ก ำหนดกำรจัดกำรเรียนรู้
รำยวิชำ วิทยำศำสตร์พื้นฐำน
รหัสวิชำ ว22101 ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2
จัดท ำโดย
นำยประสพโชค ประภำ
ต ำแหน่ง คร
ู
โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษำ
อ ำเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวัดขอนแก่น
ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศกษำมัธยมศึกษำขอนแก่น
ึ
กระทรวงศึกษำธิกำร
ค ำน ำ
ี่
ั
ก ำหนดกำรจัดกำรเรียนรู้เลมนี้จัดท ำขึ้น เพื่อเป็นกำรก ำหนดกำรสอนนักเรียนระดบชั้นมัธยมศึกษำปีท 2
่
ึ
ี่
รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน รหัสวิชำ ว22101 ภำคเรียนท 1 ปีกำรศกษำ 2564 โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกษำ
ึ
ั
ึ
ึ
ี่
ึ
สำนักงำนเขตพื้นทกำรศกษำมัธยมศกษำขอนแก่น สงกัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกษำขั้นพื้นฐำน
ี่
์
กระทรวงศกษำธิกำร เพื่อเป็นกำรเตรียมกำรเรียนกำรสอนในรำยวิชำให้เป็นไปตำมวัตถุประสงคทวำงไว้
ึ
ู้
ิ
ั
ตลอดจนเป็นแนวทำงในกำรจดกำรเรียนรู้ให้มีประสทธิภำพยิ่งๆขึ้นไป โดยเฉพำะครูผสอนจะไดทรำบแนว
้
่
้
ปฏิบัตและหัวข้อตำง ๆ ทเกี่ยวกับรำยวิชำไดอย่ำงชดเจนทงยังเป็นกำรเตรียมกำรในกำรจดเนื้อหำ เวลำ
ี่
ั้
ั
ั
ิ
กิจกรรม หน่วยกำรเรียนรู้ ตวชวัด คะแนนให้เหมำะสมกับระดบควำมสำมำรถของนักเรียน เพื่อให้เกิด
ั
ั
ี้
ประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียน
่
ั
็
ู้
ั้
ทงนี้ผจดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำก ำหนดกำรจดกำรเรียนรู้เลมนี้จะเปนประโยชน์อย่ำงยิ่งในกำรวำงแผน
ั
ต่ำงๆ ในกำรจดกำรเรียนรู้ตอไปในอนำคต หำกมีข้อผิดประกำรใดผจัดท ำขอน้อมรับเพื่อน ำไปปรับปรุงในกำร
ู้
ั
่
ท ำให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อไป
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษำ
สำรบัญ
หน้ำ
ค ำน ำ
สำรบัญ
วิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน 1
หลักกำร 1
จุดหมำย 1
วิสัยทัศน์โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษำ 1
วิสัยทัศน์กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี 2
ั
สมรรถนะส ำคญของผู้เรียน 3
คุณลักษณะอันพึงประสงค ์ 4
เรียนรู้อะไรในวิทยำศำสตร์ 4
สำระมำตรฐำนกำรเรียนรู้ 5
กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 6
แนวกำรจัดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ 7
ื
แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์แบบสบเสำะหำควำมรู้ 8
สื่อกำรจัดกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 9
คุณภำพผเรียน 9
ู้
ตัวชี้วัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ชั้นมัธยมศกษำปีที่ 2 11
ึ
ค ำอธิบำยรำยวิชำ 20
โครงสร้ำงรำยวิชำ 21
หน่วยกำรเรียนรู้ 22
1
วิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนพุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนำผู้เรียน
้
ั
ิ
ุ
ิ
ุ
ี่
ั้
ุ
ทกคน ซึ่งเป็นก ำลงของชำตให้เป็นมนุษย์ทมีควำมสมดลทงดำนร่ำงกำย ควำมรู้ คณธรรม มีจตสำนึกในควำมเป็น
พลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในกำรปกครองตำมระบอบประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเปนประมุข มี
็
็
่
ิ
ี่
ควำมรู้และทกษะพื้นฐำน รวมทง เจตคต ทจำเปนตอกำรศกษำตอ กำรประกอบอำชพและกำรศกษำตลอดชวิต โดย
ั้
่
ั
ี
ึ
ึ
ี
มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญบนพื้นฐำนควำมเชื่อว่ำ ทุกคนสำมำรถเรียนรู้และพัฒนำตนเองได้เต็มตำมศักยภำพ
หลักกำร
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน มีหลักกำรที่ส ำคัญ ดังนี้
ั
ู
ุ
ิ
ึ
1. เป็นหลกสตรกำรศกษำเพื่อควำมเป็นเอกภำพของชำตมีจดหมำยและมำตรฐำนกำรเรียนรู้เป็นเป้ำหมำย
ส ำหรับพัฒนำเด็กและเยำวชนให้มีควำมรู้ ทกษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐำนของควำมเปนไทยควบคู่กับควำมเปน
็
ั
็
สำกล
2. เป็นหลักสูตรกำรศึกษำเพื่อปวงชน ที่ประชำชนทุกคนมีโอกำสได้รับกำรศึกษำอย่ำงเสมอภำค และมีคุณภำพ
3. เปนหลกสูตรกำรศกษำทสนองกำรกระจำยอ ำนำจ ให้สังคมมีสวนร่วมในกำรจดกำรศกษำให้สอดคลองกับ
่
ั
ึ
ี่
็
ึ
ั
้
สภำพและควำมต้องกำรของท้องถิ่น
4. เป็นหลักสูตรกำรศึกษำที่มีโครงสร้ำงยืดหยุ่นทั้งด้ำนสำระกำรเรียนรู้ เวลำและกำรจัดกำรเรียนรู้
5. เป็นหลักสูตรกำรศึกษำที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ
ู
6. เป็นหลักสตรกำรศึกษำส ำหรับกำรศึกษำในระบบ นอกระบบ และตำมอัธยำศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้ำหมำย
สำมำรถเทียบโอนผลกำรเรียนรู้ และประสบกำรณ์
จุดหมำย
ู้
ี
ั
ุ
็
ึ
ั
ตำมหลกสตรแกนกลำงกำรศกษำขั้นพื้นฐำน มุ่งพัฒนำผเรียนให้เปนคนด มีปัญญำ มีควำมสข มีศกยภำพใน
ู
กำรศึกษำต่อ และประกอบอำชีพ จึงก ำหนดเป็นจุดหมำยเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ดังนี้
ี่
ุ
ั
ิ
่
1. มีคณธรรม จริยธรรม และคำนิยมทพึงประสงค เหนคณคำของตนเอง มีวินัยและปฏิบัตตนตำมหลกธรรม
์
่
็
ุ
ของพระพุทธศำสนำ หรือศำสนำที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
2. มีควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร กำรคิด กำรแก้ปัญหำ กำรใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต
3. มีสุขภำพกำยและสุขภำพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักกำรออกก ำลังกำย
4. มีควำมรักชำติ มีจิตสำนึกในควำมเป็นพลเมืองไทยและพลโลกยึดมั่นในวิถีชวิตและกำรปกครองตำมระบอบ
ี
ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5. มีจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญำไทย กำรอนุรักษ์และพัฒนำสิ่งแวดล้อม มีจิตสำธำรณะท ี่
มุ่งท ำประโยชน์และสร้ำงสิ่งที่ดีงำมในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่ำงมีควำมสุข
2
วิสัยทัศน์โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษำ
ั
็
ึ
โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกษำ เปนองค์กรแห่งกำรเรียนรู้และเป็นศูนย์กลำงพัฒนำชมชน บริหำรจดกำรศึกษำด้วย
ุ
ุ
็
ระบบคณภำพตำมหลกธรรมำภิบำลและหลกปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง สควำมเปนสำกลตำมวิถีควำมเป็นไทย ครูมี
ั
ู่
ั
ุ
ั
คุณภำพตำมมำตรฐำนวิชำชีพ นักเรียนมีคณลักษณะอันพึงประสงค มีควำมเป็นเลิศทำงวิชำกำรก้ำวทนเทคโนโลยีและมี
์
จิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม
พันธกิจ (MISSION)
1. ส่งเสริมคณภำพผู้เรียนให้ให้ได้มำตรฐำนกำรศึกษำ
ุ
2. พัฒนำผู้เรียนสู่มำตรฐำนสำกล
3. พัฒนำครูและบุคลำกรตำมมำตรฐำนวิชำชีพมุ่งสู่ควำมเป็นมืออำชีพ
4. เพิ่มประวิทธิภำพในกำรบริหำรจัดกำรได้มำตรฐำนโดยมีส่วนร่วม
5. ส่งเสริมให้ผู้บริหำร ครู บุคลำกร และผเรียน ด ำเนินชีวิตตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิพอเพียง
ู้
เป้ำประสงค์ (GOAL)
1. ผู้เรียนมีคุณธรรม น ำควำมรู้ อยู่ร่วมสังคมอย่ำงมีควำมสุข
2. ผู้เรียนมีคุณภำพตำมเปำหมำยของมำตรฐำนสำกล
3. ครู และบุคลำกรมีควำมเป็นมืออำชีพ
4. มีกำรบริหำรจัดกำรได้มำตรฐำนอย่ำงมีคุณภำพ โดยเน้นกำรมีส่วนร่วม ผู้รับบริกำรพึงพอใจ
5. ผู้บริหำร ครู บุคลำกร และนักเรียนมีทักษะชีวิตตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
กลยุทธ์โรงเรียน
1. พัฒนำคุณภำพผู้เรียนตำมมำตรฐำนกำรศึกษำ
2. พัฒนำผู้เรียนให้มีคุณภำพตำมมำตรฐำนสำกล
3. ส่งเสริมครูและบุคลำกรสู่มืออำชีพ
4. ส่งเสริมกำรบริหำรจัดกำรให้ได้มำตรฐำนอย่ำงมีประสิทธิภำพ โดยเน้นกำรมีส่วนร่วม
5. ส่งเสริมผู้บริหำร ครู บุคลำกร และนักเรียนมีทักษะชีวิตตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
