The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Athis kadrok, 2020-10-26 09:31:07

22122_สุโขทัย-1

22122_สุโขทัย-1

S
U
K
H
O
T
H
A
I

รายงาน

เร่ือง สถานท่ีท่องเทยี่ วจงั หวดั สโุ ขทยั

จดั ทาโดย
นายอธิศ คลาดโรค ชนั้ ม.4/5 เลขท่ี9

เสนอ
คณุ ครูสวุ ารีย์ ยภี่ ู่

โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลยั จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี

คานา

วารสารการท่องเท่ียวเชงิ อนรุ กั ษ์เลม่ นจี ้ ดั ทาขึน้ เพ่อื นาเสนอข้อมลู ของสถานที่
ท่องเท่ียวทน่ี า่ สนใจในจงั หวดั สโุ ขทยั โดยคณะผ้จู ดั ทาได้รวบรวมภาพทเี่ ป็นจดุ เดน่
ของสถานท่ีมาใส่ลงในวารสารเพอื่ ดงึ ดดู ให้ผู้สนใจในการเดินทางท่องเทยี่ วเข้าไป
ท่องเท่ยี วในสถานที่นนั้ ๆ

คณะผ้จู ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ ว่าวารสารเลม่ นจี ้ ะเป็นประโยชน์ต่อผ้ทู ส่ี นใจใน
สถานทท่ี ่องเท่ียวในจงั หวดั สโุ ชทยั หากเกดิ ข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภยั มา ณ
ทีน่ ดี ้ ้วย

สารบญั

ประวตั ิความเป็นมา
อุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั
ศาลหลกั เมืองสโุ ขทยั
พิพธิ ภณั ฑ์ปลาในวรรณคดี
สวนหลวง ร.๙
พิพธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาตริ ามคาแหง ตาบลเมืองเกา่
พิพิธภณั ฑ์สงั คโลก ตาบลบ้านหลมุ
พระราชานุสาวรียพ์ ่อพระราชานสุ าวรีย์พ่อขนุ ศรีอนิ ทราทิตย์ ตาบลเมืองเก่าขนุ รามคาแหงมหาราช ตาบลเมืองเก่า
ศาลพระแม่ย่า ศาลากลางจงั หวดั สโุ ขทยั ตาบลธานี
พระพทุ ธอทุ ยานสโุ ขทยั ตาบลธานี
ทุ่งทะเลหลวง ตาบลบ้านกล้วย
พทุ ธมณฑลสโุ ขทยั ทุ่งทะเลหลวง ตาบลบ้านกล้วย
สวนพฤษศาสตร์พระแม่ย่า สโุ ขทยั ตาบลบ้านกล้วย
วดั ศรีชุม(พระอจนะ) ตาบลเมืองเก่า
วดั สะพานหนิ ตาบลเมืองเกา่
เตาทเุ รียง ตาบลเมืองเกา่
เขอ่ื นทานบพระร่วง(สรีดภงษ์) ตาบลเมืองเก่า
ศาลหลกั เมอื งศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั
อุทยานประวัตศิ าสตร์ศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั
วดั พระศรีรัตนมหาธาตุวรวหิ าร(วัดพระปรางค์)

แหลง่ ขุดข้นโบราณคดีโครงกระดูก(วดั ชมชนื่ )ตาบลศรีสชั นาลยั แกง่ หลวง ตาบลศรีสชั นาลยั

พระราชานุสาวรียพ์ ระมหาธรรมราชาท่ี๑ ตาบลศรีสชั นาลยั
วดั เชงิ ครี ี(หลวงพ่อโต 700 ปี) ตาบลศรีสชั นาลยั
พพิ ธิ ภณั ฑช์ มุ ชนศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั
บ้านศลิ ปะศิลาแลงอาร์ตแกลลอรี่(วัดโคกสงิ คาราม) ตาบลศรีสชั นาลยั
อทุ ยานแห่งชาติศรีสชั นาลยั ตาบลบ้านแกง่
ศูนย์หตั ถกรรมพนื ้ บ้านโบราณหาดเสยี ้ ว(สนุ ทรีผ้าไทย)ตาบลหนองอ้อ
ชุมชนผ้าทอไทครัง้ ตาบลหนองอ้อ
ชมุ ชนไทพวน บ้านหาดเสยี ้ ว ตาบลหาดเสยี ้ ว
ท่องเที่ยวเชงิ นเิ วศบ้านนาต้นจนั่ ตาบลบ้านตึก
ปางช้างศรีสชั นาลยั (หม่บู ้านช้างบ้านภูนก) ตาบลบ้านตกึ
ศนู ย์การทอ่ งเทีย่ วชุมชนบ้านคุกพฒั นา โดย อพท. ตาบลสารจิตร

ประวตั คิ วามาเป็นมา
จงั หวดั สโุ ขทยั เป็นท่ีตงั้ อาณาจกั รแรกของชนชาตไิ ทยเมือ่
700 กว่าปีท่แี ล้ว คาวา่ “สโุ ขทยั ” มาจากสองคา คอื “สขุ +
อทุ ยั ” หมายความวา่ “รุ่งอรุณแห่งความสขุ ” รอยอดตี แห่ง
ความรุ่งเรืองเหน็ ได้จากอทุ ยประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั และศรีสชั
นาลยั ซง่ึ เป็นท่รี ู้จกั ของชาวไทยและตา่ งประเทศ

• ตราประจาจงั หวัด: รูปพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
ประทบั บนพระแท่นมนงั คศิลาอาสน์

