The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลิลิตตะเลงพ่าย1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วัชรพงษ์ โตเหี้ยม, 2020-11-02 10:59:21

ลิลิตตะเลงพ่าย1

ลิลิตตะเลงพ่าย1

ตอน ยุทธหัตถี

หนังสือเล่มน้ีเป็นสื่อสำหรับอ่ำนเสริมและใช้ในกำรเรียนกำรสอน เร่ือง ลิลิต
ตะเลงพ่ำย เป็นส่วนหน่ึง ของรำยวิชำ THED๓๒๒ วรรณกรรมในแบบเรียนวิชำ
ภำษำไทย จดั ทำขึน้ เพื่อกำรศกึ ษำเนอื้ หำในตอน ยุทธหัตถี ของเร่ือง ลิลิตตะเลงพ่ำย
ซ่ึงเป็นตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงได้รับชัยชนะในกำรรบจำกกำรท่ีสมเด็จพระ
นเรศวรใช้พระแสงของำ้ วฟนั เขำ้ ที่คอของพระมหำอุปรำชำ ซึ่งกำรทำยุทธหัตถีคร้ังน้ี
ถือเป็นกำรทำยุทธหัตถคี รัง้ สดุ ท้ำยในประวัตศิ ำสตร์

ผ้จู ัดทำขอขอบคุณอำจำรย์ประทุมเพชร แซ่อ๋อง ท่ีคอยให้คำปรึกษำและแนะนำ
ในกำรทำงำนครง้ั นต้ี ้งั แต่ต้นจนจบ

คณะผจู้ ดั ทำ

เรือ่ ง

คำนำ
สำรบัญ
บทนำเรือ่ ง
ควำมเปน็ มำ
ลกั ษณะคำประพนั ธ์
ประวัติผ้แู ต่ง

สมเดจ็ พระมหำสมณเจำ้ กรมพระปรมำนชุ ิตชิโนรส

พระเจำ้ บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำกปติ ถำ กรมหมนื่ ภบู ำลบรริ ักษ์
เน้อื เรอื่ งย่อ

ลิลติ ตะเลงพำ่ ย ตอน ยทุ ธหัตถี

คณุ ธรรมทีไ่ ด้รบั จำกเร่ือง ลลิ ิตตะเลงพ่ำย
ควำมรอบคอบ ไม่ประมำท
กำรเปน็ คนร้จู กั วำงแผน
กำรเป็นคนร้จู กั ควำมกตัญญูกตเวที
การเป็ นคนช่างสงั เกตและมีไหวพริบ
ควำมซอื่ สตั ย์
กำรมวี ำทศลิ ป์ในกำรพูด

ข้อคิดจำกเรือ่ ง
คุณคำ่ จำกเรือ่ ง
บทอำขยำน
แบบทดสอบ

บทนำเรอื่ ง

คำวำ่ ลิลติ ตะเลงพ่ำย มำจำกคำวำ่ ลลิ ิต + ตะเลง + พ่ำย
“ลิลติ ” คือ คำประพนั ธป์ ระเภทโคลง + รำ่ ย
“ตะเลง” คอื มอญ ในท่นี ้ีหมำยถึง พม่ำ
“พำ่ ย” คือ แพ้

ฉะนัน้ “ลลิ ติ ตะเลงพำ่ ย” คือ “ควำมพ่ำยแพข้ องพมำ่ (พม่ำแพ้)” ลลิ ิตตะเลงพ่ำย
ถือเปน็ วรรณกรรมเฉลิมพระเกียรตแิ ละวรรณคดปี ระวัติศำสตร์ ซงึ่ ผแู้ ตง่ สำมำรถทำให้
เนื้อหำทำงประวตั ิศำสตร์กลับมำมชี วี ติ ชวี ำ

ควำมเปน็ มำ

สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำ กรมพระปรมำนุชิตชิโนรส ซ่ึงเป็นพระรำชโอรสใน
พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช ทรงพระนิพนธ์เร่ืองลิลิตตะเลง
พ่ำยในขณะที่ดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมหมื่นนุชิตชิโนรส โดยมีพระเจ้ำบรมวงศ์
เธอ พระองค์เจำ้ กปติ ถำขัตตยิ กุมำร กรมหมืน่ ภบู ำลบรริ ักษ์ พระนัดดำของพระองค์
ทรงช่วยนพิ นธเ์ ลก็ นอ้ ย

จุดประสงค์ในกำรแต่ง เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่ำย คือ เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ
พระนเรศวรมหำรำชท่ีทรงกระทำยุทธหัตถชี นะพระมหำอุปรำชำ ดังคำประพันธ์วำ่

“เฉลมิ พระเกียรติผำ่ นเผำ้ เจ้ำจกั รพรรดิแผน่ สยำม”

ลักษณะคำประพันธ์

มีรูปแบบคำประพันธ์เป็น ลิลิต ประกอบด้วย โคลง + ร่ำย คือ ร่ำยสุภำพกับ
โคลงสุภำพ ซ่ึงมีทั้งโคลงสองสุภำพ โคลงสำมสุภำพ และโคลงสี่สุภำพ รวมจำนวน
๔๓๙ บท

สงครำมยุทธหัตถีเป็นกำรรบกันบนหลังช้ำงของพระมหำกษัตริย์ชำตินักรบ
เพรำะตอ้ งต่อสู้กนั ตวั ตอ่ ตัวและนับเปน็ วรี กรรมของกษัตรยิ ์ ถือว่ำเป็นพระเกียรติยศ
แห่งรำชำ กำรกระทำยุทธหัตถีคร้ังนี้ เป็นกำรทำยุทธหัตถีระหว่ำงสมเด็จพระ
นเรศวรมหำรำชกับพระมหำอุปรำชำเป็นกำรกระทำยุทธหัตถีคร้ังสุดท้ำยหลังจำก
นั้นไมม่ ีกำรรบบนหลงั ช้ำงอีกเลย ดงั คำประพันธว์ ำ่

“หสั ดีรณเรศอ้ำง อวสำน นนี้ ำ
นบั อนำคตกำล หอ่ นพ้อง
ขัตติยำยทุ ธ์บรรหำร คชคู่ กนั แฮ
คงแตเ่ ผอื พี่น้อง ตรำบฟ้ำดนิ กษัย”

ประวัตผิ แู้ ต่ง

สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำ กรมพระปรมำนชุ ติ ชโิ นรส

พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จำ้ กปติ ถำ กรมหม่นื ภบู ำลบรริ กั ษ์

สมเดจ็ พระมหำสมณเจำ้ กรมพระปรมำนชุ ิตชิโนรส

มีพระนำมเดิมว่ำ พระองค์เจ้ำวำสุกรี เป็นพระรำชโอรสในพระบำทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๓ เม่ือพระชนมำยุ ๑๒ พรรษำ ได้
ผนวชเป็นสำมเณร ประทับ ณ พระตำหนักท่ำวำสุกรี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลำรำมรำช
วรมหำวิหำร

สมัยรัชกำลที่ ๒ ได้รับสถำปนำเปน็ กรมหมืน่ นชุ ิตชโิ นรส
สมัยรชั กำลที่ ๔ ไดร้ ับกำรสถำปนำเปน็ กรมสมเดจ็ พระปรมำนชุ ติ ชิโนรส
สมยั รชั กำลที่ ๖ โปรดเกลำ้ ฯ สถำปนำเปน็ สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำ กรมพระยำปรมำนุ
ชติ ชโิ นรส และส้นิ พระชนม์เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมพระชนมำยุ ๖๔ พรรษำ
สมเด็จพระมหำสมณเจ้ำ กรมพระปรมำนชุ ิตชโิ นรส ทรงเป็นสมเด็จสังฆรำชพระองค์ท่ี
๗ แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ และทรงเปน็ พระรำชวงศ์พระองค์แรกท่ีทรงได้รับกำรสถำปนำให้
ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆรำช ทรงสถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลำรำมรำช
วรมหำวหิ ำร
ในสมยั พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจ้ำอยูห่ วั ดำรงสมณศักด์ิเมื่อปี พ.ศ. 2394 ถึงปี
พ.ศ. 2396 รวม 2 พรรษำ ส้ินพระชนม์เมื่อพระชนมำยุได้ 64 พรรษำ
ในทำงพระพุทธศิลป์ ไดท้ รงคิดแบบพระพุทธรูปปำงต่ำง ๆ ถวำยพระบำทสมเด็จพระ
น่ังเกล้ำเจ้ำอยู่หัว โดยทรงเลือกพระอิริยำบทต่ำงๆ จำกพุทธประวัติเป็นจำนวน 37ปำง
เรม่ิ ตงั้ แตป่ ำงบำเพญ็ ทุกขกริ ิยำ จนถึงปำงห้ำมมำร พระพุทธรูปปำงต่ำงๆ เหล่ำน้ี
ในปี พ.ศ. 2533องค์กำรศึกษำวิทยำศำสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชำชำติ
(ยเู นสโก) ได้ประกำศยกย่องสมเดจ็ พระมหำสมณเจ้ำ กรมพระปรมำนุชิตชิโนรสเป็นบุคคล
ผู้มีผลงำนดีเด่นด้ำนวัฒนธรรมระดับโลก ประจำปี พ.ศ.2533 นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกท่ี
ได้รับกำรถวำยเกยี รติน้ี

พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้ำกปติ ถำ กรมหมืน่ ภบู ำลบรริ กั ษ์

ประสตู ิเมอ่ื วนั องั คำร เดอื น 5 แรม 1 ค่ำ ปจี อ เบญจศก จุลศักรำช 1176 ตรง
กับวันท่ี 5 เมษำยน พ.ศ. 2357 ทรงเป็นพระรำชโอรสในพระบำทสมเด็จพระพุทธ
เลศิ หลำ้ นภำลยั และเจำ้ จอมมำรดำอัมพำ ทรงเปน็ ตน้ รำชสกลุ กปิตถำ (5 เมษำยน พ.ศ.
2357 - 22 ธันวำคม พ.ศ. 2415)

ในปี พ.ศ. 2394 พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ทรงโปรดเกล้ำฯ
สถำปนำขึน้ เป็น กรมหมนื่ ภูบำลบริรักษ์ และโปรดเกลำ้ ใหท้ รงกำกับกรมพระอำลกั ษณ์
ส้ินพระชนมใ์ นรัชกำลที่ 5 เมือ่ อำทิตย์ เดอื นอ้ำย แรม 7 คำ่ ปวี อก จัตวำศก จุลศักรำช
1234 ตรงกับวนั ท่ี 22 ธนั วำคม พ.ศ.2415 พระชันษำ 59 ปี

เนือ้ เร่อื งย่อ

ในพระรำชพงศำวดำรกรงุ ศรอี ยุธยำฉบบั พนั จนั ทนุมำศ (เจมิ ) มีกำรบันทึกไว้
ว่ำ เมือ่ พ.ศ. ๒๑๓๓ พระเจำ้ กรงุ หงสำวดนี นั ทบุเรงทรงทรำบขำ่ ววำ่ สมเด็จพระมหำ
ธรรมรำชำเสดจ็ สวรรคต แผ่นดนิ ไทยคงกำลังระสำ่ ระสำ่ ย อำจมีเหตุวุ่นวำยด้วยพระ
รำชโอรสสองพระองค์ชิงรำชบัลลังก์ จึงโปรดให้พระมหำอุปรำชำยกกองทัพเข้ำตี
กรุงศรีอยุธยำ โดยทัพพม่ำเข้ำมำทำงด่ำนเจดีย์สำมองค์ และเข้ำตีเมืองกำญจนบุรี
ขณะนัน้ สมเด็จพระนเรศวรมหำรำชเปน็ พระมหำกษัตรยิ ์ไทย ทรงเตรียมทัพจะไปรบ
เขมร แต่เมือ่ ทรงทรำบขำ่ วศึกพม่ำ จงึ นำทพั ออกไปรบั ศึกพม่ำนอกพระนคร ทัพไทย
และทพั พมำ่ ปะทะกันท่ีตำบลตระพังตรุ จังหวัดสุพรรณบุรี ช้ำงทรงของสมเด็จพระ
นเรศวรมหำรำชและช้ำงทรงของสมเด็จพระเอกำทศรถตกมัน จึงเตลิดเข้ำไปอยู่ใน
วงล้อมข้ำศึก โดยไม่มีกองทัพของพระองค์ติดตำมไปด้วย สมเด็จพระนเรศวร
มหำรำชทรงเชิญให้พระมหำอุปรำชำเสด็จมำกระทำยุทธหัตถีด้วยกัน พระมหำอุป
รำชำเพลยี่ งพล้ำตอ้ งพระแสงของำ้ วของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชส้ินพระชนม์บน
คอช้ำง

หลังจำกสมเด็จระนเรศวรมหำรำชเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยำแล้ว ทรงปูน
บำเหน็จทหำรที่ทีควำมชอบในกำรรบ และทรงตัดสินโทษทหำรที่ตำมเสด็จไม่ทัน
แต่สมเด็จพระวันรัต วัดป่ำแก้วได้กรำบทูลขอพระรำชทำนอภัยโทษให้แก่ทหำร
เหล่ำน้นั พระองค์ก็ทรงยินยอมและให้ยกทัพไปตีเมืองทวำยและตะนำวศรีเป็นกำร
ไถ่โทษ

