สารบัญ หน้า ค าน า ก สารบัญ ข บทที่ 1 ความส าคัญและความเป็ นมา 1 หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ 2 ประโยชน์ที่คาดวา่จะไดร้ับ 2 บทที่ 2 กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กฎ กพ. 11 ว.5 12 หลักเกณฑ์ อ.ก.พ.กรมการแพทย์ 12 คู่มือปฏิบตัิงาน กรมการแพทย์ 14 บทที่ 3 การด าเนินการประเมินบุคคลและผลงาน ระดับช านาญการ 31 ความสา คญั ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดบัที่สูงข้ึน โครงสร้างการเลื่อนระดับ 4 ข้ันตอนการประเมินบุคคล การเตรียมความพร้อม การจัดท าแบบประเมิน การจดัส่งแบบประเมิน ขั้นตอนการประเมินผลงาน เตรียมความพร้อม การจัดท าแบบประเมิน การจดัส่งแบบประเมิน การติดตามสถานะการประเมิน
บทที่ 1 ความส าคัญและความเป็ นมา การเลื่อนระดบั ในตา แหน่งที่สูงข้ึนของขา้ราชการ เป็นความกา้วหนา้ในสายวชิาชีพ ที่ส่งผลโดยตรง กบัความผูกพนัของขา้ราชการให้คงอยใู่นโรงพยาบาลสงฆล์ดอตัราการลาออกโอน ยา้ยและเป็นคุณสมบตัิ ตามหลกัเกณฑ์ของขา้ราชการที่จะก้าวหน้าตา แหน่งที่สูงข้ึนได้ส่งผลกบัการบริหารตา แหน่งสูงข้ึนของ โรงพยาบาลสงฆ์ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลฯ ในฐานะที่มีส่วนขบัเคลื่อนความกา้วหนา้ของขา้ราชการ พบวา่ ในปี2564 ขา้ราชการที่มีคุณสมบตัิเลื่อนระดบัชา นาญการ ชา นาญงาน เขา้สู่กระบวนการเลื่อนระดบัล่าชา้จา นวน23 ราย คิดเป็ นร้อยละ 69.69 (ช้าที่สุด 9 ปี ) เพื่อให้ผู้ขอรับการประเมินใช้ศึกษาเป็ นกรอบแนวทางในการจัดท าผลงานทางวิชาการเพื่อให้ สามารถทา ผลงานทางวชิาการไดอ้ยา่งถูกตอ้งมีรายละเอียดครบถว้นทา ใหก้ารประเมินผลงานมีประสิทธิภาพ มากยิ่งข้ึนท้งัน้ีหวงัเป็นอยา่งยิ่งว่าคู่มือฉบบัน้ีจะเกิดประโยชน์แก่ผูข้อรับการประเมินผลงานเพื่อแต่งต้งัให้ ดา รงตา แหน่งในระดบัที่สูงข้ึนต่อไป วตัถุประสงค์ 1. เพื่อรวบรวมระเบียบ หลกัเกณฑ์ข้นัตอนและวิธีการจดัทา แบบประเมินบุคคลและผลงานเพื่อ เลื่อนระดบัที่สูงข้ึนของขา้ราชการโรงพยาบาลสงฆ์ 2. เพื่อใช้เป็ นแนวทางในการด าเนินงาน และอา นวยความสะดวกกบัขา้ราชการที่มีคุณสมบตัิครบ ประเมินเพื่อเลื่อนระดบัที่สูงข้ึนของโรงพยาบาลสงฆ์ 3. เพื่อใช้เป็ นหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติงาน ส าหรับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ ด าเนินการประเมินบุคคล และผลงานเพื่อเลื่อนระดบัที่สูงข้ึนของโรงพยาบาลสงฆ์ไดอ้ยา่งถูกตอ้งตามข้นัตอนและมีประสิทธิภาพ ระยะเวลาด าเนินงาน มกราคม – พฤษภาคม 2567 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.ขา้ราชการเขา้สู่กระบวนการเลื่อนระดบัไดเ้มื่อครบคุณสมบตัิตามหลกัเกณฑ์ 2. เพื่อใหบุ้คลากรไดเ้ลื่อนระดบัและวางแผนความกา้วหนา้ในสายวชิาชีพ 3. เพื่อโรงพยาบาลสงฆ์สามารถวางแผนการบริหารตา แหน่งระดบัที่สูงข้ึนได้ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลยุทธศาสตร์และแผนงาน ภารกิจด้านอ านวยการ โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์
บทที่ 2 กฎหมายระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ 1.หลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน หลกัเกณฑแ์ละวธิีการประเมินผลงานเพื่อแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งประเภทวิชาการระดบัชา นาญการ และชา นาญการพิเศษมีหลกัเกณฑก์ารพิจารณาดงัน้ี 1.1 กฎ ก.พ. ว่าด้วยการยา้ยการโอนหรือการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญั ไปแต่งต้งัให้ดา รง ตา แหน่งขา้ราชการพลเรือนสามญัตา แหน่งประเภทวชิาการในหรือต่างกระทรวงหรือกรมพ.ศ.2564 1.2 หนังสือส านักงานก.พ.ที่ นร๑๐๐๖/ว๑๔ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม๒๕๖๔ เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการยา้ยการโอนหรือการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญัเพื่อแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งประเภท วิชาการ 1.5 ประกาศ อ.ก.พ. กรมการจัดหางานเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการประเมินบุคคลและ ผลงานเพื่อแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งประเภทวชิาการระดบัชา นาญการพิเศษและระดบัเชี่ยวชาญกรณีการเลื่อน ข้ึนแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งว่างทุกกรณีและผูค้รองตา แหน่งอยู่เดิมจะตอ้งพน้จากราชการฉบบัลงวนัที่๒๐ เมษายนพ.ศ.2565 1.6 ประกาศอ.ก.พ.กรมการจดัหางานเรื่องกา หนดหลกัเกณฑ์วธิีการและเงื่อนไขการประเมินบุคคล และผลงานเพื่อเลื่อนข้ึนแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งในระดบัที่สูงข้ึนตา แหน่งประเภทวิชาการระดบัชา นาญการ และช านาญการพิเศษ (กรณีการเลื่อนข้ึนแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งในตา แหน่งระดบัควบและมีผคู้รองตา แหน่ง น้ันอยู่)ฉบบัลงวนัที่20 กรกฎาคมพ.ศ.2565 สามารถศึกษาและดาวน์โหลดเอกสารดังกล่าวในบทที่6 หลกัเกณฑท์ ี่เกี่ยวขอ้ง 1.7 สิทธิประโยชน์ตามหนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/154 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2556 1.8 หนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ นร 1012.2/235 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2560
