The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผู้เขียน พท.สมบัติ ไตรศรีศิลป์
10 ก.ค. 2559

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chawaplus Academy, 2023-01-31 11:36:06

หมอที่เก่งที่สุดในโลก

ผู้เขียน พท.สมบัติ ไตรศรีศิลป์
10 ก.ค. 2559

Keywords: หมอที่เก่งที่สุดในโลก,พท.สมบัติ ไตรศรีศิลป์

47 วันที่ 4 อยากรู้ว่าเป็นไข้เลือดออกจริงหรือไม่ ก็เลยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด ซ้ำ อีกทีผลตรวจเลือดเกร็ดเลือดลดลง 2,000 แต่ลดไม่มาก หมอเลยนัดมาอีกวัน เพื่อตรวจดูเกร็ดเลือดอีกทีวันนี้เลยกินยาสมุนไพรอีกตัวคือ รางจืด ชงดื่มเช้า กลางวัน เย็น เพื่อล้างพิษออกให้หมด วันที่ 5 ตื่นแต่เช้า (ตื่นอยู่แล้วเพราะนอนไม่หลับมันปวดตัวไปหมด) เพื่อไปตรวจ เลือดอีกทีผลตรวจเลือดเกร็ดเลือดเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานหมอบอกว่าหายแล้วไม่ต้องมา หาหมออีก ดีใจมากๆๆ เลย วันที่ 6 และ 7 ผื่นแดงที่ออกเริ่มจางหายไป อาการไข้เริ่มหายพร้อมปวดก็เริ่มหายแต่ก็ปวด อยู่บ้าง แต่ตอนกลางคืนสินอนไม่ได้เลยทั้งคืนของวันที่ 6 กับคืนวันที่ 7 อาการปวด หายไป แต่อาการคันระยิบระยับตามขาตามเท้าเหมือนมีอะไรมาไต่หรือกัด เอาน้ำ มาลูบเอาโลชั่นมาทาก็ไม่หาย 2 คืนติดต่อกัน นึกว่าเป็นอะไรอีกละนี่แต่ก็ไม่ได้ไปหา หมอทนเอาอยากรู้ว่าจะเป็นได้กี่วัน พอวันที่8 อาการคันหายไปหมดเลย ดีใจมากๆๆ เลย และแล้วโรคไข้เลือดออกก็หายไป ไข้เลือดออกเป็นแล้วต้องดูแลตนเองให้ดีทานอาหารให้ครบทุกมื้อทุกคน ที่เป็นอาจจะไม่โชคดีเหมือนผมก็ได้เพราะไข้เลือดออกยังไม่มียารักษาต้องรักษาเอง ดังนี้ 1. ป้องกันไม่ให้ยุงมากัดเรา 2. เมื่อเป็นแล้วต้องไปหาหมอเพื่อตรวจดูเกร็ดเลือด 3. ทานยาสมุนไพร 4. รับประทานอาหารครบทุกหมู่ 5. ต้องสังเกตอาการไข้ของตนเองด้วยว่าเข้าข่ายลักษณะของการเป็น ไข้เลือดออกหรือเปล่าอาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันอยู่ที่ภูมิต้านทานของโรค แต่ละคน เช่น


48 5.2 อาการเลือดออก : เลือดกำาเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลือดออกใน กระเพาะ โดยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำา มีจุดเลือดออกตามตัว 5.3 ความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด หรือช็อก : มักจะเกิดช่วงไข้ จะลด โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่ายมือเท้าเย็น รอบปากเขียว อาจมีอาการปวด ท้องมาก ก่อนจะมีอาการช็อก ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำา เมื่อใดต้องรีบส่งโรงพยาบาลทันที เมื่อมีเลือดออกผิดปกติ อาเจียนมาก ปวดท้อง ซึม ไม่ดื่มน้ำา กระหายน้ำาตลอด เวลา มีปัสสาวะออกน้อยเมื่อความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ตัว ลาย เหงื่อออกโดยเฉพาะในช่วงไข้ลดลง 48 5.1 ไข้สูงลอย : ไข้39 - 40 มักมีหน้าแดง โดยมากไม่ค่อยมีอาการน้ำ มูก ไหลหรือไอ เด็กโตอาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัว และปวดศีรษะ อาการไข้สูงมักมีระยะ 4 - 5 วัน 5.2 อาการเลือดออก : เลือดกำ เดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลือดออก ในกระเพาะ โดยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ มีจุดเลือดออกตามตัว 5.3 ความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด หรือช็อก : มักจะเกิดช่วง ไข้จะลด โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่ายมือเท้าเย็น รอบปากเขียว อาจมีอาการ ปวดท้องมาก ก่อนจะมีอาการช็อก ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ เมื่อใดต้องรีบส่งโรงพยาบาลทันที เมื่อมีเลือดออกผิดปกติอาเจียนมาก ปวดท้อง ซึม ไม่ดื่มน้ำ กระหายน้ำ ตลอดเวลา มีปัสสาวะออกน้อยเมื่อความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง กระสับกระส่าย มือเท้า เย็น ตัวลาย เหงื่อออกโดยเฉพาะในช่วงไข้ลดลง


