The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanathorn, 2019-08-30 23:08:58

varasarn43

varasarn43

กัลขา่ วยสาารณธรรม
ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ก�ำหนดการ

๔๐การอบรมภาวนา
ครง้ั ที่
หาทางออกจากทุกข์  สบื สานการศึกษาพระไตรปฎิ กในพมา่

บ ก .   บ อ ก ก ล่ า ว

ขา่ วสารกลั ยาณธรรมฉบบั นเี้ ปน็ ฉบบั ท ่ี ๔๓ แลว้ นะคะ มาพบกนั กผ็ า่ นไป 
ครึ่งปีแล้ว เพ่ือร่วมประชาสัมพันธ์งานอบรมภาวนา คร้ังท่ี ๔๐ ซ่ึงเราจะ 
ได้พบกันอีกคร้ังในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ศกนี้ ท่ีบ้านแห่งธรรม 
มทร. กรุงเทพ บพิตรพมิ ุข มหาเมฆ เชน่ เคย

ฉบับนี้มีเรื่องน่าอ่านน่าสนใจมาน�ำเสนอมากมาย เร่ิมด้วย บทความ 
จากองค์บรรยายในงานมหากุศลคร้ังน้ี โดยหลวงพ่อครรชิต สุทธิจิตโต
เมตตาให้ค�ำแนะน�ำเร่ือง “หาทางออกจากทุกข์” ซึ่งในขั้นแรก ท่านให้เรา 
ย้อนกลับมาดูตัวเองให้มากกว่าการแส่หาคนผิดข้างนอก องค์บรรยาย 
อกี ทา่ นคอื  พระอาจารยม์ หากรี ต ิ ธรี ปญั โญ ทา่ นมาเลา่ ถงึ ความนา่ ปลม้ื ใจ 
กับพระพุทธศาสนาที่มีชีวิตในพม่า เพราะในช่วงที่ผ่านมา ท่านได้เดินทาง 
ไปช่วยงานกรรมฐานในฐานะล่ามพระธรรมทูตในประเทศต่างๆ มากมาย  
และยังได้มีโอกาสไปดูงานเร่ืองการศึกษาพระไตรปิฎกในพม่า ท่านจึงมา 
แบ่งปันความประทับใจเพ่ือเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวพุทธไทยได้เห็น 
ความส�ำคัญของพระพุทธธรรมและใส่ใจศึกษาให้เข้าถึงพระไตรปิฎก 
ใหม้ ากขึ้น จะไดร้ วู้ า่ พระพุทธองค์ทรงสอนอะไรไว้บา้ ง อาจจะไมต่ อ้ งเกง่  
เทียบเท่าชาวพุทธพม่า แต่เราก็ควรจะตระหนักและต่ืนตัวกันให้มากกว่า 
ทเ่ี ป็นมา

1ปที ี่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

บทความน่าประทับใจยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น คุณชัย มาเล่าถึง 
การเยยี่ มผปู้ ว่ ยของทมี  iseeu วา่ คนเยย่ี มไขก้ ม็ คี วามสขุ และไดร้ บั พลงั ดๆี  
จากผปู้ ว่ ยกนั อยา่ งไรบา้ ง หากรจู้ กั สงั เกตและใสใ่ จ นอกจากนที้ พี่ ลาดไมไ่ ด้ 
คอื บทความของธร เรอ่ื ง “สขุ ..ทกุ ข.์ . where are you ?” จากเลม่ กอ่ น
ที่น้องอ้อมผู้เป็นภรรยา มาเล่าถึงอาการป่วยไม่น้อยของธร มาในฉบับน ้ี 
เราจะไดค้ ำ� ตอบวา่  ธรอยกู่ บั มะเรง็ รา้ ยทห่ี ายาก ๓ - ๔ ชนดิ ในตวั เขามานาน
นบั  ๑๐ ปไี ดอ้ ย่างไร วธิ ีคิดของธร เป็นคำ� ตอบท่ีเกนิ จะอธิบาย

คงไม่สามารถแนะน�ำธรรมะและบทความที่น่าสนใจได้หมดทุกเร่ือง 
เพราะเราได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์มากมายหลายท่าน เช่น 
ทา่ นพระอาจารยช์ ยสาโร, ส.มหาปญั โญภกิ ข ุ (หลวงตาสรุ ยิ า) และ อ.ทวศี กั ด์ ิ
ครุ จุ ติ ธรรม ในเรอื่ ง เสน้ ทางลดั สนู่ พิ พาน มจี รงิ หรอื  ? ตอนท ่ี ๑๑ กก็ ำ� ลงั
สนกุ ชวนติดตาม บอกได้เลยวา่  ไมค่ วรพลาดเลยสกั เรือ่ งหรอื สักหน้าคะ่

สุดท้ายนี้ หวังว่าทุกท่านจะติดตามกิจกรรมของชมรมกัลยาณธรรม 
จาก Facebook page Kanlayanatam และชอ่ งทาง Line official  
นอกจากธรรมทานน่าสนใจ ยังมีการจัดคอร์สอบรมภาวนาหลากหลาย 
ท่ีมีให้ท่านเลือกสรรด้วยใจท่ีพร้อมให้ธรรมค่ะ และขอกราบเรียนสมาชิก 
ชมรมกัลยาณธรรมทุกท่าน ด้วยความจำ� เป็นด้านงบประมาณ จึงขอแจก 
วารสารเลม่ นผ้ี า่ นทางออนไลนเ์ ทา่ นน้ั  ไมส่ ง่  ปณ. ถงึ สมาชกิ ทกุ ทา่ นเหมอื น 
ท่ีเคยท�ำมา ไม่ว่ากันนะคะ แต่ถ้าท่านมาร่วมงานอบรมภาวนา ครั้งที่ ๔๐ 
จะได้รับหนังสือเลม่ น้ีทุกท่านค่ะ แลว้ พบกนั ในวนั แหง่ ธรรมนะคะ

ทีใ่ ดมธี รรม ท่นี นั่ มพี ระพทุ ธเจ้าค่ะ

ดว้ ยความเคารพศรทั ธาทุกท่าน
ทพญ. อัจฉรา กลิน่ สุวรรณ์
ประธานชมรมกัลยาณธรรม
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

2 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ส า ร บ ั ญ

กวธี รรม : เนกขมั มสขุ  (ปปญั จา) ๕
หาทางออกจากทุกข์ (หลวงพอ่ ครรชติ สทุ ธจิ ิตโต) ๖
กลับบ้าน (อรณุ ชัย นติ ิสพุ รรัตน)์ ๑๓
ให้เวลาคุณภาพ (พระอาจารยช์ ยสาโร ๒๒
ภาพประกอบธรรม (เซมเบ้) ๓๕
สืบสานการศึกษาพระไตรปฎิ กในพมา่ (ธรี ปญั โญ) ๓๖
กวธี รรม (ปปญั จา) ๔๔
คตธิ รรม ๔๕
หนา้ กากมลพิษ (ธีรยุทธ เวชเจรญิ ยง่ิ ) ๔๖
เสน้ ทางลัดสูน่ ิพพาน มีจริงหรือ ? ตอน ๑๑ (อ.ทวีศักด์ิ คุรจุ ติ ธรรม) ๕๐
เวลาอันประเสริฐ (หมอนไม้) ๖๖
ความพ้นทกุ ข์ ทางปลอดภัยที่ใครๆ ไม่อยากเดิน (ส.มหาปัญโญภกิ ขุ) ๗๐
ทกุ ข.์ .. สุข... Where are you? (ธร) ๗๓
ฝกึ “ธรรม” (ภมู ิพนั ธ์ สาโรจน์วนิช) ๘๘
มสี ติ ไม่เผลอ (มายาคติ) ๙๒
เราไมร่ ู้ อะไรจริง - หลอก (สมชยั วริ ยิ าลังกรณ)์ ๙๔
ชีวติ นี้ เพื่อส่ิงใด (ประวีณา อาจศริ ิ) ๙๘
คำ� แนะนำ� งานอบรมภาวนา ครง้ั ท ่ี ๔๐ ๑๐๒
แผนท่ ี มทร. กรุงเทพ บพติ รพมิ ขุ  มหาเมฆ ๑๐๓
ก�ำหนดการอบรมภาวนา ในป ี ๒๕๖๒ ๑๐๔

ภาพปก : บรรยากาศวัดปา่ ภูไม้ฮาว E-book online
อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร คลิ๊กอ่านไดท้ ่ีนี่

3ปที ่ี ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

พ ร ะ พ ุ ท ธ พ จ น์

อปปฺ มตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตเฺ ตสุ พหชุ าคโร
อพลสสฺ วํ สฆี สฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส
คนมปี ญั ญาดไี ม่ประมาท  เมื่อผ้อู ่ืนประมาท
มกั ตืน่   เม่อื ผ้อู ่นื หลบั   ย่อมละทิง้ คนน้ัน
เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ท้งิ ม้าไมม่ กี �ำลงั ไป ฉะนน้ั

ที่มา : ขทุ ทกนิกาย ธรรมบท (ข.ุ ธ.)

ปที ่ี ๑๕ ฉบบั ท ี่ ๔๓ สพั พทานัง ธัมมทานงั  ชินาต ิ  
ฉบบั กรกฎาคม ๒๕๖๒ การใหธ้ รรมะเป็นทาน 
พิมพ์แจกเปน็ ธรรมทาน จ�ำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม ยอ่ มชนะการใหท้ ั้งปวง
• ส�ำนกั งาน คลนิ ิกอัจฉราทนั ตแพทย์
  ๑๐๐ ถนนประโคนชัย ต.ปากน้าํ   วั ต ถ ุ ป ร ะ ส ง ค์
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 
โทร. ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓ ๑. เผยแผพ่ ระธรรมคำ� สอนของ
  www.kanlayanatam.com องคส์ มเด็จพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้
  facebook : kanlayanatam
Line@official ๒. เปน็ สื่อกลางระหว่างสมาชิกชมรม
กัลยาณธรรม

๓. เปน็ สือ่ กลางระหว่างกลุ่มผอู้ ทุ ิศตน
เป็นแนวหลังทางธรรม

๔. เผยแพร่ประชาสมั พนั ธก์ ิจกรรม
ของชมรมกัลยาณธรรม

เนกขัมมสุข

สุโข วิเวโก ตุฏฐัสสะ
สตุ ะธมั มสั สะ ปัสสะโต
อพั ฺยาปชั ชงั สขุ งั โลเก
ปาณะภเู ตสุ สงั ยะโม
สขุ า วริ าคะตา โลเก
กามานงั สะมะตกิ กะโม
อสั มฺ ิมานสั สะ โย วินะโย
เอตงั เว ปะระมัง สุขนั ติฯ

วิเวกสขุ สนั โดษ
เพราะเห็นโทษทไี่ ดฟ้ งั
ไม่เบยี ดเบียนมสี ขุ จงั
ส�ำ รวมระวังไม่พลั้งกาย

สขุ ปราศจากราคะ
ก้าวลว่ งละกามทงั้ หลาย
พ้นเทยี บเปรียบหญิง-ชาย

สขุ สบายทส่ี ุดเอยฯ

5ทีม่ า : มจุ จลินทสูตร อุทาน

ปที ี่ ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

6 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ทหออาุกกทจาาขกง์

พระอาจารยค์ รรชติ สุทธจิ ิตโต
วดั ปา่ ภูไมฮ้ าว มุกดาหาร

วนั น้ ี เรามาเฝา้ พระพุทธเจ้าถงึ วัดเชตวัน และท่นี กี่ เ็ ปน็ ธรรมสภา เป็นท่ ี
แสดงธรรมตลอด ๑๙ พรรษา ขณะพระองค์ประทับอยู่ท่ีนี่ พระพุทธเจ้า 
ตรัสไว้ว่า ธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนเราตถาคต ถ้าเราอยากอยู่กับพระ- 
พุทธเจ้า ก็เอาธรรมะเข้าไปหาจิต สติต้องรักษาจิต ต้องคุมจิต ตามดูจิต 
แก้ไขจิต พัฒนาจิต ไม่ใช่อย่างอ่ืนนะ อันน้ีเราจะส่งส่ายไปหาแต่คนอ่ืน 
ไปโทษแต่คนอ่ืน เอาแต่เรื่องราวของคนอ่ืน มาคิดมานึกมาปรุงมาแต่ง 
มาพูดมาคุย  มันก็ไม่ได้เรื่อง  มันห่างไกลจากจิตตัวเอง  เหินห่างจาก 
พระพุทธเจ้า ก็เพราะเราไม่เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัต ิ
ไมส่ �ำรวมเขา้ มาที่จติ น้ี

เราต้องให้สติควบคุมจิต ให้จิตรู้ความจริงว่า เร่ืองราวท้ังหลายไป 
จากจิต จะแก้ก็ต้องแก้ท่ีจิต ไม่ใช่ไปแก้คนนั้นแก้คนนี้ ที่นั่นท่ีนี่ เราควร 
เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมยังไง ก็เก่ียวข้องไปสิ คนนั้นเขาเป็นอย่างที่เขา 

7ปีที่ ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เปน็  เราจะเกย่ี วขอ้ งยงั ไงถงึ ไมม่ ปี ญั หา ไมม่ คี วามเดอื ดรอ้ น ถงึ จะไปกนั ได้ 
ไม่ใช่ไปท�ำลายเขา ไปรังเกียจเขา ธรรมชาติของเขามันเป็นอย่างน้ันล่ะ 
และคนที่มาอยู่ร่วมกันอย่างน้ี  ถ้าไม่เคยท� ำบุญท�ำทานท�ำกรรมอะไร 
ร่วมกันมา มันจะมาด้วยกันได้หรือ ถ้าไม่เคยเป็นพ่ีเป็นน้อง เป็นพ่อ 
เปน็ แม ่ เปน็ สามภี รรยากนั  เปน็ ไปไมไ่ ด ้ พระพทุ ธเจา้ กบ็ อกเอาไวห้ มดแลว้

บางครงั้  ถา้ กรรมทเ่ี คยบนั่ ทอนกนั ใหผ้ ลชว่ งเรว็ ๆ น ้ี กม็ บี า้ งทกี่ ระทบ 
กันบ้าง ในอดีตท่ีเคยเกื้อกูลกันมาก็ต้องมี และถึงเป็นคนท่ีเคยเกื้อกูลกัน 
ขนาดไหน ก็ต้องเคยบั่นทอนกันมา ถ้าช่วงไหนกรรมท่ีมันเคยบั่นทอนกัน 
ให้ผล มันก็ต้องมีระคายเคือง อิจฉา โมโห โกรธเคือง อาฆาต พยาบาท 
กนั บา้ ง

ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้า ก็เข้ามาดูจิต แก้จิต ปัญหาก็หมดตรงน้ี จะให ้
ใครมาแก้ล่ะ เวลามันเกิดโกรธเคืองข้ึนมา พยาบาทข้ึนมา อิจฉาริษยา 
ขน้ึ มา หงอยเหงา ซมึ เศรา้  เสยี ใจขน้ึ มา ใครจะไปแก ้ ถา้ ไมใ่ ชเ่ ราแก ้ แลว้
จะแกไ้ ดย้ งั ไง กป็ ฏบิ ตั ติ ามคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ส ิ มวั ชกั ชา้ รรี ออยทู่ ำ� ไม 
น ี่ ! มนั กต็ อ้ งมาทจี่ ติ ของตวั เอง ! จงึ วา่ ธรรมของพระพทุ ธเจา้ มนั มงุ่ ลงทจ่ี ติ  !

บ่อยมากเลยเวลาอาตมาไปสอน พอบอกว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า 
ตามดูกาย ตามดูเวทนา ตามดูจิต ตามดูธรรม สุดท้ายมารักษาจิต ไม่ให้ 
ยินดียินร้ายกับอะไร คนจะบอก เอ๊ะ ไม่ยินดีแล้วจะรู้ยังไง เขาถามนะ 
คนท่ีจิตไม่เคยเข้าไปถึงความไม่ยินดีไม่ยินร้ายน่ีนะ มันสงสัย มันคิดเอา 
คาดคะเนเอา เอะ๊  ! ไมย่ นิ ดไี มย่ นิ รา้ ย เหมอื นคนไมเ่ อาอะไรเลย ไมท่ ำ� อะไร 
เลย อยบู่ า้ นกไ็ มต่ อ้ งไปทำ� ความสะอาด ไมต่ อ้ งไปดไู ปแลอะไรเลย อยเู่ ฉยๆ 
มนั จะอยู่ยงั ไงล่ะ อยา่ งนน้ั มันไมใ่ ช ่ !

