The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทรัพยากรและเครือข่ายแบทันสมัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ihsan.mengwa003, 2020-02-18 22:14:29

แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้และเครือข่าย

ทรัพยากรและเครือข่ายแบทันสมัย

Keywords: เครือข่ายการเรียนรู้

113

บทที่ 7
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้และเครือขา่ ย

ความหมายของแหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรู้
แหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรู้ หมายถึง ศนู ยร์ วมของวิชาความร้ทู ่เี ป็นทรพั ยากรธรรมชาติ บคุ คล

สงิ่ ประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่ ซ่งึ มีอยู่กระจัดกระจาย ทัง้ ชมุ ชนเมอื งและชมุ ชนชนบท อันเปน็ ขุมทรัพยแ์ ห่ง
ปญั ญาท่ีแทรกซมึ อยู่ในวิถชี วี ติ ของมนุษย์ เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ท่ีค้นพบได้อยา่ งไม่รู้จบ

ประเภทของแหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ ประเภทของแหล่งทรพั ยากรการเรยี นรู้ จาํ แนกไดห้ ลายประเภท
ตามทศั นะของนกั การศกึ ษาแต่ทเ่ี ดน่ ชัด จําแนกเปน็ 4 ประเภทใหญ่ คอื

1. แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ประเภทบคุ คล หมายถงึ บุคคลท่เี กี่ยวขอ้ งกบั กจิ กรรม มีผลงานได้รับการ
ยกย่อง เป็นทย่ี อมรับของสังคมซงึ่ ถอื เป็นตวั อย่างต้นแบบกบั บุคคลรุน่ หลงั สบื ไปในหลายสาขาอาชีพ
ตัวอยา่ งเช่น แม่กมิ ลั้ง แม่กมิ เนีย ทมี่ ีความถนดั ทางด้านปรงุ แตง่ ขนมหม้อแกงเมอื งเพชร โกฮบั เจ้าเกา่ ผู้บุกเบกิ
ก๋วยเตี๋ยวเรือคลองรังสติ จนเปน็ ทรี่ ูจ้ ักทั่วประเทศ ดา้ นการเรยี นการสอน มคี รูตน้ แบบสรา้ งสรรค์ ผลงาน
นวตั กรรมทางการสอนข้นึ หลายรปู แบบ เช่น สอนให้สนุกเปน็ สขุ เมือ่ ไดส้ อน การสอนที่เน้นกระบวนการ การ
สอนภาษาเพ่ือการสอื่ สาร เพ่อื นสอนเพ่ือน การสอนส่งิ แวดล้อมศึกษา การสอนดนตรีไทยและดนตรีพ้นื เมือง

2. แหล่งทรพั ยากรการเรยี นรปู้ ระเภททรพั ยากรธรรมชาติ หมายถึง สภาพธรรมชาติท่มี ีอยแู่ ลว้ ในโลก
และอวกาศ ซง่ึ ไม่ไดห้ มายถงึ ส่ิงท่ีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ เช่น ภูเขา ปา่ ไม้ ลําธาร ห้วย หนอง คลอง บึง แมน่ ้าํ และสัตว์
ปา่ นานาชนิด เป็นตน้ เนื่องดว้ ยปัจจบุ ันมกี ารนาํ ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มมาใช้ประโยชนอ์ ยา่ งมากจนเหลอื
จํานวนน้อยลง มนษุ ยเ์ ริ่มตระหนักถึงภัยที่จะเกิดข้ึนเพราะขาดธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มท่ดี ี จึงได้มีการรณรงค์
สร้างสิง่ ทดแทนธรรมชาติ ได้แก่ ปลกู ปา่ จัดระบบนิเวศวทิ ยา อนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดล้อม ส่งเสริมการสอนพฤกษ-
ศาสตร์ อนรุ ักษ์และขยายพนั ธ์ุสัตว์ พนั ธ์ุพชื นานาชนิด

3. แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรปู้ ระเภทสื่อ หมายถึง สง่ิ ประดิษฐข์ องมนุษยท์ ่ีใชเ้ ปน็ ช่องทางการส่ือสาร
แยกได้ 2 ประเภท คอื

(1) สอ่ื ทางด้านกายภาพ ไดแ้ ก่ วสั ดุ ลักษณะสิ่งพมิ พ์ ฟลิ ม์ แผน่ ภาพโปร่งใส เทปบนั ทกึ ภาพ
เทปบนั ทกึ เสยี ง แผน่ CD ชนดิ เสยี งและภาพ เปน็ ตน้ อุปกรณ์ เปน็ ตวั ช่องทางผ่านในลักษณะเคร่อื งฉาย เครอ่ื ง
เสียงชนดิ ต่างๆ เปน็ ต้น

(2) ส่ือทางดา้ นวธิ กี าร ได้แก่ รปู แบบทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั กิจกรรมต่างๆ ท้งั การใช้เทคโนโลยพี น้ื บา้ น
และเทคโนโลยรี ะดับสูง ไดแ้ ก่

114

(2.1) สอ่ื ท้องถิน่ ประเภทเพลง เชน่ หมอลาํ หนังตะลงุ ลาํ ตัด อีแซว ลาํ นําเพลงซอ
เพลงพวงมาลัย เพลงฉ่อย และนทิ านพ้ืนบา้ น เปน็ ต้น

(2.2) ส่อื กิจกรรม เชน่ หมากเกบ็ หมากขะเหย่ง ต่จี ับ มอญซ่อนผ้า เดินกะลา เป็นตน้
เป็นที่นา่ สังเกตวา่ ส่ือกิจกรรมพน้ื บ้านดงั กล่าวมมี าแต่โบราณ หลายกิจกรรมเหมือนกับของชนเผ่าปกิ ม่ีในทวปี
แอฟริกา ซึง่ เป็นกจิ กรรมท่มี ีความสนกุ ตื่นเต้นในกล่มุ เดก็ ๆ ปจั จุบนั กย็ ังไดร้ ับความนยิ มอยู่ แต่ก็มีกจิ กรรมท่ี
ได้รับการพัฒนามาเปน็ ลําดับ จนถงึ การใช้เทคโนโลยรี ะดบั สงู เชน่ โปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ บทเรยี น
โปรแกรม โปรแกรมผา่ นสือ่ อนิ เตอร์เนต ระบบมัลติมิเดีย ประเภท E-Learning เป็นตน้ ซ่ึงการประชมุ สัมมนา
การปฏบิ ัตงิ านกล่มุ การทัศนศกึ ษา กเ็ ขา้ ขา่ ยส่ือกจิ กรรมชนดิ หนึ่ง

4. แหลง่ ทรัพยากรการเรยี นรปู้ ระเภทวัตถุและอาคารสถานที่ หมายถึง วตั ถุและอาคารสถานที่ ทมี่ ี
ศกั ยภาพเปน็ แหล่งความรู้ดว้ ยตัวของมันเอง สามารถสือ่ ความหมายโดยลาํ พังตวั เอง เชน่ สถาปตั ยกรรมดา้ นการ
กอ่ สร้าง จติ รกรรมภาพฝาผนงั ปชู นยี วัตถดุ ้านประวตั ิศาสตร์ ชิ้นส่วนของธรรมชาตทิ ีใ่ ห้ความรทู้ างดา้ น
วทิ ยาศาสตร์ โบราณวัตถทุ างด้านศาสนา พิพธิ ภัณฑ์ เปน็ ตน้

เมื่อกลา่ วถงึ ประโยชนส์ ามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ ดา้ นๆดงั นี้
ประโยชน์สาหรบั ผเู้ รยี น ผเู้ รยี นจะได้รบั ประโยชนด์ ังนี้

1. ทาํ ใหผ้ เู้ รยี นมีโอกาสใชค้ วามสามารถของตนเองในการเรียนร้อู ยา่ งเตม็ ที่
2. ผ้เู รียนมโี อกาสตัดสินใจในการเลอื กเรียนตามช่องทางท่ีเหมาะกบั ความสามารถของตนเอง
3. ทําให้กระบวนการเรยี นรู้ง่ายข้ึน
4. ผเู้ รยี นมีอสิ ระในการเลอื ก
5. ผเู้ รยี นสามารถเรยี นรใู้ นทุกเวลา ทุกสถานท่ี
6. ทําใหก้ ารเรยี นมปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ
7. ลดเวลาในการเรียนรู้และผูเ้ รยี นสามารถเรยี นรู้ไดม้ ากกวา่ เดิมในเวลาเทา่ กนั
8. ทําให้ผเู้ รยี นสามารถเรยี นรู้ได้ทง้ั ในแนวกว้างและแนวลกึ
9. ชว่ ยให้ผู้เรียนรู้จักเสาะหาแหลง่ การเรยี นรู้
10. ฝึกใหผ้ ูเ้ รียน คิดเป็นและสามารถแกป้ ัญหาด้วยตนเองได้

115

แหลง่ เรียนรู้
นอกจากการเรยี นรใู้ นชมุ ชนและการศกึ ษาที่บ้านตามทกี่ ล่าวมาแลว้ ยงั สามารถใช้ไอซีทเี พือ่ ชว่ ยให้เกดิ

การเรียนรไู้ ด้ทุกทท่ี ุกเวลาเพอื่ การเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ได้ด้วยตนเองจากแหลง่ เรียนรู้ ท้งั ในลักษณะกายภาพ
และแหลง่ เรยี นรเู้ สมือน อาทิเช่น
หอ้ งสมุดและฐานขอ้ มูล

ห้องสมดุ เปน็ แหล่งค้นควา้ ขอ้ มูลสารสนเทศทที่ รงคุณคา่ ยิง่ และมีอย่ทู ่วั ไปไมว่ า่ จะเปน็ ใน
สถาบนั การศึกษาหรอื ในหน่วยงานต่าง ๆ ทจ่ี ดั ข้นึ เพ่ือเปน็ แหลง่ คน้ คว้าเฉพาะด้าน และห้องสมุดประชาชนเพือ่
บรกิ ารบคุ คลทั่วไปในแต่ละทอ้ งถิน่ หากเป็นห้องสมุดในสถาบนั ใหญอ่ าจรวมถึงการใหบ้ รกิ ารส่อื
อิเลก็ ทรอนกิ สต์ า่ ง ๆ เช่น แถบวีดทิ ัศน์ แผน่ วซี ีดี/ดีวดี ี บรกิ ารอนิ เทอร์เน็ตด้วยการค้นควา้ ออนไลน์และ
บทเรยี น E-learning ฯลฯ ห้องสมุดประเภทนี้จะเรียกรวม ๆ ว่าเปน็ “Learning Resource Center” และเรยี กใน
ภาษาไทยวา่ “ศูนย์สารสนเทศ”, “ศูนย์บรรณาสารสนเทศ” หรือ “ศนู ย์วทิ ยบริการ” แล้วแตจ่ ะตัง้ ชื่อในแต่ละ
สถาบัน

นอกจากหอ้ งสมุดที่เปน็ ลักษณะกายภาพโดยมสี ถานทต่ี ้งั ในแตล่ ะแหง่ แล้ว ในปัจจบุ ันยังมี
“หอ้ งสมุดเสมือน” (virtual library) โดยเรยี กว่า “ห้องสมดุ ดิจทิ ลั ” (digital library) หรอื “หอ้ งสมดุ
อเี ล็กทรอนิกส์ (e-library) ในลักษณะฐานข้อมลู บนเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ เพ่ือให้บรกิ ารในการคน้ ควา้ ข้อมลู
สําหรบั ผทู้ ี่ต้องการสบื ค้นแต่ไมส่ ามารถเดนิ ทางไปท่นี ้นั ๆ ได้ เชน่
- Smithsonian (www.si.edu) ฐานข้อมูล ของสถาบนั Smithsonian ในสหรัฐอเมรกิ าเป็นแหล่งรวม
เรอื่ งราวด้านประวตั ศิ าสตร์ เช่น เทคโนโลยกี ารบิน คอมพวิ เตอร์ อวกาศ ฯลฯ
- ERIC (www.eric.ed.gov) เป็นฐานขอ้ มลู แหลง่ ใหญ่ดา้ นการศึกษาโดยเชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งครูผูส้ อนกับ
ครผู ้สู อนด้วยกนั เองและกับผเู้ ช่ยี วชาญสาขาตา่ ง ๆ มีบริการสารสนเทศสาํ หรบั นกั การศกึ ษาที่สอนต้ังแต่ชน้ั
อนบุ าลถงึ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
- STN Internaitonal (Scientific and Technical Network) (www.cas.org/stn.html) เป็นระบบ
ฐานขอ้ มูลขนาดใหญเ่ นน้ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ด้านเคมี