49 มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด “รักชีวิตควรเรียนรู้และป้องกัน” ปัจจุบันคนเป็นโรคมะเร็งมาก จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งตับ และถุงน้ำาดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำาไส้ ตลอดจนมะเร็ง ปากมดลูก และมะเร็งมดลูกในสตรี ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งที่ใดก็ตามล้วนมีสาเหตุมาจาก สิ่งแปลกปลอมที่ไปรบกวนหรือกระตุ้นให้มีการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติไปของเนื้อเยื่อใน อวัยวะต่างๆ ทำาให้เกิดเป็นเนื้อร้ายจนกระทั่งไปรบกวนการทำางานของระบบอวัยวะ ต่างๆ ให้ผิดปกติ ทำาให้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความทุกข์ทรมาน ด้วยมีธาตุไฟกำาเริบ และเผาผลาญมาก ประกอบกับรับประทานอาหารได้น้อยจึงทำาให้น้ำาหนักตัวลดลง อย่างรวดเร็ว สารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมที่ไปรบกวนหรือกระตุ้นให้มีการแบ่งตัวของเซลล์ ที่ผิดปกตินั้น จะยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ถ้าเปรียบเซลล์ตั้งต้นเหมือนต้นฉบับสิ่งพิมพ์ เมื่อเรานำาไปถ่ายเอกสาร แล้วนำาเอาฉบับที่ก๊อบปี้ไปถ่ายเอกสารต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้สัก 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เราก็จะได้ผลลัพธ์สุดท้ายของการถ่ายเอกสารที่เลอะเลือนไม่ ชัดเจน อาจมีสาเหตุมาจากกระดาษไม่ดี คนถ่ายเอกสารไม่เก่ง เครื่องถ่ายไม่ชัด ตลอด จนหมึกไม่มีประสิทธิภาพ ฉันใดก็ฉันนั้น เซลล์ในร่างกายเราก็มีช่วงชีวิตของเซลล์ที่ แตกต่างกันไป บางชนิดมีอายุนาน บางชนิดมีอายุสั้น ตัวอย่างเซลล์เม็ดเลือดแดงก็จะ มีอายุเพียง 120 วัน ดังนั้นเราจึงสามารถไปบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน หรือแม้แต่ผิวหนัง และเล็บก็มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป็นเช่นนี้ เซลล์เนื้อเยื่อที่มีช่วงชีวิตสั้น ก็จะมีโอกาส เป็นมะเร็งได้มาก เพราะเซลล์จะเสื่อมสลายและสร้างขึ้นทดแทนใหม่ เช่น เซลล์มะเร็ง ลำาไส้ใหญ่ และเซลล์ตับ เพราะในร่างกายของเรา ไม่สามารถเก็บรักษาเซลล์ต้นกำาเนิด เพื่อเป็นต้นแบบในการแบ่งเซลล์ครั้งต่อๆ ไปได้ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปรบกวน การแบ่งเซลล์จึงทำาให้เกิดความผิดปกติและเป็นก้อนเนื้อร้ายอย่างที่พบเห็น เป็นมะเร็ง กันมากมาย สิ่งแปลกปลอมที่ทำาให้เกิดการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกตินั้นมีสาเหตุมา 49 มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด “รักชีวิตควรเรียนรู้และป้องกัน” ปัจจุบันคนเป็นโรคมะเร็งมาก จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับแรกของ คนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งตับ และถุงน้ำ ดีมะเร็งปอด และมะเร็งลำ ไส้ตลอดจน มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งมดลูกในสตรีไม่ว่าจะเป็นมะเร็งที่ใดก็ตาม ล้วนมีสาเหตุ มาจากสิ่งแปลกปลอมที่ไปรบกวนหรือกระตุ้นให้มีการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติไป ของเนื้อเยื่อในอวัยวะต่างๆ ทำ ให้เกิดเป็นเนื้อร้ายจนกระทั่งไปรบกวนการทำ งาน ของระบบอวัยวะต่างๆ ให้ผิดปกติทำ ให้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความทุกข์ทรมาน ด้วยมีธาตุไฟกำ เริบและเผาผลาญมาก ประกอบกับรับประทานอาหารได้น้อยจึงทำ ให้ น้ำ หนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว สารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมที่ไปรบกวนหรือกระตุ้นให้มีการแบ่งตัวของเซลล์ ที่ผิดปกตินั้น จะยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ถ้าเปรียบเซลล์ตั้งต้นเหมือนต้นฉบับสิ่งพิมพ์ เมื่อเรานำ ไปถ่ายเอกสาร แล้วนำ เอาฉบับที่ก๊อบปี้ไปถ่ายเอกสารต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้ สัก 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เราก็จะได้ผลลัพธ์สุดท้ายของการถ่ายเอกสารที่เลอะเลือน ไม่ชัดเจน อาจมีสาเหตุมาจากกระดาษไม่ดีคนถ่ายเอกสารไม่เก่ง เครื่องถ่ายไม่ชัด ตลอดจนหมึกไม่มีประสิทธิภาพ ฉันใดก็ฉันนั้น เซลล์ในร่างกายเราก็มีช่วงชีวิตของ เซลล์ที่แตกต่างกันไป บางชนิดมีอายุนาน บางชนิดมีอายุสั้น ตัวอย่างเซลล์เม็ดเลือด แดงก็จะมีอายุเพียง 120 วัน ดังนั้นเราจึงสามารถไปบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน หรือ แม้แต่ผิวหนังและเล็บก็มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป็นเช่นนี้เซลล์เนื้อเยื่อที่มีช่วงชีวิตสั้น ก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้มาก เพราะเซลล์จะเสื่อมสลายและสร้างขึ้นทดแทนใหม่ เช่น เซลล์มะเร็งลำ ไส้ใหญ่ และเซลล์ตับ เพราะในร่างกายของเรา ไม่สามารถเก็บรักษาเซลล์ ต้นกำ เนิดเพื่อเป็นต้นแบบในการแบ่งเซลล์ครั้งต่อๆ ไปได้เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป รบกวนการแบ่งเซลล์จึงทำ ให้เกิดความผิดปกติและเป็นก้อนเนื้อร้ายอย่างที่พบเห็น เป็นมะเร็งกันมากมาย


50 สิ่งแปลกปลอมที่ทำ ให้เกิดการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกตินั้นมีสาเหตุ มาจากภายนอก และภายในของร่างกาย ภายนอกได้แก่ อากาศเป็นพิษ น้ำ เป็นพิษ สารเคมีเป็นพิษ แม้กระทั่งคลื่นทุกอย่าง และรังสีต่างๆ ที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะ รังสียูวีที่ทำ ให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ตลอดจนเชื้อจุลินทรีย์และไวรัส เป็นต้น สำ หรับ ภายในร่างกายนั้น ร่างกายจะผลิตสารอนุมูลอิสระ หลังจากเกิดปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย ยามปกติและจะเกิดขึ้นมากในคนที่ใช้ชีวิตที่ผิดธรรมชาติทำ ให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ขับถ่ายไม่ดีโดยเฉพาะคนที่มีไฟสุมทรวง ทั้งหมดนี้ล้วนทำ ให้เกิดสารพิษสะสม ขึ้นมากในร่างกายก็จะทำ ให้ระบบเลือดเต็มไปด้วยสารพิษไปสะสมอยู่บริเวณเนื้อเยื่อ อวัยวะใด ก็จะมีผลไปกระตุ้นให้การแบ่งเซลล์ผิดปกติไป และเป็นสาเหตุของการ เกิดโรคมะเร็ง ฉะนั้น เมื่อเราทราบสาเหตุแล้ว การป้องกันและกำจัดเหตุ เพียงเท่านี้เราก็จะ ห่างไกลจากโรคมะเร็งทั้งปวงได้ จะสังเกตเห็นได้ว่า คนที่เป็นมะเร็งมักจะเป็นคนที่ วิตกกังวล โมโหร้าย อารมณ์ฉุนเฉียว คิดแต่สิ่งไม่ดีมีความอิจฉาริษยา และคร่ำ เครียดมากเกินไป ไม่รู้จัก ปล่อยวางจึงจะทำ ให้ธาตุไฟ (ชิรณัคคี) กำ เริบ ถ้ามีการกำจัดธาตุไฟนี้ให้ดีและป้องกัน ไม่ให้เกิดรับรองได้ว่าโรคมะเร็งจะไม่เป็นแน่นอน การกำจัดธาตุไฟ ชิรณัคคีได้อย่างไร โปรดปรึกษาผู้รู้ขอให้ทุกท่าน จงมีสุขภาพดีไม่มีโรคมะเร็ง โดยการกินอยู่อย่างรู้ คุณค่า และเข้าใจธรรมชาติเพราะเป็นโรคที่ป้องกันง่ายมากแต่รักษาค่อนข้างยาก