กำรทำยทุ ธหตั ถีระหวำ่ งสมเดจ็ พระนเรศวรกับพระมหำอุปรำชำ
พระบรมรำชำนุสำวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช อำเภอดอนเจดีย์ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี

๒๘๔ โคลง ๔เบื้องบรมจกั รพรรดิเกล้ำ กษตั รำ
เถลิงพภิ พทวำรำ เกรนิ่ แกลว้
สถิตเกยรัตนรำชำ อำสน์โอ่ องคเ์ อย
คอยฤกษเ์ บกิ ยุทธแ์ ผว้ แผ่นพืน้ หำวหน ฯ
ชระอบั อยูแ่ ฮ
๒๘๕ บดั ดลวลำหกชื้อ เยือกฟ้ำ
แห่งทิศพำยัพยล ลวิ ล่ง ไปเฮย
มลกั แลกะลำยกระลบั แจม่ แจ้งแสงฉำน ฯ
เผยผอ่ งภำณุเมศจำ้ รำคนิ
ดำดไว้
๒๘๖ คัคนำนต์นฤรำสรำ้ ง ถอ่ งโทษ อยนู่ ำ
คือระเบยี บรตั นอนิ ทนลิ โชคชศี้ ภุ ผล ฯ
บรสิ ุทธ์ิสร่ำงมลทนิ
นกั ษตั รสวัสดเิ ดชได้

๒๘๗ รำ่ ยดลมหำมหุตวิ ชิ เยศ จึ่งทวชิ เชษฐ์เนมิตก์ ผู้ชำนินิตยศำสตร์ไสย ล่ันฆ้องชัย
เฉลิมฤกษ์ เบิกบรรดำกจรลี อินทรเภรีคึกขำน บรรสำนศัพท์แตรสังข์ ประนังโพน
พำทยด์ รุ ิยำ จ่ึงบรมนรำธเิ บศร เชษฐ์อดศิ รนรนิ ทร์ ธกท็ รงคชินทรเจษฎำ เจ้ำพระยำ
ไชยำนุภำพ ปรำบอเรนทร์ลำญปำน บัดนฤบำลบพิตร กนิษฐรำชำธิรำช เสด็จเถลิง
อำสน์ไอยรำ เจ้ำพระยำปรำบไตรจักร เป็นอัครยำนยรรยง อลงกตหัตถำภรณ์
อลงกรณ์รำชูปโภค โดยขัตติยโยคพิชัยยุทธ์ รำชกบี่ธุชทักษิณำ พระครุฑพำหน์หน
ซ้ำย ย้ำยเนำวพ่ำห์หว่ำงธวัช เสมำธิปัตเบื้องสดำ ฉัตรชัยประจำฝ่ำยเฉวียง เรียง
ขนัดพระอภิรมุ ชุมสำยฉัตรจำมร บังรวิวรบังแทรก แยกกันเดินคู่เคียง เรียงหนหน้ำ
แหล่หลำย รำยหนหลังแหลห่ ลำก ฟำกหนซ้ำยดำษดำ ฝำ่ ยหนขวำดำษเดียร ระเมยี ร
หมู่มำตงค์ อลงกตเครื่องสำร ล้วนโอฬำรแลถกล พลคชด้ังดำเนิน เมิลหมอควำญขี่
ขบั เสื้อหมวกสรรพสวมเทรดิ สีแดงเลศิ สักหลำด ฉำดทอแสงทินกร ของ้ำวงอนง่ำรำ
นำยจำนำกลำงสำร ทำนทวนเทิดจำทวย พู่สลัดสลำยฟูเฟื่อง พลคชเครื่องจำลอง
ผกู เขนทองจำหลกั ปักแพนหำงมำยูร ทูนจ่ำรงบรรทุก บุกจำบังพังพ่ำย ฝ่ำยขุนทัพ
ขุนพล ตนและตนข่ีคช สวมหมวกยศยรรยง ลำงขลิบวงเวยี ดหัว ลำงตัวใส่เส้ือสนอบ
ขอบหักทองเถอื กทำบ ลำงเขม้ ขำบเสอ้ื สวม กรวมศอคล้องทองประคำ ขอประจำกร
จับ สปั ทนก้ังบงั ตะวัน

กรรชงิ ทำนโทเทียบ พลอัศวเรียบรำยแซง ซ้ำยขวำแขวงขนำบเนื่อง เครื่องครบอัส
สำภรณ์ อลงกรณ์ตดิ ตำบ พู่ผูกยำบยะยับ พำนหน้ำประดับดำวคำ พำนท้ำยประจำ
ดำวมำศ ศีรษะคำดขลุมสวม นวมเบำะอำนกุก่อง สำยง่องคล้องสำยเหำ สำยถือ
เพรำผูกร้อย สองข้ำงห้อยโกลนพนัง ขุนขี่หลังอ่ำอำตม์ กรองทองคำดโพกพัน เส้ือ
สวุ รรณกรวมกำย ลำยอตั ลดั จรัสดวง ควงแส้รอ่ นฟ้อนฟำด ชูสนิ ำดนกน้ำว ลำงเงือด
ง้ำวกลับกลอก ลำงหันหอกกวัดกวำย ลำงทวนทำยแทงท่ำ ลำงตำวง่ำทีฟัน ลำง
กุทัณฑ์เกำะกร ลำงกมุ ศรสำยกง่ สองฟำกท่งทิวเทิน แสนส่ำเถมินทวยเทำ้ เตำ้ ปะปน
พลสำร สวมอลงกำรเส้อื หมวก พวกละอย่ำงต่ำงกอง ลำงสีทองบรรเทือง ลำงเหล่ำ
เหลืองพิลำศ ลำงเหล่ำฉำดชมพู ลำงเหล่ำดูแดงฉัน ลำงเหล่ำพรรณพื้นเมฆ ล่ำง
เหลำ่ เฉกสกุ สลำ ลำงเหลำ่ ดำดำดนื่ ลำงเหล่ำทะม่ืนม่วงทมอ สระกอกันเพรียงพรู ดู
พลโล่สะพรั่ง ดูพลดั้งสระพรำศ ดำษพลดำบเพียบเพญ ดำษพลเขนเพียบภู พลธนู
เนืองนันต์ พลกุทณั ฑ์เนืองนับ ดับพลหอกหันหำ้ ว ดับพลง้ำวเงอื้ งำม หลำมทวยทวน
ทองปลงั่ หล่งั ทวยธวัชปดั ปลวิ ทวิ ทวยปนื ด่ืนเดิน เมิลคำบหินหำญยุทธ์ เมิลคำบชุด
ชำญศึก พันลึกเหล่ำหำมแล่น แกว่นล้อลำกมำกหมู่ อยู่อธึกไกรเกรียง เสียงส่ำสำร
รำ่ นร้อง ซอ้ งเสยี งแสะส่ำเทยี น กอ้ งกงเกวียนปนื ป่นั ลน่ั เท้ำพลตำ่ งเต้ำ โหมโห่เร้ำอึก
อึง ตึงปืนฤกษ์เกริกแหล่ง ฆ้องขำนแข่งสำเนียง เสียงกลองชนะน่ีสนั่น หว่ัน
หวำดไหวใช่น้อย เทียมพสธุ ำดลคลอ้ ย ค่นค้ำนฤๅคง อยนู่ ำ ฯ

๒๘๘ โคลง ๔ยรรยงพยุหยำตรยำ้ ย ยอขบวน ทพั นำ
นองน่ำนสำรแสะมวล มำกผู้
สรรพำวธุ ธงทวน ทำยเทดิ เถลงิ แฮ
ตนและตนอำจสู้ ศกึ รอ้ ยฤๅขำม ฯ

๒๘๙ รำ่ ยเคลื่อนพลตำมเกล็ดนำค ตำกเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยำทัพ ถับประ
ทะไพรนิ สว่ นหสั ดินอุภยั เจำ้ พระยำไชยำนุภำพ เจำ้ พระยำปรำบไตรจักร ตรับตระหนัก
สำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกำหล เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหำงแล่น
แปร้นแปรแ๋ ลคะไขว่ บำทย่ำงใหญ่ดมุ่ ด่วน ป่วนกิริยำร่ำเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้ำสู้ศึก
โรมรำญ ควำญคัดท้ำยบมิอยู่ วู่วำงวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์ลมพำน ส่ำแสะสำรแสนยำ
ขวำซำ้ ยแซงหน้ำหลงั ทง้ั ทวยพลตนขนุ ถ้วนทกุ มุลมวลมำตย์ ยำตรบทนั โทท้ำว ด้ำวศึก
สู้สองสำร รำญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยแห่ห้อม พร้อมแต่กลำงควำญคช กำหนดสี่โดยเสด็จ
เหจ็ เขำ้ ใกลก้ องหน้ำ ข้ำศึกดูดำษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่ำดำดื่น เดินดุจคลื่น
คลำฟอง นองนำ่ นในอรรณเวศ ตรสั ทอดพระเนตรเนืองบร ไล่โรมรอนทวยสยำม หลำม
เหลือหลง่ั ค่งั คบั ซับซอ้ นแทรกสับสน ยลบเปน็ ทัพเปน็ กอง ธกไ็ สสองสำรทรง ตรงเขำ้ ถบี
เข้ำแทง ด้วยแรงมนั แรงกำย หงำยงำเสยสำรเศกิ เพิกพังพ่ำยบ่ำยตน ปนปะไปไขว่คว้ำง
ช้ำงศึกได้กล่ินมัน หันหัวหกตกประหม่ำ บ่ำกันเล่ียงกันหลบ ประทบประทะอลวน
สองคชชนชำญเชี่ยว เร่ียวรณรงค์เริงแรง แทงถีบฉัดตะลุมบอน พม่ำมอญตำยกลำด
ขำ้ ศึกสำดปืนโซรม โรมกทุ ณั ฑธ์ นู ดดู ง่ั พรรษำซ้อง ไป่ตกต้องตนสำร ธุมำกำรเกิดกระลบ
อบอลเวงฟำกฟำ้ ดูบ่รูจ้ ักหน้ำ หนง่ึ สน้ิ แสงไถง แลนำ ฯ

๒๙๐ โคลง ๔จ่งึ ไทเทเวศอ้ำง สมมุติ
ม่ิงมหิศวรมกฎุ เกศหลำ้
เถลิงภพแผ่นอยุธยำย่ิง ยศแฮ
แสดงพระเดชฟุง้ ฟ้ำ เฟ่ืองดำ้ วดินไหว ฯ
โชยงกำร
๒๙๑ ภูวไนยผำยโอษฐอ์ นื้ ฉชั้น
แก่เทพทุกถนิ่ สถำน กมลำสน์ แลนำ
โสฬสพรหมพิมำน สดับถ้อยตูแถลง ฯ
เชิญช่วยชมุ โสตซัน้ มำอุบัติ
สบื เชอื้
๒๙๒ ซ่งึ แสร้งรงั สฤษฏ์ให้ ตรเั ยศ ยืนนำ
ในประยรู เศวตฉัตร กอ่ สร้ำงแสวงผล ฯ
หวังผดุงบวรรัตน นภำ ดลฤๅ
ทำนกุ พระศำสน์เกอ้ื มืดม้วย
ทวยเศกิ สมรแฮ
๒๙๓ กลใดไป่ชว่ ยแผ้ว ดั่งนี้แหนงฉงำย ฯ
ใสสรว่ำงธุมำ โอษฐ์พระ
มลกั เลง็ เหลำ่ พำธำ ต่นื ฟ้ำ
เห็นตระหนกั เนตรด้วย พำนพดั หำวแฮ
จรสั ด้ำวแดนสมร ฯ
๒๙๔ พอวำยวรวำกย์อ้ำง
ดำลมหำวำตะ
ทรหงึ ทรหวลพะ
หอบธุมำงค์จำงจำ้

๒๙๕ ภูธรเมลิ อมติ รไท้ ธำรง สำรแฮ
ครบสบิ หกฉัตรทรง เทริดเกล้ำ
บจ่ วนบ่จวบองค์ อปุ รำช แลฤๅ
พลำงเรง่ ขับคชเต้ำ แต่ต้งั ตำแสวง ฯ
ทฤษฎี แลนำ
๒๙๖ โดยแขวงขวำทิศทำ้ ว หนึ่งไสร้
บดั ธเหน็ ขนุ กรี เรียงคง่ั ขูเฮย
เถลิงฉตั รจัตุรพิรีย์ ขอ่ ยชเ้ี ณอนำม ฯ
หนแหง่ ฉำยำไม้ คะเนนกึ อยนู่ ำ
นกั โนน้
๒๙๗ ปนิ่ สยำมยลแท้ท่ำน แลหลำก หลำยแฮ
ถวิลว่ำขนุ ศึกสำ เพง่ เพ้ยี นพศิ วง ฯ
ทวยทพั เทียบพันลึก ขับคเชนทร์บ่ำยหนำ้
ครบเครื่องอปุ โภคโพ้น
พกั ตร์ท่ำนผ่องฤๅเศร้ำ
๒๙๘ โคลง ๒สองสรุ ยิ พงศผ์ ำ่ นหลำ้
แขกเจ้ำจอมตะเลง แลนำ ฯ โซรมปืนไฟไปต่ ้อง