ทำ�  ! กท็ ำ� ไป แตจ่ ติ ไมย่ นิ ดไี มย่ นิ รา้ ย เกยี่ วขอ้ ง แตเ่ กย่ี วขอ้ งดว้ ยจติ
ไม่ยินดีไม่ยินร้าย อะไรเกิดขึ้น พยายามเอามาฝึกจิตเรา เพ่ือให้จิตเรา 
ไม่หลงยินดียินร้าย เพราะเรายังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ถึงพระนิพพาน สุดท้าย 
คำ� ตอบอยู่ทพี่ ระนพิ พาน

8 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

แล้วจะไม่ให้พูดถึงพระนิพพาน มันไม่ได้ ถ้าใครอยากจะออกจาก 
ทุกข์ หรืออยากได้ความสุขท่ีสมบูรณ์ ต้องถึงพระนิพพาน แต่ชาวโลกพูด 
ไม่ได้นะ มันเหมือนไกลเกินเอื้อม เป็นสิ่งศักด์ิสิทธิ์ ลอยอยู่กลางนภากาศ 
เปน็ อะไรทแ่ี ตะตอ้ งไมไ่ ด ้ ตอ้ งพระพทุ ธเจา้  ตอ้ งอคั รสาวก มหาสาวก หรอื  
สมยั นกี้ ต็ อ้ งเปน็ พระทอี่ ยใู่ นปา่ ในเขา มงุ่ ถงึ ธรรมอยา่ งเดยี วแลว้  ไมเ่ กย่ี วขอ้ ง 
กับโลกแล้ว แต่ในสมัยพระพุทธเจ้า พระองค์สอนญาติโยมด้วย สอน 
ประชาชนด้วย กพ็ ดู ถงึ นิพพานเหมือนกนั

สมยั น ้ี ศาสนาของเราจงึ ไมเ่ ขา้ ถงึ จติ ใจ เพราะคนไมก่ ลา้ พดู ถงึ ธรรมะ 
ของพระพทุ ธเจา้ จรงิ ๆ ลดธรรมลงมาหากเิ ลส ทำ� บญุ ทำ� ทานกนั นะ ใจสบาย 
มีความสุข ตายไปสุคติ เอาแค่นี้มันไม่ได้ ! มันเวียนว่ายตายเกิด ! ท�ำบุญ 
ขนาดไหน มันก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้น มันไม่จบ มันก็มาทุกข ์
แล้วทุกข์อีก ! เพราะอะไร ก็เพราะเราต้องอยู่ในส่ิงแวดล้อม ตัวเราเป็น 
ธรรมชาติอันหน่ึง ธรรมชาติก็เป็นสิ่งแวดล้อมอันหน่ึง ในตัวเราก็มีตา หู 
จมกู  ลน้ิ  กาย ใจ กต็ อ้ งพบกบั สง่ิ แวดลอ้ ม พบกนั มนั กม็ ชี อบใจไมช่ อบใจ 
เกดิ ขนึ้ เรยี กวา่ กระทบ เรยี กวา่ มผี สั สะ ถา้ เราไมร่ กั ษาจติ เรา ดสู  ิ มปี ญั หาไหม

หูก็ต้องได้ยินคนนี้พูดอย่างนั้นอย่างน้ี บางทีเขาพูดดีๆ แต่เราไป 
ตีความหมายเป็นอย่างหน่ึง จิตของเราน่ีล่ะ ไม่ใช่อย่างอ่ืนที่เป็นทุกข ์
เมอื่ ไหรจ่ ติ ของเราคดิ ผดิ เหน็ ผดิ  มนั กส็ รา้ งปญั หาแลว้  อยา่ ไปโทษขา้ งนอก 
เลย โทษข้างนอกมันเสียเวลา นั่นแหละโง่ ! บรมโง่ ! บอกแล้ว หดเข้า 
มาหาจิตน่ี เอามนั ตรงน ี้ ถา้ อยา่ งน้เี รยี กวา่ ฉลาด

9ปีท่ี ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เราตอ้ งให้สตคิ วบคุมจติ  ใหจ้ ิตรคู้ วามจรงิ วา่  
เรอ่ื งราวทง้ั หลายไปจากจติ  จะแก้กต็ ้องแก้ท่จี ติ  
ไมใ่ ชไ่ ปแก้คนน้นั แกค้ นน้ี ทนี่ ่ันท่นี ี่

จิตใครถ้ายังไม่ถึงพระนิพพาน ไปตามกรรมเลย บังคับมันไม่ได ้
หรอก ไปตามกรรม อยา่ คดิ แตจ่ ะไปแกก้ รรมอยา่ งโนน้ อยา่ งน ้ี มนั หา่ งไกล 
พระนิพพานมากเลยนะ หางแถวมาก จะไปแก้กรรมอย่างโน้น แก้กรรม 
อย่างน้ี กรรมในอดีต เราเคยท�ำอะไรมามากมาย แถมไปรวมกับกรรม 
ในปจั จบุ นั อกี

คนเราทำ� มาเยอะแยะมากมาย ทง้ั กรรมดกี รรมไมด่ รี ะหวา่ งเวยี นวา่ ย 
ตายเกิด ฉะนั้นอย่าไปสนใจว่าเราเคยท�ำอะไรมา โอ้ย เราท�ำอะไรมานะ 
มันถึงไม่ขึ้นอย่างนั้นอย่างนี้  อย่าไปสนใจมัน  !  มาหาแก่นธรรมของ 
พระพุทธเจ้า จ่อเข้ามาท่ีจิต เพราะทุกปัญหามันล้วนเกิดจากจิตนี่เอง ตรง 
เข้ามาที่นี่ เอ้า ก็เคยท�ำมา ก็ยอมรับ เพราะเราเคยหลงมาน่ีหน่า เขาว่า 
เราหลง ก็ยอมรับได้ แม้ชาติน้ีเราหลงก็ยอมรับ เขาว่าเรา เราก็ยอมรับ 
ฉันเคยหลงมาจริง แต่ฉันจะแก้ไข มีอะไรหรือเปล่า พูดกับตัวเองอย่างน้ี 
เลย มนั จงึ อาจหาญ

ก็ฉันจะแก้ไข แล้วจะเป็นยังไง เขาพูดก็พูดไปสิ เพราะเราเคยหลง 
มาจริง ไม่เห็นตาย ไม่เห็นเป็นอะไร อาหารการกินเราก็ยังมีอยู่นี่นา ยัง 
กินข้าวได้ ยังนอนหลับอยู่น่ี ไม่เจ็บปวด ไม่ทุกข์ทรมานอะไร เขามีปาก 
ก็พูดไปได้เลย ไม่ต้องให้มีปัญหา นี่ล่ะคือความฉลาด ไม่ต้องไปทุกข์ 
กบั อะไร ขออย่างเดียว ให้ฉนั แก้จิตของฉนั  ให้มันเจริญก้าวหน้าขึ้น

10 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

คนท่ีพูดถึงแต่ความไม่ดีของคนอ่ืน  เรื่องน้ันเรื่องนี้  นั่นน่ันนั่น 
เห็นไหม มันมาจากจิตของตัวเอง ไอ้ตัวนั้นล่ะ มันก�ำลังท�ำสิ่งที่ไม่ดีอยู ่
ยังไม่รู้ตัว ระวังให้ดี ถ้าใครเป็นอย่างนี้ต้องรีบแก้ พูดกับคนนั้นคนน ้ี
อย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ตัวท่ีก�ำลังพูดอยู่น่ันล่ะตัวต้นเหตุ ตัวมหาเหตุเลยนะ 
คนอื่นดีก็เรื่องเขา ไม่ดีก็เร่ืองของเขา แต่ตัวเองดันเอาเรื่องดีและไม่ดีของ 
คนอื่นมายงุ่ น่ี ตัวย่งุ  ตวั หาเรอื่ ง มาจากไหน กม็ าจากความโง่ ความหลง

เมื่อไหร่ที่จิตเราเป็นทุกข์ขึ้นมา ให้รู้เถอะว่า นั่นแหละจิตเราโง่ 
จิตเราหลงแล้ว เราอยากให้เป็นอย่างท่ีเราต้องการ แต่ไม่ได้ด่ังใจ ไอ้ท่ ี
อยากให้เป็นอย่างที่เราต้องการก็เพราะความโง่ความหลง ความอยาก 
ความตอ้ งการมอี ปุ าทานในเรอ่ื งเหลา่ นน้ั  ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ สง่ิ ทจี่ ะมาครอบงำ�  
จติ เรา มแี ตจ่ ะเอาเร่อื งข้างนอกมาครอบงำ� จติ  จติ เลยไมเ่ ป็นอิสระ

แต่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทางท่ีจะท�ำให้จิตเป็นอิสระ ตอนแรกพระองค์ 
ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทรงพยายามศึกษา ไปแสวงหาค้นคว้าที่น่ันที่น่ี น่ีล่ะคือ 
พระทัยท่ีเด็ดเด่ียวที่มุ่งม่ัน อยากออกจากทุกข์ คนท่ีอยากจะออกจากทุกข์ 
ต้องแบบนี้ ไปท่ีไหนอยู่ตรงไหนก็ตาม จะส�ำรวมเข้ามาหาจิตตัวเอง มาแก ้
ที่จิตของตัวเอง ระวังจิตของตัวเอง เรารู้แล้วว่าไปจากจิตดวงนี้ คนอื่นๆ 
กเ็ ปน็ ไปตามกรรมของเขา ตามเหตปุ จั จยั ของเขา เขาสง่ั สมอบรมนสิ ยั ปจั จยั  
มายงั ไง เขากเ็ ปน็ อยา่ งงนั้  หรอื แมแ้ ตช่ าตนิ ก้ี เ็ หมอื นกนั  แตล่ ะคนกเ็ คยชนิ  
กับการท�ำบางอยา่ งตา่ งกัน

ไอ้ความเคยชินน้ีล่ะเป็นนิสัย ถ้าใครอยากเป็นคนดี ต้องมีนิสัยท�ำด ี
บ่อยๆ จนเกิดความเคยชิน ความเคยชินอันน้ีเป็นนิสัย นิสัยก็จะลงไป 
เป็นอุปนิสัย แล้วมันก็จะเก็บไว้ในจิต เขาเรียกว่าอนุสัย เพราะมีอนุสัย 
แต่ละคนก็เลยเป็นไปตามอนุสัยที่ตัวเองเก็บเอาไว้ เพราะมีความเคยชิน 
ใครเคยชินท�ำยังไงก็อยากท�ำอยู่อย่างนั้น ท�ำแล้วก็เป็นนิสัยขึ้นมาเป็นปกติ 
เลย บางคนท�ำความดีเป็นปกติ บางคนท�ำความเลวเป็นปกติ แล้วอันไหน 
มนั ดลี ะ่  กต็ อ้ งทำ� ความด ี สงิ่ ไมด่ ไี มท่ �ำ เพราะทำ� แลว้ มนั เดอื ดรอ้ นใจทหี ลงั  

11ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ถ้าหากว่าเราสังเกต จะเห็นว่าท่ีมีปัญหาก็เพราะการกระท�ำซึ่งไม่ถูกต้อง 
พอไมถ่ กู ตอ้ งปั๊บ ย่อมเดือดร้อนใจทหี ลงั

พระพทุ ธเจา้ บอกเลย อะไรกต็ ามทที่ �ำแลว้ เดอื ดรอ้ นใจทหี ลงั  อยา่ ท�ำ 
เลย ถ้าท�ำแล้วมันจะเป็นอุปสรรค มันขวางกั้น ท�ำให้จิตใจของเรามีทุกข ์
วนเวียนอยู่ในจิตใจ พระองค์บอกให้ท�ำส่ิงท่ีเป็นกุศลฝ่ายดีฝ่ายบุญ ชีวิต 
ของเรายังไม่เข้มแข็ง เราก็ต้องมีพระรัตนตรัยเป็นท่ีพึ่ง มีพระพุทธเจ้า 
พระธรรม พระสงฆ์ มีพระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก แล้วก ็
หม่ันประพฤติปฏิบัติ เพ่ือให้จิตใจเข้มแข็งข้ึน เม่ือจิตใจเข้มแข็ง อารมณ ์
ทงั้ หลายกจ็ ะไมเ่ ขา้ มาถงึ จติ  เมอ่ื อารมณเ์ ขา้ มากร็ ทู้ นั  มนั จะคอ่ ยๆ ดบั ไปๆ 
เราจะให้เดด็ ขาดลงไปทเี ดียวกไ็ มไ่ ด้

แม้แต่พระพุทธเจ้า กว่าท่ีพระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็สร้าง 
บารมีมามากมายมหาศาล จนกระท่ังมาบริบูรณ์สมบูรณ์ในชาตินี้ จึงตรัสรู ้
เปน็ พระพทุ ธเจา้ ได ้ คนทจี่ ะบรรลตุ ามพระพทุ ธเจา้ กเ็ หมอื นกนั  ไมใ่ ชจ่ ะรตู้ วั  
ว่าจะบรรลุธรรมชาติน้ี  แต่ให้มีความเพียร  ความพยายาม  เห็นคุณ 
เห็นประโยชน์จากการประพฤติปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า พ้นไม่พ้นก็ตาม 
กจ็ ะเพยี รอยูอ่ ย่างน้ี พยายามปฏบิ ัตอิ ย่อู ย่างน้ี

ถ้าอย่างนี้ ก็มีโอกาสแล้ว เพราะจิตเขาจะไม่ถอย จิตมุ่งมั่นบากบ่ัน 
มีอุปสรรคก็แก้ไขเร่ือยไป เพ่ือท่ีจะให้จิตมีก�ำลัง และไปถึงจุดหมายปลาย 
ทางที่พระพุทธเจา้ ทรงสอน

เพราะเป้าหมายของชีวิตก็คือออกจากทุกข์ ออกจากทุกข์แล้วก็ไม่มี 
อะไรปรุงแต่งจิต ไม่มีอะไรพาเวียนว่ายตายเกิด ท�ำอะไรก็ไม่เป็นกรรม 
ทำ� แบบพอด ี ยงั ไงสมควรท�ำ ทำ� ไปเลย ใครพอดยี งั ไงกท็ �ำไป ไมไ่ ปส�ำคญั  
มนั่ หมายวา่  เขาจะดจี ะเดน่ อะไร อนั นนั้ เปน็ อำ� นาจแหง่ ความหลง ใครอยาก 
หลงก็หลงไป ขออย่างเดียวเราไม่หลง เราเป็นอิสระ เราพ้นแล้ว เราอยู่ 
เหนือโลก เราอยู่เหนืออารมณ์ อารมณ์ของโลกไม่มามีอิทธิพลต่อใจเรา 
อกี ต่อไป

12 ข ่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

กลบั บ้าน

อรณุ ชัย นติ ิสพุ รรัตน์

การที่ iseeu ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วย ตามโรงพยาบาลและสถาน 
สงเคราะห์ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นการเปิดโลกทัศน์ให ้
เรามองเห็นความจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ในสังคมไทยมีผู้ป่วยมากมาย 
ที่ถูกทอดท้ิงไว้อยู่ในโรงพยาบาลของรัฐ และสถานสงเคราะห์ที่มีอยู่ ก ็
ไม่สามารถรองรับจ�ำนวนผู้ป่วยเหลา่ นีไ้ ว้ไดห้ มด

13ปีท่ี ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เมื่อต้นปีท่ีแล้ว เราได้พบน้องอารยา (นามสมมติ) อายุ ๘ เดือน 
ในวันที่เราได้พบเธอ เธอดูเป็นปกติ ไม่ได้นอนป่วยเหมือนเด็กคนอื่นๆ 
ในวอรด์ เดยี วกนั  เธอมผี วิ สแี ทน ผมหยกั ศก ดวงตากลมโต แตใ่ นแววตา 
หม่นเศร้า พยาบาลเล่าว่า เธอเพ่ิงฟื้นไข้จากอาการปอดติดเช้ือรุนแรง 
เพง่ิ ถอดทอ่ ชว่ ยหายใจออก

แม่ของเธอซ่ึงเป็นคุณแม่วัยรุ่น ติดยา น�ำเธอซ่ึงอยู่ในสภาพวิกฤต ิ
เข้ามาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาล ระหว่างท่ีอารยานอนพักรักษาตัวอยู่ท่ี 
ห้องไอซียู แม่ของเธอแอบมาเยี่ยมดูเธอสองสามครั้ง แล้วหลังจากนั้น 
ก็ไมม่ าพบเธออีกเลย

คณุ พยาบาลเลา่ วา่  คณุ แมข่ องอารยา เคยมลี กู มาแลว้ สองคน คนหนง่ึ  
ญาติจากต่างจังหวัดมารับไปเล้ียง อีกคนหนึ่งส่งสถานสงเคราะห์ไปแล้ว 
เจา้ หนา้ ทกี่ ำ� ลงั ทำ� เรอื่ งใหน้ อ้ งอารยา เพอื่ ใหส้ ถานสงเคราะหเ์ ดก็ ออ่ นรบั เธอ 
ไปดูแลต่อ

ขา่ วเดก็ ทารกถกู ทอดทง้ิ เปน็ เรอ่ื งทเ่ี ราเคยไดย้ นิ มาอยเู่ สมอ เมอ่ื กอ่ น 
เราได้ยิน ได้ฟัง เราก็คิด คิดตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ไม่พอใจในสิ่งท ่ี
พอ่ แม่ท�ำกับเดก็  แต่ไม่ได้รสู้ ึกอะไร