วิสัยทัศน์กลุ่มสำระกำรเรียนรวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ู้
ั
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี มุ่งจัดกำรเรียนกำรสอนวิทยำศำสตร์โดยตระหนักถึงศกยภำพ
ู้
ุ
ของผเรียน เน้นผเรียนเป็นสำคญ จดกิจกรรมให้เหมำะสมกับผเรียน เพื่อให้ผเรียนไดเรียนอย่ำงมีควำมสข และ
้
ั
ู้
ู้
ู้
ั
ส่งเสริมผเรียนที่มีควำมสำมำรถทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ และตระหนักในคุณค่ำและมีเจตคติที่ดีต่อวิชำวิทยำศำสตร์
ู้
3
พันธกิจ
ู
ั
1. ส่งเสริมจดกำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับหลักสตรแกนกลำงกำรศึกษำขึ้นพื้นฐำน
2. ส่งเสริมและพัฒนำทักษะกำรคิดค ำนวณ และกำรแก้ปัญหำ
ื่
3. มีสอและและอุปกรณ์กำรสอนที่ทันสมัยและเพียงพอ
4. จัดห้องพักครูให้มีบรรยำกำศเอื้อต่อกำรศึกษำค้นคว้ำหำควำมรู้
5. ปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและค่ำนิยมอันพึงประสงค ์
6. ส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียนที่มีควำมสำมำรถพิเศษเฉพำะด้ำน ให้สำมำรถพัฒนำได้เต็มตำมศักยภำพ
7. จัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภำพทำงด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
เป้ำประสงค์ของวิทยำศำสตร ์
ุ
ั้
้
ี่
้
้
้
ในกำรเรียนกำรสอนวิทยำศำสตร์มุ่งเน้นให้ผเรียนไดคนพบควำมรู้ดวยตนเองมำกทสดเพื่อให้ไดทง
ู้
ี่
้
ั
้
ั
ั
กระบวนกำรและควำมรู้จำกวิธีกำรสงเกต กำรสำรวจตรวจสอบ กำรทดลอง แลวน ำผลทไดมำจดระบบเป็นหลกกำร
แนวคิด และองค์ควำมรู้กำรจัดกำรเรียนกำรสอนวิทยำศำสตร์จึงมีเป้ำหมำยที่ส ำคัญ ดังนี้
1. เพื่อให้เข้ำใจหลักกำร ทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐำนในวิชำวิทยำศำสตร์
2. เพื่อให้เข้ำใจขอบเขตของธรรมชำติของวิชำวิทยำศำสตร์และข้อจ ำกัดในกำรศึกษำวิชำวิทยำศำสตร์
ี่
3. เพื่อให้มีทักษะทส ำคัญในกำรศึกษำค้นคว้ำและคิดค้นทำงเทคโนโลยี
4. เพื่อให้ตระหนักถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงวิชำวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยีมวลมนุษย์และสภำพแวดล้อมใน
เชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน
5. เพื่อน ำควำมรู้ควำมเข้ำใจ ในวิชำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและกำร
ด ำรงชีวิต
6. เพื่อพัฒนำกระบวนกำรคิดและจินตนำกำร ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ และกำรจัดกำร ทกษะใน
ั
กำรสื่อสำร และควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ
7. เพื่อให้เป็นผู้ทมีจตวิทยำศำสตร์ มีคณธรรม จริยธรรม และค่ำนิยมในกำรใช้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ุ
ี่
ิ
อย่ำงสร้ำงสรรค ์
กลยุทธ์
1. กำรจัดกำรศึกษำเพื่อควำมมั่นคง
2. กำรสร้ำงควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน
3. กำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศักยภำพทรัพยำกรมนุษย์
4. กำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคม
5. กำรจัดกำรศึกษำเพื่อสร้ำงเสริมคุณภำพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
6. กำรพัฒนำประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำร
4
สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน
ุ
ี่
ู้
ู
ตำมหลกสตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน มุ่งเน้นพัฒนำผเรียนให้มีคณภำพตำมมำตรฐำนทก ำหนด ซึ่งจะ
ั
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะส ำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค ดังนี้
์
้
่
1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร เป็นควำมสำมำรถในกำรรับและสงสำร มีวัฒนธรรมในกำรใชภำษำถ่ำยทอด
ึ
ี่
ควำมคิด ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ควำมรู้สก และทศนะของตนเองเพื่อแลกเปลยนข้อมูลข่ำวสำรและประสบกำรณ์อันจะเปน
็
ั
่
ั้
ประโยชน์ต่อกำรพัฒนำตนเองและสังคม รวมทงกำรเจรจำตอรองเพื่อขจดและลดปัญหำควำมขัดแย้งตำง ๆ กำรเลอก
่
ื
ั
รับหรือไม่รับข้อมูลข่ำวสำรดวยหลกเหตผลและควำมถูกตอง ตลอดจนกำรเลอกใช้วิธีกำรสื่อสำร ทมีประสทธิภำพโดย
้
ั
ี่
ิ
้
ื
ุ
ค ำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม
2. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นควำมสำมำรถในกำรคดวิเครำะห์ กำรคดสงเครำะห์ กำรคด อย่ำงสร้ำงสรรค์
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
็
์
ู่
ิ
ิ
ั
กำรคดอย่ำงมีวิจำรณญำณ และกำรคดเปนระบบ เพื่อน ำไปสกำรสร้ำงองคควำมรู้หรือสำรสนเทศเพื่อกำรตดสนใจ
เกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่ำงเหมำะสม
ี่
ิ
3. ควำมสำมำรถในกำรแกปัญหำ เป็นควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำและอุปสรรคตำง ๆ ทเผชญไดอย่ำง
้
่
้
ั
ุ
ถูกตองเหมำะสมบนพื้นฐำนของหลกเหตผล คณธรรมและข้อมูลสำรสนเทศ เขำใจควำมสมพันธ์และกำรเปลยนแปลง
ั
ุ
้
ี่
้
ั
ของเหตุกำรณ์ตำง ๆ ในสังคม แสวงหำควำมรู้ ประยุกต์ควำมรู้มำใช้ในกำรป้องกันและแก้ไขปญหำ และมีกำรตดสนใจ
ิ
ั
่
ที่มีประสิทธิภำพโดยค ำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
้
่
ิ
็
ี
4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชวต เปนควำมสำมำรถในกำรน ำกระบวนกำรตำงๆ ไปใชในกำรดำเนิน
่
ั
ชีวิตประจ ำวัน กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง กำรเรียนรู้อย่ำงตอเนื่อง กำรท ำงำน และกำรอยู่ร่วมกันในสงคมด้วยกำรสร้ำงเสริม
ควำมสมพันธ์อันดระหว่ำงบุคคล กำรจดกำรปัญหำและควำมขัดแย้งตำง ๆ อย่ำงเหมำะสม กำรปรับตวให้ทนกับกำร
ั
ั
ี
่
ั
ั
ี่
ั
์
่
่
ี่
้
ี
ิ
ั
เปลยนแปลงของสงคมและสภำพแวดลอม และกำรรู้จกหลกเลยงพฤตกรรมไม่พึงประสงคทสงผลกระทบตอตนเองและ
ี่
ผู้อื่น
้
่
้
ั
5. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เป็นควำมสำมำรถในกำรเลอก และใช เทคโนโลยีดำนตำง ๆ และมีทกษะ
ื
ื่
กระบวนกำรทำงเทคโนโลยี เพื่อกำรพัฒนำตนเองและสงคมในด้ำนกำรเรียนรู้ กำรสอสำร กำรทำงำน กำรแก้ปัญหำอย่ำง
ั
สร้ำงสรรค์ ถูกต้อง เหมำะสม และมีคุณธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ตำมหลกสตรแกนกลำงกำรศกษำขั้นพื้นฐำน พัฒนำผเรียนให้มีคณลกษณะอันพึงประสงค เพื่อให้สำมำรถอยู่
ึ
ู
ั
ู้
ุ
ั
์
ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข ในฐำนะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้
1. รักชำต ศำสน์ กษัตริย์
ิ
2. ซื่อสัตย์สุจริต
3. มีวินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยู่อย่ำงพอเพียง
5
6. มุ่งมั่นในกำรท ำงำน
7. รักควำมเป็นไทย
8. มีจิตสำธำรณะ
ั
ึ
นอกจำกนี้ สถำนศกษำสำมำรถก ำหนดคุณลกษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตำมบริบทและจดเน้น
ุ
ของตนเอง
เรียนรู้อะไรในวิทยำศำสตร ์
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยำศำสตร์ ที่เน้นกำรเชื่อมโยงควำมรู้กับ
กระบวนกำร มีทักษะส ำคัญในกำรค้นคว้ำและสร้ำงองค์ควำมรู้ โดยใช้กระบวนกำรในกำรสืบเสำะหำควำมรู้และ
แก้ปัญหำที่หลำกหลำย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีกำรท ำกิจกรรมด้วยกำรลงมือปฏิบัติจริงอย่ำง
หลำกหลำย เหมำะสมกับระดับชั้นโดยก ำหนดสำระส ำคัญ ดังนี้
์
ิ
ิ่
้
์
ิ่
ี
ี
ี
✧ วทยำศำสตรชีวภำพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ชวิตในสงแวดลอม องคประกอบของสงมีชวิตกำรดำรงชวิตของ
มนุษย์และสัตว์กำรด ำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพและวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชีวิต
์
✧ วทยำศำสตรกำยภำพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชำตของสำร กำรเปลยนแปลงของสำรกำรเคลอนท พลังงำน
ิ
ี่
ื่
ี่
ิ
และคลื่น
ั
์
ุ
์
ิ
✧ วทยำศำสตรโลก และอวกำศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องคประกอบของเอกภพ ปฏิสมพันธ์ภำยในระบบสริยะ
ี่
ี
ี่
เทคโนโลยีอวกำศ ระบบโลก กำรเปลยนแปลงทำงธรณวิทยำ กระบวนกำรเปลยนแปลงลมฟ้ำอำกำศ และผลตอ
่
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
✧ เทคโนโลยี
ี่
• กำรออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีเพื่อกำรด ำรงชวิตในสังคมทมีกำรเปลี่ยนแปลง
ี
ิ
อย่ำงรวดเร็ว ใชควำมรู้และทกษะทำงดำนวิทยำศำสตร์คณตศำสตร์และศำสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหำ
้
ั
้
์
้
หรือพัฒนำงำนอย่ำงมีควำมคิดสร้ำงสรรคด้วยกระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใชเทคโนโลยี
อย่ำงเหมำะสมโดยค ำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม
ิ
ิ
• วิทยำกำรคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับ กำรคดเชงคำนวณ กำรคิดวิเครำะห์แก้ปัญหำเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ ประยุกต์ใช้ควำมรู้ด้ำนวิทยำกำรคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสอสำร ในกำร
ื่
แก้ปัญหำที่พบในชีวิตจริงได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
6
สำระมำตรฐำนกำรเรียนร ู้
สำระที่ 1 วิทยำศำสตร์ชีวภำพ
มำตรฐำน ว 1.1 เข้ำใจควำมหลำกหลำยของระบบนิเวศ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่ำง ๆ ในระบบนิเวศกำรถ่ำยทอดพลังงำน กำร
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ควำมหมำยของประชำกร ปัญหำและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมแนวทำงในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและกำรแก้ไข
ปัญหำสิ่งแวดล้อมรวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
ี
มำตรฐำน ว 1.2 เข้ำใจสมบัติของสงมีชีวิต หน่วยพื้นฐำนของสงมีชีวิต กำรลำเลยงสำรเข้ำและออกจำกเซลล ์
ิ่
ิ่
ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำที่ของระบบต่ำง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ท ำงำนสัมพันธ์
ี่
กันควำมสมพันธ์ของโครงสร้ำงและหน้ำทของอวัยวะตำง ๆ ของพืชททำงำนสมพันธ์กัน
ั
ั
ี่
่
รวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
มำตรฐำน ว 1.3 เข้ำใจกระบวนกำรและควำมส ำคัญของกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรมสำร
พันธุกรรม กำรเปลี่ยนแปลงทำงพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ
และวิวัฒนำกำรของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
สำระที่ 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มำตรฐำน ว 2.1 เข้ำใจสมบัติของสสำร องค์ประกอบของสสำร ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสมบัติของสสำรกับ
โครงสร้ำงและแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงอนุภำค หลักและธรรมชำติของกำรเปลี่ยนแปลงสถำนะ
ของสสำรกำรเกิด สำรละลำย และกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี
มำตรฐำน ว 2.2 เข้ำใจธรรมชำตของแรงในชีวิตประจ ำวัน ผลของแรงที่กระท ำต่อวัตถุ ลักษณะกำรเคลื่อนท ี่
ิ
ุ
แบบต่ำง ๆ ของวัตถ รวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
มำตรฐำน ว 2.3 เข้ำใจควำมหมำยของพลังงำน กำรเปลี่ยนแปลงและกำรถ่ำยโอนพลังงำนปฏิสัมพันธ์
์
ระหว่ำงสสำรและพลังงำน พลังงำนในชีวิตประจ ำวัน ธรรมชำติของคลื่นปรำกฏกำรณท ี่
เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำ รวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
สำระที่ 3 วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ
มำตรฐำน ว 3.1 เข้ำใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนกำรเกิด และวิวัฒนำกำรของเอกภพกำแลกซีดำวฤกษ์
็
และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภำยในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและกำรประยุกต์ใช ้
เทคโนโลยีอวกำศ
ั
มำตรฐำน ว 3.2 เข้ำใจองค์ประกอบและควำมสมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงภำยใน โลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงลมฟ้ำอำกำศและภูมิอำกำศโลกรวมทั้งผล
ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
7
สำระที่ 4 เทคโนโลยี
มำตรฐำน ว 4.1 เข้ำใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อกำรด ำรงชีวิตในสังคมที่มีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็ว
ิ
ใช้ควำมรู้และทักษะทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ คณตศำสตร์ และศำสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหำหรือ
พัฒนำงำนอย่ำงมีควำมคิดสร้ำงสรรค์ด้วยกระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช ้
เทคโนโลยีอย่ำงเหมำะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม
็
มำตรฐำน ว 4.2 เข้ำใจและใช้แนวคิดเชิงค ำนวณในกำรแก้ปัญหำที่พบในชีวิตจริงอย่ำงเปนขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรในกำรเรียนรู้กำรท ำงำนและกำรแก้ปัญหำได ้
อย่ำงมีประสิทธิภำพ รู้เท่ำทัน และมีจริยธรรม
กระบวนกำรจัดกำรเรียนร ู้
แนวคิดส ำคัญของกำรจัดศึกษำ ที่เน้นผู้เรียนเป็นส ำคัญ คือกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ที่เปิดโอกำสให้ผู้เรียน คด
ิ
้
และลงมือปฏิบัติดวยกระบวนกำรที่หลำกหลำย เพื่อเกิดกำรเรียนรู้และพัฒนำตนเองเต็มตำมศกยภำพ กำรประเมินกำร
ั
เรียนรู้จึงมีควำมสำคัญและจ ำเป็นอย่ำงยิ่ง ต่อกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ในห้องเรียนเพรำะสำมำรถทำให้ผสอนประเมิน
ู้
ั
ึ
ู้
ั
ู้
ุ
ั
้
ระดบพัฒนำกำรเรียนรู้ของผเรียนกำรจดกำรศกษำตองยึดหลกว่ำ ผเรียนทกคนมีควำมสำมำรถเรียนรู้และพัฒนำ
ู้
ี่
ตนเองได และถือว่ำผเรียนมีควำมสำคญทสด กระบวนกำรจดกำรศกษำตอง สงเสริมให้ผเรียนสำมำรถพัฒนำตำม
ุ
ึ
ั
้
้
่
ั
ู้
ั
ุ
ิ
ธรรมชำตและเตมตำมศกยภำพ ให้ควำมสำคญ ของกำรบูรณำกำรควำมรู้คณธรรม กระบวนกำรเรียนรู้ตำมควำม
ั
็
เหมำะสมของระดับกำรศึกษำ ได้ระบุให้ผู้ที่เกี่ยวข้องด ำเนินกำร ดังนี้ สถำนศึกษำและหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง
1. จดเนื้อหำสำระและกิจกรรมให้สอดคลองกับควำมสนใจและควำมถนัดของผเรียน โดยคำนึงถึงควำม
ั
ู้
้
แตกต่ำงระหว่ำงบุคคล
ิ
์
ั
์
2. ฝึกทกษะ กระบวนกำรคด กำรจดกำร กำรเผชญสถำนกำรณและกำรประยุกตควำมรู้มำใช้เพื่อป้องกันและ
ิ
ั
แก้ไขปัญหำ
ิ
ึ
้
์
ู้
้
3. จัดกิจกรรมให้ผเรียนไดเรียนรู้จำกประสบกำรณจริง ฝกกำรปฏิบัต ให้ท ำไดคิดเป็น ทำเปนรักกำรอ่ำน และ
็
เกิดกำรใฝ่รู้อย่ำงต่อเนื่อง
4. จดกำรเรียนกำรสอน โดยผสมผสำนสำระควำมรู้ดำนตำง ๆ อย่ำงไดสดสวนสมดลกัน รวมทงปลกฝง
ุ
้
ั
่
ั้
่
้
ั
ั
ู
คุณธรรม ค่ำนิยมที่ดีงำมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชำ
ั
ู้
่
ื่
้
5. สงเสริมสนับสนุนให้ผสอนสำมำรถจดบรรยำกำศ สภำพแวดลอม สอกำรเรียน และอ ำนวยควำมสะดวก
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้และมีควำมรอบรู้รวมทั้งสำมำรถใชกำรวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำรเรียนรู้ทงนี้ผสอน
ู้
้
ั้
และผู้เรียนอำจเรียนรู้ไปพร้อมกันจำกสื่อกำรเรียน กำรสอนและแหล่งวิทยำกำรประเภทต่ำง ๆ
้
ั
6. จดกำรเรียนรู้ให้เกิดขึ้นไดทกเวลำ ทกสถำนท มีกำรประสำนควำม ร่วมมือกับบิดำ มำรดำผู้ปกครอง และ
ี่
ุ
ุ
บุคคลในชุมชนทุกฝ่ำย เพื่อร่วมกันพัฒนำผู้เรียนตำมศักยภำพ
8
ิ
แนวกำรจัดกำรเรียนรู้วทยำศำสตร ์
ี่
้
ู้
กำรจดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคลองกับกำรพัฒนำผเรียน ในศตวรรษท 21 เพื่อพัฒนำ
