ตารางกาหนดการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕
หนว่ ยท่ี ๖ วิชาเหมอื นสินค้า เวลา ๕ ช่วั โมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา
๕ ชม.
วิชาเหมือนสินคา้ ๕
๑. อ่านในใจบทเรียนตามหลักการอ่านในใจท่ีดีได้ - การอ่านในใจและตอบคาถาม ๑
ถกู ตอ้ ง - เรียนร้คู าและนาไปใช้ ๑
๒. ต้ังคาถาม ตอบคาถาม อภปิ รายและสรุปขอ้ คิดจาก - การเขียนเรยี งความ ๑
เร่อื งท่อี า่ นได้ ๑
- การเขยี นยอ่ ความ ๑
๓. อ่าน และเขียนคา คายาก ข้อความ และสานวน - การแต่งกาพยย์ านี ๑๑
ภาษาไทยในบทเรียนได้ถกู ต้อง
๔. นาคา คายาก ข้อความ และสานวนภาษาใน
บทเรยี นไปใชไ้ ดถ้ กู ต้อง
๕. บอกส่วนประกอบของเรียงความได้
๖. บอกลกั ษณะการเขียนเรียงความทดี่ ีเป็นขอ้ ๆ ได้
๗. เขียนเรียงความตามรูปแบบได้
๘. บอกความหมายของการย่อความ
๙. บอกประโยชนข์ องการเขยี นยอ่ ความ
๑๐. บอกหลักเกณฑก์ ารย่อความได้
๑๑. ยอ่ ความได้
๑๒. บอกลักษณะฉนั ทลกั ษณข์ องกาพยย์ านี ๑๑ ได้
๑๓. นาคาไปแตง่ กาพยย์ านี ๑๑ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
๑๔. แบง่ วรรคตอนจังหวะการอา่ นกาพยย์ านี ๑๑ และ
การลงสมั ผัสไดถ้ กู ต้อง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๓๒ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ เวลา ๕ ช่ัวโมง
หนว่ ยที่ ๖ มวี ิชาเหมือนสินค้า เวลา ๑ ชวั่ โมง
เรือ่ ง การอ่านในใจและตอบคาถาม
โรงเรยี นบา้ นปงตา ผูส้ อน นางสาวชญาภา สขุ คา
สาระที่ ๑ การอา่ น
มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ
แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชีวิต และมนี สิ ัยรกั การอา่ น
๑. สาระสาคญั
๑. ความคดิ รวบยอด
การอ่านในใจเปน็ การอ่านที่เข้าใจเรอ่ื งราวได้เพียงคนเดยี ว ผอู้ ่านตอ้ งใชส้ มาธิ สติในการอา่ น
ศึกษาคายากตั้งจุดหมายในการอ่าน อ่านอย่างพินิจ พิจารณา จะทาให้จับใจความสาคัญของเรื่องที่
อ่าน สามารถตอบคาถามลาดับเหตุการณ์ของเรื่อง และนาไปเขียนเป็นแผนภาพโครงเร่ือง เพ่ือเล่า
เรือ่ งและเขียนเรอื่ งได้
๒. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
๒. ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็นจากเร่ืองทอี่ ่าน
๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. อ่านในใจบทเรยี นตามหลกั การอ่านในใจที่ดีได้ถูกต้อง
๒. ต้งั คาถาม ตอบคาถาม อภิปรายและสรุปขอ้ คิดจากเรอื่ งที่อา่ นได้
๔. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. มีจติ สานึกในความเป็นไทย
๒. มีความสามัคคีในหม่คู ณะ
๓. เป็นผนู้ าและผู้ตามทดี่ ี
๔. นาขอ้ คดิ มาใช้ในชีวิตประจาวนั
๕. ประหยดั และอย่อู ย่างพอเพยี ง
๕. สาระการเรียนรู้
๑. อ่านในใจบทเรียน เร่ือง มีวิชาเหมือนสินค้า
๒. การตง้ั คาถาม ตอบคาถามและสรปุ ขอ้ คิดของเร่อื ง
๖. กระบวนการเรยี นรู้
ขน้ั ท่ี ๑. นกั เรยี นเขียนตามคาบอกก่อนเริ่มเรยี น จานวน ๑๐ คา พร้อมท้ังเฉลยคาที่ถกู ตอ้ ง
และคดั คาใหม่จากบนกระดานลงในสมุด
ขนั้ ที่ ๒.นกั เรยี นดแู ผนภมู บิ ทร้อยกรอง “มีวิชาเหมือนมีทรพั ย์” อา่ นเปน็ ทานองธรรมดาดัง
ๆ พรอ้ มกันแล้วสนทนาเกยี่ วกับเนอื้ หาของบทร้อยกรอง โดยครชู ว่ ยถามนา เพอื่ กระตุ้นให้นกั เรยี น
ตอบ เช่น ถามว่า
- คาวา่ “มวี ชิ าเหมอื นมที รัพย์” คอื อะไร
- นกั เรยี นคดิ ว่าอะไรคอื ใจความสาคัญของบทรอ้ ยกรองน้ี
- ความรหู้ รือวิชาชว่ ยเราไดอ้ ย่างไรบ้าง
- วชิ าหรือความรู้มีความสาคญั อย่างไร ฯลฯ
ขั้นที่ ๓. นกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนหลกั การอา่ นในใจทีด่ ี ซง่ึ เคยเรียนรู้และฝกึ ปฏิบัติตามหลกั
มาแลว้ แต่นักเรยี นบางคน บางส่วนอาจปฏบิ ัตไิ ม่ถกู ตอ้ งหรอื แกล้งไม่ปฏิบัติตาม เพอื่ เปน็ การทบทวน
และกระตนุ้ ให้เกดิ การปฏิบตั ิ ครนู าแผนภูมหิ ลกั การอ่านในใจใหน้ กั เรยี นดู ดงั น้ี
แผนภมู กิ ารอ่านในใจทีด่ ี
๑. น่ังหรอื ยืนในท่าท่ีสบาย ไม่เกรง็
๒. ไม่เอียงคอ หรี่ตา หรอื สา่ ยหน้าตามบรรทดั
๓. ช่วงสายตากว้าง มองเหน็ ครั้งละหลายคา
๔. กวาดสายตาเปลี่ยนบรรทัดได้เร็วไมอ่ า่ นย้อนกลบั บ่อย ๆ
๕. มีสมาธิในการอา่ น
๖. ไมอ่ ่านออกเสียง
๗. รมิ ฝีปากไมเ่ คลื่อนไหว
๘. อา่ นได้เร็ว แล้วจบั ใจความได้ดี
ข้นั ท่ี ๔. ร่วมกนั สรุปใจความสาคญั และข้อคดิ ของเร่อื ง ครชู ่วยสรปุ เพ่ิมเตมิ
ขน้ั ท่ี ๕. นักเรยี นทาใบงานท่ี ๑ – ๒ พร้อมกันในชัน้ เรยี นพร้อมเฉลย
๗. ชนิ้ งาน/หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้
๑. เขียนตามคาบอก
๒. ใบงานที่ ๑-๒
๓. แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละผลงานรายบคุ คล
๘. ส่ือ / แหล่งเรียนรู้
๑. แถบประโยค
๒. หนงั สอื วรรณคดลี านา ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕
๓. แผนภมู หิ ลกั การอ่านในใจ
๙. วัดผลประเมนิ ผล วิธีการวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมือวัดผลและประเมนิ ผล
รายการประเมิน - สงั เกต - เขียนตามคาบอก
- ซักถาม - ใบงานที่ ๑-๒
• ด้านความร้คู วามเข้าใจ - ตรวจใบงาน - แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
- การตอบคาถาม - สังเกตพฤตกิ รรมขณะร่วม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- การทาใบงาน
• ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึง กจิ กรรม
ประสงค์
• ด้านทกั ษะกระบวนการคิด - ประเมินการร่วมสนทนา แบบประเมินผลงานรายบุคคล
การรว่ มสนทนา
๑๐. เกณฑใ์ นการวัดผลและประเมนิ ผล
๑) เกณฑ์ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์รายบุคคลมีคะแนน ๓ ระดบั คอื
ระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๘ – ๑๐
ระดับคุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗
ระดับคุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕
เกณฑก์ ารผา่ นตอ้ งได้ระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรอื ได้คะแนน ๖ ขน้ึ ไป
๒) เกณฑก์ ารประเมนิ การทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดบั ดังนี้
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐
ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗
ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๔
เกณฑก์ ารผา่ นตอ้ งได้ระดบั คุณภาพ ๒ ขึน้ ไปหรอื ได้คะแนน ๕ ขนึ้ ไป
