือนกบั ความเลอเลศิ ของษะ
รดี (อาหารชนิดหนึ่ง)ท่เี หนอื อาหารอนื่ ๆ”
(รายงานโดยบคุ อรีย์)

♦ จะต้องใหป้ ฏบิ ัตติ อ่ สตรดี ้วยดี

รายงานจากอบฮี รุ อยเราะห์ กล่าวว่า ทา่ นรอซลู กล่าวว่า :
‫ إ ْن ك ِره ِمن َها ُخلُقْاً َر ِض َْي منها آخر‬،‫َلْ َيف َر ْك مؤمن مؤمنة‬

"ชายผู้ศรทั ธาอยา่ เกลยี ดหญงิ ผศู้ รทั ธา ถา้ หากเขาเกลยี ดนางในเรือ่ งมารยาทอยา่ งหนึ่งอยา่ ง
ใด กข็ อให้พึงพอใจนางในเรอ่ื งอน่ื ๆ”
(รายงานโดยมุสลมิ )

รายงานอบฮี ุรอยเราะห์ กล่าววา่ ท่านรอซลู กล่าวว่า :
‫أكم ُْل المؤمنين إيمانًا أحسنُهم ُخلقًا وخيا ُركم خيا ُركم لأه ِله‬

“บรรดาผูศ้ รัทธาท่ีมีอีหม่านสมบรู ณท์ ส่ี ดุ คือผ้ทู ม่ี มี ารยาทดี และคนท่ีดีท่สี ดุ ในหมูพ่ วกท่าน
คือ ผู้ทป่ี ฏิบัติดตี อ่ ภรรยาของพวกเขาในหมู่พวกทา่ น”
(บันทึกโดยติรมซิ ยี ์)

♥ รกั พ่ีนอ้ ง

แท้จรงิ อัลลอฮ์ ทรงใหม้ นษุ ยท์ กุ คนบนโลกใบน้ี รกั พระผสู้ ร้าง และให้พวกเขานั้นรักกันใน
หมู่พีน่ อ้ งมุสลมิ ในการดาเนินชวี ิต การใช้ชีวติ ในสังคม และทรงห้ามปรามการรังเกียจ ความโกรธ
แค้น สงิ่ ทนี่ ามาซง่ึ ความแตกแยก ทะเลาะววิ าท
อัลลอฮ์ ทรงกลา่ ววา่

‫َواذ ُك ُروا نِع َم َتْ ّللاِْ َعلَي ُكمْ إِذْ ُكنتُمْ أَع َدا ًْء َفأَل َفْ بَي َْن قُلُو ِب ُكْم فَأَصبَحتُم بِ ِنع َم ِت ِهْ إِخ َوانًا‬
“และจาราลึกถงึ ความเมตตาของอัลลอฮทฺ ่ีมีตอ่ พวกเจา้ ขณะทพ่ี วกเจา้ เป็นศัตรูกัน แล้ว
พระองค์ไดท้ รงใหส้ นิทสนมกนั ระหว่างหัวใจของพวกเจา้ แล้วพวกเจา้ ก็กลายเป็นพ่ีนอ้ งกนั ด้วย
ความเมตตาของพระองค์ "
(อาล อิมรอน: 102-103)
ท่านนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม กลา่ วว่า

‫ال ُمؤ ِم ُْن ِلل ُمؤ ِم ِنْ َكالبُن َيا ِنْ َي ُش ُّدْ َبع ُضهُْ بَع ًضا‬
“ความสัมพันธร์ ะหวา่ งมุอ์มนิ ผศู้ รทั ธาน้ัน เปรยี บไดด้ งั อาคารที่ตา่ งส่วนตา่ งเกอื้ หนุนเสริม
ความแกรง่ ใหแ้ ก่กัน แลว้ ท่านก็สอดประสานนว้ิ มือเข้าดว้ ยกนั ”
(บนั ทึกโดยอลั -บคุ อรีย์ และมสุ ลมิ )
พระองค์ ตรัสความว่า

﴾ ‫﴿ إِن َما ٱل ُمؤ ِمنُو َنْ ِإخ َوة‬
“แท้จรงิ บรรดาผู้ศรทั ธาน้ันเป็นพ่ีนอ้ งกัน”
(อลั -หญุ รุ อต: 10)

ดังทีม่ รี ายงานจากท่านอนสั รอ่ ฎิยัลลอฮอุ นั ฮุ จากท่านนบี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลยั ฮิวะซัลลมั ได้
กลา่ ววา่ :