ั
ี
้
้
ี
สมรรถนะของผู้เรียนให้พร้อมที่จะด ำรงชวิตและประกอบอำชพไดอย่ำงประสบควำมสำเร็จไดในอนำคตนั้น จ ำเป็นต้อง
ี
ิ
ั
เน้นกระบวนกำรจดกำรเรียนรู้ทเน้นกำรพัฒนำนักคด นักแก้ปัญหำ และนักเรียนรู้ตลอดชวิต โดยจดกำรเรียนรู้ให้
ี่
ั
ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกำรเรียนรู้ของตนเองตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนกำรเรียนรู้โดยท ำได้ดังนี้
ู้
• จัดเนื้อหำสำระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับควำมสนใจและควำมถนัดของผเรียน โดยคำนึงถึงควำมแตกตำง
่
ระหว่ำงบุคคล
• ผู้สอนกระตุ้นหรือจัดสถำนกำรณ์ให้ผู้เรียนได้เกิดค ำถำมหรือข้อสงสัยที่อยำกค้นหำค ำตอบ
้
ู้
ั
• ผเรียนใชกระบวนกำรสบเสำะหำควำมรู้อย่ำงเป็นระบบเพื่อคนหำคำตอบทสงสย โดยเริ่มจำกกำรลงมือสบ
้
ื
ื
ี่
เสำะหำควำมรู้ตำมค ำแนะน ำ จนกระทั่งสำมำรถออกแบบและวำงแผนกำรสืบเสำะเพื่อเก็บรวบรวม ข้อมูลและ
หลักฐำนเชิงประจักษ์แล้วน ำมำสร้ำงค ำอธิบำยด้วยตนเอง
ึ
้
ื่
• ผู้เรียนควรมีโอกำสไดฝึกฝนและพัฒนำแนวคิดทำงวิทยำศำสตร์ต่ำง ๆ อย่ำงลุ่มลกและเชอมโยงกันผ่ำนกำรทำ
กิจกรรมที่หลำกหลำย ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
• ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะต่ำง ๆ อย่ำงต่อเนื่อง สม่ ำเสมอและเหมำะสมกับวัย
่
้
• ผู้เรียนสำมำรถใช้เทคโนโลยีทสอดคล้องตำมยุคสมัยในกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์อย่ำงมีประสทธิภำพ เชน ใชใน
ี่
ิ
ุ
้
ื่
กำรสบเสำะหำควำมรู้ ใชสืบค้นข้อมูลทั้งจำกแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทติยภูมิ ใช้จดกระทำและสอควำมหมำย
ั
ื
ข้อมูล ใช้สร้ำงแบบจ ำลอง
ึ
้
ั
ู้
• ผเรียนสำมำรถออกแบบและทำโครงงำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพื่อฝกฝนและสำมำรถใชทกษะ
ั
ั
ั
ี่
กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ทกษะ กระบวนกำรสำหรับกำรออกแบบและเทคโนโลยีและทกษะทสำคญ
ี่
ส ำหรับศตวรรษท 21 มำแก้ปัญหำทำงวิทยำศำสตร์ได ้
• ผู้เรียนได้เพิ่มพูนควำมรู้และประสบกำรณ์จำกแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น เพื่อขยำยขอบเขตกำรเรียนรู้และสำมำรถ
ิ่
้
ี่
เชอมโยงสงทไดเรียนรู้ใน ห้องเรียนกับสงทเกิดขึ้นจริงในชวิตประจำวัน ตลอดจนเห็นควำมสำคญ ของกำร
ั
ื่
ี่
ิ่
ี
เรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ี่
ั
ั
ุ้
้
• ผู้เรียนควรมีโอกำสไดรู้จกและคนเคยกับกำรวิเครำะห์ข้อมูลทเกิดขึ้นจริง ซึ่งอำจเพิ่มระดบควำมซับซ้อนของ
ข้อมูลให้เหมำะสมกับวัยของผเรียน เชน ผเรียนระดบประถมศกษำไดฝึกฝนกำรวิเครำะห์และสร้ำงคำอธิบำย
ึ
้
ู้
ั
ู้
่
ั
่
้
ึ
ู้
่
ี่
จำกข้อมูลทเก็บไดจริงแตไม่มีควำมซับซ้อน สวนในระดบมัธยมศกษำอำจให้ผเรียนไดฝกกำรวิเครำะห์และ
ึ
้
อธิบำยข้อมูล ขนำดใหญ่ (Big Data) ซึ่งเป็นข้อมูลที่หลำกหลำย ซับซ้อน มีปริมำณมำก และเปลี่ยนแปลงอย่ำง
รวดเร็ว จึงไม่สำมำรถน ำมำจัดกระท ำ หรือจัดกำรได้ด้วยวิธีกำรหรือเครื่องมือแบบเดิม
่
ู้
• ผเรียนมีโอกำสน ำควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีไปบูรณำกำรกับควำมรู้จำกแขนงวิชำอื่น ๆ เชน
คณิตศำสตร์มำแก้ปัญหำที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง หรือเกิดขึ้นจริงโดยใช้กระบวนกำรออกแบบเชิงวิศวกรรม
9
ู้
แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรวิทยำศำสตร์แบบสืบเสำะหำควำมร ู้
้
้
ั
ู้
ในกำรจดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ในห้องเรียนทเน้นให้ผเรียนไดเรียนรู้สอดคลองกับกำรพัฒนำผเรียนแห่ง
ี่
ู้
้
ั
ี่
ิ
ศตวรรษท 21 และธรรมชำตกำรเรียนรู้ของมนุษย์นั้น ครูสำมำรถเลอกกลวิธีในจดกำรเรียนรู้ไดอย่ำงหลำกหลำยตำม
ื
ควำมเหมำะสมกับเนื้อหำ เวลำ บริบท และปัจจยอื่น ๆ กลวิธีที่สำมำรถน ำมำใชจดกำรเรียนรู้ในห้องเรียนได เช่น กำร
ั
้
้
ั
้
ื
เรียนรู้แบบใชปัญหำเป็นฐำน (Problem-Based Learning) กำรเรียนรู้แบบสบเสำะหำควำมรู้ (Inquiry-Based
Learning)
กำรสืบเสำะ (Inquiry) เป็นกระบวนกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์โดยเลียนแบบวิธีกำรที่นักวิทยำศำสตร์
ใช้ในกำรสืบเสำะหำควำมรู้ต่ำง ๆ เกี่ยวกับธรรมชำต แม้ว่ำจะมีกำรน ำกำรเรียนรู้แบบสืบเสำะมำใช้ในกำรเรียนรู้
ิ
วิทยำศำสตร์มำอย่ำงต่อเนื่องเป็นเวลำหลำยปี ปัจจุบันก็ยังปรำกฏควำมสับสนหลำยประกำรเกี่ยวกับกำร
เรียนรู้แบบสืบเสำะ ดังนี้
ื
ั
ิ่
1. กำรสบเสำะหำควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์และวัฏจกรกำรเรียนรู้แบบ 5 ขั้น (5E Learning Cycle) เป็นสง
เดียวกัน
่
2. กำรจัดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ต้องจัดแบบสืบเสำะหำควำมรู้เทำนั้น
ี่
ื
ั้
3. กำรเรียนรู้แบบสืบเสำะหำควำมรู้คือตองให้ผู้เรียนเป็นผู้ตงคำถำม และทำกำรสบเสำะเพื่อตอบค ำถำมทตน
้
ตั้งไว้ด้วยตัวเอง
้
ื
ู้
ื
4. กำรเรียนรู้แบบสบเสำะหำควำมรู้คอกำรมุ่งเน้นให้ผเรียนไดลงมือทำกิจกรรม (hands-on activity) เพื่อ
ฝึกฝนทักษะกระบวนกำรมำกกว่ำกำรสร้ำงองค์ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์
5. ควำมตนเตนสนุกสนำนของผเรียนระหว่ำงทำกิจกรรมเป็นตวบ่งชระดบของกำรเรียนรู้แบบสบเสำะหำ
ื
ั
ู้
ั
ี้
ื่
้
ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์
ิ
ึ
ตำมมำตรฐำนวิทยำศำสตร์ศกษำแห่งชำตของประเทศสหรัฐอเมริกำ (National Science Education
ิ
ั
Standards) โดยสภำวิจยแห่งชำต (NRC, 1996) ไดนิยำม “กำรสบเสำะหำควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์” (Scientific
้
ื
ึ
ี่
Inquiry) ว่ำเปนกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้ทนักวิทยำศำสตร์ใชเพื่อศกษำปรำกฏกำรณตำง ๆทเกิดขึ้นในธรรมชำต ิ
่
็
์
้
ี่
ึ
ั
ั
้
ี่
และน ำเสนอผลกำรศกษำนั้นตำมสำรสนเทศ หรือหลกฐำนตำง ๆ ทรวบรวมไดกำรจดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์โดยให้
่
่
ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบสืบเสำะหำควำมรู้ จึงหมำยถึงกำรให้ผู้เรียนมีสวนร่วมในกระบวนกำรเรียนรู้ของตนเอง เพื่อพัฒนำ
ื
ั
ควำมรู้ควำมเข้ำใจในเนื้อหำทำงวิทยำศำสตร์ควบคไปกับทกษะกระบวนกำรตำง ๆ ระหว่ำงกระบวนกำรสบเสำะหำ
ู่
่
ั
ิ
ึ
ควำมรู้แบบเดียวกัน กับทนักวิทยำศำสตร์ใชเพื่อทำควำมเข้ำใจปรำกฏกำรณตำมธรรมชำต จงกล่ำวไดว่ำ หัวใจสำคญ
์
้
ี่
้
้
ื
ื
ู้
ั้
้
ของกำรสบเสำะหำควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์ในชนเรียนก็คอ กำรให้ผเรียนไดใชกระบวนกำรในกำรสำรวจตรวจสอบ
ั
(Investigation Process) และรวบรวมข้อมูลหรือหลกฐำนตำง ๆ มำใชอธิบำยปรำกฏกำรณหรือแก้ปัญหำ ข้อสงสยท ี่
้
ั
่
์
้
ตนมีเพื่อให้เกิดควำมรู้ควำมเข้ำใจในหลกกำรหรือเนื้อหำทำงวิทยำศำสตร์ ซึ่งกำรสบเสำะหำควำมรู้ทผเรียนไดทำ
ั
ื
ู้
ี่
ี่
ระหว่ำงกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์มีส่วนทคล้ำยคลึงกับวิธีกำรที่นักวิทยำศำสตร์ใช้ในกำรเรียนรู้สิ่งต่ำง ๆ
10
กำรสบเสำะหำควำมรู้ในห้องเรียนสำมำรถทำไดหลำยระดบ ตงแตกำรทผสอนเป็นผก ำหนด กำรสำรวจ
้
ั้
ู้
่
ื
ู้
ี่
ั
ู้
ี่
ู้
ู้
้
ี่
ตรวจสอบของผเรียน เพื่อตรวจสอบยืนยันสงทรู้มำแลวไปจนถึงกำรทผสอนเปิดโอกำสให้ผเรียนออกแบบกำรสำรวจ
ิ่
้
ตรวจสอบอย่ำงอิสระเพื่อสำรวจปรำกฏกำรณทยังไม่สำมำรถอธิบำยได กำรจดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์โดยให้ผเรียนใช ้
ั
ี่
์
ู้
กระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
1. กำรสืบเสำะแบบก ำหนดโครงสร้ำง
2. กำรสืบเสำะแบบกึ่งก ำหนดโครงสร้ำง
3. กำรสืบเสำะไม่ก ำหนดโครงสร้ำงโดยบทบำทของผู้สอนและผู้เรียนแต่ละระดับมีควำมแตกต่ำงกัน
