3. การจัด จั กลุ่ม ลุ่ (Classifying) หมายถึง การจัด จั ข้อ ข้ มูลโดยการแยกออกเป็น ป็ กลุ่ม ลุ่ หรือ รื ประเภทต่างๆ เช่น ช่ การนำ ข้อ ข้ มูลเกี่ยวกับประวัติ วั ตินัก นั ศึกษา มาแยกตามคณะต่างๆเช่น ช่ แยก เป็น ป็ นัก นั ศึกษาที่สัง สั กัดคณะวิทวิยาศาสตร์ นัก นั ศึกษาที่สัง สั กัดคณะครุศ รุ าสตร์ เป็น ป็ ต้น การทำ เช่น ช่ นี้ทำ นี้ ทำ ให้ก ห้ ารค้นหาข้อ ข้ มูลทำ ได้ง่ ด้ ง่ ายขึ้น ขึ้ และยัง ยั สะดวกสำ หรับ รั ทำ รายงานต่างๆ 4. การดึงข้อ ข้ มูล (Retrieving) หมายถึง การค้นหาและการนำ ข้อ ข้ มูลที่ต้องการมาจาก แหล่งเก็บเพื่อ พื่ นำ ไปใช้ง ช้ าน เช่น ช่ ต้องการทราบค่าคะแนนเฉลี่ยๆ สะสมของนัก นั ศึกษา ที่มีเ มี ลข ประจำ ตัว 33555023 คณะวิทวิยาศาสตร์ การดึง ดึ ข้อ ข้ มูลจะเริ่มริ่ต้นค้นหาแฟ้ม ฟ้ ของคณะวิชวิา และค้นหาข้อ ข้ มูลเริ่มริ่จากกลุ่ม ลุ่ แรก โดยดูเ ดู ลขประจำ ตัวจนกระทั่ง ทั่ พบหมายเลขประจำ ตัว ก็จะ ดึง ดึ เอาค่าคะแนนเฉลี่ยสะสมมาได้ วิธี วิ ก ธี ารประมวลผลข้อ ข้ มูล (ต่อ)
5. การรวมข้อ ข้ มูล (Merging) หมายถึง การนำ ข้อ ข้ มูลตั้ง ตั้ แต่สองชุดขึ้น ขึ้ ไปมา รวมกันให้เ ห้ป็น ป็ ชุดเดีย ดี วเช่น ช่ การนำ ประวัติ วั ติส่ว ส่ นตัวของนัก นั ศึกษา และประวัติ วั ติการ ศึกษามารวมเป็น ป็ ชุดเดีย ดี วกัน เป็น ป็ ประวัติ วั ตินัก นั ศึกษา เป็น ป็ ต้น การรวมข้อ ข้ มูลจัด จั ได้ว่ ด้ า ว่ เป็น ป็ วิธีวิก ธี ารที่นิยนิมใช้กั ช้ กั นมากในระบบการจัด จั การฐานข้อ ข้ มูลในปัจจุบัน บั นี้ 6. การสรุปผล (Summarizing) หมายถึง การสรุปส่ว ส่ นต่างๆ ของข้อ ข้ มูล โดยย่อ ย่ เอาเฉพาะส่ว ส่ นที่เป็น ป็ ใจความสำ คัญ เพื่อ พื่ เน้น น้ จุดสำ คัญและแนวโน้ม น้ เช่น ช่ การนำ ข้อ ข้ มูลมาแจงนับ นั และทำ เป็น ป็ ตารางการหายอดนัก นั ศึกษาของแต่ละวิชวิา ข้อ ข้ มูลเหล่านี้ในี้ ช้สำ ช้ สำหรับ รั พิมพิพ์เ พ์ป็น ป็ รายงานสรุปส่ง ส่ ขึ้น ขึ้ ไปให้ผู้ ห้ บผู้ ริหริารระดับ ดั สูง สู เพื่อ พื่ ใช้ ในการบริหริาร วิธี วิ ก ธี ารประมวลผลข้อ ข้ มูล (ต่อ)
7. การทำ รายงาน (Reporting) หมายถึง การนำ ข้อ ข้ มูลมาจัด จั พิมพิพ์ร พ์ ายงานรูป รู แบบต่างๆ เช่น ช่ รายงานการวิเวิคราะห์อ ห์ าชีพ ชี ของผู้ปผู้ กครองของนัก นั ศึกษา รายงานการเรีย รี นของนัก นั ศึกษา เป็นต้น 8. การบัน บั ทึก (Recording) หมายถึง การจดบัน บั ทึกข้อ ข้ มูลเอาไว้โว้ ดยทำ การคัดลอกข้อ ข้ มูล จากต้นฉบับ บั แล้วเก็บเป็นแฟ้ม ฟ้ (Filing) เช่น ช่ การบัน บั ทึกประวัติ วั ติส่ว ส่ นตัวนัก นั ศึกษาแต่ละคน เป็นต้น 9. การปรับ รั ปรุงรัก รั ษาข้อ ข้ มูล (Updating) หมายถึง การเพิ่มพิ่ (Add) หรือ รื การเอาออก (Delete) และการเปลี่ยนค่า (Change) ข้อ ข้ มูลที่อยู่ใยู่ นแฟ้ม ฟ้ ให้ทั ห้ ทั นสมัย มั อยู่เ ยู่ สมอ วิธี วิ ก ธี ารประมวลผลข้อ ข้ มูล (ต่อ)