น่ีเป็นคร้ังแรกที่ได้เจอเรื่องจริงท่ีเกิดข้ึนตรงหน้ากับตัวเอง ตอนน้ัน 
ไม่รู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือผิดหวังกับสังคมเหมือนเม่ือก่อน แต่รู้สึกเศร้า 
และสะเทือนใจมาก แววตาของหนูน้อยอารยา เหม่อลอย เคว้งคว้าง 
ขาดรัก ขาดท่ีพ่ึงพิงอาศัย เหมือนใจที่ไม่มีบ้าน ไม่มีวิหารธรรม เหมือน 
เด็กนอ้ ยท่ีหลงทางอยู่กลางป่า

ท่ีโรงพยาบาลแห่งเดียวกัน เราเคยได้พบกับพี่ถนอม (นามสมมติ) 
แกเป็นชายวัยกลางคน เป็นผู้ป่วยไร้บ้านอีกคนหน่ึงท่ีน่าสนใจ จิตอาสา 
ที่ไปพูดคุยกับแกเล่าว่า พ่ีถนอมเป็นคนน่ารัก คอยอ�ำนวยความสะดวก 
และให้ค�ำแนะน�ำกับคนไข้และญาติเตียงอ่ืนอยู่เสมอ เพราะแกเป็นคนไข ้
ท่ีเข้าออกโรงพยาบาลนี้อยู่เป็นประจ�ำ  คนไข้และญาติท่ีเพิ่งเข้ามาใน 

14 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

วอร์ดใหม่จะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน แกจะคอยเป็นพี่เล้ียงให้ค�ำแนะน�ำ 
ด้วยความเต็มใจ ดูแกจะรู้สึกภาคภูมิใจด้วยซ้�ำ ที่ได้ท�ำประโยชน์ให้กับ 
เพอื่ นใหมร่ ว่ มวอรด์ เดยี วกนั  และทน่ี า่ สนใจมากไปกวา่ นนั้ กค็ อื  แกพยายาม 
ทำ� ใหต้ วั เองปว่ ย เพ่ือจะได้เข้ามาพักพงิ อยู่ในโรงพยาบาลน้เี สมอ 

เมอ่ื อาการปว่ ยของแกดขี น้ึ  คณุ หมอสง่ั ให้กลับบ้านได้ แกกจ็ ะยังคง 
วนเวียนหาที่นอนอยู่ตามแต่จะหาได้ในโรงพยาบาลอยู่ซักพักหน่ึง แล้วจึง 
หายตวั ไป ไปท�ำตวั เองให้ปว่ ย เพือ่ ทจี่ ะไดก้ ลบั เข้ามา admit ใหม ่ แกทำ�  
อยา่ งนีอ้ ยูเ่ ปน็ ประจ�ำ จนเจา้ หน้าท่ีทน่ี รี่ ู้จักแกดี

โรงพยาบาลคือบ้านพักใจที่ปลอดภัยของพี่ถนอม แม้จะอยู่ถาวร 
ไม่ได้ แต่การได้กลับเข้ามานอนอยู่ในโรงพยาบาล ก็ท�ำให้พี่ถนอมรู้สึก 
ปลอดภัย มีที่พักพิง มีคุณค่า มีโอกาสได้ท�ำประโยชน์ช่วยเหลือเพื่อน
มนุษย์ด้วยกันบ้าง แม้มันจะฟังดูไม่มีเหตุผลส�ำหรับเรา แต่มันก็เพียงพอ 
ทจี่ ะหลอ่ เลยี้ งยอ้ มใจพถี่ นอมไดบ้ า้ งในยามทก่ี ำ� ลงั หลงทศิ  คลำ� ทางกลบั บา้ น 
ที่แทจ้ รงิ ไมเ่ จอ

ผู้ป่วยไร้ญาติขาดคนดูแลในโรงพยาบาลหรือสถานสงเคราะห์ สอน 
ให้เราเริม่ ต้นมองเห็นคุณค่าของสิ่งท่เี รามี บา้ นเปน็ มากกวา่ สงิ่ ปลูกสร้าง

บา้ นตอ้ งประกอบดว้ ย ความรกั  ความเออ้ื อาทร ความไวว้ างใจ ความ 
ซื่อตรง ความเคารพ และเหน็ คณุ คา่ ของกนั และกัน

นรกหรือสวรรค์ ไม่ใช่สถานท่ี แต่เป็นสภาวะที่ปรากฏขึ้นท่ีใจ เช่น 
เดยี วกัน บ้านกไ็ มใ่ ช่สถานท่ ี ท่ีมีปรากฏอยู่ในแผนทฉี่ บบั ใด

สภาวะของการมีบ้าน อยู่ท่ีการวางใจให้พอดี อธิบายบอกต�ำแหน่ง 
เป็นภาษาพูดไม่ได้ ว่าบ้านอยู่ตรงไหน แต่เมื่อมีความพอใจเป็นปกต ิ
เมอ่ื นัน้  เรากจ็ ะมีบ้านท่รี กั ษาใจเราไวใ้ ห้ปลอดภัย

ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ป่วยที่ถูกทอดท้ิงระยะแรกจะท�ำใจไม่ได้ บ่น ด่า 
ตอ่ วา่  ลกู หลาน ดว้ ยความโกรธ ความเศรา้ โศกเสยี ใจ แตเ่ มอื่ เวลาผา่ นไป 
คนท่ีเร่ิมปรับใจ ยอมรับความจริงได้ ก็จะเริ่มมองเห็นทางออกที่จะอยู่ 

15ปที ่ี ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ต่อไปอย่างไม่เป็นทุกข์ หลายคนถึงกับบอกเราว่า เขาโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี ่
ถึงเวลาก็มีคนหาข้าวหาปลามาให้กิน เหมือนจะยากแต่ก็ไม่ยาก เหมือนจะ 
งา่ ยแตก่ ไ็ มง่ า่ ย

เม่ือพอใจยอมรับกับทุกส่ิงท่ีเกิดข้ึนได้  จากการเป็นผู้ป่วยที่ถูก 
ทอดท้ิงไร้ค่า ก็พลิกกลับตาลปัตรกลายเป็นคนโชคดี มีบ้าน มีบุญ อุ่นใจ 
ขนึ้ มาทันที

เม่ือวันแรงงานที่ผ่านมา เราได้พบคุณยายท่านหน่ึงป่วยติดเตียงอยู ่
ในสถานสงเคราะห์มานานหลายปี คุณยายเป็นคนร่างเล็ก อารมณ์ดี เวลา 
พวกเราเขา้ ไปยนื ลอ้ มรอบเตยี งคณุ ยาย คณุ ยายจะตน่ื เตน้ ดใี จมอื ไมแ้ ขนขา 
ท่ีงอหงิกของแกจะสบัดกวัดแกว่งไปมาเหมือนหนวดปลาหมึกอย่างไรอย่าง 
น้ัน เวลาเราชมว่าคุณยายน่ารัก คุณยายจะฉีกยิ้มกว้างโชว์เหงือกเต็มปาก 
ที่ไม่เหลือฟันแม้แต่ซ่ีเดียว  และแม้ฟันคุณยายจะไม่มี  แต่คุณยายก็ 
สามารถกนิ เงาะทอี่ าสาปอ้ นใหก้ นิ ไดอ้ ยา่ งนา่ เอรด็ อรอ่ ย แววตาของคณุ ยาย
สดใส สะท้อนถงึ ความสุขใจ ความพอใจกับทุกอยา่ งทแ่ี กมีจรงิ ๆ

รู ้ สึ ก อั ศ จ ร ร ย ์ ใ จ ม า ก   ท่ี ไ ด ้ เ ห็ น ค ว า ม ใ ส ซื่ อ บ ริ สุ ท ธิ์ ข อ ง คุ ณ ย า ย 
คุณยายเป็นเหมือนครู ท่ีมายืนยันให้เรามั่นใจว่า ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกท่ ี
ทกุ เวลา แมใ้ นยามเจบ็ ปว่ ย ไมม่ ลี กู หลานเหลยี วแล แตใ่ จคณุ ยายกย็ งั ปกติ 

16 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ไม่หว่ันไหว สามารถน้อมรับทุกส่ิงทุกอย่างท่ีเกิดขึ้นอย่างห้าวหาญและ 
ออ่ นโยนไปพร้อมๆ กัน

ความสุขที่จริงแท้ไม่ได้อยู่ที่ข้างนอก แต่อยู่ที่ข้างในใจเรา เม่ือเราหา 
บ้านในใจเราเจอ เราก็จะรู้สึกปลอดภัย แม้ในวันที่มีอุปสรรค วันที่เราจะ 
ต้องเดินทางไกล เราก็จะยังคงรู้สึกมั่นคง ที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าให้ถึง 
เสน้ ชยั

ใจท่ีเร่ร่อน ไม่เคยกลับบ้าน นานเข้าก็จะมีแต่ความหวาดระแวง 
ไมไ่ วว้ างใจ เปน็ ใจทหี่ วิ .. โหยหาความรกั  แตไ่ มเ่ ชอ่ื มน่ั ในรกั แท ้ ไมส่ ามารถ 
มีสมั พนั ธภาพที่ยัง่ ยนื กับใคร

การปักหมุดหมายให้กับใจตัวเองได้ ถือเป็นการเร่ิมต้นเดินทาง 
ด้านใน เมื่อเรารู้ว่า ปัจจุบันขณะน้ีเราอยู่ตรงไหน เส้นทางการเดินไปสู่ 
เป้าหมายก็จะปรากฏชัดขึน้ ภายในใจเรา อย่างไม่ลงั เลสงสยั

พส่ี ำ� เรงิ  (นามสมมต)ิ  อาย ุ ๖๐ ป ี เปน็ ผปู้ ว่ ยอมั พาตซกี ซา้ ย ไรบ้ า้ น 
ไร้ญาติ  ขาดมิตร  วันที่เรามีโอกาสได้พบเจอกัน  เม่ือเราเปิดใจรับฟัง 
เร่ืองราวความผิดพลาดในชีวิตของพี่เขา ที่พรั่งพรูออกมาให้เราได้เข้าใจ 
ดูภายนอก พี่ส�ำเริงคือคนไม่เอาไหน แต่เม่ือเราฟังเขาด้วยหัวใจ ไม่ด่วน 
ตดั สนิ  เรากลับรูส้ กึ ท่งึ ในพลงั แหง่ ความใสซ่อื ของพี่เขา 

แม้ต้นทุนชีวิตในวันน้ีของเขา แทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย มีแต่ 
ลมหายใจกับร่างกายที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่พี่เขากลับมีพลัง 
ที่จะเริม่ ต้นชีวติ ใหม่ได้อยา่ งน่าทง่ึ

พี่ส�ำเริงเคยเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขาขยันทำ� มาหากิน หาเงินเก่ง 
ไม่เคยปฏิเสธผู้โดยสารใกล้ไกล ไม่คิดค่าโดยสารแพง มีลูกค้าขาประจ�ำ 
เรียกใช้บริการของเขาอยู่เสมอ จนแทบหาเวลาพักไม่ได้ เมื่อเพ่ือนในวิน 
ประสบอุบัติเหตุ พ่ีส�ำเริงก็ออกเงินช่วยเหลือค่ารักษาให้ พ่ีเขาใจใหญ ่
เป็นสายเปย์ จนถูกผู้หญิงหลอกเอาเงินอยู่นานหลายปี มารู้ตัวก็เม่ือป่วย 
หาเงินใหเ้ ขาใชไ้ มไ่ ด้ เขาก็ตจี าก ไม่เคยเข้ามาเหลียวแล

17ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

พส่ี ำ� เรงิ เปน็ คนใจรอ้ น หนุ หนั พลนั แลน่  รา่ งกายจงึ มรี อ่ งรอยบาดแผล 
จากอุบัติเหตุ และการผ่าตัดเต็มไปหมด สุดท้ายพี่เขาต้องมานอนป่วยอยู ่
โรงพยาบาลนี้ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ท�ำให้แขนขาซีกซ้าย 
ไมส่ ามารถใชง้ านได้

พส่ี ำ� เรงิ บอกวา่  ทเ่ี ขาตอ้ งมาอยใู่ นสภาพเชน่ น ้ี เพราะเขาผดิ คำ� สาบาน 
จากวัดถ้�ำกระบอก พี่ส�ำเริงเล่าว่า เขาเสพยามาแล้วทุกชนิด ตอนนี้เขา 
ส�ำนึกผิด และเลิกยาทุกตัวได้อย่างเด็ดขาด ไม่กลับไปเสพยาอีกต่อไป 
แนน่ อน

พ่ีส�ำเริงนอนอยู่ท่ีนี่มานาน ๖ เดือนแล้ว เนื่องจากไม่มีญาติมารับ 
กลบั  แกเลา่ วา่ นอ้ งสาวทเี่ คยชว่ ยเหลอื แก หมดเงนิ ไปกบั แกมาก จนสดุ ทา้ ย 
นำ� แกมาส่งทีโ่ รงพยาบาลนี ้ แลว้ ก็ไม่กลับมาหาแกอีกเลย

แกเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ก็ท�ำไม่ส�ำเร็จ แกไม่กล้าท�ำจริง 
เพราะกลัวว่าถ้าไม่ตายจะยิ่งทรมานมากไปกว่าน้ี พ่ีส�ำเริงเป็นคนซื่อตรง 
เปดิ เผย คดิ อย่างไรก็พูดอยา่ งนัน้  ไม่มคี วามลบั

แกนอนรอว่าสถานสงเคราะห์จะตอบรับให้แกไปอยู่ได้เมื่อไหร่ “เขา 
บอกวา่ ตอ้ งรอให้มคี นตายกอ่ น จงึ จะมีเตยี งวา่ งสำ� หรับผม”

ในวันท่ีพ่ีส�ำเริงแทบจะไม่มีท่ียืนอยู่บนโลกใบน้ี แต่พ่ีส�ำเริงยังคงม ี
ความหวัง แกท�ำท่ากายบริหารแขนซ้ายให้เราดู ด้วยการใช้มือขวาจับมือ 
ซ้ายเหวี่ยงข้ึนเหว่ียงลงอย่างเร็วและแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังร้อนรน 
ท่ีสะสมอยู่ภายใน

เราถามว่า “ใครสอนใหพ้ ท่ี �ำแบบน้ี” แกบอกวา่ แกคดิ เอง
ถามว่า “พที่ �ำบ่อยแคไ่ หน”
แกตอบดว้ ยความภาคภมู ใิ จวา่  “ผมทำ� ทง้ั วนั  ยกเวน้ ตอนหลบั  บางที 
ผมท�ำจนขาผมไปกระแทกกับราวสเตนเลสข้างเตียง เสียงดัง โดนคนไข้
เตยี งอ่นื ตอ่ วา่  ว่าผมบา้ ”

18 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

เราช่ืนชมพ่ีเขาและชวนให้พ่ีเขาลองท�ำให้ช้าลง พร้อมกับลมหายใจ 
ที่เข้าออกยาวขึ้น แรกๆ เราต้องคอยเบรคให้เขาช้าลง ให้ใส่ความรู้สึกตัว 
ลงไปด้วย ท�ำไปซักพักหน่ึง จิตพี่เขาก็ค่อยรวมนิ่งสงบเป็นจังหวะมากขึ้น 
พี่เขามองตาผม แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่มีใครสอนผมแบบน ้ี
มาก่อนเลย...”

“อะไรทำ� ให้พีม่ กี �ำลังใจมากขนาดน ้ี “
“ผมอยากหาย”
“ถา้ พ่หี ายแลว้  พอ่ี ยากจะท�ำอะไร”
“ผมจะไปขอหลวงพอ่ อยทู่ วี่ ดั ... ถา้ หลวงพอ่ ใหผ้ มอย ู่ ผมจะชว่ ยดแู ล 
ท�ำความสะอาดวดั  ทำ� ทุกอยา่ งใหห้ ลวงพอ่ ”
“แล้วพี่คิดว่า พ่ีจะท�ำอย่างไรให้หลวงพ่อเช่ือใจพ่ี” แกน่ิงไปซักครู่ 
หน่ึง...ทอดสายตาไปไกล แล้วบอกว่า “ถ้าหลวงพ่อให้โอกาสผม ผมจะท�ำ 
ใหด้ ู”
“พส่ี วดมนตไ์ ดห้ รอื เปลา่  ? สวดบทอะไรบา้ ง ? สวดบทพาหงุ เปน็ ไหม ?” 
แลว้ แกกส็ วดพาหงุ แบบผดิ ๆ ถกู ๆ ใหเ้ ราฟงั เปน็ ตวั อยา่ ง และถามซอ่ื ๆ วา่  
“ใชบ่ ทน้ีไหม ?”

