พระราชสมภพ…………………………………………………………………………………………………………………………………..………๒ สารบัญ เรื่อง หน้า สารบัญ..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………ก ประวัติ..…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………๑ การครองราชย์……………………………………………………………………………………………………………………..……….………….๗ ก การเสด็จสวรรคต………………………………………………………………………….………………………………………..………..……๑๑ พระราชกรณียกิจ…………………………………………………………………………………………………………………..……….………………….…๑๒ การต่างประเทศ…………………………………………………………………………………………………………..……….………….………๑๔ วรรณกรรมในรัชกาล…………………………………………………………………………………………..……….…………….………..๒๔ ชื่อสถานที่อันเนื่องด้วยพระปรมาภิไธย………………………………..……….……………………….………….……….…๒๙ ชื่อสถานที่..…………………………………………..……….………………………………………………………..……………………………………..…..…๒๘ คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง……………………………………..……….……………………………………………...……..๓๒ คุณธรรม……………..……………………………..……….…………………………………………………………………………………………….…….……๓๑
ประวัติ ๑
พระราชสมภพ ๒ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. ๒๑๗๕ (นับแบบ ปัจจุบัน พ.ศ. ๒๑๗๖) เป็นพระราชโอรสในสมเด็จ พระเจ้าปราสาททอง กับ พระราชเทวีไม่ปรากฏ พระนาม คำ ให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าพระชนนีของ พระองค์ชื่อ พระสุริยา ส่วนคำ ให้การขุนหลวงหาวัด ระบุพระนามว่าพระอุบลเทวี และหม่อมหลวง มานิจ ชุมสาย ระบุพระนามว่าพระนางศิริธิดา และมีพระขนิษฐาร่วมพระมารดา คือ กรมหลวงโยธาทิพ (หรือพระราชกัลยาณี)
พระราชสมภพ ๓ พระราชบิดาและพระราชมารดาเป็นเครือญาติกัน หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย ระบุว่าพระมารดาของพระนารายณ์เป็น "...พระขนิษฐาต่างมารดาของพระเจ้าปราสาท ทอง" แต่งานเขียนของนิวโคลาส์ เดอ แซร์แวส ระบุว่า มารดาเป็นพระราชธิดาใน สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ส่วนพระราชบิดา คือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ฟาน ฟลีต ระบุว่า เป็นลูกของน้องชายพระราชมารดาในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระองค์มีพระนมที่คอยอุปถัมภ์อำ รุงมาแต่ยังทรงพระเยาว์ คือ เจ้าแม่วัดดุสิต ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของพระเจ้าปราสาททองเช่นกัน กับอีกท่านหนึ่งคือพระนมเปรม ที่ฟร็องซัว อ็องรี ตุรแปง (François Henry Turpin) ระบุว่าเป็นเครือญาติของ สมเด็จพระนารายณ์
พระราชสมภพ ๔ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาในสมเด็จเจ้าฟ้าไชย และยังมีพระอนุชาต่างพระมารดาอีก ได้แก่ เจ้าฟ้าอภัยทศ (เจ้าฟ้าง่อย) เจ้าฟ้าน้อย พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ พระองค์ทอง และพระอินทราชา ใน คำ ให้การขุนหลวงหาวัด ระบุว่าพระองค์มีพระนามาภิไธยเดิมว่า พระนรินท กุมาร หรือ คำ ให้การชาวกรุงเก่า เรียกว่า พระสุรินทกุมาร เมื่อแรกเสด็จพระบรมราชสมภพนั้น พระญาติเห็นพระโอรสมีสี่กร พระราชบิดา จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า พระนารายณ์ หรือ พระเจ้าลูกเธอพระนารายณ์ ราชกุมาร
พระราชสมภพ ๕ ส่วนในคำ ให้การชาวกรุงเก่าและคำ ให้การของขุนหลวงหาวัด เล่าว่าเมื่อเพลิง ไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก พระโอรสเสด็จไปช่วยดับเพลิง ผู้คนเห็นเป็นสี่กร จึงพา กันขนานพระนามว่า พระนารายณ์ พระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์นั้นเกี่ยว กับเรื่องปาฏิหาริย์อยู่มาก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพราหมณ์