1. การรวบรวมเอกสารข้อ ข้ มูล หมายถึง เอกสารข้อ ข้ มูลที่ได้ถู ด้ ก ถู บัน บั ทึก โดยแหล่งใช้ข้ ช้ อ ข้ มูลนั้น นั้ 2. การเตรีย รี มข้อ ข้ มูล หมายถึง การจัด จั เตรีย รี มข้อ ข้ มูลที่รวบรวมมาแล้ว ให้อ ห้ ยู่ใยู่ นรูป รู ที่สะดวกต่อการประมวลผล 3. การประมวลผลในส่ว ส่ นของการประมวลผลแฟ้ม ฟ้ ข้อ ข้ มูล หมายถึง การสร้า ร้ งความสัม สั พัน พั ธ์ข ธ์ องข้อ ข้ มูลระหว่า ว่ งแฟ้ม ฟ้ ข้อ ข้ มูลการออกแบบ โปรแกรมเพื่อ พื่ การประมวลผลแฟ้ม ฟ้ ข้อ ข้ มูลต่างๆ เมื่อ มื่ ผ่า ผ่ นการรวบรวม และเตรีย รี มข้อ ข้ มูลแล้วเราสามารถใช้วิ ช้ ธีวิก ธี ารประมวลผลวิธีวิ ใธี ดวิธีวิห ธี นึ่ง นึ่ หรือ รื หลายวิธีวิดั ธี ง ดั ที่ได้ก ด้ ล่าวมาแล้ว ขั้น ขั้ ตอนการประมวลผลข้อ ข้ มูล
การนำ เสนอข้อ ข้ มูล เป็น ป็ การนำ ข้อ ข้ มูลที่รวบรวมข้อ ข้ มูล ที่ได้จ ด้ ากการศึกษามานำ เสนอ หรือ รื ทำ การเผยแพร่ใร่ ห้ผู้ ห้ ที่ผู้ ที่ สนใจได้รั ด้ บ รั ทราบ หรือ รื นำ ไปวิเวิคราะห์เ ห์ พื่อ พื่ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ แบ่ง บ่ ออกได้ 2 ลักษณะ คือ 1. การนำ เสนออย่า ย่ งไม่เ ม่ ป็น ป็ แบบแผน 1.1. การนำ เสนอในรูป รู ของบทความ 1.2.การนำ เสนอข้อ ข้ มูลในรูป รู ของข้อ ข้ ความกึ่งตาราง การนำ เสนอข้อ ข้ มูล
2. การนำ เสนอข้อ ข้ มูลอย่า ย่ งเป็น ป็ แบบแผน 2.1. การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้ต ช้ าราง 2.2. การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้แ ช้ ผนภูมิ ภู แมิท่ง 2.3 การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้แ ช้ ผนภูมิ ภู วมิงกลม 2.4 การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้แ ช้ ผนภูมิ ภู รูมิป รู ภาพ 2.5 การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้แ ช้ ผนที่สถิติ 2.6. การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้แ ช้ ผนภูมิ ภู แมิท่งเปรีย รี บเทียบ 2.7 การนำ เสนอข้อ ข้ มูลโดยใช้ก ช้ ราฟเส้น ส้ การนำ เสนอข้อ ข้ มูล