๒๙๙ ไป่เกรงประภำพเทำ่ เผ้ำ
สู้เสี้ยนไป่หนี หน้ำนำ ฯ

๓๐๐ ไพรีเรง่ สำดซ้อง
ตนื่ เต้ำแตกฉำน ผ้ำนนำ ฯ

ทัพหลวงเคลอื่ นพล ชำ้ งทรงพระนเรศวรและพระเอกำทศรถฝ่ำเข้ำไปในกองทัพขำ้ ศกึ
ขณะสมเดจ็ พระนเรศวรประทับบนเกย เพ่ือรอพิชัยฤกษ์เคล่ือนทัพหลวง ได้บังเกิด

เมฆก้อนใหญ่เย็นเยือกลอยอยู่ทำงทิศ พำยัพ แล้วก็กลับแลดูท้องฟ้ำ แจ่มกระจ่ำง
ดวงอำทิตย์ส่องแสงจ้ำโดยไม่มีอะไรบดบัง อันเป็นนิมิตท่ีแสดงพระบรมเดชำนุภำพและ
ช้ใี ห้เห็นควำมมีโชคดี สมเด็จพระนเรศวรและพระเอกำทศรถทรงเคลื่อนพลตำม เกล็ดนำค
ตำมตำรำพิชัยสงครำม จนปะทะเขำ้ กบั กองทพั ขำ้ ศกึ ช้ำงพระท่นี ัง่ ทงั้ สอง คือ พระเจำ้ ไชยำ
นภุ ำพ และ เจำ้ พระยำปรำบไตรจกั ร ได้สดบั เสียง ฆ้อง กลอง และเสียงปืนของข้ำศึก ก็ส่ง
เสยี งร้องดว้ ยควำมคกึ คะนอง เพรำะกำลังตกมัน ควำญบังคับไว้ไม่อยู่ มันวิ่งไปโดยเร็ว จน
ทหำรในกองตำมไม่ทนั มีแต่กลำงช้ำงและควำญชำ้ งส่ีคนเท่ำน้นั ท่ตี ำมเสดจ็ ไปด้วยจนเข้ำไป
ใกล้กองหน้ำของข้ำศึก ช้ำงศึกได้กล่ิน มัน ก็พำกันตกใจหนีไปปะทะกับพวกที่ตำมมำข้ำง
หลัง ช้ำงทรงไล่แทงชำ้ งของข้ำศึกอย่ำงเมำมัน ทหำรพม่ำล้มตำยเป็นจำนวนมำก ข้ำศึกยิง
ปืนเข้ำใส่ แต่ไม่ถูกช้ำงทรง กำรต่อสู้เป็นแบบตะลุมบอนจนฝุ่นตลบมองหน้ำกันไม่เห็น
เหมือนกบั เวลำกลำงคนื

สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสประกำศแด่เทวดำทั้งหลำยบนสวสรรค์ท้ังหกชั้น และ
พรหมทั้งสิบหกชั้นว่ำ ทใ่ี หพ้ ระองคท์ ่ำนมำประสตู รเป็นพระมหำกษัตริย์ครองรำชย์สมบัติก็
ด้วยหวังจะให้ทะนุบำรุงศำสนำ และพระรัตนตรัยให้เจริญรุ่งเรือง เหตุใดเล่ำเทวดำจึงไม่
บนั ดำลให้ท้องฟ้ำสว่ำงมองเห็นข้ำศึกได้ชัดเจน พอดำรัสจบไม่นำนก็เกิดพำยุใหญ่พัดหอบ
เอำฝุ่นและควันหำยไป ท้องฟ้ำสว่ำงดังเดิม มองเห็นสนำมรบได้ชัดเจน พระองค์ทรง
ทอดพระเนตรเห็นพระมหำอุปรำชำทรงช้ำงประทับยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข่อย มีทหำรห้อมล้อม
และตง้ั เครื่องสูงครบครัน

ท้ังสองพระองค์ทรงไสช้ำงเข้ำไปหำด้วยพระพักตร์ท่ีผ่องใสไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ขำ้ ศกึ ยิงปนื ไฟเข้ำมำแตก่ ม็ ไิ ด้ต้องพระองค์เลย

๓๐๑ โคลง ๔นฤบำลบพติ รเผำ้ ภวู นำ ยกแฮ
ผำยสิหนำทกถำ ทำ่ นพรอ้ ง
ไพเรำะรำชสภุ ำ ษติ สอ่ื สำรนำ
เสนอบ่มีขอ้ ข้อง ขุ่นแค้นคำไข ฯ
แหล่งตะเลง โลกฤๅ
๓๐๒ อำ้ ไทภูธเรศหลำ้ ยำ่ นแกลว้
เผยพระยศยินเยง หวนั่ เดช ทำ่ นนำ
สบิ ทิศทวั่ ลือละเวง เผือดกล้ำแกลนหนี ฯ
ไป่เร่ิมรอฤทธิ์แผ้ว ภพอตุ ดมเอย
ร่มไม้
๓๐๓ พระพ่พี ระผู้ผำ่ น เผยอเกยี รติ ไว้แฮ
ไป่ชอบเชษฐย์ นื หยดุ สดุ ส้ินฤๅมี ฯ
เชิญรำชร่วมคชยุทธ์ อวสำน นี้นำ
สืบกว่ำสองเรำไสร้ ห่อนพ้อง
คชคู่ กันแฮ
๓๐๔ หัสดีรณเรศอ้ำง ตรำบฟำ้ ดินกษัย ฯ
นบั อนำคตกำล สุขศำนติ์
ขัตตยิ ำยทุ ธ์บรรหำร เริ่มรง้ั
คงแต่เผือพี่นอ้ ง ประติยุทธ์ นน้ั นำ
แตห่ ลำ้ เลอสรวง ฯ
๓๐๕ ไว้เป็นมหรสพซอ้ ง
สำหรับรำชสำรำญ
บำเทงิ หฤทยั บำ
เสนอเนตรมนษุ ย์ต้ัง

๓๐๖ ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมำน
เชิญประชุมในสถำน ที่นี้
ชมชน่ื คชรำบำน ตูตอ่ กันแฮ
ใครเช่ียวใครชำญชี้ ชเยศอ้ำงอวยเฉลิม ฯ
กลำงรงค์
๓๐๗ หวงั เร่มิ คุณเกยี รติกอ้ ง คู่หล้ำ
ยืนพระยศอยู่คง ภพแผ่น สองฤๅ
สงครำมกษัตริย์ทรง เรอ่ื งร้สู รเสรญิ ฯ
สองรำชรอนฤทธิ์ร้ำ พรรณำ
ท่ำนแจง้
๓๐๘ ดำเนนิ พจนพำกย์พร้อง นะนกึ หำญเฮย
องคอ์ คั รอปุ รำชำ ด่วนดว้ ยโดยถวลิ ฯ
กอบเกดิ ขัตติยมำ โททรง
ขับคชเขำ้ ยทุ ธแ์ ย้ง หนึ่งอ้ำง
คลอำสน์ มำรเอย
๓๐๙ หษั ดนิ ป่ินธเรศไท้ ไขวแ่ ควง้ แทงโถม ฯ
คือสมิทธิมำตงค์ บำรู
หนง่ึ คอื คิริเมขลม์ ง เชิดดำ้
เศียรส่ำยหงำยงำคว้ำง ไววอ่ ง นกั นำ
เขน่ เข้ยี วในสนำม ฯ
๓๑๐ สองโจมสองจจู่ ว้ ง
สองขัตติยสองขอชู
กระลงึ กระลอกดู
ควำญขบั คชแขง่ ค้ำ

๓๑๑ งำมสองสรุ ิยรำชล้ำ เลอพศิ นำพอ่
พ่ำงพัชรินทรไพจติ ร ศึกสรำ้ ง
ฤๅรำมเร่มิ รณฤทธ์ิ รบรำพณ์ แลฤๅ
ทกุ เทศทุกทศิ อ้ำง อื่นไทไ้ ป่เทยี ม ฯ
ขุนตะเลง
๓๑๒ ขุนเสยี มสำมรรถตำ้ น หยอ่ นหำ้ ว
ขนุ ตอ่ ขนุ ไป่เยง องั กสุ ไกวแฮ
ยอหตั ถเ์ ทดิ ลบองเลบง ทำ่ นสศู้ ึกสำร ฯ
งำมเร่งงำมโทท้ำว ออกถวลั ย์
เหยียบยงั้
๓๑๓ คชยำนขตั ติเยศเบอื้ ง ลงล่ำง แลนำ
โถมประทะไป่ทนั คู่ค้ำคำงเขิน ฯ
สำรทรงรำชรำมัญ เชิงชดิ
เสยสำ่ ยท้ำยทนั ตท์ ง้ั ตกด้ำว
รำรอ่ น ขอแฮ
๓๑๔ ดำเนนิ หนุนถนดั ได้ อยู่เพ้ียงจกั รผนั ฯ
หน่อนเรนทรทศิ สยำมนิ ทร์
เสด็จแสดงวรำฤทธิ์ หอ่ นพ้อง
ฟอนฟำดแสงของ้ำว ฤๅถูก องคเ์ อย
ปัดด้วยขอทรง ฯ
๓๑๕ เบอื้ งนน้ั นฤนำถผู้
เบย่ี งพระมำลำผนิ
ศสั ตรำวุธอรนิ ทร์
เพรำะพระหตั ถ์หำกป้อง

๓๑๖ บัดมงคลพำ่ ห์ไท้ ทวำรัติ
แวง้ เหว่ยี งเบีย่ งเศยี รสะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงดั คอคช เศกิ แฮ
เบนบ่ำยหงำยแหงนให้ ท่วงทอ้ ทีถอย ฯ
ในรณ
๓๑๗ พลอยพล้ำเพลยี กถ้ำท่ำน พ่ำยฟอ้ น
บดั รำชฟำดแสงพล เผดจ็ คู่ เข็ญแฮ
พระเดชพระแสดงดล ขำดด้ำวโดยขวำ ฯ
ถนดั พระอังสำข้อน ยลสยบ
ท่ำวดิน้
๓๑๘ อุรำรำนรำ้ วแยก สงั เวช
เอนพระองคล์ งทบ สูฟ่ ำ้ เสวยสวรรค์ ฯ
เหนือคอคชซอนซบ ไทยไผท
วำยชวิ ำตมส์ ดุ ส้ิน ชีพมล้ำง
รีรำช แลนำ
๓๑๙ บ้ันท้ำยคชำธเรศท้ำว ตอกตอ้ งตนสลำย ฯ
ถงึ พริ ำลยั ลำญ นฤบำล
เพรำะเพ่อื พพิ ธิ ไพ ยำตรเต้ำ
โซรมสำดตรำดปืนขวำ้ ง ฤทธริ์ ำช แลฤๅ
เขน่ คำ้ บำรู ฯ
๓๒๐ ฝำ่ ยองค์อศิ วรนำถนอ้ ง
แสดงยศคชยุทธยำน
มำงจำชโรรำญ
เร็วเร่งคเชนทรเขำ้

๓๒๑ บัดภธู เรศพำ่ หไ์ ด้ เชงิ ชน
ลงล่ำงง้ำงโททนต์ เทดิ ใต้
พชั เนียงเบี่ยงเบนตน เซซวด ไปแฮ
หวั ปัน่ หนั ข้ำงให้ เพลี่ยงพลง้ั เสยี ที ฯ
ของอน
๓๒๒ ภูมมี ือง่ำง้ำว บัน่ เกล้ำ
ฟันฟำดขำดคอบร เมือชพี แลเฮย
อินทรยี ์ซบกญุ ชร พี่น้องสองไท ฯ
เผยพระเกียรตผิ ำ่ นเผ้ำ จุลจักร
ท่ำวซำ้
๓๒๓ ทนั ใดกลำงคชเจ้ำ ปนี ปำ่ ย เอำเอย
มลำยชิพติ ลำญทกั เดโช
เหลือหลำมเหลำ่ ปรปักษ์ อยู่เบ้อื งบนสำร ฯ
พระรำญอริรำชดว้ ย ทำ่ นทำ้ ว
สี่ทำสสนตรึงอกพกตกขวำ้ ผ่ำนแผ่ ภพนำ
ศึกสู้เสยี สอง ฯ
๓๒๔ องบำทโท
พระยศย่ิงภยิ โย
สองรอดโดยเสด็จดำ้ ว

๓๒๕ ร่ำยจ่ึงกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้ำขวำซ้ำย ผ้ำยมำทันธิบดินทร์ ขณะอริ
นทรพินำศ ขำดคอคชสองเสร็จ ตำ่ งรบี ระเห็ดเข้ำโรม โหมหักหำญรำญรุก บุกบ่ันฟัน
แทงฆ่ำ พมำ่ มอญไทยใหญ่ ไลม่ ล้ำงลำวดำษดวน ไล่มล้ำงยวนดำษดื่น ตื่นกันแตกกัน
ตำย หลำยเหลอื นับเนืองนอง กองก่ำยกำยรำยหัว ตัวขำแขนเด็ดดำษ กลำดกลำงท่ง
กลำงเถ่อื น เกลอื่ นกลำงดงกลำงดอน แล่นซอกซอนซนซกุ บกุ ทุกพำยพ่ำยแพ้ เพรำะ
พระเดชท่ำนแท้ หำกใหข้ ำดเขญ็ แลนำ ฯ