๓) เกณฑ์การประเมินการเขยี นตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้
ระดับคุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาไดถ้ กู ๘ – ๑๐
ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗
ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๔
เกณฑ์การผา่ นตอ้ งไดร้ ะดบั คณุ ภาพ ๒ ขึน้ ไปหรอื ไดค้ ะแนน ๕ ขึน้ ไป
การประเมิน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารให้ระดับคะแนน
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐)
รักความเปน็ ไทย สนใจและตงั้ ใจร่วม สนใจและตง้ั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจรว่ ม
กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน
ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง
สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสุขเกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา
กลา้ ซักถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพดู
ใฝเ่ รยี นรู้ กลา้ แสดงความคิดเห็น กล้าแสดงความคิดเห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น
และโตแ้ ยง้ ในส่งิ ทไ่ี ม่ และโตแ้ ยง้ ในส่ิงทไ่ี ม่ และโต้แยง้ ในสง่ิ ทไ่ี ม่
ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กล้าแสดงออก
มีความเสียสละเพอื่ มคี วามเสียสละเพอื่ ไม่ค่อยเสียสละเพื่อ
ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางครง้ั สว่ นรวม ชอบเอา
มีจิตสาธารณะ เปรยี บไมเ่ ห็นแกต่ ัว ไมเ่ อาเปรียบไม่เห็นแก่ เปรียบคนอื่น ค่อนขา้ ง
ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตวั ไมค่ ่อยชว่ ยเหลือ เห็นแกต่ วั ไมค่ อ่ ย
เป็นอยา่ งดี หมูค่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ
มวี ินยั มีการตรวจสอบแก้ไข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแก้ไข
การกระทาท่ีไม่ถกู ตอ้ ง การกระทาที่ไม่ถูกต้อง การกระทาทไี่ ม่ถูกตอ้ ง
ทุกครัง้ ทาใบงานได้ เกือบทุกคร้ัง ทาใบ เปน็ บางครงั้ ทาใบงาน
สะอาดเรยี บรอ้ ยและ งานไดส้ ะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทันเวลา เรียบรอ้ ย ไมค่ อ่ ย เรียบร้อยและไมค่ อ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา
ใช้วัสดอุ ุปกรณ์การ ใช้วัสดุอุปกรณ์การ ใชว้ สั ดุอุปกรณ์การ
อยู่อย่างพอเพียง เรียนที่ราคาถูกและใช้ เรียนท่ีราคาค่อนข้าง เรยี นท่รี าคาค่อนขา้ ง
อย่างคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อยา่ งคุ้มคา่ แพงและใช้อย่างคุม้ ค่า
หมดแลว้ ค่อยซือ้ ใหม่ ใช้จนหมด ใชไ้ มห่ มดแล้วซื้อใหม่
บทร้อยกรอง
“มวี ชิ าเหมอื นมที รพั ย์”
มีวชิ าเหมือนมที รัพย์
ไมต่ กอบั ยากจนทนขวนขวาย
มีวชิ าทรัพย์อาจมาพาสบาย
ทั้งนางนายควรเร่งรีบเรียนเอา
อยา่ เกยี จครา้ นการเรียนเร่งอตุ ส่าห์
หาวิชาเอาไวไ้ มโ่ งเ่ ขลา
มคี วามรูช้ ูสงา่ พาบรรเทา
เรง่ ตวั เราหาความรู้สูต่ นเอง
ความรู้อาจเรยี นไดท้ ันกันหมด
เพยี งแต่เราทนอดกอ็ าจเกง่
อย่าเทยี่ วเลน่ ไรห้ ลักแบบนักเลง
ฝึกตนเองหาวิชาดกี ว่าเลย
สาลี รกั สทุ ธี ประพันธ์
แผนภูมิการอ่านในใจที่ดี
๑. นัง่ หรือยืนในท่าทส่ี บาย ไม่เกร็ง
๒. ไมเ่ อียงคอ หรี่ตา หรือสา่ ยหนา้ ตามบรรทดั
๓. ชว่ งสายตากว้าง มองเห็นครงั้ ละหลายคา
๔. กวาดสายตาเปล่ียนบรรทดั ได้เร็วไมอ่ า่ นยอ้ นกลบั บ่อย ๆ
๕. มีสมาธใิ นการอา่ น
๖. ไม่อ่านออกเสยี ง
๗. รมิ ฝีปากไม่เคลอื่ นไหว
๘. อา่ นไดเ้ ร็ว แลว้ จบั ใจความได้ดี
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓๓ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕
หนว่ ยท่ี ๖ มวี ชิ าเหมอื นสนิ ค้า รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ เวลา ๕ ชั่วโมง
เรอื่ ง เรยี นรู้คาและนาไปใช้ เวลา ๑ ช่ัวโมง
โรงเรียนบ้านปงตา
ผู้สอน นางสาวชญาภา สุขคา
สาระท่ี ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หาใน
การดาเนนิ ชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน
๑. สาระสาคัญ
๑. ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คา คายาก ข้อความและสานวนภาษาไทยในบทเรียนและนาไปใชใ้ ห้ถูตอ้ ง ถือเป็น
การพัฒนาทักษะทางภาษาท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน เพ่ือพัฒนาทักษะให้ถูกต้อง จึงจะทาให้การ
เรียนร้ภู าษาเป็นไปดว้ ยดแี ละเกดิ การพัฒนาตามมา
๒. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
- ความสามารถในการส่ือสาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๒. ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่เี ปน็ การ
บรรยายและการพรรณนา
๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. อา่ น และเขียนคา คายาก ข้อความ และสานวนภาษาไทยในบทเรยี นได้ถูกต้อง
๒. นาคา คายาก ข้อความ และสานวนภาษาในบทเรยี นไปใชไ้ ด้ถกู ตอ้ ง
๔. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน
๒. เป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี
๓. มีความภาคภมู ิใจในภาษาไทย
๔. มีความสนใจใฝ่เรยี นรู้
๕. ใช้ภาษาได้ถูกกาลเทศะ
๕. สาระการเรียนรู้
๑. อ่าน และเขยี นคา คายาก ข้อความ และสานวนในบทเรียน
๒. การนาคา คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาในบทเรียนไปใช้ให้เกิดประโยชน์
๖. กระบวนการเรียนรู้
ขัน้ ที่ ๑. นักเรียนเขียนตามคาบอกกอ่ นเร่มิ เรียน จานวน ๑๐ คา พร้อมทงั้ เฉลยคาทถี่ ูกตอ้ ง
และคัดคาใหม่จากบนกระดานลงในสมุด
ขน้ั ท่ี ๒ นกั เรยี นเปิดหนังสอื เรียนบทที่ ๓ หนา้ ๔๕ เพื่อดูเน้อื หาของบทรอ้ ยกรอง อา่ นออก
เสียงดัง ๆ พร้อมกนั ครเู ปน็ ทานองเสนาะใหฟ้ ัง ๑ เทย่ี ว นกั เรยี นอ่านกันเอง
ขั้นท่ี ๓. นกั เรียนดูบตั รคา คาวา่ “ ปัญญา พยายาม พสิ มยั สมอ สาเภา” ทีค่ รูยกใหด้ ู แลว้
ร่วมกันสนทนา แสดงความคิดเห็น และอภิปรายถึงคา ความหมายของคา จากน้นั ครูถามนาเพือ่
กระตนุ้ ให้เกิดการอยากรู้ และจดุ ประกายความคิดใหน้ กั เรยี นตอบ เช่น
- นักเรยี นรไู้ หมว่าคาเหลา่ นเี้ ป็นคาชนิดใด (ตอบตามความเขา้ ใจ / ภูมิรเู้ ดมิ )
- คาเหล่านีท้ าหนา้ ทีใ่ นประโยคอะไรไดบ้ ้าง (ตามความร้คู วามเขา้ ใจเดิม)
- คาเหลา่ น้สี ามารถนาไปใชแ้ ต่งประโยคไดอ้ ยา่ งไรบ้าง (………………….)