-Health Education Assets Library (www.healcentral.org/index.jsp) เป็นหอ้ งสมุดดิจิทัลเพื่อ
เอื้ออาํ นวยความสะดวกในสื่อมัลติมเี ดียบนเวบ็ สาํ หรบั นักการศกึ ษาและผูเ้ รียนด้านวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ

116

-Academic Info Digital Libraries (www.academicinfo.net/digital.html) เปน็ portal เพอื่ การสืบค้น

ความรูท้ กุ แขนง เชน่ เกษตรกรรม นเิ ทศศาสตร์ ปรชั ญา จนี ศกึ ษา ศาสนา กฎหมาย วรรณกรรมอังกฤษ ศลิ ปะ

และประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ป์ ฯลฯ

แหลง่ ทศั นศกึ ษา

สถานที่ สถาบัน และหนว่ ยงานตา่ ง ๆ สามารถใชเ้ ป็นแหลง่ ทศั นศกึ ษาในการเรยี นรเู้ พอื่ เพมิ่ พนู

ประสบการณค์ วามรไู้ ดโ้ ดยอาจเปน็ สถานทีใ่ หค้ วามร้เู ฉพาะด้าน เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ใหค้ วามรดู้ ้าน

ประวัติศาสตรข์ องประเทศ พิพธิ ภณั ฑ์วิทยาศาสตรท์ างทะเลให้ความรู้เก่ยี วกบั พืชและชวี ติ สตั วน์ ํา้ เค็ม ทอ้ งฟา้

จําลองกรงุ เทพฯ เพ่อื เพมิ่ พูนความรดู้ ้านดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ พิพธิ ภณั ฑ์หนุ่ ข้ีผึง้ ไทยจัดแสดงหุน่ ข้ผี ้ึงของผู้

มีชอ่ื เสยี งดา้ นตา่ ง ๆ ฯลฯ โดยหน่วยงานเหล่านี้จะมกี ารจัดแสดงนทิ รรศการและโครงงานตา่ ง ๆ เพอื่ ให้

ความรูแ้ ก่ผูส้ นใจท่วั ไป หรือแม้แตแ่ หล่งทอ่ งเทย่ี วในจังหวัดต่าง ๆ เชน่ อทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ สุ านหอยล้านปี

หม่บู า้ นชาวเขา หมู่บ้านทําเคร่อื งเบญจรงค์ ฯลฯ ทนี่ อกจากจะไดช้ มสถานท่ีแล้วยังอาจไดพ้ บผู้รู้ในแต่ละ

ท้องถนิ่ เพือ่ ฟังเรื่องราวในอดีตและเพม่ิ พนู ความรู้ของถ่นิ นั้น ๆ ด้วย นอกจากน้ี สถานท่ีหลายแหง่ ถงึ แม้จะ

อยใู่ นลกั ษณะของสวนสนุกแต่จะมกี ารให้ความสอดแทรกอยู่ดว้ ยในลักษณะศกึ ษาบันเทงิ เช่น Epcot ในรัฐ

ฟลอริดา สหรฐั อเมรกิ า มีท้ังสว่ นท่ีเปน็ สวนสนกุ และจดั แสดงนทิ รรศการในเรือ่ งของเทคโนโลยลี ้ําสมัยให้

ชม Universal Studio ในรัฐแคลฟิ อร์เนยี และรฐั ฟลอรดิ า สหรฐั อเมริกามีการแสดงเทคนคิ ถา่ ยทาํ ภาพยนตร์

นอกเหนือจากเรอ่ื งของความบันเทิง และสวนสนุก Sea World ท่ีตง้ั อยู่ในหลายรัฐในสหรัฐอเมรกิ า มีการแสดง

ของสัตวน์ า้ํ เชน่ ปลาโลมา ปลาวาฬ และเปน็ แหล่งความรใู้ นเร่ืองของสตั ว์ทะเลเหลา่ นเี้ ปน็ ตน้

นอกจากแหล่งทศั นศกึ ษาสถานที่จรงิ แล้วยงั สามารถใช้แหลง่ ทศั นศึกษาเสมอื น (virtual fieldtrips)

เพอื่ หาความรจู้ ากเร่อื งราวและชมภาพประกอบของสถานท่ีต่าง ๆ ทอ่ี าจไมเ่ ดนิ ทางไปไดโ้ ดยสะดวก เช่น ทวีป

แอนตารก์ ตกิ า (http://astro. Uchicago.edu/cara/vtour/) หรืออาจไมส่ ามารถไปถงึ ไดเ้ ลย เช่น หลุมดาํ ในอวกาศ

(http://antwrp.gsfc.nasa.gov / htmltest / rjn_bht.html) หากตอ้ งการทอ่ งเท่ียวไปในสถานทตี่ า่ ง ๆ ยงั สามารถชม

ภาพในลักษณะรอบทิศทาง 360 องศา ไดท้ ี่ www.apple.com/quicktime/gallery.cubicvr/ และมเี วบ็ ไซดท์ เ่ี ป็น

ศูนยร์ วมแหลง่ ทัศนศกึ ษาเสมอื น เช่น www.geog.le.ac.uk / cti / virt.html และ

http://dir.yahoo.com/Recreation/Travel/Virtual_Field_Trips/ หากต้องการสรา้ งเว็บไซดเ์ พ่ือการเรียนร้ขู อง

แหล่งทัศนศึกษาเสมือนและใชบ้ ทเรียนทีม่ อี ย่สู ามารถดไู ดท้ ่ี www.field-grides.com/

117

หนงั สืออเี ลก็ ทรอนกิ ส์
แหลง่ เรยี นรดู้ ้งั เดิมอยา่ งหนึ่งทใี่ ช้กนั มาคือ ส่ือสงิ่ พมิ พ์ ซ่งึ จะพมิ พเ์ ปน็ หนังสอื วารสาร และ

หนงั สอื พมิ พ์ ส่งิ พิมพ์เหล่าน้ีจะให้สารสนเทศเพียงขอ้ ความและภาพประกอบเทา่ น้นั อันอาจทําใหไ้ ม่ได้รบั สงิ่
นา่ รกู้ วา้ งขวางมากเทา่ ทีค่ วรเต็มศักยภาพของสื่อในยุคไอซีที ดังน้นั จงึ ทาํ ให้มีการผลติ สอ่ื อเี ล็กทรอนิคสเ์ พ่อื ใช้
ประกอบกบั หนงั สือส่งิ พิมพ์ เชน่ หนงั สอื Instruction Media and Technologies for Learning ของ Robert
Heinich และคณะ มีแผน่ ซีดขี ้อมูลเพิม่ เติมประกอบ และหนังสอื e-encyclopedia Science เป็นสารานุกรม
วิทยาศาสตรม์ ีภาพประกอบสวยงาม จะมีเวบ็ ไซดท์ ี่บรรจุขอ้ มูลทัง้ ตวั อกั ษร ข้อมูลมลั ติมเี ดยี และการ
เชอ่ื มโยงไปยงั เว็บไซด์อน่ื เพ่อื ให้ผ้อู า่ นรบั ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ได้หากตอ้ งการ จึงทําใหผ้ อู้ ่านสามารถใช้ไดท้ ง้ั หนงั สอื
สิง่ พมิ พท์ เี่ ป็นเล่มทบ่ี รรจสุ ารสนเทศคีบถ้วนจะเปิดอ่านเมือ่ ใดกไ็ ดต้ ามความสะดวก หรือจะดจู ากเวบ็ ไซดก์ ็ได้
เช่นกนั เพ่ือฟงั เสยี ง ดภู าพเคลอ่ื นไหวแบบวีดทิ ศั น์ ดูขอ้ มูลเพมิ่ เติมจากเว็บไซด์อน่ื และดาวน์โหลดขอ้ มูลมา
ใช้ได้

นอกจากการใช้สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ประกอบส่ิงพมิ พแ์ ล้ว ปจั จบุ ันไดม้ กี ารแปลงสง่ิ พิมพ์จากรปู เลม่
หนังสอื ใหเ้ ปน็ หนังสอื อิเล็กทรอนกิ ส์เรียกว่า “e-book” ทใี่ ห้ขอ้ มลู ทง้ั ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสยี ง
และการเชอื่ มโยงไปยังเน้ือหาอืน่ ในเลม่ เดียวกัน หรือแม้แต่ไปยงั เว็บไซต์ในอินเตอร์เนต็ ไดใ้ นแตล่ ะหนา้ ของ
เนอื้ หา หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ สจ์ ะบันทกึ ลงแผ่นซีดีใชอ้ า่ นบนจอมเิ ตอร์หนอื ดาวน์โหลดออนไลนอ์ า่ นได้ทั้งบน
จอมอนเิ ตอรแ์ ละอปุ กรณค์ อมพวิ เตอรม์ อื ถอื เช่น Tablet PC และ Plam (ดรู ายละเอียดในเรอ่ื งเผยแพรส่ ารสนเทศ
ด้วยหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกสห์ น้า 233) ดว้ ยความสําคัญของหนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ พอื่ เป็นสือ่ ในการแพรก่ ระจาย
การเรียนรู้กระทรวงศกึ ษาธิการจงึ ได้จัดให้มโี ครงการพฒั นาหนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์เพอ่ื เผยแพรค่ วามรไู้ ปยังครู
นักเรยี น และสถาบันการศึกษาอน่ื ๆทัง้ ในรูปแบบแผน่ ซดี แี ละออนไลน์
แหลง่ เรยี นรู้

นอกจากห้องสมุด ฐานขอ้ มลู และแหลง่ ทศั นศึกษาทกี่ ล่าวมาแลว้ เราสามารถเพ่ิมพูนความรู้
ประสบการณไ์ ด้แหล่งเรยี นร้อู นื่ ๆไดอ้ ีกมากมายหลาบรูปแบบ อาทเิ ชน่ รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ทางชอ่ ง
ปกตแิ ละรายการทางเคเบิลทีวีหรอื การส่งสัญญาณผา่ นดาวเทยี มของ UBC ที่ใหส้ าระบันเทิงและความรคู้ วบค่ไู ป
ในตัว ดังเช่น รายการทอ่ งเท่ยี ว รายการขา่ ว สนทนาธรรม รายกรตอบปญั หาภาษาองั กฤษ ภาพยนตรเ์ พือ่ ความ
บันเทิงและสารคดเี สียงพูดภาษาองั กฤษท่ใี ช้ฝึกทักษะการฟังไปพร้อมกบั ความรู้ความบนั เทงิ ได้ รวมทั้งรายการ
เพ่อื การศึกษาของโรงเรียนวงั ไกลกงั วลและมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช รายการความร้ทู กุ สาขาของ

118

National Geographic และ Discovery โดยเขา้ ไปคน้ ควา้ เพมิ่ เติมไดจ้ ากเวบ็ ไซตเ์ ช่น

www.nationalgeographic.com,www.discovery.com, www.explorations.tv,http://tna.mcot.net/เว็บไซต์เหลา่ นี้

จะมีท้ังไฟลเ์ สยี งและไฟล์วิดีโอเพ่ิมเตมิ ดว้ ย หรือแม้แตห่ นงั สอื พิมพจ์ ะมีเว็บไซต์เพื่อสามารถอ่านออนไลน์ได้

เว็บไซตต์ ่างๆทง้ั ของในประเทศและตา่ งประเทศทเ่ี ปน็ ของสว่ นราชการและเอกชน เชน่ ศูนย์

เทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนกิ ส์และคอมพิวเตอรแ์ ห่งชาติ( www.nectec.or.th), ราชบัณฑติ ยสถาน( www.royin.or.th),

ดร.ครรชติ มาลัยวงศ์ ( www.drkanchit.com), บริษัทผ้ผู ลติ ชปิ คอมพิวเตอรแ์ ละซอฟแวรโ์ ปรแกรม เช่น Intel

(www.intel.com), Microsoft (www.microsoft.com),และAdobe (www.adobe.com),บริษทั สื่อสารโทรคมนาคม

(www.att.com), สาํ นกั ข่าว ( www.bbc.co.uk)ฯลฯ เว็บไซตเ์ หล่านี้จะเป็นแหลง่ เรียนรู้ในเรอื่ งต่างๆอยา่ งมี

ประโยชนย์ ง่ิ ในแตล่ ะสาขาวิชา

ประโยชนส์ าหรับผู้สอน ผ้สู อนจะได้ประโยชนด์ ังนี้
1. ทาํ ใหป้ ระสิทธภิ าพของการสอนสงู ขนึ้
2. ผสู้ อนสามารถจัดกจิ กรรมไดห้ ลากหลาย
3. ทําให้ผู้สอนมเี วลามากขึ้น จึงไช้เวลาทเ่ี หลือในการเตรียมการสอนไดเ้ ต็มที่
4. ทําใหก้ ระบวนการสอนง่ายขึ้น