51 แพทย์แบบองค์รวมตามแนวทางการแพทย์แผนไทย กระแสการดูแลสุขภาพตามแนวธรรมชาติแบบพึ่งตนเองเป็นที่สนใจและ ยอมรับกันในวงกว้างมากขึ้น “เพราะหมอที่เก่งที่สุดในโลกคือตัวเราเอง” ในอดีต สาเหตุการเกิดโรคมาจากการขาดสารอาหารและโรคติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน ความเจ็บป่วยมักจะเกิดขึ้นจากการได้รับสารอาหารที่มากเกินไปประกอบกับการเป็น ให้เกิดความ า สารอาหารแปรรูปที่มีการเพิ่มเติมสารเคมีลงไปในอาหารธรรมชาติ จึงทำ สึกหรอ และร่างกายเสื่อมโทรมก่อนวัยอันควร การมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นตัวเสริมเร่งให้เกิดโรคตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้การหันกลับไปเรียนรู้การดูแล สุขภาพของคนในอดีตจึงเป็นบทเรียนที่ควรศึกษาเป็นอย่างยิ่งเพราะในคนรุ่นก่อนจะ มีความรู้ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น เช่น การกินอาหารให้เป็นยา การรักษาโรคด้วย ยาสมุนไพร ตลอดจนการป้องกันการเกิดโรคต่างๆ แม้การแพทย์แผนปัจจุบันจะเข้า มาดูแลคนไทยเป็น 100 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังหาหมอที่เก่งที่สุดมาแทนที่หมอคนนั้นใน อดีตไม่ได้ การเรียนรู้การแพทย์แผนไทยจึงเป็นการสร้างหมอที่เก่งที่สุดไว้ดูแลสุขภาพ ตนเอง สุขภาพ (นิยามและความหมาย) สุขภาพ =สุข +ภาพ หมายถึง ภาพที่เป็นสุข คนทุกคนมีสุขภาพแตกต่างกัน แม้แต่ในคนเดียวกัน ต่างวัน ต่างเวลา และต่างสถานที่ก็อาจมีสุขภาพแตกต่างกันไป ซึ่งบุคลิกภาพที่แสดง ออกจะบ่งบอกถึงสุขภาวะของสุขภาพได้เป็นอย่างดี พอสรุปเป็นแนวทางในการพิจารณา ได้ 5 มิติ ดังนี้ ก. สุขภาพทางการเงิน ข. สุขภาพทางการงาน ค. สุขภาพทางครอบครัว ง. สุขภาพทางสังคมและสิ่งแวดล้อม จ. สุขภาพกายและจิต 51 แพทย์แบบองค์รวมตามแนวทางการแพทย์แผนไทย กระแสการดูแลสุขภาพตามแนวธรรมชาติแบบพึ่งตนเอง เป็นที่สนใจและ ยอมรับกันในวงกว้างมากขึ้น “เพราะหมอที่เก่งที่สุดในโลกคือตัวเราเอง” ในอดีต สาเหตุการเกิดโรคมาจากการขาดสารอาหารและโรคติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน ความเจ็บป่วยมักจะเกิดขึ้นจากการได้รับสารอาหารที่มากเกินไป ประกอบกับการ เป็นสารอาหารแปรรูป ที่มีการเพิ่มเติมสารเคมีลงไปในอาหารธรรมชาติจึงทำ ให้เกิด ความสึกหรอ และร่างกายเสื่อมโทรมก่อนวัยอันควร การมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นตัวเสริมเร่งให้เกิดโรคตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้การหันกลับไปเรียนรู้ การดูแลสุขภาพของคนในอดีตจึงเป็นบทเรียนที่ควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะใน คนรุ่นก่อนจะมีความรู้ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น เช่น การกินอาหารให้เป็นยา การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ตลอดจนการป้องกันการเกิดโรคต่างๆ แม้การแพทย์ แผนปัจจุบันจะเข้ามาดูแลคนไทยเป็น 100 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังหาหมอที่เก่งที่สุด มาแทนที่หมอคนนั้นในอดีตไม่ได้การเรียนรู้การแพทย์แผนไทยจึงเป็นการสร้างหมอ ที่เก่งที่สุดไว้ดูแลสุขภาพตนเอง สุขภาพ (นิยามและความหมาย) สุขภาพ = สุข +ภาพ หมายถึง ภาพที่เป็นสุข คนทุกคนมีสุขภาพแตกต่างกัน แม้แต่ในคนเดียวกัน ต่างวัน ต่างเวลา และต่างสถานที่ก็อาจมีสุขภาพแตกต่างกันไป ซึ่งบุคลิกภาพ ที่แสดงออกจะบ่งบอกถึงสุขภาวะของสุขภาพได้เป็นอย่างดีพอสรุปเป็นแนวทาง ในการพิจารณาได้5 มิติดังนี้ ก. สุขภาพทางการเงิน ข. สุขภาพทางการงาน ค. สุขภาพทางครอบครัว ง. สุขภาพทางสังคมและสิ่งแวดล้อม จ. สุขภาพกายและจิต


