The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สาระศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

เรื่อง
พุทธสาวก และชาดก

โดย
นางจุฬวดี ศรีโยธี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนสามัคคีบัวขาว
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต ๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by julawade65, 2022-08-30 12:57:06

พุทธสาวก และชาดก

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สาระศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

เรื่อง
พุทธสาวก และชาดก

โดย
นางจุฬวดี ศรีโยธี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนสามัคคีบัวขาว
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต ๓

หนังสอื อิเล็กทรอนกิ ส์ออนไลน์ ๓เล่มท่ี

กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
สาระศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม

เร่ือง

พุทธสาวก และชาดก

โดย
นางจุฬวดี ศรีโยธี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรยี นสามคั คบี ัวขาว
สงั กดั สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต ๓

~1~

คำนำ

หนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ออนไลน์ฉบบั น้ีเปน็ สอ่ื การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา
ศาสนา และวัฒนธรรม สาระศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม เรอ่ื ง พทุ ธสาวก และชาดก ซงึ่ ภายในได้
รวบรวมเนื้อหาเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาเรยี นรู้ พร้อมด้วยมแี บบฝึกหัดทา้ ยเล่ม เพอื่ ประเมนิ ความรู้
ผู้เรียนได้ดว้ ยตนเอง

ผจู้ ดั ทำหวังเปน็ อยา่ งย่งิ วา่ หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ อนไลนฉ์ บับน้ีจะเปน็ ประโชน์ตอ่ ผ้เู รียน
และสามารถพฒั นาตอ่ ยอกองค์ความรตู้ ่อไปได้ในอนาคต

จุฬวดี ศรีโยธี

~2~

สารบัญ หนา้
1
พุทธสาวก 2
ชาดก
2
จฬู เสฏฐชิ าดก (เศรษฐีหน)ู 4
วัณณาโรหชาดก (สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง) 6
แบบฝกึ หัดท้ายเล่ม
เอกสารอา้ งอิง 7

~3~

พทุ ธสาวก และชาดก

๑ พทุ ธสาวก

ประวตั ิพทุ ธสาวก
พุทธสาวก หมายถึง ศิษย์ของพระพุทธเจ้าที่บวชในสมัยพุทธกาล ซึ่งเป็นผูม้ ีประวัติและเรื่องราวท่ี

น่าสนใจท่สี มควรเป็นแบบอยา่ งท่ีดใี หก้ บั ชาวพทุ ธร่นุ หลัง
สำหรับประวัติพทุ ธสาวกทีไ่ ดน้ ํามาใหน้ กั เรียนได้ศึกษาในชั้นน้ี คอื พระโสณโกฬิวสิ ะ

พระโสณโกฬวิ ิสะ

พระโสณโกฬิวิสะเป็นบุตรของเศรษฐี ชื่อว่า อุสภะ เกิดในตระกลู

เศรษฐี ณ เมืองจัมปา เดมิ ชอื่ โสณะ ตระกูลโกฬิวสิ ะ

โสณะกุลบุตรมีลักษณะพิเศษในร่างกาย คือ มีฝ่ามือกับฝ่าเท้า

อ่อนนุ่ม และมีขนอ่อนขึ้นภายใน นอกจากนี้ยังมีความเป็นอยู่ที่ดี

ในปราสาท ๓ ฤดู และได้รับการบำรุงบำเรอทุกประการ จึงได้สมญาว่า

เปน็ สขุ ุมาลโสณะ

ต่อมาพระเจ้าพิมพิสารทรงได้ยินกิตติศัพท์ของโสณะจึงรับสั่งให้

โสณะเขา้ เฝ้า เพ่อื แสดงขนออ่ นท่ีฝ่ามอื และฝ่าเท้าใหท้ อดพระเนตร ในคราวน้ัน

โสณะมีโอกาสได้เขา้ เฝ้าพระบรมศาสดา และยังได้รบั ฟงั พระธรรมเทศนา บงั เกดิ

ความเลอ่ื มใสศรทั ธาอย่างย่งิ จงึ ออกบวชทีพ่ ระเวฬวนั มหาวิหาร

เมื่อบวชแล้วพระโสณโกฬิวิสะได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนและมีความ

เพยี รมาก ขนาดเดนิ จงกรมจนเท้าแตก แตก่ ็ไม่สามารถบรรลุธรรมพิเศษได้เลย

สแกนเพ่ือรับชมประวัติ จึงเริ่มท้อแท้ใจ พระพุทธเจ้าจึงทรงประทานโอวาทด้วยข้ออุปมาเรื่องพิณสาม

พระโสณโกฬิวสิ ะ สาย

เมื่อพระโสณโกฬิวิสะได้ฟังโอวาทของพระพุทธเจ้า ท่านได้ปฏิบัติตาม คือ

ปฏิบัติธรรมอย่างตั้งใจโดยยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป และได้

บรรลุเป็นพระอรหันตใ์ นไม่ชา้ ต่อมา พระโสณโกฬิวสิ ะจึงได้รับการยกยอ่ งจากพระพุทธเจ้าวา่ เปน็ ผ้เู ลิศในทาง

ความเพยี ร

คุณธรรมทไ่ี ด้จากการศึกษาประวตั ขิ องพระโสณโกฬวิ สิ ะ

ความเพยี ร คนทมี่ ีความเพียรเปน็ หลักแมพ้ บกบั ปญั หาอุปสรรคมากเพยี งใดกไ็ ม่

ท้อถอย ย่อมประสบความสำเร็จในชีวิต

ความพอดี การกระทำทกุ อย่างควรยดึ หลกั มชั ฌมิ าปฏปิ ทาหรอื ทางสายกลาง

คอื ความพอดี ไมม่ ากหรอื น้อยเกนิ ไป

~๑~

๒ ชาดก

ชาดก เป็นวรรณกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก มีจำนวนทั้งสิ้น
๕๔๗ เร่ือง เนื้อหาเปน็ เรอื่ งราวเก่ียวขอ้ ง กับอดีตชาตขิ องพระพุทธเจา้ ท่ีไดท้ รงบําเพญ็ บารมีในแต่ละชาติ

๑. จูฬเสฏฐิชาดก (เศรษฐีหน)ู

ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่สวนมะม่วงของหมอชีวกในกรุงรา
ชคฤห์ ทรงปรารภพระจูฬปันถกะ ตรัสพระธรรมเทศนาแก่ภิกษุทั้งหลาย ท่ี
กำลงั สนทนากนั ถึงพระคุณของพระพทุ ธองค์ ท่ีทรงสอนพระจูฬปนั ถกะใหบ้ รรลุ
พระธรรมได้ด้วยผ้าสีขาวบริสุทธิ์ผืนเดียว โดยใช้เวลาเพียงชั่วเวลาก่อนฉัน
อาหารเท่านั้น เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ในคุณของพระพุทธองค์ยิ่งนัก ทั้งที่พระ
สแกนเพื่อรบั ชมชาดก มหาปนั ถกะผู้เปน็ พ่ีชายของพระจฬู ปันถกะกไ็ ดเ้ พียรพยายามสั่งสอนแนะนําใช้
เรือ่ ง จุลลกเศรษฐีชาดก เวลาถงึ ๔ เดอื นมาแลว้ พระจูฬปนั ถกะกไ็ มอ่ าจจำคาถาไดแ้ มแ้ ตบ่ ทเดยี ว พระ
มหา ปนั ถกะ เห็นว่านอ้ งชายมีสตปิ ญั ญาทบึ จงึ ขับไลอ่ อกจากสำนกั
แต่พระพุทธเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นสาเหตุจึงทรงนําพระจูฬปันถกะมาโปรดก่อนที่ พระองค์จะเสด็จไปฉัน
ภัตตาหารท่บี ้านของหมอชวี ก
พระพุทธเจ้าได้ทรงฟงั เรื่องที่พระภิกษุทั้งหลาย สนทนากันจึงตรัสว่า “พระจูฬปันถกะอาศัยเราได้
บรรลคุ วามเป็นใหญ่ในธรรมในชาตนิ ี้ และในชาตปิ างก่อนเธออาศยั เราเหมือนกัน จนได้บรรลใุ นโภคสมบตั ิ”
ภิกษุทั้งหลายจึงพากันกราบทูลขอให้ทรงแสดงธรรมถึงเรื่องราวแต่คร้ังหนหลงั พระพุทธเจ้าจึงทรง
ตรัสเลา่ ดงั น้ี