๓๒๖ โคลง ๒เหน็ ประภำพเจ้ำชำ้ ง เชย่ี วกวำ่ เชี่ยวเหลืออำ้ ง
เอกิ อื้ออัศจรรย์ ย่ิงนำ ฯ พวกอเรนทร์ด่วนด้น

๓๒๗ ขวัญหนีดฝี ่อพน้

ดดั ดนั้ ทำงทวน ไปนำ ฯ

๓๒๘ ร่ำยชวนกันผันกนั ผำย แลนำ ชวนกันขจำยขจัด แลนำ ชวนกันกระพัดกระเพ่ิน
แลนำ ชวนกนั เกรน่ิ กนั เกรียว แลนำ บเหลยี วหลังมำร้ำ แลนำ บกลับหน้ำมำรำญ แล
นำ บอยู่ทำนมือรบ แลนำ บอยู่ทบมือรอน แลนำ มรณ์ด้วยดำบเหลือหลำย แลนำ
ตำยด้วยหอกเหลือหลำก แลนำ มำกปืนต้องอนันต์ แลนำ ครันทวนถูกอเนก แลนำ
เฉกฟำงฟอดทอดไฟ ฟูมไผทถั่งท้น พ้นคะเนคะแนน แกลนเดชไท้ทุกผู้ บมีใครรอสู้
แต่ตัง้ ตนื่ หนี สน้ิ นำ ฯ

๓๒๙ โคลง ๔นฤบดดี ำรัสให้ ขุนพล
ควบพยหุ พหล ไลม่ ลำ้ ง
เสร็จเสด็จส่ตู ำบล ถนิ่ ทพั ท่ำนนำ
ปนู ชอบกอบช่อื ชำ้ ง คูค่ ำ้ เขน่ เขญ็ ฯ
ปจั จำ มิตรเอย
๓๓๐ เปน็ ศักดส์ิ มดว้ ยเผด็จ เรียกรอ้ ง
นำมชอื่ ปรำบหงสำ หนเหจ็ ศกึ แฮ
คือยอดขัตติยพำ ธเรศรู้สบสถำน ฯ
เฉลมิ พระเกียรติเกรกิ ท้อง

๓๓๑ ร่ำยฝำ่ ยทวยหำญทุกทพั กบั ขนุ พลทุกนำย รำยกันตำมกันติด ประชิดทัพรำมัญ
ฟันแทงฆ่ำริปู โดยแดนผลูเหลือแหล่ แต่ตระพังตรุค่ำยตั้ง กระทั่งถึงกำญจนบุรี ผี
กลำกลำดพสุธำร ประมำณสองหมื่นเศษ จนส้นิ เขตภพทำ่ น ดำ่ นเจดีย์สำมองค์ คงจับ
เป็นก็หลำย ทั้งนำยทัพและไพร่ ได้เมืองมล่วนผู้ควำญ สำรทรงองค์อุปรำช ได้คช
ขนำดใหญ่ล้วน หกศอกถ้วนสูงสกนธ์ สำมร้อยตนไตรตรำ อำชำสองพันปลำย หลำย
ศำสตรำนำนำวุธ เคร่ืองพิธยุทธ์ยำนย่ัว ทั่วทุกส่ิงส่ำสรรพ์ อนันต์อเนกเนืองนอง มำ
ทูลละอองบำทท้ำว ด้ำวถ่ินทัพพลับพลำ ท่ัวมำตยำทุกผู้ แถลงที่ศึกไป่สู้ สร่ำงเส้ียน
เตยี นตะเลง แลนำ ฯ

ยุทธหัตถี และชยั ชนะของไทย
สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระรำชดำรัสอันไพเรำะไม่มีสุรเสียงขุ่นแค้นพระทัยเลยแม้แต่

นอ้ ยว่ำ “ผทู้ รงเป็นใหญ่แห่งประเทศมอญ พระเกียรคิยศเล่ืองลือไปไกลท่ัวท้ังสิบทิศ ข้ำศึกได้
ยินก็เกรงพระบรมเดชำนุภำพ ไมก่ ลำ้ สรู้ บพำกันหนีไป”

พระเจำ้ ผู้พป่ี กครองประเทศอนั บรบิ รู ณ์ยิ่ง เปน็ กำรไม่สมควรเลยที่พระเจ้ำพ่ีประทับอยู่
ใตร้ ม่ ไม้ เชิญพระองค์เสด็จมำร่วมทำยุทธหัตถีร่วมกัน เพ่ือแสดงเกียรคิไว้ให้เป็นที่ปรำกฏ ต่อ
จำกเรำทั้งสองจะไมม่ ีอีกแลว้

กำรรบด้วยกำรชนช้ำงจะถึงท่ีสุดเพียงน้ี ต่อไปจะไม่ได้ไม่พบอีก กำรท่ีกษัตริย์ทำยุทธ
หัตถกี นั ก็คงมแี ตเ่ รำสองพนี่ อ้ ง ตรำบชว่ั ฟ้ำดนิ สลำย

กำรทำยุทธหัตถีก็เปรียบประดุจกำรเล่นท่ีร่ืนเริงของกษัตริย์เพื่อให้ชมเล่นเป็นขวัญตำ
แก่มนุษย์จนถึงเมืองสวรรค์ ขอทูลเชิญเทวดำและพรหมทั้งปวงมำประชุมในสถำนที่น้ีเพื่อชม
กำรยุทธหตั ถี ผใู้ ดเชยี่ วชำญกว่ำ ขอทรงอวยพรให้ผู้น้ันรับชัยชนะ หวังจะให้พระเกียรติยศใน
กำรรบคร้ังนีด้ ำรงอยชู่ ่ัวฟ้ำดิน ว่ำกษตั รยิ ท์ ง้ั สองพระองค์ได้กระทำสงครำมกัน ใครรู้เรือ่ งก็จะได้
ยกย่องสรรเสริญกันตลอดไป ”

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรได้ตรัสพรรณนำดังนั้น พระมหำอุปรำชำได้ทรงสดับก็บังเกิด
ขัตติยะมำนะกล้ำหำญขึ้น รีบไสช้ำงเข้ำต่อสู้โดยเร็วด้วยควำมกล้ำหำญ ช้ำงทรงของผู้เป็น
ใหญ่ทงั้ สองพระองค์ เปรียบเหมือนช้ำงเอรำวัณและช้ำงคิรีเมขล์อันเป็นพำหนะของวัสวดีมำร
ต่ำงส่ำยเศียรและหงำยงำโถมแทงอยู่ขวักไขว่ สองกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่งำมเลิศล้ำน่ำชมยิ่งหนัก
ประหน่ึงพระอินทร์และไพจิตรำสูรทำสงครำมกัน หรือไม่ก็เหมือนกับพระรำมรบกับทศกัณฐ์
กษัตริย์อื่นในทุกประเทศและทุกทิศไม่เสมอเหมือน กษัตริย์แห่งกรุงสยำมก็สำมำรถต้ำนพระ
มหำอุปรำชำได้ ทงั้ สองไม่ทรงเกรงกลวั กันเลย และไมไ่ ดล้ ดควำมหำ้ วหำญลงแมแ้ ตน่ ้อย

พระหตั ถก์ ย็ กพระแสงของ้ำวข้นึ กวัดแกว่งตำมแบบฉบับ ช้ำงทรงของสมเด็จพระนเรศวรโถม
เข้ำใส่ไมท่ นั ตั้งหลกั ยง้ั ตวั ช้ำงทรงของพระมหำอุปรำชำได้ล่ำงใช้งำท้ังคู่ค้ำคำงเจ้ำพระยำไชยำ
นุภำพแหงนสงู ขึน้ จึงไดท้ ีถนดั พระมหำอุปรำชำเห็นเปน็ โอกำส จึงเงื้อพระแสงของ้ำวจ้วงฟัน
อยำ่ งแรงรำวกับจกั รหมุน แตส่ มเด็จพระนเรศวรทรงเบ่ียงพระมำลำหลบพร้อมกับใช้พระแสง
ของ้ำวปดั เสียทนั อำวุธของพระมหำอปุ รำชำจงึ ไม่ถูกพระองค์

ทันใดนั้นช้ำงทรงของสมเด็จพระนเรศวรเบนสะบัดได้ล่ำง จึงใช้งำงัดคอช้ำงของพระ
มหำอปุ รำชำจนหงำย ชำ้ งของพระมหำอุปรำชำเสียทำ่ ต้องถอยหลังพลำดท่ำในกำรรบ สมเด็จ
พระนเรศวรจงึ ทรงเงอื้ พระแสงของำ้ วฟนั ถูกพระมหำอปุ รำชำทพ่ี ระองั สำขวำขำดสะพำยแลง่

พระอุระของพระมหำอปุ รำชำถูกฟันจนเป็นรอยแยก พระวรกำยก็เอนซบอย่บู นคอช้ำง
เป็นที่น่ำสลดใจ สิน้ พระชนมแ์ ล้วไดไ้ ปสถิตในแดนสวรรค์ ควำญช้ำงของสมเด็จพระนเรศวร
คือ นำยมหำนุภำพก็ถูกปืนข้ำศึกเสียชีวิต ส่วนสมเด็จพระเอกำทศรถได้ทำยุทธหัตถีกับ มำง
จำชโร (พระพีเ่ ล้ียงของพระมหำอปุ รำชำ) พระเอกำทศรถได้ใช้พระแสงของ้ำวฟันถูกมำงจำช
โรตำยซบอยู่บนหลังพลำยพชั เนยี รนน่ั เอง และกลำงช้ำงของพระเอกำทศรถ คอื หมื่นภักดศี วร
ก็ถูกปนื ข้ำศกึ ตำย

ท้ังสองพระองค์รบกับข้ำศึกในคร้ังนี้ด้วยพระบรมเดชำนุภำพ เพรำะมีแค่ทหำรส่ีคน
และพระองค์ท้ังสองเท่ำนน้ั พระเกยี รตจิ งึ แผ่ไปไกล ทหำรทต่ี ดิ ตำมไปตำยสองและรอดกลับมำ
สอง

กองทัพไทยตดิ ตำมมำทันเม่ือพระมหำอุปรำชำขำดคอช้ำงแล้ว ต่ำงก็รีบเข้ำมำช่วยรบ
ฆำ่ ฟันทหำร พม่ำ มอญ ไทยใหญ่ ลำว เชียงใหม่ ตำยลงจำนวนมำกเหลือคณำนับ ที่เหลือบุก
ปำ่ ฝำ่ ดงหนีไป ทั้งนีเ้ ป็นพระบรมเดชำนุภำพของพระองค์โดยแท้

๓๓๒โคลง ๔ รำชำชเั ยศอื้น โองกำร
รังสฤษฏพ์ ระสถูปสถำน ท่ีมลำ้ ง
ขุนเข็ญครู่ ำบำญ สวมศพ ไวแ้ ฮ
หนตระพงั ตรสุ รำ้ ง สืบหลำ้ แหลง่ เฉลิม ฯ

๓๓๓ ร่ำยเสร็จเร่ิมรณแล้วไสร้ ธให้เจ้ำเมืองมล่วน ถ้วนท้ังคชหมอควำญ จำทูลสำร
เสยี รงค์ องค์อปุ รำชเอำรส ขำดคอคชลำญชีพ รีบเร็วยำตรอย่ำหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎำ
กำร แด่มหิบำลผู้เผ้ำ เจ้ำแผ่นภพหงสำ แล้วธให้คลำพยุหทัพ กลับคืนครองครอบ
เหลำ้ เถลิงอยธุ ยเย็นเกล้ำ ทัว่ ถว้ นทวยสยำม สน้ิ นำ ฯ

๓๓๔ โคลง ๔กรุงรำมฤทธ์ิเฟื่องฟำ้ ฟูภพ
ตระบดั บพติ รปรำรภ ชอบพน้
เจำ้ รำมรำฆพ คงคู่ เสดจ็ นำ
ตำแหนง่ กลำงช้ำงต้น ตอ่ ด้วยดัสกร ฯ
เถลิงงำน
๓๓๕ กญุ ชรวรพำ่ หท์ ้ำย บั่นเสี้ยน
องคอ์ นชุ นฤบำล ชัเยศ ยง่ิ นำ
ขนุ ศรคี ชคงชำญ เพื่อนไทใ้ นรณ ฯ
สนองบำทยำตรยุทธเ์ ท้ยี น โดยเสด็จ
ท่ำนให้
๓๓๖ สองผจญอรริ ำชดว้ ย ทกุ สิ่ง สรรพแฮ
คุณขอบตอบบำเหนจ็ อีกทงั้ ทวยเชลย ฯ
ครบเคร่ืองอุปโภคเสร็จ
เงินและทองทำสใช้

๓๓๗ แลว้ เผยพจนำรถซั้น บรรหำร
ยกชอบกอบบำนำญ ที่ม้วย
นำยมหำนุภำพควำญ กลำงคช หนงึ่ นำ
หมนื่ ภักดศี วรดว้ ย ศกึ สเู้ สยี ตน ฯ
ปูนยศ
๓๓๘ บัดดลดำรัสให้ ทั่วทัง้
ทรัพย์สง่ิ ศรีสำรด ควำมชอบ เขำนำ
บุตรทำรทำ่ นแทนทด ต่อเหงำ้ เผำ่ เฉลิม ฯ
สมที่ภักดตี ง้ั