- นกั เรียนคดิ วา่ จะนาคาเหล่านไ้ี ปใช้ประโยชน์ทางภาษาไดอ้ ยา่ งไรหรอื ไม่
ฯลฯ นกั เรียนรว่ มกันตอบปากเปล่าตามความเข้าใจ ความรู้สกึ นึกคิดของนักเรียน
ข้นั ที่ ๔. นักเรยี นทาใบงานท่ี ๓-๔ ทาพรอ้ มกนั ในชั้นเรยี น และเฉลยคาตอบ
๗. ช้นิ งาน/หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู้
๑. เขียนตามคาบอก
๒. ใบงานที่ ๓-๔
๓. แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์และผลงานรายบุคคล
๘. ส่อื / แหล่งการเรียนรู้
๑. เน้ือหาบทร้อยกรองในบทเรยี น
๒. บตั รคา
๓. ใบงาน
๙. กระบวนการวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เครื่องมอื วดั ผลและประเมนิ ผล
รายการประเมนิ - สงั เกต - แบบบนั ทกึ การสังเกต
• ดา้ นความร้คู วามเข้าใจ - ซักถาม - ใบงานที่ ๓-๔
- การร่วมสนทนา - ตรวจใบงาน - เขียนตามคาบออก
- การตอบคาถาม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- การทาใบงาน - สังเกตพฤตกิ รรมขณะรว่ ม - แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
• ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ กิจกรรม
ประสงค์
• ดา้ นทกั ษะกระบวนการคิด - การรว่ มสนทนา แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
การรว่ มสนทนา
๑๐. เกณฑ์ในการวดั ผลและประเมินผล
๑) เกณฑ์ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคร์ ายบคุ คลมีคะแนน ๓ ระดบั คือ
ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี ได้คะแนน ๘ – ๑๐
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗
ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๕
เกณฑ์การผา่ นตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรือไดค้ ะแนน ๖ ขึน้ ไป
๒) เกณฑ์การประเมินการเขียนตามคาบอก มคี ะแนน ๓ ระดับ ดังน้ี
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถูก ๘ – ๑๐
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗
ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๔
เกณฑ์การผา่ นตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรอื ได้คะแนน ๕ ขึ้นไป
๓) เกณฑ์การประเมินการทาใบงาน มคี ะแนน ๓ ระดับ ดงั นี้
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗
ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๔
เกณฑ์การผ่านต้องได้ระดับคุณภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรอื ได้คะแนน ๕ ข้ึนไป
การประเมิน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารให้ระดับคะแนน
รกั ความเป็นไทย
ใฝ่เรียนรู้ ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรุง (๐)
มีจิตสาธารณะ
มีวินยั สนใจและตงั้ ใจร่วม สนใจและตง้ั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม
อย่อู ย่างพอเพียง กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน
ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง
สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสุขเกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา
กลา้ ซักถามกลา้ พดู กลา้ ซักถามกลา้ พูด กล้าซกั ถามกล้าพดู
กลา้ แสดงความคิดเห็น กล้าแสดงความคิดเห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น
และโตแ้ ยง้ ในส่งิ ทไ่ี ม่ และโตแ้ ยง้ ในส่ิงทไ่ี ม่ และโต้แยง้ ในสง่ิ ทไ่ี ม่
ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กล้าแสดงออก
มีความเสียสละเพอื่ มคี วามเสียสละเพอื่ ไม่ค่อยเสียสละเพื่อ
ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางครง้ั สว่ นรวม ชอบเอา
เปรยี บไมเ่ ห็นแกต่ ัว ไมเ่ อาเปรียบไม่เห็นแก่ เปรียบคนอื่น คอ่ นขา้ ง
ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตวั ไมค่ ่อยชว่ ยเหลือ เห็นแกต่ วั ไมค่ ่อย
เป็นอย่างดี หมูค่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ
มีการตรวจสอบแก้ไข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแก้ไข
การกระทาท่ีไม่ถกู ตอ้ ง การกระทาที่ไม่ถูกต้อง การกระทาทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง
ทุกครัง้ ทาใบงานได้ เกือบทุกคร้ัง ทาใบ เปน็ บางครงั้ ทาใบงาน
สะอาดเรยี บรอ้ ยและ งานไดส้ ะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทันเวลา เรียบรอ้ ย ไมค่ อ่ ย เรียบร้อยและไมค่ อ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา
ใช้วัสดอุ ุปกรณ์การ ใช้วัสดุอุปกรณ์การ ใชว้ สั ดุอุปกรณ์การ
เรียนที่ราคาถกู และใช้ เรียนท่ีราคาค่อนข้าง เรยี นท่รี าคาค่อนขา้ ง
อยา่ งคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อย่างคุ้มคา่ แพงและใช้อย่างคุม้ ค่า
หมดแลว้ ค่อยซือ้ ใหม่ ใช้จนหมด ใชไ้ มห่ มดแล้วซือ้ ใหม่
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓๔ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕
หนว่ ยท่ี ๖ มวี ิชาเหมอื นสินค้า รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ เวลา ๕ ช่วั โมง
เรอ่ื ง การเขียนเรียงความ เวลา ๑ ช่ัวโมง
โรงเรียนบา้ นปงตา
ผู้สอน นางสาวชญาภา สขุ คา
สาระท่ี ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่อื งราว
ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า
อยา่ งมีประสิทธิภาพ
๑. สาระสาคัญ
๑. ความคดิ รวบยอด
การเขยี นเรียงความ คอื การนาคา ข้อความทางภาษามาเรียบเรียงข้อความเปน็ เรอ่ื งราวเพ่ือ
ส่ือสารแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก เก่ียวกับเร่ืองหน่ึง โดยใช้ถ้อยคา สานวนภาษาท่ีถูกต้อง
เหมาะสมกับกาลเทศ และบุคคล
๒. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
- ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
๒. ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขยี นแสดงความรู้สกึ และความคิดเหน็ ไดต้ รงตามเจตนา
๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกสว่ นประกอบของเรยี งความได้
๒. บอกลักษณะการเขยี นเรียงความท่ีดเี ปน็ ขอ้ ๆ ได้
๓. เขียนเรยี งความตามรปู แบบได้
๔. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
๑. มีความรอบคอบในการทางาน
๒. เปน็ ผนู้ าและผู้ตามท่ีดี
๓. มคี วามภาคภูมิใจในภาษาไทย
๔. มคี วามสนใจใฝ่เรยี นรู้
๕. ใชภ้ าษาได้ถกู กาลเทศะ
๕. สาระการเรียนรู้
การเขยี นเรยี งความ
๖. กระบวนการเรียนรู้
ขน้ั ที่ ๑. นกั เรยี นเขียนตามคาบอกก่อนเรมิ่ เรยี น จานวน ๑๐ คา พร้อมท้ังเฉลยคาที่ถูกตอ้ ง
และคดั คาใหม่จากบนกระดานลงในสมดุ
ข้นั ท่ี ๒. ทุกคนดูตวั อยา่ งเรยี งความท่ีครูนามาให้ดู แล้วสนทนาแสดงความคดิ เหน็ ครูให้
ความรขู้ ้อมูลเพ่ิมเติมแลว้ พูดโยงส่บู ทเรยี นตอ่ ไป
ข้ันท่ี ๓. ทุกคนอ่านใบความรู้ เรอ่ื ง “การเขียนเรียงความ” และสนทนา แสดงความคดิ เหน็
แลกเปล่ียนเรยี นรรู้ ว่ มกนั เก่ยี วกบั กรเขยี นเรยี งความ
ขั้นท่ี ๔. ทุกคนรว่ มกันอภิปรายเรื่องที่อา่ น และดอู งค์ประกอบเรยี งความ แลว้ ช่วยกันสรปุ
ลักษณะการเขยี นเรยี งความ ครอู ธิบายและสรุปเพ่ิมเตมิ
ขั้นที่ ๖. นักเรียนรว่ มกันเสนอหวั ข้อท่จี ะเขยี นเรยี งความ โดยเขียนบนกระดานดา แลว้ ร่วมกัน
คัดเลือกหวั ข้อทจี่ ะเขียนไว้เพยี งหวั ขอ้ เดยี ว กรเลอื กหวั ข้อนน้ั ให้ถือมตขิ องเสียงสว่ นใหญ่เปน็ สาคัญ
ขนั้ ท่ี ๗. ช่วยกนั ร่างหัวข้อเขียนโดยนาหลกั การของแผนภาพโครงเร่อื งหรือแผนท่คี วามคิดมา
ใช้ กาหนดหัวขอ้ เรยี งความ ทาโครงเรื่อง กาหนดหวั ขอ้ สาคัญ ซง่ึ ประกอบดว้ ย
- ช่อื เรือ่ ง
- คานา ( ชว่ ยกันหาสาระสาคัญของเร่อื งที่จะเขียน)
- เนอื้ เร่ือง (ช่วยกนั แบง่ เนอ้ื เรือ่ งท่ีจะเขยี นออกเปน็ ตอนๆ)
- สรปุ ( ช่วยกนั หาประโยชนห์ รอื ขอ้ คิดจากเรอื่ งทีจ่ ะเขยี น)
ขน้ั ที่ ๘. ร่วมกนั สรุปและสรา้ งองคค์ วามรเู้ กี่ยวกับการเขียนเรยี งความ และครนู าแผนภมู ิการ
เขยี นเรียงความทดี่ ีมาติดทก่ี ระดานให้นกั เรยี นดู เป็นการทบทวนการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี ๙. ทาแบบฝึกหดั ท้ายบท หน้า ๓๘ – ๓๙ เปน็ การบา้ น
๗. ช้ินงาน/หลักฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้
๑. เขยี นตามคาบอก
๒. แบบฝกึ หัดทา้ ยบท หน้า ๓๘ – ๓๙
๓. แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์และผลงานรายบุคคล
๘. สอื่ / แหลง่ เรียนรู้
๑. ตัวอยา่ งเรียงความ
๒. แผนภมู ิองค์ประกอบการเขยี นเรียงความทดี่ ี
๓. หนงั สอื เรียนภาษาไทย
๙. วัดผลประเมนิ ผล วิธีการวัดและประเมนิ ผล เครื่องมือวดั ผลและประเมินผล
รายการประเมิน - สังเกต - แบบบันทึกการสังเกต
• ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ - ซักถาม - แบบฝึกหดั ท้ายบทแบบฝึกหัด
- การรว่ มสนทนา - ตรวจใบงาน ท้ายบท หน้า ๓๘ – ๓๙
- การตอบคาถาม - เขียนตามคาบอก
- แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
- - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
• ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึง - สังเกตพฤตกิ รรมขณะร่วม แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
ประสงค์ กจิ กรรม
• ด้านทักษะกระบวนการคิด - การพดู รายงาน
การร่วมสนทนา
๑๐. เกณฑใ์ นการวัดผลและประเมินผล
๑) เกณฑ์ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์รายบุคคลมคี ะแนน ๓ ระดับ คอื
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๘ – ๑๐
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗
ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ได้คะแนน ๑ – ๕
เกณฑ์การผา่ นตอ้ งได้ระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไปหรือไดค้ ะแนน ๖ ขึน้ ไป
๒) เกณฑ์การประเมินการทาใบงาน มีคะแนน ๓ ระดับ ดังนี้
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ได้คะแนน ๘ – ๑๐
ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน ๖ – ๗
ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ไดค้ ะแนน ๑ – ๕
เกณฑ์การผา่ นตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ข้นึ ไปหรือไดค้ ะแนน ๕ ข้ึนไป
๓) เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนตามคาบอก มคี ะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๕ – ๗
ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ได้คะแนน ๑ – ๔
เกณฑก์ ารผ่านต้องได้ระดับคุณภาพ ๒ ขึน้ ไปหรือได้คะแนน ๕ ข้นึ ไป
การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเด็นการประเมิน เกณฑก์ ารใหร้ ะดบั คะแนน
รกั ความเปน็ ไทย
ใฝเ่ รียนรู้ ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐)
มจี ติ สาธารณะ
มวี นิ ัย สนใจและต้ังใจร่วม สนใจและต้งั ใจร่วม สนใจและต้งั ใจรว่ ม
อย่อู ย่างพอเพยี ง กจิ กรรมการเรยี น กิจกรรมการเรยี น กจิ กรรมการเรยี น
ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอยา่ ง
สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนกุ สนานและมี
ความสุขตลอดเวลา ความสขุ เกือบ ความสขุ เปน็ บางคร้ัง
ตลอดเวลา
กลา้ ซกั ถามกล้าพดู
กล้าซักถามกล้าพูด กลา้ ซกั ถามกลา้ พดู กล้าแสดงความคดิ เห็น
และโต้แย้งในส่ิงทไี่ ม่
กลา้ แสดงความคิดเหน็ กล้าแสดงความคิดเห็น ถูกต้อง กลา้ แสดงออก
ไม่คอ่ ยเสยี สละเพอ่ื
และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ท่ีไม่ และโต้แย้งในสง่ิ ทไ่ี ม่ ส่วนรวม ชอบเอา
เปรียบคนอนื่ ค่อนขา้ ง
ถูกต้อง กล้าแสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก เห็นแกต่ ัว ไมค่ อ่ ย
ช่วยเหลอื หมู่คณะ
มีความเสียสละเพื่อ มีความเสยี สละเพอื่ มีการตรวจสอบแกไ้ ข
การกระทาท่ไี มถ่ ูกต้อง
สว่ นรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางคร้ัง เปน็ บางครง้ั ทาใบงาน
ไม่คอ่ ยสะอาด
เปรยี บไม่เหน็ แกต่ ัว ไม่เอาเปรยี บไม่เห็นแก่ เรียบร้อยและไม่ค่อย
ทนั เวลา
ช่วยเหลือหมู่คณะได้ ตวั ไมค่ อ่ ยช่วยเหลอื ใช้วัสดอุ ุปกรณ์การ
เรียนทีร่ าคาคอ่ นข้าง
เปน็ อยา่ งดี หมู่คณะ แพงและใช้อย่างคมุ้ คา่
ใช้ไม่หมดแลว้ ซื้อใหม่
มกี ารตรวจสอบแก้ไข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข
การกระทาท่ไี ม่ถูกตอ้ ง การกระทาที่ไมถ่ กู ตอ้ ง
ทุกครง้ั ทาใบงานได้ เกอื บทกุ ครั้ง ทาใบ
สะอาดเรยี บร้อยและ งานได้สะอาด
ถูกต้องและทันเวลา เรยี บร้อย ไม่คอ่ ย
ทันเวลา
ใช้วสั ดอุ ุปกรณ์การ ใชว้ ัสดุอุปกรณก์ าร
เรยี นทรี่ าคาถกู และใช้ เรยี นทีร่ าคาค่อนขา้ ง
อย่างคุ้มค่าใชจ้ น แพงและใชอ้ ยา่ งคุ้มค่า
หมดแล้วค่อยซื้อใหม่ ใชจ้ นหมด
ใบความรู้
เรื่อง “การเขยี นเรียงความ”
การเขียนเรียงความ คือ ดารเรียบเรียงข้อความเป็นเร่ืองราวเพ่ือแสดงความคิด
ความรู้สึก โดยใช้ถ้อยคาสานวนภาษาท่ีถูกต้อง ส่วนประกอบของเรียงความจะมี คานา
และสรุป
คานา เป็นการเริ่มเรือ่ งที่จะเขยี นเพ่ือเรา้ ความสนใจใหผ้ ูอ้ า่ นติดตามเรื่องต่อไป คา
นาไม่ควรมี ความยาวมากนกั ท้ังนขี้ ้นึ อยกู่ บั เนือ้ เรือ่ ง ปกตมิ ีเพียงหนึง่ ยอ่ หน้า
เนื้อเร่ือง เน้ือเร่ืองของเรียงความอาจเป็นข้อเท็จจริง รายละเอียดความรู้ ความ
คิดเห็น ซ่ึงได้มาจากประสบการณ์ การค้นคว้า หรืออื่น ๆ ผู้เขียนจะดาเนินการเรื่องตาม
โครงเร่ืองท่ีวางไว้ เช่น เขียนลาดับเหตุการณ์ ตามลาดับความสาคัญ ตามลาดับเหตุผล
เป็นต้น ในการเขียนเน้ือเรื่องน้ันอาจมีหลายย่อหน้า แต่ท้ังนี้ต้องให้ต่อเนื่องเป็นเร่ืองราว
เดียวกัน
สรุป การเขียนสรุป ผู้เขียนต้องเขียนให้เกิดความสนใจ เช่น ฝากความคิดเห็น
สรุปด้วยสุภาษิต คาคม บทร้อยกรอง หรือลงท้ายด้วยการตอบคาถามหรือต้ังคาถาม
เป็นตน้ ในการเขียนเรยี งความ ผเู้ ขยี นจะตอ้ งจัดทาโครงเร่ืองก่อน เพ่ือให้เขียนเรยี งความ
ไดด้ ี เรยี งความท่ดี ีควรประกอบดว้ ย
๑. ถกู ต้องตามรูปแบบการเขยี นเรยี งความ คือ คานา เนื้อเรื่อง และสรุป
๒. เนอื้ เรอ่ื งมีสาระแจม่ ชดั ตรงประเดน็
๓. ลาดับความคดิ ดี มีความตอ่ เนื่อง
๔. ใช้ภาษาไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักภาษาไทย
๕. มีการให้ข้อคดิ เห็นหรอื แสดงความคดิ เห็นทแ่ี ปลกใหม่
๖. สานวนภาษาสละสลวย อาจมกี ารใช้สานวน ภาษติ บทร้อยกรอง ประกอบการ
เขียน
การเขยี นเรียงความท่ีดี
๑. ถกู ต้องตามรูปแบบของการเขียนเรยี งความ
๒. เน้อื เรอ่ื งมสี าระแจม่ ชัดตรงประเดน็
๓. ลาดับความคิดได้ดีมีความตอ่ เน่อื งไม่วกวน
๔. ใชภ้ าษาไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษา
๕. มีการใช้ขอ้ คิดหรอื แสดงความคิดเห็นทแ่ี ปลกใหม่
๖. สานวนภาษาสละสลวย อาจใช้สานวนสุภาษิต
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓๕ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕
หน่วยที่ ๖ มวี ชิ าเหมอื นสนิ คา้ รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ เวลา ๕ ชว่ั โมง
เรือ่ ง การเขยี นย่อความ เวลา ๑ ชว่ั โมง
โรงเรียนบา้ นปงตา
ผู้สอน นางสาวชญาภา สขุ คา
สาระท่ี ๒ การเขียน ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว
มาตรฐาน ท ๒.๑ ในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
๑. สาระสาคัญ
๑. ความคดิ รวบยอด
การยอ่ ความเป็นสิ่งท่ีจาเปน็ อย่างยิ่ง เพราะเราไมอ่ าจจารายละเอียดของเรอื่ งราวท่ีรับรู้ไดท้ ุก
ถอ้ ยคา การย่อความจึงเปน็ ทักษะทีค่ วรฝกึ ฝน เพื่อใหส้ ามารถยอ่ สาระสาคัญจากเรื่องราวได้ครบถว้ น
ทัง้ สารท่เี ป็นสาระและบนั เทงิ
๒. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
- ความสามารถในการส่อื สาร
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
๒. ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ท ๒.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรือ่ งท่อี า่ น
๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. บอกความหมายของการยอ่ ความ
๒. บอกประโยชน์ของการเขยี นยอ่ ความ
๓. บอกหลกั เกณฑก์ ารย่อความได้
๔. ย่อความได้
๔. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน
๒. เป็นผูน้ าและผู้ตามท่ีดี
๓. มคี วามภาคภมู ิใจในภาษาไทย
๔. มคี วามสนใจใฝเ่ รียนรู้
๕. ใช้ภาษาไดถ้ กู กาลเทศะ
๕. สาระการเรยี นรู้
๑. ความหมายของการย่อความ
๒. ประโยชน์ของการเขียนยอ่ ความ
๓. หลกั เกณฑ์การย่อความได้
๔. ตวั อยา่ งการยอ่ ความ
๖. กระบวนการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ ๑. นกั เรียนเขียนตามคาบอกกอ่ นเร่ิมเรยี น จานวน ๑๐ คา พร้อมทั้งเฉลยคาท่ถี กู ตอ้ ง
และคดั คาใหม่จากบนกระดานลงในสมุด
ขั้นที่ ๒ นักเรียนร่วมกนั อภิปราย แสดงความคิดเหน็ ในเรอ่ื งความหมาย หลกั การประโยชน์
ของการยอ่ ความ
ขน้ั ที่ ๓ เขียนหลักการอ่านย่อความบนกระดานดา
ข้ันที่ ๔. แต่ละคนรับใบความรู้ เรอื่ ง ความหมายและประโยชน์ของการย่อความและใบความรู้
เรือ่ งหลักเกณฑก์ ารยอ่ ความ แลว้ ศึกษาทาความเข้าใจ ระดมความคดิ อภปิ รายแสดงความคิดเห็นอย่าง
หลากหลาย แล้วนาบทสรุปที่ไดไ้ ปเขยี นบนกระดานว่า ผิดหรือถกู อยา่ งไร ครชู ว่ ยเติมเต็มเท่าทจ่ี าเป็น