52 ในทางการแพทย์แผนตะวันตก เราจะเน้นเรื่องสุขภาพกายเป็นหลักโดยไม่ คำานึงถึงสุขภาพจิตแต่ในทางการแพทย์แผนไทย ให้สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำาคัญโดยกล่าว กันว่า โรคทั้งหลายเกือบ 70% มักเกิดจากสภาวะจิตเป็นเหตุแม้กระทั่งโรคอ้วนก็ตาม ฉะนั้นถ้ามีการฝึกจิตให้มีพลังและสามารถทำาให้จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เราก็จะมี สุขภาพดีทั้ง 5 มิติและอยู่อย่างมีความสุข ชีวิตที่มีความสุขต้องมีความหวังและความหวังจะสำาเร็จได้ก็ต้องอาศัยพลัง ชีวิต แต่พลังชีวิตจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับพลังกาย และพลังจิตดังสมาการ พลังชีวิต = พลังกาย+พลังจิต เมื่อเป็นเช่นนี้ จิตจึงเป็นผู้กำาหนดกาย กายจะสุขดีหรือมีโรคภัยก็สืบเนื่องจาก สภาวะจิต คนที่มีพลังจิตอ่อนแอ มักจะทำาอะไรสำาเร็จได้ยาก โดยะเฉพาะสุขภาพทั้ง 5 มิติ ที่กล่าวมาแล้วมีความสัมพันธ์กันดังรูป พลังจิตจะเกิดขึ้นจากการทำาสมาธิ การสะสมพลังจิตจึงจำาเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง หมั่นทำาสมาธิ โดยมีคำากล่าวว่า - กายจะแข็งแรงต้องมีการเคลื่อนไหว - จิตจะแข็งแรงต้องนิ่ง 52 ในทางการแพทย์แผนตะวันตก เราจะเน้นเรื่องสุขภาพกายเป็นหลัก โดยไม่คำ นึงถึงสุขภาพจิตแต่ในทางการแพทย์แผนไทย ให้สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำ คัญ โดยกล่าวกันว่า โรคทั้งหลายเกือบ 70% มักเกิดจากสภาวะจิตเป็นเหตุ แม้กระทั่ง โรคอ้วนก็ตาม ฉะนั้นถ้ามีการฝึกจิตให้มีพลังและสามารถทำ ให้จิตเป็นนาย กายเป็น บ่าว เราก็จะมีสุขภาพดีทั้ง 5 มิติและอยู่อย่างมีความสุข ชีวิตที่มีความสุขต้องมีความหวัง และความหวังจะสำ เร็จได้ก็ต้องอาศัย พลังชีวิต แต่พลังชีวิตจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับพลังกาย และพลังจิตดังสมการ พลังชีวิต = พลังกาย+พลังจิต เมื่อเป็นเช่นนี้จิตจึงเป็นผู้กำ หนดกาย กายจะสุขดีหรือมีโรคภัยก็สืบเนื่องจาก สภาวะจิต คนที่มีพลังจิตอ่อนแอ มักจะทำ อะไรสำ เร็จได้ยาก โดยเฉพาะสุขภาพ ทั้ง 5 มิติที่กล่าวมาแล้วมีความสัมพันธ์กันดังรูป พลังจิตจะเกิดขึ้นจากการทำสมาธิการสะสมพลังจิตจึงจำ เป็นอย่างยิ่งที่ต้อง หมั่นทำสมาธิโดยมีคำ กล่าวว่า - กายจะแข็งแรงต้องมีการเคลื่อนไหว - จิตจะแข็งแรงต้องนิ่ง


53 สำ หรับการสร้างพลังจิตด้วยการทำ สมาธินั้น ท่านสามารถเรียนรู้ได้จาก หลายแหล่งที่ถูกกับจริตของแต่ละคน ซึ่งมีวิธีการที่หลากหลายแต่เป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างและสะสมพลังจิต สำ�หรับกำ�ลังกาย เหตุปัจจัยของธาตุทั้ง 4 ที่สมดุลจะทำ�ให้มีสุขภาพดี ธาตุดิน กินอาหารให้สะอาด ปราศจากสารเคมีโดยพืชผักพื้นถิ่นที่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติ ธาตุน้ำ� น้ำสะอาดปราศจากสีกลิ่น รส และมีอุณหภูมิปกติ ธาตุลม อากาศบริสุทธิ์ ปราศจากฝุ่นละอองและมีออกซิเจน ในบรรยากาศ 20 - 23 เปอร์เซ็นต์ ธาตุไฟ การปรับเปลี่ยนอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุลกับอุณหภูมิภายนอก ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามฤดูกาล สัญญาณคนสุขภาพดี กินได้ นอนหลับ ขับถ่ายดี


54 ข้อคิดจากผู้เดินทางล่วงหน้า บทเรียนที่มีคุณค่าจากผู้สูงอายุ โดย : รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ อาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาว อเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1200 คน โดยคำาถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จาก ประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำาคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน” แล้วก็นำามาเขียนหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียน สำาคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการประกอบด้วย 1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำาคัญในการเลือกอาชีพของ เขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ 2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำาร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบ บุหรี่ กินอาหารไม่ดี หรือไม่ออกกำาลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำาให้เราเสียชีวิตใน ฉับพลัน แต่ทำาให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย 3. ตอบตกลงเมื่อโอกาสเข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามาต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วน ใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายภายหลัง 4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจใช้เวลาในการดูและทำาความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่า รีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้ 5. เที่ยวให้มาก (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทางครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาส ต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำาคัญ และมีคุณค่าของชีวิต 6. ให้พูดสิ่งที่อยากจะพูด 54 ข้อคิดจากผู้เดินทางล่วงหน้า บทเรียนที่มีคุณค่าจากผู้สูงอายุ โดย : รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ อาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน โดยคำ ถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำ คัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ ลูกหลาน” แล้วก็นำ มาเขียนหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ แต่เขาได้ คัดเลือกบทเรียนสำ คัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย 1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำ คัญในการเลือกอาชีพ ของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่า ของอาชีพ 2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำ ร้ายร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดีหรือไม่ออกกำ ลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำ ให้เราเสียชีวิต ในฉับพลัน แต่ทำ ให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย 3. ตอบตกลงเมื่อโอกาสเข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามาต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะ ส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายภายหลัง 4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำ ความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน จนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้ 5. เที่ยวให้มาก (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทางครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาส ต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำ คัญ และมีคุณค่าของชีวิต


55 6. ให้พูดสิ่งที่อยากจะพูด เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดายว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูด กับหลายๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ 7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้านะครับ แต่ให้ทำ ในสิ่ง ที่สำ คัญและมีค่าเดี๋ยวนี้เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้นเราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไป อย่างรวดเร็วขึ้น 8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่างๆ คำแนะนำ คำ หนึ่ง ก็คือจงรับผิดชอบ ต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา 9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่างๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้นให้หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น 10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อยๆ ซึมซับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับ สิ่งเหล่านั้นครับ