‫ل يُؤ ِم ُنْ أَح ُد ُكمْ حتى يُ ِح ْب لأَ ِخي ِْه َما يُ ِح ُّبْ ِلنَف ِس ِْه‬
“บคุ คลหนึง่ บคุ คลใดของพวกทา่ นจะยังไมม่ ีศรัทธาที่สมบูรณ์ จนกวา่ เขาจะมีความปรารถนา
ให้พน่ี อ้ ง ของเขาได้รบั ในสิ่งทต่ี ัวของเขาเองปรารถนาท่จี ะได้รับ”

(บนั ทึกโดย บุคอรยี ์และ มุสลมิ )

ทา่ นอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎยิ ัลลอฮุอันฮุ ได้เลา่ ว่า ทา่ นเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮอุ ะลยั ฮิ
วะสัลลมั ไดก้ ลา่ ววา่

‫ َو َشا ْب نَ َشأَْ فِي ِعبَا َدِْة‬،‫ اْ ِل َما ُمْ العَا ِد ُل‬:ُ‫ َيو َْم ْلَ ِظ ْل إِلْ ِظ ُلّْه‬،‫َسبعَةْ يُ ِظلُّ ُه ُْم ّللْاُ فِي ِظ ِِلّ ِه‬
‫ َو َر ُجَلَ ِنْ تَ َحابا فِي ّللاِْ اجتَ َم َعا َعلَي ِْه َوتَ َفر َقا‬،‫ َو َر ُجلْ قَلبُْهُ ُم َعلقْ فِي ال َم َسا ِج ِد‬،‫َر ّبِ ِه‬
،‫ َو َر ُجلْ تَ َصد َق‬،َ‫ ِإنِّي أَ َخا ُفْ ّللا‬:ْ‫ َف َقا َل‬،‫ َو َر ُج ْل َط َل َبتْهُ ام َرأَةْ َذا ُتْ َمن ِص ْب َو َج َمال‬،‫َعلَي ِه‬

ُْ‫ َو َر ُج ْل ذَ َك َرْ ّللاَْ َخا ِل ًيا فَفَا َضتْ َعي َناه‬،ُ‫أَخ َفى َحتى ْلَ تَعلَ َْم ِش َمالُْهُ َما تُن ِف ُْق َي ِمينُه‬
“ในวนั กยิ ามะฮฺจะมมี นุษย์ 7 กลุม่ ที่อลั ลอฮฺ จะทรงใหร้ ม่ เงาของพระองคแ์ ก่พวกเขาในวนั ซ่ึง
ไม่มรี ม่ เงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์ รม่ เงาที่ทรงให้แก่บุคคล

กลมุ่ ที่หน่งึ คือ กลุ่มของอมิ ามหรอื ผนู้ าท่ที รงคณุ ธรรม อยใู่ นหลกั การ มีความเทย่ี งธรรม

กลุม่ ทส่ี อง คือ กล่มุ เยาวชนหรือชายหนมุ่ ท่ีตลอดชีวิตวยั หนุ่มของเขาน้นั เตบิ โตมาในเรื่องของ
การทาอิบาดะฮฺ เรอ่ื งของการศกึ ษาหาความรู้ในเรื่องราวของศาสนา

กลมุ่ ที่สาม คอื กลุ่มของชายท่ีจติ ใจของเขาผูกพันอย่กู บั มัสยิด

กล่มุ ทีส่ ี่ คือ กลุ่มของบุคคลทีร่ กั กันเพือ่ อลั ลอฮฺรวมกัน เป็นมิตรกนั เปน็ สหายกนั ในหลักการ
ของอัลลอฮฺ แล้วก็จากกัน แยกกันในเรือ่ งของศาสนา มใิ ชเ่ รอ่ื งของทรพั ยส์ ินเงินทอง

กลุ่มที่ห้า คอื ชายท่ีมีหญิงผ้มู ีความสวยงามมาชักชวนเขา (ให้ทาซินา) แต่เขากลา่ วว่า “แทจ้ รงิ
ฉนั กลัวอลั ลอฮ"ฺ

กลุ่มที่หก คือ กลุม่ ของคนทท่ี าทาน บรจิ าคทานโดยเขาปกปดิ มันไวจ้ นกระทั่งมือซา้ ยไมร่ วู้ า่ มอื
ขวาได้บรจิ าค ไดท้ าบญุ อะไรไปบา้ ง

กลมุ่ ที่เจด็ คือ กลมุ่ ของคนทเ่ี มอ่ื เขาราลึกถงึ อัลลอฮฺ อยู่เพยี งลาพังแลว้ ดวงตาของเขากห็ ลั่ง
น้าตาเอ่อออกมา”

(บันทึกโดยบุคอรยี แฺ ละมุสลมิ )