• ธงประจาจงั หวดั : ธงพนื ้ สีแดง-เหลือง-เขยี ว แบ่งตาม
แนวนอน แถบสเี หลอื งนนั้ กว้างเป็น 2 เท่าของแถบสแี ดง
และสีเขียว ทม่ี มุ ธงด้านคนั ธงมีตราประจาจงั หวดั เป็นรูป
พ่อขนุ รามคาแหงมหาราชประทบั บนพระแท่นมนงั ค
ศิลาอาสน์

• คาขวญั :
มรดกโลกลา้ เลิศ กาเนดิ ลายสือไทย
เล่นไฟลอยกระทง ดารงพทุ ธศาสนา
งามตาผ้าตนี จก สงั คโลกทองโบราณ

สกั การแมย่ า่ พอ่ ขนุ รุ่งอรุณแหง่ ความสขุ

• ต้นไม้ประจาจงั หวดั : ตาล
• ดอกไม้ประจาจงั หวัด: ดอกบวั หลวง
• สตั ว์นา้ ประจาจังหวัด:ปลาก้างพระร่วง

อทุ ยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั

สมั ผสั ความย่ิงใหญ่ของอาณาจกั รสโุ ขทยั ผ่านมรดกโลกอนั ทรงคณุ ค่าที่ อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์สโุ ขทยั
ภายในมสี ถานทีส่ าคญั มากมาย ทงั้ พระราชวงั ศาสนสถาน โบราณสถาน ทีย่ งั คงหลงเหลอื ให้คนรุ่นหลงั ได้
ศกึ ษาเรียนรู้ โดยสามารถป่ันจกั รยานชมรอบๆ อย่างเพลดิ เพลิน ไฮไลท์ทีห่ ้ามพลาด ได้แก่ วดั ศรีชมุ วดั
มหาธาตุ และพระบรมราชานุสาวรีย์พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช

ศาลหลกั เมืองสโุ ขทยั ตาบลเมอื งเกา่

เป็นโบราณสถานที่ตงั้ อยรู่ ะหว่างวดั ชนะสงครามและคนู า้ ข้างวดั มหาธาตุ ภายในอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์
สโุ ขทยั มลี กั ษณะเป็นอาคารหลงั เล็ก รูปสี่เหลยี่ มจตั รุ ัสยกพนื ้ สงู ด้านหน้ามีบนั ไดทางขนึ ้ ด้านบนมีเสาศิลา
แลงทรงกลม 8 ต้น สว่ นเครื่องบนนนั้ ได้ชารุดหมด โบราณสถานแห่งนไี ้ ม่ปรากฏหลกั ฐานการสร้างที่ชดั เจน
ในสมยั สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู วั รชั กาลท่ี 6 ครงั้ ประพาสเมอื งสโุ ขทยั ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระวิเชยี ร
ปราการทาการสารวจโบราณสถาน ได้ค้นพบรูปช้าง ม้าดินเผา บนศาลแห่งนี ้สว่ นบริเวณตรงกลางของ
โบราณสถาน ได้ค้นพบแผ่นศลิ าท่มี ลี วดลายเลอื นลางอย่ภู ายในหลมุ ซึง่ ได้สนั นษิ ฐานว่า อาจเป็นแผ่นดวง
เมอื ง ทมี่ กั ใช้ติดตงั้ ตามศาลหลกั เมอื งต่างๆ

พพิ ิธภณั ฑ์ปลาในวรรณคดี

ภายในสวนหลวงเฉลมิ พระเกยี รติ ร.9 เส้นทางหลวงหมายเลข 12 สายสโุ ขทยั -พิษณุโลก พพิ ิธภณั ฑอ์ ย่ทู าง
ขวามือ ภายในอาคารพพิ ิธภณั ฑ์จดั แสดงพนั ธ์ปุ ลานา้ จืดในวรรณคดมี ากมาย

สวนหลวง ร.๙

ได้ทาพธิ ีเปิดเป็นทางการเม่อื ปี พ.ศ. 2544 เพือ่ เฉลมิ พระเกยี รติ ร.๙ มีพนื ้ ท่ีจานวน 150 ไร่ จดั ตงั้ เป็น
สวนหยอ่ ม,ไม้ดอกไม้ประดบั , สวนสขุ ภาพ, สระเลยี ้ งปลา เพาะพนั ธ์ปุ ลาประมงนา้ จดื

พิพธิ ภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติรามคาแหง ตาบลเมอื งเกา่

พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ รามคาแหง ตงั้ ขนึ ้ ตามพระนามของพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช วีรกษัตริยไ์ ทย
ผู้ปกครองเมืองสโุ ขทยั ในช่วงต้นพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ จดั แสดงโบราณวตั ถุทไี่ ด้จากการขดุ แต่งบรู ณะ
โบราณสถานในเขตเมอื งเก่าสโุ ขทยั เมอื งโบราณใกล้เคยี ง และอกี ส่วนหนึ่งเป็นโบราณวตั ถุ ศิลปวตั ถุ ที่
พระโบราณวตั ถาจารย(์ พระราชประสทิ ธคิ ณุ ) อดตี เจ้าอาวาสวดั ราชธานีและเจ้าคณะจงั หวดั สโุ ขทยั ได้
อนุญาตให้เคลือ่ นย้ายจากพิพธิ ภณั ฑ์ในวดั ราชธานีมาเกบ็ รกั ษาและจดั แสดง