56 เลี้ยงลูกอย่างไร...? ให้เก่ง ดี และมีความสุข หลายคนที่มีลูก มักไม่ได้วางพิมพ์เขียว ว่าเราต้องการ ลูกประเภทไหน...? เลี้ยงลูกไป เพื่ออะไร...? ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่มีพ่อแม่จำ นวนไม่น้อย ก็มักจะพิมพ์เขียวให้ลูก โดยเอา จุดบกพร่องหรือจุดอ่อนของพ่อแม่เป็นตัวกำ หนด ซึ่งทั้งหมดนี้ยังเป็นปัญหาว่าทำ ไม...? เมื่อพ่อแม่ทุกคนต่างรักลูก ดั่งแก้วตาดวงใจ อยากให้ลูกเป็นคนเก่ง ดีและมีความสุข แต่นับวัน เรามักจะเห็นลูกๆ ของเราส่วนใหญ่มีปัญหาและอ่อนแอ จนทำ ให้เกิดความวิตกกังวลว่า อนาคต ของชาติจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าลูกๆ ของเราซึ่งเป็นเยาวชนในวันนี้จะเป็นผู้รับมรดกและสืบทอด ความเป็นชาติไทยในอนาคต ถ้าปัญหายาเสพติดและโรคเอดส์ยังเป็นปัญหาสำ คัญในสังคมไทย อยู่เช่นทุกวันนี้ ข้าพเจ้ามีข้อคิด ที่อยากจะฝากให้คุณพ่อคุณแม่ของลูกๆ ทุกคน ว่าเรามาเริ่มต้น วางอนาคตของลูกเราหรือพิมพ์เขียวของชีวิตเยาวชนของชาติในอนาคตว่า ควรมีคุณลักษณะ ที่สำ�คัญ 6 ประการ ที่เป็นพื้นฐานสำ คัญ กล่าวคือ 1. ความอดทน 2. ความขยันหมั่นเพียร 3. การรู้จักหน้าที่ 4. ความรับผิดชอบ 5. ความซื่อสัตย์ 6. ความกตัญญู ถ้าลูกๆ ของเรามีคุณธรรมขั้นพื้นฐาน 6 ประการนี้แล้ว การที่เราจะพัฒนาให้เยาวชน เป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งในการรักษาชาติและแผ่นดินให้คงอยู่ตลอดไป ย่อมเป็นเรื่องไม่ยาก ท้ายนี้ขอฝากข้อคิด เพื่อเป็นเครื่องสะกิดเตือนใจ ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่าสิ่งที่ เราอยากให้ลูกเป็นเราควรจะต้องเป็นผู้สอนเอง เพราไม่มีใครรักลูกและเข้าใจลูกของเราเท่าตัวของ เราเอง และที่สำ คัญการสอนที่ดีนั้นจะต้องรู้กลวิธีในการสอน จึงจำ เป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะได้ปฏิบัติ และเป็นเองเสียก่อน จึงจะสอนลูกได้ถูกวิธีและประสบความสำ เร็จที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะร่วมกันค้นหาวิธีการ เลี้ยงลูกแบบวิถีชีวิตไทย ในยุคปัจจุบันให้เป็นเลิศ โดย ผสมผสานสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ในอารยะประเทศมา ปรับใช้แต่ยังคงความเป็นไทยตลอดไป โดยคำ นึงถึง วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของเราไว้เพื่อแสดงถึง ความเป็นเอกราชของชาติไทย 56


57 ความอดทน ความอดทน ในความหมายพอแยกได้เป็น 2 คำ ที่มีความหมายลึกซึ้งคือ คำว่า “อด” หรือ “อึด” หมายถึง ไม่ถูกกระทบจากสิ่งเร้า ไม่มีอาการหวั่นไหวต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งยั่วยุใดๆ เช่น อดกลั้น อดออม อดเจ็บ (ทั้งกายและใจ) และอีกหลายอดที่เราจะพบอยู่เสมอๆ ส่วนคำว่า “ทน” หมายถึง ทนต่อความเจ็บ (ทั้งกายและใจ) ทนต่อการตรากตรำ ทำ งานหนัก ทนต่อการรอคอย ทนต่อการเรียนรู้ทนต่อสิ่งยั่วยุที่จะทำ ให้ความชั่ว และฟุ้งเฟ้อ เหล่านี้เป็นต้น การฝึกความอดทน จึงต้องเริ่มต้นในแต่วัยเด็ก ค่อยๆ สะสมทีละเล็กละน้อย จนทำ ให้ เกิดการเรียนรู้อานิสงค์ของความอดทน เพราะไม่มีกิจการใดๆ หรือภารกิจใดที่จะสำ เร็จลงได้ โดยปราศจากความอดทน ดังจะเห็นได้จากทุกวันนี้คู่แต่งงานหย่าร้างมากขึ้นก็เพราะขาดความ อดทน คนฆ่าตัวตายมากขึ้น ก็เกิดจากการขาดความอดทน หรือแม้กระทั่งโกรธกันทำ ร้ายกันอยู่ ทุกวันนี้ก็เกิดจากการขาดความอดทน ดังจะเห็นจากการขับรถปาดหน้ากันเท่านั้นเอง ยังสามารถ เอาปืนมายิงฆ่ากันได้ สรุปรวมความว่า ปัญหาสังคมทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับ ครอบครัว องค์กร หรือ หน่วยงาน ตลอดจนการทำ ธุรกิจ ที่ไม่ประสบความสำ เร็จก็เพราะขาดความอดทน แม้กระทั่ง รัฐบาลเอง ก็ไม่อดทนที่จะทำ งานโดยหวังผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ส่วนรวมในระยะยาว หลายโครงการมักจะเป็นประเภทสุกเอาเผากิน เร่งรีบ ให้เกิดผลทันยุค ของตนเอง เพื่อการหาเสียงหรือในการโชว์ผลงาน แต่โครงการระยะยาวที่ต้องรอดูผลนานๆ และ เป็นประโยชน์จริงๆ นั้นจะไม่ได้รับความใส่ใจดูแล ดังเช่น โครงการสร้างเยาวชนให้เป็นคนเก่ง ดี มีความสุข และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นต้น 57