ในอดีตกาล เมื่อครั้งพระเจ้าพรหมทัตทรงครอง
นครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เกิดในตระกูลเศรษฐี
มีนามว่า จุฬกเศรษฐี เป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดรอบรู้
วันหนึ่งจุฬกเศรษฐีตอ้ งเดินทางเขา้ วงั เพื่อเขา้ เฝา้ พระเจ้า
แผน่ ดิน เห็นหนตู ายตวั หน่ึงตรงถนนจึงกล่าววา่ “ผู้ใดท่ีมี
สติปัญญาก็สามารถนําหนูตัวน้ีไปทำให้เกิดประโยชน์จน
เป็นเศรษฐีได้” ผู้รับใช้ของจุฬกเศรษฐีชื่อ จูฬนเตวาสิก
ได้ยิน คำทำนายนั้น ก็ถือเอาหนูตายตัวนั้นไปขายเป็น
อาหารแมว และไดเ้ งนิ เลก็ น้อย เขานําเงนิ ทไ่ี ดน้ น้ั ไปซอ้ื นำ้ อ้อยแจกคนเก็บดอกไมห้ ลวงและได้รับดอกไม้ตอบ
แทน จงึ นําไปขายจนได้เงนิ ถึง ๘ กหาปณะ
วันหนึ่งขณะฝนตกหนัก และมีพายุพัด กิ่งไม้และใบไม้แห้งเมื่อโดนพายุพัดก็หักตกเกลื่อนไปในสวน
หลวง คนดูแลสวนหลวงไม่รู้ว่าจะนาํ ไปทิ้งได้อย่างไร จูพันเตวาสิกจึงรับอาสาขนจากสวนหลวง โดยขอกิ่งไม้

~๒~

แห้งน้ันไปทำฟัน คนดูแลสวนหลวงอนญุ าต จูพันเตวาสิก จึงไปหาเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ เขาแจกขนมให้พวก
เด็ก ๆ แลว้ ขอใหช้ ่วยขนไม้แหง้ เหล่านั้น

เด็ก ๆ จึงได้ช่วยกนั ขนใบไม้และกิ่งไม้ออกจากสวนหลวงอย่างรวดเร็ว โดยนําไปกองไวท้ ี่หน้าประตู
พระราชอุทยาน ในขณะนั้นช่างหม้อหลวงกำลงั หาฟื้นจะเผาภาชนะของหลวง จึงมาขอซื้อก่ิงไม้แห้งกองน้ัน
วันนั้นจูฬนเตวาสกิ ขายไมฟ้ ืนได้ ๑๖ กหาปณะ กบั ตมุ่ นำ้ ๕ ใบ เขาจงึ คิดตัง้ ตุ่มนำ้ สำหรับดมื่ ไวท้ ่ใี กล้ประตเู มอื ง
ไวใ้ ห้คนขนหญ้า ๕๐๐ คน เพื่อเปน็ การผูกมติ ร จากนนั้ จฬู นเตวาสิกไดค้ บหาสมาคมกับเพือ่ นที่เป็นพ่อค้าขาย
สนิ คา้ ทางบกและทางน้ำ

ต่อมาพ่อค้าที่ขายสินค้าทางบกบอกแก่จูซนั เตวาสิกว่า “พรุ่งนี้ จะมีพ่อค้านําม้า ๕๐๐ ตัว เข้ามาใน
เมือง” จูฬนเตวาสกิ จงึ ไปหาคนขนหญ้าให้หาหญ้า ๕๐๐ ฟ้อน มาไว้ที่บ้านของเขา เมื่อพอ่ ค้าม้ามาถึงก็เสาะ
แสวงหาหญ้าให้ม้าแต่หาไม่ได้เลย นอกจากที่บ้านของจูฟันเตวาสกิ แต่ผู้เดียว พ่อค้าม้าจึงขอซื้อหญา้ ทั้งหมด
เปน็ เงินถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ

ต่อมาในอีกไมก่ ่ีวนั พ่อคา้ ที่ขายสินคา้ ทางนำ้ ได้บอกแก่เขาวา่ “เรอื สินคา้ ใหญ่มาถงึ แล้ว” เขาจงึ นําเงิน
ทมี่ ีไปมัดจำสนิ คา้ ทพ่ี ่อคา้ บรรทกุ ใส่เรอื มาทง้ั ลำ จูซนั เตวาสิกจึงเป็นเจา้ ของสนิ ค้าแตผ่ ู้เดียว กต็ ้งั ราคาขายไดส้ ูง
ทำให้ไดก้ ำไรมาก มีเงินถงึ สองแสนกหาปณะ