19ปที ่ี ๑๕ ฉบับท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

“ใช่ แล้วผมจะฝากหนังสือสวดมนต์มาให ้ พ่ีฝกึ สวดมนตใ์ หถ้ กู ตอ้ ง 
นะ ระหว่างนี้ ให้พี่สวดอย่างท่ีพี่สวดได้ไปก่อน สวดมนต์จบแล้ว เคย 
อทุ ศิ สว่ นกศุ ลใหเ้ จา้ กรรมนายเวรไหม” แกสา่ ยหนา้  เหมอื นไมร่ จู้ กั การอทุ ศิ  
สว่ นกุศล

“การอุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตา จะท�ำให้จิตใจของเราอ่อนโยน 
มีเมตตา สงบเย็น เมอื่ ใจดี ใจเย็น..ร่างกายกจ็ ะฟ้นื ตวั  ดวี ันดคี ืน”

พอเราให้แกฝึกกล่าวค�ำอุทิศส่วนกุศล ให้เจ้ากรรมนายเวรตามเรา 
แกก็กล่าวตาม ตอนท้ายเสียงแกเร่ิมสั่น พอกล่าวจบ น�้ำตาของแกก็ไหล 
สะอกึ สะอน้ื  ตวั สนั่  แลว้ พดู ออกมาทงั้ น�้ำตาวา่  “ผมไมร่ วู้ า่ ทำ� ไมผมถงึ รอ้ งไห ้
ผมไม่เคยเป็นอยา่ งนมี้ าก่อน”

เราบบี มอื แกแนน่  และโอบไหลแ่ กเอาไว ้ “วนั นพี้ สี่ �ำเรงิ อภยั ใหต้ วั เอง 
ไดแ้ ล้วหรือยัง” แกพยักหน้า แลว้ กร็ อ้ งไห้อกี

เรารอจนแกหยุดสะอ้ืน แล้วเรียกชื่อและสบตาแก เพื่อดึงแกกลับ 
มาอยกู่ บั เราใหม ่ “พส่ี ำ� เรงิ  พฟ่ี งั ผมดๆี  นะ พเี่ ปน็ คนด ี มจี ติ ใจด ี มเี มตตา 
มีความขยันขันแข็ง  มีความซ่ือสัตย์  มีความอดทน  มีความกล้าหาญ 
มคี วามจรงิ ใจ และมอี ะไรดๆี  อกี หลายอยา่ ง ทเ่ี ราอาจจะยงั ไมร่  ู้ ผมเชอ่ื มน่ั  
ว่าต่อจากน้ีไป ถ้าพ่ีท�ำอย่างท่ีเราคุยกันเอาไว้ได้อย่างจริงจัง พ่ีจะหายป่วย 
กลับมาช่วยเหลือตัวเองได้ และท�ำประโยชน์ให้กับผู้อ่ืนได้ อย่างท่ีพี่ต้ังใจ 
ไวแ้ นน่ อน พี่เชือ่ ผมไหม”

เราสบตากนั อยูพ่ ักหน่งึ  แล้วแววตาของแกกเ็ ปน็ ประกายข้นึ มา 
พ่ีส�ำเริงเป็นคนป่วยไร้ญาติท่ีมีพลังวิเศษอะไรบางอย่าง เขากระตือ- 
รือร้นและต่ืนเต้น พร้อมท่ีจะเรียนรู้ปรับตัวให้ดีข้ึน อย่างท่ีเราไม่เคยพบ 
เจอมากอ่ น การได้มาเจอเขา มันท�ำใหเ้ ราไดร้ บั พลงั จากเขาด้วยเช่นกัน
พลังจากคนที่เคยสิ้นหวัง แต่ก็กลับมามีความหวังใหม่ได้ พลังจาก 
คนท่ผี ิดพลาด แล้วยอมศิโรราบให้กับความจรงิ ท่ีเกดิ ขน้ึ  เพือ่ ตัง้ ต้นใหม่

20 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

กอ่ นจากกนั วนั นน้ั  เราไดเ้ พม่ิ เรอื่ งของการภาวนาพลกิ คว่�ำมอื หงายมอื  
ให้กับพ่ีเขาได้ฝึก ที่จะพาใจกลับมาอยู่กับการเคลื่อนไหว เป็นการฝึกจิต 
สร้างบา้ นให้ใจอยู่เปน็ ทีเ่ ปน็ ทาง เม่ือใจรูอ้ ยู่ตรงไหน บา้ นก็อย่ตู รงนัน้

ไมม่ ใี ครรวู้ า่ อนาคตของพสี่ �ำเรงิ จะถกู สง่ ตวั ไปอยทู่ ไี่ หน แตเ่ ราเชอ่ื มนั่  
ว่า ถ้าพี่เขาฝึกพาใจกลับบ้านได้จนคุ้นชินแล้ว พ่ีส�ำเริงก็จะลงหลักปักฐาน 
ทมี่ ัน่ คงยง่ั ยืนให้กบั ตวั เองไดใ้ นท่สี ดุ

ข่าวประชาสมั พันธง์ านอบรมภาวนา

ของชมรมกัลยาณธรรม
๑. รบั สมคั รเพอ่ื นผมู้ จี ติ อาสา รว่ มชว่ ยเปน็ พลงั ในการเตรยี มงานอบรมภาวนา
ในวนั เสารท์  ี่ ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๖๒ สนใจสมคั ร โทร. ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓
(งานอบรมภาวนา วันอาทติ ยท์ ่ ี ๑๘ สงิ หาคม ๒๕๖๒)
๒. ในงานอบรมภาวนาของชมรมฯ ทกุ ครง้ั  จะมหี นว่ ยการพยาบาลจากโรง 
พยาบาลสมทุ รปราการ มาออกตรวจสุขภาพ และดูแลสุขภาพในกรณี
เจบ็ ปว่ ยฉกุ เฉนิ ตลอดงาน ขออนุโมทนาทีมพยาบาลทกุ ทา่ น
๓. ขอเชิญร่วมสนับสนุนปัจจัยเป็นเจ้าภาพโรงทานอาหารม้ือเช้าและ 
ม้ือกลางวัน เพ่ือให้บริการอาหารเพียงพอแก่ผู้ฟังธรรมและธรรมบริกร
ประมาณ ๒,๐๐๐ คน กรุณาตดิ ต่อ โทร. ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓
๔. รับสมัครเพ่ือนร่วมอุดมการณ์แนวหลังทางธรรม ร่วมใจสละแรงกาย
แรงใจ เพอื่ รบั ใชพ้ ระศาสนาและพัฒนาสงั คม 
สนใจงานจติ อาสาของชมรมกลั ยาณธรรม โปรดตดิ ต่อ 
โทร. ๐๒-๗๐๒-๗๓๕๓ หรือ ๐๘-๖๘๔๑-๔๗๗๘
หรอื Facebook : Kanlayanatam (ทาง Inbox)
หรือ Line@official

21ปีที่ ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

อาตมารู้ภาษาฝร่ังเศสเพียงเล็กน้อย  แต่ขอพูดถึงส� ำนวนฝร่ังเศส
สำ� นวนหนง่ึ ทแ่ี ปลไดใ้ จความวา่  “ถอยหลงั เพอื่ กา้ วหนา้ ทด่ี กี วา่ ” ท�ำนองนนั้  
หมายถงึ วา่  การกา้ วหนา้ ไมใ่ ชก่ ารกา้ วไปขา้ งหนา้ เรอื่ ยๆ แตบ่ างครง้ั ตอ้ งถอย
ออกมาตั้งตน้ ใหม่ จงึ จะไปไดด้  ี ไปได้เร็ว

ใหเ้ วลาคุณภาพ

พระอาจารย์ชยสาโร

แสดงธรรม ณ บ้านพอ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม ่ วนั ท่ี ๒ กุมภาพันธ ์ ๒๕๖๑

22 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

การเข้าคอร์ส หรือการเข้ารีทรีตก็เช่นเดียวกัน คือเราหยุด เราถอย 
เราปลีกตัว ไม่ใช่เพราะเราถือว่า น่ีแหละคือการปฏิบัติท่ีถูกต้อง หรือจะ 
ต้องอย่างนี้จึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรม แต่เมื่อเราได้ออกจากเรือนชั่วคราว 
เปน็ อนาคารกิ า จะทำ� ใหเ้ ราไดม้ โี อกาสทบทวน มองของเกา่ ดว้ ยสายตาใหม่

จดุ ทสี่ งั เกตไดไ้ มย่ ากคอื ความเสอื่ มเสยี  ความผดิ พลาดตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ  
ในชวี ติ  สว่ นมากจะเกดิ ขนึ้ ทลี ะเลก็ ทลี ะนอ้ ย โดยเราไมค่ อ่ ยรสู้ กึ ตวั  เหมอื น 
กับท่ีเราแก่ลงทุกวันๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกตัว จนกระท่ังพบคนท่ีอยู่ต่างแดน 
บางทพี อเขาเห็นเราเข้าแลว้ ทกั เราว่า ไม่สบายหรือเปล่า

การที่เราได้ออกจากส่ิงท่ีคุ้นเคย สิ่งที่เคยชิน ท�ำให้เกิดความรู้สึก 
ผุดขึ้นมาว่า บางสิ่งนั้นไม่ดี เสื่อมไปแล้ว ซ่ึงไม่ตรงกับอุดมการณ์ หรือ 
อดุ มคติของเรา เวลาทเ่ี รายงั อย่ใู นสง่ิ แวดล้อมนนั้  เราอาจจะไมไ่ ด้เหน็

ดังเช่น ค�ำพูดของคนท่ีว่าไม่ต้องไปเข้าปฏิบัติท่ีไหนหรอก ปฏิบัติ 
ท่ีไหนก็ได้ ปฏิบัติท่ีบ้านก็ได้เหมือนกัน น่ีมักจะเป็นค�ำพูดของคนท่ีไม่เคย 
ปฏิบัติ ที่จริงแล้ว ส่วนที่เหมือนกันก็มี แต่ส่วนที่ไม่เหมือนกันก็มี คือ 
การได้ท�ำอย่างต่อเนื่องตลอดวัน ต้ังแต่เช้าโดยไม่ต้องกังวลเร่ืองอื่น มันก็ 
ไมเ่ หมอื นกบั ทำ� ทบ่ี า้ น อยา่ งไรกต็ าม เราตอ้ งคอยระวงั ไมใ่ หเ้ กดิ ความเขา้ ใจ 

23ปที ี่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ว่า ต้องมาปลีกวิเวก มาเป็นอนาคาริกาบุคคล ออกจากเรือนชั่วคราว 
เทา่ นนั้  จงึ จะเปน็ การปฏบิ ตั ทิ กี่ า้ วหนา้  ปฏบิ ตั แิ บบนที้ บี่ า้ นไมไ่ ด ้ กจ็ ะท�ำให้
เราเกิดความร�ำคาญ บางคนโทษครอบครัว โทษคนรอบข้าง ซ่ึงอันน้ีก็ไม่
ถกู ต้อง 

เราได้หลักจากศูนย์ปฏิบัติธรรม หรือจากวัด เพ่ือเอาไปใช้ อาตมา 
ไม่อยากใช้ค�ำว่า “ใช้ในโลกท่ีเป็นจริง” เพราะโลกท่ีเป็นจริง ก็คือโลกท่ี 
ปรากฏอยใู่ นปจั จบุ นั  เราอยทู่ ไี่ หน นน่ั กค็ อื โลกทเี่ ปน็ จรงิ ในขณะนน้ั  เวลานี้ 
เราอยู่ที่น่ี  ก็อยู่ในโลกท่ีเป็นจริง  เวลาอยู่ท่ีบ้านก็อยู่ในโลกที่เป็นจริง 
โลกแห่งประสบการณ์

เราต้องพยายามดึงกลับมาอยู่กับสิ่งท่ีเป็นจริงในปัจจุบัน เช่น ต้อง 
พบเจอคนท่ีไม่ชอบเรา เราท�ำอะไรเขาก็แปลไปในทางที่ไม่ยุติธรรมต่อเรา 
ลองพจิ ารณาดวู า่  คนๆ นนั้  เขารจู้ กั เราหรอื ไม ่ รจู้ กั อยา่ งไร ถา้ มองในโลก 
ทเ่ี ปน็ จรงิ  ตาเขาเหน็ รปู เรา นค่ี อื สว่ นหนง่ึ ทเ่ี ขาเหน็  หเู ขาไดย้ นิ เสยี งของเรา 
ต่อจากน้ันแล้วเป็นการแปลความหมายเองจากสิ่งท่ีเราท�ำ จากค�ำที่เราพูด 
อันน้ีเป็นเพียงสัญญา ดังนั้น เวลาบอกว่าคนๆ นั้นไม่ชอบเราเลย นั่นเป็น 
เรื่องสญั ญาของคนๆ น้ัน สงั ขารของคนๆ นน้ั

เขาอยใู่ นโลกแหง่ ขนั ธ ์ ๕ ของเขา เขาไมร่ จู้ กั เราจรงิ หรอก เขาจะชอบ 
หรือไม่ชอบเรา เขาก็ไม่ได้รู้จักเรา เป็นเร่ืองธรรมดา การที่จะเข้าใจซึ่งกัน 
และกนั  เปน็ เรอื่ งทยี่ ากมาก แมแ้ ตเ่ ราเองกย็ งั ไมค่ อ่ ยจะเขา้ ใจตวั เอง บางคน 
รอ้ งโวยวายวา่ คนอน่ื ไมเ่ ขา้ ใจเราเลย กใ็ ชล่ ะ นน่ั เปน็ เรอ่ื งธรรมดาทส่ี ดุ  แลว้  
เราเข้าใจตัวเองหรือไม่ ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเอง แล้วท�ำไมต้องหวังให้คนอ่ืน 
มาเขา้ ใจ

ทุกส่ิงทุกอย่าง จะข้ึนอยู่กับจิตใจ กับสัญญา กับสังขาร กับกาย 
กับใจ ถ้าจิตใจเราฟุ้งซ่าน วุ่นวาย บางสิ่งบางอย่างดูดี บางส่ิงบางอย่างดู 
ไม่ดี บางสิ่งบางอย่างน่าสนใจ บางส่ิงบางอย่างไม่น่าสนใจ ท้ังหมดน่ีเป็น 
โลกที่เป็นจรงิ ของผูท้ ี่มีจติ ใจฟุง้ ซ่าน

24 ข ่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

แตถ่ า้ จติ ใจปลอ่ ยวางความฟงุ้ ซา่ น จติ มสี ต ิ สงบ ทกุ อยา่ งจะเปลยี่ น 
ไปหมด  โลกท่ีเป็นจริงก็เปล่ียน  สิ่งท่ีปรากฏว่าดี-ไม่ดี  ควร-ไม่ควร 
นา่ สนใจ-ไมน่ า่ สนใจ จะเปลยี่ นไป มนั ไมไ่ ดเ้ ปลย่ี นทไ่ี หนหรอก มนั เปลย่ี น 
ทต่ี วั เราเอง เพราะโลกทเี่ ปน็ จรงิ  แยกออกจากขนั ธ ์ ๕ แยกออกจากกายใจ 
ไม่ได้ เม่ือเราเปล่ียนใจ เปล่ียนนิสัย เหมือนเราเปล่ียนโลกไปด้วย เพราะ 
โลกไม่ได้อยู่ข้างนอก ไม่ใช่ว่าตัวเราจะต้องไปสัมผัสกับโลก แต่โลกคือ 
ตวั เราและสิ่งท่ีไม่ใชต่ วั เรา พร้อมกัน

ขอย�้ำค�ำท่ีพูดเมื่อวันก่อนว่า ผู้ขาดสติ หรือผู้มีสติน้อย เป็นผู้ม ี
ทางเลือกน้อย ผู้มีสติมาก ก็มีทางเลือกมาก ขอให้สังเกตว่า ผู้ท่ีไม่มอง 
ด้านใน  ไม่ฝึก  ไม่หัด  ไม่อบรมจิตใจ  ไม่มีสติ  จะเป็นเหย่ือของโลก 
เป็นเหยื่อของอารมณ์ เป็นเหยื่อของสิ่งต่างๆ ที่เกิดข้ึน เม่ือเขาได้รับ 
การชน่ื ชมกด็ ใี จ โดนต�ำหนกิ เ็ สยี ใจ โดนดถู กู ดหู มน่ิ กโ็ กรธ นอ้ ยใจ เพราะ 
ชีวิตจิตใจเรา เป็นเพียงปฏิกิริยาตอบรับต่อส่ิงกระตุ้น มีความเป็นอิสระ 
นอ้ ยมาก ทงั้ ๆ ทมี่ กั จะภมู ใิ จวา่  เราเปน็ ตวั ของตวั เอง แตถ่ า้ ดใู หด้  ี เราเปน็  
เหมือนหุ่นกระบอกมากกว่า จะถูกชักจูงไปทางไหนก็ได้ น่ีคือชีวิตปุถุชน 
ซ่งึ ถ้าดใู ห้ดี น่าสงสารนะ