ขั้นที่ ๕. นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท หนา้ ๔๑-๔๒ พรอ้ มกันในช้ันเรยี น
๗. ช้นิ งาน/หลกั ฐานร่องรอยแสดงความรู้
๑. เขยี นตามคาบอก
๒. แบบฝึกหัดทา้ ยบท หนา้ ๔๑-๔๒
๓. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคแ์ ละผลงานรายบคุ คล
๘. สอ่ื / แหล่งการเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรือ่ ง ความหมายของการย่อความ ประโยชนข์ องการย่อความ
๒. ใบความรู้ เร่ือง หลักเกณฑ์การยอ่ ความ
๓. ใบความรู้ เร่อื ง ตวั อย่างการย่อความ
๔. หนังสอื เรียนวรรณคดีลานา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕
๙. กระบวนการวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เคร่อื งมือวัดผลและประเมนิ ผล
รายการประเมนิ - สังเกต - แบบบนั ทกึ การสงั เกต
- ซักถาม - แบบฝกึ หดั ท้ายบท หน้า ๔๑-
• ด้านความรู้ความเขา้ ใจ - ตรวจใบงาน ๔๒
- การร่วมสนทนา - เขียนตามคาบอก
- การตอบคาถาม - แบบประเมินผลงานรายบุคคล
- การทาใบงาน - แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
• ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ - สังเกตพฤตกิ รรมขณะร่วม
ประสงค์ กิจกรรม
• ดา้ นทกั ษะกระบวนการคิด - การคดิ เรื่องและแสดง แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
การร่วมสนทนา บทบาทสมมุติ
๑๐. เกณฑ์ในการวดั ผลและประเมนิ ผล
๑) เกณฑ์ประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคร์ ายบคุ คลมคี ะแนน ๓ ระดบั คือ
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๒๐ – ๒๔
ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๒๓ – ๑๙
ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง ได้คะแนน ๑ – ๑๒
เกณฑ์การผ่านตอ้ งไดร้ ะดบั คณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรอื ได้คะแนน ๙ ข้นึ ไป
๒) เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นตามคาบอก มคี ะแนน ๓ ระดบั ดังน้ี
ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาไดถ้ ูก ๘ – ๑๐
ระดับคุณภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗
ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ได้คะแนน ๑ – ๔
เกณฑ์การผ่านตอ้ งได้ระดับคณุ ภาพ ๒ ข้ึนไปหรอื ได้คะแนน ๒ ขึ้นไป
๓) เกณฑก์ ารประเมินการทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท มคี ะแนน ๓ ระดบั ดงั นี้
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ทาได้ถกู ๘ – ๑๐
ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗
ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๔
เกณฑ์การผา่ นต้องได้ระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไปหรอื ได้คะแนน ๕ ขนึ้ ไป
การประเมิน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ประเดน็ การประเมิน เกณฑก์ ารให้ระดับคะแนน
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ (๐)
รักความเปน็ ไทย สนใจและตงั้ ใจร่วม สนใจและตง้ั ใจรว่ ม สนใจและตัง้ ใจร่วม
กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรียน กิจกรรมการเรียน
ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอย่าง
สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี สนุกสนานและมี
ความสขุ ตลอดเวลา ความสุขเกือบ ความสขุ เป็นบางครั้ง
ตลอดเวลา
กลา้ ซักถามกล้าพดู กลา้ ซักถามกล้าพูด กล้าซกั ถามกล้าพดู
ใฝเ่ รยี นรู้ กลา้ แสดงความคิดเห็น กล้าแสดงความคิดเห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น
และโตแ้ ยง้ ในส่งิ ทไ่ี ม่ และโตแ้ ยง้ ในส่ิงทไ่ี ม่ และโต้แยง้ ในสง่ิ ทไ่ี ม่
ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก ถูกต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กล้าแสดงออก
มีความเสียสละเพอื่ มคี วามเสียสละเพอื่ ไม่ค่อยเสียสละเพื่อ
ส่วนรวม ไมเ่ อา ส่วนรวมเป็นบางครง้ั สว่ นรวม ชอบเอา
มีจิตสาธารณะ เปรยี บไมเ่ ห็นแกต่ ัว ไมเ่ อาเปรียบไม่เห็นแก่ เปรียบคนอื่น คอ่ นขา้ ง
ช่วยเหลอื หมู่คณะได้ ตวั ไมค่ ่อยชว่ ยเหลือ เห็นแกต่ วั ไมค่ ่อย
เป็นอย่างดี หมูค่ ณะ ชว่ ยเหลือหมู่คณะ
มวี ินยั มีการตรวจสอบแก้ไข มกี ารตรวจสอบแกไ้ ข มกี ารตรวจสอบแก้ไข
การกระทาท่ีไม่ถกู ตอ้ ง การกระทาที่ไม่ถูกต้อง การกระทาทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง
ทุกครัง้ ทาใบงานได้ เกือบทุกคร้ัง ทาใบ เปน็ บางครงั้ ทาใบงาน
สะอาดเรยี บรอ้ ยและ งานไดส้ ะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ตอ้ งและทันเวลา เรียบรอ้ ย ไมค่ อ่ ย เรยี บร้อยและไมค่ อ่ ย
ทันเวลา ทันเวลา
ใช้วัสดอุ ุปกรณ์การ ใช้วัสดุอุปกรณ์การ ใชว้ สั ดุอุปกรณ์การ
อยู่อย่างพอเพียง เรียนที่ราคาถกู และใช้ เรียนท่ีราคาค่อนข้าง เรยี นท่รี าคาค่อนขา้ ง
อยา่ งคมุ้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อยา่ งคุ้มคา่ แพงและใช้อย่างคุม้ ค่า
หมดแลว้ ค่อยซือ้ ใหม่ ใช้จนหมด ใชไ้ มห่ มดแล้วซือ้ ใหม่
ใบความรู้
เรื่อง ความหมายและประโยชนก์ ารย่อความ
ความสาคัญและความหมายการอ่านยอ่ ความ
การย่อความเป็นทักษะท่ีจาเป็นต้องใช้กันอยู่เสมอในชีวิตประจาวัน ผู้ย่อต้องรู้จักประเด็น
สาคัญของเร่ืองได้ถูกต้องและสามารถนามาเรียบเรียงใหม่ ด้วยภาษาที่สั้นกะทัดรัด และสื่อ
ความหมายได้แจ่มแจ้ง เพือ่ บันทกึ เร่ืองราวใหเ้ ป็นหลกั ฐานและช่วยความจา
ประโยชนข์ องการย่อความ
การย่อความน้ันมีประโยชน์มาก และใช้บ่อยมาก อย่างเช่น เวลาฟังอาจารย์สอนในช่ัวโมง
อา่ นหนังสอื ฟงั ข่าวจากโทรทัศน์ เราก็จดจาสาระสาคญั น้ัน เทา่ น้ันก็คือการย่อความนน่ั เอง และถ้า