♣ ทา่ นนบีมคี วามรักตอ่ ทา่ นอบบู กั ร์
ท่านอมั ร อิบนลุ อาศ ได้ถามท่านเราะซูลลุลลอฮ์ ถึงคนทเ่ี ป็นท่รี กั ท่ีสดุ ของทา่ น
ท่านนะบตี อบว่า "อบบู กั ร"
เขากลา่ วว่า "แลว้ ใครอกี ครับ ?"
ทา่ นนะบตี อบว่า "ต่อมาก็คืออมุ รั อบิ นุ อัลคอฏฏอบ" แลว้ ทา่ นก็กลา่ วถึงคนอ่ืนอีกหลายคน

♣ ท่านนบีมคี วามรักต่อท่านมุอา๊ ซ อิบนิ ญะบลั

อะบดู บั ดิรเราะหม์ าน อัลฮบุ ลุ ีย์ เล่าจากท่านอัศศุนาบิฮยี ์ เล่าจากท่านมุอา๊ ซ อบิ นญิ ะบลั วา่
“แทจ้ รงิ ทา่ นรอซลู ลลุ ลอฮ์ ได้จับมือของทา่ นมอุ ๊าซแล้วกลา่ ววา่ โอ้มอุ ๊าซ ฉันขอสาบานตอ่ อลั
เลาะห์ว่า แทจ้ รงิ ฉนั รกั ทา่ น”

ทา่ นนบีได้กลา่ วตอ่ ไปอกี ว่า “ฉนั ของสง่ั เสียแกท่ า่ น โอม้ ุอ๊าซ...ท่านอยา่ ไดล้ ะทงิ้ เป็นอันขาด ใน
ทกุ ๆหลังเวลาละหมาดทจ่ี ะกลา่ ววา่ :

‫ و ُحس ِْن ِع َباد ِتك‬،‫الل ُهم أَ ِع ِّني َع َلى ِذك ِر َكْ َو ُشك ِر َك‬
ข้าแต่อัลเลาะห์ โปรดช่วยเหลือขา้ พระองค์ในการกล่าวราลึกถึงพระองค์ และกล่าว
ขอบพระคณุ พระองค์ และการประกอบอิบาดะห์ทดี่ งี ามต่อพระองค์ด้วย"

(บันทึกโดยอบูดาวดู )

♥ รักเครอื ญาติ

สาหรบั ญาติพีน่ อ้ งทม่ี คี วามสัมพนั ธ์เครือญาตกิ บั ทา่ น เชน่ เป็นพ่ี
น้อง ลุง ป้า นา้ อา ตลอดจนลกู พ่ลี ูกนอ้ ง หรอื บุคคลอน่ื ท่ีเป็นเครือญาตกิ บั เรานน้ั พวกเขามสี ิทธพิ งึ
ไดร้ ับ

ดังท่อี ลั ลอฮฺไดต้ รัสวา่

‫َو َءا ِتْ ذَا ٱۡلقُ ۡر َبىْ َحقهُۥ‬

“และจงใหส้ ทิ ธแิ กผ่ ทู้ เ่ี ปน็ เครือญาต”ิ
(อลั -อสิ รออ์ : 26)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลยั ฮวิ ะสลั ลัม กล่าวว่า

»ُْ‫» َم ْن َكا َْن يُؤ ِم ُنْ بِالِْل َواليَو ِْم الآ ِخ ِرْ فَل َي ِص ْل َر ِح َمه‬
“ใครก็ตามท่ีมคี วามศรทั ธาตอ่ อลั ลอฮแฺ ละวนั กิยามะฮฺ ก็จงเชือ่ มสัมพันธ์กบั เครือญาติของเขา”
(บันทึกโดยอลั -บคุ อรีย์ )

และทา่ นอนัส เราะฎิยลั ลอฮุอันฮุ ไดเ้ ล่าว่า ทา่ นเราะสลู ลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลัม ได้
กล่าววา่

ُ‫ َفل َي ِص ْل َر ِح َمْه‬،‫ َويُن َسْأَ لَهُْ فِي أَثَ ِر ِه‬،‫َم ْن أَ َحبْ أَنْ يُب َس َْط َلْهُ فِي ِرز ِق ِه‬
“ผู้ใดอยากใหร้ ิสกีของเขาเพ่มิ พนู และให้รอ่ งรอย(อายขุ ยั )ของเขาไดย้ ืดยาวข้ึน เขากจ็ งเชือ่ ม
สมั พนั ธเ์ ครือญาตขิ องเขาเถิด”
(บันทกึ โดยอัลบคุ อรยี ฺและมุสลิม)
(และความหมายท่วี ่า “ยนุ สะอ์ ละฮู มิน อะญะรฮิ ฺ” คือ ถกู ยดื อายขุ ัย)
และยังส่งั ใชใ้ หท้ าดตี อ่ สหายของท่านท้ังสอง ท่านศาสนทูต (ศอ็ ลลลั ลอฮุอลยั ฮิวะสลั ลมั ) ได้
กลา่ ววา่