1. หลกัเกณฑ์การประเมินบุคคล ดว้ย ส านกังาน ก.พ.ไดอ้อกกฎ ก.พ.วา่ดว้ยการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญั ไปแต่งต้งัให้ดา รง ตา แหน่งขา้ราชการพลเรือนสามญัตา แหน่งประเภทวิชาการในหรือต่างกระทรวงหรือกรม พ.ศ ๒๕๖๔ ซี่ง ไดก้า หนดหลกัเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญัเพื่อแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่ง ประเภทวิชาการ ตามหนังสือส านักงาน ก.พ.ที่ นร 1006/ว5 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567 และให้ยกเลิก หลกัเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการยา้ยการโอน หรือการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญัเพื่อแต่งต้งัให้ดา รง ตา แหน่งประเภทวิชาการ ตามหนงัสือส านกังาน ก.พ. ที่นร 1006/ว14 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ประกอบ กบัอ.ก.พ.กรมการแพทย์ในการประชุมเมื่อวนัที่17 เมษายน 2567 มีมติเห็นชอบหลกัเกณฑ์วิธีการ และ เงื่อนไขการเลื่อนขา้ราชการพลเรือนสามญัเพื่อแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งประเภทวชิาการ (กรณีตา แหน่งระดบั ควบ และมีคนครอง) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 อ.ก.พ.กรมการแพทยม์อบอา นาจให้หน่วยงานดา เนินการประเมินบุคคล ตามหลกัเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการเลื่อนข้ึนแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งประเภทวิชาการ (ตา แหน่งระดบัควบ และมีคนครอง) ตามที่ อ.ก.พ.กรมกา หนด แบ่งออกเป็นประเภทตา แหน่ง ประเภทวิชาการ ระดบั ปฏิบตัิการ ทุกสาย งาน เลื่อนข้ึนแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่ง ระดบัชา นาญการ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคลเพื่อเลื่อนข้ึนแต่งต้ังให้ด ารงตา แหน่งประเภทวิชาการ (ตา แหน่งระดบัควบ และมีคนครอง)ข้นัตอนการประเมินบุคคล(หน่วยงานดา เนินการ) 1. เมื่อมีผมู้ีคุณสมบตัิเพื่อเลื่อนข้ึนแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งประเภทวิชาการ ใหผ้นู้้นักรอกขอ้มูลใน แบบประเมินบุคคล (แบบ ปก.1) เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของ คณะกรรมการประเมินบุคคล 2.อ.ก.พ.กรมการแพทยแ์ต่งต้งัคณะกรรมการประเมินบุคคลข้ึนมาคณะหน่ึง ประกอบดว้ย
หมายเหตุ: 1. ใหห้น่วยงานระบุตวับุคคล ใหเ้ป็นไปตามองคป์ระกอบ เพื่อทา หนา้ที่เป็นคณะกรรมการ ประเมิน บุคคลโดยอาจระบุเป็นภาพรวม หรือระบุแยกเป็นตา แหน่ง แยกเป็นสายงาน ก็ได้ 2.กรณีการประเมินบุคคลตา แหน่งใดที่กรรมการเป็นผูม้ีส่วนไดส้ ่วนเสียในตา แหน่งดงักล่าว ให้ ยกเวน้ผนู้้นัเป็นกรรมการประเมินบุคคล 3. ประชุมคณะกรรมการประเมินบุคคล ตามหลกัเกณฑท์ ี่อ.ก.พ.กรมการแพทยก์า หนด โดยพิจารณา คุณสมบัติจากองค์ประกอบ ๓ องค์ประกอบ ท้งัน้ีหากคณะกรรมการประเมินบุคคลต้องการ พิจารณา คุณสมบตัิเพิ่มเติมที่จะแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ ความเหมาะสม อาจใช้วิธีการสอบ ภาคความ เหมาะสมกบัตา แหน่ง (สัมภาษณ์) หรือวิธีการสอบทฤษฎี(ขอ้เขียน) หรือวิธีการอยา่งอื่น วิธีการใด วิธีการ หน่ึง หรือหลายวธิีเพิ่มเติมตามที่เห็นวา่เหมาะสม องค์ประกอบการพจิารณาคุณสมบัติ๓ องค์ประกอบ ประกอบด้วย องค์ประกอบที่ ๑ ความรู้ความสามารถและความช านาญในการปฏิบัติงาน ๔๐ คะแนน พิจารณาจากผลการปฏิบัติงานย้อนหลัง ๓ ปี ดังนี้ -การบริการ (๒๐ คะแนน) หมายถึงผลการปฏิบตัิงานที่เกี่ยวขอ้งกบัการบริการตามภาระงานของตา แหน่ง -ผลงานวิชาการ (๒๐ คะแนน) หมายถึง ผลการปฏิบัติงานที่มีลักษณะเป็ นผลงานวิชาการ หรืองานพัฒนาคุณภาพ หรือปรับปรุง งานของตา แหน่งการจดัทา คู่มือเป็นตน้ องค์ประกอบที่ ๒ คุณลักษณะของบุคคล ๓๐ คะแนน พิจารณาจาก พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ (สมรรถนะ) ตามที่ส านักงาน ก.พ. และกรมการแพทย์กา หนด โดยพิจารณาจากผลการปฏิบตัิงานส่วน ที่เป็ นผลคะแนน การประเมินสมรรถนะของเข้ารับการประมินบุคคลจ านวน ๒ รอบการประเมินก่อนการ ประเมินบุคคล ดงัน้ี รวมคะแนนสมรรถนะ 2 รอบการประเมิน คะแนน 40 30 36 – 39.99 % 25 31 – 35.99 % 20 26 -30.99 % 15 21 -25.99 % 10 ต่า กวา่20 % 5
หมายเหตุ:กรณีขา้ราชการรายใดลาศึกษาใหน้า ผลการปฏิบตัิงานส่วนที่เป็นผลคะแนนการประเมิน สมรรถนะ ของผู้สมัครเข้ารับการประเมินบุคคล จ านวน ๒ รอบการประเมินก่อนที่จะลาศึกษามาพิจารณา แทน องค์ประกอบที่ ๓ ผลงานหรือผลการปฏิบัติงาน ๓๐ คะแนน พิจารณาจาก -ผลงานที่จะส่งประเมิน จ านวน 1 เรื่อง 15 คะแนน -ข้อเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนางาน 15 คะแนน วิธีการสัมภาษณ์ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่างๆ ได้แก่ทศันคติวิสัยทศัน์ประสบการณ์แนวคิด ในการ พฒันางานในหนา้ที่ใหเ้กิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน เป็นตน้ วิธีการสอบข้อเขียน หรือวิธีการอย่างอื่นวิธีการใดวิธีการหนึ่งหรือหลายวิธี ใหค้ณะกรรมการประเมินบุคคลกา หนดวธิีการสอบและกา หนดคะแนนตามความเหมาะสม เกณฑ์การตัดสินในการประเมินบุคคลเพื่อเลื่อนขึน้แต่งต้ังให้ด ารงต าแหน่งประเภทวชิาการ ระดับควบ และมี คนครอง ผูผ้ ่านการประเมินบุคคล ต้องได้คะแนนรวมท้ัง 3 องค์ประกอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ท้ังน้ี คณะกรรมการประเมินบุคคล อาจพิจารณาคุณสมบตัิเพิ่มเติมที่จะแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ ความ เหมาะสม อาจใช้วิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีการสอบทฤษฎี(ขอ้เขียน) หรือวิธีการอย่างอื่น วิธีการใดวิธีการ หน่ึง หรือหลายวธิีเพิ่มเติมตามที่เห็นวา่เหมาะสม โดยจะตอ้งไดค้ะแนนรวมเฉลี่ยในแต่ละวธิีไม่นอ้ยกวา่ร้อย ละ 60 3. เมื่อคณะกรรมการฯ ไดพ้ ิจารณาใหผ้า่นการประเมินบุคคลแลว้หน่วยงาน ดา เนินการ ดงัน้ี (3.1) จดัทา ประกาศรายชื่อผูไ้ดร้ับการคดัเลือกตา แหน่งละหน่ึงคน โดยในประกาศให้ระบุสิทธิ ประโยชน์แรกบรรจุพร้อมชื่อผลงาน สัดส่วนของผลงานในส่วนที่ตนเองปฏิบตัิและรายชื่อผูร้่วมจดัทา ผลงาน (ถา้มี) รวมท้งัขอ้เสนอแนวคิดเพื่อพฒันา (ตวัอยา่งประกาศสามารถดูรายละเอียดตาม QR Code ท้าย คู่มือน้ี) (3.2) เสนอประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกฯ ให้ผู้อ านวยการลงนาม (3.3) แจ้งผูผ้ ่านการประเมินบุคคล ให้ส่งผลงานทางวิชาการ ภายใน 6 เดือน นับต้งัแต่วนัที่ ประกาศรายชื่อ 4.ให้กรอกรายละเอียดในการรายงานผลการประเมินบุคคลผ่านระบบ ประเมินบุคคลและผลงาน (ระบบออนไลน์) ตามที่ระบบกา หนดให้กรอก และให้จดัทา ไฟล์PDF แล้วอัพโหลดลงในระบบประเมิน บุคคลและผลงาน ประกอบด้วย 4.1 สา เนาคา สั่งแต่งต้งัคณะกรรมการประเมินบุคคล