58 ความขยันหมั่นเพียร สัญชาตญาณของเด็กที่เล็กอยู่ จะมีความขยันในการเรียนรู้จะเห็นว่าเด็กมักไม่ค่อย อยู่เฉย จะเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ขยันถาม เวลาเห็นคนอื่นทำ อะไร ก็มักจะเข้าไป สนใจเรียนรู้อยากถามอยากทำ เกือบทุกเรื่อง จนบางครั้งพ่อแม่มีความรู้สึกรำ คาญ เพราะถือว่า เป็นการรบกวนเวลา และทำ ให้ยุ่งยากแก่การทำ งาน จึงมักจะห้าม และไม่ยอมให้เด็กได้เรียนรู้ สัมผัสและลองทำ จึงทำ ให้เด็กขาดความสุข เพราะการเรียนรู้ในระยะนี้จะเป็นการเล่นและรู้สึกสนุก ตัวอย่างเช่น แม่กำ ลังซักผ้า เด็กก็จะเข้ามา กวนอยากจะซักด้วย แม่ไม่ควรห้าม ควรแยกภาชนะใส่ ผงซักฟอกให้ซักผ้าของตนเอง เช่น ถุงเท้า ผ้าเช็ดมือ ผ้ากันเปื้อน คอยให้คำ แนะนำ และสอน ใหม่ๆ ก็จะทำ ไม่เป็นและไม่เรียบร้อย แต่ถ้าได้ทำ บ่อยๆ และพ่อแม่ คอยชื่นชม ให้กำลังใจ เด็กก็จะเกิดความมั่นใจและเรียนรู้ ได้เร็วขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าแม่ไม่ให้ทำ ลองคิดดู เถอะว่า เด็กจะมีความสุขรึเปล่า และถ้าถูกห้ามบ่อยๆ เด็กก็จะเริ่มไม่อยากทำ อะไร เมื่อเขาโตขึ้นพ่อแม่อยากให้ ช่วยทำ งานหรือทำ อะไร เขาก็จะอ้างว่าทำ ไม่เป็น และ ไม่อยากทำ เมื่อเป็นเช่นนี้เราไม่ต้องโทษเด็กว่าไม่เอาไหน เพราะเขาเคยคิดอยากจะทำ จะช่วย แต่เราปิดกั้นโอกาส การเรียนรู้ของเขามาตลอด จึงไม่แปลกที่เขาโตขึ้นมาจึงไม่ขยันและไม่อยากทำ อะไร ที่จริงแล้วเด็กๆ เขาขยันที่จะเรียนรู้และหมั่นเพียรที่จะทำ ให้ได้เหมือนที่พ่อแม่ทำ อยู่ ไม่ว่าเรื่องทำ อาหาร การปลูกต้นไม้การขับรถทุกๆ อย่าง แต่พ่อแม่ต้องหมั่นสังเกตและฉวยโอกาส สอนเขาให้เหมาะสมกับวัย ที่สำ คัญที่สุด จะต้องสอนให้เขาช่วยเหลือตนเองให้ได้ตั้งแต่เล็กๆ เช่น ทำ อาหารกินเองง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นต้มไข่ (ต้มตอนน้ำ เย็น หรือใส่ตอนน้ำ ร้อน) ทอดไข่ ผัดผัก หรือง่ายที่สุดคือ ต้มมาม่า หากินเองได้เพราะบางคนขนาดมีของเต็มตู้เย็น แต่ก็ยังหากินเองไม่ได้ เมื่อเทียบกับคนสมัยก่อน ของอยู่ในป่ายังหากินเองได้ไม่ยาก เมื่อเป็นเช่นนี้ถามว่าเรากำ ลัง สร้างคนของชาติโดยผ่านเยาวชนนั้น สำ เร็จมากน้อยแค่ไหน...? ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่ดีสำ หรับ พวกเราที่เป็น พ่อแม่มาพอสมควร เราควรจะร่วมกันคิดและร่วมกันสร้างเยาวชน ของชาติให้ขยันหมั่นเพียรไม่ยอมแพ้กับความล้มเหลวที่ซ้ำ ซาก หากเป้าหมายและความสำ เร็จยังไม่บรรลุผล 58


1. ปุรัตถิมทิศ (ทิศเบื้องหน้า คือทิศตะวันออก ได้แก่ มารดาบิดา เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่เรามาก่อน) ก. บุตรธิดาพึงบำ รุงมารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้าดังนี้ ข. บิดามารดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดาดังนี้ 1. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ 1. ห้ามปรามจากความชั่ว 2. ช่วยทำ การงานของท่าน 2. ให้ตั้งอยู่ในความดี 3. ดำ รงวงศ์สกุล 3. ให้ศึกษาศิลปวิทยา 4. ประพฤติตนให้เหมาะสมเป็นทายาท 4. หาคู่ครองที่สมควรให้ 5. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำ บุญอุทิศให้ท่าน 5. มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสมควร 2. ปัจฉิมทิศ (ทิศเบื้องหลัง คือทิศตะวันตก ได้แก่ บุตรภรรยา เพราะติดตามเป็นกำ�ลังสนับสนุนอยู่ข้างหลัง) ก. สามีพึงบำ รุงภรรยา ผู้เป็นทิศเบื้องหลังดังนี้ ข. ภรรยาย่อมอนุเคราะห์สามีดังนี้ 1. ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา 1. จัดงานบ้านให้เรียบร้อย 2. ไม่ดูหมิ่น 2. สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี 3. ไม่นอกใจ 3. ไม่นอกใจ 4. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้ 4. รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้ 5. หาเครื่องประดับให้ตามโอกาส 5. ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง การรู้จักหน้าที่และรับผิดชอบ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่กันเป็นคู่ เป็น ครอบครัว เป็นหมู่ เป็นคณะ แต่ละคนจึงต้องมีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม และเรา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของคนรอบข้าง มีความสำ คัญ และเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ซึ่งสามารถถ่ายทอดสืบต่อ เป็นพฤติกรรมของครอบครัวหรือองค์กรได้ ฉะนั้น ในครอบครัวหนึ่งๆ สมาชิกในครอบครัว ต่างก็มีหน้าที่ที่จะต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสมาชิกคนอื่น ในครอบครัวเดียวกัน ฉะนั้นพ่อแม่ลูก ต่างต้องรู้จักหน้าที่ของตนและรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้เรียบร้อย ทุกคนก็จะอยู่อย่างสันติและมีความสุขตามแต่อัตภาพของแต่ละคน หน้าที่ของสามีภรรยา พ่อแม่และลูก ที่พระพุทธองค์ได้ทรงกำ หนดไว้ในทิศ 6 นั้น ขอนำ มาแสดงให้เห็นเป็นหมวดหมู่สังเขปดังนี้.- ดังนั้นถ้าทุกคนต่างรู้หน้าที่และรับผิดชอบ ในส่วนของตนเอง ซึ่งบางครั้งอาจบกพร่อง ต่อหน้าที่และความรับผิดชอบบ้างก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ด้วยความรัก ความห่วงใย และ ปรารถนาดีต่อกัน การบอกกล่าวตักเตือนซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งจำ เป็นที่จะต้องมีและทุกคน ก็ควรจะได้ตรวจสอบว่าสิ่งที่ว่ากล่าวนั้นมีเหตุผล 59