การนํามาใช้กบั การเรียนการสอน : กลา่ วคือ แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ มไิ ดห้ มายถึงแต่เพยี งตาํ รา ครู
และอปุ กรณก์ ารสอน ทโ่ี รงเรียนมอี ยเู่ ท่านน้ั แนวคิดทางเทคโนโลยีทางการศึกษา ต้องการให้ผู้เรียนมีโอกาส
เรยี นจากแหล่งความรู้ทก่ี ว้างขวางออกไปอีก แหลง่ ทรัพยากรการเรยี นรคู้ รอบคลุมถงึ เรื่องต่างๆ เช่น

1. คน คนเปน็ แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรูท้ สี่ าํ คัญซึง่ ได้แก่ ครู และวทิ ยากรอ่ืน ซ่ึงอยนู่ อกโรงเรยี น เช่น
เกษตรกร ตาํ รวจ บุรษุ ไปรษณีย์ เป็นต้น

2. วัสดุและเคร่อื งมอื ได้แก่ โสตทศั นวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เชน่ ภาพยนตร์ วทิ ยุ โทรทศั น์ เครือ่ งวดิ ีโอเทป
ของจริงของจําลองสง่ิ พิมพ์ รวมไปถึงการใช้สอ่ื มวลชนตา่ งๆ

3. เทคนิค-วิธกี าร แต่เดมิ นัน้ การเรียนการสอนสว่ นมาก ใช้วธิ ใี ห้ครูเปน็ คนบอกเนื้อหา แกผ่ ู้เรยี น
ปจั จบุ ันน้ัน เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้ศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเองได้มากท่สี ุด ครเู ปน็ เพยี ง ผวู้ างแผนแนะแนวทาง
เท่านน้ั

4. สถานที่ อันไดแ้ ก่ โรงเรียน ห้องปฏบิ ตั ิการทดลอง โรงฝึกงาน ไรน่ า ฟารม์ ทท่ี าํ การรัฐบาล ภูเขา
แมน่ ํา้ ทะเล หรอื สถานที่ใด ๆ ที่ช่วยเพ่ิมประสบการณท์ ด่ี ีแกผ่ ้เู รียนได้

119

เครือขา่ ยการเรียนรู้ (Learning Network)

อาจกล่าวไดว้ า่ เป็นแนวคิดและกระบวนการในการจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างบคุ คล กลุ่มบคุ คล

ชุมชน ตลอดจนองค์กร ใหเ้ กื้อกูลและเชื่อโยงกันทชี่ ว่ ยแลกเปลยี่ นความรู้ เครือข่ายการเรยี นรจู้ ึงเป็น

กระบวนการหรือกลไกท่ีก่อให้เกิดกระบวนการเรยี นร้โู ดยการแบง่ ปนั ความรแู้ ละประสบการณ์

อเนก นาคะบุตร เสนอไว้ว่าลกั ษณะหรือรูปแบบของเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ไม่มีกฎเกณฑห์ รือหลักเกณฑ์

ตายตวั ประชาชนตอ้ งเรียนรู้จากกันและกัน จากความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากที่อ่นื แลว้ ขยายความรู้ให้ผ้อู ่นื ทราบด้วย เปน็ การ

ชว่ ยให้เกิดการศกึ ษาที่หลากหลายสอดคล้องกบั ความต้องการของบุคคล

วชิ ัย ตนั ศิริ ได้แสดงทศั นะทส่ี อดคล้องกนั วา่ หวั ใจสําคัญของเครือขา่ ยการเรียนรอู้ ยา่ งหน่งึ คือการ

ถา่ ยทอดแลกเปลย่ี น และกระจายความรู้ ทีเ่ ปน็ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ เพ่ือสนบั สนุนการสรา้ งองคค์ วามร้ใู หม่ ๆ โดย

เฉพาะที่เกย่ี วกบั ชมุ ชน และความรดู้ ง้ั เดิมทสี่ บื ทอดกันมาภายในชุมชน ในแตล่ ะชมุ ชนมักมคี วามรู้ท่ีมกี ารสะสม

และสืบทอดกนั มา ซึง่ มักเปน็ ความร้ทู เี่ กี่ยวข้องกับการวถิ กี ารดาํ เนนิ ชีวิตของชมุ ชนนั้น ๆ และเปน็ ความรทู้ ี่ตง้ั อยู่

บนพนื้ ฐานของสภาพที่เป็นจรงิ ของชมุ ชน

สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ ให้แนวคิดอีกวา่ ในวิถกี ารดํารงชวี ิตของมนษุ ยม์ ี

กระบวนการเรยี นรเู้ กดิ ข้ึนตลอดเวลา โดยเรียนรูจ้ ากประสบการณ์ สิง่ แวดล้อม และบคุ คลรอบขา้ งขณะเดียวกัน

ก็ได้มกี ารจดั ระบบการเรยี นรู้ และการถา่ ยทอดให้สมาชกิ ในสังคมดว้ ยวธิ ีการตา่ งกนั ในอดีตทผี่ ่านมาชุมชนได้

ทาํ หนา้ ทน่ี ้ี ทาํ ให้สมาชิกของชุมชนมคี วามรปู้ ระกอบอาชีพได้ สามารถสบื ทอดวัฒนธรรมและคา่ นิยมได้อยา่ ง

ตอ่ เน่ือง

1. ความหมายของเครือข่ายการเรียนรู้

กลุม่ องคก์ รรัฐและนกั วชิ าการ ใหค้ วามหมายที่เก่ยี วขอ้ งกับเครอื ขา่ ยไวด้ ังนี้

เครือข่ายการเรยี นรู้ คอื การทช่ี าวบ้านรวมตวั กนั ขบคิดปัญหาของเขา รวมพลังแกป้ ัญหา และหาผูน้ ํา

ขน้ึ มาจากหมชู่ าวบา้ นด้วยกนั เอง แลว้ รวมตัวกันเพอ่ื มีอาํ นาจตอ่ รอง มีการตอ่ สทู้ างความคิด มกี ารเรียนร้จู าก

ภายนอก มกี ารไปมาหาส่กู ันเรยี นรดู้ งู านด้วยกนั จนกระทัง่ เกดิ เป็นกระบวนการแกป้ ัญหาได้ การทาํ มาหากนิ ดี

ข้นึ เศรษฐกจิ แตล่ ะครอบครวั ดขี ้ึน

120

ภาพประกอบที่ 6 การรวมตัวขบคดิ ปญั ญาของชาวบ้าน
เครอื ข่ายการเรียนรู้ หมายถึง การประสานแหลง่ ความรู้และข้อมูลขา่ วสารการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติ
และการปฏบิ ตั ิงานอยา่ งสอดคล้อง เชื่อมโยงกันทงั้ ระหวา่ งงานที่รับผดิ ชอบ การจดั การศกึ ษาในและนอกระบบ
โรงเรียนและระหว่างหนว่ ยงานอื่นๆ ทั้งภาครฐั และเอกชนในระดบั ตา่ งๆ ตลอดจนระบบการเรียนรอู้ ยา่ งไม่เปน็
ทางการ เพอ่ื สรา้ งแลกเปลยี่ น ถ่ายทอดและกระจายความร้อู ย่างตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื ให้ประชาชนมโี อกาสได้เรยี นรูอ้ ย่าง
กวา้ งขวางและต่อเนือ่ งตลอดชีวิต ตามความตอ้ งการของบุคคลและชุมชน
เครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ หมายถงึ ขอบเขตแห่งความสัมพนั ธข์ องกจิ กรรมการเรียนรู้ท่มี ลี กั ษณะประสาน
ตดิ ต่อสมั พันธ์ เช่ือมโยงอย่างต่อเน่อื งในกิจกรรมใดกิจกรรมหนงึ่ หรือหลายกจิ กรรม ระหว่า งคนกับคน คนกบั
กลุ่ม และกลุ่มกับกลุม่
กลมุ่ เครือขา่ ยเทคโนโลยี ซง่ึ ใช้เทคโนโลยกี ารส่อื สารเป็นเคร่ืองมือหลกั ในการสมั พันธแ์ ละเชื่อมโยงคน
และองคก์ รทเ่ี กี่ยวข้อง เปน็ เครอื ข่ายทมี่ ีบทบาทสงู ในภาคสงั คมเมือง ธุรกิจ และสถาบนั การศกึ ษา

121

ภาพประกอบท่ี 7 เทคโนโลยใี นการส่ือสาร
ชาตชิ าย ณ เชยี งใหม่ อธิบายถงึ เรื่องนว้ี า่ เครือข่ายสงั คม หมายถงึ กล่มุ ของความสัมพันธท์ ีบ่ คุ คลมีต่อ
กนั โดยลักษณะของความสมั พันธ์ท่ีเกิดขน้ึ สามารถนํามาใชอ้ ธิบายพฤติกรรมของบคุ คลเหลา่ น้นั ได้ เครือข่าย
สงั คมนี้ประกอบขึ้นด้วยความสัมพนั ธท์ างสงั คมทั้งหมด การเรยี นรู้ของบุคคล หรอื กล่มุ องค์กรใดก็ตาม ย่อม
สมั พันธเ์ ก่ียวขอ้ งกบั เครือขา่ ยทางสงั คมในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ ความ สมั พนั ธ์ทางเครือญาติ เพ่ือน และ
ความสมั พันธใ์ นฐานะของบคุ คลหรอื องค์กรทีม่ ีปัญหา มกี ิจกรรมท่ีปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คมร่วมกนั ท่ีทําให้ชมุ ชน
สามารถดาํ รงอย่ไู ด้
อนรุ ักษ์ ปัญญานุวัฒน์ รหนั แตงจวง และสุกัญญา นมิ านันท์ อธบิ ายว่า เครือขา่ ยการเรยี นรหู้ มายถงึ
สภาพการเรียนรอู้ ย่างเปน็ ทางการหรอื ไม่เปน็ ทางการ และระหวา่ งประเทศหรือทวีป ตลอดจนการรบั ร้ขู ่าวสาร
ผ่านสื่อการเรยี นรูท้ ีมอี ยอู่ ยา่ งหลากหลาย ทั้งประเภทสือ่ บคุ คล และสื่อสารมวลชนประเภทต่าง ๆ เชน่ สื่อ
สง่ิ พมิ พ์ สอ่ื เสยี งและภาพเป็นต้น ทีจ่ ะเอือ้ ใหเ้ กดิ การเรยี นรทู้ มี ผี ลต่อการดํารงชีวิต การเปลยี่ นแปลงสังคมและ
คุณภาพชีวิตของคน
กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น อธบิ ายความหมายวา่ หมายถึง การเชื่อมโยงประสานสัมพันธแ์ หล่งความรู้
ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพ่อื ใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นข่าวสาร ข้อมูลระหวา่ งกัน โดยมบี ุคคลทม่ี คี วามถนดั ในด้านตา่ ง ๆ ซึง่
สามารถถ่ายทอดความรใู้ ห้บคุ คลอ่นื ๆ ได้

122

ภาพประกอบที่ 8 การถ่ายทอดความรู้

สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ อธบิ ายอย่างสอดคลอ้ งกันวา่ เครือข่ายการเรยี นรู้ หมายถึง
การประสานแหล่งความรู้ และข้อมลู ข่าวสาร การใช้ทรัพยากร และการปฏิบัติงานอย่างสอดคล้อง ตลอดจน
ระบบการเรียนรอู้ ยา่ งไม่เปน็ ทางการ เพอ่ื สรา้ ง แลกเปลีย่ นถา่ ยทอดและกระจายความรู้อยา่ งต่อเนื่อง เพอื่ ให้เกิด
การเรียนรูอ้ ยา่ งไม่เปน็ ทางการ เพื่อสร้าง แลกเปลี่ยน ถา่ ยทอดและกระจายความรอู้ ยา่ งตอ่ เน่ือง เพือ่ ให้เกิดการ
เรียนรู้อยา่ งกว้างขวาง และต่อเนื่องตลอดชวี ิต ตามความต้องการของบุคคลและชมุ ชน