จูพันเตวาสกิ ได้กลายเปน็ เศรษฐใี นช่วงเวลาแคส่ เี่ ดือน เขาจงึ กลับไปหาจฬุ กเศรษฐีผเู้ ป็นนายด้วยความ
ระลกึ ถงึ บญุ คุณ และไดม้ อบเงนิ ครงึ่ หนง่ึ ให้ จุฬกเศรษฐีจึงถามว่า “ไดเ้ งินนีม้ าอยา่ งไร”

จูพันเตวาสิกจึงได้เล่าเร่ืองให้เศรษฐีฟังตั้งแต่ที่ได้เห็นหนูตาย จุฬกเศรษฐีจึงเห็นในความฉลาด
ปราดเปรื่องและความอตุ สาหะของเขา จึงยกบุตรสาวให้เป็นภรรยาและมอบทรพั ย์สมบตั ิให้ ต่อมาเขาก็ได้รับ
ตำแหนง่ เศรษฐีในนครนนั้

พระพุทธองค์ตรัสว่า “ผู้มีปัญญาแม้มีทุนน้อย ก็เข้าใจที่จะทำการงานนั้นให้ได้ทรัพย์ให้มากขึ้นได้
ดังเชน่ จซู นั เตวาสกิ ท่ีไดฟ้ งั จฬุ กเศรษฐพี ูด จงึ เกิดปัญญาและทำไดจ้ นสำเรจ็ งดงาม”

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จูฬปันถกะอาศัยเราสอน ธรรมจนบรรลถุ ึงความเป็นใหญ่ในธรรมขณะนี้ แต่ใน
กาลก่อนเขาได้เป็นใหญ่ในโภคสมบตั ิโดยอาศยั เราเชน่ กัน จพู ันเตวาสกิ ในกาลก่อนนน้ั ไดม้ าเปน็ จฬู ปนั ถกะ ฝา่ ย
จฬุ กเศรษฐไี ด้มาเป็นเราที่ตรัสเทศนาใหท้ ่านทัง้ หลายฟังในขณะนี้

คติธรรม ที่ได้จากเรื่องจูฬเสฏฐิชาดก คือ ผู้มีปัญญาสามารถสร้างฐานะ
ได้ ด้วยทนุ ทรัพยเ์ พียงเลก็ นอ้ ย

~๓~

๒. วัณณาโรหชาดก (สนุ ัขจ้ิงจอกจอมยยุ ง)
เมือ่ คร้ังท่พี ระพุทธเจ้า ประทับอยู่ในพระเชตวนั มหาวหิ าร ทรงปรารภถึงพระเถระผูเ้ ปน็ อคั รสาวก

ทัง้ สององค์ คอื พระสารบี ตุ ร และพระโมคคัลลานะ และไดท้ รงแสดงพระธรรมเทศนา ดงั น้ี
ในกาลหน่งึ พระสารบี ตุ ร และพระโมคคัลลานะได้ตกลงกนั ว่า ในพรรษาน้ีจะจำพรรษาท่วี ัดป่า จึงทูล

ลาพระพุทธองคไ์ ปอยูใ่ นป่า ได้อาศัยหมู่บา้ นชนบทแห่งหนง่ึ เปน็ ท่ีบิณฑบาต โดยมบี รุ ุษกนิ เดนผู้คอยกินอาหาร
เหลอื จากพระเถระทงั้ สององค์ ปรนนิบัตริ บั ใช้อยู่ บรุ ุษผูน้ ้เี หน็ พระเถระทง้ั สองมคี วามสามคั คีกลมเกลียวกัน ก็
นกึ ว่า “ท่านทั้งสองน้รี กั ใคร่สามัคคีกันดี เราน่าจะลองทำให้ท่านแตกแยกกันเอง” เม่ือมีโอกาสก็ถามพระสารี
บุตรว่า “ท่านโกรธหรือไม่พอใจเรื่องใดกับพระโมคคัลลานะหรือไม”่ พระสารีบุตรถามว่า “ทำไม” บุรุษน้นั ก็
บอกว่า “เวลากระผมไปปรนนบิ ตั พิ ระโมคคลั ลานะ ไดย้ นิ ท่านตำหนิตเิ ตียนพระสารบี ตุ รวา่ ไมไ่ ด้มีชาตติ ระกูล
หรือมีความรู้ พิเศษเหนือกว่าท่านเลย” พระสารีบุตรได้ฟังดังนั้นก็ย้ิมแล้วกล่าวว่า “ท่านจะไปทำอะไรก็ไป
เถิด” บุรุษนนั้ ก็ไปหาพระโมคคลั ลานะแลว้ ก็ไปพูดยยุ งเช่นเดยี วกนั กับที่พดู กบั พระสารบี ุตร

