บาเหน็จรายเดอื น
ลกู จ้างประจาผู้มีสิทธริ ับบาเหน็จปกติ ซึ่งมีเวลาทางานตั้งแต่ย่ีสิบห้าปีบริบูรณ์ข้ึนไป จะแสดงความ
ประสงคข์ อรับเปน็ บาเหนจ็ รายเดือนแทนกไ็ ด้
ในกรณีที่ลูกจ้างประจาได้รับบาเหน็จปกติหรือบาเหน็จรายเดือนจากส่วนราชการผู้เบิกไปแล้ว
จะขอเปล่ยี นแปลงความประสงค์อกี ไม่ได้
การนับเวลาเพือ่ ใหเ้ กดิ สิทธใิ นการรับบาเหนจ็ รายเดอื น
โดยท่กี ารนบั เวลาราชการเพอ่ื ใหเ้ กดิ สทิ ธิในการได้รบั บาเหนจ็ รายเดอื น อาศยั หลักการนับเวลาราชการ
สาหรบั คานวณบาเหนจ็ บานาญข้าราชการมาใชบ้ งั คับโดยอนุโลมกับลูกจ้างประจา ดังนั้น การนับเวลาทางาน
เพื่อให้เกิดสิทธิรับบาเหน็จรายเดือนของลูกจ้างประจา ซึ่งมีเวลาทางานเป็นลูกจ้างประจา 24 ปี 6 เดือน
(รวมเวลาทวีคณู ) จึงสามารถนบั เปน็ เวลาทางานยี่สบิ ห้าปีบริบรู ณ์ตามหลกั เกณฑ์ท่กี ฎหมายกาหนดเพอื่ ใหเ้ กิด
สิทธใิ นการรบั บาเหน็จรายเดือนได้
ตัวอย่าง 1 : นางตันหยง ลาออกจากงาน มีเวลาทางานปกติรวม 24 ปี 2 เดือน 29 วัน มีเวลา
ทวคี ณู ในระหว่างนั้น 3 เดือน รวมเป็นเวลา 24 ปี 5 เดือน 29 วัน การนับเวลาเพื่อให้เกิดสิทธิในการรับ
บาเหน็จรายเดอื น ต้องมเี วลาทางานรวมกนั ไม่น้อยกว่า 24 ปี 6 เดอื น
ดังนั้น นางตันหยง จึงไม่มีสิทธิขอรับบาเหน็จรายเดือน เนื่องจากมีเวลาทางาน (รวมเวลาทวีคูณ)
ไม่ครบ 24 ปี 6 เดือน เศษของวนั ไม่ปดั เปน็ เดอื น แต่มีสทิ ธิได้รับบาเหนจ็ ปกติ (เงนิ กอ้ น)
ตวั อยา่ ง 2 : นายปฐวี ลาออกจากงาน มเี วลาทางานปกติรวม 24 ปี 3 เดอื น มเี วลาทวีคูณในระหว่างนั้น
3 เดือน รวมเป็นเวลา 24 ปี 6 เดือน การนับเวลาเพ่ือให้เกิดสิทธิในการรับบาเหน็จรายเดือน ต้องมีเวลา
ทางานรวมกันไม่น้อยกวา่ 24 ปี 6 เดือน
ดังนัน้ นายปฐวี จึงมสี ทิ ธเิ ลือกขอรบั บาเหน็จรายเดือนได้
การนับเวลาทางานสาหรบั คานวณบาเหน็จรายเดอื น
1. เร่ิมนับต้ังแต่วันเร่ิมเข้าปฏิบัติงาน โดยได้รับค่าจ้างแต่ไม่ก่อนวันท่ีมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
จนถึงวันก่อนออกจากงานหรือก่อนวันพ้นจากหน้าที่ และไม่หลังจากวันสิ้นปีงบประมาณของปีท่ีมีอายุครบ
หกสิบปบี ริบรู ณ์แลว้ แต่กรณี
2. ลกู จ้างประจาของสานกั ราชเลขาธิการและสานักพระราชวังท่ีมอี ายคุ รบหกสบิ ปีบริบรู ณ์แล้ว แต่มี
การตอ่ เวลาทางาน ใหน้ ับเวลาทางานสาหรบั คานวณบาเหนจ็ รายเดือนต่อไปได้จนถึงวันก่อนออกจากราชการ
แตไ่ มห่ ลังจากวันทอ่ี ายคุ รบหกสบิ หา้ ปีบริบูรณ์
3. ลูกจ้างประจาผใู้ ดถูกตดั อัตรามาจากข้าราชการวิสามญั โดยไมไ่ ด้รับเงนิ ทดแทนใหน้ ับเวลาราชการ
ตอนเป็นข้าราชการวิสามัญมารวมกับเวลาตอนเป็นลูกจ้างประจาเพ่ือประโยชน์ในการคานวณจ่ายบาเหน็จ
รายเดอื นได้
4. ลูกจ้างประจาที่ไปรับราชการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารโดยมิได้รับบาเหน็จ