4.2 รายงานการประชุมคณะกรรมการประเมินบุคคล ที่ระบุคุณสมบัติ ระยะเวลาในการด ารง ต าแหน่งองคป์ระกอบในการพิจารณา และมติการประชุมที่ระบุผล การพิจารณาประเมินบุคคล พร้อมระบุ คะแนนที่ได้รับด้วย 4.3 ประกาศรายชื่อผูไ้ด้รับการคดัเลือกโดยให้ระบุชื่อผลงาน/ข้อเสนอแนวคิด สัดส่วนของ ผลงานในส่วนที่ตนเองปฏิบตัิและรายชื่อผรู้่วมจดัทา ผลงาน (ถา้มี) 5.แจง้ให้ขา้ราชการผูผ้า่นการประเมินบุคคลและไดร้ับการคดัเลือก จดัทา ผลงาน ทางวิชาการและ ให้ส่งผลงานทางวิชาการ ภายใน 6 เดือน นับต้งัแต่วนัที่ประกาศรายชื่อ เมื่อดา เนินการจดัทา ผลงานทาง วชิาการเสร็จแลว้ ใหห้น่วยงานจดัส่งผลงานมายงักรมการแพทย์ ข้ันตอนการประเมินผลงานทางวชิาการ (กองบริหารทรัพยากรบุคคลด าเนินการ) 6.คณะกรรมการประเมินผลงาน พิจารณาผลงานที่หน่วยงานส่งเอกสารเขา้มา หากคณะกรรมการฯ มีมติให้ผ่าน จะแต่งต้งัให้ไดไ้ม่ก่อนวนัที่รับเอกสารครบถว้นสมบูรณ์หากไม่ผ่านการประเมินผลงานทาง วชิาการใหห้น่วยงานแจ้งผู้เข้ารับการประเมินผลงานทราบด้วย 7. เมื่อผ่านการประเมินผลงานทางวิชาการกองบริหารทรัพยากรบุคคล ดา เนินการ เสนออธิบดี แต่งต้งัไดไ้ม่ก่อนวนัที่รับเอกสารครบถว้นสมบูรณ์เพื่อเลื่อนข้ึนแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่ง ประเภทวิชาการ ต่อไป 3. ก าหนดระยะเวลาในการส่งผลงานประเมินทางวิชาการ ระยะเวลาในการส่งผลงานประเมินทางวิชาการของผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับ การประเมินผลงาน ทางวิชาการ เพื่อแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งประเภทวิชาการ ระดับช านาญการ หรือระดับช านาญการพิเศษ (ส าหรับต าแหน่งนายแพทย์/ทันตแพทย์/สัตวแพทย์) ให้ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดา รงตา แหน่งประเภท วิชาการ ระดับช านาญการพิเศษ ให้ด าเนินการตามหลักเกณฑ์ ในหนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว5 ลง วันที่ 22 มีนาคม ๒๕67โดยอ.ก.พ.กรมการแพทย์เห็นชอบกา หนดให้มีระยะเวลาในการส่งผลงาน ประเมินทางวชิาการ ดงัน้ี รายละเอียด ระยะเวลา ระยะเวลาส่งผลงานทางวชิาการ 6 เดือน ขยายระยะเวลาได้1คร้ัง 3 เดือน **การจดัส่งผลงานประเมินทางวิชาการให้นบัต้งัแต่วนัที่ประกาศผลการคดัเลือก จนถึงระยะเวลาที่อ.ก.พ.กรมการแพทยก์า หนด ** หากกรณีผูผ้า่นการประเมินบุคคลให้ส่งผลงานประเมินทางวิชาการไม่ส่งผลงาน ตามระยะเวลา ที่กา หนด หรือส่งผลงานประเมินทางวชิาการแลว้มีมติใหไ้ม่ผา่น ใหเ้ขา้สู่กระบวนการประเมินบุคคลใหม่**
**หมายเหตุ** 1.กรณีผูไ้ดร้ับการคดัเลือกให้ดา รงตา แหน่งในระดบัสูงข้ึน หากภายหลงัมีความประสงคใ์ห้มีการ แก้ไขหรือเพิ่มเติม ในกรณีชื่อผลงาน หรือสัดส่วนของผลงานในส่วนที่ตนเองปฏิบตัิหรือสัดส่วนและ จา นวนของผูร้่วมจดัทา ผลงาน หรือจา นวนผลงานที่จะส่งประเมินผลงาน ทางวิชาการ รวมท้งข้อเสนอ ั แนวคิดที่จะเสนอขอประเมิน ให้แจ้งความประสงค์พร้อมเหตุผล เป็ นลายลักษณ์อักษร เสนอประธาน คณะกรรมการประเมินบุคคลเป็นผูพ้ ิจารณา และเมื่อมีการปรับแกไ้ขแลว้ ให้อพั ไฟล์ลงในระบบประเมิน บุคคลและผลงาน (ระบบออนไลน์) 2. กรณีจะขอขยายระยะเวลา ให้ด าเนินการแจ้งเป็ นลายลกัษณ์อกัษรต่อประธานคณะกรรมการ ประเมินบุคคลเพื่อทราบก่อนวนัที่จะครบกา หนดให้ส่งผลงานทางวิชาการ ท้งัน้ีให้ผูท้ ี่รับผิดชอบ ด้าน ทรัพยากรบุคคล อัพไฟล์เอกสารรายละเอียดในระบบประเมินบุคคลและผลงาน (ระบบออนไลน์) ด้วย เพื่อที่ กองบริหารทรัพยากรบุคคลจะได้ทราบและด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวขอ้งต่อไป คุณสมบัติของบุคคลทจี่ะเข้ารับการประเมินบุคคลเพื่อเลื่อนขึน้แต่งต้ังให้ด ารงต าแหน่งสูงขึน้ 1. มีคุณสมบตัิตรงตามคุณสมบตัิเฉพาะสา หรับตา แหน่งที่จะแต่งต้งัตามมาตรฐานกา หนดตา แหน่ง 2. มีคุณสมบตัิในเรื่องเกี่ยวกบั ใบอนุญาตประกอบวชิาชีพของสายงานต่างๆ คุณวฒุิหรือการอบรม หลกัสูตรเพิ่มเติมครบถว้นตามที่ก.พ.กา หนดในแต่ละสายงานตามหลกัเกณฑก์ารเลื่อน ระดบัตา แหน่ง ประเภทวิชาการ 3. ตอ้งมีระยะเวลาในการดา รงตา แหน่ง หรือเคยดา รงตา แหน่งในสายงานที่จะแต่งต้งัตามคุณวุฒิของ บุคคล สา หรับการเลื่อนข้ึนแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งระดบัต่างๆ ไม่นอ้ยกวา่ระยะเวลาที่กา หนด ดงัน้ี คุณวุฒิ/ระดับ ระยะเวลา ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 6 ปี ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (หลักสูตร 5 ปี ) * 5 ปี ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (หลกัสูตร5 ปี)* 4 ปี ปริญญาโทหรือเทียบเท่า 4 ปี ปริญญาเอกหรือเทียบเท่า หรือวฒุิบตัร หรือหนงัสืออนุมตัิบตัร 2 ปี * หมายถึง คุณวุฒิปริญญาตรีที่มีหลกัสูตรกา หนดเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 5 ปีต่อจากวุฒิประกาศนียบตัร มธัยมศึกษาตอนปลาย (เฉพาะปริญญาที่ก.พ. กา หนดให้ได้รับเงินเดือนตามหลกัสูตร 5 ปี) และคุณวุฒิ ปริญญาตรีที่มีหลกัสูตรกา หนดเวลาศึกษาไม่นอ้ยกวา่6 ปีต่อจากวุฒิประกาศนียบตัรมธัยมศึกษาตอนปลาย ที่ก.พ.กา หนด เป็นคุณสมบตัิเฉพาะสา หรับตา แหน่งในสายงานที่กา หนดตามหนงัสือสา นกังาน ก.