พระโมคคัลลานะจึงได้ไปถามพระสารีบุตรวา่ “บุรุษทีอ่ าศัยเรากินข้าววัดอยูท่ ุกวันมาพดู อะไรบ้าง”
พระสารีบตุ รจึงเลา่ ให้พระโมคคัลลานะฟังทกุ ประการ โดยได้กลา่ วว่า “ควรที่จะให้บรุ ษุ ผูน้ ีอ้ อกไปเสียจากทนี่ ”ี้
พระโมคคัลลานะเหน็ ด้วย พระสารีบุตรจงึ ขับบุรุษน้ันไปเสีย พระเถระท้งั สององค์ยงั คงสามคั คปี รองดองกนั อยู่
ตามปรกติ

ครั้นต่อมาท่านได้มาเฝ้าพระพุทธองค์ที่พระเชตวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ตรัสถามว่าท่านไป จำ
พรรษาทีว่ ดั ปา่ มีความสขุ ดีหรือไม่ พระอัครสาวกท้งั สองได้ทลู เลา่ เหตทุ ี่บุรษุ ผอู้ าศยั วดั คนหนงึ่ ไม่สามารถจะทำ
ให้ทา่ นท้ังสองแตกกนั ได้ ต้องหลีกหนไี ปให้ทรงทราบทกุ ประการ พระพุทธองค์จงึ ตรสั วา่ “บรุ ุษนัน้ ไม่อาจจะทำ
ให้ท่านแตกกนั ได้ในชาตนิ ี้ เทา่ นัน้ กห็ าไม่ถึงในชาตกิ าลกอ่ นเขาก็คิดจะทำลายทา่ น แต่ไม่สามารถทำได้ต้องหนี
ไปเหมือนกนั ” พระองค์จงึ ไดท้ รงเล่าเร่ืองในอดีต ดงั น้ี

เมื่ออดีต สมัยครงั้ พระเจ้าพรหมทตั ทรงครองกรุงพาราณสี พระพุทธองคเ์ สวยชาติเกิดเป็นรุกขเทวดา
อย่ใู นป่า คร้งั นั้นมีราชสหี ์และเสอื อาศยั อย่ทู ถี่ ้ำแห่งหน่ึงในปา่ นน้ั ซงึ่ มีสุนขั จ้งิ จอกตัวหน่งึ ไปอยู่ปรนนิบตั ริ าชสหี ์
และเสอื โดยไดอ้ าศัยกนิ อาหารทเ่ี หลือเดนจาก สตั ว์ทัง้ สองจนมกี าย อว้ นใหญ่

ตอ่ มาสุนขั จิ้งจอกคิดวา่ “เนอื้ อะไรเราก็เคยกินแล้ว แตย่ ังไม่เคยกินเนอ้ื ราชสหี ์กบั เสอื เลย เราจะทำให้
ทงั้ สองน้ีแตกกนั เมือ่ ทะเลาะววิ าทกนั จนตายลง เราจะไดก้ ินเนอ้ื ของราชสีหก์ บั เสอื สมใจ” คิดได้แลว้ จึงไปพดู ยุ
ราชสีห์ ราชสหี ์ถามวา่ “เสือว่าอยา่ งไร” สนุ ัขจ้งิ จอก ก็บอกว่า “เสือวา่ ท่านราชสหี ์มสี ีหนา้ ท่าทาง พละกำลัง
และความ กล้าหาญไมถ่ ึงสว่ นเสีย้ วของเสือ” ราชสีหฟ์ ังแล้วกลา่ ววา่ “ท่านจงไปเสียเถดิ เสือตอ้ งไม่พูดอย่างน้ี
แน่นอน” สุนขั จงิ้ จอกก็ไปหาเสอื และพดู ยุเชน่ เดียวกนั เม่ือได้ฟงั ดังนัน้ จึงไปถามราชสหี ์วา่ “ท่านได้พูดอยา่ งน้ี
หรอื ” ราชสหี ์ได้ฟังจงึ กลา่ วว่า “บคุ คลใดท่มี องหาชอ่ งทางให้มติ รแตกแยกกัน บคุ คลนน้ั ไมใ่ ช่มติ ร แตบ่ คุ คลใด
แม้มีผู้มายุให้แตกแยกกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ และเป็นผู้ไม่คิดระแวงสงสัยในมิตร ย่อมนอนเป็นสุขปราศจากภัย
อนั ตราย เปรียบเหมือนบุตรท่นี อนแนบอกมารดาฉะนัน้ บุคคลผนู้ ั้นถือเป็นมิตรแท้”