เมื่อออกจากกองประจาการหรือได้รับการลาพักเพ่ือรอการปลด โดยไม่มีความเสียหาย แล้วกลับเข้าทางาน
เป็นลูกจ้างประจาในสังกัดเดิมภายในกาหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันก็ให้นับเวลาตอนก่อนไปรับราชการทหาร
กองประจาการ และเวลาระหว่างรับราชการทหารกองประจาการรวมเป็นเวลาทางานสาหรับคานวณ
จ่ายบาเหน็จรายเดือนได้ การนับเวลาตอนไปรับราชการทหารให้นับต้ังแต่วันที่ได้เข้ารับประจาการใน
48
กองประจาการ จนถงึ วันออกจากกองประจาการ หรือวันท่ีได้รับการลาพักเพื่อรอการปลด แต่ไม่รวมถึงเวลา
ที่ตอ้ งอยชู่ ดใชต้ ามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
ลูกจ้างประจาท่ีไปรับราชการทหารจะมีสิทธินับเวลาทางานตอนเป็นทหารได้ต้องทางาน
เปน็ ลกู จา้ งประจากอ่ น
5. ลูกจ้างประจาที่โอนมาจากองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนทอ้ งถนิ่ อน่ื
ให้นับเวลาทางานสาหรับคานวณบาเหน็จปกติ ตามระเบียบว่าด้วยบาเหน็จลูกจ้างของราชการส่วนท้องถิ่น
ท่ีใช้อยใู่ นวนั โอน รวมเปน็ เวลาทางานสาหรับคานวณบาเหนจ็ รายเดือนด้วย
การนับเวลาทวคี ูณ
1. กรณีทาหนา้ ทีต่ ามทกี่ ระทรวงกลาโหมกาหนดในระหว่างทม่ี ีการรบ การสงคราม การปราบปรามจลาจล
2. กรณปี ฏิบตั ิหนา้ ท่ีในเขตประกาศใช้กฎอยั การศกึ หรอื ประกาศสถานการณ์ฉกุ เฉิน
การนับเวลาทวีคูณดังกล่าวได้ จะต้องมีเวลาที่ทางานตามปกติก่อนจึงจะนับทวีคูณได้ กรณี
ท่ีลกู จา้ งประจามีเวลาทางานซ่ึงอาจนับเปน็ ทวคี ณู ในเวลาเดยี วกันได้หลายประการซา้ กนั ให้นับเวลาระหว่างนน้ั
เป็นทวีคูณใหแ้ ตท่ างเดียวเท่านนั้
** ลูกจา้ งประจาไมม่ สี ทิ ธนิ ับเวลาทวีคณู กรณปี ระกาศกฎอัยการศกึ พ.ศ.2549 (19 ก.ย.49-26 ม.ค.50)
การตดั เวลาทางาน
1. ลูกจา้ งประจาผู้ใดไม่ได้รับค่าจ้างเพราะลา ขาดงาน ถูกส่ังพัก ให้ตัดเวลาทางานสาหรับคานวณ
บาเหน็จรายเดือนตามส่วนแหง่ วันทไ่ี ม่ได้รบั คา่ จ้างนน้ั
2. ลูกจา้ งผมู้ ีสทิ ธิได้นบั เวลาทวีคูณกฎอยั การศกึ ถ้าไมไ่ ด้มาปฏิบัติหน้าที่ระหวา่ งเวลาซึ่งได้นับทวีคูณ
เช่น ปุวย ลา ขาด พักราชการ หรือ ลาศึกษา ฝึกอบรม ไม่มีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณ แม้จะได้รับค่าจ้าง
เต็มจานวน
วธิ ีคานวณบาเหนจ็ รายเดอื น
1. การนับเวลาทางานให้นับเป็นจานวนเดือน สาหรับจานวนวันถ้ามีหลายระยะให้นับเวลาทางาน
รวมกนั โดยคดิ สามสิบวันเป็นหนงึ่ เดอื น เศษของเดือนถา้ ถึง 15 วัน ใหน้ ับเปน็ หน่งึ เดอื น ถา้ ไมถ่ งึ 15 วนั ให้ปัดท้ิง
2. บาเหนจ็ รายเดอื น คานวณโดยใช้อัตราค่าจ้างเดือนสุดท้ายคูณด้วยจานวนเดือนท่ีทางานหารด้วย
สิบสอง แล้วหารด้วยหา้ สิบ ถ้ามีเศษของบาทใหป้ ัดทิง้
หลกั ฐานการขอรบั บาเหนจ็ ปกติ(เงินก้อน) และบาเหนจ็ รายเดอื น
เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบาเหน็จบานาญข้าราชการ พ.ศ.