่
ั
ื
กำรจดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ดวยกระบวนกำรสบเสำะหำควำมรู้แตละแบบนั้นมีขอดีและข้อจำกัดที่แตกต่ำง
้
้
ั
ื
้
ู้
ั
กัน ผสอนตองพิจำรณำระดบของกำรสบเสำะหำควำมรู้ตำมควำมเหมำะสมของเนื้อหำ เวลำในกำรจดกำรเรียนรู้ตำม
ควำมสำมำรถของผู้เรียน บริบทของห้องเรียนและโรงเรียน รวมถึงควำมมั่นใจของตัวผู้สอนเอง
สื่อกำรจัดกำรเรียนร/แหล่งเรียนร ู้
ู้
สื่อกำรจัดกำรเรียนร ู้
่
1. แบบฝกหัด/ใบงำน/ใบกิจกรรม เป็นเครื่องมือทชวยให้นักเรียนฝกทำกิจกรรมหรือทำกำรทดลองตำม
ี่
ึ
ึ
ี่
ขั้นตอน กำรตอบคำถำมทอยู่ในกิจกรรมหรือทำยกำรทดลองจะชวยให้นักเรียนไดพัฒนำทกษะกระบวนกำรทำง
้
่
ั
้
ั
ื่
วิทยำศำสตร์ เชน กำรสงเกต กำรวัด กำรคำนวณ กำรจำแนกประเภท กำรจดกระทำข้อมูลและสอควำมหมำยข้อมูล
่
ั
กำรตั้งสมมติฐำน
์
2. สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโสตทัศนูปกรณ เช่น ภำพต่ำง ๆ ภำพโปสเตอร์ วีดิทัศน์ และ สื่อดิจิทัล
3. วัสดุสิ้นเปลือง เช่น ดินน้ ำมัน แอลกอฮอล ไม้ขีดไฟ กระดำษเยื่อ เกลือ แป้ง ยำงรัดของ ลูกแก้ว
์
ุ
์
่
ี่
4. อุปกรณสำเร็จรูป เป็นอุปกรณทพัฒนำขึ้นเพื่อใชกับเนื้อหำในกำรสอนนี้โดยเฉพำะ เชน ชดสำธิตทำงเดน
ิ
์
้
ของแสง ชุดระบบสุริยะ ครูผู้สอนสำมำรถประดิษฐ์และสร้ำงให้เทียบเคียงเพื่อน ำมำใช้ในกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ได้
5. อุปกรณ์พื้นฐำนต่ำง ๆ ที่ทกโรงเรียนต้องมีอยู่แล้ว เชน บีกเกอร์ ตะเกียงแอลกอฮอล ทกั้นลมหลอดทดลอง
ี่
่
ุ
์
ุ
้
หลอดหยด หลอดฉีดยำ กรวย ฯลฯ หำกไม่สำมำรถจดหำไดสำมำรถเลือกใชวัสดอุปกรณ์อื่นทดแทนได้แต่ครูผู้สอนต้อง
้
ั
ท ำกำรทดสอบก่อนกำรน ำไปใช ้
6. อุปกรณอื่นทจำเป็นตองจดหำเพื่อใชในกำรจดกำรเรียนรู้ในแตละเรื่อง เชน รูปภำพจำกหนังสอพิมพ์ พืช
่
้
ั
้
ั
์
ื
่
ี่
สัตว์ กระป๋องนม ดินและทรำย ขวดน้ ำพลำสติก
้
้
่
ื
7. แหลงเรียนรู้ สำมำรถเลอกใชไดตำมบริบทของตนเองให้เหมำะสมกับเนื้อหำและกิจกรรมกำรเรียนรู้
ต่ำง ๆ นั้น
11
คุณภำพผู้เรียน
จบชั้นประถมศึกษำปีที่ 3
❖ เข้ำใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิตและกำรด ำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตรอบตัว
❖ เข้ำใจลักษณะที่ปรำกฏ ชนิดและสมบัติบำงประกำรของวัสดุที่ใช้ท ำวัตถุและกำรเปลี่ยนแปลงของวัสด ุ
รอบตัว
❖ เข้ำใจกำรดึง กำรผลก แรงแม่เหลก และผลของแรงทมีตอกำรเปลยนแปลงกำรเคลอนทของวัตถุพลงงำน
ื่
็
ั
ี่
่
ี่
ี่
ั
ไฟฟ้ำ และกำรผลิตไฟฟ้ำ กำรเกิดเสียง แสงและกำรมองเห็น
ิ
์
้
ั
❖ เขำใจกำรปรำกฏของดวงอำทิตย์ดวงจนทร์และดำว ปรำกฏกำรณกำรขึ้นและตกของดวงอำทตย์กำรเกิด
ิ
้
ื
กลำงวันกลำงคน กำรก ำหนดทศ ลกษณะของหิน กำรจำแนกชนิดดนและกำรใชประโยชน์ลกษณะและ
ั
ิ
ั
ควำมส ำคัญของอำกำศ กำรเกิดลม ประโยชน์และโทษของลม
❖ ตงคำถำมหรือก ำหนดปัญหำเกี่ยวกับสงทจะเรียนรู้ตำมทก ำหนดให้หรือตำมควำมสนใจสงเกต สำรวจ
ั
ิ่
ี่
ั้
ี่
ตรวจสอบโดยใชเครื่องมืออย่ำงง่ำย รวบรวมข้อมูล บันทก และอธิบำยผลกำรส ำรวจตรวจสอบดวยกำรเขียน
ึ
้
้
หรือวำดภำพ และสื่อสำรสิ่งที่เรียนรู้ด้วยกำรเล่ำเรื่อง หรือด้วยกำรแสดงท่ำทำงเพื่อให้ผู้อื่นเข้ำใจ
❖ แก้ปัญหำอย่ำงง่ำยโดยใชขั้นตอนกำรแก้ปัญหำ มีทกษะในกำรใชเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสอสำร
ื่
้
้
ั
เบื้องต้น รักษำข้อมูลส่วนตัว
❖ แสดงควำมกระตอรือร้น สนใจทจะเรียนรู้มีควำมคดสร้ำงสรรคเกี่ยวกับเรื่องทจะศกษำตำมทก ำหนดให้
ิ
ี่
ึ
ี่
ี่
์
ื
หรือตำมควำมสนใจ มีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น และยอมรับฟังควำมคิดเห็นผู้อื่น
❖ แสดงควำมรับผดชอบดวยกำรทำงำนทไดรับมอบหมำยอย่ำงมุ่งมั่น รอบคอบประหยัด ซื่อสตย์จนงำน
้
ั
ี่
ิ
้
ลุล่วง เป็นผลส ำเร็จ และท ำงำนร่วมกับผู้อื่นอย่ำงมีควำมสุข
้
❖ ตระหนักถึงประโยชน์ของกำรใชควำมรู้และกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรด ำรงชีวิต ศึกษำหำควำมรู้
เพิ่มเติม ท ำโครงงำนหรือชิ้นงำนตำมที่ก ำหนดให้หรือตำมควำมสนใจ
จบชั้นประถมศึกษำปีที่ 6
ั
ั
ิ่
่
ั้
ี่
ิ่
ั
❖ เข้ำใจโครงสร้ำง ลกษณะเฉพำะกำรปรับตวของสงมีชวิต รวมทงควำมสมพันธ์ของสงมีชวิตในแหลงทอยู่
ี
ี
กำรท ำหน้ำที่ของส่วนต่ำง ๆ ของพืช และกำรท ำงำนของระบบย่อยอำหำรของมนุษย์
❖ เข้ำใจสมบัตและกำรจำแนกกลมของวัสด สถำนะและกำรเปลยนสถำนะของสสำรกำรละลำย กำร
ุ่
ุ
ิ
ี่
เปลี่ยนแปลงทำงเคมีกำรเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้และกำรแยกสำรอย่ำงง่ำย
❖ เข้ำใจลกษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลพธ์แรงเสยดทำน แรงไฟฟ้ำและผลของแรงตำง ๆ ผลทเกิด
ั
่
ั
ี่
ี
ี
ั
่
ั
่
ี่
จำกแรงกระทำตอวัตถุควำมดน หลกกำรทมีตอวัตถุวงจรไฟฟ้ำอย่ำงง่ำยปรำกฏกำรณเบองต้นของเสยง และ
ื้
์
แสง
12
❖ เข้ำใจปรำกฏกำรณกำรขึ้นและตก รวมถงกำรเปลยนแปลงรูปร่ำงปรำกฏของดวงจันทร์องค์ประกอบของ
ี่
ึ
์
ระบบสุริยะ คำบกำรโคจรของดำวเครำะห์ควำมแตกต่ำงของดำวเครำะห์และดำวฤกษ์กำรขึ้นและตกของกลม
ุ่
ดำวฤกษ์กำรใช้แผนที่ดำว กำรเกิดอุปรำคำพัฒนำกำรและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกำศ
่
้
้
ั
❖ เข้ำใจลกษณะของแหลงน้ ำวัฏจกรน้ ำ กระบวนกำรเกิดเมฆ หมอก น้ ำคำงน้ ำคำงแข็ง หยำดน้ ำฟ้ำ
ั
กระบวนกำรเกิดหิน วัฏจกรหิน กำรใชประโยชน์หินและแร่ กำรเกิดซำกดกดำบรรพ์กำรเกิดลมบก ลมทะเล
ั
้
ึ
ิ
ั
ุ
ี
ิ
์
มรสม ลกษณะและผลกระทบของภัยธรรมชำตธรณพิบัตภัยกำรเกิดและผลกระทบของปรำกฏกำรณเรือน
กระจก
❖ คนหำข้อมูลอย่ำงมีประสทธิภำพและประเมินควำมน่ำเชอถือ ตัดสนใจเลอกข้อมูลใชเหตผลเชงตรรกะใน
้
ิ
ื่
ุ
ิ
ื
้
ิ
กำรแก้ปัญหำ ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำรในกำรทำงำนร่วมกันเข้ำใจสิทธิและหน้ำที่ของตน
เคำรพสิทธิของผู้อื่น
❖ ตงคำถำมหรือก ำหนดปัญหำเกี่ยวกับสงทจะเรียนรู้ตำมทก ำหนดให้หรือตำมควำมสนใจ คำดคะเนคำตอบ
ั้
ี่
ี่
ิ่
หลำยแนวทำง สร้ำงสมมตฐำนทสอดคลองกับคำถำมหรือปัญหำทจะสำรวจตรวจสอบ วำงแผนและสำรวจ
้
ิ
ี่
ี่
ี่
ั้
ิ
้
์
ตรวจสอบโดยใชเครื่องมือ อุปกรณและเทคโนโลยีสำรสนเทศทเหมำะสม ในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลทงเชง
ปริมำณ และคุณภำพ
❖ วิเครำะห์ข้อมูล ลงควำมเห็น และสรุปควำมสัมพันธ์ของข้อมูลทมำจำกกำรส ำรวจตรวจสอบในรูปแบบท ี่
ี่
เหมำะสม เพื่อสื่อสำรควำมรู้จำกผลกำรส ำรวจตรวจสอบได้อย่ำงมีเหตุผลและหลักฐำนอ้ำงอิง
❖ แสดงถึงควำมสนใจ มุ่งมั่น ในสงที่จะเรียนรู้ มีควำมคดสร้ำงสรรคเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษำตำมควำมสนใจ
์
ิ
ิ่
ของตนเอง แสดงควำมคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐำนอ้ำงอิง และรับฟังควำมคิดเห็นผู้อื่น
❖ แสดงควำม รับผดชอบดวยกำรทำงำนทไดรับมอบหมำยอย่ำงมุ่งมั่นรอบคอบ ประหยัด ซื่อสตย์จนงำน
ั
ิ
้
้
ี่
ลุล่วงเป็นผลส ำเร็จ และท ำงำนร่วมกับผู้อื่นอย่ำงสร้ำงสรรค ์
❖ ตระหนักในคณคำของควำมรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีใชควำมรู้และกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ใน
่
้
ุ
กำรด ำรงชีวิต แสดงควำมชื่นชม ยกย่อง และเคำรพสิทธิในผลงำนของผคิดคนและศกษำหำควำมรู้เพิ่มเตม ทำ
ึ
ู้
้
ิ
โครงงำนหรือชิ้นงำนตำมที่ก ำหนดให้หรือตำมควำมสนใจ
ิ
้
ู
ิ
❖ แสดงถึงควำมซำบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤตกรรมเกี่ยวกับกำรใชกำรดแลรักษำทรัพยำกรธรรมชำตและ
สิ่งแวดล้อมอย่ำงรู้คุณค่ำ
13
ตัวชี้วัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2
ิ
สำระที่ 2 วทยำศำสตร์กำยภำพ
ิ
ั
ิ
์
มำตรฐำน ว 2.1 เข้ำใจสมบัตของสสำร องคประกอบของสสำร ควำมสมพันธ์ระหว่ำงสมบัตของสสำรกับ
ั
ี่
ิ
โครงสร้ำงและแรงยึดเหนี่ยวระหว่ำงอนุภำค หลกและธรรมชำตของกำรเปลยนแปลงสถำนะของสสำร กำรเกิด