6.5 การติดต่อสื่อ สื่ สารและการประสานงาน การติดต่อสื่อ สื่ สาร เป็น ป็ ขั้น ขั้ ตอนของการส่ง ส่ ข่า ข่ วสาร จากผู้ส่ผู้ ง ส่ ไปยัง ยั ผู้รัผู้ บ รั ด้ว ด้ ย กระบวนการที่สร้า ร้ งขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ ถ่ายทอดข่า ข่ วสาร โดยมีวั มี ต วั ถุป ถุ ระสงค์ เพื่อ พื่ ส่ง ส่ เสริมริการตลาด ซึ่ง ซึ่ มีอ มี งค์ประกอบดัง ดั นี้ 1. ข่า ข่ วสาร (Message) เป็น ป็ รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ที่กิจการ ต้องการเสนอขายหรือ รื ต้องการแจ้ง จ้ แก่กลุ่ม ลุ่ เป้า ป้ หมาย 2. ผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาร (Sources) หรือ รื แหล่งข่า ข่ วสาร หมายถึง ผู้ที่ผู้ ที่ ทำ การส่ง ส่ ข่า ข่ วสาร ซึ่ง ซึ่ อาจจะเป็น ป็ ผู้ผผู้ ลิต คนกลาง หรือ รื พนัก นั งานขาย ส่ง ส่ ข่า ข่ วสาร ไปยัง ยั ผู้รัผู้ บ รั หรือ รื ผู้ที่ผู้ ที่ คาดว่า ว่ จะเป็น ป็ ลูก ลู ค้า 3. การใส่ร ส่ หัส หั (Encoding) เป็น ป็ การตัดสินสิ ใจ ของแหล่งข่า ข่ วสาร ว่า ว่ จะใช้วิ ช้ ธีวิก ธี าร สื่อ สื่ ความข่า ข่ วสารอย่า ย่ งไร เพื่อ พื่ ให้ผู้ ห้ รัผู้ บ รั เกิดความเข้า ข้ใจ ในข่า ข่ วสาร เช่น ช่ เดีย ดี วกับ ผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาร
6.5 การติดต่อสื่อ สื่ สารและการประสานงาน 4. ช่อ ช่ งทางข่า ข่ วสาร (Message Channel) หมายถึง บุคคลหรือ รื สื่อ สื่ ต่างๆ ที่ใช้ใช้ นการส่ง ส่ ข่า ข่ วสาร เช่น ช่ พนัก นั งานขาย โทรศัพท์ วิทวิยุ หรือ รื สิ่งสิ่พิมพิพ์ต่ พ์ ต่ างๆ 5. การถอดรหัส หั (Decoding) การแปลความหมาย ข่า ข่ วสารของผู้รัผู้ บ รั ข่า ข่ วสาร ที่เป็นกลุ่ม ลุ่ ลูก ลู ค้าเป้า ป้ หมาย ซึ่ง ซึ่ ผู้รัผู้ บ รั จะเข้า ข้ใจข่า ข่ วสาร มากน้อ น้ ยเพีย พี งใดนั้น นั้ ขึ้น ขึ้ อยู่กั ยู่ กั บทัศนคติ ประสบการณ์ การเรีย รี นรู้แ รู้ ละการรับ รั รู้ 6. ผู้รัผู้ บ รั ข่า ข่ วสาร (Receiver) หมายถึง บุคคล หรือ รื กลุ่ม ลุ่ ลูก ลู ค้าเป้า ป้ หมาย ที่ผู้ ส่ง ส่ ข่า ข่ วสารหรือิ รือิกิจการ ต้องการให้ไห้ ด้รั ด้ บ รั ข่า ข่ วสาร ซึ่ง ซึ่ อาจจะได้รั ด้ บ รั ชม รับ รั ฟัง ฟั หรือ รืได้ อ่านข่า ข่ วสาร
6.5 การติดต่อสื่อ สื่ สารและการประสานงาน 7. ข้อ ข้ มูลย้อ ย้ นหลัง (Feedback) หมายถึง ปฎิกิริยริาที่ผู้รัผู้ บ รั ข่า ข่ วสาร ตอบโต้ แสดงออกมาหลังจากรับ รั ข่า ข่ วสารแล้ว ย้อ ย้ นกลับไปยัง ยั ผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาร หรือ รื กิจการ ทำ ให้ท ห้ ราบว่า ว่ ผู้รัผู้ บ รั มีค มี วามเข้า ข้ใจข่า ข่ วสารมากน้อยเพีย พี งใด ยอม รับ รั หริอริปฎิเสธข่า ข่ วสาร 8. สิ่งสิ่รบกวน (Noise) หมายถึง อุปสรรค ที่เกิดขึ้น ขึ้ ระหว่า ว่ งการติดต่อ สื่่อสาร ทำ ให้เ ห้ กิดความคลาดเคลื่อน ระหว่า ว่ งผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาว และอาจทำ ให้กา ห้ ร ติดต่อสื่อ สื่ สารล้มเหลว