เมื่อเทียบกับกษัตริย์องค์ก่อนๆ ด้วยเหตุนี้เองพระราชประวัติของพระองค์จึง กล่าวถึงปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ตามลำ ดับ คือ เมื่อพระนารายณ์มีพระชนม์ได้ ๕ พรรษา ขณะเล่นน้ำ พระองค์ทรง ถูกอสนีบาต พวกพี่เลี้ยง นางนม สลบหมดสิ้น แต่พระองค์ไม่เป็นไรแม้แต่น้อย เมื่อพระนารายณ์มีพระชนม์ได้ ๙ พรรษา พระองค์ทรงถูกอสนีบาตที่ พระราชวังบางปะอิน แต่พระองค์ก็ปลอดภัยดี สมเด็จพระนารายณ์ทรงรับการศึกษาจากพระโหราธิบดี ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ สูงในพระราชวัง และพระอาจารย์พรหม พระพิมลธรรม รวมทั้งสมเด็จพระพุทธ โฆษาจารย์และพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ระดับสูงในพระนคร พระราชสมภพ ๖
สมเด็จพระนารายณ์มีส่วนสำ คัญในการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระศรีสุธรรม ราชา โดยพระองค์ได้ร่วมมือกับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาในการชิงราชสมบัติจาก สมเด็จเจ้าฟ้าไชย ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระองค์ โดยหลังจากที่พระองค์ช่วย สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติได้แล้วนั้น สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา ทรงแต่งตั้งให้พระองค์ดำ รงตำ แหน่งพระมหาอุปราชและให้เสด็จไปประทับที่ พระราชวังบวรสถานมงคล หลังจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติ ได้ 2 เดือนเศษ พระองค์ทรงชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา การครองราชย์ ๗ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อเวลาสองนาฬิกา วันพฤหัสบดี แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๐๑๘ ปีวอก (ตรงกับวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๑๙๙)
สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสรรเพชญ์บรมมหาจักรพรรดิศวร ราชาธิราชราเมศวรธรธราธิบดี ศรีสฤษดิรักษ์สังหารจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยน ทราธิบดีบดินทร์ หริหรินทราธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลคุณอัคนิตวิจิตรรูจี ตรีภูวนาทิตย์ ฤทธิพรหมเทพาธิบดินทร์ ภูมินทราธิราช รัตนากาศมนุวงศ์ องค์เอกาทศรุท วิสุทธิ ยโสดม บรมอัธยาศัย สมุทยดโรมนต์ อนันตคุณวิบุลยสุนทรธรรมิกราชเดโชชัย ไตรโลกนาถบดินทร์ อรินทราธิราช ชาติพิชิตทิศทศพลญาณ สมันตมหันตผาริต วิชัยไอศวรรยาธิปัตย์ ขัตติยวงศ์ องค์ปรมาธิบดี ตรีภูวนาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฎรัตนโมลี ศรีประทุมสุริวงศ์ องค์สรรเพชญ์พุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธเจ้า การครองราชย์ ๘ ขณะมีพระชนมายุ ๒๕ พรรษา มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
การครองราชย์ ๙ หลังจากประทับในกรุงศรีอยุธยาได้ ๑๐ ปี พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๐๙ และเสด็จไปประทับที่ลพบุรี ทุก ๆ ปี ครั้งละเป็นเวลานานหลายเดือน ด้วยเหตุผลว่า ทั้งสองรัชกาลนี้มีศัตรู มากมายรายรอบพระองค์ เนื่องจากการเข่นฆ่าฟันล้างบางพระราชวงศ์ด้วยกันมา หลายครั้งหลายหน รวมทั้งเรื่องของเสนาบดีใหม่และเก่า พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จ พระนารายณ์มหาราช โดยทูต ยุโรป ตราพระราชลัญจกร