ในทศั นะของ สุวฒั น์ แก้วสงั ข์ทอง อธบิ ายเพ่ิมเติมไว้อย่างน่าสนใจวา่ เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ หมายถึง การ
จดั ระบบและพฒั นาให้แหลง่ ความรู้ ซ่ึงหมายถึง องค์กร สถานประกอบการบุคคล ศนู ยข์ ่าวสารขอ้ มลู สถานท่ี
ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ใหส้ ามารถถ่ายโยงเกิดกระบวนการเรยี นรู้ แลกเปล่ยี นความรซู้ ง่ึ กันและกัน หรือ ผ้สู นใจ ได้
ทง้ั ความรู้ ทกั ษะ เก่ียวกบั อาชพี สังคม เศรษฐกจิ เทคโนโลยี ศาสนา และศลิ ปวัฒนธรรมท่ีเป็นของดีด้ังเดมิ และ
ทพี่ ฒั นาแล้ว ท่ีมอี ยู่ในชุมชน อําเภอ จังหวัดดงั นั้นโดยสรปุ แลว้ เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ หมายถงึ การกระจาย
เชือ่ มโยง หรอื แลกเปล่ยี นความรู้ ซึ่งกนั และกัน ระหวา่ งกล่มุ บุคคลอยา่ งตอ่ เนื่องและกว้างขวาง โดยมีการ
จัดระบบและวธิ ีการเรียนร้ตู ่าง ๆ กนั ตามความต้องการของบุคคลเครอื ข่ายสังคม

พิมพ์วัลย์ ปรดี าสวสั ดิ์ กลา่ วให้เหน็ ถงึ แนวคดิ เดียวกนั นีว้ า่ เครือข่ายสังคมใหเ้ ปน็ รูปธรรมขน้ึ มา
เครอื ข่ายสงั คมเปรยี บเสมือนรปู ภาพของจุดตา่ ง ๆ ท่ีมีเส้นหลาย ๆ เส้น โยงมาระหวา่ งจุดต่าง ๆ เหล่านกี้ บั จดุ
หนึ่ง ซึ่งเป็นศนู ยก์ ลาง จดุ ศนู ย์กลางเปรยี บเสมอื นกับบุคคลหนึ่ง และจดุ ตา่ ง ๆ เปน็ ตวั แทนของบุคคลอืน่ ๆ รอบ
ๆ ข้างท่ีบคุ คลน้ันมคี วามสัมพันธ์ดว้ ยการเช่ือมโยงดว้ ยเส้นโยงหลาย ๆ เส้นนนั้ หมายถึงความสัมพันธ์ทางสงั คม

123

ทส่ี าํ คัญคอื การติดต่อส่อื สารระหว่างบคุ คลกับบคุ คลอน่ื ๆ การปฏสิ มั พันธ์ ( Interaction) และการแลกเปลย่ี น
ข่าวสาร ข้อมลู เคร่อื งใช้ไม้สอย อาหาร การบริการ ( Transaction) ระหวา่ งบุคคลหรอื กลมุ่ บุคคลการศึกษา
เครอื ขา่ ยสังคมเป็นความสัมพนั ธท์ างสังคมทีบ่ ุคคลมีตอ่ กนั และกัน ภายในเครือข่ายสามารถแบ่งไดห้ ลาย
ปรมิ ณฑล (Zones) ซง่ึ การกาํ หนดขอบเขตของเครอื ขา่ ยสังคมน้ัน

พิมพว์ ัลย์ ปรีดาสวสั ดิ์ ไดน้ าํ แนวคิดของ บัวเซแวน มาอธิบายใหเ้ หน็ อยา่ งชัดเจนว่า เครือข่ายบคุ คลน้นั
ควรประกอบไปดว้ ยปริมณฑลทีส่ ําคัญอย่างนอ้ ย 3 ปรมิ ณฑลด้วยกนั คอื

1. ปริมณฑลแรกควรประกอบด้วยบุคคลตา่ ง ๆ ท่ีใกลช้ ิดกบั บคุ คลทเี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางมากท่สี ุด อัน
ได้แก่ ญาตพิ ่นี ้อง เพอื่ นฝูง ซ่ึงเรียกได้วา่ เป็นเครือขา่ ยใกลช้ ดิ (Intimate Network)

2. ปริมณฑลทสี่ องได้แกเ่ ครือขา่ ยรอง ( Effective Network) ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยบคุ คลตา่ ง ๆ ที่
บคุ คลซ่งึ เป็นศูนย์กลางรู้จักคนุ้ เคยนอ้ ยกว่ากลุ่มแรก กลุ่มน้ีมกั ได้แกญ่ าติพ่ีน้องทีห่ า่ ง ๆ ออกไป เพอ่ื นฝงู และคน
ท่ีรู้จกั ค้นุ เคยอ่นื ๆ และ

3. ปรมิ ณฑลทีส่ ามได้แก่ กล่มุ บุคคลซึ่งบุคคลที่เปน็ ทหี่ น่งึ ซ่งึ เรยี กวา่ เครอื ขา่ ยขยาย (Extended
Network)

นิยพรรณ วรรณศริ ิ เสนอวา่ ระบบเครอื ญาติ เปน็ สภาพของความสมั พนั ธ์ของบคุ คลจากวงแคบท่ีสุด
นบั จากตวั เราไปถึงวงกว้างเทา่ ท่ีพอนับได้ วงแคบทส่ี ดุ คอื วงของครอบครวั และวงกวา้ งทีส่ ุดอาจนบั ถงึ เผา่ พนั ธุ์
แต่ส่วนใหญ่การนับความสมั พันธ์ทางเครอื ญาติ มกั นบั ในวงแคบมากกวา่ วงกวา้ ง โดยเรม่ิ นบั จากระดบั
ความสัมพนั ธข์ องบคุ คลในครัวเรอื นเดยี วกันก่อนการเรยี นร้โู ดยเครือข่ายสังคม

ชยันต์ วรรธนะภตู ิ เสนอแนะว่า กระบวนการเรียนรู้น้ันมี 2 ลักษณะ คือ
1. การเรยี นรแู้ บบด้ังเดมิ ท่ีเป็นการเรียนร้ใู นมิตวิ ฒั นธรรม รวมทง้ั การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์

ชวี ิต
2. การเรยี นรู้ทีส่ ัมพนั ธ์กบั ภายนอก เชน่ จากนักวชิ าการ นกั พฒั นากระบวนการเรยี นรทู้ ่ีกลา่ วมา

น้ี มีข้อพจิ ารณา 2 ประเด็น คอื
1.) แนวคิดของเครือข่ายการเรียนรู้ มคี วามสมั พนั ธเ์ กีย่ วข้องกับ
(ก) เครือข่ายสังคม มสี ่วนทาํ ใหเ้ ครือขา่ ยการเรยี นรูเ้ กดิ ข้นึ และถ่ายไปมาได้
(ข) แมข่ ่าย อาจเปน็ แมข่ ่ายเดียว หรือหลายแมข่ า่ ย
(ค) วถิ ีชีวติ โดยเครอื ขา่ ยการเรียนรู้มฐี านอยูบ่ นวิถีชีวติ หรือการปฏิบัติการทาง

สังคม
2) องค์ประกอบของการเรยี นรู้ ควรประกอบด้วย
(ก) องค์ความรู้ และ

124

(ข) กระบวนการเรียนรู้
สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ เสนอแนวคิดที่สอดคล้องกนั ไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจ
วา่ กระบวนการเรยี นรู้โดยเครือข่ายสังคมทเี่ ปน็ ชุมชนนนั้ มอี งคป์ ระกอบท่สี าํ คัญคือ ประสานการเรยี นรู้ และผรู้ ู้
ในชมุ ชน ซ่งึ ทําหน้าท่เี ป็น “แม่ข่าย” ในการขยายการเรียนร้ขู องบุคคลและชมุ ชนออกไปในวงกวา้ ง ผู้ประสาน
การเรียนร้เู ปน็ บคุ คลในชุมชน ซึ่งอาจมสี ถานภาพที่หลากหลาย เช่น เปน็ ผ้นู ําชาวบา้ น ผู้นําทางศาสนา เปน็ ต้น ผู้
ประสานการเรียนรู้นี้ทาํ หน้าท่ใี ห้กระตุ้นใหบ้ ุคคลและชมุ ชนเกดิ ความใฝ่แสวงหาความรู้ เกดิ การแลกเปล่ียน
และกระจายความร้ทู ั้งภายในชมุ ชนและระหว่างชุมชนให้กวา้ งขวางยิ่งขึน้ สว่ นผู้ร้ใู นชมุ ชนได้แก่ ภมู ิปัญญา
ท้องถิน่ หรอื ผทู้ ที่ รงไวซ้ ง่ึ ความรู้ด้งั เดมิ ทส่ี ะสมมาภายในชมุ ชน ผปู้ ระสานการเรียนรู้ และผูร้ ู้ในชมุ ชนอาจเป็น
บุคคลเดยี วกนั ทท่ี ําหนา้ ที่ทงั้ สองลักษณะกไ็ ด้โดยนัยดังกลา่ วนกี้ ระบวนการเรยี นรู้ทีเ่ กิดขน้ึ จึงเป็นการเรียนรู้ท่ี
ผสมกลมกลืนเข้ากับวถิ ชี วี ติ ของคนในชมุ ชน เพราะทง้ั บคุ คลกเ็ ปน็ ที่ยอมรบั นับถอื ในชุมชน และองคค์ วามร้ทู ีม่ ี
การถา่ ยทอดแลกเปล่ียนอยูใ่ นชมุ ชนก็ได้ผ่านกระบวนการปรบั ให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของชุมชนก่อน
แลว้ สรุปแลว้ เครือข่ายการเรียนรูเ้ ปน็ การเรยี นรทู้ ่ีตอ้ งอาศยั เครือขา่ ยสงั คมเปน็ พ้นื ฐานสาํ คญั และผู้ท่เี ปน็ แมข่ า่ ย
นั้นประกอบด้วยบุคคลท่ีมสี ถานภาพตา่ ง ๆ กัน กระบวนการถ่ายทอดความรูแ้ ละทกั ษะการทาํ เครื่องทองถอื ตอ้ ง
อาศัยทง้ั เครือขา่ ยการเรียนร้แู ละเครอื ข่ายสงั คม เปน็ กระบวนการทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั การเรยี นรูข้ องบุคคลโดย
เครอื ข่ายสงั คม โดยผถู้ ่ายทอดความร้ตู ามลักษณะความสมั พนั ธ์ทางสงั คม ผเู้ รียนทีไ่ ด้รับความร้มู า จะเป็นผู้
ถ่ายทอดความรลู้ าํ ดับตอ่ ไปให้กบั คนอ่ืน ๆ เปน็ เครอื ขา่ ยของความรู้ขยายออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง
ธนภทั ร ลีพดุ มแี นวคดิ วา่ เครอื ข่ายการเรียนรู้ หมายถงึ การเรยี นรู้ในระบบคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ใช้ประกอบ
กจิ กรรมทางการศกึ ษาของมนษุ ยท์ ้ังในระดับประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษา อุดมศึกษา และการศกึ ษาผู้ใหญ่ โดยมี
องคป์ ระกอบสาํ คญั คืออุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ โปรแกรมท่ีใชค้ วบคุมระบบการทาํ งานและเครือข่ายการสือ่ สาร
นอกจากนีก้ ารเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นแตล่ ะคนยังแตกตา่ งกันออกไปตามความสามารถในการสอ่ื สารของตวั ผเู้ รียนเอง
และสภาวะแวดลอ้ มในการเช่ือมโยงข้อมูลอีกด้วย การศึกษาในเครอื ข่ายการเรยี นรู้ นบั เป็นการศึกษาแบบอะ
ซิงโครนสั ( Asynchronous Learning)เป็นการเรยี นการสอนท่ี ไม่จาํ กดั เวลา สถานที่ และบุคคล ซงึ่ ผเู้ รยี น
สามารถเรียนเวลาใด สถานทใ่ี ด กับบคุ คลใดก็ได้โดยมกี ารนาํ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เขา้ มาใช้ในการเชอ่ื มโยง
เข้าสรู่ ะบบเครอื ข่ายภายในสถานศึกษาและเชอ่ื มต่อไปสรู่ ะบบอนิ เทอร์เนต็ จงึ เปน็ การเพ่ิมประสทิ ธิภาพ ในการ
เรียนรูข้ องผเู้ รยี นเนอ่ื งจากผเู้ รียนมคี วามพร้อมและสะดวกในการเรยี นแต่ละครง้ั ผูเ้ รยี นสามารถเรียนรู้จาก
บทเรียนออนไลน์มกี ารใช้เว็บบอร์ดใช้ระบบมัลติมเี ดียเพือ่ เชอ่ื มการเรยี น การสอนถึงกันตลอดเวลาทําใหเ้ กดิ
การเรียนการสอนทางไกลและการเรียนการสอนออนดมี านด์
สมิทธ์ สระอบุ ล อ้างองิ จาก บญุ ลอื วันทายนต์ ทีช่ ใี้ หเ้ หน็ ว่า เครือญาติเป็นเรือ่ งของระบบความสัมพันธ์
ระหวา่ งญาตพิ ีน่ ้อง ทีม่ ีความสมั พนั ธ์เกย่ี วขอ้ งกนั ในรูปความสัมพนั ธ์ระหว่างคนในสงั คม โดยเร่มิ ต้นจาก