2527 (และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เติม) สาหรับหลักฐานที่สว่ นราชการต้องส่งให้กรมบัญชีกลางเพื่อประกอบการ
พิจารณาสั่งจ่ายบาเหน็จลูกจ้าง ให้เป็นไปตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนท่ีสุด ท่ี กค 0420.9/ว 53
ลงวันท่ี 29 มถิ ุนายน 2552 ดังนี้
1. แบบขอรับบาเหน็จปกติและหรอื เงนิ บาเหนจ็ พิเศษลูกจ้าง (แบบ 5313)
2. บัตรลกู จา้ งประจารายช่อื หรอื และหรือบตั รลกู จา้ งประจารายชอ่ื จากระบบจา่ ยตรงเงินเดือนและคา่ จา้ ง
ประจา ซงึ่ ผู้มีอานาจลงนามรบั รองอตั ราคา่ จ้างเดือนสุดท้าย
3. สาเนาคาสั่งให้พ้นจากงาน หรือประกาศเกษยี ณอายุ แลว้ แต่กรณี
4. สาเนาคาสั่งเล่ือนค่าจ้าง หรือคาสั่งเลื่อนข้ันค่าจ้างเพ่ือประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จลูกจ้าง
กรณีเกษยี ณอายุ
49
5. สาเนามรณะบัตรกรณถี ึงแก่ความตาย
6. แบบบันทึกรับรองเวลาราชการตอนเป็นทหาร กรณีลาไปรับราชการทหารและกลับเข้าทางานใน
สังกัดเดมิ ซึ่งรับรองโดยกรมการเงนิ กลาโหม หลกั ฐานการตรวจสอบและรับรองเวลาราชการของกรมการเงิน
กลาโหมกระทรวงกลาโหม (แบบ 5304 )
7. หลกั ฐานการมีสทิ ธิไดน้ ับเวลาทวคี ูณ(ยกเว้นกฎอัยการศึก)
การพิจารณาสงั่ จ่ายบาเหนจ็ ปกตแิ ละบาเหนจ็ รายเดือน
* ขั้นตอนการตรวจแบบขอรับบาเหน็จปกติ บาเหน็จรายเดือน บาเหน็จพิเศษ และ/หรือบาเหน็จพิเศษ
รายเดอื นลกู จ้าง (แบบ 5313)
ส่วนที่ 1 สาหรับส่วนราชการเจา้ สงั กดั หรอื จงั หวดั
1. ผูข้ อเป็นสว่ นราชการใด (สว่ นกลาง / ภูมิภาค)
2. ใสเ่ ครอื่ งหมาย หน้ารายการ โปรดพจิ ารณาส่งั จา่ ย
เงนิ บาเหนจ็ ปกติ เงนิ บาเหนจ็ รายเดอื น เงนิ บาเหน็จพเิ ศษ เงินบาเหน็จพิเศษรายเดือน
กรณีออกจากงาน กรณเี กษยี ณอายุ กรณตี าย
3. เรยี น ..............อธบิ ดีกรมบญั ชีกลาง สาหรบั ส่วนกลาง
คลงั จังหวดั สาหรบั ส่วนภูมิภาค
4. ส่วนราชการได้ส่งเอกสารท่ีแนบมามีจานวนตรงกบั ที่ระบุไว้
5. ผูม้ อี านาจหรือผ้ไู ดร้ บั มอบอานาจลงนามโดยระบุชื่อตาแหน่งให้ชดั เจน
ส่วนที่ 2 สาหรับผ้ขู อ
1. ยศ คานาหนา้ ช่ือ นามสกลุ ตามบตั รลกู จ้างประจารายชือ่
2. การขอรับเงนิ ตอ้ งระบใุ ห้ตรงกับสว่ นที่ 1
3. วันเดือนปีเกิด ตามบัตรลูกจา้ งประจารายชื่อ
4. วันเดือนปที เี่ ร่ิมนบั เวลาทางาน ตามบตั รลูกจา้ งประจารายช่อื
5. วันเดอื นปีทอ่ี อกจากงาน หรอื ตาย ตามคาสัง่ หรือสาเนามรณบัตร
6. ประเภทการขอ ตอ้ งระบุให้ตรงกับส่วนท่ี 1
7. เหตุทอี่ อก ทาเครื่องหมาย √ หน้ารายการ กรณลี าออก ใหอ้ อก เกษียณ ปลดออก
8. ระบตุ าแหนง่ สดุ ทา้ ยกอ่ นวันทพ่ี น้ จากงาน
9. สถานภาพผขู้ อ ทาเครอ่ื งหมาย √ วา่ เป็นลูกจา้ งประจา หรอื ลกู จา้ งชั่วคราว
10. ลกั ษณะการคานวณ บาเหน็จปกติ/บาเหน็จรายเดอื น คานวณเวลาทางานเปน็ เดอื น
11. ส่วนราชการทสี่ ังกดั คร้งั สุดท้าย กรม กระทรวง จงั หวดั ซงึ่ ลกู จา้ งสังกดั อยู่กอ่ นวนั ท่พี ้นจากงาน
หรือตาย และใหย้ ื่นเรอื่ งตอ่ สว่ นราชการเจ้าสงั กัด หรือจังหวัดทที่ างานครงั้ สุดท้าย