พ. ที่นร 1008/ว 12 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2554 ท้งัน้ีตอ้งดา รงตา แหน่งในสายงานที่จะแต่งต้งัหรือไดป้ฏิบตัิหนา้ที่ในสายงานที่จะแต่งต้งัมาแลว้ ไม่นอ้ยกวา่1 ปีและในกรณีที่ระยะเวลาการดา รงตา แหน่งไม่มีหรือมีแต่ไม่ครบ ตามระยะเวลที่กา หนด อาจ
พิจารณานา ระยะเวลาการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รงตา แหน่งในสายงานอื่นซ่ึงมีลกัษณะงานเชิงวิชาการ หรือวิชาชีพที่เกี่ยวขอ้งหรือเก้ือกูลกบัสายงานที่จะแต่งต้งัหรือระยะเวลาการปฏิบตัิหนา้ที่ในสายงานที่จะ แต่งต้งัมานบัรวม เป็นระยะเวลาดา รงตา แหน่งในสายงานที่จะแต่งต้งัให้ครบได้และขณะนา เวลาดงักล่าวมา นบัผูน้้นัตอ้งมีคุณสมบตัิตรงตามคุณสมบตัิเฉพาะส าหรับตา แหน่งที่จะแต่งต้งัและตอ้งมีคา สั่งรักษาการใน ตา แหน่งหรือคา สั่ง มอบหมายใหป้ฏิบตัิหนา้ที่อยา่งชดัเจนรวมท้งัตอ้งมีการปฏิบตัิงานจริงดว้ย 1. สิทธิประโยชน์ตามหนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/154 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2556 และ หนังสือ ส านักงาน ก.พ. ที่ นร 1012.2/235 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ผู้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ 1. พนกังานราชการในสังกดักระทรวงสาธารณสุข (หนังสือ นร 1008.1/154 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2556) 2. พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (หนังสือ นร 1012.2/235 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2560) 3. ลูกจา้งชวั่คราวในสังกดักระทรวงสาธารณสุข ที่ไดร้ับการจา้งให้ปฏิบตัิงานเตม็เวลาอยา่งต่อเนื่อง 1 ปีข้ึนไป (หนงัสือ นร 1008.1/154 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2556) หมายเหตุ กรณีได้รับการจ้างเป็ นพรก./พกส. ต่อจากลูกจา้งชวั่คราว ใหไ้ดร้ับสิทธิตาม ขอ้ 1 หรือ 2 4. บุคคลตามข้อ 1,2 และ 3 ต้องได้รับการจ้างให้ปฏิบัติงาน จนถึงวันก่อนได้รับการบรรจุ เป็นขา้ราชการในสังกดักระทรวงสาธารณสุข (ลาออก ณ วันที่ได้รับการบรรจุเป็ นข้าราชการ) สิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ในการเลื่อนแต่งตั้ง 1. การนบัระยะเวลาเพื่อประโยชน์การแต่งต้งัสามารถนา ระยะเวลาการด ารงต าแหน่ง ขณะเป็น ลูกจา้งชวั่คราว/พนกังานราชการ/ พนกังานกระทรวงสาธารณสุข นบัถึงวนัก่อนบรรจุเขารับราชการ มานับ ้ รวมเป็ นระยะเวลาราชการได้ 2. ผลการปฏิบตัิงานเพื่อประโยชน์ในการแต่งต้งั ให้ถือวา่ผลการปฏิบตัิงาน ผลงาน ประสบการณ์ ขณะเป็น ลูกจา้งชวั่คราว/พนกังานราชการ/ พนกังานกระทรวงสาธารณสุขของผูไ้ดร้ับการบรรจุสามารถ น าไปใชป้ระโยชน์เพื่อการแต่งต้งัได้ 2. การนับระยะเวลาเกือ้กูล ในกรณีที่ระยะเวลาในการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รงตา แหน่งในสายงานที่จะแต่งต้งัตาม คุณวุฒิ ของบุคคลตามตารางไม่มีหรือมีไม่ครบ อาจพิจารณานา ระยะเวลาการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รง ตา แหน่ง ในสายงานอื่นของตา แหน่งประเภททวั่ ไป ประเภทวิชาการ ประเภทอา นวยการ ประเภทบริหาร มานับ ระยะเวลาที่เกี่ยวขอ้ง หรือเก้ือกูลกนัได้ดงัน้ี 1.1)การนบัระยะเวลาที่เกี่ยวขอ้งหรือเก้ือกูลให้พิจารณาจากลกัษณะงานที่ปฏิบตัิงาน อยู่จริงตาม ขอ้เท็จจริงและคา นึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะไดร้ับ โดยช่วงระยะเวลาที่ปฏิบตัิงานที่จะนา มา นบัน้นั ตอ้งเป็นช่วงระยะเวลาที่ผูน้ ้ันมีคุณสมบตัิตรงตามคุณสมบตัิเฉพาะส าหรับตา แหน่งที่จะแต่งต้งัส าหรับ
คุณวุฒิและคุณสมบตัิอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในส่วนของระยะเวลาการดา รงตา แหน่งในประเภทและระดบัตา แหน่ง มี แนวทางการพิจารณาดงัน้ี 1.1.1) กรณีการนับระยะเวลาการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รงตา แหน่งในสายงาน ของ ตา แหน่งประเภทวิชาการ ประเภทอา นวยการ ประเภทบริหาร ให้พิจารณานบัระยะเวลาการปฏิบตัิงาน ตาม ขอ้เทจ็จริงของลกัษณะงานที่ปฏิบตัิงานอยจู่ริง 1.1.2) กรณีการนับระยะเวลาการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รงตา แหน่งในสายงาน ของ ตา แหน่งประเภททวั่ ไป ใหพ้ ิจารณานบัระยะเวลาการปฏิบตัิงานตามข้อเท็จจริงของลักษณะงานที่ ปฏิบัติงาน อยจู่ริงโดยใหน้บัไดไ้ม่เกินคร่ึงหน่ึงของระยะเวลาการปฏิบตัิงานที่นา มานบั 1.2)กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกบัการพิจารณาระยะเวลาในการดา รงตา แหน่งหรือเคยดา รง ตา แหน่งใน สายงานที่จะแต่งต้งัหรือระยะเวลาการดา รงตา แหน่งในสายงานอื่นที่เกี่ยวขอ้งหรือเก้ือกูลส าหรับ ตา แหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญลงมา ให้คณะกรรมการประเมินบุคคล เป็ นผู้พิจารณา หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลงานทางวิชาการ การประเมินผลงานทางวิชาการให้กระทา ไดต้ ่อเมื่อผ่านการประเมินบุคคลแลว้ โดยลกัษณะของ ผลงานที่เสนอตอ้งมีความสอดคลอ้งกบัลกัษณะหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของงานในแต่ละระดบั ตามที่กา หนดไวใ้น กฎ ก.พ. วา่ดว้ยหลกัเกณฑ์การจดัประเภทตา แหน่งและระดบัตา แหน่ง จึงไดก้า หนดได้ กา หนดหลกัเกณฑแ์ละวธิีการประเมินผลงานในแต่ละระดบัไว้ 1.การประเมินผลงานทางวิชาการ ให้ประเมินจากผลการปฏิบตัิงานหรือผลส าเร็จของงานที่เกิดจากการปฏิบตัิงานในหน้าที่ซ่ึงตอ้ง สะทอ้นให้เห็นว่าผูข้อประเมินน้ันเป็นผูมีความรู้ ความสามารถ ทักษะสมรรถนะ ความช านาญงานและ ้ ประสบการณ์สูงเหมาะสมกบัตา แหน่งในแต่ละระดบั ระดับ คณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการ หมายเหตุ 1. ระดับช านาญการ คณะกรรมการของกรมการแพทย์ 2. ระดับช านาญการพิเศษ 3. ระดับเชี่ยวชาญ คณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข 4. ระดับทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการของส านักงาน ก.พ.