‫ ِإ ْن أَ َبرْ البِ ِّْر ِصلَْةُ ال َو َل ِْد أَه َلْ ُو ِّْد أَبِي ِْه‬.
“แท้จริง การกตญั ญูท่ดี ที ส่ี ดุ คอื การเช่อื มสมั พนั ธก์ ับเพ่อื นรกั ของพอ่ ของเขา”
(บนั ทกึ โดยมสุ ลมิ )

ความประเสริฐของความรัก

♥ อลั ลอฮฺจะทรงรกั เขา
มอุ าซ เล่าว่า ฉนั ได้ยนิ ทา่ นนบมี หุ มั มัด -ศ็อลลลั ลอฮฺ อะลยั ฮิ วะสลั ลัม- อัลลอฮฺทรงกลา่ ววา่

‫ والمتبا ِذلين‬،‫ والمتزاورين ِفي‬،‫ والمتجالسين فِي‬،‫َو َج َبتْ محبتي لل ُمتَحا ِبّي َْن ِفي‬

“ความรักของฉนั (อลั ลอฮ)ฺ จะต้องเกิดแกบ่ รรดาผทู้ เ่ี ขารักกันเพราะฉนั และบรรดาผู้ทีน่ ง่ั พบปะ
กันเพราะฉนั

และบรรดาผ้ทู เ่ี ขาเย่ยี มเยยี นกันเพราะฉัน และบรรดาผทู้ เี่ ขาท่มุ เทเสียสละกนั เพราะฉนั ”

(บนั ทึกโดยมาลิก)

เชน่ เดยี วกับคาพูดของมลาอิกะฮฺทจี่ ะกลา่ วกบั ผูท้ ไ่ี ปเยีย่ มเพื่อนเพ่ืออลั ลอฮฺ วา่

ُ‫أن الل عز وج َلْ قد أح ِّب َكْ كما أحببتْهُ لْه‬
"ฉนั นีค้ ือ ทูตจากอลั ลอฮม์ ายังท่าน เพ่ือจะบอกวา่ อัลลอฮไฺ ด้ทรงรกั ทา่ นเหมือนกับทท่ี ่านได้รัก
เขาเพอ่ื พระองค์"

(บันทกึ โดยมุสลิม)

♥ ได้อยใู่ นรม่ เงาบัลลงั กข์ องพระองค์

อบู ฮรุ ็อยเราะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮฺ อนั ฮุ เลา่ ว่า ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ไดก้ ล่าววา่ อลั ลอฮฺ จะทรง
กล่าวในวันกยิ ามะฮวฺ ่า

‫أين المتحابون بجَللي؟ اليوم أظلهم في ظلي يوم ل ظل إل ظلي‬

“ไหนละผ้ทู ร่ี กั กันเพ่ือเทดิ เกียรตขิ ้า..วันนี้ฉันจะให้พวกเขาไดห้ ลบรอ้ นใต้ร่มเงาของขา้ อันเปน็
วนั ที่ไม่มีรม่ เงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของขา้ เท่านั้น”

(บนั ทึกโดยมสุ ลิม)

อา้ งองิ

In Text citation In Reference citation
นิอบั ดุลรากิ๊บ บินนิฮสั ซนั นิอบั ดุลราก๊ิบ บินนิฮสั ซนั . (2015). การแต่งงานตามหลกั การศาสนาอิสลาม.
(2015)…………….. คน้ หาเม่ือ 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2020 , จาก
http://nikrakib.blogspot.com/2015/04/kahwinan-menurut-islam.html
อาจารยอ์ บั ดลุ ฆอนี บญุ มาเลิศ อาจารยอ์ บั ดลุ ฆอนี บุญมาเลิศ. (2015). ความรักท่ีมีต่อพระองคอ์ ลั ลอฮฺ. คน้ หา
(2015)…………….. เม่ือ 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2020 , จาก http://www.islammore.com/view/3733

อบั ดุลวาเฮด สุคนธา อบั ดลุ วาเฮด สุคนธา. (2015). ความรัก ในศาสนาอิสลาม. คน้ หาเมื่อ 16
(2015)…………….. กมุ ภาพนั ธ์ 2020, จาก http://www.islammore.com/view/4834


Click to View FlipBook Version