12. ขอรับเงนิ ทาง
- กรณีขอรับทางส่วนกลางใหร้ ะบุสว่ นราชการเจ้าสังกัดระดบั กรม และรหสั หน่วยงาน
- กรณขี อรบั ทางสว่ นภูมภิ าค ให้ระบุจงั หวดั ท่ีขอรับเงนิ และรหสั จังหวดั รวมท้ังระบุ
ชือ่ หน่วยงานผู้เบิกด้วย
13. ระบคุ วามประสงค์ให้กรมบญั ชกี ลางโอนเงินบาเหนจ็ ปกติ บาเหน็จรายเดอื น บาเหน็จพิเศษ หรือ
บาเหนจ็ พเิ ศษรายเดือน เข้าบัญชเี งินฝากธนาคาร สาขา ชอื่ บญั ชี เลขท่บี ญั ชี
50
14. กรณีลูกจ้างออกจากงาน ใหล้ กู จ้างลงช่อื ขอรับ
15. กรณลี กู จ้างตาย ใหท้ ายาทผมู้ ีสทิ ธติ ามกฎหมายเป็นผู้ลงนาม กรณีผมู้ สี ทิ ธเิ ปน็ ผ้เู ยาว์ ผู้ไรค้ วามสามารถ
หรือผ้เู สมอื นไร้ความสามารถ ใหผ้ แู้ ทนโดยชอบธรรม ผูอ้ นบุ าล หรือผ้พู ิทกั ษ์ แล้วแตก่ รณีเปน็ ผลู้ งชอ่ื แทน
16. ท่ีอยู่ผู้ขอ ตอ้ งระบทุ อ่ี ยู่ให้ครบถ้วนชัดเจน กรมบญั ชีกลางจะสง่ ใบแนบหนงั สอื สัง่ จ่ายเงินใหท้ ราบตามทีอ่ ยู่
ทแี่ จ้งไว้
หนา้ ที่ 2
ส่วนท่ี 1 ตารางเวลาทางาน
เวลาปกติ คือ เวลาต้ังแต่วันเข้าทางานโดยได้รับค่าจ้าง จนถึงวันสุดท้ายท่ีได้รับค่าจ้างตามบัตร
ลูกจา้ งประจารายช่อื
เวลาทวคี ูณ
- ปฏิบัติหน้าที่ทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกาหนดตามหนังสอื รบั รองของผูม้ อี านาจ
- ปฏบิ ัติหน้าทีใ่ นเขตประกาศกฎอยั การศึก
การตัดเวลาทางาน
- เวลาท่ีถูกส่ังพกั งาน หรอื ขาดงาน โดยไม่มคี า่ จา้ ง
- เวลาทีถ่ กู สง่ั พักงานโดยได้รบั คา่ จ้าง 1/2 (ตดั เวลาออก ½)
- เวลาที่ถูกสง่ั พักงานโดยไดร้ บั คา่ จ้าง 1/3 (ตัดเวลาออก 2/3)
- เวลาทถ่ี กู สัง่ พักงานโดยไดร้ ับค่าจา้ ง 1/4 (ตดั เวลาออก ¾)
- ตัดวนั ลาทุกประเภท ในระหว่างประกาศกฎอยั การศึก
สว่ นท่ี 2 อตั ราคา่ จ้าง
อัตราค่าจ้างครงั้ สุดทา้ ยท่ีได้รบั ก่อนออกจากงาน หรอื ตาย รวมกบั เงินเพิ่มอ่ืนๆ (ถ้ามี) โดยถือว่าเป็น
ส่วนหนงึ่ ของค่าจา้ งเดือนสุดทา้ ย เช่น เงิน พ.ส.ร. ฯลฯ ตามบัตรลูกจ้างประจารายชื่อ หรือตามคาส่ังเลื่อนขนั้ คา่ จ้าง
อัตราค่าจา้ งตามคาสัง่ เลอ่ื นขั้นเพอื่ ประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จลกู จ้างกรณีเกษียณอายุราชการ
การขอให้สงั่ จ่ายบาเหนจ็ บานาญเพม่ิ เนอื่ งจากมีเวลาราชการ หรือเงนิ เดอื น/คา่ จ้างเพ่มิ ขึ้น
ใหใ้ ชแ้ บบ 5316
51
สรุป
บาเหน็จลกู จา้ ง
บาเหน็จปกติ ตอ้ งมีเวลาทางานปกติไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี
กรณีลาออกจากงาน ตอ้ งมเี วลาทางานปกตไิ มน่ อ้ ยกวา่ 1 ปี
กรณใี ห้ออก/เกษยี ณ/ตาย
บาเหน็จปกติ (เงนิ กอ้ น) = ค่าจา้ งเดือนสดุ ท้าย12x จานวนเดอื นที่ทางาน
การคานวณบาเหน็จปกติ (เงินกอ้ น)
ลูกจา้ งประจาตาย จ่ายเปน็ เงนิ ก้อนให้แกท่ ายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์วา่ ดว้ ย
มรดกโดยอนุโลม
บาเหน็จปกตริ ายเดอื น
ลูกจ้างประจาท่ีจะขอรับบาเหน็จปกติเป็นรายเดือน ต้องมีเวลาทางาน ปกติรวมทวีคูณ
ตง้ั แต่ 24 ปี 6 เดือน เปน็ ตน้ ไป
การคานวณบาเหน็จปกติ (รายเดอื น)