พิพิธภณั ฑ์สงั คโลก ตาบลบ้านหลมุ

พิพิธภณั ฑส์ งั คโลก เกิดจากความคดิ และความตงั้ ใจของคณุ ดารงค์ และ คณุ กุศล สวุ ฒั นเมฆินทร์ ซ่งึ เป็น
ชาวสโุ ขทยั โดยกาเนดิ ม่งุ หวงั จะนาความภาคภมู ิใจในประวัติศาสตร์ของเมืองสโุ ขทยั ราชธานแี หง่ แรกของ
ไทย และผลงานศลิ ปะชนั้ เอกสมยั สโุ ขทยั มานาเสนอให้คนไทยและชาวตา่ งชาติ ได้ร่วมกันประจกั ษ์ใน
ความสาคญั และความยิ่งใหญ่ของเมอื งสโุ ขทยั
โดยได้นาของสะสมท่เี กบ็ รวบรวมมาเป็นเวลากวา่ 50 ปี อนั ได้ แก่พระพทุ ธรูป เครื่องมือเครื่องใช้ใน
ชีวิตประจาวนั และเครื่องสงั คโลกสมยั สโุ ขทยั มาจดั แสดงในรูปแบบพพิ ิธภณั ฑ์ทท่ี นั สมยั และได้มาตรฐาน
เชน่ เดียวกบั พิพิธภณั ฑ์ในต่างประเทศ เพ่ือให้ผู้เข้าชมได้เหน็ ภาพชีวติ ความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนสโุ ขทยั
ในสมยั โบราณ

พระราชานสุ าวรียพ์ อ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช ตาบลเมืองเกา่

ตงั้ อยทู่ ต่ี าบลเมืองเก่า อาเภอเมอื งสโุ ขทยั จงั หวดั สโุ ขทยั อนสุ าวรียแ์ ห่งนสี ้ ร้างขึน้ เพ่ือถวายเป็นราช
สกั การะแดพ่ อ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช พระมหากษัตริย์ในสมยั สโุ ขทยั ผู้มพี ระมหากรุณาธิคณุ อนั ยง่ิ ใหญ่
และทรงมพี ระปรีชาสามารถนานปั กา

พระราชานสุ าวรียพ์ อ่ ขนุ ศรีอินทราทติ ย์ ตาบลเมอื งเกา่

เป็นพระสหายกับพ่อขนุ ผาเมอื ง เจ้าเมืองราด หรือเมืองหลม่ สกั จงั หวดั เพชรบูรณ์ในปัจจบุ นั พ่อขนุ บาง
กลางทา่ วและพ่อขนุ ผาเมืองได้ร่วมมือกันรวบรวมไพร่พลขบั ไล่ขอมซึ่งแผอ่ ทิ ธิพลอยู่ในขณะนนั้ และยึด
ครองสโุ ขทยั เป็นราชธานี สถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั ประกาศความเป็นไทยตราไว้ในแผ่นดิน พอ่ ขุนบาง
กลางทา่ วประกาศชยั ชนะอย่างยิ่งใหญโ่ ดย “ปักธงชยั ” สญั ลกั ษณ์แหง่ ชยั ชนะเหนือศตั รูทเ่ี ขาช้างล้วง

ศาลพระแม่ย่า ศาลากลางจงั หวดั สโุ ขทยั ตาบลธานี

เทวรูปศกั ด์สิ ิทธ์คิ บู่ ้านคเู่ มอื งของชาวสโุ ขทยั ถกู ค้นพบในปี ในปี พ.ศ. 2457 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม
พระยาดารงราชานุภาพ ได้ทรงออกค้นหา “พระขพงุ ผีเทวดา” บริเวณถา้ เบอื ้ งหวั นอนเมืองสโุ ขทยั ตามท่ี
ศลิ าจารึกบอกไว้ ทรงพบองคเ์ ทวรูป ผ้หู ญิงสลกั ด้วยแทง่ ศลิ าอยใู่ นถา้ ทภ่ี ูเขาแห่งหนึง่ จงึ ทรงพระวินจิ ฉยั วา่
เทวรูปหนิ นที ้ ี่จะใช่ “พระขพุงผี” ผู้รกั ษาเมอื งสโุ ขทยั ไว้ ตามทศ่ี ลิ าจารึกหลกั ท่ี 1 ซึง่ พอ่ ขนุ รามคาแหงทรง
เคารพเล่อื มใสพระพุทธรูป

พระพทุ ธอทุ ยานสโุ ขทยั ตาบลธานี

พระพทุ ธรูปสมยั สโุ ขทยั เป็นทยี่ อมรับและได้รบั การยกยอ่ งวา่ เป็นพระพทุ ธรูปทีม่ ีลกั ษณะงดงามทส่ี ดุ เม่ือ
เทยี บกบั พระพุทธรูปในสมยั อืน่ ๆ ในอดตี องคพ์ ระมหากษตั ริย์แห่งกรุงสโุ ขทยั และประชาชนชาวสโุ ขทยั มี
ความศรัทธาเลือ่ มใสในบวรพทุ ธศาสนาเป็นอยา่ งย่งิ จึงได้มกี ารกอ่ สร้าง พระพทุ ธรูปทงั้ ขนาดเล็ก ขนาด
กลาง และขนาดใหญเ่ ป็นจานวนมากนบั พนั องค์ หลงั จากอาณาจกั รสโุ ขทยั ร่วงโรย พระพทุ ธรูปที่
ประดษิ ฐานอยใู่ นเมืองสโุ ขทยั จึงถูกปล่อยทงิ ้ ร้างเป็นจานวนมาก และได้รบั การอญั เชิญไปประดษิ ฐานยงั
วดั ต่างๆ มากกวา่ 200 องค์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในกรุงเทพมหานคร

ทงุ่ ทะเลหลวง ตาบลบ้านกล้วย

เกาะกลางรูปหวั ใจ บริเวณทุง่ ทะเลหลวง ต.บ้านกล้วย อ.เมอื ง จ.สโุ ขทยั เป็นสถานทที่ ่องเท่ียว ชม
ธรรมชาติ และเป็นที่ ประดิษฐสถาน “พระพทุ ธรัตนสริ ิสโุ ขทัย” สาหรับพระพทุ ธรัตนสริ ิสโุ ขทยั เป็น
พระพทุ ธรูปสาริด ปางมารวิชยั มีลกั ษณะงดงาม คาดวา่ สร้างในสมยั พระมหาธรรมราชาลไิ ท แห่งกรุง
สโุ ขทยั พระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 700 ปี ราวปี พ.ศ.1845 มขี นาดหน้าตกั กว้าง 130 ซ.ม. จากฐานถงึ พระเกตุ
สงู 208 ซม. ปัจจบุ นั ประดิษฐานชวั่ คราว อยู่ทสี่ วนหลวง ร.9 อ.เมอื งสโุ ขทยั
สถานทท่ี ่องเทีย่ วบางแห่งนนั้ แม้ว่าจะถกู สร้างขึน้ ด้วยมอื ของมนุษย์ ไม่ได้ถอื กาเนิดขนึ ้ เองจากธรรมชาติ แต่
กไ็ ด้กลายมาเป็นสถานที่สาคญั และมคี วามหมายทน่ี า่ จดจา เหมือนกบั ที่ แผน่ ดินศกั ดส์ิ ทิ ธิ์รูปหวั ใจ แหง่ ทงุ่
ทะเลหลวง จงั หวดั สโุ ขทยั

พทุ ธมณฑลสโุ ขทยั ท่งุ ทะเลหลวง ตาบลบ้านกล้วย

เร่ืองราวความศกั ด์สิ ทิ ธิ์ของแผ่นรูปหัวใจนัน้ ได้เกดิ ขนึ ้ จาก “บญุ พิธีกลน่ั แผ่นดิน” ซึง่ กค็ อื พธิ ีทไ่ี ด้นาดินจาก
ทกุ หม่บู ้านในจงั หวดั สโุ ขทยั จานวน 843 หมบู่ ้าน มาทาพิธีบญุ กลนั่ แผ่นดิน ด้วยการปลกุ เสกความ
ศกั ดิ์สทิ ธิ์ลงไปในดิน และใช้ดนิ ที่ได้มาจากพิธีมาไว้ใต้ฐานของมณฑปที่ตงั้ อย่บู ริเวณใจกลางเกาะ ซ่ึงเป็นท่ี
ประดษิ ฐาน “พระพุทธรตั นสิริสโุ ขทยั ” อันเป็นพธิ ีที่นาพาความศกั ดส์ิ ิทธิม์ าสเู่ กาะรูปหวั ใจแห่งนี ้และยงั ถือ
ได้ว่าเป็นงานทีแ่ สดงถึงความสามคั คปี รองดองของพน่ี ้องชาวจงั หวดั สโุ ขทยั
ในสว่ นของ “พระพุทธรตั นสิริสโุ ขทยั ” พระพทุ ธรูปศกั ด์ิสทิ ธแ์ิ หง่ เกาะศกั ด์สิ ทิ ธิร์ ูปหวั ใจแหง่ นี ้ก่อนทีจ่ ะได้
นามาประดิษฐานนัน้ ได้มปี ระวตั เิ ลา่ ไว้วา่ “เป็นพระพทุ ธรูปปางมารวิชยั สมยั สโุ ขทยั ซึ่งได้จมอย่ใู นแมน่ า้
ยมและได้ถูกค้นพบ เมื่อปี พ.ศ. 2546 จากนนั้ จึงได้มีการทาพธิ ีเสี่ยงทายและได้ทราบวา่ มีความประสงคท์ ี่
คืนสจู่ งั หวดั สโุ ขทยั ทาง นายสมศกั ดิ์ เทพสทุ นิ ผู้ดาเนินนโยบายสร้างโครงการเเก้มลิงในขณะนนั้ จึงได้
อธษิ ฐานขอพระบารมีให้สามารถผลกั ดนั งบประมาณในการสร้างโครงการแก้มลงิ ทุ่งทะเลหลวงให้สร้าง
สาเร็จ และก็ได้สร้างสาเร็จดง่ั คาอธิษฐาน จึงได้ทาการบูรณะองค์พระและได้อญั เชญิ มาประดิษฐาน ณ ท่ี
มณฑปบนเกาะรูปหวั ใจ กลางทุ่งทะเลหลวงแห่ง