การครองราชย์ ๑๐ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มิเคยได้เป็นพระมหากษัตริย์ "ทรงธรรม" หรือ "ธรรมราชา" ในสายตาของทวยราษฎร์เลยแม้แต่น้อย ดังปรากฏใน คำ ให้การชาว กรุงเก่า ที่มีการเปรียบเทียบพระองค์กับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ก็จะพบ ว่าเชลยไทยชื่นชมพระมหากษัตริย์พระองค์หลังเสียมากกว่า นอกจากนี้ยังปรากฏ ในเอกสารของชาวตะวันตกที่ยืนยันความไม่เป็นที่นิยมของราษฎรอย่างชัดแจ้ง ทั้งนี้ก็เพราะตลอดรัชสมัยของพระองค์ล้วนมีการสงครามทั้งกับต่างประเทศและ การปราบกบฏภายในประเทศ ชาวนาจึงต้องถูกเกณฑ์ไปรบหรืออาจทนทุกข์เพราะ ความแร้นแค้นของภาวะสงคราม ยังความทุกข์สู่ทวยราษฎร์และไม่มีประโยชน์อัน ใดต่อชาวนา
การเสด็จสวรรคต ๑๑ สมเด็จพระนารายณ์ทรงประชวรหนักในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๒๓๑ ไม่สามารถว่าราชการได้ ต่อมาได้เสด็จสวรรคตเมื่อ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๑ ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี รวมครองราชสมบัติเป็นเวลา ๓๒ ปี มีพระชนมพรรษา ๕๖ พรรษา ภายหลัง สมเด็จพระเพทราชา โปรดให้อัญเชิญพระบรมศพจากลพบุรีสู่ กรุงศรีอยุธยาผ่านทางเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย แผนผังเมืองหลวงแห่งลพบุรีของสมเด็จพระนารายณ์ ("Louvo" ในภาษาฝรั่งเศส)
๑๒ เจ้าพระยาโกษาธิบดี นามเดิม เหล็ก เป็นบุตร คนโตของ เจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกใน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระราชกรณียกิจ
๑๓ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ทรงสร้างความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ให้แก่กรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก โดยทรงยกทัพไปตีเมือง เชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าอีกหลายเมือง ได้แก่ เมืองเมาะตะมะ สิเรียม ย่างกุ้ง หงสาวดี และมีกำ ลังสำ คัญที่ทำ ให้สมเด็จพระ นารายณ์นั้นสามารถยึดหัวเมืองของพม่าได้คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) เจ้าพระยาโกษาธิบดี นามเดิม เหล็ก เป็นบุตร คนโตของ เจ้าแม่วัดดุสิต พระนมชั้นเอกใน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
การต่างประเทศ ๑๔ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสมัยสมเด็จพระนารายณ์รุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีการติดต่อทั้งด้านการค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน อังกฤษ และฮอลันดา มีชาวต่างชาติเข้ามาในพระราชอาณาจักรเป็นจำ นวนมาก ใน จำ นวนนี้รวมถึง เจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาวกรีกที่รับ ราชการตำ แหน่งสูงถึงที่ สมุหนายก เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน เป็นนักผจญภัยชาว กรีก ผู้กลายมาเป็น สมุหนายก ใน รัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่ง กรุงศรีอยุธยา
การต่างประเทศ ๑๕ ขณะเดียวกันยังโปรดเกล้าฯ ให้แต่งคณะทูตนำ โดย เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำ นักฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึง 4 ครั้งด้วยกัน ผู้ที่เขียนเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา และ สยามมากที่สุดในสมัยนี้ก็คือ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ เจ้าพระยาโกษาธิบดี นามเดิม ปาน เป็นขุนนางใน อาณาจักรอยุธยา สมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นเอกอัครราชทูตคนสำ คัญที่เดินทางไปเจริญ สัมพันธไมตรีกับราชสำ นักฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2229