๓๓๙ รำ่ ยเพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยกำรศึก ปรึกษำโทษขุนทัพ สรรพทั้ง
มวลหมมู่ ำตย์ ว่ำอรริ ำชรปิ ู ยกพยหู เหยยี บเขต ประเวศชำนเวียงชัย พระบำทไทธท้ัง
สอง ปองพระศำสน์อำรงุ ผดงุ ชุมชีทวชิ ำติ ท่วั ทวยรำษฎรป์ ระชำ ไป่ระอำออกท้อ ข้อ
ลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอตุ สำหภำพ เสดจ็ ปรำบรำชอรี ปวงมนตรีนำยทัพ สรรพทุก
ตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นย่ิงพระรำชอำชญำ ไป่ยำตรำพลขันธ์ ทันเสด็จ
ด้ำวรณรงค์ มละสำรทรงสองเตำ้ เข้ำทำ่ มกลำงปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชัเยศเสร็จสรรพ
โทษขนุ ทัพท้ังมวล ควรประกำรใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แตเ่ บือ้ งโบรำณ รตี นำ ฯ

๓๔๐ โคลง ๔โองกำรทำ่ นสง่ั ให้ ปรึกษำ
โทษทุกทวยมำตยำ ทั่วผู้
ลกู ขุนรบั บญั ชำ เชิญกฎ ออกเอย
คน้ ขนบจบเจนรู้ รตี ตง้ั แต่ปำง ฯ

๓๔๑ วำงบทปรำกฏอ้ำง อยั กำร เศิกแฮ
พบรำชกฤษฎีกำขำน โทษไว้
เกณฑใ์ ครควบในงำน ยทุ ธยำตร พระนำ
ไปบ่ทนั เสดจ็ ไสร้ สูส่ ู้ศกึ ผจญ ฯ
โทษำ
๓๔๒ ตนนั้นอุกฤษฏแ์ ท้ วอดมว้ ย
ถงึ ประหำรชีวำ ตำมโทษ เขำแฮ
จงเห็นประจักษ์ตำ ดั่งนแ้ี หนงตำย ฯ
ใครอย่ำดูเยย่ี งด้วย ดำรสั โดยเหตุหน้ั

๓๔๓ โคลง ๒ถวำยพิพำกษำซน้ั วันบณั รสไี ซร้
แหง่ เบือ้ งบนั ทกึ โทษนำ ฯ
พนั ธนำไวแ้ ล้
๓๔๔ คำนึงนึกบำปใกล้
จวบเข้ำควรงด หนอ่ ยนำ ฯ ล่วงอโุ บสถเสร็จแล้ว
คลำดด้ำวดำเนิน บทนำ ฯ
๓๔๕ กำหนดพรกุ เพญ็ แท้
ตรตุ รึง้ ตรำกขัง มน่ั นำ ฯ
โคลง ๓ตั้งแตป่ ำฏบิ ท
เรง่ สฤษฏโ์ ทษอยำ่ แคล้ว

พระนเรศวรทรงสรำ้ งสถูปและปนู บำเหน็จทหำร
สมเด็จพระนเรศวรมีรับส่ังให้สร้ำงสถูปสวมทับที่พระองค์ทรงทำยุทธหัตถี ณ ตำบล

ตระพงั ตรุ เพ่อื เปน็ กำรเฉลมิ พระเกียรติสืบต่อไป เสร็จศึกยุทธหัตถีแล้ว สมเด็จพระนเรศวร
โปรดให้เจ้ำเมือง มล่วน รวมท้ังควำญช้ำงกลับ ไปแจ้งข่ำวกำรแพ้สงครำมและกำร
สิ้นพระชนม์ของพระมหำอุปรำชำแก่พระเจ้ำหงสำวดี แล้วพระองค์ก็ยกทัพกลับกรุงศรี
อยุธยำ ชื่อเสียงของกรุงศรีอยุธยำก็ลือเลื่องไปท้ังแผ่นดิน จำกนั้นก็ทรงปรำรภเร่ืองกำร
พระรำชทำนควำมดคี วำมชอบแก่ พระยำรำมรำฆพ (กลำงช้ำงของพระนเรศวร) และ ขุนศรีค
ชคง (ควำญชำ้ งของพระเอกำทศรถ) โดยพระรำชทำนบำเหน็จ เครื่องอุปโภค เงิน ทอง ทำส
และเชลยให้แล้วกพ็ ระรำชทำนบำนำญแกบ่ ตุ รภรรยำของ นำยมหำนุภำพ และ หมน่ื ภกั ดีศวร
ที่เสียชวี ติ ในสงครำมใหส้ มกับควำมดีควำมชอบและทีม่ คี วำมภักดีตอ่ พระองค์

ต่อมำกท็ รงปรึกษำโทษแม่ทัพนำยกองทตี่ ำมเสด็จไม่ทันตำมกฎของพระอัยกำรศึกว่ำ
ในกำรที่ข้ำศึกยกทัพเข้ำมำเหยียบแดนถึงชำนพระนคร พระองค์และพระเอกำทศรถทรงมี
พระรำชประสงค์ที่จะทำนุบำรุงเหล่ำสมณพรำหมณ์และประชำรำษฎรมิได้ย่อท้อต่อควำม
ยำกลำบำก ทรงพระรำชอุตสำหะเสด็จออกไปปรำบอริรำชศัตรู แต่แม่ทัพนำยกองทั้งปวง
กลับกลวั ข้ำศึกย่งิ กวำ่ พระอำญำ ไม่พยำยำมยกไปรบให้ทัน ปล่อยให้ท้ังสองพระองค์ทรงช้ำง
พระท่ีน่ังฝำ่ เข้ำไปทำ่ มกลำงข้ำศึกตำมลำพัง จนถึงได้กระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะ ลูกขุนได้เชิญ
กฎพระอัยกำรออกค้นดู เห็นว่ำจะได้รับโทษถึงประหำรชีวิต แต่เนื่องจำกใกล้วัน 15ค่ำ
(บัณรสี) จึงทรงพระกรณุ ำงดโทษไวก้ อ่ น ต่อวนั หน่ึงคำ่ (ปำฏบิ ท) จงึ ให้ลงโทษประหำร

๓๔๗ รำ่ ยไป่เกินกำลท่ำนสัง่ กระท่งั แรมสบิ ห้ำค่ำ ย่ำสองนำฬิกำปลำย ทำงนงำยพอ
เสร็จ จ่ึงสมเด็จพระวันรัต วัดป่ำแก้วแคล้วคลำ กับรำชำคณะสงฆ์ ยี่สิบห้ำองค์สอง
แผนก แฉกงำสำนสรล้ำย ผ้ำยลุยังวังรำช พระบำทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมำฬก
ตกแตง่ อำสนล์ ำดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น
ขนุ ชีอ้นื อวยพร ถำมข่ำวจรจอมภพ ซ่ึงเสด็จรบพำรณ จนอเรนทรพินำศ ขำดคอคช
ในรงค์ จง่ึ พระองคอ์ ศิ เรศ บรรหำรเหตุจำบัง จอมสงฆฟ์ งั ซ้ันขำน พระรำชสมภำรมีชัย
ใดทวยบำทมูลิกำ ต้องอำชญำยินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่ำนำยทัพท้ังผอง เกณฑ์
เข้ำกองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดำลระรัว ยิ่งกว่ำกลัว
สวำมิศ บเต้ำติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้ำโรมรณรำวิศ ในอมิตรหมู่กลำง แสน
เสนำงคเ์ นอื งบร จนรำญรอนไอยเรศ ลุชเั ยศมฤตยู จง่ึ ได้ดหู น้ำมัน เพื่อมหันตบำรเมศ
เบอ้ื งบุเรศบำรุง ผดงุ เดชเผอื พนี่ ้อง ผิบพอ้ งบุญบรู พ์ ไอศรู ย์ศูนย์เสียมภพ ตรลบเลื่อง
ขำมนำมตะเลง ลือละเวงธำษตรี เปน็ ธรณีหงสำ เส่ือมกฤตยำสยำมยศ สำหสหำกมำก
มวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยกำรศึก จำรึกช่ือช่ัวฟ้ำ ไว้เป็นขนบภำยหน้ำ
อยำ่ ให้ใครยล เย่ยี งนำ ฯ

๓๔๘ โคลง ๔สมเดจ็ พนรัตเจำ้ จอมชี
ฉลองพจนร์ ำชวำที ท่ำนไท้
ทวยทูลละอองธลุ ี บัวบำท พระนำ
พน้ื ภกั ดีตอ่ ใต้ บทเบอ้ื งเรณู ฯ
ไป่เกรง
๓๔๙ ดผู ิดไปร่ ักท้ำว หอ่ นพ้อง
แผกระบอบแต่เพรง อำนำจ พระนำ
พระเดชหำกแสดงเอง เกยี รตอิ ้ำงอศั จรรย์ ฯ
เสนอทกุ ทวยธเรศกอ้ ง

๓๕๐ เฉกพระสรรเพชญผู้ ธรรมศิ ร
เถลงิ อำสน์อปรำชติ ภำคใต้
วรพฤกษโพธิโมลิศ เฉลิมโลก แลเฮย
เสวยวมิ ตุ ตลิ ำภได้ เผดจ็ เสยี้ นเศกิ สมร ฯ
จักรพำล
๓๕๑ ปำงอมรมัว่ หมืน่ ถว้ น แทน่ หญ้ำ
สถติ ทม่ี ณฑลสถำน มำแวด วงแฮ
สำยณั หห์ มแู่ มนมำร รวดรือ้ บลั ลังก์ ฯ
หวังประยุทธโรมรำ้ สบสวรรค์
พรง่ั พรอ้ ม
๓๕๒ ผิวทง้ั ทวยเทพซอ้ ง เจรญิ เกยี รติ พระนำ
ชนะแต่บำบีพรรค์ หำกใหช้ ัยเฉลิม ฯ
ไป่เป็นมหศั จรรย์ ธรรมรำ ชำแฮ
เพรำะอมรหำกห้อม พ่ำยผ้ำย
อำสน์เอก องคเ์ อย
๓๕๓ ดำลเพ่ิมคณุ ยศไท้ เร่งตอ้ นตนหนี ฯ
เผอญิ มรคุ ณะธำดำ ดงึ สำ สน้ิ แฮ
เสดจ็ เหนือรตั นพุทธำ อะคร้ำว
ขจดั อมติ รหมู่รำ้ ย ดำลนำ่ น นำ้ เฮย
หล่ังลน้ เลอสถำน ฯ
๓๕๔ โยธีบำรเมศถว้ น
ขนั เขน่ มวลมำรำ
ธรณนิ ทรพนิดำ
ถ่นั ท่วมท่ัวธเรศด้ำว

๓๕๕ สมภำรสมโพธิพ้น พรรณนำ
รังสฤษฏ์พระสมญำ แพร่พรอ้ ง
สรรเพชญพชิ ติ มำ เรศเรียก นำมฤๅ
สนั่นสำเนยี งเกียรติกอ้ ง เกริกหล้ำแหล่งละเวง ฯ
อัศจรรย์
๓๕๖ คร้ืนเครงนฤโฆษอือ้ ภพพ้น
จบภวคั รไกวลั เนอื งจักร พำลแฮ
เบ้ืองขวำงเขตอนนั ต์ ภำคพืน้ อเวจี ฯ
หนต่ำดำดึง่ ด้น เผด็จมำร
พี่นอ้ ง
๓๕๗ พระตรีโลกนำถแผว้ อรนิ ำศ ลงนำ
เฉกพระรำชสมภำร เกียรตทิ ้ำวทกุ พำย ฯ
เสดจ็ ไรพ้ ริ ยิ ะรำญ โรมรอน
เสนอพระยศยนิ กอ้ ง มว่ั มลำ้ ง
เจรญิ ฤทธ์ิ พระนำ
๓๕๘ ผิวหลำยพยหุ ยทุ ธ์ร้ำ เอิกฟำ้ ดนิ ไหว ฯ
ชนะอมิตรมวลมอญ หฤทยำ
พระเดชบ่ดำลขจร แต่กี้
ไปทั่วธเรศออกอำ้ ง ชมุ ชว่ ย พระเอย
ชเยศไวใ้ นสนำม ฯ
๓๕๙ อยำ่ ไทโทมนสั นอ้ ย
เพื่อพระรำชกฤษฎำ
ทกุ ทวยเทพคณำ
แสดงพระเดโชชี้

๓๖๐ โคลง ๒สมดั่งควำมตูพรอ้ ง ขอบพิตรอย่ำข้อง
ขุ่นแค้นเคอื งกมล ทำ่ นนำ ฯ ฤๅสนเทห่ เ์ ลห่ ์แล้