สวนพฤษศาสตร์พระแมย่ า่ สโุ ขทยั ตาบลบ้านกล้วย

การตงั้ ช่อื “สวนพฤกษศาสตร์พระแมย่ ่า สโุ ขทยั ” กเ็ พ่อื ถวายเป็นพระเกียรตพิ ระแม่ย่า หรือนางเสอื ง พระ
ราชชนนีในพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช และพระบรมราชินใี นพอ่ ขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษตั ริยแ์ หง่
ราชอาณาจกั รสโุ ขทยั
ทุ่งทะเลหลวง” ของชาวสโุ ขทยั มีเนอื ้ ที่ 7,070 ไร่ เป็นพนื ้ ท่ีกักเกบ็ นา้ 3,755 ไร่ สามารถกกั เก็บนา้ ได้
32.40 ล้านลกู บาศก์เมตร เริ่มดาเนนิ มาตงั้ แต่ มกราคม 2550 และก่อสร้างแล้วเสร็จเฉพาะตวั โครงการ เมอ่ื
28 มีนาคม 2551 ด้วยงบประมาณ 854 ล้านบาท จากนนั้ นายพรชยั ฯ พจิ ารณาแล้วเหน็ ควรดาเนินการใน
พนื ้ ท่ีดงั กล่าวอย่างเร่งด่วน จงึ ได้มกี ารประสานงานกับทางจังหวดั สโุ ขทยั สร้ างสวนสาขาเพ่มิ ขนึ ้ ณ ทงุ่
ทะเลหลวง จงั หวดั สโุ ขทยั ซง่ึ ประกอบกบั จงั หวดั ประกอบไปด้วยโบราณสถานและวตั ถมุ ากมาย อทุ ยาน
แห่งชาติที่ประกอบด้วยป่าหลากหลายชนิด ท่ีประกอบไปด้วยพนั ธ์ไุ ม้จานวนมาก หม่บู ้านท่มี ชี ุมชน
หลากหลายชาตพิ นั ธ์ุ เกษตรกรประกอบอาชีพหลากหลายทงั้ การทาสวน ทานา และทาไร่ ที่พฒั นาพนั ธ์ุพืช
ท้องถิน่ เป็นจานวนมากด้วย “ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น” ทาให้พนื ้ ที่จงั หวดั สโุ ขทยั มคี วามเหมาะสมในการจดั ตงั้
สวนพฤกษศาสตร์ในภมู ิภาคอยา่ งสมบรู ณ์แบบ ทงั้ นเี ้พราะวา่ การท่ีมีอทุ ยานประวตั ิศาสตร์อทุ ยานแหง่ ชาติ
และท่าอากาศยาน จึงทาให้มีนกั ท่องเทย่ี วเป็นจานวนมาก

วดั ศรีชมุ (พระอจนะ) ตาบลเมอื งเก่า

วดั ศรีชมุ เป็นศาสนโบราณสถานแหง่ หนึ่งในเขตอุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั ตงั้ อย่ทู างทศิ ตะวนั ตกเฉยี ง
เหนือนอกกาแพงเมอื งเดิม ใน ตาบลเมืองเก่า อาเภอเมืองสโุ ขทยั จงั หวดั สโุ ขทยั วดั แห่งนเี ้ป็นทีป่ ระดิษฐาน
พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ยั องค์ใหญซ่ ึ่งมีนามวา่ "พระอจนะ" องค์พระพทุ ธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป ซงึ่
ปัจจุบนั ยอดพระมณฑปได้พงั ทลายหมดแล้ว เหลือแตเ่ พยี งผนงั กาแพงโดยรอบ ไมม่ หี ลงั คาปกคลมุ เป็น
พระพุทธรูปกลางแจ้งจนถึงทกุ วนั นี ้
พระพทุ ธอจนะ เป็นท่ีเล่ืองลอื ถงึ ความศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิและมมี นต์เสน่หแ์ ละเอกลกั ษณ์ชวนให้นกั ท่องเที่ยวมาเทย่ี ว
ชมและสกั การะอยา่ งไม่ขาดสาย และถอื เป็นหนง่ึ ในสถานท่เี ทีย่ วที่สาคญั ทสี่ ดุ แห่งหน่งึ ของจงั หวดั สโุ ขทยั
ในปัจจุบนั ทางด้านตะวนั ตกเฉยี งใต้ไมห่ า่ งจากตวั โบราณสถานนกั มวี ดั สร้างใหม่มพี ระภิกษุสงฆจ์ าพรรษา
ใช้ชื่อวา่ วดั ศรีชมุ เชน่ เดยี วกัน

วดั สะพานหิน ตาบลเมอื งเก่า

วดั ตะพานหิน หรือ วดั สะพานหนิ ตงั้ อยูน่ อกเขตกาแพงเมืองเก่าสโุ ขทยั ทางทศิ ตะวนั ตก โดยอยู่ในเขต
อรญั วาสี หรือวดั ป่า วดั นตี ้ งั้ อยบู่ นเนนิ เขาสงู ประมาณ 200 เมตร บริเวณทางเดินขนึ ้ โบราณสถานมที างเดนิ
ปลู าดด้วยหนิ ชนวนจากตนี เขาขนึ ้ ไปเป็นระยะทาง 300 เมตร สง่ิ สาคญั ภายในวดั ได้แก่ พระประธานเป็น
พระพทุ ธรูปยืนขนาดใหญ่ เป็นทีป่ ระดิษฐานพระปางประทานอภยั สงู 12.50 เมตร เรียกว่า พระอฏั ฐารส