125

ความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั ก่อน ซึง่ เป็นความสัมพันธ์ขั้นตน้ ของมนุษย์ และความสัมพันธน์ ้ีเองก่อให้เกดิ ระบบ
เครือญาตขิ ึน้ ในเมอื่ ทกุ สงั คมและทกุ ครอบครัวซึง่ สมาชกิ มีความสมั พนั ธก์ ับแต่ละสังคม ก็ทาํ ใหค้ วามสมั พนั ธ์
ขยายตวั ออกไปเป็นเครอื ข่ายสงั คมกว้างขวางขนึ้ ดังนั้นเครอื ญาติจึงเปน็ ท่รี วมของบรรดาความสัมพนั ธข์ อง
บคุ คลในสงั คมท่ีเก่ียวข้องกนั

2. คุณลักษณะพิเศษของเครอื ขา่ ยการเรียนรู้
1. สามารถเขา้ ถึงไดก้ วา้ งขวาง งา่ ย สะดวก นกั เรียนสามารถเรียกขอ้ มลู มาใชไ้ ด้งา่ ยและเชอ่ื มโยงเขา้ หา

นักเรียนคนอื่นได้งา่ ยรวดเรว็ และสามารถเรยี กใช้ขอ้ มูลไดท้ ุกเวลาทกุ สถานท่ที ี่มเี ครือขา่ ย
2. เป็นการเรียนแบบร่วมกนั และทาํ งานรว่ มกันเปน็ กลุม่ คณุ ลักษณะพื้นฐานของเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ คือ

การเรยี นแบบร่วมมือกนั ดงั นนั้ ระบบเครอื ขา่ ยจึงควรเป็นกลุ่มของการเรียนรู้โดยผา่ นระบบการสอื่ สารที่สังคม
ยอมรบั เครือขา่ ยการเรียนรูจ้ ึงมีรูปแบบของการร่วมกันบนพ้นื ฐานของการแบ่งปนั ความนา่ สนใจของข้อมลู
ขา่ วสารซึง่ กันและกัน

3. สร้างกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผู้กระทํามากกว่าเปน็ ผู้ถกู กระทํา
4. ผ้เู รยี นเปน็ ศูนยก์ ลางการเรยี นการสอน และเน้นบทบาทท่เี ปลยี่ นแปลงไป
5. จัดใหเ้ ครอื ข่ายการเรยี นรูเ้ ปน็ เสมือนชมุ ชนของการเรียนรู้แบบออนไลน์

3. ความสาคัญของเครือข่ายการเรียนรู้

ปัจจบุ ันมีการสรา้ งระบบเครือขา่ ยการเรยี นรกู้ นั มากขนึ้ เพอื่ เป็นการเพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการจัดระบบ

การเรยี น การสอน รูปแบบใหม่ในสถานบนั การศกึ ษา เชน่ เครือขา่ ยภายในโรงเรยี น หรือภายใน

สถาบนั อุดมศกึ ษาและเช่ือมโยงกนั ระหวา่ ง วิทยาเขตจัดเปน็ แคมปสั เนต็ เวริ ์ค กอ่ ให้เกดิ การตดิ ตอ่ ส่ือสาร

ระหว่างครูกับนกั เรยี น เพ่ือรว่ มมือกนั ทาํ งานไดม้ ากขนึ้ เป็นสื่อกลางเพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถเขา้ ถึงแหล่งข้อมูล

ข่าวสารได้ทว่ั โลกรวมทัง้ สามารถใช้ประโยชน์จากระบบ อินทราเน็ตในการสง่ ข่าวสารได้

4. การนาเครอื ข่ายการเรียนรมู้ าใชใ้ นการะบวนการศกึ ษา
ทําใหเ้ กดิ ความเปล่ียนแปลงขน้ึ อย่างมากมายใน วงการศกึ ษาทงั้ ในด้านรปู แบบการเรียนการสอน

บทบาทของผ้สู อน บทบาทของผูเ้ รียน ดังน้ี
1. รปู แบบการเรยี นการสอนเน้นให้ผู้เรียนเปน็ หลกั ในการแสวงหาค้นควา้ ข้อมลู ด้วยตนเองมากขน้ึ จาก

แหลง่ สารสนเทศตา่ งๆท่วั โลก และจากสอื่ หลากหลายประเภทนอกเหนอื จากหนังสอื รวมทัง้ สามารถเลอื กเวลา
และ สถานที่ในการศกึ ษาได้เองและสามารถเลอื กบุคคลท่ีมคี วามรูค้ วามชํานาญทส่ี นใจในการปรกึ ษาขอ

126

คาํ แนะนาํ ได้ โดยผ่านระบบเทคโนโลยี ซ่งึ ตา่ งจากระบบเดิมทเ่ี น้นรปู แบบการเรยี นการสอนแบบซิงโครนัส คอื
มีการจดั ตารางสอน วชิ าเรียนและกําหนดสถานท่ีเรียนไว้ เพอ่ื ใหใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรภายในโรงเรยี น
อย่างเต็มที่

2. บทบาทของผสู้ อน จากระบบเดมิ ทเ่ี นน้ ให้ครเู ป็นจดุ ศนู ยก์ ลางของการเรยี นการสอนเปลย่ี นไปสู่
ระบบที่ครเู ปน็ เพยี งผู้ช้ีแนะหรือเป็นท่ีปรึกษาในสาขาวชิ าท่ีสอนโดยผ่านทางเครือข่ายดงั นัน้ ครจู ึงจาํ เป็นตอ้ ง
คน้ หาวิธีการสอนใหมๆ่ ข้อมูลและ อุปกรณ์เพื่อนํามาใชใ้ นการสอนอยเู่ สมอ เพ่อื กระตนุ้ ให้นักเรยี นกระตอื รอื รน้
ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองโดยผา่ นระบบเครอื ขา่ ย

ภาพประกอบท่ี 9 การเรียนร้โู ดยเน้นผู้เรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง
3. บทบาทของผู้เรียนเปลีย่ นแปลงจากระบบเดมิ ทน่ี ักเรียนเปน็ เพยี งผู้รับฟงั และปฏิบตั ติ ามคําส่งั ของครู
ไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นมากนักรบั ฟังความรูค้ วามคิดเห็นจากครูเป็นหลกั ไปสรู่ ะบบทนี่ ักเรียนตอ้ งเปน็ ผู้
แสวงหาดว้ ยตนเองตอ้ งกระตอื รอื ร้นและต่ืนตัวอยตู่ ลอดเวลา เพื่อให้ทนั กบั ความก้าวหน้าของวทิ ยาการและ
สนองตอ่ ความต้องการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง ได้มากขนึ้ โดยมคี รูเป็นเพยี งทป่ี รกึ ษาแนะแนวทางในการศกึ ษาค้นคว้า
4. บทบาทของการเรยี นการสอนมกี ารนาํ เทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใช้โดยเฉพาะระบบเครือขา่ ย
คอมพวิ เตอร์และการใช้อนิ เทอร์เน็ตเพอ่ื เปดิ ช่องทางไปสแู่ หลง่ ความรตู้ ่างๆ ได้ทั่วโลก

127

5. หอ้ งเรยี นสาํ หรับผสู้ อนประกอบดว้ ยอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการสอน คือ เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ี่เชอื่ มต่อกับ
อุปกรณ์ แสดงภาพ วดิ โี อโปรเจคเตอร์ เชอ่ื มเข้าสรู่ ะบบเครือข่าย และระบบอนิ เทอรเ์ น็ต

6. ศนู ยเ์ ครือ่ งคอมพิวเตอร์สาํ หรบั นกั เรียนเป็นสถานทท่ี ่ีผู้เรียนสามารถใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ในการ
คน้ คว้าเช่ือมตอ่ เข้าส่รู ะบบเครอื ขา่ ยภายในสถาบันการศึกษา รวมทง้ั สามารถใชผ้ า่ นโมเด็มจากบ้านของผูเ้ รยี น
เขา้ สูเ่ ครอื ขา่ ยได้ตลอด 24 ช่ัวโมง

7. ฐานบริการข้อมูลการเรียนเปน็ ทีเ่ ก็บข้อมลู ขา่ วสารในรูปแบบต่างๆทั้งที่อยู่ในรปู ของตัวอักษร
รปู ภาพ และเสยี ง ซึ่งผเู้ รียนสามารถเรียกใชง้ านไดต้ ลอดเวลาประกอบด้วย

7.1 ฐานบริการเว็บจดั เกบ็ ข้อมูลเน้อื หา ตํารา วิชาการ ในรูปของอักษร ภาพ และเสียง
7.2 ฐานบริการ Real Audio เปน็ สถานีวทิ ยเุ พ่ือการศึกษาบนเครอื ขา่ ย
7.3 ฐานบรกิ าร Real Video เปน็ สถานบี ริการทีวอี อนดีมานด์
7.4 ฐานบริการกระดานข่าว (Web board)เป็นสถานบี รกิ ารจดั แสดงขา่ วสารท่ีบุคคล
ต้องการประกาศ
7.5 Virtual library และ Digital library เปน็ ระบบห้องสมุดบนเครอื ข่าย เป็นแหลง่ เกบ็ ขอ้ มลู
ข่าวสารวชิ าการตา่ งๆ ท่สี ามารถเรียกใช้งานเครือข่ายได้ และสามารถเช่อื มโยงกบั หนว่ ยงานอ่นื ๆ ได้ทัว่ โลก
8. Student Homepage เปน็ ทเี่ กบ็ ขอ้ มลู ขา่ วสารของนักเรียนและส่งการบ้านใหค้ รูตรวจได้โดยแจง้
pointer บอกตําแหน่งให้ครูทราบ

5. องคป์ ระกอบด้านโทรคมนาคมกับเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้
1. อปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ (Hardware) ประกอบด้วยเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงอาจเป็นเคร่อื งสว่ นบุคคลหรือ

เคร่อื ง ที่อยใู่ นระบบเครือขา่ ยก็ไดพ้ ร้อมกบั โมเด็ม เพอ่ื ใชใ้ นการตดิ ต่อเข้าสู่ระบบเครือขา่ ยการเรียนรูข้ อง
สถาบนั หรือระบบอ่นื ๆ

2. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) ทใี่ ชค้ วบคุมระบบการทาํ งานของเครอื่ ง และสามารถตดิ ต่อ
โตต้ อบ กนั ในระบบเครอื ข่ายได้ เช่น ในรปู ของจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ( E-mail) เวบ็ ขา่ ว (Web board) และการ
ประชุมผ่านคอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น

3. ระบบการสือ่ สารโทรคมนาคมท่ีใชเ้ ปน็ ชอ่ งทางในการเชื่อมโยงเข้าส่รู ะบบเครอื ข่ายภายใน และ
เครอื ขา่ ยขนาดใหญไ่ ดแ้ ก่ ระบบ ATM Switch, Fast Switching, Router และอุปกรณส์ ่ือสารผา่ นไมโครเวฟเพ่อื
รองรับการใชง้ านใน ระบบโทรศัพท์ โทรทศั น์ วิทยุ และการใช้งานข้อมลู ข่าวสารบนเครือข่าย ใหอ้ ยใู่ นสภาพ
ของเครือขา่ ย ความเรว็ สงู แบบมัลตมิ ีเดียมีผลให้การเช่อื มโยงระหวา่ งครกู ับนกั เรยี นเปน็ ไปไดด้ ยี ่งิ ข้ึน

128

ภาพประกอบที่ 10 ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์
6. เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ในประเทศไทย

1. เครือขา่ ยไทยสาร เปน็ เครอื ขา่ ยเชือ่ มโยงสถาบันการศึกษาตา่ งๆ ระดบั มหาวิทยาลัยเขา้ ดว้ ยกนั กวา่
50 สถาบนั เริ่มจัดสรา้ งในปีพ.ศ.2535

2. เครือข่ายยนู เิ น็ต (UNINET) เป็นเครอื ข่ายเพื่อการเรียนการสอนที่สําคัญในยคุ โลกาภวิ ตั น์ จดั ทาํ โดย
ทบวงมหาวทิ ยาลัยในปี พ.ศ.2540

3. สคูลเน็ต (SchoolNet) เปน็ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ พื่อโรงเรยี นไทยได้รับการดูแลและสนบั สนนุ โดย
ศูนย์ เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แหง่ ชาติ เครอื ข่ายน้ีเช่ือมโยงโรงเรียนในประเทศไทยไวก้ ว่า
100 แหง่ และเปิดโอกาสให้โรงเรยี นอน่ื ๆ และบคุ คลทส่ี นใจเรยี กเขา้ เครือข่ายได้