6.5 การติดต่อสื่อ สื่ สารและการประสานงาน 7. ข้อ ข้ มูลย้อ ย้ นหลัง (Feedback) หมายถึง ปฎิกิริยริาที่ผู้รัผู้ บ รั ข่า ข่ วสาร ตอบโต้ แสดงออกมาหลังจากรับ รั ข่า ข่ วสารแล้ว ย้อ ย้ นกลับไปยัง ยั ผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาร หรือ รื กิจการ ทำ ให้ท ห้ ราบว่า ว่ ผู้รัผู้ บ รั มีค มี วามเข้า ข้ใจข่า ข่ วสารมากน้อยเพีย พี งใด ยอม รับ รั หริอริปฎิเสธข่า ข่ วสาร 8. สิ่งสิ่รบกวน (Noise) หมายถึง อุปสรรค ที่เกิดขึ้น ขึ้ ระหว่า ว่ งการติดต่อ สื่่อสาร ทำ ให้เ ห้ กิดความคลาดเคลื่อน ระหว่า ว่ งผู้ส่ผู้ ง ส่ ข่า ข่ วสาว และอาจทำ ให้กา ห้ ร ติดต่อสื่อ สื่ สารล้มเหลว
7. งานวิจั วิ ย จั ที่เกี่ยวข้อ ข้ ง วิไวิลลักษณ์ อำ นาจดี และ ศศิรดา แพงไทย (2562) ได้ศึ ด้ ศึกษากลยุทธ์กธ์ารบริหริารโดยใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลของสถานศึกษา สังสักัด สำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 โดยมีวัมีตวัถุปถุระสงค์เพื่อพื่ 1) เพื่อพื่ศึกษาองค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลในการ บริหริาร 2) เพื่อพื่ศึกษาสภาพปัจจุบันบัและสภาพที่พึงพึประสงค์ของการใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลในการ บริหริาร 3) เพื่อพื่พัฒพันากลยุทธ์กธ์ารใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาล ในการบริหริาร สังสักัดสำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่ การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 กลุ่มลุ่ตัวอย่า ย่ งได้แ ด้ ก่ ผู้บผู้ ริหริารและครูสัรูงสักัดสำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่ การ ศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 รวมทั้งทั้สิ้นสิ้ 342 คน ผลการวิจัวิยจัพบว่า ว่ 1. องค์ประกอบกลยุทธ์กธ์ารใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลในการบริหริาร สังสักัดสำ นักนังานเขต พื้นพื้ที่การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 มี 7 องค์ ประกอบ ประกอบด้ว ด้ ย 1) ด้า ด้ นความรับรัผิดผิชอบ 2) ด้า ด้ นความโปร่ง ร่ ใส 3) ด้า ด้ นนิตินิ ติธรรม 4) ด้า ด้ นความคุ้มคุ้ค่า 5) ด้า ด้ นประสิทสิธิภธิาพ 6) ด้า ด้ น การมี ส่ว ส่ นร่ว ร่ มและ 7) ด้า ด้ นคุณคุธรรม 2. สภาพปัจจุบันบัของกลยุทธ์กธ์ารใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลในการบริหริาร สังสักัดสำ นักนังาน เขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 โดย รวมอยู่ใยู่ นระดับดั ปานกลาง สภาพที่พึงพึประสงค์ของ กลยุทธ์กธ์ารบริหริารตามหลักธรรมาภิบาล สังสักัดสำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20 