การต่างประเทศ ๑๖ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศใน พระราโชบายทางคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ รักษาเอกราชของชาติให้พ้นจาก การเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ ชนต่างชาตินำ เข้ามา นอกจากนี้ ยังได้ทรงอุปถัมภ์บำ รุงกวีและงานด้านวรรณคดีอัน เป็นศิลปะที่รุ่งเรืองที่สุดในยุคนั้น เมื่อสมเด็จพระนารายณ์เสด็จเถลิงถวัยราช สมบัติ ณ ราชอาณาจักรศรีอยูธยาแล้ว ปัญหากิจการบ้านเมืองในรัชสมัยของ พระองค์เป็นไปในทางเกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
การต่างประเทศ ๑๗ ด้วยในขณะนั้น มีชาวต่างประเทศเข้ามาค้าขาย และอยู่ในราชอาณาจักรไทย มากว่าที่เคยเป็นมาในกาลก่อน ที่สำ คัญมาก คือ ชาวยุโรปซึ่งเป็นชาติใหญ่มีกำ ลัง ทรัพย์ กำ ลังอาวุธ และผู้คน ตลอดจน มีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาการต่างๆ เหนือกว่าชาวเอเซียมาก และชาวยุโรปเหล่านี้กำ ลังอยู่ในสมัยขยายการค้า ศาสนาคริสต์ และอำ นาจทางการเมืองของพวกตนมาสู่ดินแดนตะวันออก ศาสนาคริสต์ เป็นศาสนา ประเภทเอกเทวนิยม แบบอับราฮัม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของ พระเยซู ตามที่ปรากฏใน พระวรสารในสารบบ และงาน เขียน พันธสัญญาใหม่อื่นๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์ เรียกว่า คริสต์ศาสนิกชน หรือ คริสตชน
การต่างประเทศ ๑๘ ยกตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) ออกญาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี พระยาพระคลัง และออกพระศรีพิพัทธ์รัตนราชโกษาได้ลงนามในสนธิสัญญา ทางการค้ากับประเทศฝรั่งเศส สมเด็จพระนารายณ์ทรงรับพระราชสาส์นจาก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
การต่างประเทศ ๑๙ ในรัชสมัยของพระองค์นั้น ชาวฮอลันดาได้กีดกันการเดินเรือค้าขายของไทย ครั้งหนึ่งถึงกับส่งเรือรบมาปิดปากแม่น้ำ เจ้าพระยา ขู่จะระดมยิงไทย จนไทยต้อง ผ่อนผันยอมทำ สัญญายกประโยชน์การค้าให้ตามที่ต้องการ แต่เพื่อป้องกันมิให้ ฮอลันดาข่มเหงไทยอีก สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงสร้างเมืองลพบุรีไว้เป็นเมือง หลวงสำ รอง อยู่เหนือขึ้นไปจากกรุงศรีอยุธยา และเตรียมสร้างป้อมปราการไว้ คอยต่อต้านข้าศึก เป็นเหตุให้บาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่มีความรู้ทางการช่าง และ ต้องการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ได้เข้ามาอาสาสมัครรับใช้ ราชการจัดกิจการเหล่านี้
การต่างประเทศ ๒๐ ข้าราชการฝรั่งที่ทำ ราชการมีความดีความชอบในการปรับปรุงขยายการค้าของ ไทยขณะนั้นคือ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ซึ่งกำ ลังมีข้อขุ่น เคืองใจกับบริษัทการค้าของอังกฤษที่เคยคบหาสมาคมกันมาก่อน เจ้าพระยาวิชเยนทร์ จึงดำ เนินการเป็นคนกลาง สนับสนุนทางไมตรีระหว่างสมเด็จพระนารายณ์ กับทางราชการฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หลุยส์กาตอร์ซเดอฟร็องส์ ชื่อเกิด : หลุยส์ ดีเยอดอเน หรือ หลุยส์มหาราช ทรงมี พระสมัญญานามว่า สุริยกษัตริย์ เป็นพระมหากษัตริย์ ฝรั่งเศสและนาวาร์