เรายิ่งย่อได้สั้นแต่มีสาระครบถ้วนก็จะทาให้เราจาสาระนั้นได้ง่ายขน้ึ ทั้งยังเป็นการประหยัดค่าคาได้
อีกดว้ ย เช่น การสง่ โทรเลข หรอื การใชโ้ ทรศัพท์
เรือ่ ง หลกั เกณฑ์การยอ่ ความ
การย่อความมหี ลกั เกณฑ์ ดังน้ี
การย่อความมีหลักเกณฑ์ ดงั นี้
๑. อ่านเนื้อเร่ืองท่ียอ่ ใหเ้ ข้าใจอยา่ งน้อย ๑ เที่ยว ใหจ้ ับใจความให้ได้ว่าเรอ่ื งอะไร หรือใคร
ทาอะไรท่ีไหนอย่างไร และพิจารณาว่าอะไรเป็นใจความสาคัญ อะไร เป็นความประกอบ ถ้าจับ
ใจความไมไ่ ด้ จงอ่านจนสามารถจบั ได้
๒. เมือ่ เขา้ ใจดแี ลว้ จึงจบั ใจความทลี ะย่อหน้า เพราะหนง่ึ ย่อหน้าจะมีใจความสาคัญ
ใจความเดียว
๓. นาใจความสาคัญแต่ละย่อหน้ามาเขียนใหม่ดว้ ยภาษาของตนเอง โดยคานึงถึงสิ่งต่าง ๆ
ดังนี้
ตอ้ งมีคานายอ่ ความ
ถ้าในเนอ้ื เรอื่ งมสี รรพนามบุรุษท่ี ๑ และ ๒ ใหเ้ ปลย่ี นเปน็ บรุ ุษท่ี ๓
ไม่ใชอ้ ักษรยอ่ ในขอ้ ความท่ยี ่อ
ถา้ มคี าราชาศัพทใ์ ห้คงไว้ ไม่ต้องแปลเปน็ คาสามัญ
๔. ไม่ใช้เคร่อื งหมายต่างๆ ในข้อความทยี่ ่อแลว้ เช่น “…..” (อัญประกาศ) หรอื วงเลบ็ ฯลฯ
๕. เนื้อเรื่องท่ีย่อแล้ว ให้เขียนติต่อกันในย่อหน้าเดียว และมีความยาวประมาณ ๑ ใน ๔
ของเร่อื งเดมิ ทั้งน้ีใหข้ ้ึนอยู่กับสาระสาคญั ของเรอ่ื ง และเปล่ียนจานวนโวหารให้เป็นของผู้ย่อเอง หา้ ม
ยกขอ้ ความเดิมลงมาโดยไม่ไดแ้ กไ้ ข
๖. พิจารณาใจความสาคัญรองที่เหมาะสมเพิ่มเติม ขยายใจความสาคัญพอสมควร เพื่อให้
เรื่องสละสลวย น่าอา่ น และได้ใจความข้ึน โดนเฉพาะอย่างยง่ิ การย่อความแบบธรรมดา
ตัวอยา่ งย่อความ
ตวั อยา่ งยอ่ คาประพันธ์
ชนะตนประเสริฐแท้ เปน็ ดี
ชนะอน่ื ทัง้ ธรณี ไป่สู้
ฝกึ จติ และกายี เว้น โลก โกรธนา
ดกี ว่าชนะผู้ อืน่ ดว้ ย กาลัง
คาวา่ ตนน้ันไซร้ คอื จิตใจและกายี
ชนะใจตนเองน้ี ประเสริฐกว่าชนะใคร
เพราะย่อมรู้รับผิดชอบ ไม่ประกอบส่งิ เหลวไหล
ร้จู ักใหอ้ ภัย ไม่โลภหรือโกรธา
การชนะบุคคลอื่น ไมย่ ั่งยืนอาจอปั รา
ชนะดว้ ยวาจา หรืออาวธุ ยทุ ธภณั ฑ์
แรกเอาชนะเขา ภายหลังเราอาจแพพ้ ลัน
ชนะตนของตนนั้น สง่ิ ดแี ท้ยอ่ มแนน่ อน
สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ สิรินธรเทพรตั นสดุ า
ข้อความที่ย่อแล้ว
คาประพันธ์เร่อื ง การชนะใจตนเอง พระราชนิพนธ์ในสมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้าสิริน
ธรเทพรัตนสดุ า ความว่า
การชนะใจตนเองดีกว่าชนะผู้อ่นื เพราะการฝกึ ใจและกายให้เว้นจากความช่วั ประกอบแต่
ความดี การชนะผอู้ ่ืนไม่ว่าด้วยสง่ิ ใดๆ อาจทาไดไ้ มแ่ นน่ อนเสมอไป
เรือ่ ง แบบคานาการเขยี นยอ่ ความ
แบบข้ึนตน้ คานายอ่ ความ
เร่ืองที่จะย่อมหี ลายรปู แบบ เช่น บทความ นิทาน ข่าว จดหมาย ประกาศ ปาฐกถา
ฯลฯ แต่ละแบบแต่ละรูปมีการข้นึ ต้นเฉพาะ ดังต่อไปน้ี
๑. แบบของบทความ สารคดี นิทาน
ยอ่ (บทความ สารคดี นิทาน ) เรอ่ื งของ (ชือ่ ผู้แตง่ ) จาก (แหล่งทม่ี า)
ความว่า ………………………………………………………………….
ข้อความ…………………………………………………………………
๒. แบบของจดหมาย
ย่อจดหมาย ของ (ผู้เขยี น ) ถงึ (ผรู้ ับ ) ลงวนั ที่ ความวา่
ข้อความ………………………………………………………………
๓. แบบของประกาศแจ้งความ ระเบยี บคาสง่ั
ยอ่ (ประกาศ แจง้ ความ ระเบยี บ ) เรอื่ ง ของแก่ในโอกาส
ลงวนั ท่ี………….. ความวา่ …………………………………………
ข้อความ……………………………………………………………..
๔. แบบของข่าว
ยอ่ ข่าวเรอ่ื ง………………………………..จาก……………………..ลงวันที่………………
ข้อความ……………………………………………………………………………………..
๕. แบบของ
ยอ่ ปาฐกถา คาสอน…………………คาบรรยาย…………………..ของ…………………..
เรอ่ื ง…………………….. แก่…………………..ที่ ……………. ณ วันที่ ………………..
เวลา………………………… ความว่า………………………………………………………
ขอ้ ความ…………………………………………………………………………………….
กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓๖ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
หน่วยที่ ๖ มวี ชิ าเหมือนสินค้า รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ เวลา ๕ ชัว่ โมง
เรื่อง การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง
โรงเรยี นบา้ นปงตา
ผู้สอน นางสาวชญาภา สขุ คา
สาระที่ ๔ การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและ
พลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
๑. สาระสาคัญ
๑. ความคิดรวบยอด
กาพย์ยานี ๑๑ คอื การนาคาภาษไทยมาเรยี งร้อยใหม้ กี ารสัมผัสคลอ้ งจองกนั ตามลักษณะของ
ฉันทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ การฝึกให้นักเรียนแต่งกาพย์ยานี ๑๑ และเห็นคุณค่าของกาพย์ยานี ๑๑
ถอื เปน็ กจิ กรรมที่ควรส่งเสรมิ และปลูกฝังใหเ้ กดิ มขี ึน้ เพื่อจะได้สบื ทอดเอกลักษณ์ของภาษาไทยต่อไป
๒. สมรรถนะสาคญั
- ความสามารถในการสื่อสาร
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
๒. ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ ป.๕/๖ แต่งบทรอ้ ยกรอง
๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. บอกลกั ษณะฉันทลกั ษณข์ องกาพย์ยานี ๑๑ ได้
๒. นาคาไปแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง
๓. แบ่งวรรคตอนจงั หวะการอา่ นกาพยย์ านี ๑๑ และการลงสัมผสั ไดถ้ กู ตอ้ ง
๔. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน
๒. เปน็ ผู้นาและผู้ตามท่ีดี
๓. มคี วามภาคภูมิใจในภาษาไทย
๔. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้
๕. ใช้ภาษาได้ถกู กาลเทศะ
๕. สาระการเรียนรู้
การแต่งกาพย์ยานี ๑๑
๖. กระบวนการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี ๑. นกั เรยี นเขียนตามคาบอกก่อนเร่มิ เรยี น จานวน ๑๐ คา พรอ้ มทง้ั เฉลยคาทถ่ี กู ต้อง
และคดั คาใหม่จากบนกระดานลงในสมดุ