คนที่น่าสงสารมากที่สุด คือคนไม่รู้สึกตัว แล้วยังภาคภูมิใจว่าเป็น 
ตัวของตัวเองมาก เป็นอิสระ ความอิสระของเขาคือ ความอิสระในการ 
บริโภค อยากจะซ้ือย่ีห้อไหนก็ซื้อได้ แต่ความอิสระน้ัน เหมือนอิสระ 
ของววั ในคอกใหญ ่ จะกนิ หญา้ ตรงไหนกไ็ ดก้ จ็ รงิ  แตก่ ย็ งั อยใู่ นคอก แลว้  
ก็กนิ ได้แต่หญา้ อย่างเดยี ว รปู  เสยี ง กลน่ิ  รส สัมผสั  นกี่ ็คับแคบมากนะ 

25ปที ่ี ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เราควรหาโอกาสท่จี ะตัดกระแสความประมาท 
ตัดกระแสความฟงุ้ ซ่านเปน็ ช่วงๆ 
แมแ้ ต่การเดนิ จากบ้านไปทจ่ี อดรถ 
จากทท่ี �ำงานไปข้นึ รถ หรอื อยู่ในลิฟท ์
เราสามารถใชเ้ วลาสน้ั ๆ ๒ นาที ๓ นาที ๕ นาที 
เปน็ โอกาสใหเ้ ราไดต้ งั้ สติข้นึ มาใหม่

เช่นเวลาเดินทางไปต่างประเทศ  เราเห็นอะไรบ้าง  ถ้าให้เขียนออกมา 
ทีละข้อๆ อาจจะยาว แต่ถ้าจะให้สรุปส้ันๆ เราเห็นเพียงรูป ก็เท่าน้ันเอง 
ไมว่ า่ จะเดนิ ทางไปทไ่ี หน องั กฤษ อเมรกิ า ซาฟารที แ่ี อฟรกิ า กไ็ ดเ้ หน็ เพยี ง 
รูปเท่าน้ัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น หรือเวลาฟังดนตรี ฟังเพลง ก็เป็นเพียง 
เสียง ไมม่ ีอะไรมากไปกวา่ นั้น ดังน้ัน แมเ้ ราอยูใ่ นโลกท่ีหลากหลาย อดุ ม 
สมบูรณ์ แต่เมื่อมองอีกแง่หน่ึง สิ่งต่างๆ คับแคบมาก มีเพียงรูป เสียง 
กล่ิน รส สัมผัส บางครั้งก็น่าเบ่ือนะ ความคิดเช่นนี้เรียกว่า ทวนโลก 
ทวนกระแส

เราควรให้ความส�ำคัญกับการให้เวลากับตัวเอง ที่เรียกว่า Quality 
time ตอ้ งรจู้ ักให้ Quality time กบั ตัวเอง เพราะการใหเ้ วลากับตวั เอง 
เป็นโอกาสท่ีเราจะได้ปรับปรุงแก้ไข ในสิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไข พัฒนา 
ในสิ่งที่ควรจะพัฒนา จะได้รู้ได้เห็นสิ่งท่ีคนธรรมดาไม่รู้ไม่เห็น จะส�ำนึก 
ในสิ่งท่คี วรส�ำนกึ  จะประทบั ใจในสง่ิ ท่คี วรประทบั ใจ

อันที่จริงในจิตใต้ส�ำนึก เราก็มีความรู้อะไรหลายอย่าง แต่เราขาด 
การติดต่อ การสัมผัส หรือการสื่อสารกับตัวเอง มัวแต่ส่ือสารกับคนอ่ืน 
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะสื่อสารในเร่ืองไร้สาระซะส่วนใหญ่ อย่างเช่นคนที่ไป 
ทานอาหารมักจะถ่ายรูปอาหารส่งไปให้คนนั้นคนน้ี ไม่รู้เพื่ออะไร น่ังรถ 
รถตดิ กไ็ ลนไ์ ปบอกเพอื่ น อาจจะไปชา้ นะ ไฟเขยี วแลว้ กไ็ ลนไ์ ปบอกโลง่ แลว้  
ไมช่ ้าแลว้  จะไปทันเวลา พอรถตดิ อีกกส็ ง่ ไลนอ์ ีก นจี่ ะเป็นบ้าหรอื เปลา่

26 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ให้มาส่ือสารกับตัวเองดีกว่า เวลานี้รู้สึกอย่างไรไหม บางครั้งเรา 
ไมร่ ตู้ วั  เชน่  เวลาทะเลาะกบั เพอื่ นรว่ มงาน ดว้ ยเรอื่ งเลก็ นอ้ ย และเขา้ ใจวา่  
ลมื ไปแลว้  แตใ่ นความเปน็ จรงิ  ไมล่ มื  มนั จะมคี วามรสู้ กึ เศรา้ หมองอยลู่ กึ ๆ 
แต่เพราะเราไม่รู้ตัว ความเศร้าหมองลึกๆ น้ัน ก็เลยเป็นตัวขับเคล่ือน 
พฤติกรรมบางอย่าง อาจจะเป็นความรู้สึกอยากทานอะไรบางอย่าง อยาก 
ปลอบใจตัวเอง แตไ่ มร่ ู้ว่าท�ำไม เราลืมไปแลว้ ว่าจิตเศรา้ หมองเพราะอะไร

ถ้าเรามีสติ เฝ้าสังเกตกายใจตัวเอง จะได้ข้อมูล รู้ว่าจิตใจเราเศร้า 
หมอง หดหู่ ร�ำคาญ ถ้าเราไม่ดู ไม่รู้ ไม่ฝึกให้รับรู้รับทราบในส่ิงท่ีอยู ่
ในใจ ก็ท�ำให้เกิดปัญหาโดยไม่รู้ว่า เป็นเพราะอะไร บางคร้ังกลับถึงบ้าน 
พบอะไรก็โมโห เอ้ ตัวโมโหนี่มาจากไหน ท่ีจริงเป็นสิ่งท่ีสะสมมาต้ังแต ่
กลางวัน แต่เราไม่ค่อยจะรู้จักตัวเอง ไม่รับรู้ส่ิงที่มีอยู่ในตัวเอง ฉะนั้น 
เราจึงควรฝึกให้อยู่กับตัวเองให้มากข้ึน เร่ิมต้ังแต่การท�ำความเพียรใน 
รูปแบบ เช่น การนั่งสมาธิ เดินจงกรม เป็นต้น ซึ่งเป็นการตัดส่วนเกิน 
ออกไป ให้เหลือแตท่ ี่จำ� เปน็ จริงๆ คอื  กายกบั ใจ

เราควรเร่ิมต้นวันใหม่ด้วยการเป็น  nobody  เพราะการเป็น 
somebody เป็นของหนักเน้อ เราไม่จ�ำเป็นตัองเป็นคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่า 
จะลกู  พอ่  แม ่ เพอื่ น เจา้ นาย ลกู นอ้ ง การเปน็ คนหลายๆ คน ในวนั เดยี ว
มั น ห นั ก น ะ   เ ร า เ ร่ิ ม ต ้ น วั น ใ ห ม ่ ด ้ ว ย ก า ร เ ป ็ น   n o b o d y   เ สี ย ก ่ อ น 
ถ้าเรายังคงความรู้สึกเป็น nobody เอาไว้ ก็จะเป็น somebody ได ้
โดยไม่รู้สึกหนัก เราจะสามารถแยกแยะ ระหว่างค�ำว่าภาระและหน้าท่ีได ้
แต่ถ้าเรารู้สึกเป็น somebody เวลาท�ำอะไรก็เป็นภาระไปหมด ฉะน้ัน 
ถ้าเรารับรู้ความรู้สึก สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น ของความเป็น nobody 
ท่ามกลางการท�ำหน้าที่ หรือกิจกรรมต่างๆ ของ somebody ได้ ก็จะ 
รู้สึกเป็นการท�ำหน้าที่ ไม่ใช่ภาระ สังเกตดูได้ว่า เม่ือรู้สึกมีตัวเราของเรา 
เม่ือไหร ่ จะรู้สึกหนักทนั ที

27ปที ี่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ถา้ เรารบั รคู้ วามรสู้ กึ  สมั ผสั ไดถ้ งึ ความเยอื กเยน็  
ของความเปน็  nobody ท่ามกลางการทำ� หน้าที ่ หรอื กิจกรรมตา่ งๆ 
ของ somebody ได้ กจ็ ะร้สู ึกเปน็ การทำ� หน้าท่ี ไมใ่ ช่ภาระ

การท�ำความเพียรในรูปแบบ เช่น การน่ัง การเดิน การอธิษฐาน 
เวลาก็ช่วยได้ ถ้าเรายังไม่หลุดพ้นจากความเกียจคร้าน ซึ่งคงจะหมายถึง 
ทุกคน อาตมาเคยแนะน�ำให้ลองท�ำดูว่า จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงไหน 
เช่น ถ้าอยากท�ำความเพียรในรูปแบบ ซักวันละ ๑ ช่ัวโมง การอธิษฐาน 
เช่นนนั้ มกั จะไม่ได้ผล เพราะมบี างวนั ทที่ ำ� ไมไ่ ด้จริงๆ เนอื่ งจากอาจจะปว่ ย 
ลกู ปว่ ย หรอื มธี รุ ะฉกุ เฉนิ  จงึ ไมไ่ ดท้ �ำ เมอื่ ขาดการปฏบิ ตั ไิ ป ๑ วนั  จะรสู้ กึ  
เหมอื นขาดไปเลย จะเสยี กำ� ลงั ใจ วธิ ที แ่ี นะนำ� คอื  ใหอ้ ธษิ ฐานวา่  จะปฏบิ ตั ิ 
สัปดาห์ละ ๗ ชั่วโมง (กรณีอธิษฐานวันละ ๑ ช่ัวโมง) หากวันใดวันหนึ่ง 
ไมไ่ ดท้ ำ�  กท็ ำ� ชดเชยในวนั อน่ื ใหค้ รบ เพอ่ื รกั ษาสถติ  ิ ๗ ชวั่ โมงใน ๑ สปั ดาห์

ท�ำในเวลาเช้ามืดจะดีท่ีสุด หลังจากพักผ่อนแล้ว จิตใจจะไม่มีอะไร 
มาก และคนอื่นยังไม่ตื่น ยังเงียบอยู่ ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ท่ีดี ท่ ี
ส�ำคัญคือ ถ้าท�ำในเวลาเช้า เราสามารถประเมินผลได้ว่า หากเช้าวันไหน 
ท�ำได้ดี เราจะรู้สึกใจเย็น อดทน มีเมตตา มีความรอบคอบ พอเห็นผล 
เราก็จะมีก�ำลังใจท�ำต่อไป หลายคนท�ำตอนก่อนนอน ซึ่งก็ดี เป็นการ 
ช�ำระจิตใจ ปล่อยวาง แต่บางครั้งการปฏิบัติน่ังก่อนนอน อาจท�ำได้พอ 
เป็นพิธี เพราะมันเหมือนมีแม่เหล็กอยู่ในหมอนเลย มีโยมท่านหนึ่งตั้งใจ 
จะสวดมนตก์ อ่ นนอนทกุ วนั  แตบ่ างวนั เหนอ่ื ย สวดได ้ อรหงั  สมั มา ทเ่ี หลอื  
กเ็ หมอื นคนื กอ่ นคะ่  แลว้ กห็ ลบั ไป หรอื แมบ้ างคนจะท�ำไดด้ ตี อนกอ่ นนอน 
แล้วหลบั ไป แตเ่ มื่อตนื่ ขน้ึ มา กเ็ ป็นฉากใหมข่ องชีวติ  ท�ำให้เราเหน็ ผลของ 
การปฏิบตั ใิ นชีวิตประจำ� วนั ได้ยาก

การภาวนาท้ังในรูปแบบ และนอกรูปแบบนั้น ขอแนะนำ� ความเพียร 
ชอบ สัมมาวายามะ เป็นหลกั คือ

28 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

๑. ป้องกันสิง่ เศรา้ หมองที่ยงั ไม่เกิด ไม่ใหเ้ กิดข้ึนได้
๒. ในกรณที สี่ งิ่ เศรา้ หมองเกดิ ขนึ้ ในจติ ใจแลว้  เราตอ้ งเพยี รละ เพยี ร 
ปล่อยวาง
๓. เพียรปลกู ฝังส่งิ ดงี าม ท่ยี ังไมม่ ีในจิตใจ
๔. เมอ่ื มสี งิ่ ดงี ามเกดิ ขน้ึ แลว้  เราตอ้ งดแู ล รกั ษา บำ� รงุ ใหย้ งิ่ ๆ ขนึ้ ไป
วนั กอ่ นไดก้ ลา่ วถงึ การ chunking (แบง่ เวลา) โดยใหแ้ บง่ เวลาเปน็  
๔ ช่วง เช้า บ่าย เย็น กลางคืน ให้พยายามท�ำความเพียรชอบ ๔ ข้อ 
ในแต่ละช่วง เช่น เพ่ือไม่ให้เกิดความเศร้าหมองขึ้น ในระหว่างขับรถ 
ไปทำ� งาน หรอื บางครง้ั รำ� คาญคนขบั รถทไ่ี มม่ วี นิ ยั  เปน็ ตน้  กใ็ หต้ งั้ เปา้ หมาย 
วา่  วนั นจ้ี ะขบั รถไปทำ� งานโดยไมร่ ำ� คาญใคร นคี่ อื การปอ้ งกนั สงิ่ เศรา้ หมอง 
ที่ยังไม่เกิดข้ึน เป็นการภาวนาระหว่างการเดินทาง หรือถ้าจิตหลุด เกิด 
ร�ำคาญแล้ว ต้องท�ำอย่างไรจึงจะปล่อยวางได้ อันน้ีถือเป็นงานท่ีต้องท�ำ 
ในวันนั้น คือต้องจัดการจิตใจที่เศร้าหมอง หรือดูว่ามีคุณธรรมข้อไหนท่ี 
เราสามารถปฏิบัติได้ในระหว่างการเดินทาง บางคนอาจจะเปิดเสียงทำ� วัตร 
สวดมนต์ หรือฟังพระแสดงธรรม หรือแผ่เมตตาไป ในระหว่างขับรถ 
เป็นการต้ังใจในการท�ำคุณธรรมข้อใดข้อหน่ึงให้เกิดขึ้น หรือเกิดข้ึนแล้วก็ 
ใหด้ ูแล ระหว่างการเดินทางจากบ้านจนถงึ ที่ทำ� งาน
ในแต่ละช่วงของวัน เรามีหน้าท่ีท่ีจะต้องท�ำ และในขณะเดียวกัน 
ก็ต้องท�ำความเพียรอย่างใดอย่างหน่ึงให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม เหมือน 
กับก�ำลังท�ำงานอยู่ เฝ้าสังเกตจิตใจตัวเอง หลวงพ่อชาเคยเปรียบเทียบ 
ว่า แม่อยู่กับลูกที่บ้าน ถึงแม้แม่จะยุ่งอยู่กับงานท่ีท�ำ เช่น ท�ำกับข้าว 
รับโทรศัพท์ จะท�ำความสะอาด แต่ก็จะมีสัญชาติญาณในการดูแลลูกอยู่ 
ตลอดเวลา โดยไมต่ อ้ งคอยมองหาวา่  ลกู อยไู่ หน ปลอดภยั ไหม มอี นั ตราย 
ไหม เหมอื นเราทำ� งาน ทำ� หนา้ ท ี่ แลว้ รวู้ า่ ภายในจติ ใจของเราเปน็ บญุ  เปน็  
บาป เป็นกุศลหรืออกุศล หรือไม่ ควรจะวางจิตใจอย่างไรตอนน้ี ในชีวิต 
ประจำ� วนั  ถา้ ท�ำงานหนกั หรอื เครยี ดขน้ึ มา ควรทำ� ยงั ไง คนสว่ นมากมกั จะ 

29ปีที่ ๑๕ ฉบบั ท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

หยิบโทรศัพท์ข้ึนมาเพ่ือคลายเครียด บางคนก็หาความเพลินจากส่ิงใด 
สงิ่ หนงึ่  แทนทจ่ี ะทำ� เชน่ นนั้  ใหล้ องอยกู่ บั ลมหายใจ แค ่ ๖๐ วนิ าท ี ไมต่ อ้ ง 
นาน แค่น้ีก็เป็นโอกาสให้เราตง้ั ต้นใหมไ่ ด้

เรามีปฏิกิริยาอะไรไหมกับเสียงโทรศัพท์ บางคร้ังรู้สึกเป็นทาสเลย 
ท�ำไมต้องรีบรบั ขนาดน้นั

อาตมาเคยแนะน�ำบ่อยๆ ว่า เม่ือได้ยินเสียงโทรศัพท์ ให้หายใจเข้า 
ลึกๆ หายใจออกยาวๆ ใช้เวลาไม่กี่วินาที ทำ� ให้เราต้ังสติได้ รอบคอบข้ึน 
คนทโี่ ทรมา เขาคอยได ้ แค่ ๑๐ กว่าวินาที