โดยรวมอยู่ใยู่ นระดับดัมากที่สุดสุ 3. กลยุทธ์กธ์ารใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลในการบริหริาร สังสักัดสำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษา มัธมัยมศึกษา เขต 20 ประกอบด้ว ด้ ย 7 กลยุทธ์ ได้แ ด้ ก่กลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 1 เสริมริสร้า ร้ งหลักนิตินิ ติธรรมของ องค์กร มี 4 มาตรการ 3 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 2 การเสริมริสร้า ร้ งการมีคมีวามรับรัผิดผิชอบมี 4 มาตรการ 4 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 3 เพิ่มพิ่ความมีปมีระสิทสิธิภธิาพการทำ งานมี 3 มาตรการ 4 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 4 เพิ่มพิ่ความคุ้มคุ้ค่าในการทำ งานมี 3 มาตรการ 4 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 5 พัฒพันาการมีส่มีว ส่ นร่ว ร่ มของบุคลากรมี 4 มาตรการ 3 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 6 ส่ง ส่ เสริมริความโปร่ง ร่ ใส มี 3 มาตรการ 5 ตัวชี้วั ชี้ ดวักลยุทธ์ที่ธ์ ที่ 7 พัฒพันาระบบคุณคุธรรมอย่า ย่ งยั่งยั่ยืนยืมี 5 มาตรการ 7 ตัวชี้วั ชี้ ดวั
7. งานวิจั วิ ย จั ที่เกี่ยวข้อ ข้ ง (ต่อ) พรทิพย์ ไชยพนาพันพัธ์ และ ชัชชัภูมิภูมิสีชสีมพู (2564) ได้ศึ ด้ ศึกษาแนวทางการพัฒพันาสมรรถนะทางด้า ด้ นเทคโนโลยีสยีารสนเทศในยุค ดิจิดิทัจิ ทัลของผู้บผู้ ริหริาร สถานศึกษาโรงเรียรีนขยายโอกาส สำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษา ประถมศึกษาพิษพิณุโณุลก เขต 1 โดยมีวัมีตวัถุปถุระสงค์เพื่อพื่ 1) เพื่อพื่ศึกษาระดับดัสมรรถนะทางด้า ด้ นเทคโนโลยีสยีารสนเทศในยุค ดิจิดิทัจิ ทัลของผู้บผู้ ริหริารสถานศึกษาโรงเรียรีนขยายโอกาส 2) เพื่อพื่หาแนวทาง การพัฒพันาสมรรถนะทางด้า ด้ น เทคโนโลยีสยีารสนเทศในยุคดิจิดิทัจิ ทัล กลุ่มลุ่ตัวอย่า ย่ งที่ใช้ใช้ นการวิจัวิยจัมีจำมีจำนวนทั้งทั้หมด 48 คนโดยเลือกแบบ เฉพาะ เจาะจง ผลการวิจัวิยจัพบว่า ว่ ระดับดัสมรรถนะทางด้า ด้ นเทคโนโลยีสยีารสนเทศในยุคดิจิดิทัจิ ทัลของผู้บผู้ ริหริารสถานศึกษาโรงเรียรีนขยาย โอกาส ในภาพรวมทุกทุด้า ด้ นอยู่ ในระดับดัมากที่สุดสุ แนวทางการพัฒพันาสมรรถนะทางด้า ด้ นเทคโนโลยีสยีารสนเทศในยุคดิจิดิทัจิ ทัล สรุปรุได้ดั ด้ งดันี้ 1) ด้า ด้ นวิสัวิยสัทัศน์ ควรเป็น ป็ ที่มีคมีวามรู้ กล้าคิดนอกกรอบ สามารถประยุกต์ใช้เ ช้ ทคโนโลยีสยีารสนเทศ ด้า ด้ นบริหริารให้ค ห้ รอบคลุมลุงาน ทุกทุด้า ด้ นในสถานศึกษา กำ หนดทิศทางให้ส ห้ อดคล้องกับเป้า ป้ หมายที่กำ หนดไว้ 2) ด้า ด้ นกลยุทธ์ สามารถวิเวิคราะห์เห์ปรียรีบเทียบความคุ้มคุ้ค่างบประมาณในการลงทุนทุด้า ด้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ จัดจัสรรบุคลากร ส่ง ส่ เสริมริการมีส่มีว ส่ นร่ว ร่ ม สร้า ร้ งเครือรืข่า ข่ ยการเรียรีนรู้ผ่รู้า ผ่ นระบบเทคโนโลยีสยีารสนเทศ และแต่งตั้งตั้คณะกรรมการในการดำ เนินนิงาน ติดตตาม และประเมินมิผล 3) ด้า ด้ นศักยภาพเพื่อพื่นำ การเปลี่ยนแปลง ควรเป็น ป็ แบบอย่า ย่ งที่ดีใดีนการใช้เ ช้ ทคโนโลยีสยีารสนเทศ พัฒพันาการนิเนิทศภายในโดยการ นิเนิทศแบบออนไลน์ อำ นวยความสะดวกให้กั ห้ กับบุคลากรทางการศึกษา นำ ผล การนิเนิทศสู่กสู่ ารปรับรั ปรุงรุเพื่อพื่การบริหริารอย่า ย่ งมีคุมีณคุภาพ 4) การ สอนงานและมอบหมายงาน ควรให้คำ ห้ คำแนะนำ ส่ง ส่ เสริมริจัดจักิจกรรมพัฒพันาทักษะ สร้า ร้ ง แรงจูงใจ ให้ผู้ ห้ เผู้รียรีนสร้า ร้ งผลงาน นวัตวักรรม และทุกทุ ภาคส่ว ส่ นสามารถเข้า ข้ ถึงข้อ ข้ มูลเทคโนโลยีสยีารสนเทศ จัดจัหา เวทีในการแข่ง ข่ ขันขั
7. งานวิจั วิ ย จั ที่เกี่ยวข้อ ข้ ง (ต่อ) นิตนิยา ขันขัธุแสง (2562) ได้ศึ ด้ ศึ กษาภาวะผู้นำผู้ นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บผู้ ริหริารในกลุ่ม ลุ่ โรงเรีย รี นเมือ มื ง สมุทรปราการ สังสักัดสำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 โดยมีวั มี ตวัถุป ถุ ระสงค์เพื่อ พื่ การศึกษาภาวะผู้นำผู้ นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บผู้ ริหริารในกลุ่ม ลุ่ โรงเรีย รี นเมือ มื งสมุทรปราการ สังสักัดสำ นักนังานเขต พื้น พื้ ที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1 ใน 4 ด้า ด้ น ประชากรที่ใช้ใช้ นการวิจัวิยจัคือ ผู้บผู้ ริหริารและครูผู้ รู ผู้ สอนในกลุ่ม ลุ่ โรงเรีย รี นเมือ มื งสมุทรปราการ จำ นวน 148 คน ผลการวิจัวิยจัพบว่า ว่ ภาวะผู้นำผู้ นำการเปลี่ยนแปลงของผู้ บริหริารในกลุ่ม ลุ่ โรงเรีย รี นเมือ มื งสมุทรปราการ สังสักัด สำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1 โดยรวมและรายด้า ด้ นผู้บผู้ ริหริาร โรงเรีย รี นมีภ มี าวะผู้นำผู้ นำการเปลี่ยนแปลงอยู่ใยู่ นระดับดัมากเรีย รี งตามลำ ดับดัคือ ด้า ด้ นการมีอิ มี อิทธิพธิลอย่า ย่ งมี อุดมการณ์ การสร้า ร้ งแรงบันบัดาลใจ การคำ นึง นึ ถึงความเป็น ป็ ปัจเจกบุคคล การกระตุ้ นทางปัญญา