2. ผลงานที่จะน ามาประเมินทางวิชาการ ผลงาน รายละเอียด ผลงาน ควรเป็นการนา เสนอในรูปแบบการสรุปวเิคราะห์ถึงผลที่เกิดข้ึน สะทอ้นใหเ้ห็นถึง ความรู้ความสามารถและความชา นาญในงาน รวมท้งัระบุผลสา เร็จของงานหรือ ประโยชน์ที่เกิดจากงานน้นัหรือการนา ไปใช้หรือผลงานการใหบ้ริการทางวชิาการ/ ปฏิบตัิการผลงานนวตักรรม หรือสิ่งประดิษฐใ์หม่โดยไม่ใช่เป็นเพียงการรวบรวม ผลงานย้อนหลัง ข้อเสนอแนวคิด ควรเป็ นข้อเสนอแนวคิด วิธีการ หรือแผนงานเพื่อพัฒนางานหรือปรับปรุงงานของ หน่วยงานหรือส่วนราชการใหม้ีประสิทธิภาพ และสอดคลอ้งกบัยทุธศาสตร์หรือ นโยบายของส่วนราชการ จ านวนผลงาน 1. ผลงานที่ส่งประเมิน จ านวน 1 เรื่อง ต้องเกี่ยวข้องกับต าแหน่งที่จะแต่งตั้ง 2. ข้อเสนอแนวคิดการพฒันาหรือปรับปรุงงาน จ านวน 1 เรื่อง เงื่อนไขของผลงาน 1. เป็นผลงานเรื่องเดียวกนักบัเรื่องที่เสนอในข้นัตอนการประเมินบุคคล 2. เป็นผลงานที่จดัทา ข้ึนระหวา่งดา รงตา แหน่งในระดบัที่ต่า กวา่ระดบัที่ขอประเมิน 1ระดับ และเป็ นผลงานไม่เกิน 5 ปี 3.กรณีที่เป็นผลงานร่วมกบับุคคลหลายคน ตอ้งแสดงให้เห็นวา่มีส่วนร่วมในการ จัดท าผลงาน ตั้งแต่ 51% ขึ้นไป โดยมีคา รับรองจากผมู้ีส่วนร่วมในผลงาน และ ผู้บังคับบัญชาด้วย 4.ไม่ใช่ผลงานวจิยัหรือวทิยานิพนธ์ที่เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาเพื่อขอรับ ปริญญา หรือประกาศนียบตัร หรือเป็นส่วนหน่ึงของการฝึกอบรม 5.ผลงานส่วนใดที่นา มาใชป้ระเมินเพื่อขอรับเงินประจา ตา แหน่ง หรือขอรับเงินเพิ่ม สา หรับตา แหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตา แหน่งนิติกรจะนา ผลงานน้นัมาใชเ้สนอเพื่อเลื่อน ข้ึนแต่งต้งัใหด้า รงตา แหน่งในระดบัสูงข้ึนอีกไม่ได้เวน้แต่คณะกรรมการ ประเมินผลงาน จะกา หนดเป็นอยา่งอื่น 6.ตอ้งมีการเผยแพร่ในเวบ็ไซตข์องส่วนราชการ หรือหน่วยงาน หรือนา เสนอในที่ ประชุมวิชาการ
บทที่ 3 การด าเนินการประเมนิบุคคลและผลงาน ระดับช านาญการ การประเมินบุคคลและผลงาน ข้าราชการที่ครบคุณสมบัติ ตามหลักเกณฑ์ ต้องมีระยะการเตรียม ความพร้อมท้ังในเรื่องข้อมูลบุคคล สถิติการปฏิบัติงาน และการจัดเก็บผลงานเพื่อส่งประเมินฯ การ ดา เนินการจดัเตรียมก่อนล่วงหนา้อยา่งนอ้ย 1 ปีงบประมาณ จะทา ให้การจดัทา ประเมินบุคคลและผลงานมี ประสิทธิภาพ และสามารถจดัส่งประเมินไดทันทีเมื่อครบคุณสมบัติ ้ ไม่เสียโอกาสดงัต่อไปน้ี 1. เสียโอกาสในการไดร้ับเงินประจา ตา แหน่ง (ในตา แหน่งที่ไดร้ับเงินประจา ตา แหน่ง) 2. เสียโอกาสในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตราช้นัที่สูงข้ึน 3. เสียโอกาสเลื่อนเงินเดือนในฐานคา นวณที่สูงข้ึน 4. เสียโอกาสในเลื่อนระดบัที่สูงข้ึน ในการนบัระยะเวลาการดา รงตา แหน่ง โรงพยาบาลสงฆ์สร้างทีมเพิ่มประสิทธิภาพ การประเมินบุคคลและผลงาน ของขา้ราชการเพื่อเลื่อน ข้ึนแต่งต้งัในตา แหน่งที่สูงข้ึน ระดบัชา นาญการของโรงพยาบาลสงฆ์ประกอบดว้ยสหสาขาวชิาชีพดงัน้ี 1. กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลฯ ภารกิจดา้นอา นวยการ 2. กลุ่มงานวจิยัถ่ายทอดฯ 3. งานวิจัย และพัฒนาทางการพยาบาล โดยร่วมมือกนัจดัสร้างทีมงาน เพื่อพฒันาและการเพิ่มประสิทธิภาพฯ ดงัน้ี 1. ระยะเตรียมความพร้อม - ทีมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดท าแบบประเมินบุคคลและผลงาน การเขียนผลงาน วิชาการ และรูปแบบการจัดท าผลงานวิชาการ และวางแผนผลงานที่ใช้ประเมินรายบุคคล 2. ระยะการจัดท าและส่งประเมินฯ - ทีมสร้างไลน์กลุ่มพี่เล้ียง ใหค้า ปรึกษา ช่วยแกไ้ขปัญหา ติดตาม ใหก้า ลงัใจ - ทีมช่วยอ่านตรวจสอบแบบประเมินบุคคลและผลงานวชิาการก่อนส่งประเมิน 3. ระยะวางแผนพัฒนา - ทีมช่วยวางแผนจดัทา ผลงาน เพื่อวางแผนความกา้วหนา้ในสายวชิาชีพ
การเล ื่อนระดับในต าแหน่งทสีู่งขนึ้
ขั้นตอนการประเมินบุคคล 1.การประเมินบุคคล 1.1 การจัดเตรียมข้อมูลในแบบประเมินบุคคล 1.1.1 ประวัติการรับราชการ (จาก กพ.7 ในโกรแกรม DPIS กรมการแพทย์) ตามลิงค์ https://dpis.dms.go.th/admin/index.html ใส่รหัสผู้ใช้ (เลขบัตรประชาชน) ใส่รหัสผ่าน (วัน เดือน ปีเกิด)
1.1.2 ประวัติการอบรม/ดูงาน 3 ปี ย้อนหลัง 1.1.3 ประสบการณ์ในการท างานนอกเหนือจากหน้าที่ประจ า 1.1.4 สถิติการปฏิบัติงาน 3 ปี ย้อนหลัง 1.1.5 ชื่อเรื่อง และเค้าโครงผลงานวิชาการ 1.1.6 ชื่อเรื่อง และเค้าโครงข้อเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนา 1.2 การจัดท าแบบประเมินบุคคล 1.2.1 บันทึกข้อมูลในแบบประเมินบุคคล 1.2.2 สรุปการปฏิบัติงาน ในแบบรายละเอียดการคดัเลือกบุคคลที่จะเขา้รับการประเมินเพื่อแต่งต้งัให้ ดา รงตา แหน่งที่สูงข้ึน (แบบ ปก.1) 1.2.3 บันทึกข้อมูล ในแนบท้ายประกาศกรมการแพทย์(แบบ ปก.2) 1.3การจัดส่งแบบประเมินบุคคล 1.3.1 จดัทา บนัทึกขอ้ความพร้อมแบบประเมินบุคคลจา นวน 4 ชุด เสนอผา่นผูบ้งัคบับญัชา เพื่อขอเขา้ รับการประเมินบุคคลโดยโรงพยาบาลสงฆ์ซกัซอ้มความเขา้ใจกบัการส่งแบบประเมินบุคคลของขา้ราชการ เพื่อเป็นแนวทางเดียวกนัมาที่กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลเพื่อเลื่อนในระดบัที่สูงข้ึน จา นวน 4 ชุด ส่งไม่เกิน วันที่ 10 ของทุกเดือนทางกลุ่มงานทรัพย์จะดา เนินการ นดัประชุมคณะกรรมการประเมินบุคคลใหใ้นเดือน น้นัแต่ถา้ส่งหลงัวนัที่10ของเดือน จะด าเนินการประเมินบุคคลให้ในเดือนถัดไป