เราควรหาโอกาสทจี่ ะตดั กระแสความประมาท ตดั กระแสความฟงุ้ ซา่ น 
เป็นช่วงๆ แม้แต่การเดินจากบ้านไปท่ีจอดรถ จากที่ท�ำงานไปข้ึนรถ หรือ 
อยู่ในลิฟท์ เราสามารถใช้เวลาสั้นๆ ๒ นาที ๓ นาที ๕ นาที เป็นโอกาส 
ให้เราไดต้ งั้ สตขิ ึน้ มาใหม่

ความเครียดมักจะค่อยๆ เพิ่มข้ึนทีละเล็กละน้อย แต่ถ้าเราต้ังสติ 
ข้ึนมาใหม่เป็นระยะๆ  เราก็จะสามารถปล่อยได้  และจะไม่เก็บสะสม 
ท�ำให้ไม่เหน็ดเหนื่อยง่าย สังเกตดูว่า ถ้าจิตใจเราเศร้าหมอง หรือเครียด 
เบื่อหน่าย จะเปรียบเหมือนคนจน คือไม่มีอะไรดีๆ ท่ีจะให้ผู้อื่น เพราะ 
ตวั เราเองกไ็ มม่ คี วามสขุ  ผทู้ จี่ ะใหค้ วามสขุ ผอู้ น่ื ไดน้ นั้  ตวั เองตอ้ งมคี วามสขุ  
ก่อน ถ้าเราไม่มีความสุข แล้วจะเอาความสุขจากที่ไหนไปให้ผู้อ่ืน ดังนั้น 
การปฏิบัตธิ รรมก็เพื่ออะไร ก็เพื่อท่ีจะมคี วามสุขให้กบั ตัวเอง และเพอ่ื ทีจ่ ะ 
ให้ความสขุ แกผ่ อู้ น่ื ด้วย

ผู้ท่ีให้เวลากับตัวเองด้วยการน่ังสมาธิ ไม่ใช่เร่ืองความเห็นแก่ตัว 
หรือจะเรียกว่าเป็นความเห็นแก่ตัวชีวิตก็ได้ แต่ไม่ใช่เห็นแก่ตัวกิเลส แต ่
เรยี กวา่  เหน็ แกต่ วั ชวี ติ  เพราะเมอื่ จติ ใจเราด ี เขม้ แขง็  มสี ต ิ คณุ ธรรมตา่ งๆ 
ก็จะผุดขึ้นมา คนรอบข้างก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้ว 
เปน็ ไปไมไ่ ดท้ จี่ ะไมเ่ กดิ ผลดกี บั คนรอบขา้ ง เพราะเมอื่ เราปฏบิ ตั ธิ รรม นสิ ยั  
หงดุ หงดิ  รำ� คาญ กจ็ ะลดนอ้ ยลง ความเครยี ดกจ็ ะลดนอ้ ยลง คนรอบขา้ ง 

30 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ก็น่าจะดีใจ เราไม่ได้อยู่ในโลกน้ีคนเดียว ดังนั้น เวลาจิตใจเราเศร้าหมอง 
หรือเบิกบาน คนอืน่ เขาก็สมั ผัสได้

การปฏิบัติธรรม  ช่วยท� ำให้เรารับผิดชอบชีวิตตัวเองได้มากข้ึน 
เมื่อเรามีสติมากขึ้น ก็จะงดเว้นจากการกระท�ำ การพูดท่ีสร้างความทุกข ์
ความเดือดร้อนแก่ตัวเองและผู้อ่ืน พอเรามีความสุขแล้ว มันเหมือนจะล้น 
อยากจะให้ความสุขกับผู้อื่น การมีสติท�ำให้เราได้เรียนรู้เร่ืองจิตใจตัวเอง 
ท่ีเห็นชัดทส่ี ดุ ในเบอ้ื งตน้ คอื  ร้จู กั กิเลส นค่ี ือการเรยี นรู้ทีม่ ีประโยชนม์ าก

ความโลภ ความโกรธ ความฟุ้งซ่าน ความวุ่นวาย กิเลสแต่ละตัว 
ปรากฏชัด เราจะเห็นความกะล่อน เห็นความไม่น่าไว้ใจของจิตใจตัวเอง 
เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับกิเลสตัวเอง ก็เป็นข้อมูลเดียวกับกิเลสของมนุษย ์
เพราะเรากับเขาก็ไม่ต่างกัน ดังน้ัน ย่ิงเรารู้เท่าทันจิตใจตัวเอง ก็ย่ิงได้รู ้
เขา้ ใจ เท่าทนั จิตใจผู้อนื่ ด้วย

คนท่ีไม่ปฏิบัติ  มักจะมองว่าคนปฏิบัติธรรมไม่ทันโลก  หรือถูก 
หลอกลวงไดง้ า่ ย แตอ่ าตมาวา่ ตรงกนั ขา้ มเลย เพราะเราจะไมด่ ว่ นสรปุ อะไร 
งา่ ยๆ ไมแ่ น ่ เขาพดู ด ี นา่ รกั  แตจ่ ะดจี รงิ  นา่ รกั จรงิ หรอื ไม ่ ดแู ลว้ กเ็ รยี นร ู้
ไป เราจะมีความรอบคอบ ไม่ได้หมายถึงมองในแง่ดี หรือคิดทางบวก 
ทงั้ หมด นน่ั ไมใ่ ชน่ กั ปฏบิ ตั  ิ เราดกู ริ ยิ าทา่ ทางเขาออก เพราะเหมอื นดตู วั เอง 
การดูคนรอบข้าง จะท�ำให้เราฉลาด คนท่ีมีกิเลส เขาจะตีค่าตัวเองสูง 
เกนิ ไป คิดวา่ ตวั เองฉลาด มีตัวอย่างมากมาย

อาตมาจะเล่าเรื่องท่ีเคยอ่านเก่ียวกับตำ� รวจที่อเมริกา นักสืบท่ีน่ันจะ 
มีต�ำรา คู่มือในการสอบสวน ซึ่งพูดตรงๆ ไม่ดี ในต�ำรากล่าวว่า คนท ่ี
ไมส่ บตา มกั จะเปน็ คนทม่ี คี วามผดิ  แตอ่ กี บทหนงึ่ กลา่ ววา่  คนทไ่ี มม่ คี วามผดิ  
จะพยายามสบตา กอ็ ยา่ ใหเ้ ขาสบตา กลายเปน็ วา่  ถา้ เขาไมส่ บตา หมายถงึ  
เขาผิด แต่ถ้าเขาพยายามสบตาก็อย่าให้เขาสบตา เร่ืองนี้มีศัพท์เทคนิค 
เรียกว่า closed loop thinking คือไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ถูกหมด เช่น 
เราหาวา่ เขาโกรธเรา มน่ั ใจวา่ เขาโกรธเรา เมอื่ สอบถาม หากเขาตอบวา่ โกรธ 

31ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

คือใช่ แต่ถ้าตอบว่าไม่โกรธ ก็จะหมายถึงเขาไม่รู้สึกตัวว่ามีความโกรธ 
อยู่ภายในจิตใต้ส�ำนึก closed loop thinking นั้น ไม่ว่าเขาจะตอบ 
อยา่ งไร กจ็ ะตรงตามทเี่ ราคดิ  เราเปน็ ฝา่ ยถกู ทง้ั หมด จะตอบยงั ไงกพ็ สิ จู น์ 
ไม่ได้ว่าไมใ่ ช่

กล่าวถึงเร่ืองที่จะเล่า เขาให้นักสืบท่ีมีประสบการณ์ ๑๕ ปี ดูวีดีโอ 
การสอบสวนคน ๒ กลมุ่  บางคนมคี วามผดิ จรงิ  บางคนไมผ่ ดิ  เพอ่ื จะดวู า่  
นักสืบจะแยกได้หรือไม่ว่า คนไหนมีความผิด คนไหนไม่มีความผิด และ 
ให้นกั ศึกษาดวู ดี ีโอเดียวกนั  แล้วเปรียบเทียบกนั

ทั้งสองคน คือนักสืบท่ีมีประสบการณ์ กับนักศึกษา ตอบถูกบ้าง 
ไมถ่ กู บา้ งเหมอื นกนั  แตส่ ง่ิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั คอื  นกั ศกึ ษาจะตอบอยา่ งไมแ่ นใ่ จ 
จะตอบวา่  คดิ วา่ นะ แตไ่ มแ่ นใ่ จ ในขณะทนี่ กั สบื ตอบอยา่ งมนั่ ใจ ในโลกน ้ี
มีหลายวิชาที่เป็นอย่างน้ี อันที่จริงแล้วผู้เชี่ยวชาญไม่ได้มีความสามารถ 
มากกว่าคนธรรมดา แต่มีความเชื่อมั่นมากกว่า เช่นพวก stock broker 
กอ็ ยู่ในกลุ่มนเ้ี หมือนกนั  ดูได้จากสถติ ิการวจิ ัย

โดยทวั่ ไปคนทมี่ กี ารศกึ ษามกั จะคดิ วา่ ตวั เองเกง่ กวา่ ทเ่ี ปน็ จรงิ  เพราะ 
เขาไมไ่ ดด้ คู วามจรงิ  แตอ่ าศยั เอาความเชอื่ มน่ั เปน็ หลกั  คนทไ่ี มป่ ฏบิ ตั กิ ม็ กั  
จะคิดว่าตัวเองไม่ถูกหลอกง่ายไม่เหมือนพวกท่ีเข้าวัด ที่จริงก็ไม่ใช่ เช่น 
ดูการโฆษณาท่ีต้องการกดปุ่มคนเพื่อผลประโยชน์ของพ่อค้า เพื่อขายของ 
ดปู า้ ยโฆษณาตา่ งๆ เขาเอาความดขี องคนเปน็ ปมุ่ มากนอ้ ยแคไ่ หน นอ้ ยมาก
อาจจะเข้าใจว่า คนรักชาติต้องซื้อของของเขา คนดีต้องซ้ือของของเขา 
ก็มีบ้างส่วนมากจะเอาความอยากได้อยากมีอยากเป็นเป็นหลัก เพราะคนท ่ี
มกี เิ ลส ไมร่ เู้ ทา่ ทนั กเิ ลส จะถกู หลอกงา่ ยทสี่ ดุ  มคี นอเมรกิ นั ทชี่ อื่ แมดอฟฟ์ 
หลอกคนไดห้ ลายร้อยล้านดอลลา่ ร์

คนท่ีลงทุน ไม่ใช่คนปฏิบัติธรรม แต่เป็นคนเก่งท่ีอยากได้กำ� ไรมาก 
อยากได้ก�ำไรเร็ว เป็นสมมติฐานอย่างหนึ่งว่า คนเราถูกหลอกง่ายเพราะ 
กเิ ลส ไมใ่ ชถ่ กู หลอกงา่ ยเพราะการปฏบิ ตั เิ พอ่ื ปลอ่ ยวางกเิ ลส อาจจะกลา่ ว 

32 ข ่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ไดว้ า่  คนๆ นั้น ถูกหลอกง่ายมาก เพราะไม่เคยปฏิบัติธรรม
คนเราหลงเพราะอะไร เรามักจะหลงเพราะไม่รู้เท่าทัน ดูจากคนเล่น 

กีฬา ถ้าอยากได้เปรียบเขา ก็จะพยายามท�ำให้เขาโกรธ พอเขาโกรธ เขาก็ 
จะไดใ้ บเหลอื ง ใบแดง โดนไลอ่ อกจากสนาม ก็จะเลน่ ไมอ่ อก คนมกี เิ ลส 
จึงท�ำงานไม่ได้ดี ท�ำยังไงให้เขาโลภมาก แล้วก็จะประมาท เมื่อเขาโกรธ 
แล้วก็จะลืมตัว

เราปฏบิ ตั ธิ รรม ไมใ่ ชเ่ พราะอยากออกจากโลกทเี่ ปน็ จรงิ ไปอยใู่ นโลก 
ทไี่ มม่ อี ะไร ทสี่ บายๆ แตต่ รงกนั ขา้ ม เรากำ� ลงั ฝกึ จติ  ใหม้ นั่ คง หนกั แนน่  
ไมห่ วน่ั ไหว เยอื กเยน็  ปกต ิ เพอ่ื จะรจู้ ะเหน็ สง่ิ ตา่ งๆ ตามความเปน็ จรงิ  
มากขนึ้  เราปฏบิ ตั เิ พอ่ื ไมป่ ลอ่ ยใหม้ ปี ฏกิ ริ ยิ าตอ่ สงิ่ กระตนุ้ ตามสญั ชาตญาณ 
แตน่ ำ� ไปสกู่ ารตอบสนองดว้ ยสตดิ ว้ ยปญั ญา วา่ ใชห่ รอื ไมใ่ ชค่ วรหรอื ไมค่ วร 
ถูกหรอื ผิด ให้ดำ� เนินชวี ติ ดว้ ยหลกั การ ไม่ด�ำเนินชวี ิตดว้ ยอารมณ์

พระพุทธองค์ตรัสรู้ด้วยปัญญา ผลคือพระมหากรุณาธิคุณ เพราะ 
พระพุทธองค์ รู้เห็นตามความเป็นจริง แล้วทรงสงสารสัตว์โลก พวกเราท่ี 
เป็นทุกข์โดยไม่จ�ำเป็น เป็นทุกข์เพราะไม่เข้าใจตัวเองตามความเป็นจริง 
หลกั สำ� คญั มากคอื  ปญั ญาเกดิ ขน้ึ ทไ่ี หน ความกรณุ ากเ็ กดิ ขนึ้ ทน่ี น่ั  ความ 
กรุณาที่ต้องการให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์ เป็นเคร่ืองพิสูจน์ว่า 
คนนั้นมีปัญญาจริงหรือไม่ เม่ือมีความกรุณาเกิดข้ึนแล้ว ก็ใช้ปัญญาช่วย 
คนอน่ื  เพราะเจตนาดอี ยา่ งเดยี วไมพ่ อ แตต่ อ้ งเปน็ เจตนาดที ปี่ ระกอบดว้ ย 
ปัญญา ฉะนั้นปัญญาน�ำไปสู่กรุณา และกรุณาน�ำไปสู่ปัญญา สองอย่างนี้ 

33ปีที่ ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

จะต้องไปด้วยกันตลอดเวลา สมัยโบราณครูบาอาจารย์จะเปรียบเทียบว่า 
เหมอื นนกอนิ ทรยี ต์ วั ใหญ ่ มปี กี  ๒ ขา้ ง คอื  ปญั ญา และกรณุ า นกจะบนิ  
ไปไหนในอากาศ ต้องมีปญั ญาและกรุณาไปดว้ ยกัน

เราฝกึ จติ  ใหจ้ ติ ใจมน่ั คง หนกั แนน่  สงบ รตู้ วั  สงบเพอื่ อะไร ไมใ่ ช่ 
สงบเพ่ือสงบ แต่สงบเพ่ือให้เกิดปัญญา เม่ือเกิดปัญญาแล้ว ปัญญาก็เพ่ือ 
ความกรุณา ความกรณุ าก็ดว้ ยปัญญา

โลกในปจั จบุ นั ไมไ่ ดต้ อ้ งการวตั ถ ุ เทคโนโลย ี เพยี งอยา่ งเดยี ว สง่ิ เหลา่ น้ี 
ก็ส�ำคัญ  แต่สิ่งท่ีโลกต้องการ  ที่สังคมไทยต้องการ  คือคนมีคุณภาพ 
ซึ่งคุณภาพนี้เกิดจากการฝึกหัด ไม่ได้เกิดเองตามสัญชาตญาณ ไม่ได้เกิด 
จากการตามกระแส แต่เกิดจากการทวนกระแส เราก็ต้องผ่านบททดสอบ 
แบบฝึกหัด มีล้มลุกคลุกคลานบ้างเป็นธรรมดา แต่เป็นการกระท�ำท่ีมี 
ความหมาย ทำ� ให้ชวี ติ เรามีแกน่ สารสาระ เปน็ ชวี ิตท่ีน่าภาคภมู ิใจ

เม่ือดูสภาพของโลก สภาพของสงั คม ความเสื่อมเสยี ต่างๆ บางคร้งั  
รู้สึกท้อแท้ใจ จะไปแก้ท่ีไหน ก็อาจแก้ได้บางส่วน แต่สิ่งที่สามารถแก้ได ้
เตม็ ทค่ี อื ตัวเราเอง ในโลกปจั จุบนั คนเห็นแก่ตัวมมี าก แต่อย่างน้อยเราจะ 
ไม่เห็นแก่ตัว โลกเต็มไปด้วยคนก้าวร้าว แต่เราจะไม่ก้าวร้าว โลกเต็มไป 
ดว้ ยการทุจริต แต่เราจะไมท่ ุจรติ  นีค่ อื ส่ิงท่ีโลกต้องการ