การต่างประเทศ ๒๑ ฝ่ายสมเด็จพระนารายณ์กำ ลังมีพระทัยระแวงเกรงฮอลันดายกมาย่ำ ยี และได้ ทรงทราบถึงพระเดชานุภาพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในยุโรปมาแล้ว จึงเต็มพระทัย เจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ไว้ เพื่อให้ฮอลันดาเกรงขาม ด้วย เหตุนี้ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ จึงได้มีการส่งทูตไปสู่พระราชสำ นักฝรั่งเศส และต้อนรับคณะทูตฝรั่งเศสอย่างเป็นงานใหญ่ถึงสองคราว ราชทูตสยามนำ โดยโกษาปานเข้าเฝ้าพระเจ้า หลุยส์ที่ 14 ที่ ห้องกระจกพระราชวังแวร์ซาย ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686)
การต่างประเทศ ๒๒ แต่การคบหาสมาคมกับชาติมหาอำ นาจคือฝรั่งเศสในยุคนั้นก็มิใช่ว่าจะปลอดภัย ด้วยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีพระราโชบายที่จะให้สมเด็จพระนารายณ์ และประชาชน ชาวไทยรับนับถือคริสต์ศาสนา ซึ่งบาทหลวงฝรั่งเศสนำ มาเผยแผ่ โดยพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ทรงส่งพระราชสาสน์มาทูลเชิญสมเด็จพระนารายณ์เข้ารับ นับถือคริสต์ ศาสนาพร้อมทั้งเตรียมบาทหลวงมาไว้คอยถวายศีลด้วย แต่สมเด็จพระนารายณ์ได้ ทรงใช้พระปรีชาญาณตอบปฏิเสธอย่างทะนุถนอมไมตรี ทรงขอบพระทัยพระเจ้า หลุยส์ที่มีพระทัยรักใคร่พระองค์ถึงแสดงพระปรารถนาจะให้ร่วมศาสนาด้วย แต่ เนื่องด้วยพระองค์ยังไม่เกิดศรัทธาในพระทัย ซึ่งก็อาจเป็นเพราะพระเป็นเจ้า ประสงค์ที่จะให้นับถือศาสนาคนละแบบคนละวิธี
การต่างประเทศ ๒๓ เช่นเดียวกับที่ทรงสร้างมนุษย์ให้ผิดแผกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ หรือทรงสร้างสัตว์ให้มี หลายชนิดหลายประเภทก็ได้ หากพระเป็นเจ้ามี พระประสงค์จะให้พระองค์ท่านเข้า รับนับถือศาสนาตามแบบตามลัทธิที่พระเจ้าหลุยส์ทรงนับถือแล้ว พระองค์ก็คงเกิด ศรัทธาขึ้นในพระทัย และเมื่อนั้นแหละ พระองค์ท่านก็ไม่รังเกียจที่จะทำ พิธีรับศีล ร่วมศาสนาเดียวกัน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงรับเอาวิทยาการสมัยใหม่มาใช้ เช่น กล้องดูดาว และ ยุทโธปกรณ์บางประการ รวมทั้งยังมีการรับเทคโนโลยีการสร้างน้ำ พุ จากชาวยุโรป และวางระบบท่อประปาภายในพระราชวังอีกด้วย
วรรณกรรมในรัชกาล ๒๔ สมเด็จพระนารายณ์มิใช่เพียงทรงพระปรีชาสามารถทางด้านการทูตเท่านั้น หากทรงเป็นกวีและทรงอุปถัมภ์กวีในยุคของพระองค์อย่างมากมาย กวีลือนาม แห่งรัชสมัยของพระองค์ คือ พระโหราธิบดี หรือ พระมหาราชครู ผู้ประพันธ์ หนังสือจินดามณี ซึ่งเป็นตำ ราเรียนภาษาไทยเล่มแรก และตอนหนึ่งของเรื่อง สมุทรโฆษคำ ฉันท์ (อีกตอนหนึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์)
วรรณกรรมในรัชกาล ๒๕ วรรณกรรมที่ปรากฏหลักฐานว่าแต่งขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ เช่น สมุทรโฆษคำ ฉันท์ ส่วนตอนต้นเชื่อกันว่าพระมหาราชครูเป็นผู้แต่งแต่ถึงแก่ อนิจกรรมเสียก่อน สมเด็จพระนารายณ์จึงพระราชนิพนธ์ต่อ โดยเริ่มที่ตอน พิศพระกุฎีอาศรมสถานตระกาลกล ไปจนถึง ตนกูตายก็จะตายผู้เดียวใครจะแลดู โอ้แก้วกับตนกู ฤเห็น คำ ฉันท์กล่อมช้าง (ของเก่า) เป็นผลงานของขุนเทพกวี สันนิษฐานว่าแต่ง ในคราวสมโภชขึ้นระวางเจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์ เมื่อ พ.ศ. 2216 เป็นต้น พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ ไม่ทราบผู้แต่ง แต่มีการ ระบุว่าเกิดจากการที่มีรับสั่งใน จ.ศ. 1042 (พ.ศ. 2223) ให้คัดจดหมายเหตุต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