4. เครือขา่ ยนนทรี เปน็ เครอื ขา่ ยของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์นับเปน็ เครอื ข่ายท่สี มบูรณแ์ บบและใช้
เทคโนโลยีชนั้ สงู สามารถตอบสนองความต้องการใชข้ องนสิ ิต อาจารย์ ข้าราชการตลอดจนการรองรับทางดา้ น
ทรพั ยากรเซอรเ์ วอรอ์ ย่างพอเพยี ง

129

ภาพประกอบท่ี 11 เครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต

7. สรุปความคดิ เห็นเกีย่ วกับเครือขา่ ยการเรยี นรู้
เครอื ขา่ ยการเรยี นรเู้ ป็นส่ิงท่ดี ีและมีความจาํ เป็นอย่างมากในการดํารงชีวิตในปจั จุบนั โดยเฉพาะด้าน

การเรียนการสอน เนื่องจากในปจั จุบนั มกี ารนําระบบเครือขา่ ยการเรียนรู้มาใช้เพอื่ เป็นการเปลีย่ นแปลงระบบ
การเรียนการสอนจากระบบเดิมท่จี าํ กัดอยู่เฉพาะภายในสถานศึกษา ไมม่ แี หลง่ ในการคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทดี่ ี ไปสู่
ระบบท่ีเน้นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผูส้ อนกบั ผูเ้ รียนโอกาสในการเรยี นร้แู ละการแสดงผลขอ้ มูลทีต่ อ้ งการซง่ึ
โครงสร้างการศกึ ษาในระบบเดมิ ถกู กระตุ้นใหต้ นื่ ตวั ด้วยระบบการสือ่ สารโทรคมนาคม และเทคโนโลยี
สารสนเทศใหมๆ่ จะมลี กั ษณะเปน็ รูปแบบการศกึ ษาแบบใหมท่ ่สี นองความตอ้ งการและใหอ้ าํ นาจแก่ ผสู้ อนและ
ผูเ้ รียนในการเลอื กลกั ษณะการเรียนร้ดู ว้ ยตัวเองตามความพร้อมและความสะดวกในการเรยี น ซ่ึงถือเปน็ การ
สร้างพนื้ ฐาน การเปล่ียนแปลงระบบการศึกษาทง้ั ในด้าน รูปแบบ ข้นั ตอนการเรยี นการสอนและการปฏบิ ัติ
ระบบการศึกษาในปจั จุบันนบั เปน็ การเรียนรู้แบบตลอดชวี ิตมเี นอ้ื หาสาระทต่ี อ้ งเรยี นรู้เปน็ จาํ นวนมาก
ตลอดเวลาโดยมกี ารปรบั เปลี่ยนกระบวนทัศนข์ องมนษุ ย์ให้เขา้ สรู่ ะบบการสร้างบุคลากรให้คิดเป็น ทาํ เป็น และ
เรยี นร้ไู ดอ้ ย่างตอ่ เนือ่ ง สามารถเข้าถึง แหล่งความรู้และคน้ หาคําตอบทตี่ ้องการไดด้ ้วยตนเองในระยะเวลาอันส้ัน
โดยอาศัยระบบเครอื ขา่ ยการสอื่ สาร และเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั มีการพฒั นาเทคนคิ การรับและส่งขอ้ มลู ขา่ วสาร
ไดร้ วดเร็ว

130

ภาพประกอบท่ี 12 ศนู ย์การเรียนรู้
เครอื ขา่ ยออนไลน์อินเทอร์เนต็ พอื่ การศกึ ษา

การตดิ ต่อสอ่ื สารปจั จบุ ันมคี วามรวดเรว็ มากยง่ิ ข้นึ บคุ คลทว่ั โลกสามารถตดิ ตอ่ สือ่ สารกันได้ทุกทท่ี กุ
เวลาตลอด 24 ชัว่ โมงดว้ ยเครือขา่ ยสื่อสารในลกั ษณะทางด่วนสารสนเทศ เครือขา่ ยสําคญั ที่ทาํ ใหบ้ รรลุถึงการ
สอ่ื สารอย่างไมม่ ีขดี จํากัด ไดแ้ ก่ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ เป็นการเช่อื มตอ่ กนั ระหว่างคอมพิวเตอรต์ งั้ แต่ 2
เครือ่ งขึ้นไปด้วยระบบและอุปกรณ์โทรคมนาคมต่างๆท้งั แบบใช้ตัวกลางสอ่ื สัญญาณทางกายภาพหรือใช้
เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ “อินเทอร์เน็ต” (Internet) ซ่งึ ครอบคลมุ พ้นื ทกี่ วา้ งขวางทั่วโลก
ความหมายของอนิ เทอรเ์ น็ต

อนิ เทอร์เนต็ เป็นโครงสรา้ งพนื้ ฐานของเครอื ข่ายขนาดใหญ่ เรยี กวา่ เป็น “เครอื ข่ายของเครอื ข่าย ”
(network of networks หรือบางคนอาจเรยี กว่า “the mother of all networks”) ท่ีรวมและเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยทวั่ โลก
จาํ นวนมากมายมหาศาลเข้าด้วยกัน เพ่ือสรา้ งเปน็ เครือขา่ ยใหค้ อมพิวเตอรท์ วั่ โลกสามารถตดิ ตอ่ กนั ได้ตราบ
เท่าทค่ี อมพวิ เตอร์เหล่านนั้ ยงั เชอื่ มต่ออยู่บนอินเทอร์เนต็ เพือ่ การใชง้ านลักษณะตา่ งๆทงั้ ด้านธุรกิจ การศกึ ษา
บันเทงิ สอ่ื สาร ฯลฯ

อินเทอร์เน็ตตง้ั อยใู่ นไซเบอรส์ เปซ ( cyberspace) ซ่ึงเป็นจักรวาลหรอื ว่างเสมอื นทีส่ ร้างข้ึนโดยระบบ
คอมพิวเตอร์ ผใู้ ชค้ อมพิวเตอร์สามารถเข้าไปอยใู่ นไซเบอร์สเปซโดยใช้โมเดม็ และติดต่อกับผใู้ ช้คนอื่นๆได้
อินเทอรเ์ น็ตเป็นระบบกลไกท่ีถา่ ยโอนขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์เครือ่ งหนึ่งไปยังคอมพวิ เตอร์เครื่องอ่ืนๆทว่ั โลก

131

โดยใชเ้ กณฑว์ ิธีควบคุมสง่ ผา่ นตามมาตรฐานอินเทอร์เน็ต( Transmission Control Protocol/TCP/IP) เพ่อื เปน็
มาตรฐานในการสอื่ สารระหวา่ งคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ สารสนเทศจะส่งผา่ นบน
อินเทอรเ์ นต็ โดยใช้ภาษาตา่ งๆซึ่งเรยี กวา่ “เกณฑ์วิธี” (protocols) เพอ่ื ใหค้ อมพิวเตอร์ท่ใี ช้เกณฑ์วธิ เี ดยี วกนั “พดู ”
ภาษาเดยี วกันเพ่ือสามารถตดิ ตอ่ เขา้ ใจกันรเู้ รื่อง

การใช้อินเทอรเ์ น็ตจะทําให้วถิ ชี วี ติ ของเราทนั สมัยและทันเหตุการณ์อยเู่ สมอ เน่อื งจากอินเทอรเ์ น็ต
จะมีการเสนอข้อมลู ข่าวปัจจุบนั และสง่ิ ตา่ งๆท่ีเกิดข้ึนให้ผ้ใู ชท้ ราบความเปลย่ี นแปลงทุกวนั สารสนเทศท่เี สนอ
บนอินเทอรเ์ นต็ จะมีมากมายหลายรูปแบบเพ่ือสนองความสนใจและความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม อินเทอรเ์ น็ต
จงึ เปน็ แหล่งสารสนเทศสาํ คญั สําหรับบคุ คลในทกุ วงการและทกุ สาขาอาชพี ท่ีสามารถค้นหาส่งิ ท่ตี นสนใจได้
ในทันทไี ม่ต้องเสยี เวลาเดนิ ทางไปค้นคว้าในหอ้ งสมุดหรอื แมแ้ ต่เหตุการณต์ า่ งๆทีเ่ กดิ ขึน้ ทัว่ โลกจะสามารถรับรู้
ได้ทันท่วงทจี ากสถานีวทิ ยุหรือสถานีโทรทัศนอ์ อนไลนท์ ีเ่ ผยแพร่ขา่ สารในเวลาจรงิ หรือสามารถอา่ นข่าวสาร
ไดจ้ ากเว็บไซต์ตา่ งๆของหนงั สอื พมิ พ์หรอื สาํ นกั ขา่ วทัง้ ของไทยและตา่ งประเทศ
ข้อดีและจากดั ของอนิ เทอร์เนต็

อินเทอร์เน็ตเปน็ เทคโนโลยีการส่ือสารสารสนเทศท่ีมที งั้ ขอ้ ดซี ่ึงเปน็ ประโยชน์และขอ้ จาํ กดั บาง
ประการ ดังน้ี

ข้อดี
- สนทนากบั ผู้อ่ืนที่อยู่หา่ งไกลได้ท้งั ในลักษณะข้อความ ภาพ และเสียง
- ใหเ้ สรภี าพในการส่อื สารในทกุ รปู แบบแกบ่ ุคคลทุกคน
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู ในลกั ษณะต่าง ๆ เช่น งานวจิ ยั บทความในหนังสอื พิมพ์ ความกา้ วหนา้ ทาง

การแพทย์ ฯลฯ ไดจ้ ากแหล่งขอ้ มลู ทว่ั โลก เช่น ห้องสมุด สถาบนั การศกึ ษา และสถาบันวจิ ยั โดยไม่ต้องเสยี
ค่าใชจ้ า่ ยและเสยี เวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นไดต้ ลอดเวลา 24 ชั่วโมง

- ตดิ ตามความเคลอื่ นไหวและเหตุการณต์ ่าง ๆ ท่ัวโลกได้อยา่ งรวดเร็วจากการรายงานของสาํ นัก
ขา่ วท่ีมีเวบ็ ไซต์ท้งั ในลักษณะสถานวี ทิ ยุและสถานโี ทรทศั น์ รวมถึงการพยากรณ์อากาศของเมืองตา่ ง ๆ ทวั่ โลก
ลว่ งหนา้ ดว้ ย

- รบั สง่ ไปรษณีย์อีเล็กทรอนกิ ส์ทัว่ โลกไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ โดยไมต่ อ้ งเสยี เงินค่าไปรษณียากร ถึงแม้
จะเปน็ การส่งขอ้ ความไปตา่ งประเทศกไ็ ม่ตอ้ งเสยี เงินเพ่มิ ขนึ้ เหมือนการส่งจดหมาย การส่งไปรษณยี ์

132

อเิ ลก็ ทรอนิกส์น้ีนอกจากจะสง่ ข้อความตัวอกั ษรแบบจดหมายธรรมดาแล้ว ยงั สามารถสง่ ไฟลภ์ าพนง่ิ
ภาพเคล่อื นไหว และเสียงพรอ้ มกนั ไปได้ดว้ ย

- ร่วมกลุ่มอภปิ รายหรือกลมุ่ ข่าวเพอ่ื แสดงความคดิ เห็นหรือพูดคุยถกปัญหากับผู้ท่สี นใจในเร่ือง
เดยี วกนั เปน็ การขยายวสิ ัยทศั นใ์ นเรอ่ื งทีส่ นใจนนั้ ๆ

- อา่ นบทความเรื่องราวทีล่ งในนติ ยสารหรอื วารสารต่าง ๆ ได้ฟรีโดยมีทง้ั ขอ้ ความและ
ภาพประกอบด้วย

- ถา่ ยโอนไฟลข์ ้อความ ภาพ และเสียงจากทอ่ี ่นื ๆ รวมถงึ และถา่ ยโอนโปรแกรมตา่ ง ๆ ได้จาก
เวบ็ ไซต์ทย่ี อมให้ผใู้ ชบ้ รรจุลงในโปรแกรมได้โดยไม่คดิ มลู ค่า