ยงิ่ ปฏบิ ตั ธิ รรม ยง่ิ มกี ำ� ลงั ทจี่ ะทำ� สง่ิ ทเี่ ปน็ ประโยชน ์ ทง้ั ตอ่ ชวี ติ ตวั เอง 
ต่อครอบครัว ต่อชุมชน ต่อสังคม เพราะประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน 
ความสขุ ตน ความสขุ ทา่ น เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั  สอดคลอ้ งกนั  แยกออก 
จากกนั ไม่ได้

ขออนุโมทนา และชื่นใจในการที่พวกเราได้เสียสละเวลา เสียสละ 
การอยกู่ บั ครอบครวั  หลายสงิ่ หลายอยา่ ง เพอ่ื มงุ่ มนั่ ในการปฏบิ ตั ธิ รรม ขอ 
ให้การปฏิบัติของเราเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพ่ือความสุขตน เพ่ือประโยชน ์
เพ่ือความสุขของผ้อู ่นื  ใหย้ ง่ิ ๆ ขึ้นไป ตลอดกาลนาน

34 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ภ า พ ป ร ะ ก อ บ ธ ร ร ม

อะไรก็ตามที่เราหนีไม่พ้น
เราควรจะเรยี นรู้ ที่จะอยู่กับมันให้ได้
นี่คือ “ศิลปะ” การที่จะอยู่ในโลกนี้

อย่างไม่ทุกข์

ภาพประกอบ : นายเซมเบ้

35ปที ี่ ๑๕ ฉบับท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

สบื สานการศกึ ษา ธีรปญั โญ

พระไตรปฎิ กในพมา่

36 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

เจรญิ พร วนั นอี้ าตมากไ็ ดร้ บั มอบหมายใหก้ ลา่ วสมั โมทนยี กถากบั ญาตโิ ยม 
ท่ีมาท�ำบุญ ก็ขอกล่าวอะไรซักนิดหนึ่ง เกี่ยวกับเร่ืองที่อาตมาเพ่ิงกลับมา 
จากตา่ งประเทศ ชว่ งนกี้ ม็ กี จิ เดนิ ทางบอ่ ย ไดเ้ หน็ พฒั นาการของพทุ ธศาสนา 
ในประเทศต่างๆ และได้เดินทางไปประเทศพม่า ตอนน้ีประเทศไทยเรา 
ก็พยายามจะน�ำเอาการศึกษาพระไตรปิฎกในพม่ามาท�ำในเมืองไทยบ้าง 
ของพม่า ญาติโยมก็พอจะทราบแล้วว่า เขาก็มีพระผู้ทรงพระไตรปิฎก 
ในโลกกม็  ี ๑๔ รปู ดว้ ยกนั  แตม่ มี รณภาพไปแลว้  กเ็ หลอื ประมาณ ๘ - ๙ รปู  
เท่าน้ัน แต่ว่าเขามีการเรียนการสอน ซึ่งให้ความส�ำคัญกับพระไตรปิฎก 
แล้วก็มีสามเณรตัวน้อยๆ ขยันมาเรียนกัน มาท่องหนังสือกัน แต่ว่าท่ ี
พมา่ เองกม็ ปี ญั หานะ สามเณรเองกล็ ดนอ้ ยลง หลายๆ ท ี่ บางทนี่  ่ี ปกี อ่ นๆ 
ทีเ่ คยมเี ปน็ พนั  ตอนน้กี เ็ หลือ ๓๐๐ - ๔๐๐ ลดไปเกนิ ครึง่ เลย

ทีม่ า : สัมโมทนียกถา กอ่ นฉนั เชา้  ทโ่ี รงงานศรินทพิ ย ์ บางใหญ่ นนทบุรี 
วนั เสารท์  ี่ ๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๒

37ปีท่ี ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

เขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะ คือท่ีพม่านี้ พระผู้ใหญ่และพวกคหบด ี
ตา่ งๆ ท่ีเห็นปัญหา ก็มาระดมความคิดกันว่า เกิดอะไรข้ึน ท�ำไมมีปัญหา 
อย่างนี้ คือพม่าเร่ิมเปิดประเทศ ประเทศก็เร่ิมเจริญเหมือนกับเมืองไทย 
เ ร า ค น ก็ เ ล ย ห า ย ไ ป   ไ ป ไ ห น รู ้ ไ ห ม   ก็ ม า เ มื อ ง ไ ท ย นี้ แ ห ล ะ   ม า ท� ำ ง า น 
ตามโรงงานน้ีแหละ แล้วพวกเด็กๆ พม่า ก็มาอยู่ตามโรงงานเมืองไทย 
ทีนี้เขาก็เสียดายว่า พวกนี้ถ้าอยู่ในวัด อย่างน้อยก็ได้เรียนบาลี ต่อไปก็จะ
เปน็ กำ� ลงั สำ� คญั  เพราะวา่ ถา้ เราไมไ่ ดม้ กี ารปลกู ฝงั  ไมไ่ ดส้ อนตงั้ แตเ่ ดก็ ๆ นี้ 
มันก็จะไม่มีบุคลากรที่จะมาท�ำหน้าท่ีสืบต่อไป คนที่จะเข้าใจลึกซ้ึงก็จะหา
ยาก อย่างการเรียนภาษาบาลีน้ี ต้องเรียนต้ังแต่เล็กๆ จะเข้าใจได้ดีลึกซึ้ง 
กว่า เขากเ็ ลยมาประชมุ ตกลงกันวา่ จะท�ำยงั ไงดี

พ ว ก พ ร ะ ผู ้ ใ ห ญ ่ กั บ ค ห บ ดี ก็ เ ล ย ต ก ล ง กั น ว ่ า   เ อ า อ ย ่ า ง น้ี ดี ไ ห ม 
ลองถามดูว่า ครอบครัวเขาต้องการรายได้เท่าไหร่ คือเด็กๆ เขาจะแข่งกัน 
ใชไ่ หม สมมตวิ า่ เพอื่ นบา้ นเขาไปอยเู่ มอื งไทย ไปอยโู่ รงงานเมอื งไทย ท�ำได ้
เดอื นละเทา่ ไหร ่ สมมตตมี าไดเ้ ดอื นละกแี่ สนจา๊ ด อะไรอยา่ งนน้ี ะ (คดิ เปน็  
เงนิ ไทยกป็ ระมาณ ๒,๐๐๐ กวา่ บาท) เขากเ็ ลยบอกวา่  เขาจะใหเ้ งนิ จ�ำนวน 
เดยี วกนั นแ้ี หละ ใหก้ บั ครอบครวั เณร โดยทเี่ ณรไมต่ อ้ งมาเมอื งไทย ใหอ้ ย่ ู
ทวี่ ดั นน่ั แหละ ขอใหเ้ รยี นตอ่ ไปเรยี นบาล ี ไมต่ อ้ งลาสกิ ขามาทำ� งาน ปรากฏ 
ว่าเขาก็ช่วยกันนะ ไม่ได้น่ิงนอนใจ เขาก็เลยรวบรวมทุนจัดตั้ง แล้วก็ให ้
เงินตรงน้ี ปรากฏว่าปีที่แล้วปีเดียว เขาสามารถที่จะคงสามเณรไว้ได้ถึง 

38 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

๗,๐๐๐ รปู นะ นกึ ดนู ะ ไมใ่ ชเ่ งนิ นอ้ ยๆ ใชจ้ า่ ยเปน็ คา่ จา้ งเรยี นตอ่ เลย เพอื่  
ว่าเด็กไมต่ ้องเปน็ ห่วงกังวล จะไดเ้ รียนไดเ้ ต็มที ่ ๗,๐๐๐ คนนะปีท่แี ลว้

ก็จะเห็นว่าเขาก็ให้ความส�ำคัญในเร่ืองของการศึกษาและทรัพยากร 
บุคคล บ้านเราเดี๋ยวน้ีก็มีปัญหาเยอะนะ ในโรงเรียนสายบาลี นักเรียนก ็
น้อยลงไปเยอะ พระนักเรียนเด๋ียวนี้เมืองไทยก็น้อยลง ที่มีอยู่ปัจจุบันก็ม ี
จากต่างประเทศเข้ามา มาจากกัมพูชาบ้าง จากลาวบ้าง อะไรน้ี ฉะน้ัน 
ถ้าเราไม่วางแผนกันบ้าง ต่อไปเราก็จะขาดคนที่จะรู้บาลีลึกซึ้ง แล้วก็จะ 
มปี ญั หาตอ่ ไปในอนาคต เราก็ตอ้ งพยายามช่วยกนั

ท่ีน่ันเขามีกิจกรรมมากมายท่ีจะให้คนมาสอบมาเรียนพระไตรปิฎก 
คือเขามีหลายโปรแกรมมาก  คือถ้าเรียนในภาษาบาลี  แล้วก็มีผู้ทรง 
พระไตรปิฎกซ่ึงรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนมาก ถ้าใครเรียนได้จบแล้วก็มีการ 
จดั สนามสอบให ้ สนามของรฐั บาล สนามของเอกชน เขากท็ �ำขน้ึ มาแขง่ กนั  
เพอ่ื จะยกระดบั คณุ ภาพ แลว้ สมมตวิ า่ ญาตโิ ยมไมร่ บู้ าล ี เรยี นเปน็ ภาษาพมา่  

39ปที ่ี ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ก็ได้ มีการสอบด้วย สอบประจำ� ปีในภาษาพม่านี้ เรียนพระไตรปิฎกต่างๆ 
เขากจ็ ะมชี นั้  เขาเรยี กวา่ เปน็ อะไร เหมอื นกบั เปน็  สตุ ตมามกะ (มพี ระสตู ร 
เป็นของเรา) แบบเป็นนิกายต่างๆ เช่น ทีฆนิกายมามกะ (มีทีฆนิกาย 
เป็นของเรา) คือเราต้องการจะเอาอะไร เป็นของตัวเราเอง คือทำ� ให้มัน 
ท่องได้พระสูตรมีทั้งหมด  ๕  นิกายใช่ไหม  (ทีฆนิกาย  มัชฌิมนิกาย 
สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย) ก็แบ่งกัน แล้วก็ช่วยกันท่อง 
แลว้ ญาติโยมนกี้ ็มาสอบมาแข่งกัน แข่งกันในทางดี

แล้วท่ีประทับใจคือ มีเจ้าของโรงงานที่อยู่ที่พม่า เขาก็ให้รางวัลด้วย 
ญาติโยมที่เขามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาพระไตรปิฎก เขามีโยม 
ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเอกชน เขาก็ส่งลูกน้องไปเรียน แล้วก็ไปสอบ สอบ 
พ ร ะ ไ ต ร ป ิ ฎ ก นี้ แ ห ล ะ   พ อ ลู ก จ ้ า ง ค น ไ ห น ที่ ส อ บ ผ ่ า น ไ ด ้   น า ย จ ้ า ง เ ข า 
ก็มีโปรโมช่ันด้วย พาไปเท่ียวอินเดีย แล้วก็มีเงินก้นกระเป๋าให้ด้วย คือ 
เอกชนเขาก็ช่วยกันมากด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลช่วยกันอย่างเดียว ก็ท�ำ 
ให้การศึกษาพระไตรปิฎกของเขามีชีวิตชีวา มีการสนใจใฝ่ศึกษามากกว่า 
ในเมืองไทย

ตอนอาตมาไปปีที่แล้วก็รู้สึกประทับใจมากนะ คือไปเปิดดูทีวีว่า เขา 
เรียนอะไรกันบ้าง ปรากฏว่าเขาเรียนอะไรกันรู้ไหมในทีวีนะ เขาเรียน 
กัมมปัจจัยกัน ที่มีสวดในปัฏฐาน กัมมปัจจโย พระในเมืองไทยเราน้ียัง 

40 ข่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ไม่ได้เรียนกันถึงขนาดน้ีเลย  แต่เขาน้ีอยู่ในทีวีของพม่ามีพระมาสอน 
แลว้ เรยี นกนั เปน็ เรอื่ งเปน็ ราว แลว้ กเ็ รอ่ื งของอภธิ รรมน ้ี เขาสนใจมาก โยม
หลายคนกท็ อ่ งได ้ ตวั ปฏั ฐานนะ ทที่ อ่ งเขากท็ อ่ งกนั เปน็ ประจ�ำ เพราะฉะนนั้  
เหน็ แลว้ กเ็ ลยประทบั ใจวา่  พน้ื ความรเู้ ขามดี กี วา่ เราในแงน่ น้ั  แลว้ กเ็ วลาพระ 
มาสอน โยมก็จะท่องสูตรรอเลย แล้วเวลาพระสอน ก็จะมีการถามตอบ 
ไมเ่ หมอื นบา้ นเราใชไ่ หม บา้ นเราพระเทศนอ์ ยา่ งเดยี ว พระเทศนจ์ บ โยมก็ 
สาธุอย่างเดียว แต่ของเขาไม่ใช่อย่างน้ันนะ โยมเขามีพื้นฐานอยู่แล้ว 
พระสูตรน้ีเขาท่องได้อยู่แล้ว พระก็มาขยายความหมายให้ลึกซ้ึงข้ึน ซ่ึง 
อาตมาดูแลว้ ก็ประทบั ใจมาก

บา้ นเขาน้ีเขาให้ความสำ� คญั กบั การศึกษามากในหลายๆ เร่อื ง แล้วก ็
อยา่ งเรอื่ งของการใหต้ �ำแหนง่ พระเถระ อะไรพวกนกี้ ด็  ี เขาไมเ่ หมอื นบา้ นเรา 
บ้านเราน้ี พระต้องขวนขวายเอง เขาเรียกว่าอะไร ต้องเดินเร่ืองขอ เพื่อว่า 
จะได้ แต่ว่าท่ีนู่นเขาเอามาให้เลย พระองค์ไหนท่านก็ทำ� หน้าท่ีของท่านไป 
ก็สอน บางทีในป่าในเขา เขาก็ตามเอาต�ำแหน่งไปให้ บ้านเราน้ีมันตรง 
กนั ขา้ มกนั  พระตอ้ งไปขวนขวายเพอื่ จะไปบอกวา่  ตวั เองทำ� ผลงานอะไรบา้ ง 
เพื่อว่าจะได ้ อนั นี้กค็ อื ข้อแตกต่าง

ดังนั้น ของเขาก็ได้ท�ำหน้าที่ทางฝ่ายวิชาการอะไร ก็ท�ำเต็มท่ีนะ 
ครูอาจารย์อะไร เขาก็ท�ำเต็มที่ ไปกราบพระอาจารย์รูปหน่ึง ท่านบอกว่า 

41ปีท่ี ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ต้ังแต่ท่านบวชมา ท่านไม่ได้กลับบ้านเลย เรียนจบก็ต้ังใจสอนอย่างเดียว 
สอนจนสุดท้ายนี้แหละ จนมีญาติเสีย ถึงได้กลับไปซักครั้งหนึ่ง แสดงว่า 
ทา่ นทุ่มเทใหก้ บั การสอนหนังสือมาก เหน็ แลว้ กป็ ระทับใจหลายๆ เรือ่ ง 

แล้วเขาก็มีนักเรียนมาเรียนมาก มีทั้งโยมท่ีเขาเรียกว่าอะไร แม่ช ี
สชี มพนู ะ เขากไ็ ปเรยี น แลว้ กต็ ง้ั ใจทรงจ�ำพระไตรปฎิ ก แลว้ เขากม็ โี ครงการ 
ส�ำหรับเด็กๆ ด้วย เขาเรียกว่า Dhamma School การเอาพุทธศาสนา 
เขา้ ไปสอนเดก็ ๆ เขามคี นรา่ งหลกั สตู ร กเ็ ปน็ โยมนแ้ี หละ ซง่ึ เปน็ ผรู้  ู้ มคี วามร ู้
ทางพระไตรปฎิ ก แล้วก็พยายามปรบั หลกั สูตรให้มันเหมาะกบั อายขุ องเด็ก 
แลว้  เหมือนกับมี interactive ไมใ่ ชส่ อนแบบบา้ นเรานะ

วิชาศีลธรรมบ้านเราน้ี เราดูแล้วรู้สึกว่า มันไม่ค่อยจะอยากเรียน 
เท่าไหร่ใช่ไหม พระก็มาสอนๆ ไป อาตมาจ�ำได้ สมัยเด็กๆ ก็มีท่ีเรียน 
ศีลธรรม ก็มีพระมาสอนด้วย แต่ว่าพระก็มาสอนให้นั่งสมาธิ เอาลูกแก้ว 
มาต้ังไว้ แล้วก็ให้นักเรียนหลับตา แล้วก็คิดถึงลูกแก้ว แล้วก็สอนอันโน้น 
อันนี้  เยอะแยะไปหมดเลย  แต่ว่าท่านคงยังไม่รู้จักโรงเรียนอาตมาด ี
โรงเรียนอาตมาคือสาธิตจุฬาฯ เด็กๆ มันไม่ใช่เช่ือง่ายอย่างน้ัน ปรากฏว่า
พอลมื ตาขนึ้ มา ลกู แกว้ หาย พระอาจารยโ์ มโห นกั เรยี นหวั เราะกนั ใหญเ่ ลย 
อาจารย์สอน แตว่ า่ ตัวอาจารยเ์ องยงั ท�ำไม่ได้ (ยังโกรธอย่)ู