เตาทเุ รียง ตาบลเมอื งเก่า

เตาทเุ รียง หรือ เตาสงั คโลก เป็นชอื่ เรียกเตาเผาถ้วยชามสงั คโลกสมยั สโุ ขทยั ในชว่ งราวพุทธศตวรรษที่ 18
ถงึ ต้นพุทธศตวรรษที่ 22 เตาทเุ รียงทสี่ ารวจพบมีอยู่ 3 บริเวณด้วยกัน คอื เตาทเุ รียงบริเวณเมืองเก่าสโุ ขทยั
เตาทเุ รียงป่ายาง และเตาทเุ รียงเกาะน้อย ทอี่ าเภอศรีสชั นาลยั เตาเผาเครื่องสงั คโลกนจี ้ ะพบอยู่ในบริเวณ
ใกล้แหลง่ นา้ เพราะนา้ เป็นสว่ นสาคญั ในกระบวนการผลิต ตัง้ แต่ขนั้ ตอนการเตรียมดนิ หมกั ดนิ และปัน้ เป็น
ภาชนะตา่ ง ๆ แล้วจึงไปส่ขู นั้ ตอนของการเผาภาชนะ อีกทงั้ แหลง่ นา้ ยงั ใช้เป็นเส้นทางการส่งออกท่สี าคญั
อกี ด้วย

เขอ่ื นทานบพระร่วง(สรีดภงษ์) ตาบลเมอื งเกา่

สรีดภงส[์ 2] หรือ สรีดภงษ์, ทานบพระร่วง[3] คือ ทานบกนั ้ นา้ หรือทเ่ี รียกกันในปัจจบุ นั วา่ เข่ือน ที่มลี กั ษณะ
เป็นเข่ือนดนิ กนั ้ นา้ ระหว่างเขาพระบาทใหญแ่ ละเขาก่วิ อ้ายมา เพื่อทาการกักเกบ็ นา้ ไว้ใช้ในการเกษตร
กรรมและใช้สอยในเมืองสมยั สโุ ขทยั
สรีดภงสห์ รือทานบพระร่วงอยใู่ นอทุ ยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั โดยตงั้ อยู่นอกกาแพงเมอื งเกา่ ทางทิศ
ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ตรงบริเวณทีถ่ กู ขนาบด้วยภเู ขาสองลกู เป็นรูปก้ามปู คือ เขาพระบาทใหญแ่ ละเขาก่ิวอ้าย
มา ภเู ขาทงั้ สองลกู นอี ้ ยู่ในทวิ เขาหลวงด้านหลงั ตวั เมืองสโุ ขทยั โบราณ ลึกเข้าไปในทิวเขานเี ้ป็นซอกเขาอัน
เป็นต้นกาเนิดของทางนา้ เรียกว่า "โซกพระร่วงลองขรรค"์
เดมิ คนท้องถนิ่ ตาบลเมอื งเก่า อาเภอเมอื งสโุ ขทยั จงั หวดั สโุ ขทยั เรียกร่องรอยของคนั ดินโบราณเพอ่ื การ
ชลประทานว่า ทานบพระร่วง เนื่องจากกษัตริยส์ โุ ขทยั พระองค์ใดพระองคห์ นึง่ เป็นผู้สร้างขนึ ้ จึงถอื วา่ เป็น
ของทีพ่ ระร่วงทาขึน้ หรือเกิดขึน้ ด้วยอิทธิฤทธขิ์ องพระร่วงทงั้ สิน้

ศาลหลกั เมอื งศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั

โอรสเจ้าหมนื่ โลกสามล้าน เจ้า นครลาปาง ประสตู เิ มอ่ื ปี พ.ศ. ๑๙๙๓ มีนามว่าเจ้าหาญแตท่ ้อง เมอื่ เจริญ
ชนั ษาแล้วได้เป็นแมท่ พั ของอาณาจกั รล้านนาในสมยั พระเจ้าตโิ ลกราช ตอ่ มาได้ดารงตาแหน่งเจ้าหม่ืนด้ง

เจ้าเมืองนครลาปาง เมือ่ ปี พ.ศ. ๑๙๘๖ และได้รกั ษาการเจ้าเมืองเชยี งชน่ื ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๐๐๓ -
๒๐๑๒ อกี ด้วย ในห้วงเวลานี ้คงจะได้มาตงั้ กองกาลงั ควบคมุ เมืองเชลยี ง หรือ ศรีสชั นาลยั หรือ เชยี งชื่น ท่ี
ตาบลบ้านตกึ อาเภอศรีสชั นาลยั บริเวณวดั ต้นสนโพธาราม คาว่าเมืองด้ง ปรากฏในเอกสารจดหมายเหตุ
พ.ศ. ๒๔๒๘ ใบบอกเมอื งสวรรคโลก จ.ศ. ๑๒๔๗ แสดงวา่ เมืองด้งคงจะได้รบั การยกฐานะชมุ ชนบริเวณ
บ้านตกึ ขนึ ้ เป็นเมอื ง ตาแหนง่ เจ้าเมืองมียศเป็นท่ีพระเมอื งด้ง ขนึ ้ อย่ใู นความปกครองของเมืองสวรรคโลก

อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั

อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีสชั นาลยั ตงั้ อยู่ทตี่ าบลศรีสชั นาลยั บริเวณทีเ่ รียกวา่ “แก่งหลวง” หา่ งจากตวั
อาเภอศรีสชั นาลยั ลงมาทางอาเภอสวรรคโลก 11 กิโลเมตร หรือห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 550 กิโลเมตร

ครอบคลมุ พนื ้ ทใี่ นเขตของตาบลศรีสชั นาลยั ตาบลสารจิตร ตาบลหนองอ้อ ตาบลทา่ ชยั ส่วนตวั เมือง
โบราณศรีสชั นาลยั อยู่ในเขตหมบู่ ้านพระปรางค์ ตาบลศรีสชั นาลยั มพี นื ้ ทที่ งั้ หมดประมาณ 45.14 ตาราง
กิโลเมตร เดิมช่ือวา่ “เมอื งเชลยี ง” แล้วเปล่ยี นชอื่ เป็น “ศรีสชั นาลยั ” ในสมยั กษัตริยร์ าชวงศพ์ ระร่วงขนึ ้
ครองกรุงสโุ ขทยั และได้สร้างเมอื งขนึ ้ ใหม่เป็นศนู ย์กลางการปกครองแทนเมอื งเชลียง ในบริเวณอทุ ยาน