บรรณานุก นุ รม ธรรมาภิบาลคืออะไร. (2556). ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 ธันธัวาคม 2565. แหล่งที่มา https://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=20713. นิตนิยา ขันขัธุแสง. (2562). ภาวะผู้นำผู้ นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บผู้ ริหริารในกลุ่ม ลุ่ โรงเรีย รี นเมือ มื งสมุทรปราการ สังสักัด สำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1. ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 พฤศจิกจิายน 2565. แหล่งที่มา https://so02.tcithaijo.org/index.php/EdAd/article/download/193122/ 134595/576292. พรทิพย์ ไชยพนาพันพัธ์ และ ชัชชัภูมิ ภูมิสีช สี มพู. (2564). แนวทางการพัฒพันาสมรรถนะทางด้า ด้ นเทคโนโลยี สารสนเทศในยุคดิจิดิทัจิ ทัลของผู้บผู้ ริหริาร สถานศึกษาโรงเรีย รี นขยายโอกาส สำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึกษา ประถมศึกษาพิษพิณุโ ณุ ลก เขต 1. ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 พฤศจิกจิายน 2565. แหล่งที่มา https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/view/249839/169709.
บรรณานุก นุ รม วริกริา คงควร. (2563). การประมวลผลข้อ ข้ มูล. ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 13 ธันธัวาคม 2565. แหล่งที่มา https://www.scimath.org/lesson-technology/item/9797-1-9797. วิไวิลลักษณ์ อำ นาจดี และ ศศิรดา แพงไทย. (2562). กลยุทธ์กธ์ารบริหริารโดยใช้ห ช้ ลักธรรมาภิบาลของ สถานศึกษา สังสักัดสำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึกษามัธมัยมศึกษา เขต 20. ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 พฤศจิกจิายน 2565. แหล่งที่มา https://so03.tcithaijo.org/index.php/JMND/article/download/188250/153384. ศิริวิริมวิล ชูชีพ ชี วัฒวันา. (2556). พฤติกรรมใฝ่เรีย รี นรู้ข รู้ องนักนัเรีย รี นชั้นชั้มัธมัยมศึกษาตอนต้นของโรงเรีย รี นสังสักัด ฆมณฑลราชบุรี จังจัหวัดวัราชบุรี.รี ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 ธันธัวาคม 2565. แหล่งที่มา http://www.sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/e679769b-0d5a-4834-ba92- 2cbe469c6fb8/fulltext.pdf?attempt=2.
บรรณานุก นุ รม HermesDigital MarketingThailand. (2565). เทคนิคนิการสื่อ สื่ สารและประสานงานอย่า ย่ งมี ประสิทสิธิภธิาพ Effective Communication. ออนไลน์.น์สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 3 ธันธัวาคม 2565. แหล่งที่มา https://www.hrodthai.com/single-post/เทคนิคนิการสื่อ สื่ สารและประสานงาน อย่า ย่ งมีปมี ระสิทสิธิภธิาพ-effective-communication. Kasarin papa. การนำ เสนอข้อ ข้ มูล. สืบ สื ค้นเมื่อ มื่ 12 พฤศจิกจิายน 2565. แหล่งที่มา https://sites.google.com/site/kasarinpapa/math/6.