ขั้นตอนการประเมินผลงาน 2. การประเมินผลงาน 2.1 การจัดเตรียมข้อมูล 2.1.1 ประวัติการรับราชการ (อัพเดทจากแบบประเมินบุคคล) 2.1.2 ประวัติการอบรม/ดูงาน 3 ปี ย้อนหลัง (อัพเดทจากแบบประเมินบุคคล) 2.1.3 หนา้ที่ความรับผดิชอบของตา แหน่งปัจจุบนั/ตา แหน่งที่จะแต่งต้งั สืบค้นจากลิงค์ https://knowledge.ocsc.go.th/th/standard-position/ คลงัขอ้มูลมาตรฐานกา หนด ตา แหน่ง ในเวบ็ไซดส์า นกังาน กพ. 2.1.4 สรุปผลงานที่เป็ นผลการปฏิบัติงานหรือผลส าเร็จของงาน 2.1.5 สรุปเรื่องเสนอข้อเสนอแนวคิดการพัฒนาหรือปรับปรุงงาน 2.2 การจัดท าแบบประเมินผลงาน 2.2.1 บันทึกข้อมูลในแบบประเมินผลงาน จ านวน 3 ชุด 2.2.2 จดัทา ผลงานวชิาการจา นวน 3 เล่ม 2.2.3 จัดท าไฟล์ แบบประเมินผลงานและผลงานวิชาการ เป็ นไฟล์ PDF ใส่ ต าแหน่ง และ ระดับ
แนวทางการจัดท าผลงานวิชาการที่ส่งประเมิน ดังนี้ ส่วนที่ 1 ส่วนน าหรือส่วนประกอบตอนต้น 1) ปกหน้า ใหใ้ชก้ระดาษที่เป็นปกแขง็ระบุรายละเอียดเกี่ยวกบัชื่อเรื่อง ที่จดัทา ชื่อ-นามสกุล ตา แหน่งผูจ้ดัทา ตา แหน่งเลขที่หน่วยงานที่สังกดั โดยระบุชื่อกองและกรม 2) ปกใน ให้ใช้กระดาษ A 4 โดยระบุรายละเอียดเช่นเดียวกบั ปกหนา้ 3) ค าน า เป็ นการบอกให้ทราบถึงความเป็ นมาหรือเหตุผลของการจัดท าผลงานการศึกษาหรือ วเิคราะห์หรือวจิยัโดยยอ่หรืองานวชิาการน้นัๆ 4) สารบัญ เป็นการเขียนโครงร่างหวัขอ้เรื่อง หรือสาระสา คญัๆ ของผลงาน พร้อมท้งัระบุหนา้พิมพ์ เพื่อให้ผูอ้่านสามารถคน้หาได้โดยง่าย ถ้ามีตารางหรือภาพประกอบเป็นจา นวนมาก ควรแยกท าสารบัญ ตารางหรือสารบญัภาพต่างหากเพื่อใหช้ดัเจนข้ึนดว้ย ส่วนที่ 2 ประกอบเนื้อหา 1) ชื่อผลงาน ต้องตรงกับเค้าโครงผลงานที่น าเสนอในข้นัตอนการประเมินบุคคลและตรงกับ ประกาศรายชื่อผูไ้ดร้ับการคดัเลือกเขา้รับการประเมินผลงานเพื่อแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งประเภทวิชาการ ระดบัชา นาญการและชา นาญการพิเศษ แลว้แต่กรณีท้งัน้ีควรต้งัชื่อผลงานใหก้ระชบั ใชภ้าษา ที่เขา้ใจง่าย ไม่ ใชภ้าษาพูด และสอดคลอ้งกบัหนา้ที่ความรับผดิชอบของผขู้อรับการประเมิน 2) ระยะเวลาที่ด าเนินการ ให้ระบุช่วงระยะเวลา (เดือน ปี) ที่ไดป้ฏิบตัิงาน ตามผลงานที่เสนอ โดย ระบุระยะเวลาต้งัแต่วนัที่เริ่มดา เนินการจนถึงวนัที่สิ้นสุดการดา เนินการ เช่น ต้งัแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ท้งัน้ีผลงานดงักล่าวจะตอ้งเป็นผลการดา เนินการที่เสร็จสิ้นก่อนวนัส่งเอกสารประกอบการประเมิน บุคคล 3) ความรู้ความช านาญงาน หรือความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ใช้ ในการปฏิบัติงาน ให้ระบุความรู้ทางวิชาการ แนวคิด ทฤษฎีและข้อมูลเชิงวิชาการที่น ามาปรับใช้ในการด าเนินการ และเกี่ยวขอ้งกบัผลงานโดยตรง เป็นขอ้มูลที่ทนัสมยัมีความน่าเชื่อถือ ระบุแหล่งที่มาให้ชดัเจน โดยสรุปให้ สอดคล้องเชื่อมโยงกบัผลการดา เนินงานที่ผูข้อรับการประเมินได้ปฏิบตัิจริง ท้งัน้ีให้มีการระบุความรู้ ความสามารถ ทกัษะ สมรรถนะความช านาญ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการ ปฏิบตัิงานในหนา้ที่หรืออาจนา เสนอ หรือระบุวา่ ไดม้ีการใชค้วามคิดริเริ่ม สร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ในการสร้าง ผลงานหรือไม่ท้งัน้ีความรู้ทางวิชาการหรือแนวคิดทฤษฎีและขอ้มูลเชิงวิชาการใชใ้นการดา เนินงานที่อา้ง ถึงจะตอ้งนา ไปเขียนไวใ้นบรรณานุกรม และหากอา้งอิงกฎหมายใหเ้รียงตามลา ดบัศกัด์ิของกฎหมายดว้ย 4) สรุปสาระส าคัญ ข้ันตอนการด าเนินการและเป้าหมายของงาน ให้สรุปสาระส าคญัและข้นัตอน ดา เนินการในภาพรวม แลว้ค่อยนา ไปสู่การอธิบายรายละเอียดทีละข้นัตอนให้ชดัเจน และอธิบายเป้าหมาย ของการดา เนินการ หากเป็นผลงานที่ผขู้อรับการประเมินดา เนินการร่วมกบับุคคลอื่น ใหร้ะบุต้งัแต่ช่วงตน้ ให้ ชดัเจนวา่เป็นผูข้อรับการประเมินปฏิบตัิในส่วนไหนของข้นัตอนที่นา เสนอ โดยเขียนอธิบายให้เห็นถึงการ เชื่อมโยง
ความรู้ทางวิชาการแนวคิด ทฤษฎีและขอ้มูลเชิงวิชาการที่นา เสนอกบัข้นัตอนการปฏิบตัิงานที่ผูข้อรับการ ประเมินไดป้ฏิบตัิจริง โดยแบ่งการอธิบายเป็น 3 ส่วน ดงัน้ี 4.1) สรุปสาระส าคัญ ให้มีการสรุปสาระส าคัญของเรื่องที่ท าการศึกษาวิเคราะห์รวบรวม การดา เนินการเรื่องน้ีเพื่ออะไร ให้บรรลุเป้าหมายหรือผลสัมฤทธ์ิเรื่องอะไร (เขียนในลักษณะเดียวกบั หลกัการและเหตุผล) โดยเนน้ระบุวา่ผขู้อรับการประเมินเป็นผูด้า เนินการหรือไดร้ับมอบหมายใหป้ฏิบตัิงาน ด้านใด 4.2) ขั้นตอนการด าเนินการ ให้อธิบายข้นัตอนการดา เนินการในภาพรวมแลว้ค่อยนา ไปสู่ การอธิบายข้นัตอนการดา เนินการที่ผูข้อรับการประเมินไดป้ฏิบตัิจริง ต้งัแต่เริ่มตน้–จนเสร็จสิ้น โดยอธิบาย อยา่งละเอียด และไดใ้ชค้วามรู้ทางวิชาการแนวคิด ทฤษฎีและขอ้มูลเชิงวิชาการและขอมูลที่น า มาอ้างอิงใน ้ หัวข้อที่ 3) ความรู้ ความช านาญงาน หรือความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ไปปรับใช้ กบัการปฏิบตัิงานอยา่งไร เพื่อให้งานประสบผลส าเร็จ พร้อมจดัทา แผนผงัข้นัตอนการดา เนินการ เพื่อให้มี ความเขา้ใจชดัเจนยิ่งข้ึน ขั้นตอนการด าเนินการ ถือเป็นหัวใจส าคัญของการถ่ายทอดความรู้ความช านาญ งาน ความเชี่ยวชาญ ในงาน และการสั่งสมจากประสบการณ์ที่ผู้ขอรับการประเมินเป็นผู้รับผิดชอบ ด าเนินงาน 4.3) เป้าหมายของงาน ให้ระบุเป้าหมายของงานตามที่น าเสนอไว้ในหัวข้อ 4) สรุ ป สาระส าคัญ ข้ันตอนการด าเนินการและเป้าหมายของงาน โดยให้อธิบายว่างานที่ทา คืออะไร กลุ่มเป้าหมายของงาน คือใครและกา หนดเป้าหมายของงานไวอ้ยา่งไร 5) ผลส าเร็จของงาน (เชิงปริมาณ/เชิงคุณภาพ) ให้อธิบายผลส าเร็จของงานที่เกิดจากการดา เนินการ ตามช่วงระยะเวลาที่นา เสนอและที่เกิดจากการปฏิบตัิงานโดยตรง กรณีมีขอ้มูล ท้งัเชิงปริมาณ และเชิง คุณภาพ ใหเ้ขียนแยกประเด็นในแต่ละหวัขอ้ใหช้ดัเจน ดงัน้ี 5.1) ผลส