สำรละลำย และกำรเกิดปฏิกิริยำเคมี
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
1. อธิบำยกำรแยกสำรผสมโดยกำรระเหยแห้ง ตัวละลำยและตัวท ำละลำยทเป็นของเหลวที่มีจุดเดือด
ี่
ั่
กำรตกผลก กำรกลนอย่ำงง่ำย โครมำโทกรำฟีแบบ ต่ำงกันมำก วิธีนี้จะแยกของเหลวบริสุทธิ์ออกจำกสำรละลำย
ึ
กระดำษ กำรสกัดดวยตัวทำละลำย โดยใชหลกฐำน โดยให้ควำมร้อนกับสำรละลำย ของเหลวจะเดือดและกลำยเป็น
้
ั
้
เชิงประจักษ์ ไอแยกจำกสำรละลำยแล้วควบแน่นกลับเป็นของเหลวอีกครั้ง
ขณะที่ของเหลวเดือด อุณหภูมิของไอจะคงที่ โครมำโทกรำฟี
แบบกระดำษเป็นวิธีกำรแยกสำรผสมที่มีปริมำณน้อยโดยใช ้
แยกสำรที่มีสมบัติกำรละลำยในตัวท ำละลำยและกำรถูกดูดซับ
ื่
ด้วยตัวดูดซับแตกต่ำงกัน ท ำให้สำรแต่ละชนิดเคลอนที่ไปบนตัว
่
ดูดซับได้ต่ำงกัน สำรจึงแยกออกจำกกันได้ อัตรำสวนระหว่ำง
2. แยกสำรโดยกำรระเหยแห้ง กำรตกผลกกำร ระยะทำงที่สำรองค์ประกอบแต่ละชนิดเคลื่อนที่ได้บนตัวดูดซับ
ึ
กลนอย่ำงง่ำย โครมำโทกรำฟีแบบกระดำษกำรสกัด กับระยะทำงที่ตัวท ำละลำยเคลื่อนที่ได้ เป็นค่ำเฉพำะตัวของ
ั่
ด้วยตัวท ำละลำย สำรแต่ละชนิดในตัวท ำละลำยและตัวดูดซับหนึ่ง ๆ กำรสกัด
ด้วยตัวท ำละลำย เป็นวิธีกำรแยกสำรผสมที่มีสมบัติกำรละลำย
่
ใน ตัวท ำละลำยที่ตำงกันโดยชนิดของตัวท ำละลำยมีผลต่อชนิด
ั่
และปริมำณของสำรที่สกัดได้ กำรสกัดโดยกำรกลนด้วยไอน้ ำ
ใช้แยกสำรที่ระเหยง่ำย ไม่ละลำยน้ ำ และไม่ท ำปฏิกิริยำกับน้ ำ
ออกจำกสำรที่ระเหยยำก โดยใช้ไอน้ ำเป็นตัวพำ
14
ั
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
3. น ำวิธีกำรแยกสำรไปใช้แก้ปัญหำในชีวิตประจ ำวันโดย • ควำมรู้ด้ำนวิทยำศำสตร์เกี่ยวกับกำรแยกสำรบูรณำกำร
ิ
บูรณำกำรวิทยำศำสตร์คณตศำสตร์ เทคโนโลยีและ กับคณิตศำสตร์เทคโนโลยีโดยใช้กระบวนกำรทำง
วิศวกรรมศำสตร์ วิศวกรรม สำมำรถน ำไปใช้แก้ปัญหำในชีวิตประจำวันหรือ
ปัญหำที่พบในชุมชนหรือสร้ำงนวัตกรรม
- ระบุปัญหำในชีวิตประจ ำวันที่เกี่ยวกับกำรแยกสำรโดย
ใช้สมบัติทำงกำยภำพ หรือนวัตกรรมที่ต้องกำรพัฒนำ
โดยใช้หลักกำรดังกล่ำว
- รวบรวมข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับกำรแยกสำรโดยใช ้
สมบัติทำงกำยภำพที่สอดคล้องกับปัญหำที่ระบุ หรือ
น ำไปสู่กำรพัฒนำนวัตกรรมนั้น
- ออกแบบวิธีกำรแก้ปัญหำ หรือพัฒนำนวัตกรรมท ี่
้
เกี่ยวกับกำรแยกสำรในสำรผสม โดยใชสมบัตทำงกำยภำพ
ิ
โดยเชื่อมโยงควำมรู้ด้ำนวิทยำศำสตร์คณตศำสตร์
ิ
เทคโนโลยีและกระบวนกำรทำงวิศวกรรมรวมทั้งก ำหนด
และควบคุมตัวแปรอย่ำงเหมำะสม
- วำงแผนและด ำเนินกำรแก้ปัญหำ หรือพัฒนำนวัตกรรม
รวบรวมข้อมูล จัดกระท ำข้อมูลและเลือกวิธีกำรสอ
ื่
ี่
ควำมหมำยทเหมำะสมในกำรน ำเสนอผล
- ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงวิธีกำรแก้ปัญหำหรือ
นวัตกรรมที่พัฒนำขึ้น โดยใช้หลักฐำนเชิงประจักษ์ท ี่
รวบรวมได ้
- น ำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำ หรือผลของนวัตกรรมท ี่
พัฒนำขึ้น และผลที่ได้โดยใช้วิธีกำรสื่อสำรที่เหมำะสมและ
น่ำสนใจ
15
ั
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
4. ออกแบบกำรทดลองและทดลองในกำรอธิบำยผลของ - สำรละลำยอำจมีสถำนะเป็นของแข็ง ของเหลว และ
ชนิดตัวละลำย ชนิดตัวท ำละลำย อุณหภูมิที่มีต่อสภำพ แก๊ส สำรละลำยประกอบด้วยตัวทำละลำย และตว
ั
ี
ละลำยได้ของสำร รวมทั้งอธิบำยผลของควำมดันที่มีต่อ ละลำย กรณสำรละลำยเกิดจำกสำรที่มีสถำนะเดยวกัน
ี
ี่
สภำพละลำยได้ของสำร โดยใช้สำรสนเทศ สำรที่มีปริมำณมำกทสุดจดเป็นตัวท ำละลำย กรณ ี
ั
สำรละลำยเกิดจำกสำรที่มีสถำนะต่ำงกัน สำรที่มีสถำนะ
เดียวกันกับสำรละลำยจัดเป็นตัวท ำละลำย
- สำรละลำยที่ตัวละลำยไม่สำมำรถละลำยในตัวท ำ
ละลำยได้อีกที่อุณหภูมิหนึ่ง ๆ เรียกว่ำสำรละลำยอิ่มตัว
- สภำพละลำยได้ของสำรในตัวท ำละลำย เป็นค่ำที่บอก
ปริมำณของสำรทละลำยได้ในตัวท ำละลำย 100 กรัม จน
ี่
ได้สำรละลำยอิ่มตัว ณ อุณหภูมิและควำมดันหนึ่ง ๆ
สภำพละลำยได้ของสำรบ่งบอกควำมสำมำรถในกำร
ละลำยได้ของตัวละลำย ในตัวท ำละลำย ซึ่ง
ควำมสำมำรถในกำรละลำยของสำรขึ้นอยู่กับชนิดของตัว
ท ำละลำยและตัวละลำย อุณหภูมิ และควำมดัน
- สำรชนิดหนึ่ง ๆ มีสภำพละลำยได้แตกต่ำงกันในตัวท ำ
ละลำยที่แตกต่ำงกัน และสำรตำงชนิดกัน มีสภำพ
่
ละลำยได้ในตัวท ำละลำยหนึ่ง ๆ ไม่เท่ำกัน
- เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น สำรส่วนมำก สภำพละลำยได้ของ
สำรจะเพิ่มขึ้น ยกเว้นแก๊สเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นสภำพกำร
ละลำยได้จะลดลง ส่วนควำมดันมีผลต่อแก๊ส โดยเมื่อ
ควำมดันเพิ่มขึ้น สภำพละลำยได้จะสูงขึ้น
้
- ควำมรู้เกี่ยวกับสภำพละลำยไดของสำร เมื่อ
เปลี่ยนแปลงชนิดตัวละลำย ตัวท ำละลำย และอุณหภูมิ
้
สำมำรถน ำไปใชประโยชน์ในชีวิตประจ ำวัน เช่น กำรท ำ
น้ ำเชื่อมเข้มข้น กำรสกัดสำรออกจำกสมุนไพรให้ได ้
ปริมำณมำกทสุด
ี่
16
ั
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
็
5. ระบุปริมำณตัวละลำยในสำรละลำย ในหน่วยควำม - ควำมเข้มข้นของสำรละลำย เปนกำรระบุปริมำณ ตว
เข้มข้นเป็นร้อยละ ปริมำตรต่อปริมำตร มวลต่อมวล และ ละลำยในสำรละลำย หน่วยควำมเข้มข้นมีหลำยหน่วย ท ี่
มวลต่อปริมำตร นิยมระบุเป็นหน่วยเป็นร้อยละ ปริมำตรต่อปริมำตร มวล
ต่อมวล และมวลต่อปริมำตร
- ร้อยละโดยปริมำตรตอปริมำตร เป็นกำรระบุปริมำตร
่
ั
ี
ตวละลำยในสำรละลำย 100 หน่วยปริมำตรเดยวกัน
นิยมใช้กับสำรละลำยที่เป็นของเหลวหรือแก๊ส
็
ั
- ร้อยละโดยมวลตอมวล เปนกำรระบุมวลตวละลำยใน
่
ี
สำรละลำย 100 หน่วยมวลเดยวกัน นิยมใชกับ
้
6. ตระหนักถึงควำมส ำคัญของกำรน ำควำมรู้เรื่องควำม สำรละลำยที่มีสถำนะเป็นของแข็ง
่
ั
เข้มข้นของสำรไปใช้ โดยยกตัวอย่ำงกำรใช้สำรละลำยใน - ร้อยละโดยมวลตอปริมำตร เป็นกำรระบุมวล ตว
้
ชีวิตประจ ำวันอย่ำงถูกต้องและปลอดภัย ละลำยในสำรละลำย 100 หน่วยปริมำตร นิยมใชกับ
สำรละลำยทมีตวละลำยเป็นของแข็ง ในตวทำละลำยท ี่
ั
ั
ี่
เป็นของเหลว
- กำรใชสำรละลำย ในชวิตประจำวัน ควรพิจำรณำจำก
้
ี
ควำมเข้มข้นของสำรละลำย ขึ้นอยู่กับจดประสงคของ
์
ุ
กำรใช้งำน และผลกระทบต่อสิ่งชีวิตและสิ่งแวดล้อม
สำระท 2 วทยำศำสตร์กำยภำพ
ิ
ี่
ั
ี่
ั
ั
มำตรฐำน ว 2.3 เข้ำใจควำมหมำยของพลงงำน กำรเปลยนแปลงและกำรถ่ำยโอนพลงงำน ปฏิสมพันธ์
ั
ระหว่ำงสสำรและพลงงำน พลงงำนในชวิตประจำวัน ธรรมชำตของคลน ปรำกฏกำรณทเกี่ยวข้องกับเสยง แสง และ
ี่
์
ี
ิ
ี
ั
ื่
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำรวมทั้งน ำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
ี่
1. วิเครำะห์สถำนกำรณ์และคำนวณเกี่ยวกับงำนและ - เมื่อออกแรงกระท ำต่อวัตถุ แล้วท ำให้วัตถุเคลื่อนท โดย
ก ำลังที่เกิดจำกแรงที่กระท ำต่อวัตถุ แรงอยู่ในแนวเดียวกับกำรเคลื่อนที่จะเกิดงำน งำนจะมี
โดยใช้สมกำร ค่ำมำกหรือน้อยขึ้นกับขนำดของแรงและ
ระยะทำงในแนวเดียวกับแรง
และ
- งำนที่ท ำในหนึ่งหน่วยเวลำเรียกว่ำ ก ำลัง หลักกำรของ
จำกข้อมูลที่รวบรวมได ้
งำนน ำไปอธิบำยกำร
2. วิเครำะห์หลักกำรทำงำนของเครื่องกลอย่ำงง่ำยจำก ท ำงำนของ
ข้อมูลที่รวบรวมได ้
17
ั
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
3. ตระหนักถึงประโยชน์ของควำมรู้ของเครื่องกลอย่ำงง่ำย - เครื่องกลอย่ำงง่ำย ได้แก่ คำน พื้นเอียง รอกเดี่ยว ลิ่ม
โดยบอกประโยชน์และกำรประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ ำวัน สกรู ล้อและเพลำ ซึ่งน ำไปใช้ประโยชน์ด้ำนต่ำง ๆ ใน
ชีวิตประจ ำวัน
ี่
4. ออกแบบและทดลองด้วยวิธีที่เหมำะสมในกำรอธิบำย - พลังงำนจลน์เป็นพลังงำนของวัตถุที่เคลื่อนท พลังงำน
ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงำนจลน์ และพลังงำนศักย์โน้มถ่วง จลน์จะมีค่ำมำกหรือน้อยขึ้นกับมวลและอัตรำเร็ว ส่วน