~๔~

ครั้นราชสหี ์พูดถึงคุณแห่งมิตรจบ เสือจงึ กล่าวว่า “การทีเ่ ราเชื่อสุนัขจิง้ จอกเปน็ ความผิด ขอให้ท่าน
ยกโทษใหแ้ กเ่ รา” สัตว์ทง้ั สองก็ได้รักใคร่สามัคคกี ันเช่นเดมิ สุนขั จง้ิ จอกเหน็ วา่ อุบายของตนไม่ได้ผลจึงหนีไป
อยทู่ ่อี น่ื

พระพุทธองค์ตรัสว่า “โทษของการพูดส่อเสียดและการพูดยุยงให้คนแตกแยกกันนั้น ย่อมทำให้ตน
ตอ้ งเดอื ดรอ้ นเพราะถกู รังเกยี จ และไมม่ ีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย”

ดูก่อนภิกษทุ ั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกในกาลน้ันได้มาเป็นบุรุษผู้กินของวดั ราชสีห์ได้มาเป็นพระสารีบุตร
เมือ่ ไดม้ าเป็น พระโมคคลั ลานะ ส่วนรกุ ขเทวดาผเู้ หน็ เหตุการณ์ คือ เราตถาคตน่ันเอง

คติธรรม ที่ไดจ้ ากเรือ่ งวัณณาโรหชาดก คอื มิตรแท้ยอ่ มมคี วาม ไวว้ างใจ
ในมติ ร ไม่แตกแยกกนั ด้วยคำยุยงของผู้อื่น และผูท้ ่ชี อบ พูดจา
สอ่ เสียดยยุ ง ย่อมถูกรงั เกยี จและไม่มใี ครอยากคบดว้ ย

สแกนเพื่อรับชมชาดก
เรอื่ ง วณั ณาโรหชาดก

~๕~

แบบฝึกหัดทา้ ยเล่ม
ให้ผู้เรียนแสกน QR code เพอื่ เขา้ ไปทำแบบฝกึ หัด

ใบงานพุทธสาวก ใบงานชาดก

วิธกี ารส่งงาน

1. เมอื่ นักเรยี นตอบถกู แลว้ กด Finish
2. กดเลือก Email my answers to my teacher
3. กรอกข้อมูลใหเ้ รยี บรอ้ ย ในช่อง

“Enter your teacher's email or key code:”
ใหน้ ักเรียนกรอกรหัส ดังน้ี

3z2pemv3yk2

~๖~

เอกสารอา้ งองิ

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2551). หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. สบื คน้ จาก
http://academic.obec.go.th/web/mission/view/34

จงจรสั แจ่มจันทร.์ (2565). หนังสอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน พระพุทธศาสนา ป.5. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั อกั ษร
เจริญทศั น์ อจท จำกดั .

พระระพิน สุทธสิ าโร และพระมหามนสั กิตตสิ าโร. (2563). หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน พระพุทธศาสนา
ป.5. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว) จำกัด.

สำนกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ.
(2551). ตวั ช้ีวดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และ
วัฒนธรรม ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนุม
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.

~๗~

หนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ออนไลน์
เรือ่ ง พุทธสาวก และชาดก

โดย นางจฬุ วดี ศรโี ยธี
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครชู ำนาญการพเิ ศษ

โรงเรียนสามัคคบี ัวขาว
สงั กัดสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษากาฬสนิ ธุ์ เขต ๓

~๘~


Click to View FlipBook Version