๓๖๑ โดยยบุ ลถ่องแท้
ถกู ถอ้ ยแถลงกำร นี้นำ ฯ

๓๖๒ ร่ำยปำงนฤบำลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยำย ถวำย
วิสัชนำสำร โดยพสิ ดำรพรรณนำ เสนอสมญำยศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมำ
แหง่ กฤษฎำภินิหำร ดำลมนสั ชมุ่ ช้ืน ต้นื เตม็ ปรดี ป์ิ รำโมทย์ โอษฐ์ออกอื้นสำธู ชูพระกร
กรรพุม ชุมทศนัขเหนือผำก เพื่อยินมลำกเลอมำน เจ้ำกูขำนคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริง
ถอ้ ย ถวิลบแ่ หนงหนึ่งนอ้ ย แนแ่ ท้ทำงแถลง แลนำ ฯ

๓๖๓ โคลง ๔แจ้งเหตแุ หง้ เหือดขง้ึ ในมนัส
จ่งึ พระวนั รตั วัด ป่ำแกว้
ถวำยพรบวรศรสี วสั ด์ิ สวำ่ งโทษ ทำ่ นนำ
นฤทุกขน์ ฤภัยแผว้ ผ่องพน้ อนั ตรำย ฯ
บงกช
๓๖๔ ท้ังหลำยทวยบำทเบื้อง อะคร้ำว
ควรโคตรโทษสำหส สนองบำท มำนำ
แต่ทลู ธุลีบท ตรำบไทพ้ ระเจำ้ หลวง ฯ
เพรงพระอัยกำทำ้ ว เถลิงถวัลย รำชยฤ์ ๅ
สบื สร้ำง
๓๖๕ ล่วงถึงบพติ รผู้ ทวยโทษ นี้นำ
คือพทุ ธบรรษัทสรรพ์ หนงึ่ คร้ังขอเผอื ฯ
เชิญงดอดอวยทณั ฑ์
เลยอยำ่ ลำญชพี มล้ำง

๓๖๖ ไว้เพ่อื ผดงุ เดชเจำ้ จอมปรำณ
ก่อเกดิ รำชรำบำญ ใหม่แม้
พูนเพ่ิมพระสมภำร เพ็ญภพ พระนำ
วำยบ่หวงั ตนแก้ ชอบไดไ้ ปม่ ี ฯ

๓๖๗ ร่ำยนฤบดดี ำลสดบั อรรถ ซงึ่ พระวนั รัตภิปรำย ถวำยพระพรอำยำจน์ โทษมวล
มำตย์ทุกมุล เพ่ือกำรุญบริรักษ์ ภักดีในบำทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญำต พระรำชทำน
โทษทั้งผอง โดยอันครองคงยศ บรรหำรพจนพำที ซ่ึงเจ้ำชีขำนขอ ข้อยยกยอโทษให้
แต่ชอบใชไ้ ปรอน เอำนครตะนำวศรี บรุ ที วำยมริด ถำ่ ยหนผิดหำชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำ
ขำน ข้อโรมรำญรำวิศ ไป่เป็นกิจตูตำม ใช่เง่ือนงำมบรรพชิต โดยบพิตรอัธยำ เบ้ือง
บัญชำเชิงใช้ ขอลำไท้ลีลำศ ยังอำวำสเวียงวัด ตระบัดท่ำนจรลี พำเพ่ือนชีอะคร้ำว
คืนสู่ดำ้ วอำรำม เจ้ำจอมสยำมเสำวนยี ์ เนอื งมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนำดำแหน่ง แห่ง
ฐำนันดรยศ พระรำชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้ำพระยำพระคลัง รังพลห้ำหม่ืนเสร็จ เห็จ
ไปโหมเวียงทวำย หมำยเจ้ำพระยำจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนำวศรี ตีมริ
ดเวยี งชัย จ่ึงชไมมำตยำ บังคัลลำยำตรพยหู่ ์ สูแ่ ดนเศกิ โดยปอง ป่ินเสียมสองสุริยชำติ
ตรสั พภิ ำษพจนำ ซ่ึงอุตรำนคเรศ เขตสีมำเมืองออก เลิกครัวครอกมำหลำย หมำยบ่
หมดท้ังผอง ตริไตรตรองครำวศึก เส่ือมหำญฮึกแบ่งเบำ จักโรมเรำฤๅย่ำน ฝีมือม่ำน
มอญมวล ควรผดุงชนบท ปรำกฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่ว
ดำ้ ว แสดงพระยศไทท้ำว ธริ ำชไวไ้ ป่วำย นำมนำ ฯ

๓๖๘ โคลง ๔บดั ผำยพจนพ์ ำกยเ์ บอื้ ง บณั ฑูร
เผยอยศพระยำชัยบูรณ์ แตง่ ตั้ง
นำมเจ้ำพระยำสูร สหี นำท เสนอนำ
เถลิงพระพิษณโุ ลกรั้ง รำษฎรร์ ้อนผ่อนเสบย ฯ

๓๖๙ แลว้ เผยสำวนิศต้งั โดยปอง
รังสฤษฏ์พระเชยี งทอง หน่ึงผู้
ธำรงนครครอง เขตรำช แลฤๅ
เวยี งวชิ ัยก่อกู้ ขอบแควน้ แดนสยำม ฯ
นครนิ ทร์
๓๗๐ เสนอนำมหลวงจำ่ เจำ้ หนึ่งน้นั
สวรรคโลกแหลง่ ธำนินทร์ ผดงุ ภพ พระนำ
ทำนุกแผน่ ปัฐพิน ดำ่ นด้ำวเหนือชล ฯ
คุ้มเขตสมี ำขัน้ พระศรี
ชอบอ้ำง
๓๗๑ บดั ดลดำรัสให้ ชมช่นื จติ แฮ
เสำวรำชมำตยำมี สบื หล้ำอยำ่ ศนู ย์ ฯ
อำรุงประชำชี ส่นี ำย
หนสุโขไทยสร้ำง สู่เหย้ำ
หญงิ ใหญ่ นอ้ ยนำ
๓๗๒ บณั ฑรู ทำ่ นสั่งซนั้ ไพร่ฟ้ำพนู เกษม ฯ
ลำบำทผำดผังผำย
รวมรวบรำษฎรชำย
เนำนครครอบเผำ้

๓๗๓รำ่ ยเปรมกมลมวลเสียม เกรียมทุกข์โทษฤๅพำน อึงกิดำกำรเอิบเอิก เกริกพระ
เกยี รตลิ อื ละเวง คึกขำนเครงธรณี ทว่ั ธำษตรีอึกถคึง ถึงมลำประเทศ เขตโยนกมณฑล
เจ้ำภวู ดลเชยี งใหม่ เสียเศกิ ใหญค่ ืนเวียง เพียงหฤทัยจะพก ตระดกพระเดโชพล ไป่เริ่ม
กลเกี่ยงรำช ขลำดพระฤทธิม์ หิมำ ตรัสตรหิ ำกระแหน่ แด่แสนท้ำวลำวพระยำ ครำวน้ี
เรำฤๅขวน กลกระลัมพรพินำศ เพื่อเบียนอำตม์เอำทุกข์ ควรหำสุขใส่สกนธ์ กอบภัพ
ผลพูนภพ สบพสิ ัยลำนนำ เจำ้ อยธุ ยำยศโยค สูส่ ุรโลกพิรำลยั หน่อดนยั นฤเบศ

นเรศวรเสวยศวรรย์ สืบเสียมสนั ตตวิ งศ์ องค์อปุ รำชโปดก ดิลกภพแผน่ ตะเลง ไป่ย่ำน
เยงยศท้ำว คลำพลด้ำวแดนรำช อำจอุกรุกรำบำญ ขำนแข่งคู่คชยุทธ์ สุดเสียศอขอ
ทรง ปลงปลดชนม์บนสำร ทัพไทยหำญฮึกฮึง ถงึ เวียงทวำยมริด ติดตะนำวครำวเข็ญ
เห็นสเู้ สียมฤๅรอด มอดมอญเมอื งเปลอื งเขต ประเทศรัฐสีมำ หนหงสำเส่ือมศักดิ์ ปวง
ปรปักษ์ปวงสยำม สือ่ สงครำมสืบศึก เสมอมฤครอสหี ์ เฉกสกณุ ีโหมกรำน ลำญชีวำตม์
ทุกคร้ัง ตั้งตนต่อบ่มิคง ตรงตนต่อบ่มิคู่ คำบน้ีผู้เผ้ำตะเลง เกรงพระฤทธ์ิรันทด เพ่ือ
เอำรสเมอื มรณ์ คขู่ วำกรกน่ ขำด พระบำทสองสยำเมศ บรรหำรเดชดำลขจร พ่ำงภำส
กรแจ่มจรัส ในเมื่อมชั ฌนั ตกิ กำล แขวงคคั นำนต์นฤโทษ พลำหกโหดหำวหน ทิศำดล
ดำลแผ้ว แพร้วไพโรจน์รังสี ทวีพระเกียรติเกริกไกร ไหนนครหงสำ คลำอำเภอเลอ
หัตถ์ ควรถวำยฉัตรบำบวง ตังวำยสรวงแสวงชอบ มอบพิภพลำนนำ ทูลบำทำไท
ธเรศ หวังพระเดชนฤบดี ก้ังเกศีสุดเหง้ำ เท้ำท่ัวกัลป์ประลัย คุ้มผองภัยบรเบียน ร่ม
ศกเศียรสรำ่ งเข็ญ เห็นชอบชื่นชมชัว ถ้วนทุกตัวท้ำวเพ้ีย เกล้ียกมลบันโดย เพ่ือแผ้ว
โพยพันลึก แห่งเสียมศึกพันลำย หมำยแม้นมณฑกชำติ พ้นอำนำจอุรคินทร์ ยิน
ประศำสนส์ ำธู ชูน้วิ นบเหนอื เผำ้ เจำ้ กูกกู้ รุงคนื เชยี งใหม่ฝนื ฟฟู ้ำ ค้งุ คู่หลำ้ ฤๅลำญ ธก็
ให้แต่งสำรเสำวเลข เตย้ี ตนเฉกช่วงบำท มอบตรีมำตยท์ ลู แทน แสนหลวงแสนหนงั สอื
คือหนึ่งนันทพะยะ ล้วนสุรอำกัป ฉับเฉียวเชี่ยวเชลงพจน์ ไพเรำะรสอภิปรำย คุม
ตังวำยศุภสำร สมำนสมรไมตรี มอบปัฐพีเดียวแดน แทนทำงปรักทำงมำศ
สระพรำศพริ ิยเถมนิ เดินโดยด่ำนเวียงตำก ขำนคำมลำกคำงำม เขำก็แต่งตำมรับทูต
รูดนำข่ำวบมหิ งึ ถึงวิเชยี รปรำกำร ไขข้อสำรเสำวภำพ ออกญำทรำบทกุ อนั สรรนำวำ
รีบรับ กับกรมกำรหลำยตน ขวนเชิญทูตเชิญสำร บรรณำกำรเนกนับ รับมำทำงชลธี
ถึงบุรแี ล้วไสร้ ซกั ไซท้ ูตทั้งสำม ทรำบเน้ือควำมตำมกิจ ให้สถิตเรือนพัก สำนักทั่วไทย
เถมิน เชญิ สำรสจู่ วนกลำง พลำงลอกลักษณ์สำเนำ เอำลงบอกตระบัด จัดจ่ำเมืองกับ
แพง่ แตง่ จำทูลสนเทห่ ์ เล่ห์อมิตรมติ รปอง ทรำบละอองบทเรศ เจำ้ อยุธเยศสยำมินทร์

คอยขำ่ วยนิ ตรำสีห์ โปรดคดใี ดชอบ กอบยบุ ลบันโดย รีบเรอื โพยเผ่นน้ำ จ้ำบจอดเจียร
กำล บนำนดลเวียงรำช วำงศำสน์เวรศำลำ แจ้งออกญำมหำด ทูลบัวบำทนฤบดินทร์
ยินในลักษณป์ รำโมทย์ โปรดให้ตอบสำรำ บรรทับตรำไกรสร ส่งนครบันธำย หมำยนำ
สำรนำทูต รูดมำคงุ กรุงหลวง โดยกระทรวงบูรพ์ฉบับ สองขุนรับตรำคลำ คืนนครำถับ
ถึง บหึงให้ขุนเวียง เผดียงโดยศำสนท์ ำ้ ว ส่งทตู สแู่ ดนด้ำว ถน่ิ ไทแ้ ถลงสำร ท่ำนนำ ฯ

๓๗๔ โคลง ๔บรรหำรอ่ำนทรำบไสร้ โดยปอง
ขุนนครผคู้ รอง เข่อื นขน้ั
แจงจัดยกุ กระบตั รสนอง เสนอต่ำง ตนนำ
นำทูตทั้งสำมซนั้ สู่ไท้ถึงสถำน ฯ
หกหลำย
๓๗๕ กรมกำรอ่นื อีกห้ำ สง่ิ ถ้วน
คุมศภุ ลกั ษณต์ งั วำย ถวัลยรำชย์ มำเอย
แสดงโดยดัสกรถวำย มอบท้ำวหนำวบญุ ฯ
โผอนสบสมี ำม้วน สำรำ
เนกนั้น
๓๗๖ เนอื งขนุ คมุ ทตู ทัง้ วำงวง่ิ
อีกเครื่องรำชบรรณำ สหู่ ำ้ งแขกหอ ฯ
เรว็ รัดเร่งนำวำ
ลแุ หลง่ ทวำเรศซัน้