พลังงำนศักย์โน้มถ่วงเกี่ยวข้องกับต ำแหน่งของวัตถุ จะมี
ค่ำมำกหรือน้อยขึ้นกับมวลและต ำแหน่งของวัตถ เมื่อ
ุ
วัตถุอยู่ในสนำมโน้มถ่วง วัตถุจะมีพลังงำนศักย์โน้มถ่วง
พลังงำนจลน์และพลังงำนศักย์โน้มถ่วงเป็นพลังงำนกล
ี่
5. แปลควำมหมำยข้อมูลและอธิบำยกำรเปลยนพลังงำน - ผลรวมของพลังงำนศักย์โน้มถ่วงและพลังงำนจลน์เป็น
ระหว่ำงพลังงำนศักย์โน้มถ่วงและพลังงำนจลน์ของวัตถ ุ พลังงำนกล พลังงำนศักย์โน้มถ่วงและพลังงำนจลน์ของ
โดยพลังงำนกลของวัตถ มีค่ำคงตัวจำกข้อมูลที่รวบรวมได วัตถุหนึ่ง ๆ สำมำรถเปลี่ยนกลับไปมำได โดยผลรวมของ
้
้
ุ
พลังงำนศักย์โน้มถ่วงและพลังงำนจลน์มีค่ำคงตัว นั่นคือ
พลังงำนกลของวัตถุมีค่ำคงตัว
6. วิเครำะห์สถำนกำรณและอธิบำยกำรเปลี่ยนและกำร - พลังงำนรวมของระบบมีค่ำคงตัวซึ่งอำจเปลี่ยนจำก
์
ถ่ำยโอนพลังงำนโดยใช้กฎกำรอนุรักษ์พลังงำน พลังงำนหนึ่งเป็นอีกพลังงำนหนึ่ง เช่น พลังงำนกล
เปลี่ยนเป็นพลังงำนไฟฟ้ำ พลังงำนจลน์เปลี่ยนเป็น
พลังงำนควำมร้อน พลังงำนเสียง พลังงำนแสง
เนื่องมำจำกแรงเสียดทำน พลังงำนเคมีในอำหำร
เปลี่ยนเป็นพลังงำนที่ไปใช้ในกำรท ำงำนของสิ่งมีชวิต
ี
- นอกจำกนี้พลังงำนยังสำมำรถถ่ำยโอนไปยังอีกระบบ
้
หนึ่งหรือได้รับพลังงำนจำกระบบอื่นได เช่น กำรถ่ำยโอน
ควำมร้อนระหว่ำงสสำร กำรถ่ำยโอนพลังงำนของกำรสั่น
ของแหล่งก ำเนิดเสียงไปยังผู้ฟัง ทั้งกำรเปลี่ยนพลังงำน
และกำรถ่ำยโอนพลังงำน พลังงำนรวมทั้งหมดมีค่ำเท่ำ
เดิมตำมกฎกำรอนุรักษ์พลังงำน
18
สำระที่ 3 วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ
ั
มำตรฐำน ว 3.2 เข้ำใจองคประกอบและควำมสมพันธ์ของระบบโลก กระบวนกำรเปลยนแปลงภำยในโลก
์
ี่
ิ
ี
ิ
ิ่
ี
่
ี่
ั้
และบนผวโลก ธรณพิบัตภัย กระบวนกำรเปลยนแปลงลมฟ้ำอำกำศและภูมิอำกำศ โลก รวมทงผลตอสงมีชวิตและ
สิ่งแวดล้อม
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
ิ
1. เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิด สมบัต และกำรใช ้ - เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์ เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลง
ประโยชน์ รวมทั้งอธิบำยผลกระทบจำกกำรใช้เชื้อเพลิง สภำพของซำกสิ่งมีชีวิตในอดีต โดยกระบวนกำร ทำงเคมี
ซำกดึกด ำบรรพ์ จำกข้อมูลที่รวบรวมได ้ และธรณีวิทยำ เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์ ได้แก่ ถ่ำนหิน
หินน้ ำมัน และปิโตรเลียม ซึ่งเกิดจำกวัตถุต้นก ำเนิด และ
สภำพ แวดล้อมกำรเกิดที่แตกต่ำงกัน ท ำให้ได้ชนิดของ
ิ
เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบัต และกำร
น ำไปใช้ประโยชน์แตกต่ำงกัน ส ำหรับปิโตรเลียมจะต้องมี
กำรผ่ำนกำรกลั่นล ำดับส่วนก่อนกำรใช้งำนเพื่อให้ได ้
ผลิตภัณฑ์ที่เหมำะสมตอกำรใช้ประโยชน์ เชื้อเพลงซำก
ิ
่
ดึกด ำบรรพ์เป็นทรัพยำกรที่ใช้แล้วหมดไป เนื่องจำกต้อง
้
ใช้เวลำนำนหลำยลำนปีจึงจะเกิดขึ้นใหม่ได ้
้
2. แสดงควำมตระหนักถึงผลจำกกำรใชเชื้อเพลิงซำกดึกด ำ - กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์ในกิจกรรม ต่ำง ๆ
บรรพ์ โดยน ำเสนอแนวทำงกำรใช้เชื้อเพลิงซำกดึกด ำ ของมนุษย์จะท ำให้เกิดมลพิษทำงอำกำศ ซึ่งส่งผล
บรรพ์ กระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมนอกจำกนี้แก๊ส
บำงชนิดที่เกิดจำกกำรเผำไหม้เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์
์
์
เช่น แก๊สคำร์บอนไดออกไซด และไนตรัสออกไซด ยัง
เป็นแก๊สเรือนกระจกซึ่งส่งผลให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลง
ภูมิอำกำศของโลกรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้เชื้อเพลิง
ซำกดึกด ำบรรพ์ โดยค ำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและ
ื
สิ่งแวดล้อม เช่น เลือกใช้พลังงำนทดแทน หรือเลอกใช ้
ี่
เทคโนโลยีทลดกำรใช้เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์
19
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
3. เปรียบเทียบข้อดีและข้อจ ำกัดของพลังงำนทดแทนแต ่ • เชื้อเพลิงซำกดึกด ำบรรพ์เป็นแหล่งพลังงำนที่ส ำคัญใน
ละประเภทจำกกำรรวบรวมข้อมูลและน ำเสนอแนว กิจกรรมต่ำง ๆ ของมนุษย์ เนื่องจำกเชื้อเพลิงซำกดึกด ำ
ทำงกำรใช้พลังงำนทดแทน ที่เหมำะสมในท้องถิ่น บรรพ์มีปริมำณจ ำกัดและมักเพิ่มมลภำวะในบรรยำกำศ
มำกขึ้น จึงมีกำรใช้พลังงำนทดแทนมำกขึ้น เช่น พลังงำน
แสงอำทิตย์ พลังงำนลม พลังงำนน้ ำ พลังงำนชีวมวล
พลังงำนคลื่น พลังงำนควำมร้อนใต้พิภพ พลังงำน
ไฮโดรเจน ซึ่งพลังงำนทดแทนแต่ละชนิดจะมีข้อดีและ
ี่
ข้อจ ำกัดทแตกต่ำงกัน
4. สร้ำงแบบจำลองที่อธิบำยโครงสร้ำงภำยในโลกตำม • โครงสร้ำงภำยในโลกแบ่งออกเป็นชั้นตำมองค์ประกอบ
องค์ประกอบทำงเคมีจำกข้อมูลที่รวบรวมได ้ ทำงเคมี ได้แก่ เปลือกโลก ซึ่งอยู่นอกสุด ประกอบด้วย
สำรประกอบของซิลิกอน และอะลูมิเนียมเป็นหลก เนื้อ
ั
โลกคือส่วนที่อยู่ใต้เปลือกโลกลงไปจนถึงแก่นโลก มี
องค์ประกอบหลักเป็นสำรประกอบของซิลิกอน
แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลกคือส่วนที่อยู่ใจกลำง
ของโลก มีองค์ประกอบหลักเป็นเหล็กและนิกเกิล ซึ่งแต ่
ละชั้นมีลักษณะแตกต่ำงกัน
5. อธิบำยกระบวนกำรผุพังอยู่กับท กำรกร่อน และกำร - กำรผุพังอยู่กับท กำรกร่อน และกำรสะสมตัวของ
ี่
ี่
สะสมตัวของตะกอนจำกแบบจ ำลอง รวมทั้งยกตัวอย่ำงผล ตะกอน เป็นกระบวนกำรเปลี่ยนแปลงทำงธรณีวิทยำ ท ี่
ของกระบวนกำรดังกล่ำวที่ท ำให้ผิวโลกเกิดกำร ท ำให้ผิวโลกเกิดกำรเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบ
เปลี่ยนแปลง ต่ำง ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญ คือน้ ำ ลม ธำรน้ ำแข็ง แรงโน้ม
ถ่วงของโลก สิ่งมีชีวิต สภำพอำกำศ และปฏิกิริยำเคมี
- กำรผุพังอยู่กับท คือ กำรที่หินผุพังท ำลำยลงด้วย
ี่
กระบวนกำรต่ำง ๆ ได้แก่ ลมฟ้ำอำกำศกับน้ ำฝน และ
รวมทั้งกำรกระท ำของต้นไม้กับแบคทีเรีย ตลอดจนกำร
แตกตัวทำงกลศำสตร์ซึ่งมีกำรเพิ่มและลดอุณหภูมิ
สลับกัน เป็นต้น
- กำรกร่อน คือ กระบวนกำรหนึ่งหรือหลำยกระบวนกำร
ที่ท ำให้สำรเปลือกโลกหลุดไป ละลำยไปหรือกร่อนไป
โดยมีตัวน ำพำธรรมชำต คือ ลม น้ ำ และธำรน้ ำแข็ง
ิ
ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ ลมฟ้ำอำกำศ สำรละลำย
กำรครูดถู กำรน ำพำ ทั้งนี้ไม่รวมถึงกำรพังทลำยเป็นกลุ่ม
20
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
ก้อน เช่น แผ่นดินถล่ม ภูเขำไฟระเบิด
- กำรสะสมตัวของตะกอน คือ กำรสะสมตัวของวัตถุจำก
กำรน ำพำของน้ ำ ลม หรือธำรน้ ำแข็ง
ี่
6. อธิบำยลักษณะของชั้นหน้ำตัดดินและกระบวนกำรเกิด - ดินเกิดจำกหินทผุพังตำมธรรมชำติผสมคลุกเคล้ำกับ
ดิน จำกแบบจ ำลอง รวมทั้งระบุปัจจัยที่ท ำให้ดินมี อินทรียวัตถุที่ได้จำกกำรเน่ำเปื่อยของซำกพืช ซำกสัตว์ทับ
ลักษณะและสมบัติแตกต่ำงกัน ถมเป็นชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้นดินแบ่งออกเป็นหลำยชั้น
ขนำนหรือเกือบขนำนไปกับ ผิวหน้ำดิน แต่ละชั้นมี
ลักษณะแตกต่ำงกันเนื่องจำกสมบัตทำงกำยภำพ เคมี
ิ
ชีวภำพ และลักษณะอื่น ๆ เช่น สี โครงสร้ำง เนื้อดิน กำร
ยึดตัว ควำมเป็นกรด-เบส
สำมำรถสังเกตได้จำกกำรส ำรวจภำคสนำม กำรเรียกชื่อ
ชั้นดินหลักจะใช้อักษรภำษำอังกฤษตัวใหญ่ ได้แก่ O, A,
E, B, C, R
- ชั้นหน้ำตัดดิน เป็นชั้นดินที่มีลักษณะปรำกฏให้เห็น
ุ
เรียงล ำดับเป็นชั้นจำกชั้นบนสุดถึงชั้นล่ำงสด
- ปัจจัยที่ทำให้ดินแตละท้องถิ่นมีลักษณะและสมบัต ิ
่
แตกต่ำงกัน ได้แก่ วัตถุต้นก ำเนิดดิน ภูมิอำกำศ สงมีชีวิต
ิ่
ในดิน สภำพภูมิประเทศ และระยะเวลำ ในกำรเกิดดิน
ิ
7. ตรวจวัดสมบัตบำงประกำรของดิน โดยใช้เครื่องมือท ี่ - สมบัติบำงประกำรของดิน เช่น เนื้อดิน ควำมชื้นดิน ค่ำ