ลกู จา้ งประจาลาออกจากงาน/เกษียณ = คา่ จา้ งเดือนสดุ ท้าย x จานวนเด1ือน2ทีท่ างาน
50
52
บาเหน็จ เวลาทางาน เวลาทางาน บาเหน็จ บาเหน็จ
ลูกจา้ งประจา ปกติ ปกติ + ทวีคณู (เงนิ ก้อน) รายเดอื น
ลาออก/ปลดออก ไม่ถึง 5 ปี ไมถ่ ึง 5 ปี + ทวคี ูณ = 5 ปี เปน็ ต้นไป ไมม่ ีสิทธิ ไมม่ ีสทิ ธิ
ไมม่ ีสทิ ธิ
ลาออก/ปลดออก 5 ปี 5 ปี + ไมม่ ที วคี ณู = 5 ปี ไม่มสี ิทธิ
ลาออก/ปลดออก 5 ปี 5 ปี + ทวคี ณู = ไมถ่ ึง 25 ปี
ลาออก/ปลดออก 5 ปี 5 ปี + ทวคี ณู = 25 ปเี ปน็ ต้นไป
ไมม่ ีสทิ ธิ
ให้ออก/เกษยี ณ ไมถ่ ึง 1 ปี ไมถ่ ึง 1 ปี + ทวีคูณ = 1 ปี เป็นต้นไป ไม่มสี ิทธิ ไมม่ สี ิทธิ
ไม่มสี ิทธิ
ให้ออก/เกษียณ 1 ปี 1 ปี + ไม่มีทวีคูณ = 1 ปี
ให้ออก/เกษยี ณ 1 ปี 1 ปี + ทวีคณู = ไมถ่ งึ 25 ปี ไม่มสี ิทธิ
ไม่มีสิทธิ
ใหอ้ อก/เกษียณ 1 ปี 1 ปี + ทวคี ณู = 25 ปีเปน็ ตน้ ไป ไม่มีสิทธิ
ไม่มสี ทิ ธิ
ตาย ไมถ่ งึ 1 ปี ไมถ่ ึง 1 ปี + ทวีคูณ = 1 ปี เป็นต้นไป ไม่มีสทิ ธิ
ตาย 1 ปี 1 ปี + ไมม่ ีทวีคณู = 1 ปี
ตาย 1 ปี 1 ปี + ทวีคณู = ไมถ่ งึ 25 ปี
ตาย 1 ปี 1 ปี + ทวคี ูณ = 25 ปเี ปน็ ต้นไป
53
บาเหน็จดารงชพี
เนื่องจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจได้เปล่ียนแปลงเป็นอันมาก อันมีผลกระทบต่อการดารงชีพของ
ข้าราชการบานาญซึ่งได้รับบานาญเป็นรายเดือนในจานวนท่ีคงท่ี ดังน้ัน เพ่ือเป็นการช่วยเหลือผู้รับบานาญ
ให้สามารถดารงชีพอย่างเหมาะสมและพอเพียงกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน สมควรกาหนดให้ผู้รับบานาญมีสิทธิ
ขอรบั บาเหน็จดารงชพี จานวนหน่งึ ในระหวา่ งทีย่ ังมีชวี ติ อยู่ โดยเงนิ จานวนท่ีไดร้ ับดังกลา่ วจะนาไปหักออกจาก
บาเหนจ็ ตกทอดซ่งึ จะจ่ายให้แก่ทายาทหรือบุคคลที่ผู้รับบานาญได้แสดงเจตนาให้เป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับตาม
กฎหมาย เม่ือผู้รับบานาญถึงแก่ความตาย ซึ่งการดาเนินการเช่นน้ีเป็นการนาเงินที่รัฐจะต้องจัดสรรเป็น
งบประมาณอยู่แล้วในอนาคตมาจ่ายให้แก่ผู้รับบานาญส่วนหน่ึงก่อน โดยมิได้เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณ
รายจา่ ยของรัฐแตอ่ ยา่ งใด จงึ จาเป็นตอ้ งประกาศใช้พระราชบัญญัติบาเหน็จบานาญข้าราชการ (ฉบับที่ 21)
พ.ศ.2546 และพระราชบัญญัติกองทุนบาเหน็จบานาญข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2546 เพ่ือให้มีสิทธิ
ขอรบั บาเหน็จดารงชพี โดยมผี ลบงั คับใช้ตัง้ แต่วนั ท่ี 11 พฤศจิกายน 2546 และกฎกระทรวงกาหนดอตั ราและ
วธิ กี ารรบั บาเหน็จดารงชพี (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2551 ท้ังนีไ้ ด้มกี ารยกเลกิ กฎกระทรวงทง้ั 2 ฉบับดังกล่าว และ
ได้กาหนดให้ใช้กฎกระทรวงกาหนดอัตราและวิธีการรับบาเหน็จดารงชีพ พ.ศ. 2562 ซ่ึงประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษา ตงั้ แต่วันท่ี 2 พฤษภาคม 2562
ความหมาย
บาเหน็จดารงชีพ หมายความว่า เงนิ ท่ีจา่ ยให้แก่ผรู้ บั บานาญเพอ่ื ช่วยเหลอื การดารงชพี โดยจ่ายให้คร้ังเดยี ว