60 ความซื่อสัตย์ ทุกวันนี้ความซื่อสัตย์ได้เหือดแห้ง หายไปจากสังคมไทย คนส่วนใหญ่เริ่มไม่ไว้วางใจกัน เริ่มไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทำ อะไรจะต้องมีการคอยควบคุมและตรวจสอบกันอยู่ตลอดเวลา ทำ ให้เสียเวลาและงบประมาณไม่น้อย การสอนลูกเกี่ยวกับความซื่อสัตย์จะต้องเริ่มต้น ตั้งแต่ ในบ้าน พ่อและแม่พูดอะไร ทำ อะไรควรจะสอดคล้องตาม ความเป็นจริง เช่น มีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านถามหาพ่อหรือแม่ แต่ลูกๆ รับกลับบอกให้ลูกว่า พ่อหรือแม่ไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ลูกก็เห็นว่าพ่อและแม่อยู่บ้าน ถ้าเป็น เช่นนี้แล้ว เราจะสอนให้ลูกมีความซื่อสัตย์ได้อย่างไร...? ดังนั้นการพูดและการกระทำ ของพ่อแม่ จะต้องระมัดระวังให้มาก เพราะลูกๆ ของเรา กำลังเรียนรู้สิ่งที่พ่อแม่พูดและกระทำ อยู่ หลายคนอาจจะเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำ คัญ แต่นานวัน ก็จะเพาะนิสัยการโกหกมากขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว จะเห็นได้จากทุกวันนี้ลูกยังสามารถโกหกพ่อแม่ได้ ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง (การพูดและการกระทำ ไม่สอดคล้องกัน) ไม่ซื่อสัตย์ต่อพ่อแม่แล้ว ก็คงเป็น เรื่องยากที่จะให้ลูกๆ ของเรา ซื่อสัตย์ต่อครูอาจารย์ญาติสนิท มิตรสหายตลอดจนนายจ้าง และ ประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งและหวงแหนของพวกเรา ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ไม่มีคนโกหก ใดที่ไม่เคยกระทำ ความผิด” เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราทุกคนที่เป็นสมาชิกในครอบครัว จะต้องซื่อสัตย์ต่อกัน มีอะไร ก็ต้องพูดกันตามความเป็นจริง และมีเหตุผล หากปกปิด และโกหกก็จะทำ ให้เกิดความหวาดระแวง กันไม่ไว้วางใจกันครอบครัวก็จะมีปัญหา เราโกหกตัวเองยังมีปัญหา การโกหกคนอื่นยิ่งมีปัญหา มากกว่า เพราะเราไม่อาจโกหกกับทุกๆ คนได้ในทุกเวลา และทุกสถานที่ เนื่องจากเราจะจำ ไม่ ได้ว่าไปโกหกใครไว้เรื่องอะไรเมื่อไหร่บ้าง จะทำ ให้เกิดความทุกข์วิตกกังวลกับตัวเอง ฉะนั้น ความซื่อสัตย์เป็นหัวใจสำ คัญที่ทำ ให้เกิดความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นและความศรัทธา ซึ่งกันและ กัน ดังสุภาษิตที่ว่า “วาจาศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่ผิดคำ พูด” ฉะนั้น ก่อนพูดควรคิดให้รอบคอบ ไม่ว่าจะพูดกับลูกๆ หรือกับใคร ก็ตาม เพราะก่อนพูดเราเป็น “นาย” หลังพูดคำ ที่พูดกลับเป็น “นายเรา” เพราะเราต้องทำ ตามที่พูดให้ได้ ฉะนั้นการที่จะ พูดกับลูกและรับปากว่าจะทำ อะไรไว้ให้ลูก เราต้องรับผิดชอบ มิฉะนั้นแล้วลูกก็จะทำ ตามที่เราปฏิบัติกับลูกๆ จนติดเป็นนิสัย หรือพฤติกรรมที่จะปฏิบัติต่องานอื่นๆ ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด


61 ความกตัญญู ความกตัญญู ดูแล้วเป็นเรื่องไม่ใช่สาระสำ คัญอะไร โดยเฉพาะคนแถบตะวันตก ซึ่งจะไม่ค่อยพูดถึงและให้ความ สำ คัญ แต่สำ หรับคนเอเชียแล้วถือว่าเป็นเรื่องสำ คัญที่สุดก็ว่าได้ ดังสุภาษิตที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี” สำ หรับความกตัญญูนั้น สามารถ เป็นเครื่องชี้ อนาคตของบุคคลได้เลยว่าเขาจะก้าวหน้า อย่างยั่งยืนหรือล้มเหลวในที่สุด หากบุคคลใดไม่รู้คุณค่าของพ่อแม่ และไม่เคย ทดแทนบุญคุณแล้ว เขาคงไม่รู้คุณค่าของครู อาจารย์ ญาติสนิท มิตรสหายที่เคยช่วยเหลือ เกื้อกูลเขาและ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้เขาเห็นคุณค่าของนายจ้างและ ประเทศชาติอันเป็นแผ่นดินเกิดของเขาก็คงเป็นเรื่องยากยิ่ง ทุกวันนี้ลูกจ้างหรือแรงงานขาดความกตัญญูต่อนายจ้าง ทั้งๆ ที่สร้างเขามาให้ความรู้เขา สอนเขา หรือแม้แต่ส่งไปศึกษาต่อก็ยังมีแต่กลับมาก็มักจะขายตัว หรือไปร่วมกับคนอื่นทำ กิจการ เป็นคู่แข่งนายจ้างเดิม และที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้นกลับทำลายนายจ้างเดิมก็ยังมีเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะ รุ่งเรืองได้อย่างไร ในเมื่อเขาเองยังไม่รู้จักตัวเองว่าเขาเติบโต และก้าวหน้ามีความสามารถมา เพราะใคร ลูกทำลายล้างพ่อแม่ ศิษย์ลบล้างครูอาจารย์แรงงานเอาเปรียบนายจ้าง เหล่านี้กำลังเป็น ปัญหาใหญ่ของสังคม และท้ายที่สุดคนประเภทอกตัญญูเหล่านี้ก็จะสามารถทำลายล้างประเทศได้ เช่น พวกค้ายาบ้าทั้งหลาย พวกค้าของเถื่อนตลอดจนพวกคอรัปชั่น โกงกินเงินและทรัพยากร ของชาติ เป็นต้น พูดถึงเรื่องความกตัญญูต่อบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ในชีวิตประจำ วันเท่านั้น ยังไม่พอเราคงต้องช่วยกันปลูกจิตสำ นึกความกตัญญูต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศที่เราหายใจอยู่ ทุกวินาทีน้ำ ที่เราดื่มอยู่ทุกวัน แผ่นดินที่เราอยู่อาศัยที่ให้ทั้งที่พักพิง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และ ยารักษาโรคเพื่อช่วยกันดูแลรักษา และป้องกันความสูญเสีย อันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของลูกๆ ของเรา โดยการใช้กันอย่างประหยัดให้เกิดคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยไม่ทิ้งขว้างและ ทำลายให้เกิดความเสื่อมโทรมมากจนเกินไป เรื่องความกตัญญู ถ้าสอนด้วยวาจาคงไม่น่าเชื่อถือและศรัทธา แต่ถ้าสอนด้วยการนำ ทำ ให้ดูเป็นตัวอย่าง และเกิดเป็นความเคยชินในบ้านของเรา ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อส่วนรวม และประเทศชาติในที่สุด