วรรณกรรมในรัชกาล ๒๖ ตำ ราพระโอสถพระนารายณ์ ตำ รายาสมัยอยุธยาซึ่งยังไม่ได้รวบรวม เป็นคัมภัร์ ประกอบด้วยตำ รับยาแพทย์แผนไทย จีน อินเดีย และฝรั่ง วันคืนตั้ง ประโอสถคือระหว่างปีกุน จุลศักราช ๑๐๒๑ ถึงปีฉลู จุลศักราช ๑๐๒๓ (พ.ศ. 2202–24) ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชื่อแพทย์หลวงในสมัย อยุธยาซึ่งเป็นแพทย์ชั้นครู (คุรุแพทย์) จำ นวน 8 คน คือ ออกพระสิทธิสาร พราหมณ์เทศเจ้ากรมหมอยาขวา ออกพระแพทยพงษาเจ้ากรมโรงพระโอสถ พระ แพทยโอสถฝรั่ง ออกขุนประสิทธิโอสถจีน ออกขุนทิพยจักรเจ้ากรมหมอยาขวา พระฤๅษี (ไม่ปรากฏนาม) เมสีหมอฝรั่ง และนายเพ็ชรปัญญา (หมอเชลยศักดิ์) นับเป็นตำ รับยาที่ถูกรวบรวมขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทย
วรรณกรรมในรัชกาล ๒๗ กาพย์ห่อโคลงพระศรีมโหสถ กล่าวถึงชายหญิงแต่งกายสวยงามชม การละเล่นมหรสพในงานเฉลิมการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าแผ่นดิน จินดามณี จินดามณี เป็นแบบเรียนภาษาไทย มีเนื้อหาครอบคลุม เรื่อง การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผัน อักษร อักษรศัพท์ อักษรเลข การสะกดการันต์ การแต่งคำ ประพันธ์ ชนิดต่าง ๆ และกลบท ปรากฏกลบท อยู่ 60 ชนิด มีทั้งจินดามณี แต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง โดยพระโหรา ธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (แต่บาง ข้อมูลเชื่อว่าอาจจะแต่งก่อนหน้านั้นนับร้อยปี คือ แต่งในรัช สมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ)
ชื่อสถานที่ ๒๘
วัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลาง) จ. นครราชสีมา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ. ลพบุรี ถนนนารายณ์มหาราช จ. ลพบุรี พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ. ลพบุรี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ. ลพบุรี พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ. ลพบุรี พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ อุทยานราชภักดิ์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จ. ลพบุรี โรงพยาบาลเมืองนารายณ์ จ. ลพบุรี ชื่อสถานที่อันเนื่องด้วยพระปรมาภิไธย ๒๙
โรงเรียนพระนารายณ์ จ. ลพบุรี โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ค่ายนารายณ์ศึกษา จ. ลพบุรี สวนสาธารณะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ. ลพบุรี นารายณ์ฮิลส์กอลฟ์ จ. ลพบุรี ค่ายลูกเสือพระนารายณ์ จ. ลพบุรี สโมสรโรตารีพระนารายณ์ลพบุรี จ. ลพบุรี ชื่อสถานที่อันเนื่องด้วยพระปรมาภิไธย ๓๐
คุณธรรม ๓๑
ทรงมีปฏิภาณในการแก้ปัญหา ดังตัวอย่าง เมื่อมีการค้าขายกับต่างประเทศจึงได้รับการทูลขอให้พระองค์นับถือ ศาสนาคริสต์ แต่พระองค์ก็ตรัสว่า “ถ้าหลักการของศาสนาคริสต์ดีแล้ววันหนึ่ง พระองค์ก็คงจะเข้ารีตก็ได้” และพระองค์ก็ทรงประกาศให้อิสระในการนับถือ ศาสนากับประชาชน ทรงเป็นชาวพุทธที่ดี ทรงสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมและยกย่องพระสงฆ์ที่มีความรู้ภาษาบาลี คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ๓๒
ทรงมีความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ทรงมีความเมตตากรุณา ทรงใช้หลักทศพิธราชธรรมในการครองราชย์ ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้ธรรมะนำ การเมืองไทย ในสมัยนั้นมีการล่าอาณานิคม ท่านสามารถนำ หลักธรรมะมาใช้ในการบริหาร บ้าน เมืองให้พ้นจากการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกได้อย่างสง่างาม จึงทรง รักษาไว้ได้ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ๓๒
จัดทำ โดย นางสาวดมิสา เหลี่ยมแฉ่ง ชั้้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ เลขที่ ๑๙