กฎหมายและระเบยี บทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
O พระราชบัญญัติบาเหน็จบานาญข้าราชการ (ฉบบั ที่ 21) พ.ศ. 2546
O พระราชบญั ญตั ิกองทนุ บาเหนจ็ บานาญข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2546
O กฎกระทรวงกาหนดอตั ราและวิธีการรบั บาเหนจ็ ดารงชีพ พ.ศ. 2546
(ผู้รบั บานาญปกตแิ ละหรอื บานาญพเิ ศษเพราะเหตทุ พุ พลภาพ)
O กฎกระทรวงกาหนดอัตราและวธิ กี ารรบั บาเหน็จดารงชพี พ.ศ. 2546
(ผู้รบั บานาญสมาชิก กบข. และหรือบานาญพเิ ศษเพราะเหตุทพุ พลภาพ)
O กฎกระทรวงกาหนดอตั ราและวิธีการรบั บาเหนจ็ ดารงชีพ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2551
(ผู้รบั บานาญปกติและหรือบานาญพเิ ศษเพราะเหตุทุพพลภาพ)
O กฎกระทรวงกาหนดอัตราและวิธีการรบั บาเหน็จดารงชพี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551
(ผูร้ ับบานาญสมาชิก กบข. และหรอื บานาญพเิ ศษเพราะเหตทุ ุพพลภาพ)
O ระเบยี บกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยการขอรับและการจ่ายบาเหนจ็ บานาญข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 9) พ.ศ.2546
(ตามหนังสือกระทรวงการคลงั ด่วนท่ีสุดท่ี กค 0409.4/ว.92 ลงวนั ที่ 11 พฤศจิกายน 2546)
O หลักเกณฑ์และวิธปี ฏบิ ัติในการขอรบั และการจ่ายเบ้ียหวัด บาเหนจ็ บานาญและเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน
ผ่านระบบบาเหน็จบานาญ (ตามหนังสือกระทรวงการคลังด่วนท่ีสุดที่ กค 0420/ว 53
ลงวนั ท่ี 29 มิถนุ ายน 2552)
54
ผู้มสี ทิ ธขิ อรบั บาเหนจ็ ดารงชีพ
1. ข้าราชการทอี่ อกจากราชการขอรับบานาญและหรือบานาญพิเศษเพราะเหตทุ ุพพลภาพ
2. ผ้รู ับบานาญปกติ
3. ผูร้ บั บานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ
4. ข้าราชการทอ่ี อกจากราชการ หรือผู้รับบานาญ ท่ีมีกรณีหรือต้องหาว่ากระทาความผิดวินัยอย่าง
รา้ ยแรง หรือมีกรณีถกู ฟูองคดีอาญา หรอื ต้องหาว่ากระทาความผิดอาญา โดยกรณีหรือคดีอาญายังไม่ถึงที่สุด
จะขอรับบาเหนจ็ ดารงชพี ได้เมื่อกรณีหรือคดถี งึ ที่สุดและมีสิทธริ บั บานาญ
ผู้ไม่มสี ทิ ธิได้รับบาเหนจ็ ดารงชีพ
1. ผู้ขอรบั บาเหนจ็
2. ผู้รับบานาญและหรอื บานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพที่ได้แสดงเจตนาขอรับบาเหน็จดารงชีพ
ไว้แล้ว แต่ไดถ้ ึงแก่ความตายกอ่ นได้รบั เงนิ บาเหน็จดารงชีพ
3. ขา้ ราชการที่ออกจากราชการ หรือผู้รับบานาญ ที่มีกรณีหรือต้องหาว่ากระทาความผิดวินัยอย่าง
รา้ ยแรง หรอื มีกรณีถูกฟอู งคดีอาญา หรอื ตอ้ งหาว่ากระทาความผดิ อาญา โดยกรณหี รอื คดอี าญายังไม่ถึงท่สี ุด
***กรณีกลับเขา้ รับราชการใหม่***
1. ผู้รบั บานาญหรอื บานาญพเิ ศษเพราะเหตุทุพพลภาพซึ่งได้รับบาเหน็จดารงชีพไปแล้ว ถ้าภายหลัง
ผนู้ ัน้ กลับเข้ารับราชการใหม่ และได้ออกจากราชการในคร้ังหลังโดยเลือกรับบานาญไม่มีสิทธิได้รับบาเหน็จ
ดารงชีพอีก
2. ผ้รู ับบานาญหรือบานาญพิเศษเพราะเหตทุ พุ พลภาพซึ่งได้รับบาเหน็จดารงชีพไปแล้ว ถ้าภายหลัง