าเร็จของงานเชิงปริมาณ ผลงานที่เกิดจากการปฏิบตัิงาน มีผลส าเร็จที่เกิดข้ึนตาม ข้นัตอนการดา เนินงาน มีปริมาณของผลงานเป็นจา นวนที่วดัได้เมื่อเปรียบเทียบกบัเป้าหมาย หรือขอ้ตกลง ตามที่ไดก้า หนด เช่น จา นวนคร้ัง/จา นวนคนในการเขา้ร่วมโครงการ/กิจกรรม ร้อยละของกลุ่มเป้าหมายที่เขา้ รับการโครงการ/กิจกรรม และหากมีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น รายละเอียดโครงการ/กิจกรรม หลกัสูตร การ อบรม รายชื่อผเู้ขา้ร่วมโครงการ/กิจกรรม ภาพถ่ายกิจกรรม ใหน้า ไปไวใ้นภาคผนวก 5.2) ผลส าเร็จของงานเชิงคุณภาพ ผลงานเชิงคุณภาพ เช่น ความถูกตอ้งความเรียบร้อยและความ ครบถ้วนสมบูรณ์ ความรวดเร็ว ตรงเวลาความคุม้ค่าความสะดวกความเป็นมาตรฐาน ที่ไดแ้ สดงให้เห็นถึง การบรรลุวตัถุประสงคข์องผลงาน รวมท้งัตอบสนองนโยบาย แนวคิด ยทุธศาสตร์
6) การน าไปใช้ประโยชน์/ผลกระทบ ให้อธิบายวา่หากมีการนา ผลงานฉบบัน้ีไปใช้หรือนา ไปเป็น แบบอย่าง หรือเป็นตน้แบบในการปฏิบตัิงาน หรือนา ไปใช้ในการพฒันา ต่อยอด ปรับปรุงแนวทางการ ดา เนินงาน จะเกิดประโยชน์หรือไดร้ับผลกระทบในทางตรงหรือทางออ้มกบั ใคร อยา่งไรบา้ง ตัวอย่าง : การน าไปใช้ประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ ใชเ้ป็นคู่มือการปฏิบตัิงาน/หรือใชเ้ป็นเครื่องมือ ในการติดตามผลการปฏิบตัิงาน/หรือใชเ้ป็นเครื่องมือในการพฒันาบุคลากรที่บรรจุใหม่โดยศึกษาเรียนรู้ดว้ย ตนเองจากคู่มือเพื่อประหยดัเวลาและงบประมาณในการฝึกอบรมและการสอนงาน/ใช้เป็นขอ้มูลในการ วิเคราะห์กระบวนงานเดิมเพื่อศึกษาและพฒันา ต่อยอด ปรับปรุงแนวทางการดา เนินงานเดิมและออกแบบ กระบวนงานใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึนในอนาคต/ผูท้ี่รับผิดชอบและเกี่ยวขอ้งกบัการพฒันาบุคลากรของ กรม สามารถใช้เป็ นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการศึกษาความพึงพอใจการพัฒนาบุคลากรของกรม ในปี ต่อ ๆ ไปไดอ้ย่างถูกตอ้งตามหลกัวิชาการอนัจะส่งผลถึงการนา ขอ้มูลไปใช้ในการปรับปรุงการให้บริการ ดา้นการพฒันาบุคลากรของกรมการจดัหางานไดต้รงกบัความตอ้งการในอนาคต/ใชเ้ป็นขอ้มูลประกอบการ รายงานประจา ปีในส่วนของความพึงพอใจในการพฒันาบุคลากรของกรมการจดัหางาน ตัวอย่าง: การผลกระทบ ได้แก่ ท าให้ทราบสภาพปัญหา อุปสรรค ในการปฏิบัติงานเพื่อเสนอแนะ และน าไป ประกอบการจัดท านโยบาย/โครงการ 7) ความยุ่งยากและซับซ้อนในการด าเนินการ ให้อธิบายวา่จากที่ผูข้อรับการประเมินไดป้ฏิบตัิงาน จริงตามข้นัตอนที่นา เสนอพบวา่มีความยุ่งยากและซับซ้อนอนัเกิดจากปัจจยัภายใน หรือธรรมชาติของงาน อยา่งไรบา้ง เช่น ปัญหาดา้นกระบวนงานที่มีความหลากหลาย ยงุ่ยากและซบัซอ้น ทา ใหผ้ขู้อรับการประเมิน ตอ้งประยุกตใ์ชค้วามรู้และประสบการณ์ในการปฏิบตัิงานให้เหมาะสมกบัสถานการณ์ที่เกิดข้ึนและหากยงั ไม่ไดร้ับการแกไ้ขใหไ้ปเขียนในหวัข้อ ๙ ข้อเสนอแนะ 8) ปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินการ ใหอ้ธิบายปัจจยัที่ส่งผลใหเ้กิดปัญหา อุปสรรคและขอ้จา กดั ที่พบระหว่างการปฏิบตัิงาน อนัเกิดจากปัจจยัภายนอกของงานหรือสภาพแวดล้อมภายนอกที่ผูข้อรับการ ประเมินได้พบในการปฏิบตัิงานจริงที่ส่งผลต่อการปฏิบตัิงาน ไม่สามารถควบคุมได้ โดยน าปัญหาและ อุปสรรคในการดา เนินการของแต่ละข้นัตอนมาสรุปรวมเป็นปัญหาและอุปสรรคในภาพรวม เช่น ขอ้จา กดั ดา้นเวลา ทรัพยากรการขาดแคลนอตัรากา ลงัหรืองบประมาณ การตีความกฎหมาย สถานการณ์โรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทา ให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบตัิงาน ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ/ คอมพิวเตอร์และหากยงัไม่ไดร้ับการแกไ้ขใหไ้ปเขียนในหวัขอ้ ๙ ข้อเสนอแนะ 9) ข้อเสนอแนะ เป็นการเสนอแนะแนวทางหรือวิธีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่พบ จากการ ดา เนินการในเรื่องที่นา เสนอ ซ่ึงขอ้เสนอแนะตอ้งมีการคิดริเริ่มสร้างสรรค์มีความเป็นรูปธรรม สามารถ นา ไปปฏิบตัิไดจ้ริง มีความสอดคลอ้งกบัหวัขอ้ ๗) ความยุง่ยากและซบัซอ้นในการดา เนินการและหวัขอ้ ๘) ปัญหาและอุปสรรคในการดา เนินการที่น าเสนอ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขหรือป้องกันปัญหา ที่มี แนวโนม้วา่จะเกิดข้ึนในอนาคตในภาพรวม รวมไปถึงเพื่อการพฒันางานใหม้ีประสิทธิภาพเพิ่มข้ึน
๑๐) การเผยแพร่ผลงาน (ถ้ามี) ใหร้ะบุวา่เน้ือหาของงานที่ผขู้อรับการประเมิน ไดน้า มาเขียนเป็นผลงานทาง วชิาการฉบบัน้ีเคยมีการนา ไปเผยแพร่ผา่นทางช่องทางใด (ถา้มี) ๑๑) ผู้มีส่วนร่วมในผลงาน (ถ้ามี) ใหใ้ส่ชื่อผจู้ดัทา ทุกคน และสัดส่วนที่จดัทา (กรณีทา คนเดียวใส่ชื่อผจู้ดัทา สัดส่วนผลงาน 100 % ส่วนที่ 3 ส่วนอ้างอิง/ภาคผนวก (ถ้ามี) 1) บรรณานุกรม เป็นการแสดงแหล่งที่มาของขอ้มูลหรือขอ้ความที่ผขู้อรับการประเมินผลงาน นา มาใชอ้า้งอิง ทา ใหผู้อ้่านสามารถติดตามและตรวจสอบแหล่งที่มาไดเ้ป็นการยนืยนัความน่าเชื่อถือ และให้ เกียรติแก่องคก์รหรือบุคคลผเู้ป็นเจา้ของขอ้มูลหรือหลกัการแนวคิดทฤษฎีต่าง ๆ เอกสารอา้งอิงไดม้าจาก แหล่งคน้ควา้หลายแห่ง เช่น หนงัสือวารสารวทิยานิพนธ์เอกสารทางวชิาการ หรือเอกสารจากสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ 2) ภาคผนวก (ถ้ามี) เป็ นการเสนอเอกสารประกอบที่เกี่ยวขอ้งกบัการจดัทา ผลงานทางวิชาการเช่น แบบสอบถามความพึงพอใจแบบฟอร์มบนัทึกขอ้มูลต่าง ๆ หนงัสือเวยีนที่เกี่ยวขอ้ง แนวทางการจัดท าข้อเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนา ดังนี้ 1) ชื่อผลงาน ตอ้งตรงกบัเคา้โครงผลงานที่นา