ประวตั ิศาสตร์มโี บราณสถาน และโบราณวตั ถุทงั้ หมด 215 แหง่ สารวจค้นพบแล้ว 204 แหง่

วดั พระศรีรัตนมหาธาตวุ รวหิ าร(วดั พระปรางค)์

ปรางค์ประธานวดั กอ่ ด้วยศิลาแลงฉาบปนู เสร็จแล้วลงสชี าดทบั ลกั ษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมจดั อยใู่ น
สมยั อยธุ ยาตอนต้น นกั ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะ ประมาณไว้ท่ี พทุ ธศกั ราช 2017 ภายในองค์พระปรางคม์ ีสถปู
รูปดอกบวั ตมู ขนาดเลก็ โผลข่ ึน้ มาคล้ายถกู สร้างครอบทบั น่าจะบรรจุสิ่งของสาคญั สาหรบั การบชู าอยู่
ชาวบ้านเรียกกันว่า "หวั ใจพระพุทธเจ้า" ตามผนงั ภายใน องคป์ รางคพ์ บว่ามีร่องรอยเดิมคงมจี ติ รกรรมฝา
ผนงั แตล่ บเลอื นไปมากเขียนด้วยสีแดงแบบโบราณ ลายพรรณพฤกษา ส่วนบริเวณเรือนธาตดุ ้านหน้าม
บนั ไดขนึ ้ องคป์ รางค์ได้

แหล่งขดุ ข้นโบราณคดโี ครงกระดกู (วดั ชมชน่ื )ตาบลศรีสชั นาลยั
แก่งหลวง ตาบลศรีสชั นาลยั

วดั ชมช่ืนตงั้ อยู่ริมแม่นา้ ยม ห่างจากวดั พระศรีรัตนมหาธาตเุ ชลียงมาทางทิศตะวนั ออกประมาณ ๔๐๐
เมตร โบราณสถานท่สี าคญั คอื เจดีย์ประธานทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง วิหารอยูด่ ้านหน้าเจดยี ป์ ระธาน ก่อ
ด้วยศิลาแลงขนาด ๖ ห้อง มีมขุ ยน่ื ออกมาด้านหน้า ด้านหลังพระวิหารเช่ือมต่อกบั มณฑป คล้ายเป็นห้อง
ทบึ อยู่ท้ายวหิ าร หลงั คาใช้ศลิ าแลงกอ่ เหล่ือมเข้าหากันเป็นรูปจว่ั แหลมด้านหน้าทงั้ สองข้างมณฑปทาเป็น
ซ้มุ จรนมั ๒ ซ้มุ ด้านหลงั มีซ้มุ จรนมั ซึง่ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปนาคปรก แต่ปัจจบุ นั สญู หายไปแล้ว
นอกจากนยี ้ งั มลี วดลายปนู ปัน้ ที่หน้าบนั ด้านหลงั มณฑล

จากการขุดค้นบริเวณด้านหน้าพระวิหารพบหลกั ฐานโครงกระดกู มนษุ ย์ จานวน ๑๕ โครง ในระดบั
ลึก ๗-๘ เมตร กาหนดอายุได้ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๙ เป็นต้นมา และพฒั นาจนถึงสมยั ทวารวดี (พทุ ธ
ศตวรรษที่ ๑๒-๑๖) พบกล่มุ โบราณสถานกอ่ ด้วยอฐิ ที่มขี นาดใหญ่ ๒ กลมุ่ และพบเคร่ืองถ้วยเชลียง
จานวนมาก ซ่ึงกาหนดอายุได้ตงั้ แต่พุทธศตวรรษที่ ๑๗ เป็นต้นมา จนเข้าสชู่ นั้ สโุ ขทยั ท่รี ่วมสมยั กับวดั ชม
ช่ืน ปัจจุบนั ได้รกั ษาสภาพของหลมุ ขุดค้น โครงกระดกู และซากโบราณสถานไว้ โดยกอ่ สร้างอาคารคลมุ
หลมุ ทงั้ หมด และเปิดให้เข้าชมในลกั ษณะพพิ ธิ ภณั ฑ์กลางแจ้ง

พระราชานสุ าวรีย์พระมหาธรรมราชาที่๑ ตาบลศรีสชั นาลยั

พระยาลิไทยเป็นกษตั ริยอ์ งค์ที่ 6 แหง่ อาณาจกั รสโุ ขทยั มีพระนามเดมิ วา่ ฦๅไทย (ลอื ไทย) ซ่ึงภาษาบาลี
สะกดว่า ลเิ ทยฺย[4] (ลไิ ทย) ขนึ ้ ครองราชย์ตอ่ จากพระยางว่ั นาถมุ เดิมทรงปกครองเมืองศรีสชั นาลยั ใน
ฐานะอปุ ราชหรือรัชทายาทเมืองสโุ ขทยั เม่ือปี พ.ศ. 1882
เมอ่ื พระยาเลอไทยเสดจ็ สวรรคตใน พ.ศ. 1884 พระยางั่วนาถมุ ได้ขนึ ้ ครองราชยจ์ นเสดจ็ สวรรคตใน พ.ศ.
1890 พระยาลไิ ทยโดยต้องใช้กาลงั ทหารเข้ามายดึ อานาจเพราะทีส่ โุ ขทยั เกดิ การกบฏการสบื ราชบลั ลงั ก์
ไม่เป็นไปตามครรลองครองธรรม พระยาลิไทยยกทพั มาแย่งชิงราชสมบตั ไิ ด้ และขนึ ้ ครองราชยใ์ น พ.ศ.
1890 ทรงพระนามว่า พระบาทกมรเตงอญั ศรีสรุ ิยพงษ์รามมหาธรรมราชาธิราช