ผู้น้ันกลับเข้ารับราชการใหม่ โดยมีสิทธินับเวลาราชการสาหรับคานวณบาเหน็จบานาญต่อเนื่องกับ
การรบั ราชการในตอนหลงั เมื่อออกจากราชการในครั้งหลังโดยเลือกรับบาเหน็จ ให้นาเงินบาเหน็จที่จะได้รับ
หกั เงนิ บาเหนจ็ ดารงชีพท่ีไดร้ ับไปแล้วออกกอ่ น
อตั ราบาเหน็จดารงชพี
บาเหน็จดารงชีพให้จ่ายในอัตรา 15 เท่าของบานาญรายเดือนแต่ไม่เกิน 400,000 บาท
(ผู้รับบานาญท่ีมสี ทิ ธิทงั้ บานาญปกติและบานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ ให้นาบานาญปกติและบานาญ
พเิ ศษเพราะเหตทุ พุ พลภาพมารวมกัน x 15 (ไมเ่ กนิ 400,000 บาท)
55
วธิ กี ารจา่ ยและการคานวณบาเหน็จดารงชีพ
กรณีผู้รับบานาญที่มีอายุต่ากว่า 65 ปีบริบูรณ์ ให้มีสิทธิขอรับบาเหน็จดารงชีพในอัตรา 15 เท่าของ
บานาญหรือบานาญปกตริ วมบานาญพเิ ศษเพราะเหตุทุพพลภาพ (ถ้ามี) ได้ แต่ไมเ่ กิน 200,000 บาท
สตู รการคานวณ
บานาญรายเดอื น × 15 = บาเหนจ็ ดารงชีพ (ได้ไมเ่ กนิ 200,000 บาท)
หรือ
(บานาญ +บานาญพิเศษเพราะเหตุทพุ ลภาพ(ถา้ ม)ี )×15 =บาเหนจ็ ดารงชพี (ได้ไมเ่ กนิ 200,000 บาท)
ตัวอย่าง
- นางสาวดวงตา ออกจากราชการ (อายุ 52 ป)ี ไดร้ บั บานาญเดอื นละ 12,000 บาท มสี ทิ ธิขอรับ
บาเหน็จดารงชีพ 15 เท่า ได้ไม่เกิน 200,00 บาท (12,000 × 15 = 180,000 บาท) นางสาวดวงตา
จึงมสี ทิ ธไิ ดร้ บั บาเหนจ็ ดารงชีพ 180,000 บาท
- นายสุดเขต ออกจากราชการ (อายุ 60ปี) ได้รับบานาญเดือนละ 32,000 บาท มีสิทธิ
ขอรับบาเหน็จดารงชพี 15 เทา่ ไดไ้ มเ่ กิน 200,000 บาท (32,000 × 15 = 480,000 บาท) นายสุดเขต
จงึ มสี ทิ ธิไดร้ ับบาเหน็จดารงชีพ 200,000 บาท
กรณีผู้รับบานาญทมี่ ีอายตุ ้ังแต่ 65 ปีข้ึนไป แต่ไม่ถึง 70 ปี ให้มีสิทธิขอรับบาเหน็จดารงชีพได้ไม่เกิน
400,000 บาท แตถ่ ้าผรู้ บั บานาญนัน้ ได้ใชส้ ิทธิตาม (1) ไปแลว้ ให้ขอรบั บาเหนจ็ ดารงชพี ได้ไมเ่ กนิ ส่วนทย่ี งั ไม่
ครบตามสิทธขิ องผู้น้นั แต่รวมกันแล้วไมเ่ กนิ 400,000 บาท
สตู รการคานวณ
บานาญ × 15 = บาเหนจ็ ดารงชพี (ได้ไมเ่ กิน 400,000 บาท)
หรอื
(บานาญปกติ +บานาญพเิ ศษเพราะเหตุทพุ ลภาพ(ถ้าม)ี )×15 =บาเหนจ็ ดารงชีพ (ได้ไมเ่ กนิ 400,000 บาท)
ตวั อยา่ ง
- นางสาวดวงตา ออกจากราชการ (ปัจจุบันอายุ 65 ปี) ได้รับบานาญเดือนละ 12,000 บาท
มสี ทิ ธขิ อรับบาเหนจ็ ดารงชีพ 15 เท่า ได้ไม่เกนิ 400,00 บาท
บาเหนจ็ ดารงชพี (12,000 × 15) = 180,000.00 บาท
หัก บาเหน็จดารงชีพทีเ่ คยรบั ไปแล้ว = 180,000.00 บาท
ยอดเงนิ คงเหลือ = 00.00 บาท
นางสาวดวงตา ได้รับบาเหน็จดารงชีพไปแล้ว 180,000 บาท เม่ือนางสาวดวงตา
อายุ 65 ปบี ริบูรณ์ หากขอรับบาเหน็จดารงชีพเพิ่มจะต้องนาบาเหน็จดารงชีพในคราวแรกมาหักออกก่อน
จากตัวอยา่ ง นางสาวดวงตา จงึ ไม่มีสทิ ธิจะไดร้ บั บาเหน็จดารงชพี เพิม่ อีก
56
- นายสุดเขต ออกจากราชการ (ปัจจบุ ันอายุ 65 ปี) ไดร้ ับบานาญเดือนละ 32,000 บาท
มีสิทธิขอรับบาเหนจ็ ดารงชพี 15 เทา่ ได้ไมเ่ กิน 400,000 บาท