- ตรวจดูราคาสินค้าและสั่งซอื้ สินคา้ ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเสยี เวลาเดนิ ทางไปห้างสรรพสินค้า
- แขง่ ขันเกมกบั ผ้อู ื่นไดท้ วั่ โลก
- ติดประกาศข้อความทต่ี อ้ งการใหผ้ อู้ ่นื ทราบได้อย่างทัว่ ถึง
ขอ้ จากดั
- อนิ เทอร์เนต็ เปน็ เครือขา่ ยขนาดใหญท่ ี่ไมม่ ใี ครเป็นเจ้าของ ทกุ คนจึงสามารถสรา้ งเวบ็ ไซต์
หรอื ติดประกาศขอ้ ความได้ทกุ เร่ือง บางครั้งขอ้ ความน้ันอาจจะเปน็ ข้อมูลที่ไมถ่ ูกตอ้ งหรอื ไม่ไดร้ ับการรบั รอง
เชน่ ข้อมลู ดา้ นการแพทยห์ รือผลการทดลองต่าง ๆ จึงเปน็ วจิ ารณญาณของผ้อู ่านท่ีจะตอ้ งไตร่ตรองข้อความท่ี
อา่ นน้ันดว้ ยวา่ ควรจะเชอ่ื ถอื ไดห้ รือไม่
- อนิ เทอรเ์ น็ตมโี ปรแกรมและเครื่องมอื ในการทํางานมากมายหลายอย่าง เชน่ การใชเ้ ทลเนต็ เพือ่
การตดิ ต่อระยะไกล หรือการใชโ้ ปรแกรม Microsoft’s NetMeeting ในการสนทนาสด หรอื ประชมุ ทางไกล
ฯลฯ ดังนน้ั ผ้ใู ช้จงึ ต้องศกึ ษาการใชง้ านเสียกอ่ นจึงจะสามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
- นักเรียนและเยาวชนอาจติดตอ่ เขา้ โปรแกรมในเวบ็ ไซต์ท่ีไม่เป็นประโยชนห์ รอื อาจย่วั ยอุ ารมณ์
ทาํ ใหเ้ ปน็ อนั ตรายต่อตัวเองและสงั คม
- มกี ารเล่นเกมบนอินเทอรเ์ น็ตกนั อยา่ งแพร่หลายอันอาจทาํ ให้เด็กหมกมนุ่ ในการเลน่ จน
เสียเวลาในการเรียน

133

อินเทอร์เนต็ ในการศกึ ษา

จากรูปแบบการใชง้ านและกิจกรรมตา่ ง ๆ ในอินเทอร์เนต็ ท่กี ล่าวมาแล้ว ทําให้สามารถใช้

อนิ เทอรเ์ นต็ ในการศึกษาได้หลายรูปแบบ ไดแ้ ก่

การค้นควา้

เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นเครอื ขา่ ยท่ีรวมเครอื ขา่ ยตา่ ง ๆ มากมายเข้าไว้ด้วยกนั จงึ ทาํ ใหส้ ามารถ

สืบคน้ ขอ้ มลู จากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลกได้เพ่อื การค้นคว้าวจิ ัยในเรือ่ งที่สนใจทกุ สาขาวชิ าเพ่ือนาํ มาใชใ้ นการเรยี น

การสอนและการวจิ ยั การสืบค้นแหล่งขอ้ มูลนส้ี ามารถทาํ ได้โดยใชโ้ ปรแกรมในการชว่ ยคน้ หา เชน่ อาร์คี

และเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ ในเวลิ ด์ไวด์เวบ็ เช่น www.google.com และ www.yahoo.com เปน็ ตน้ เพอื่ คน้ หา

ข้อมลู ที่อยใู่ นแมข่ า่ ยต่าง ๆ ทัว่ โลกได้ โดยมีการจําแนกเปน็ เว็บไซต์ของข้อมลู แต่ละประเภทเพอื่ สะดวกใน

การคน้ หา ตวั อยา่ งเช่น ถา้ ตอ้ งการทราบความหมายของคําศัพท์ด้านคอมพวิ เตอร์และอนิ เทอรเ์ น็ต

สามารถคน้ หาไดท้ ่ี www.webopedia.com และเว็บไซตข์ องราชบณั ฑติ ยสถาน www.royin.go.th ถา้ ต้องการ

ทราบศพั ทบ์ ณั ญัติในภาษาไทย หรอื ถา้ ตอ้ งการคน้ คว้าเกี่ยวความรู้แขนงต่าง ๆเชน่ โลก อวกาศ สถานที่

ทอ่ งเทยี่ ว ศิลปะ การแพทย์ ชวี ิตพชื และสตั ว์ สามารถเขา้ ไปสบื คน้ ได้ท่ี www.nationalgeographic.com,

www.discovery.com, www.explorations.com เหลา่ นเ้ี ปน็ ตน้ รวมถงึ ยงั สามารถตดิ ตอ่ เข้าสแู่ มข่ ่ายของ

หอ้ งสมดุ ตา่ ง ๆ เพ่ือค้นหารายช่อื หนงั สือทน่ี ่าสนใจไดด้ ว้ ย นอกจากน้ีการใช้ portal ของสถาบนั หรือหนว่ ยงาน

ต่าง ๆ จะช่วยใหส้ ามารถคน้ คว้าเรือ่ งราวเฉพาะเจาะจงในแต่ละดา้ นได้อย่างดี เช่น portal ขององคก์ ารยูเนสโก

เร่ืองการใช้ไอซีทใี นการศกึ ษา และ portal ขององคก์ ารนาซาเรอื่ งของห้วงอวกาศ

การเรยี นการสอน

การเรยี นการสอนด้วยอนิ เทอรเ์ น็ตสามารถใชร้ ูปแบบต่างๆไดห้ ลายวิธีการ เชน่

- การสอนบนเวบ็ โดยให้ผเู้ รยี นเรยี นเน้ือหาจากเว็บไซตท์ ่กี าํ หนดไวใ้ นลักษณะวิชาเอกเทศ และ

แบบใชเ้ ว็บเสรมิ วชิ าในหอ้ งเรยี นหรอื ให้ผูเ้ รยี นเรียนเพิม่ เติมท่บี า้ นดว้ ยตนเอง

- การให้ผเู้ รียนค้นคว้าความร้จู ากเวบ็ ไซตท์ ่ีเกีย่ วขอ้ งเพือ่ นํามเ่ สรมิ การเรียน

- การเสนอเนอ้ื หาบทเรียนโดยใชไ้ ปรษณยี ์อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พ่อื ให้ผ้เู รียนเปิดอ่านเรอ่ื งราว

ภาพประกอบทีเ่ สนอในแต่ละบทเรียน หรอื การเสนอบทเรียนใหม่

- การสนทนาสดเพ่ือแลกเปลยี่ นข้อมูลความรรู้ ะหว่างผู้สอนกบั ผ้เู รยี น หรือระหวา่ งผเู้ รยี นด้วย

กนั เองท้งั ในโรงเรยี นเดียวกนั และต่างโรงเรียนเพือ่ การเรียนแบบร่วมมอื และการเรยี นแบบมีส่วนร่วม

134

- การประชุมทางไกลดว้ ยเสยี งและภาพ เป็นการเผยแพร่การสอนของผู้สอนในสถาบันหนง่ึ ไป
ยังสถบนั อ่ืนท่อี าจขาดแคลนผู้สอนท่ีชํานาญในวชิ านนั้ ๆ ทําให้ผู้เรยี นทุกแหง่ ท่รี ่วมอยู่ในการประชุมทางไกล
ได้รับความรูอ้ ย่างเตม็ ท่แี ละมีการโต้ตอบกับผ้เู รียนในสถาบนั อ่ืนได้

- การใชก้ ลุม่ ขา่ วหรือกล่มุ อภิปรายตดิ ประกาศในเว็บบอร์ด เพอื่ ให้ผู้สนใจแสดงความคดิ เหน็
หรอื ใหข้ ้อมลู ในเร่อื งที่ตอ้ งการความคิดเหน็ หรือความรเู้ พิ่มเตมิ

- การใช้บทเรยี นซีเอแบนเวบ็ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนสามารถใช้การเชอ่ื มโยงการเรยี นรู้ในลักษณะสือ่
หลายมติ ิได้ท้งั ภายในบทเรยี นเองและกบั ขอ้ มลู บยอินเทอร์เน็ต

- การดาวน์โหลดและการใช้ ftp ในการถา่ ยโอนไฟลบ์ ทเรยี นจากผูส้ อนสู่ผูเ้ รียน หรอื ถ่ายโอน
จากเว็บไซต์ตา่ งๆเพอ่ื ความสะดวกในการเรียน
การติดตอ่ สอ่ื สาร

ผู้สอนและผูเ้ รยี นสามารถใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการเรียนและการตดิ ต่อสื่อสารกนั ไดโ้ ดย
- การใช้ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พือ่ สง่ งานท่ีทําไปแล้วยังผู้สอน หรอื ผูเ้ รยี นจะถามคาํ ถามทขี่ ้อง
ใจจากการอา่ นบทเรียนในเว็บไซต์
- กลุ่มผ้เู รียนดว้ ยกนั เองสามารถติดต่อสื่อสารกันเพอ่ื ทบทวนบทเรียนหรืออภปิ รายเนือ้ หา
เร่ืองราวทเี่ รียนไปแลว้ ได้โดยผา่ นทางไปรษณยี ์อิเล็กทรอนิกส์ กลุม่ สนทนา และเว็บบอรด์
- การรบั ข่าวสารขอ้ มูลผ่านทางรายชอื่ สง่ อีเมล (mailing lists) เพอื่ ความสะดวกและทนั ต่อ
เหตุการณ์ ตวั อยา่ งเช่น www.bbc.co.uk มกี ารส่งขา่ วการศึกษา แผนการสอน และการเชอื่ มโยงเวบ็ ไซตต์ ่างๆ
ทเ่ี ป็นประโยชนท์ างการศึกษาสง่ ไปยงั สมาชกิ ทกุ เดือน
- การประชุมทางไกลดว้ ยเสยี งและภาพ เพ่อื ความสะดวกในการเชิญวิทยากรมาบรรยายโดยไม่
ตอ้ งเสียเวลาเดนิ ทาง หรอื เพอื่ การศกึ ษาเดนิ ทาง หรอื เพอื่ การสอื่ สารระหว่างผู้สอนและผเู้ รยี นในสถาบนั ต่างๆ
รอบโลก

135

การศกึ ษาทางไกล
การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการศึกษาทางไกลสามารถใชไ้ ดร้ ปู แบบดงั นี้

- ห้องเรียนเสมอื น เป็นการสง่ การสอนจากห้องเรียนหรือหอ้ งสง่ ในสถาบนั การศกึ ษาไปยงั
ห้องเรยี นอ่ืนๆ ทัง้ ภายในสถานศึกษาเดยี วกนั หรือในสถานศึกษาตา่ งๆรอบโลกเพ่อื ให้สามารถเรยี นไดพ้ รอ้ มกัน
ผู้สอนจะทาํ การสอนสดด้วยคอมพิวเตอรผ์ ่านทางอินทราเน็ตและอินเทอรเ์ น็ตทาํ ให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนจากผู้สอนคน
เดียวกนั เสมือนน่ังเรียนอยใู่ นหอ้ งเรียนจรงิ การสอนในลกั ษณะนตี้ ้องมีการนัดหมายผู้เรยี นทั้งหมดไวล้ ว่ งหน้า
เพ่อื ให้ผู้เรียนลงบันทึกเปิดเขา้ เรียนไดพ้ รอ้ มกันทง้ั หมด ส่วนห้องเรยี นเสมอื นในอกี ลกั ษณะหน่งึ จะเป็นการ
บรรจเุ น้อื หาบทเรยี นทใ่ี ชส้ อนลงในเว็บไซตเ์ พ่อื ใหผ้ ู้เรียนหรอื ผใู้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตท่วั ไปสามารถเรียนร้ไู ด้ด้วย
ตนเองเสมือนเรยี นอยใู่ นหอ้ งเรียน

- สถาบนั การศกึ ษาเสมือน ในลักษณะมหาวิทยาลัยเสมอื นและโรงเรียนเสมือนโดยการใหผ้ เู้ รยี น
ลงทะเบียนเรยี นกับสถาบันการศกึ ษาทม่ี กี ารสอนในรูปแบบน้ีและทําการเรียนและสื่อสารกับผสู้ อนผ่านทาง
อนิ เทอร์เน็ต หากเป็นการใช้นอกระบบโรงเรยี นจะเป็นการท่ผี ู้ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ สามารถเรียนจากคอรส์ ของ
เว็บไซต์ตา่ งๆ ทเ่ี ปิดสอนโดยมีการลงทะเบยี นเรยี นไมต่ อ้ งเสียคา่ เรยี น เป็นการเพิ่มพูนความรูใ้ นแขนงวิชาท่ีตน
สนใจ
การเรียนการสอนอินเทอร์เนต็

เป็นการฝกึ อบรมเพอื่ ใหผ้ ้ใู ชค้ อมพิวเตอรส์ ามารถใชโ้ ปรแกรมต่างๆเพื่อทํางานในอินเทอรเ์ นต็
ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ เชน่ การจดั ทําเว็บเพจและเวบ็ ไซต์ การใช้เทลเน็ตเพื่อขอเขา้ ใช้ระบบจากระยะไกล และ
การใชไ้ ปรษณีย์อลิ ก็ ทรอนกิ ส์ เปน็ ตน้ ท้งั น้ีเพื่อใหผ้ ู้เรยี นสามารถสบื คน้ ข้อมลู เพอ่ื ทาํ รายงานและวิจัย การ
เผยแพรผ่ ลงานของตนในเวบ็ ไซต์ รวมถงึ การตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ งกันเพ่ือประโยชนใ์ นการเรียนดว้ ย
การประยุกตใ์ ชอ้ ินเทอรเ์ นต็