๓๗๗ ร่ำยขำนข้อทูตมำถึง พึงทรำบลูกขุนใน กรำบทูลไทยถวัลยรำชย์ พระบำทธให้
ตกแต่ง โดยดำแหนง่ แสดงยศ กฎให้กะเกณฑ์กัน ทรงเคร่ืองสรรพำยุทธ์ เสนำกุฎเสื้อ
สวม นวมเกรำะกรำยพรำยเพริศ เทริดเศียรใส่ทุกนำย รำยกลำบำตเป็นชั้น ก้ันเป็น
หมูเ่ ป็นกอง พลเขนทองทวนมำศ ดำษพลโล่พลด้ัง ทั้งพลดำบสองกร ส่ำพลศรเรียง
รนั ส่ำพลกทุ ัณฑ์เรียงเรยี บ เทียบพลหอกหำญห้ำว เทยี บพลงำ้ วเงอื้ งอน สรลอนเหลำ่
พลสนิ ำด คำบชดุ ดำษธรณิน คำบหินดำธรณิศ พิศพหลหยั รำช ยืนพยุหบำตรทิวแถว
สองฟำกแนวรัถยำ ขุนอำชำโอ่อำตม์ สวมเสื้อมำศหมวกคำ ขี่ประจำดุรงค์ ทรง
ศำสตรำพิธยทุ ธ์ ครวอี ำวธุ กวดั กวำย ส่ำแสะหลำยเหล่ำหลำก มำกหมู่แดงดูถกล หมู่
ขำวปนหมฟู่ ำ่ ย ฝำ่ ยพรรคเ์ ผำ่ เหล่ำกระเลียว ส่ำหมู่เขียวหมู่ปลัง ประนังเหล่ำเหลือง
แปม ปนผ่ำนแซมดำดำษ ครบเจด็ ชำตเิ จด็ พงศ์ ทรงอสั สำภรณ์สรรพ ดบั วำงมำ้ โรงใน
รำยเรียงไสวยนื หยัด ดัดพิดำนกัง้ กำง สรรพสรรพำงค์พิลำส แก้วแกมมำศยรรยง อัส
สำลงกรณป์ ระดบั ประทบั เทยี บคชำธเรศ ประเวศเกยชำลำ ทรงหัสดำลังกำร ควำญ
ประจำข่ีท้ำย ย้ำยยอของ่ำง้ำง วำงช้ำงดั้งเดียรดำษ สระพรำศพร้อมพลำยพัง หลัง
หมอควำญข่คี รบ ทรงเครอ่ื งรบพรรณรำย กลำงคชทำยทวนทอง สองฟำกฝ่ำยศำลำ
มวลมำตยำทุกหมู่ อยู่อธึกโจษจน หนหอขวำทวยทหำร หนซ้ำยศำลพลเรือน เตือน
กนั อ่ำอำตม์หมด เคร่อื งยศถมปรกั มำศ โดยขนำดฐำนำศกั ดิ์ สระพรักไพร่พรูตำม คำน
หำมเปลคะคล่ำ ส่ำขุนตกแต่งกำย สองปักลำยอะเคื้อ ขำวครุยเส้ือสวมตน ดูถกลดำ
ดำษ ยำตรยงั ทมิ ดำบคด ปรำกฏถ้วนเสนำงค์ วำงเจียดถมทองเทียบ เรียบมหำดไทย
ฝ่ำยเฉวียง เรียงกลำโหมหนสดำ จำนำอยู่แจจัน หน้ำบันชรสิงหำสน์ มุขเด็จอำสน์
บรรยงก์ พระที่น่ังมงคลำภิเษก ดิเรกรัตน์มลังเมลือง เรืองสุพรรณโอภำส เทียรทิพย
อำสน์อินทรอ์ งค์ วงวสิ ูตรรูดสำย เครื่องสงู รำยตั้งล้อม พรอ้ มเบญจรำชกกธุ ภัณฑ์

สรรพสิริรำชูปโภค โดยขัตติยโยคมหิมำ ดำพลปี่กลองชนะ แตรสังข์ระดะดำษโดม
คอยประโคมคึกขำน กำรออกแขกเคียมคัล ตรวจเตรียมกันเเต่งแง่ แต่อรุณพระฮำม
เท่ำถึงสำมโมงเศษ จึ่งพระเกศกษัตรีย์ ทวำรำวดีดิลก ป่ินปกภพสีมำ ธก็สรงธำรำ
รสสุคนธ์ ปนปรุงจำรุจุรณเจิม เฉลิมวิเลปน์อวลอบ ตรลบฉมคนธกำจร บวรวิภูษณ์
ธำรง ฉลองพระองค์ครุยมำศ กุมแสงนำดกรกรำย ผำยผังสู่สิงหำสน์ สระพรำศพิริย
อุภัย เสนำในเนืองเนก ดเิ รกรำชบริพำร ทวิชำจำรย์เนมิตก์ ทวยบัณฑิตแพทยำ ทวย
โยธำทุกหมู่ อยอู่ ธึกทุกกรม ประนมทศนขั ชูเชิด เทิดทศำงคุลีบำบวง สำมวำรสรวงบท
รชั เฉกนักษัตรรำชำ รอบดำรำรำยเรยี บ เพียบนภำงค์ไพบูลย์ แจ่มจรัสจรูญสรัทกำล
ขำนนฤโฆษแตรสงั ข์ ประนงั แซ่ศพั ท์เภรี พ่ำงปัฐพีพงั เพิก เอิกออกแขกทะท้ำว แสดง
พระยศอะครำ้ ว ครัน่ ฟ้ำดนิ ไหว แลนำ ฯ

๓๗๘โคลง ๔จง่ึ ไทถ้ วลั ยรำชเจ้ำ จกั รพำล
ผำยพจนร์ ำชโยงกำร สัง่ ซน้ั
เบิกทูตเบิกศุภสำร สวัสด์สิ ื่อ เสนอนำ
เนอื งเนกคำนลั นัน้ นอบน้อมบทมลู ฯ
๓๗๙สำมแขกขุนสไ่ี สร้ พำคลำ
ลแุ หลง่ พะลำนชำลำ ทำ่ มท้อง
สรวมชีพมหำดออกญำ ทูลเบกิ แลแฮ
ตรีคำบกรำบซอ้ งซอ้ ง สบถว้ นยวนสยำม ฯ
๓๘๐ขุนนำมนฤนำถตัง้ ตำมนำ ศักดิ์เอย
อำลกั ษณ์เลิศปัญญำ ยงิ่ ผู้
ศรีภรู ิปรชี ำ เชลงอรรถ แลฤๅ
แถลงเลห่ ์สนเทห่ ์รู้ รำชไม้ตรีสมำน ฯ

๓๘๑ ร่ำยศุภสำรสุนทรสวัสด์ิ พิพัทธศำสน์นุสนธิ์ ตนข้ำเจ้ำเชียงใหม่ ใหญ่กว่ำยวน
มวลเขต ประเทศโยนกนิคม โอนศิโรดมอภิวำทน์ แทบบวรบำทยมก ดิลกเจ้ำสอง
เสียม เทยี มแขไถงไพโรจน์ โชตชิ วลิตทิศทศ เผยอพระยศยินเยง ยิ่งครื้นเครงฟำกฟ้ำ
หลำ้ เกรน่ิ เกยี รตทิ ุกเหล้ำ ข้ำพระพุทธเจ้ำแต่ปำง บ่รำงรอดอำชญำ องคอ์ ิศรำนฤเบศ
เขตแคว้นแขวงแหล่งตะเลง บ่เกรงพระเดชมหิมำ จำใจคลำคล่ีพยู่ห์ สู่เศิกก่อดัสกร
แก่พระนครอโยธเยศ เหตเุ ข็ญเคอื งเบอื้ งบำท เรอ่ื งอปุ รำชรำบำญ ขอเขือทำนนฤโทษ
โปรดนฤภัยใจแผ้ว แคล้วอำฆำตขำดฟุน เพ่ือพระกำรุญบำรเมศ ข้ำบทเรศเรณู ขอ
เอำภูธรประภำพ อำบอำตมห่มหัว ตัวไพร่ไทยใหญ่น้อย ข้อยสบสถำนลำนนำ เฉก
ฉำยำเฌอโพธิ ร่มศิโรตม์สรรพำงค์ ปำงนฤนำถยำตรพล ดลด้ำวใดไปร้ำ ข้ำขอโดย
เสดจ็ รำช งำนพยหุ บำตรจำบงั ท่ำวกำลังเลวลำญ โดยสัตย์สำรเสำวพจน์ ปรำกฏชั่ว
แผน่ ไผท ค้งุ ฟอดไฟฟอนกลั ป์ ควบเขตขณั ฑแ์ ดท่ ้ำว เป็นเดียวด้ำวแดนดล เผือก็แต่ง
ตนตรมี ำตย์ จำทูลสำสน์ส่ือถวำย เตรียบตังวำยดำเนิน เจริญรสรำชไมตรี เผด็จไพรี
รว่ มมิตร แดบ่ พติ รโทไท้ ขอเขือขำดเคยี ดไข้ ขุน่ ข้อเขญ็ ควำม เทอญนำ ฯ

๓๘๒โคลง ๔ปิ่นสยำมรำมฤทธ์ิแม้น เสมอเดช ทำ่ นฤๅ
ดำลสดบั แสดงแห่งเหตุ เหือดหำ้ ว
รปิ ูหมมู่ ลำเขต โผอนออก มำนำ
บำนเบิกหฤทยั ท้ำว ธิรำชได้โดยประสงค์ ฯ
๓๘๓จักรพงศ์ภูวนำถเผ้ำ พสธุ ำร
เผยพระรำชปฏสิ ันถำร ถง่ั ถอ้ ย
บูรพ์ฉบับนบั ตรีวำร จำรตี น้ันนำ
ทักแขกแรกฤๅน้อย มำกไซร้ไป่มี ฯ

๓๘๔ ปำงนเี้ ชยี งใหม่ผู้ สวำมิน
นฤโศกโรครำคิน ห่อนพ้อง
ผำ่ นภพแผ่นธรณิน นิตยเ์ ยี่ยง ยกุ ด์ฤิ ๅ
เกษมทกุ ทวยธเรศซ้อง สวัสดิแผ้วภยั กษยั ฯ
ฟไู พ ศรพณ์แฮ
๓๘๕ หน่ึงไสร้พริ ุณรว่ งฟำ้ น่ำนน้ำ
โดยฤดูดำลไข นครเขต เขอื ฤๅ
พูนพชื โภชนำใน ชุ่มฟำ้ ฉ่ำฝน ฯ
อกรำษฎร์ขำดเทวษช้ำ ดัสกร เกิดเฮย
รบเรำ้
๓๘๖ ไปดลภัเยศดว้ ย วำยเศิก แลฤๅ
รงั เร่ิมรณรงค์รอน ขอบแคว้นแคลนเข็ญ ฯ
เวยี งสสู ุขสถำวร พรำหมณช์ ี ช่ืนฤๅ
สบส่ำสีมำขำ้ ต่อต้ัง
ฑำโทษ กนั แฮ
๓๘๗ เย็นจติ รไทไพร่พร้อม ทว่ั ด้ำวแดนไฉน ฯ
ตำ่ งแผผ่ ลไมตรี บรหิ ำร ท่ำนฤๅ
บเ่ บียดบ่เบยี นบี คำบน้นั
เลีย้ งชีพโดยสะดวกท้ัง เขำกลำ่ ว สนองนำ
สขุ สิน้ ถน่ิ เกษม ฯ
๓๘๘ รบั ไทธ้ รำภพเบอ้ื ง บำนำญ เนกเฮย
ขนุ ช่ืออำมำตย์ขำน สง่ เต้ำ
ถำมทูตทูตแถลงกำร ถวำยรำช เขำนำ
สง่ิ โทษโหดเหตุหน้ั สวสั ด์ไิ ดด้ ่ังถวลิ ฯ

๓๘๙ พระเปรมปรำโมทยใ์ ห้
ตอบแตง่ ตังวำยสำส์น
เขำลำคระไลสถำน
แขกรำชขำดทุกข์เศร้ำ

๓๙๐ ร่ำยยินมลำกเล่ห์บุทคล จรดลโดยรัถเยศ ทุเรศมรุกันดำร กำลมัชฌันติกสมัย
คระโหยใจเจียนมรณ์ เพื่อภำสกรแผดเผำ เบำแรงแห้งหู่แด แปรกรรหำยหอบโตย
โดยซ้ำยขวำหนำ้ หลัง เลง็ สระพงั บมิพำน เล็งละหำนบมพิ ้อง ร้องหำเพ่ือนบมิพบ ทบ
ท่ำวล้มทับทำง รอดบรำงเลยชนม์ บัดเดียวดลดอกมลำย บนำนนำยหนึ่งซั้น ด้ันดง
ดว่ นดำเนิน เดนิ แบกบอกตรอกธำร มำนกมลโอบเออื้ เพือ่ กำรณุ บญุ ขวน หลัง่ หล่อชล
หล่นบอก ตรอกต้องอกตกโอษฐ์ โสรจสรรพำงค์ชุ่มช่ืน หื่นคระหิวหำยหอบ กอบ
กำลังฤๅลำญ ปำนตนเจ้ำโยนก ตระดกพระเดชอดุลย์ ได้ใบบุญปกเผ้ำ เศร้ำเสื่อมหำย
วำยกลวั กลบั ชมชวั ชน่ื หนำ้ ทกุ ถ้วนไทยไพร่ฟำ้ พร่ังพรอ้ มหฤหรรษ์ สิ้นแล ฯ