อันน้ีเป็นตัวอย่างๆ หนึ่ง วิชาธรรมะของเราค่อนข้างจะไม่ได้ปรับ 
เทา่ ไหร ่ ไมเ่ หมอื นกบั ของเขา ของเขากม็ กี ารปรบั ใหเ้ ขา้ กบั ยคุ  มกี ารเอาสอ่ื  

42 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

มาสอน เร่ืองของการเอาตัวภาพต่อ ภาพระบายสีต่างๆ มีการประยุกต์ 
ทเี่ ขาเรยี กวา่  role play ใหเ้ อาชาดกอะไรมาเลน่  คอื พวกเดก็ ๆ เขาจะไดอ้ นิ  
คือเขาไม่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าพระสอน คือเขาต้องเอาศาสนา 
มาท�ำยังไงให้ประยุกต์ใช้ได้ มีท้ังการใช้ดนตรี ใช้ละครต่างๆ ซ่ึงเป็นส่ือ 
สมยั ใหม่นี้เอามาใช้

ซงึ่ อาตมาดแู ลว้ เขากพ็ ฒั นาไปไดไ้ กลแลว้ ตอนน ี้ กเ็ ลยมคี วามพยายาม 
ที่เราจะเอาสิ่งน้ันกลับมา ซ่ึงก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า เพราะบ้านเราเดี๋ยวน้ีก็มี 
โทรศัพท์กันหมดแล้ว เพราะฉะน้ัน มันก็เท่าที่ท�ำได้นะ เราก็ต้องช่วยกัน
แลว้ ถา้ เราเหน็ ความส�ำคญั ของการศกึ ษา เอามาประยกุ ตใ์ ชบ้ า้ ง มหี ลกั สตู ร 
พวกโยมนี้แหละท่ีมีความรู้  อาจจะมาช่วยกันสอบรุ่นแรก  แล้วก็เป็น 
volunteer เปน็ อาสาสมคั รในการทจ่ี ะเอาไปสอน เรารเู้ ทา่ ไหรก่ เ็ อาไปสอน 
เท่าน้ัน ท่ีนู่นเขาก็จะมีการสอน volunteer พระก็เป็นแค่ที่ปรึกษา โยม 
ผหู้ ญงิ ทจี่ ะชว่ ยได ้ กเ็ ปน็  volunteer เขา้ ไปสอนเดก็ นกั เรยี นตา่ งๆ กจ็ ะได้ 
ช่วยกัน อันนี้ก็เป็นการพัฒนาการเรียนการสอนของบ้านเรา ก็ได้เห็นจาก 
ท่ีพมา่

ตอนนท้ี จ่ี รงิ กไ็ ปหลายท ี่ อาตมากด็ งู านเยอะ ไปทงั้ ทจี่ นี  ทอี่ นิ โดนเี ซยี  
สิงคโปร์ มาเลเซีย ในที่ต่างๆ บ้านใกล้เรือนเคียงของเรา เขาไปถึงไหน 
กันแลว้ ถ้ามโี อกาสก็คงจะไดเ้ ลา่ ให้ฟงั แลว้ กันว่า ทไี่ หนเป็นยงั ไงบ้าง

ตอนนี้พระเณรก็ใกล้เคียงที่จะรับอาหารเรียบร้อยแล้ว อาตมาก ็
อนุโมทนานะ วันน้ีญาติโยมมาท�ำบุญ วันอาทิตย์ ก็ได้มีโอกาสมาท�ำบุญ 
แล้วก็แวะมาฟังธรรมด้วย ก็จะได้ครบ รักษาศีล ให้ทาน เจริญภาวนา 
ชาวพุทธเรา ก็หาทักขิไณยบุคคล เน้ือนาบุญ ท่ีเราจะฝังบุญไว้ ก็ดีแล้ว 
แหละ ให้เห็นถึงความส�ำคัญของการศึกษา แล้วที่ไหนที่มีการฟังธรรม 
การสนทนาธรรม เราก็สนใจท่ีจะไปปฏิบัติ ไปฟัง เข้าใจเท่าไหนก็รับไป 
ปฏบิ ตั ิ ก็ขอเปน็ ตัวแทนทจ่ี ะให้พรกบั ญาตโิ ยมตอ่ ไปนะ

43ปที ี่ ๑๕ ฉบับท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

ก วี ธ ร ร ม

เรยี บร้อย รองรับ ไมห่ ลับ ไมห่ ลอย*
รเิ รมิ่  ไม่ถอย รวม’รมณ์** รม่ รื่น
รงุ่ โรจน ์ ลดละ เลกิ แลว้  หลดุ คนื
เรียงรอ้ ย เรอ่ื งต่ืน หลอมลง ร ู้ วางฯ

ปปัญจา

*หลอย ภาษาอสี านแปลวา่ หลบหนี
**รวม’รมณ ์ คอื รวมในอารมณ์เดียว

อธิบาย : -> ศลี
เรียบรอ้ ย รองรับ -> สต ิ
ไม่หลบั ไมห่ ลอย* -> วิรยิ ะ
ริเร่มิ ไมถ่ อย -> สมาธิ
รวม’รมณ์ รม่ รืน่ -> ปัญญา
รงุ่ โรจน์ ลดละ -> วมิ ตุ ต ิ
เลิกแล้ว หลดุ คนื -> วมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ
เรยี งรอ้ ยเรอื่ งตืน่ หลอมลง รู้ วางฯ

44 ข ่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

ค ติ ธ ร ร ม

อยา่ ไปคดิ ว่าเวลาเราแก่
หรอื เวลาเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย
หรอื ใกลๆ้ จะแตก จะตาย

แลว้ จึงภาวนา

ถ้าคิดอย่างนั้น
ก็เป็นอันวา่ คิดผิด

เพราะเวลาอยดู่ ีสบายนแ้ี หละ
เปน็ เวลาทเ่ี ราจะต้อง
ริเร่มิ ภาวนาให้ได้ ใหถ้ ึง

หลวงปสู่ ิม พุทธาจาโร

ฟังธรรม ศกึ ษาธรรม
แล้วไม่นำ� มา “ปฏบิ ัต”ิ

ก็เหมอื นกับ
ถอื ผลไม้ไว้เทา่ น้ัน

ยังไมไ่ ดก้ นิ
ยงั ไมไ่ ด้ลมิ้ รส
ไม่เกิดประโยชนอ์ ะไร

หลวงป่ชู า สภุ ทั โท

45ปีที่ ๑๕ ฉบบั ที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

หนา้ กากมลพิษ
ธรี ยทุ ธ เวชเจรญิ ยงิ่

สงิ่ ทอ่ี ยใู่ กลช้ ดิ กบั ชวี ติ  เสพคนุ้ เปน็ นจิ ใกลช้ ดิ เปน็ ประจำ� สมำ่� เสมอ มนษุ ย์
มักจะละเลยไม่เห็นค่า ไม่เห็นความส�ำคัญ ต่อเม่ือส่ิงน้ันต้องสูญหาย 
สลายไป ต้องวิปริตแปรเปล่ียนไป ส่ิงน้ันกลับเลวร้ายลง เมื่อน้ันมนุษย์ 
จะเรมิ่ หันกลบั มาใหค้ วามสนใจ กลับมาเห็นค่า และใหค้ วามส�ำคัญ

46 ข ่ า ว ส า ร กั ล ย า ณ ธ ร ร ม

อากาศกเ็ ปน็ สง่ิ หนงึ่ ทธี่ รรมชาตใิ หม้ า โดยไมต่ อ้ งซอื้ หา เมอ่ื กาลเวลา 
ผ่านไป มลพิษฝุ่นละอองทางอากาศเริ่มมีมากขึ้นๆ มากจนเป็นอันตราย 
ตอ่ สขุ ภาพมนษุ ย ์ มากจนทำ� ใหห้ ายใจไมอ่ อก คดั จมกู  นำ้� มกู ไหล แสบตา 
แสบคอ แสบจมูก มลพิษแพร่กระจายไปทั่วสารทิศ ทั้งบ้านป่าเมืองกรุง 
ทงั้ อสี าน เหนอื  ใต ้ ออก ตก ทงั้ ในและตา่ งประเทศ ฝนุ่ ละอองทางอากาศ 
เป็นพิษ เกิดจากภัยธรรมชาติจริงหรือ ? หรือเกิดจากฝีมือของมนุษย์ 
ที่มจี ิตคดิ เห็นแก่ตวั

หน้ากากอนามัยกันฝุ่นละอองประเภท N95 เร่ิมเป็นหน่ึงในรายการ 
ของใช้จ�ำเป็นของผู้คน ท่ีประสบกับปัญหาฝุ่นละออง PM25 สินค้าขายด ี
จนขาดตลาด และมีการโก่งราคากันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้มลพิษทาง 
อากาศจะแย่สักแค่ไหน ก็ยังมีท้ังเด็กและผู้ใหญ่จ�ำนวนไม่น้อย ท่ีไม่ยอม 
สวมใส่หน้ากาก เพราะมันดูเป็นมนุษย์ตัวประหลาด อายท่ีจะใส่หน้ากาก 
ไปโรงเรยี น หรอื บางคนกร็ �ำคาญ อดึ อดั  หายใจไมส่ ะดวก จงึ ท�ำใหม้ ผี ปู้ ว่ ย 
มากมายจนล้นโรงพยาบาล

มลพิษฝุ่นละอองทางอากาศ เราสามารถหาหน้ากากมาป้องกันได ้
แล้วมลพิษของใจจะหาส่ิงใดมาปิดป้องหนอ ยามใดเม่ือกายทุกข์ เราสลัด 
ออกไดโ้ ดยงา่ ย เมอ่ื ใดทถี่ ่านไฟก้อนแดงๆ ตกหลน่ ลงทตี่ กั  เราพรอ้ มที่จะ 
สลัดมันทิ้งได้ทันที เหตุไฉน เม่ือฝุ่นแห่งไฟราคะ โทสะ โมหะ คละคลุ้ง 
กลุ้มรุมให้ทุกข์ระทมใจ ไยไม่คิดสลัดออก รู้ว่าท�ำแล้วมันจะทุกข์ร้อนใจ 
ก็ยังพร้อมยินดีให้มันเผาใจไปเรื่อยๆ รู้ว่ามันเป็นกรรมด�ำ ก็พร้อมท่ีจะ 
ทำ� ซ�ำ้  โดยไม่ขยาดหวาดกลัว

มลพิษทางอากาศเรามีหน้ากากป้องกันแล้ว มลพิษทางจิตใจต้อง 
พ่ึงหน้ากากป้องกันภัยที่พระพุทธองค์ทรงมอบให้ เป็นหน้ากากแห่งธรรม 
เป็นหน้ากากท่ีไม่ต้องซ้ือหา  เป็นหน้ากากที่ไม่ขาดตลาด  เพียงแค่ให้ 
มศี รัทธา เพยี รทำ� ตามท่ีพระพทุ ธองค์ทรงตรัสสอน อาทิเช่น

47ปที ่ี ๑๕ ฉบับท่ี ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

หน้ากากแห่งการให้ทาน ป้องกันมลพิษ คือ ความตระหนี่ การ 
ให้ทาน ช่วยฝึกจิตให้เป็นผู้รู้จักให้ เป็นผู้รู้จักเสียสละแบ่งปัน ละความ 
ละโมบ โลภมาก ลดความเห็นแก่ตัวใหน้ ้อยลง

หน้ากากแห่งการรักษาศีล ป้องกันมลพิษ คือ การเบียดเบียน ศีล 
หมายถงึ  ความเปน็ ปกต ิ เมอ่ื ใจเปน็ ปกต ิ กาย วาจา กย็ อ่ มเปน็ ปกต ิ ปกติ 
ที่ไมไ่ ปเบียดเบยี นใคร ดว้ ยกาย และวาจา 

หน้ากากแห่งความเมตตา ป้องกันมลพิษ คือ ความโกรธ เมตตา 
เป็นธรรมค้�ำจุนโลก ท�ำให้โลกสงบ ร่มเย็น เมตตา คือ ความปรารถนาด ี
เปน็ มติ รไมตรี พร้อมทจ่ี ะให้อภยั กัน

หนา้ กากแหง่ ความเพยี ร ปอ้ งกนั มลพษิ  คอื  ความเกยี จครา้ น วริ ยิ ะ 
ทำ� ใหต้ นเปน็ คนขยนั  ความสำ� เรจ็ เกดิ ไดเ้ พราะความเพยี ร ทง้ั ทางโลก และ 
ทางธรรม ก็ตอ้ งอาศยั ความเพียร

หนา้ กากแหง่ ความอดทน ปอ้ งกนั มลพษิ  คอื  ความออ่ นแอ ใจเสาะ 
เปราะบาง ขันติ คือ ความอดทน ท�ำให้เป็นคนเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยต่อ 
อปุ สรรค เป็นคนสชู้ ีวิต

หนา้ กากแหง่ สจั จะ ปอ้ งกนั มลพษิ  คอื  ความไมซ่ อ่ื สตั ย ์ ความไมร่ กั ษา 

48 ข่ า ว ส า ร ก ั ล ย า ณ ธ ร ร ม

สัจจะ ผู้มีสัจจะย่อมเป็นคนท่ีน่าเช่ือถือ เป็นคนท่ีน่าเล่ือมใส เป็นคนท ี่
น่าคบหา เปน็ คนท่ีพูดจริง ทำ� จรงิ

หนา้ กากแหง่ สมาธ ิ ปอ้ งกนั มลพษิ  คอื  ความคิดฟ้งุ ซา่ น สมาธ ิ คือ 
ความตง้ั มนั่  สมาธทิ ำ� ใหจ้ ติ ตงั้ มน่ั  มนั่ คง ไมห่ วน่ั ไหว สมาธติ งั้ มนั่ ในอารมณ์ 
เดียว ท�ำให้จิตสงบ สมาธิต้ังมั่น รู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง เก้ือกูล 
ใหเ้ กิดปัญญา พาใหพ้ น้ ทกุ ข์

หน้ากากแห่งปัญญา ป้องกันมลพิษ คือ อวิชชา ความไม่รู้สัจจะ 
แหง่ ความเปน็ จรงิ  ปญั ญาทที่ �ำใหห้ ายโง ่ ท�ำใหห้ ายจากความเหน็ ผดิ  ท�ำให้ 
หายจากความยึดติด ทำ� ให้หายจากความทุกข์ ทำ� ให้รู้สัจจะแห่งความจริง 
ของชีวติ  ทำ� ใหแ้ จ่มแจง้ ในอริยสจั

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางตอนเท่านั้น แต่ยังมีหน้ากากป้องกัน 
มลพิษทางจิตวิญญาณอีกมากมาย ที่มีอยู่ในค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น 
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ ทำ� ให ้
พ้นทุกข์ ดับทุกข์ได้ โดยสิ้นเชิง อันได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ 
อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ ซ่ึงเรา 
สามารถศึกษาเรียนรู้ฝึกฝนได้ ส�ำคัญเพียงว่า เราพร้อม และยอมท่ีจะ 
ฝกึ ทำ� หนา้ กากปอ้ งกนั มลพษิ ทางจิตวญิ ญาณ ใหก้ ับชีวติ ตนเองแล้วหรอื ยงั

ค�ำสอนของพระพุทธองค์ เป็นหน้ากากแห่งธรรมท่ีป้องกันมลพิษ 
พาให้พ้นจากทุกข์ โทษ ภัย ในสังสารวัฏได้อย่างแท้จริง ชีวิตเป็นส่ิงท ี่
ไม่แน่นอน ความแน่นอนก็คือ ความไม่แน่นอน ทุกบทตอนของชีวิตต้อง 
ลิขิตเอง ไม่มีใครลิขิตให้ เม่ือเรายังมีชีวิตอยู่ ค�ำสอนของพระพุทธองค์ 
กย็ งั มอี ย ู่ ผปู้ ระพฤตธิ รรมเขา้ ถงึ ธรรมกย็ งั มอี ย ู่ ครบู าอาจารยท์ สี่ อนถกู ตอ้ ง 
ตรงตามหลักคำ� สอนของพระพุทธองคก์ ย็ ังมอี ยู่ อยา่ ปลอ่ ยให้กาลเวลาลว่ ง 
เลย จนสายเกินไป ทจ่ี ะกล่าวค�ำว่า “น่าเสียดาย...ก่อนตาย...ไมร่ ธู้ รรม”

หน้ากากแห่งพุทธธรรม ป้องกันให้พ้นภัยในวัฏฏะ ได้อย่าง 
แท้จรงิ

49ปที ่ี ๑๕ ฉบับที่ ๔๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒


Click to View FlipBook Version