เสนอในข้นัตอนการประเมินบุคคลเรื่องที่เสนอและ ตรงกบั ประกาศรายชื่อผูไ้ดร้ับการคดัเลือกเขา้รับการประเมินผลงานเพื่อแต่งต้งัให้ดา รงตา แหน่งประเภท วิชาการ ระดบัชา นาญการและชา นาญการพิเศษ แลว้แต่กรณีให้กา หนดหัวขอ้เรื่องที่เป็นการนา เสนอหัว ข้อเสนอแนวคิดการพฒันาหรือปรับปรุงงานและใหส้อดคลอ้งกบัตา แหน่งน้นัๆ หรือนา เสนอกา หนดชื่อใน รูปของงาน/โครงการหรือกิจกรรมที่จะดา เนินการและกา หนด เพื่อนา ไปสู่การกา หนดตวัช้ีวดัความสา เร็จไว้ ด้วย 2) หลักการและเหตุผล ให้กล่าวถึงเหตุผลความจา เป็น/ที่มา/ความส าคญัของโครงการ/กิจกรรมที่ผู้ ขอรับการประเมินน าเสนอ และให้อธิบายไปถึงสภาพปัญหาหรือเหตุขัดข้องที่พบ หรืออาจพบจากการ ปฏิบตัิงานตามโครงการ/กิจกรรมดงักล่าว ในภาพรวมที่ทา ให้ผูข้อรับการประเมินตอ้งการนา เสนอแนวคิด เพื่อพฒันาหรือปรับปรุงงานดา้นน้ีใหม้ีประสิทธิภาพมาก 3) บทวิเคราะห์/แนวคิด/ข้อเสนอและข้อจ ากัดที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไข เป็ นการน าเสนอ แนวคิด วิธีการ เพื่อพฒันาหรือปรับปรุงงานที่จะทา ในอนาคตในตา แหน่ง ที่จะไดร้ับการแต่งต้งัและต้อง สอดคล้องกบัหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือนโยบายของกระทรวง/กรม ผ่านการวิเคราะห์สภาพปัญหาที่ เกิดข้ึนจากการปฏิบตัิงาน โดยนา แนวคิด ทฤษฎีและผลงานวจิยัมาสนบัสนุน แนวทางการป้องกนัหรือแกไ้ข ปัญหาและต้องแสดงให้เห็นว่าแนวทางที่ผูข้อรับการประเมินน าเสนอสามารถน าไปใช้เพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพของการทา งานไดจ้ริง ดงัน้ี 3.1) บทวิเคราะห์ ให้น าความรู้ทางวิชาการ แนวคิด ทฤษฎี กฎ ระเบียบ มาเป็ นเครื่องมือในการ วิเคราะห์สภาพปัญหาเพื่อแสดงให้เห็นวา่ที่ผา่นมาการปฏิบตัิงานของผูข้อรับการประเมินในเรื่องที่นา เสนอ เกิดปัญหาด้านใด อย่างไรบา้ง เช่น ปัญหาด้านกระบวนการปฏิบตัิงาน ปัญหาด้านเจา้หน้าที่ผูป้ฏิบตัิงาน ปัญหาด้านการด าเนินการตามกฎหมาย ปัญหาดา้นการกา หนดนโยบาย เพื่อจะไดว้ิเคราะห์สาเหตุการเกิด
ปัญหาและศึกษาหาวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อนา ไปสู่การน าเสนอแนวคิดการพฒันาหรือปรับปรุงงานให้มี ประสิทธิภาพมากข้ึน ตัวอย่าง : เทคนิคการวเิคราะห์เช่น SWOT Analysis, LOGFRAME, Problem Tree หรือ Objective Tree 3.2) แนวคิด ใหอ้ธิบายความรู้ทางวชิาการแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารอา้งอิง ที่เกี่ยวขอ้งกบัเรื่องน้ีวา่ มีอะไรบา้ง มีแนวคิดหรือทฤษฏีอะไร มีวธิีการศึกษาอยา่งไร และผลเป็นประการใด โดยแสดงใหเ้ห็นวา่ ไดม้ี การน าแนวคิด ทฤษฎี หรือ องค์ความรู้ในเรื่องใดมาประยุกต์ใชใ้นการพฒันาหรือปรับปรุงงานน้นัๆ เพื่อให้ บรรลุผลสา เร็จ สา หรับการอา้งอิงกฎหมายใหเ้รียงลา ดบัศกัด์ิของกฎหมายดว้ย 3.3) ข้อเสนอ ให้ผูข้อรับการประเมินจดัทา ขอ้เสนอให้มีความสอดคลอ้งกบัแนวความคิดที่กา หนด ไวใ้นหวัขอ้3.2แนวคิด ตอ้งนา เสนอวิธีการแกไ้ขปัญหาหรือวิธีพฒันาปรับปรุงงาน ในตา แหน่งที่จะไดร้ับ การแต่งต้งัให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยระบุแนวทาง วิธีดา เนินงาน ข้นัตอนการปฏิบตัิเรียงลา ดบัก่อน - หลัง หรือแผนปฏิบัติงาน ให้เป็ นรูปธรรม มีความชัดเจนสามารถน าไปปฏิบัติได้จริง 3.4) ข้อจ ากัดที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการแก้ไข ใหอ้ธิบายขอ้จา กดัที่อาจจะเกิดข้ึนจากการที่ผูข้อรับ การประเมินนา เสนอแนวคิดการพฒันาหรือปรับปรุงงานในเรื่องน้ีว่าอาจจะเกิดข้ึนจากปัจจยัใดบา้ง พร้อม แนวทางแกไ้ขเพื่อป้องกนัไม่ใหเ้กิดขอ้จา กดัดงักล่าว 4) ผลที่คาดว่าจะได้รับ ให้ระบุผลที่คาดวา่จะไดร้ับจากการดา เนินการตามข้อเสนอ หากส าเร็จแล้ว จะทา ใหม้ีการพฒันาหรือปรับปรุงงานอะไรบา้ง หรือนา ไปประยกุตใ์ชง้านต่อไปไดอ้ยา่งไรบา้ง โดยอาจแยก เป็นเชิงปริมาณ/เชิงคุณภาพ และเขียนอธิบายให้ชัดเจน เช่น ประเด็นด้านองค์กรเกิดประโยชน์อย่างไร ประเด็นดา้นเจา้หนา้ที่เป็นประโยชน์อยา่งไร เป็นต้น ตัวอย่าง : ผลที่คาดว่าจะได้รับ เช่น ระบุผลผลิต/ผลลพัธ์ในเชิงปริมาณ หรือความกา้วหนา้ในการดา เนินงาน หรือผลผลิต/ผลลพัธ์เชิงคุณภาพว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงงานให้ดีข้ึนกว่าเดิมอย่างไร เช่น เกิด ความสะดวกรวดเร็ว ประหยดัลดตน้ทุน ลดข้นัตอนการทา งาน หรือ ลดรอบระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ได้ เพียงใด หรือช่วยให้การปฏิบตัิงานมีประสิทธิภาพมากข้ึน และองค์กรบรรลุวตัถุประสงค์ตามเป้าหมาย อยา่งไร 5) ตัวชี้วัดความส าเร็จ ให้ระบุตวัช้ีวดัความส าเร็จที่เหมาะสมสามารถนา มา วดัผลส าเร็จจากการ เสนอแนวคิดเพื่อนา ไปปรับปรุงงานไดอ้ยา่งชดัเจน ถูกตอ้งและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดา เนินงานของกรม ท้งัน้ีตวัช้ีวดัที่ กา หนดตอ้งวดัใหส้อดคลอ้งกบัผลที่คาดวา่จะไดร้ับตามหวัขอ้ 4ผลที่คาดวา่จะไดร้ับ
2.3การจัดส่งการประเมินผลงาน จดัทา บนัทึกขอ้ความผ่านผูบ้งัคบับญัชา ส่งที่กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลยุทธศาสตร์และแผนงาน พร้อมแนบเอกสารดงัน้ี 1. แบบตรวจสอบข้อมูลประกอบการประเมินผลงาน จ านวน 3 ชุด 2. แบบประเมินผลงาน จ านวน 3 ชุด 3. จัดท าผลงานวิชาการ จา นวน 3 เล่ม 4. ไฟล์ดิจิทัล แบบประเมินผลงานและผลงานวิชาการ เป็ นไฟล์ PDF 2.4การตรวจสอบสถานะการประเมินผลงาน สามารถเข้าตรวจสอบสถานการณ์ประเมินผลงานได้ที่ลิงค์ https://hrm.dms.go.th/
เอกสารแนบการประเม ิ นบ ุ คคลและผลงาน
2.5 ทมีสหสาขา ให้คา ปรึกษาการประเมนิบุคคลและผลงานเพ ื่อเล ื่อนระดับทสีู่งขนึ้