เหมำะสมและน ำเสนอแนวทำงกำรใช้ประโยชน์ดินจำก ควำมเป็นกรด-เบส ธำตุอำหำรในดิน สำมำรถน ำไปใช้ใน
ข้อมูลสมบัติของดิน กำรตัดสินใจถึงแนวทำงกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยอำจ
น ำไปใช้ประโยชน์ ทำงกำรเกษตรหรืออื่น ๆ ซึ่งดินที่ไม่
เหมำะสมต่อกำรทำกำรเกษตร เช่น ดินจืด ดินเปรี้ยว ดิน
เค็ม และดินดำน อำจเกิดจำกสภำพดินตำมธรรมชำติหรือ
กำรใช้ประโยชน์จะต้องปรับปรุงให้มีสภำพเหมำะสม เพื่อ
น ำไปใช้ประโยชน์
8. อธิบำยปัจจัยและกระบวนกำรเกิดแหล่งน้ ำผิวดินและ - แหล่งน้ ำผิวดินเกิดจำกน้ ำฝนที่ตกลงบนพื้นโลก ไหลจำก
แหล่งน้ ำใต้ดิน จำกแบบจ ำลอง ที่สูงลงสู่ทต่ ำด้วยแรงโน้มถ่วง กำรไหลของน้ ำท ำให้พื้น
ี่
โลกเกิดกำรกัดเซำะเป็นร่องน้ ำ เช่น ล ำธำร คลอง และ
แม่น้ ำ ซึ่งร่องน้ ำจะมีขนำดและรูปร่ำงแตกต่ำงกัน ขึ้นอยู่
21
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ั
ิ
กับปริมำณน้ ำฝน ระยะเวลำในกำรกัดเซำะ ชนิดดนและ
หิน และลักษณะภูมิประเทศ เช่น ควำมลำดชัน ควำมสูง
ต่ ำของพื้นท เมื่อน้ ำไหลไปยังบริเวณทเป็นแอ่งจะเกิดกำร
ี่
ี่
สะสมตัวเป็นแหล่งน้ ำ เช่น บึง ทะเลสำบ ทะเล และ
มหำสมุทร
้
- แหล่งน้ ำใตดินเกิดจำกกำรซึมของน้ ำผิวดินลงไปสะสมตัว
ใต้พื้นโลก ซึ่งแบ่งเป็นน้ ำในดินและน้ ำบำดำล น้ ำในดิน
เป็นน้ ำที่อยู่ร่วมกับอำกำศตำมช่องว่ำงระหว่ำงเม็ดดิน
ึ
ส่วนน้ ำบำดำลเป็นน้ ำที่ไหลซึมลกลงไปและถูกกักเก็บไว้ใน
ชั้นหินหรือชั้นดิน จนอิ่มตัวไปด้วยน้ ำ
9. สร้ำงแบบจำลองที่อธิบำยกำรใช้น้ ำ และน ำเสนอแนว - แหล่งน้ ำผิวดินและแหล่งน้ ำใต้ดินถูกน ำมำใชในกิจกรรม
้
ทำงกำรใช้น้ ำอย่ำงยั่งยืนในท้องถิ่นของตนเอง ต่ำง ๆ ของมนุษย์ ส่งผลต่อกำรจัดกำรกำรใช้ประโยชน์น้ ำ
และคุณภำพของแหล่งน้ ำ เนื่องจำกกำรเพิ่มขึ้นของ
จ ำนวนประชำกร กำรใช้ประโยชน์พื้นที่ในด้ำนต่ำง ๆ เช่น
ภำคเกษตรกรรม ภำคอุตสำหกรรม และกำรเปลี่ยนแปลง
ภูมิอำกำศ ท ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปริมำณน้ ำฝนใน
ิ
พื้นที่ลุ่มน้ ำ และแหล่งน้ ำผวดินไม่เพียงพอส ำหรับกิจกรรม
ของมนุษย์ น้ ำจำกแหล่งน้ ำใต้ดินจึงถูกน ำมำใช้มำกขึ้น
ส่งผลให้ปริมำณน้ ำใต้ดินลดลงมำก
จึงต้องมีกำรจัดกำรใช้น้ ำอย่ำงเหมำะสมและยั่งยืน ซึ่งอำจ
ท ำได้โดยกำรจัดหำแหล่งน้ ำเพื่อให้มีแหล่งน้ ำเพียงพอ
ส ำหรับกำรด ำรงชีวิต
22
ั
ตัวชี้วด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
10. สร้ำงแบบจ ำลองที่อธิบำยกระบวนกำรเกิดและ - น้ ำท่วม กำรกัดเซำะชำยฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผนดิน
่
่
ผลกระทบของน้ ำท่วม กำรกัดเซำะชำยฝั่ง ดินถลม หลุม ทรุด มีกระบวนกำรเกิดและผลกระทบ ที่แตกต่ำงกัน ซึ่ง
ยุบ แผ่นดินทรุด อำจสร้ำงควำมเสียหำยร้ำยแรง แก่ชีวิต และทรัพย์สิน
ี่
- น้ ำท่วม เกิดจำกพื้นทหนึ่งได้รับปริมำณน้ ำเกินกว่ำที่จะ
กักเก็บได ท ำให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ ำ โดยขึ้นอยู่กับปริมำณ
้
น้ ำและสภำพทำงธรณีวิทยำของพื้นท ี่
- กำรกัดเซำะชำยฝั่ง เป็นกระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของ
ชำยฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นตลอดเวลำจำกกำรกัดเซำะของคลื่น
หรือลม ท ำให้ตะกอนจำกที่หนึ่งไปตกทับถมในอีกบริเวณ
หนึ่ง แนวของชำยฝั่งเดิมจึงเปลี่ยนแปลงไป บริเวณที่มี
ตะกอนเคลื่อนเข้ำมำน้อยกว่ำปริมำณที่ตะกอนเคลื่อน
ออกไป ถือว่ำเป็นบริเวณที่มีกำรกัดเซำะชำยฝั่ง
- ดินถล่ม เป็นกำรเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหินจ ำนวน
มำกลงตำมลำดเขำ เนื่องจำกแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลัก
ซึ่งเกิดจำกปัจจัยส ำคัญ ได้แก่ ควำมลำดชันของพื้นท ี่
สภำพธรณีวิทยำ ปริมำณน้ ำฝน พืชปกคลุมดิน และกำรใช ้
ประโยชน์พื้นท ี่
- หลุมยุบ คือ แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดินขนำดต่ำง ๆ ที่อำจ
เกิดจำกกำรถล่มของโพรงถ้ ำหินปูนเกลือหินใต้ดิน หรือ
เกิดจำกน้ ำพัดพำตะกอนลงไปในโพรงถ้ ำหรือธำรน้ ำใต้ดิน
แผ่นดินทรุดเกิดจำกกำรยุบตัวของชั้นดิน หรือ หินร่วน
เมื่อมวลของแข็งหรือของเหลวปริมำณมำก
23
ค ำอธิบำยรำยวิชำ
ู้
รำยวิชำ ว 22101 วิทยำศำสตร์พื้นฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จ ำนวน 1.5 หน่วยกิต
ี่
ุ
ี่
ศกษำวิเครำะห์ ธำตและสำรประกอบ กำรเปลยนแปลงของสำรเกี่ยวกับสำรละลำย กำรเปลยนสถำนกำรณ ์
ึ
ี่
ิ่
้
ี
่
เกิดปฏิกิริยำเคมี ปฏิกิริยำเคมีทพบในชวิตประจ ำวัน ประโยชน์ โทษ และผลตอสงแวดลอม กำรสะท้อนและกำรหักเห
็
ของแสง กำรเกิดภำพจำกกระจกเงำและเลนส์ เลเซอร์ และเส้นใยน ำแสง ควำมสว่ำง และกำรมองเหน โลกของเรำ แร่
หิน กำรเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ดิน น้ ำ ทรัพยำกรธรณ ี
้
้
ื
โดยใชกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ กำรสบเสำะหำควำมรู้ กำรสำรวจตรวจสอบ กำรสบคนข้อมูลและกำร
ื
อภิปรำย เพื่อให้เกิดควำมรู้ ควำมคิด ควำมเข้ำใจ สำมำรถสื่อสำรสิ่งที่เรียนรู้ มีควำมสำมำรถในกำรตดสินใจ น ำควำมรู้
ั
ไปใช้ในชีวิตประจ ำวัน
้
ิ
กำรเรียนรู้วิชำนี้มุ่งให้ผู้เรียนมีจตวิทยำศำสตร์ซึ่งประกอบดวย ควำมสนใจใฝ่รู้ ควำมมุ่งมั่น อดทน รอบคอบ
ิ
ู้
ควำมรับผดชอบ ควำมซื่อสตย์ ประหยัด กำรร่วมแสดงควำมคดเหนและยอมรับฟังควำมคดเห็นของผอื่น ควำมมี
ั
็
ิ
ิ
ิ
ั
ู้
้
ุ
เหตผล กำรทำงำนร่วมกับผอื่นไดอย่ำงสร้ำงสรรค ปฏิบัตตำมหลกปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง มีคณธรรม
ุ
์
จริยธรรม และค่ำนิยมที่พึงประสงค ์
ตัวชี้วัดชั้นปี
ว3.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3
ว3.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4
ว5.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3
ว6.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/10
รวม 20 ชี้วัด
24
โครงสร้ำงรำยวิชำ
์
ู้
รำยวิชำ ว 22101 วิทยำศำสตรพื้นฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จ ำนวน 1.5 หน่วยกิต
หน่วย ชื่อ มำตรฐำน/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ น้ ำหนัก
ที่ หน่วยกำรเรียนร ู้ (ชั่วโมง) คะแนน
1. ดิน ,หิน ,น้ ำ ว 6.1 - ดิน
ม.2/1 – ม.2/8 - หิน 10 20
- น้ ำ
2. ทรัพยำกรธรณ ี ว 6.1 - ทรัพยำกรธรณ ี 15 25
ม.2/9 – ม.2/10 - กำรเปลี่ยนแปลงของโลก
3. สำรและกำร ว 3.1 - สถำนะของสำร
เปลี่ยนแปลง ม.2/1 – ม.2/3 - สมบัติของสำร
ว 3.2 10 15
ม.2/1 – ม.2/4
4. แสงและกำรเกิด ว 5.1 - กำรสะท้อนของแสง 10 15
ภำพ ม.2/1 – ม.2/3 - แสงกับนัยน์ตำ
5. กำรเปลี่ยนแปลง ว.6.1 - โครงสร้ำงของเปลือกโลก
ของเปลือกโลก ม.2/1 – ม.2/10 - กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก 15 25
- ธรณีประวัติ
- ปรำกฏกำรทำงธรณีวิทยำ
รวม ชวโมง/คะแนน ระหว่ำงภำค 80
ั่
รวม ชวโมง/คะแนน ปลำยภำค 20
ั่
รวมทั้งสิ้น 100
25
หน่วยกำรเรียนร ู้
ู้
รำยวิชำ ว 22101 วิทยำศำสตร์พื้นฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนรวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 60 ชั่วโมง/ภำคเรียน จ ำนวน 1.5 หน่วยกิต
ชื่อหน่วยกำรเรียนร ู้ สำระกำรเรียนร ู้ เวลำ (ชั่วโมง)
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชำติของวิทยำศำสตร์และจตวิทยำศำสตร์ 8
ิ
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 องค์ประกอบของสำรละลำยและปัจจัยที่มีผลต่อสภำพละลำยได ้ 10
สำรละลำย ควำมเข้มข้นของสำรละลำย 12
สอบกลำงภำค
หน่วยกำรเรยนรู้ที่ 3 ระบบอวัยวะในร่ำงกำยของเรำ 13
ี
ร่ำงกำยมนุษย์
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 4 กำรเคลื่อนท ี่ 8
กำรเคลื่อนที่และแรง แรงในชีวิตประจำวัน 9
สอบปลำยภำค
รวม 60