62 1. ความดันโลหิตสูง 2. ไขมันในเลือดสูง 3. นิ่วในไต และถุงน้ำ ดี 4. ภูมิแพ้ 5. ไมเกรน 6. กรดไหลย้อน 7. มีเสียงดังในหูเหมือนเสียงจักจั่น 8. การทรงตัวไม่ดีเพราะน้ำ ในหูไม่เท่ากัน 9. นอนไม่หลับ 10. คลื่นเหียน อาเจียน เวียนศีรษะ 11. ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด และปัสสาวะ เป็นเลือด 12. ถ่ายอุจจาระลำ บาก เป็นพรรดึก 13. ท้องเสีย 14. ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว 15. เป็นไข้ตัวร้อน ออกหัด อีสุก อีใส 16. เป็นเริม งูสวัด 17. น้ำ เหลืองเสีย เป็นแผลผุพองง่ายหรือผื่นคัน 18. ไอแห้งหรือมีเสมหะมาก จนเจ็บท้องและหน้าอก 19. ประจำ เดือนมาไม่ปกติ 20. เป็นโรคเก๊าท์และรูมาตอยด์ 21. ชาปลายมือ ชาปลายเท้า 22. เดินลำ บาก ขยับตัวยาก และเคลื่อนไหวลำ บาก 23. เป็นวัยทอง มีอาการกระสับกระส่าย ร้อนออกปลายมือ ปลายเท้า สะบัดร้อน สะบัดหนาว หงุดหงิดง่าย โรคที่รักษาด้วยการแพทย์แผนไทย 24. ความยืดหยุ่นและข้อพับขยับไม่ได้เช่น เอี้ยวคอลำ บาก มือไพล่หลังไม่ได้สะบักจม ไหล่ติด ปวดสะโพก นั่งยองๆ ลำ บาก 25. ดูแลสตรีหลังคลอด ขับน้ำ คาวปลา และทำ ให้มดลูกเข้าอู่ ด้วยการอยู่ไฟ 26. ลมออกหูออกตา ตาฝ้าฟางมองไม่ชัด (ก่อนที่จะเป็นต้อ) 27. หายใจลำ บากเป็นไซนัส (แพ้อากาศ) 28. กล้ามเนื้อแขนขาไม่มีกำลัง 29. มีบุตรยาก ตั้งครรภ์ลำ บาก 30. เป็นลมจุกเสียด แน่นหน้าอก 31. หัวใจเต้นผิดปกติ(ไม่ได้เป็นมาแต่กำ เนิด) 32. การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควร 33. ไม่มีกำลังอ่อนแอ 34. ความจำ เสื่อม 35. กระเพาะอาหาร 36. ปวดกล้ามเนื้อ 37. โรคแผลในปาก ร้อนใน 38. ผมหงอกไว และผมร่วง 39. ปวดมือและเท้า 40. ลิ้นกระด้างคางแข็ง กินอาหารไม่รู้รส


63 1. โรคมะเร็งทุกชนิด 2. โรคตับ 3. โรคปอด 4. โรคไต 5. โรคหัวใจ 6. โรคม้าม โรคที่ป้องกันง่าย แต่รักษายาก 7. โรคกระดูกเสื่อม 8. โรคอัลไซเมอร์ 9. โรคหูหนวก 10. โรคตาเป็นต้อ 11. โรคกระดูกแตกหักเพราะลื่นล้มเอง 12. โรคเบาหวาน


64 ประวัติผู้เขียน ชื่อ-สกุล นายสมบัติ ไตรศรีศิลป์ MR.SOMBAT TRAISRISILP อายุ 64 ปี เกิดที่จังหวัดลำาพูน พ.ศ. 2495 ที่อยู่ปัจจุบัน 49 ถ.ช่างหล่อ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทร. 053-200300 มือถือ 0818837845 E-mail : [email protected] สถานที่ทำางานในปัจจุบัน โรงเรียนพัฒนาปัญญาไท การศึกษา ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2518 วท.บ. (ชีววิทยา) ปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหิดล 2522 วท.ม. (ชีวสถิติ) ผู้ประกอบโรคสิลป์การแพทย์แผนไทย - สาขาเภสัชกรรม (พ.ศ. 2545) - สาขาเวชกรรม (พ.ศ. 2549) ประสบการณ์การทำางาน 2518-2528 เป็นอาจารย์ประจำาภาควิชาวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ค. 2526 เริ่มเป็นตัวแทนประกันชีวิต บริษัทเอ ไอ เอ จำากัด 1 ธ.ค. 2528 เป็นตัวแทนเต็มเวลา-ปัจจุบัน โดยดำารงตำาแหน่งเป็นเจ้าของ สำานักงาน บริษัท เอ ไอ เอ จำากัด จ.เชียงใหม่ ปัจจุบัน ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายขาย บริษัทเอ ไอ เอ จำากัด 16 พ.ย. 2547 ก่อตั้งโรงเรียนพัฒนาปัญญาไท ใบอนุญาตเลขที่ ชม.032/2547 64


65 1 ม.ค. 2548 ผู้อำานวยการโรงเรียนพัฒนาปัญญาไท สอนเกี่ยวกับการแพทย์ แผนไทยและการนวดไทยจนถึงปัจจุบัน 15 มี.ค. 2548 ใบอนุญาตประกอบการสถานพยาบาล เลขที่ 5010800248 ใบอนุญาตดำาเนินการสถานประกอบการ เลขที่ 5010800741 กิจกรรมทางสังคม รองนายกสมาคมส่งเสริมสุขภาพจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2558) รองนายกสมาคมนวดแผนไทยจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2554 - ปัจจุบัน) รองนายกสมาคมแพทย์แผนไทยจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2558) วิทยากรบรรยายเรื่องสุขภาพตามวิถีไทยให้กับหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาจารย์พิเศษสอนการแพทย์แผนไทยให้กับมหาลัยราชภัฎเชียงใหม่ อาจารย์พิเศษสอนการแพทย์ทางเลือก (แพทย์แผนไทย) ให้กับ ภาควิชาเวชศาสตร์หมอครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลขาธิการสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา นายกสมาคมฮากกาเชียงใหม่ (พ.ศ. 2558-พ.ศ. 2559) รองนายกสมาคมธุรกิจไทย-จีน เชียงใหม่ (พ.ศ. 2558-พ.ศ. 2559) คติพจน์ส่วนตัว ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่ลืมตัว คติพจน์ในการทำางาน จริงใจต่อลูกค้า จริงจังต่อหน้าที่ ปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมงาน เป้าหมายชีวิต ตั้งสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย และมูลนิธิ พัฒนาการแพทย์แผนไทย 65


­z‘ ?zޛ ™›‰¢²ªwh|‰¢²˜¤†­Ù¬“w THE BEST DOCTOR IN THE WORLD ˜‹ž‡¡®‡‘–‘¢–¡“ŒÍ 99.-


Click to View FlipBook Version