๓๙๑ โคลง ๔ยรรยงยศทวั่ ทอ้ ง ธำษตรี
สยำเมศม่ิงโมลี เลิศล้น
ทวำรำวดศี รี อยุทธย์ ิ่ง ภพฤๅ
บุญบพติ รแผพ่ ้น แผ่นหล้ำเลอสรวง ฯ
มนเทียร ทิพยเ์ อย
๓๙๒ พระคลวงเคลอื บมำศแม้น ถิ่นทำ้ ว
สรรเพชญปรำสำทเสถียร นิตย์ทำ่ น สถติ ฤๅ
คมิ หนั ตแ์ หง่ จำเนียร รวั่ รุ้งเรืองไถง ฯ
จรญู จรสั รตั น์อะครำ้ ว เหมันต์ ทำ่ นแฮ
จ่มิ ฟำ้
๓๙๓ อำไพรุคฤหำสน์ห้อง สวสั ดส์ิ ขุ เสวยฤๅ
เรอื งรพีพรรณจันทร์ แหลง่ เพีย้ งพศิ วง ฯ
มงั คลำภเิ ษกสวรรค์
เรอื นรำชอำจอวดหลำ้

๓๙๔ บรรยงก์ขัตติเยศอำ้ ง สรุ ิยำ มรนิ ทรเ์ อย

ยำมฤดพู รรษำ เสพไท้

อรำ่ มรตั นอำภำ ไพโรจน์ แลฤๅ

บุญแต่งแสดงยศให้ เหตุสร้ำงปำงหลงั ฯ

๓๙๕ คลังกำญจน์คลงั แกว้ เกิด เนืองนอง เนกนำ

ทกุ ท่ัวประชำชนผอง เผอื ดร้อน

อนั เพ็ญภพมนู มอง เมืองมัง่ แลเฮย

เย็นรำษฎรข์ ำดขุ่นข้อน ค่ำเชำ้ เนำเกษม ฯ

๑ ทำน (กำรทำทำน)

๓๙๖ พระเปรมปฏบิ ตั เิ บอ้ื ง ทศธรรม์ ถ้วนแฮ

ทำนวตั รพัศดุสรรพ์ ส่งิ ให้

ทวยเถมนิ ม่วั หมู่พันิ พกพวก แคลนนำ

วันละวันตั้งไว้ หกหำ้ งแห่งสถำน ฯ

๒ สีล (กำรรักษำศลี )

๓๙๗ เถลิงกำรกุศลสบื สร้ำง เบญจำงค ศลี เฮย

เนอื งนิวทั ธฤๅวำง ว่ำงเว้น

บำเทงิ หฤทัยทำง บุญเบื่อ บำปนำ

แสวงสคั มคั โมขเร้น รอดร้ือสงสำร ฯ

๓ ปริจจฺ ำค (กำรบริจำคทรัพยท์ ำบญุ )

๓๙๘ สมภำรพระก่อเกื้อ กำรก ธรรมแฮ

ชินศำสนุปถมั ภก เพิ่มตงั้

จตรุ ำปัจเยศยก บรจิ ำค ออกเอย

อวยแด่ชมุ ชีทั้ง ท่วั แควน้ แขวงสยำม ฯ

๔ อำชฺชว (ควำมซ่ือตรง)

๓๙๙ พระงำมอุชภุ ำพพรอ้ ม ไตรพธิ ทวำรเฮย

กำยกมลภำษิต ซอื่ ซอ้ ง

บำเพญ็ เพ่มิ สุจริต เจรญิ สัตย์ สงวนนำ

ส่งิ คดปลดเปลอ้ื งขอ้ ง แต่ครั้งฤๅมี ฯ

๕ มทฺทว (ควำมอ่อนโยน)

๔๐๐ ปรำนีมำโนชนอ้ ม มฤทู

ในนกิ รชนชู ชุ่มเผ้ำ

พระเอือ้ พระเอ็นดู โดยเท่ยี ง ธรรมนำ

อดโทษโปรดเกศเกล้ำ ผิดพลั้งสั่งสอน ฯ

๖ ตปํ (ควำมประพฤติตบะ)

๔๐๑ สังวรอุโบสถสรำ้ ง ประดิทนิ

มำสประมำณวำรถวิล สีถ่ ว้ น

อษั ฎำงคกิ วริ ยิ นิ ทรีย์สงัด กำมเอย

มละอสิ ริยสขุ ลว้ น โลกซ้องสรรเสรญิ ฯ

๗ อกฺโกธ (ควำมไม่โกรธ)

๔๐๒ ทรงเจรญิ มติ รภำพเพี้ยง พรหมำน

ทศิ ทศจรดทกุ สถำน แผ่แผ้ว

ชัคสตั วเ์ สพสำรำญ รมย์ทั่ว กันนำ

เย็นย่งิ จันทรกำนต์แกว้ เกิดนำ้ ฉำ่ แสง ฯ

๘ อวหิ สึ ญจฺ (ควำมไมเ่ บียดเบียน)

๔๐๓ เสด็จแสดงยศเยือกหลำ้ แหล่งไผท

เพ่อื พระกรุณำใน เขตขำ้

บกอบบก่อภัย พบิ ตั ิเบยี ด เบยี นเอย

บำนทุกหน้ำถว้ นหนำ้ นอบน้วิ ถวำยพร ฯ

๙ ขนฺติญจฺ (ควำมอดทน)

๔๐๔ถำวรอธวิ ำสน์คำ้ ขันตี ธรรมฤๅ

ดำฤษณวโิ รธรำคี ขุ่นข้อน

เพ็ญผลพทุ ธบำรมี วิมตุ ิสุข แสวงนำ

เนืองโลกโศกเสอื่ มร้อน สิ่งร้ำยฤๅพำน ฯ

๑๐ อวโิ รธน (ควำมไมป่ ระพฤตผิ ดิ )

๔๐๕พระญำณยลเยี่ยงเบ้อื ง โบรำณ รีตนำ

ในนติ ิรำชศำสตร์สำร สบื ไว้

บแปรประพฤติพำล แผกฉบบั บูรพเ์ ฮย

โดยชอบกอบกิจไท้ ธเรศตง้ั แตป่ ำง ฯ

๔๐๖ไป่วำงขตั ตยิ วตั รเว้น สกั อัน

ท่ัวทศพิธรำชธรรม์ ท่ำนสรำ้ ง

สงเครำะห์จัตรุ ำบรร ษทั สุข เสมอนำ

สังคฤหพัสดุอำ้ ง สไ่ี สรส้ ืบผล ฯ

๑ สสสฺ เมธ (กำรบูชำดว้ ยข้ำวกลำ้ )

๔๐๗ใดชนแคลนกล้ำคู่ โคไถ

ทรงประสำทเสมอใจ จ่ำยถว้ น

ปำงผลเพิม่ พูนใน นำรำษฎร์ นน้ั ฤๅ

ส่วนสิบหยิบยกลว้ น หนง่ึ ไวใ้ นฉำง ฯ

๒ ปุริสเมธ (กำรบชู ำบุรษุ )

๔๐๘เสนำงคเ์ นอื งเนกหนำ้ ในสนม

ท่วั ทกุ หม่ทู ุกกรม แต่งตงั้

ผจงแจกธนสำรสม สง่ิ ชอบ เขำแฮ

หกมำสอำจอวยครง้ั ขวบสิ้นครำสอง ฯ

๓ สมมฺ ำปำส (บว่ งอันชอบ)

๔๐๙ใดปองพำณชิ ย์สรำ้ ง สินศูนย์

เสนอลกั ษณ์เพือ่ เอำธรู ท่ำนให้

ไตรพรรษเพมิ่ ทวีคณู คืนสง่ สนองนำ

ปวงรำษฎร์ปรำศทุกขไ์ ร้ สว่ำงร้อนผอ่ นเกษม ฯ

๔ วำจำเปยยฺ (วำจำเป็นทีร่ ัก)

๔๑๐เอมโอชอมฤตอื้น โองกำร ทำ่ นฤๅ

ในอเนกคณะบริพำร ทกุ หน้ำ

บหมิน่ ประมำณฐำน พฤฒิภำพ เขำเฮย

ควรปคู่ ูล่ งุ นำ้ หนง่ึ น้ันบัณฑูร ฯ

๕ นริ คคฺ ล (กำรไมม่ ลี ิม่ สลกั คือไมต่ อ้ งใส่กลอนประตบู ้ำน)

๔๑๑ไพบลู ย์สงเครำะห์ถ้วน ทวยชน

สังคฤหพสั ดุผล เพ่มิ พอ้ ง

บำเทิงธรำดล โจรจืด แลแฮ

ทวำรเยำ่ เปลำ่ ล่ิมป้อง เปิดได้โดยถวลิ ฯ

๔๑๒โตลง ๔ประดิทนิ กรรมบถเบอ้ื ง ทศำงค์ สน้ิ นำ

สบื กศุ ลธรรมทำง ถอ่ งแท้

จักรพรรดวิ ัตรวิริยำงค์ ยกุ ดเ์ิ ย่ยี ง แลฤๅ

ทวำทศพจนพำกย์แก้ กอ่ เก้ือเผ่ือผล ฯ

๑ อนฺโตชนสฺมึ พลกำยสฺมึ

(ทรงจกั รวรรดิวัตรในชนภำยใน และหมู่พลทหำร)

๔๑3ชุมชนบริรกั ษ์ทง้ั หญิงชำย

ท่วั ทกุ นำงทกุ นำย ใฝ่เฝ้ำ

ทรงขจดั อปุ ทั วนั ตรำย บำรำศ ทุกข์นำ

ใจใสไ่ ปค่ำเชำ้ ชืน่ หนำ้ อำ่ โฉม ฯ

๒ ขตตฺ เิ ยสุ (ในกษตั รยิ ์ท้งั หลำย)

๔๑๔บรรโลมเล้ยี งโลกดว้ ย กำรญุ

ในขตั ตยิ ทกุ ขนุ เขตดำ้ ว

อำนวยรตั นวบิ ลุ นำเนก แลเฮย

มีอำทิรำชหัยหำ้ ว เห็จเพ้ียงลมผนั ฯ

๓ อนยุ นฺเตสุ (ในผตู้ ดิ ตำมทั้งหลำย)

๔๑๕เนอื งนันตน์ รำธิปผู้ เผำ่ พงศ์

โดยเสด็จดำเนนิ คง คไู่ ท้

พระเอื้อพระอวยมง คลย่ัว ยำนแฮ

ดุรงค์รถคชพำ่ หน์ให้ หอ่ นเว้นเป็นเฉลมิ ฯ

๔ พรฺ ำหมฺ ณคหปติเกสุ (ในพรำหมณแ์ ละคหบดีทง้ั หลำย)

๔๑๖เผดมิ ผดงุ ชีพ่อพรอ้ ม พรำหมณ์ผอง

พัสตร์โภชนโ์ หตกิ ณู ฑ์กอง กอบถ้วน

นำยกเย่ำปูนปอง ประโยชน์ครบ ครนั เฮย

สบสิ่งสำรดล้วน เครอ่ื งใชไ้ ป่เหลือ ฯ

๕ เนคมชำนปเทสุ (ในชำวนคิ มและชำวชนบททัง้ หลำย)

๔๑๗ผจงเจือแจงแจกท้ัง ชนบท สิน้ นำ

ในนอกนคิ มคำมหมด ขอบขัน้

ภยิ โยพระยศทศ ทศิ รม่ รอ้ นฤๅ

เยน็ เฉกพรหมฉัตรช้นั เชดิ ฟ้ำฟูฉำย ฯ

๖ สมณพรฺ ำหมฺ เณสุ (ในสมณะและพรำหมณท์ ้ังหลำย)

๔๑๘ทวยหลำยลอยบำปรำ้ ง รำงบั รำคฤๅ

บริสุทธิศีลสส่ี รรพ สฤษฏร์ ้งั

สมณะหน่งึ นำมนับ นำมหนง่ึ พรำหมณ์นำ

นฤนำถอำจอวยท้งั ส่ิงถ้วนบริขำร ฯ

๗ มคิ ฺคปกฺขสี ุ (ในเนือ้ และนกท้งั หลำย)

๔๑๙อภัยทำนท่ำนแต่งต้ัง ต่อสรรพ สัตวเ์ อย

มวลมฤคปักษีพรรค์ แผก่ ำ้ ง

อย่ำเริ่มอยำ่ รริ ัน ทำโทษ มันแฮ

หำ้ มบใ่ ห้ใครมล้ำง ลว่ งพน้ ชนมก์ ษัย ฯ

๘ อธมฺมกำรปฏิกเฺ ขโป (หำ้ มกำรไม่เปน็ ธรรม)

๔๒๐หฤทัยอนเุ ครำะหถ์ ้วน ทำสภู

บำปสร่ำงสร้ำงบุญขู เขตทำ้ ว

เบญจำพธิ ไพรู โรยเริด ลงฤๅ

เพรำะเพอื่ พระนำถน้ำว หนว่ งโน้มในกุศล ฯ


Click to View FlipBook Version