บาเหนจ็ ดารงชีพ (32,000 × 15) = 480,000.00 บาท
หกั บาเหน็จดารงชีพท่เี คยรับไปแลว้ = 200,000.00 บาท
ยอดเงินคงเหลอื = 280,000.00 บาท
รบั ไดจ้ รงิ รวมแล้วไม่เกิน 400,000 บาท = 200,000.00 บาท
นายสุดเขต ได้รับบาเหน็จดารงชีพไปแล้ว 200,000 บาท เมื่อนายสุดเขต อายุ 65 ปี
บรบิ ูรณ์ หากขอรบั บาเหนจ็ ดารงชีพเพ่มิ จะตอ้ งนาบาเหน็จดารงชพี ในคราวแรกมาหักออกก่อน จากตัวอย่าง
นายสุดเขต จึงมีสิทธิได้รับบาเหน็จดารงชีพเพ่ิมอีกเพียง 200,000 บาท (บาเหน็จดารงชีพต้องไม่เกิน
400,000 บาท)
กรณีผู้รบั บานาญทม่ี ีอายุตั้งแต่ 70 ปขี ึ้นไป ใหม้ สี ิทธิขอรับบาเหน็จดารงชีพได้ไม่เกิน 500,000 บาท
แต่ถา้ ผู้รบั บานาญนัน้ ไดใ้ ช้สิทธติ าม (1) หรือ (2) ไปแล้ว ให้ขอรับบาเหน็จดารงชีพได้ไม่เกินส่วนท่ียังไม่ครบ
ตามสทิ ธขิ องผ้นู ั้น แตร่ วมกันแลว้ ไม่เกิน 500,000 บาท
การคานวณบาเหน็จดารงชีพไมใ่ ห้นา ช.ค.บ./ ช.ร.บ. /สปช./บทช. มารวมคานวณ
ระยะเวลาการขอรับบาเหนจ็ ดารงชพี
1. เมอ่ื ข้าราชการออกจากราชการแลว้ มีสิทธิขอรบั บาเหน็จดารงชีพพร้อมการขอรับบานาญ
2. ผู้รบั บานาญซึ่งมอี ายตุ า่ กว่า 65 ปีบรบิ ูรณ์ หากไมข่ อรบั บาเหน็จดารงชพี พร้อมการขอรบั บานาญ
สามารถย่นื เรอื่ งขอรับบาเหนจ็ ดารงชีพได้ตงั้ แต่วนั ท่ี 1 ตุลาคม ถงึ วนั ที่ 31 ธันวาคมของทกุ ปี
3. ผู้รบั บานาญซ่ึงมีอายุ 65 ปีบริบรู ณข์ ึ้นไป ขอรับบาเหนจ็ ดารงชีพเมอื่ ก็ได้ไม่กาหนดระยะเวลา
การยนื่ ขอรับบาเหน็จดารงชพี
1. กรณีขอรบั คร้ังแรก
ใหใ้ ช้แบบขอรบั เบี้ยหวัด บาเหน็จ บานาญ บานาญพเิ ศษ บาเหนจ็ ดารงชีพหรอื เงินทดแทนขา้ ราชการ
ออกจากราชการ (แบบ 5300) ย่ืนท่ีส่วนราชการผู้ขอ (ส่วนราชการสังกัดสุดท้าย/ ส่วนราชการท่ีย่ืนเร่ือง
ขอรับบานาญ)
2. กรณีขอเพม่ิ (เมื่อมีอายคุ รบ 65 ปบี ริบูรณข์ นึ้ ไป)
ให้ใช้แบบขอรับเงนิ เพิ่ม เบ้ียหวดั บาเหน็จ บานาญ บานาญพเิ ศษ บาเหน็จตกทอดของข้าราชการหรอื
ลูกจ้าง (แบบ 5316) ย่ืนท่ีส่วนราชการผู้ขอ (ส่วนราชการท่ียื่นเร่ืองขอรับบานาญ หรือบาเหน็จดารงชีพ
ครง้ั แรก)
การพิจารณาสั่งจา่ ยบาเหนจ็ ดารงชีพ
ตรวจแบบขอรับเบย้ี หวัด บาเหนจ็ บานาญ บานาญพิเศษ บาเหนจ็ ดารงชพี หรือเงินทดแทนขา้ ราชการ
ออกจากราชการ (แบบ 5300) หรือแบบขอเงินเพิ่มเบี้ยหวัด บาเหน็จ บานาญ บานาญพิเศษ บาเหน็จตก
ทอด ของขา้ ราชการหรอื ลกู จ้าง (แบบ 5316) เช่นเดยี วกับการขอรับบาเหน็จบานาญในส่วนที่เก่ียวข้องกับ
เรื่องการขอบาเหน็จดารงชีพ
57
การอนมุ ตั สิ งั่ จา่ ยบาเหน็จดารงชพี
วิธกี ารเดียวกนั กับการขอรับบาเหนจ็ บานาญในระบบบาเหนจ็ บานาญ
สรปุ
บาเหนจ็ ดารงชพี
บาเหน็จดารงชพี ครง้ั แรก = บานาญ x 15 เท่า ไม่เกนิ สองแสนบาท
บาเหนจ็ ดารงชีพครัง้ ท่ีสอง = บานาญ x 15 เทา่ หกั บาเหนจ็ ดารงชีพ
(เม่ืออายุครบ 65 ปีบริบูรณแ์ ล้ว) ครัง้ แรก (รวมกนั แลว้ ต้องไมเ่ กนิ สี่แสนบาท)
หรือจะขอบาเหน็จดารงชพี ในคราวเดียวกนั เมอ่ื มีอายุ 65 ปบี รบิ ูรณก์ ็ได้
= บานาญ x 15 เทา่ ไมเ่ กินส่แี สนบาท
58