ขั้นที่ ๒ นักเรียนอ่านกาพย์ยานี ๑๑ จากแผนภมู ดิ ัง ๆ พร้อม ๆ กนั (มใี นภาคผนวก) สนทนา
แสดงความคิดเห็น ครูถามนาเพือ่ โยงส่สู าระการเรยี น
ข้ันที่ ๓. รว่ มกันทบทวนลกั ษณะฉนั ทลกั ษณข์ องกาพยย์ านี ๑๑ ท่ีเคยเรยี นมาแล้วต้ังแต่ช้นั
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ครคู อยให้ความช่วยเหลอื และเติมเต็มส่วนทีย่ งั ไมเ่ ขา้ ใจตรงกันและยกแผนผงั
กาพย์ยานี ๑๑ ใหน้ ักเรยี นดูแจกใบความรูใ้ ห้ศกึ ษา
ขน้ั ท่ี ๔. แต่ละคนช่วยกันเขยี นกาพยย์ านี ๑๑ ไม่ใหจ้ บเพ่อื ให้คนอ่นื เขียนตอ่ ให้จบ โดยก่อน
เขียนควรมีการอภปิ รายก่อนว่าจะเขียนต่ออยา่ งไรดี จะใช้คาอะไร เน้ือเร่อื งเป็นอยา่ งไร เมอื่ แต่ละกลุ่ม
แตง่ เสรจ็ แล้วส่งให้ครูตรวจ
ขั้นท่ี ๕. รว่ มกันสรุปผลการต่อกาพย์ยานี ๑๑ ของแต่ละกลุม่ ครสู รุปอีกครัง้
๗. ชนิ้ งาน/หลกั ฐานรอ่ งรอยแสดงความรู้
๑. เขยี นตามคาบอก
๒. แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละผลงานรายบคุ คล
๘. สือ่ / แหลง่ การเรียนรู้
๑. กาพย์ยานี ๑๑
๒. แผนผงั กาพย์ยานี ๑๑
๓. ใบความรู้
๙. กระบวนการวัดผลประเมินผล
รายการประเมิน วิธีการวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมอื วัดผลและประเมินผล
• ด้านความรู้ความเข้าใจ - สงั เกต - แบบบนั ทึกการสงั เกต
- การรว่ มสนทนา - ซกั ถาม - เขียนตามคาบอก
- การตอบคาถาม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
• ดา้ นคุณลักษณะอันพึง - สงั เกตพฤตกิ รรมขณะรว่ ม - แบบประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
กิจกรรม
ประสงค์ - การใชค้ าบุพบท แบบประเมินผลงานรายบคุ คล
• ดา้ นทักษะกระบวนการคิด
การร่วมสนทนา
๑๐. เกณฑ์ในการวัดผลและประเมินผล
๑) เกณฑ์ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รายบคุ คลมีคะแนน ๓ ระดบั คือ
ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน ๒๐ – ๒๔
ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนน ๒๓ – ๑๙
ระดับคุณภาพ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๑๒
เกณฑก์ ารผ่านตอ้ งไดร้ ะดบั คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไปหรือได้คะแนน ๙ ขนึ้ ไป
๒) เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นตามคาบอก มีคะแนน ๓ ระดบั ดงั น้ี
ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี ได้คะแนน ๘ – ๑๐
ระดบั คณุ ภาพ ๒ หมายถึง พอใช้ ได้คะแนน ๕ – ๗
ระดับคุณภาพ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ ไดค้ ะแนน ๑ – ๕
เกณฑ์การผ่านตอ้ งได้ระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไปหรือไดค้ ะแนน ๒ ข้ึนไป
การประเมิน ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ประเดน็ การประเมนิ เกณฑก์ ารให้ระดบั คะแนน
ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรบั ปรงุ (๐)
รกั ความเปน็ ไทย สนใจและต้ังใจรว่ ม สนใจและตง้ั ใจรว่ ม สนใจและต้ังใจร่วม
กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรยี น กิจกรรมการเรยี น
ภาษาไทยอย่าง ภาษาไทยอยา่ ง ภาษาไทยอย่าง
สนกุ สนานและมี สนกุ สนานและมี สนุกสนานและมี
ความสุขตลอดเวลา ความสุขเกอื บ ความสขุ เป็นบางคร้ัง
ตลอดเวลา
กลา้ ซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซกั ถามกล้าพดู กลา้ ซกั ถามกล้าพดู
ใฝเ่ รยี นรู้ กล้าแสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคดิ เห็น กลา้ แสดงความคิดเหน็
และโตแ้ ยง้ ในสงิ่ ทไ่ี ม่ และโต้แยง้ ในสงิ่ ท่ีไม่ และโต้แย้งในสิง่ ทไ่ี ม่
ถูกตอ้ ง กลา้ แสดงออก ถกู ต้อง กลา้ แสดงออก ถกู ตอ้ ง กล้าแสดงออก
มคี วามเสียสละเพ่ือ มคี วามเสยี สละเพ่ือ ไม่คอ่ ยเสียสละเพ่ือ
ส่วนรวม ไม่เอา ส่วนรวมเปน็ บางครัง้ ส่วนรวม ชอบเอา
มีจิตสาธารณะ เปรียบไมเ่ ห็นแก่ตัว ไมเ่ อาเปรยี บไม่เห็นแก่ เปรยี บคนอน่ื คอ่ นข้าง
ชว่ ยเหลือหมู่คณะได้ ตวั ไมค่ ่อยช่วยเหลอื เหน็ แก่ตัว ไมค่ อ่ ย
เป็นอยา่ งดี หมคู่ ณะ ชว่ ยเหลอื หมู่คณะ
มีวินยั มีการตรวจสอบแก้ไข มีการตรวจสอบแก้ไข มีการตรวจสอบแกไ้ ข
การกระทาทีไ่ ม่ถกู ตอ้ ง การกระทาทไ่ี ม่ถกู ต้อง การกระทาทไ่ี ม่ถูกต้อง
ทุกคร้ังทาใบงานได้ เกือบทกุ คร้ัง ทาใบ เป็นบางครัง้ ทาใบงาน
สะอาดเรียบร้อยและ งานได้สะอาด ไม่คอ่ ยสะอาด
ถกู ต้องและทันเวลา เรยี บร้อย ไม่คอ่ ย เรยี บร้อยและไม่คอ่ ย
ทนั เวลา ทนั เวลา
ใชว้ สั ดอุ ุปกรณก์ าร ใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์การ ใชว้ ัสดุอุปกรณก์ าร
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง เรียนที่ราคาถูกและใช้ เรียนท่ีราคาค่อนข้าง เรียนทรี่ าคาค่อนข้าง
อย่างคุม้ คา่ ใช้จน แพงและใช้อยา่ งคุ้มคา่ แพงและใช้อยา่ งค้มุ คา่
หมดแล้วคอ่ ยซอ้ื ใหม่ ใช้จนหมด ใช้ไมห่ มดแล้วซอื้ ใหม่
บทรอ้ ยกรอง
พวกเราเป็นนักเรยี น ตอ้ งหมน่ั เพยี รเรยี นหนังสือ
ทุกวันหมนั่ ฝึกปรือ ตอ้ งไม่ดอ้ื และไม่ซน
อย่าให้ครูทา่ นได้บ่น
เขยี นอ่านและหม่ันดู ย่อมสง่ ผลตนเองเอย
ทาดีมมี งคล
สาลี รักสทุ ธิ ประพันธ์
ใบความรู้เรอ่ื ง เรอื่ ง “ กาพยย์ านี ๑๑ “
กาพย์ยานี ๑๑ บทหน่ึง มี ๔ วรรค วรรคละ ๕ คา ๖ คา ๕ คา และ ๖ คา ตามลาดับ
เลข ๑๑ ทเ่ี ขียนไว้หลังชือ่ กาพย์ยานี นั้นเพอื่ บอกจานวนคา
แผนผังกาพยย์ านี
ตวั อยา่ ง กาพย์ยานี ๑๑
กาพยย์ านีลานา สบิ เอด็ คาจาจงดี
วรรคหนา้ ห้าคามี วรรคหลงั หกยกแสดง
ไม่สาคญั อย่าระแวง
คาเปน็ คาตายนน้ั จะไพเราะเหมาะวิธี
สัมผัสควรจดั แจง
จากตัวอยา่ งจะเห็นการสมั ผัสตามหลกั เกณฑ์ ดงั นี้
๑) นา สมั ผัสกับ คา
๒) ดี สมั ผสั กับ มี
๓) แสดง สมั ผสั กับ แวง (เปน็ สมั ผสั ระหวา่ งบท)
๔) น้ัน สัมผัสกับ คญั