เป็นการใช้อินเทอร์เนต็ ในกิจกรรมการเรียนการสอน ในระดบั โรงเรียน และมหาวทิ ยาลยั เชน่
การจัดตั้งโครงการรว่ มสถาบันการศกึ ษาเพือ่ แลกเปลีย่ นขอ้ มูลหรอื การสอนในวชิ าตา่ งๆรว่ มกัน การใหโ้ รงเรยี น
ตา่ งๆสร้างเว็บไซตข์ องตนขนึ้ มาเพ่อื เสนอสารสนเทศแก่ผู้สอนและผู้เรยี นในโรงเรียนนั้น การสรา้ ง portal เพ่ือ
เปน็ ศูนยร์ วมความรูแ้ ต่ละแขนง การเชือ่ มตอ่ เครือขา่ ยสถาบันการศกึ ษาทวั่ โลกด้วยโดยเรยี วา่ “โรงเรยี นบนเวบ็ ”
(Schools on the Web) รวมถึงการสรา้ งเครอื ขา่ ยตา่ งๆทางการศึกษา เชน่ เครอื ขา่ ยการเรียนรู้ เครอื ขา่ ยครผู ู้สอน
เครอื ขา่ ยผู้เรียน และเครือข่ายผู้ปกครองนกั เรียนเป็นตน้

136

การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตในการเรยี นการสอน
จากรูปแบบตา่ งๆทีก่ ลา่ วมาแลว้ จะเหน็ ได้ว่าเราสามารถใช้อนิ เทอรเ์ น็ตเพือ่ การศกึ ษาไดใ้ น

หลายลักษณะ เชน่ การสบื ค้นข้อมลู จากหอ้ งสมุดและเครอื ข่ายความร้ทู ว่ั โลก การร่วมในกล่มุ อภปิ รายท่มี คี วาม
สนใจในความรเู้ รือ่ งเดยี วกัน การเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั บนกระดานข่าว การเรยี นร้กู นั ร่วมกนั ระหว่าง
สถาบันการศึกษาทว่ั โลก การประชาสมั พนั ธ์โรงเรยี นหรือสถาบนั การศกึ ษาในเว็บไซต์ และการใช้ในภายใน
สถานศกึ ษาในลกั ษณะอนิ ทราเน็ต เหลา่ นเี้ ป็นต้น ด้วยความเอ้ือประโยชน์ของอินเทอรเ์ น็ตทําใหส้ ามารถ
นาํ มาใชใ้ นการเรียนการสอนตามลักษณะเวลาของการส่ือสาร คอื การสื่อสารแบบประสานเวลาและแบบไม่
ประสานเวลา และตามลกั ษณะสิ่งแวดลอ้ ม คือ ลกั ษณะเชงิ กายภาพและเชงิ เสมือน
เวลาของการเรียนการสอนอนิ เทอรเ์ นต็

การใช้อินเทอร์เนต็ ในการเรยี นการสอนสามารถทําไดท้ ุกที่ทุกเวลา ทงั้ น้เี พราะการทาํ งานใน
อนิ เทอรเ์ นต็ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ เวลาของการส่อื สาร 2 ลกั ษณะใหญ่ คือ

การเรียนการสอนแบบประสานเวลา จะใชก้ ารสื่อสารออนไลนเ์ พอื่ ใหผ้ ู้สอนและผเู้ รยี น
สามารถติดตอ่ ถงึ กันได้พร้อมกนั ในเวลาเดยี วกนั โดยแต่ละฝา่ ยจะนั่งอยหู่ น้าจอคอมพิวเตอร์และสื่อสารกนั ได้
ทนั ที ผู้สอนและผเู้ รยี นอาจนงั่ อยใู่ นหอ้ งเดียวกนั หรอื อย่ใู นสถานทต่ี า่ งกนั กไ็ ด้ดงั เชน่ การเรยี นในหอ้ งเรยี น
เสมือนทม่ี ีการสอนสด การเรยี นการสอนแบบประสานเวลาจะใช้รูปแบบการสนทนาสดระหวา่ งผสู้ อนและ
ผเู้ รียนหรือระหว่างผ้เู รยี นด้วยกันเองดว้ ยการพมิ พข์ ้อความโต้ตอบ สนทนาดว้ ยเสียงอย่างเดียวหรอื เหน็ ภาพคู่
สนทนาดว้ ย มีการเขยี นหรือวาดภาพเพ่อื ทํางานรว่ มกนั บน whiteboard หรือส่งภาพการเรยี นการสอนผ่านทาง
เว็บแคม็ กล้องดจิ ทิ ัลหรอื กล้องวิดทิ ศั น์ ล้วนเปน็ การใชง้ านแบบประสานเวลาท้ังสน้ิ

การเรยี นการสอนแบบไมป่ ระสานเวลา จะสะดวกทั้งผู้สอนและผูเ้ รียนทส่ี ามารถทาํ การสอน
หรอื เรยี นต่างเวลากนั ไดเ้ นอ่ื งจากเป็นการรบั สง่ เนื้อหาบทเรยี นที่ไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งนงั่ อยาหนา้ จอคอมพิวเตอร์พรอ้ ม
กนั แต่ผู้สอนสามารถส่งบทเรยี นและขา่ วสารขอ้ มลู สารสนเทศไปเกบ็ ไวใ้ นเครอ่ื งบริการก่อนได้ เพอ่ื ทีผ่ ้เู รียนจะ
เรยี นจากเว็บเพจบทเรยี นหรอื เรยี กดูข้อมลู ตา่ งๆได้ภายหลัง ดังเช่นการใชไ้ ปรษณยี ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ กลมุ่ ขา่ ว การ
ถา่ ยโอนแฟ้ม หรือการคน้ ดูเวบ็ เพจตา่ งๆเป็นต้น การเรียนการสอนแบบไมป่ ระสานเวลาจะใช้ในมหาวิทยาลัย
เสมอื นและโรงเรียนเสมือนเนอ่ื งจากเป็นการสอนบนเวบ็ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามารถเข้าเรยี นบนเว็บไซต์ได้ในเวลาท่ี
ตอ้ งการแทนการฟังบรรยายของผสู้ อนในห้องเรียนและส่งการบา้ นทางอีเมล โดยอาจใชก้ ารสนทนาสดแบบ

137

ประสานเวลาร่วมด้วยป้ น็ คร้งั คราวเพื่อเพ่มิ ประสิทธิภาพการเรยี นการสอน นอกจากน้ี การศกึ ษาในระบบใน
ปจั จุบันยังมีการใชก้ ารเรยี นการสอนแบบไมป่ ระสานเวลาเพอ่ื เป็นส่อื เสริมจากการเรียนในหอ้ งเรยี นปกตดิ ้วย
ลักษณะการเรียนการสอนเชงิ กายภาพและเชงิ เสมือน

ลักษณะการเรยี นการสอน หมายถึง การเรียนการสอนทผ่ี ู้สอนและผู้เรียนอาจมีการพบเหน็ หนา้
กันหรือไมเ่ หน็ หนา้ กันก็ได้ โดยแบง่ เป็น 2 ลักษณะดังน้ี

การเรยี นการสอนเชิงกายภาพ เปน็ การเรียนการสอนทใ่ี ชใ้ นโรงเรยี นและสถาบนั การศกึ ษา
ท่ัวไป คอื ผ้สู อนและผู้เรียนรวมกนั อย่ใู นหอ้ งเรยี นหรือสถานท่ีใดๆทงั้ ในและนอกห้องเรยี นทจ่ี ัดเป็นสถานท่ี
เรยี น ทง้ั สองฝา่ ยจะพบเห็นหนา้ กนั และสามารถมปี ฎสิ ัมพันธ์โต้ตอบกันได้ การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตในการเรยี นการ
สอนจะเปน็ การเรยี นจากเวบ็ เพจประจําวชิ าเพอ่ื การเรียนเนื้อหาทงั้ หมด หรอื เสรมจากการสอนโดยการทบทวน
หรอื การใชบ้ ทเรยี นซเี อไอบนเวบ็ ในการทบทวนบทเรียนและทาํ แบบทดสอบ รวมถึงการค้นคว้าหาความรู้
เพิม่ เตมิ จากเว็บไซตท์ ่เี กย่ี วขอ้ ง การอา่ นสิ่งพิมพ์อเิ ล็กทรอนิกส์ การฟังหรือชมขา่ วสารเหตุการณจ์ ากสถานีวทิ ยุ/
โทรทศั นบ์ นอนิ เทอร์เน็ตการส่งการบ้านทางอีเมล การพดู คยุ และปรึกษาระหว่างผูเ้ รียนในหอ้ งสนทนาสด เป็น
ตน้

การเรียนการสอนเชงิ เสมือน เปน็ ลักษณะทีผ่ ู้สอนและผเู้ รียนไมพ่ บหน้ากนั แตส่ ามารถทําให้
เกดิ การเรยี รูไ้ ด้โดยใชค้ อมพวิ เตอร์เปน็ อุปกรณก์ ารเรยี นการสอนและใชก้ ารส่ือสารความเรว็ สงู ในการสง่ ผา่ น
บทเรียนและข้อมลู สารสนเทศทางอินเทอร์เนต็ จึงทาํ ให้เป็นลักษณะของการศกึ ษาทางไกลโดยผู้เรยี นจะน่ังเรยี น
อยสู่ ถานที่ใดๆกไ็ ด้ การเรียนการสอนเชิงเสมือนที่รู้จักกนั ดีขณะนี้ คอื การเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (electronic-
learning) หรือเรียกกันยอ่ ๆทับศัพทว์ า่ “อีเลริ น์ นิง” (e-learning) โดยจะเนน้ เฉพาะการเรยี นการสอนบนเครือขา่ ย
คอมพิวเตอร์โดยใชเ้ ทคโนโลยเี ว็บในการนาํ เสนอบทเรียนออนไลนแ์ ละมกี ารส่อื สารระหวา่ งผูส้ อนและผู้เรยี น
หรือระหวา่ งผ้เู รยี นด้วยกันเองผา่ นทางอีเมลและเวบ็ บอร์ด การเรยี นการสอนเชงิ เสมอื นจะมีลกั ษณะของการ
สอนบนเว็บ การเรยี นการสอนของมหาวิทยาลยั เสมอื น โรงเรยี นเสมือน และหอ้ งเรียนเสมือน

138

สรปุ
ในยุคปจั จุบันไดม้ คี วามก้าวหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยีเขา้ มามบี ทบาทในดา้ นการเรียนรมู้ ากย่ิงขน้ึ จึงทํา

ใหช้ ว่ ยส่งเสรมิ การเรียนรู้ในระบบการศึกษามากยิ่งขึ้น พร้อมทง้ั ทําให้เกิดแหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรหู้ ลากหลาย
โดยทีไ่ มจ่ าํ กัดเฉพาะในการเรยี นการสอนในห้องเรียนเทา่ นั้น เครือข่ายการศึกษาเปน็ สง่ิ ที่ชว่ ยอํานวยความ
สะดวกในการเรียนการสอนโดยใชไ้ อซที ไี ด้เปน็ อยา่ งยิ่ง ทง้ั น้เี นื่องจากสามารถใช้ได้ไมว่ า่ จะเป็นการเรียนรใู้ น
ชุมชน หอ้ งสมดุ บ้าน และทกุ สถานที่ที่มกี ารต่อเครือข่ายได้ นอกจากนนั้ การใช้แหล่งเรียนรอู้ ่ืนๆทั้งในลักษณะ
เชิงกายภาพและแหล่งเรยี นรูเ้ สมอื นสามารถชว่ นในการเรียนรเู้ พื่อการศึกษาตลอดชวี ิตของทุกคนไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธภิ าพย่งิ
แบบฝึกหัด

1. จงอธบิ ายว่าแหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ แตกตา่ งจากเครอื ขา่ ยการเรยี นรอู้ ย่างไรบา้ ง
2. แหล่งทรพั ยากรการเรยี นร้จู าํ แนกออกเป็นกปี่ ระเภท อะไรบ้าง
3. จงยกตัวอยา่ งเครอื ข่ายออนไลน์อนิ เทอรเ์ น็ตพือ่ การศึกษา 1 ตวั อยา่ งพรอ้ มท้ังอธิบาย


Click to View FlipBook Version