วดั เชิงครี ี(หลวงพ่อโต 700 ปี) ตาบลศรีสชั นาลยั

วดั เชงิ คีรี หรือ วดั ตีนเขาเป็นวดั ที่มีความเก่าแก่ 700 ปีมหี ลกั ฐานทางโบราณสถานที่หลงเหลือมาถึง
ปัจจุบนั คอื โบสถ์และพระพุทธรูปสมฤติทธิ หลวงพ่อโต เป็นพระพทุ ธรูปหน้าตกั กว้าง 100 นวิ ้ สงู 138 นิว้
นบั ว่าเป็นพระพทุ ธรูปสมั ฤทธิ์ท่มี ีหน้าตกั กว้างท่สี ดุ ใน จ. สโุ ขทยั และนอกจากนภี ้ ายในยงั มี พระพุทธรูป
สมั ฤทธ์ิ อีก 2 รูป ท่ชี าวบ้านเรียกชือ่ ว่า ปลดั ซ้าย และปลดั ขวา
ส่วนตวั โบสถ์มีความเกา่ แกท่ ่ีสร้างขนึ ้ ด้วยอฐิ และศลิ าแลง ปัจจุบนั ทรงเดิมยงั คงอยู่แต่ด้านหน้าได้บรู ณะขนึ ้
ใหม่ ในอดตี โบสถ์นใี ้ ช้เป็นที่ถือนา้ พพิ ฒั น์สตั ยาของเจ้าเมืองสวรรคโลก

พพิ ธิ ภณั ฑ์ชมุ ชนศรีสชั นาลยั ตาบลศรีสชั นาลยั

พิพิธภณั ฑช์ ุมชนศรีสชั นาลยั กอ่ ตงั้ ขนึ ้ ในปี พ.ศ. 2555 เพอ่ื ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเทีย่ วเพ่อื
พฒั นาเศรษฐกิจของจงั หวดั สโุ ขทยั โดยแบง่ การจดั แสดง 8 สว่ น ได้แก่ ส่วนท่ี 1 จดั แสดงเรื่องราวเก่ยี วกบั
พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ของเมอื งศรีสชั นาลยั และชุมชนศรีสชั นาลยั ในปัจจุบนั สว่ นที่ 2 จดั แสดง
ห้องครัวจาลองของชาวชมุ ชนศรีสชั นาลยั สว่ นท่ี 3 จดั แสดงตลาดชุมชนจาลอง สว่ นที่ 4 จดั แสดงพระบรม
ฉายาลกั ษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั (ร.9) และสมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ เมอ่ื ครงั้
เสดจ็ มาอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีสัชนาลยั เม่ือ พ.ศ. 2501

บ้านศลิ ปะศลิ าแลงอาร์ตแกลลอร่ี(วดั โคกสงิ คาราม) ตาบลศรีสชั นาลยั

ทอ่ งเทีย่ วเชิงอนุรกั ษ์ ศลิ ปะ วฒั นธรรม บ้านศิลปะศิลาแลง ตงั้ อยู่ใกล้กับอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรีสชั นาลยั
(มรดกโลก) อ.ศรีสชั นาลยั จ.สโุ ขทยั ซึ่งอยูใ่ นเขตชมุ ชนคนเมืองเก่า เพียงเดินไปแค่ 10 นาที กจ็ ะถงึ อทุ ยาน
ประวตั ศิ าตร์ศรีสชั นาลยั และแกง่ หลวง หน้าบ้านอย่ตู รงข้ามกบั วดั โคกสิงคาราม ทีเ่ กา่ แก่มีอายถุ ึง 700 ปี
ภายในบ้านมีผลงานศลิ ปะท่เี จ้าของบ้านเขียนเอง และของโบราณสะสมเปิดให้ชมตลอดเวลา มหี ้องพกั
โฮมสเตย์ 1 ห้อง อยูภ่ ายในบริเวณบ้านท่ีมีบรรยาการเป็นกันเองและอบอ่นุ ให้ความรู้สกึ เหมือนอยบู่ ้าน
ตวั เอง

อทุ ยานแห่งชาตศิ รีสชั นาลยั ตาบลบ้านแก่ง

อทุ ยานแหง่ ชาตศิ รีสชั นาลยั เดิมชื่อ ป่าคา หมายถึงป่าคาหลวง หรือสนั กลางแม่วงั ช้าง ตงั้ อยทู่ บี่ ้านป่าคา
หมทู่ ่ี ๖ ตาบลบ้านแก่ง ได้จดั ตงั้ ขนึ ้ ตามพระราชประสงคข์ องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช
ฯ เพอ่ื รักษาสภาพป่าทีเ่ ป็นต้นนา้ ลาธาร และอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ ครอบคลมุ พนื ้ ท่ีของอาเภอ
ศรีสชั นาลยั และอาเภอทงุ่ เสลี่ยม มพี นื ้ ท่ีประมาณ 213 ตารางกิโลเมตร และตอ่ มากรมป่าไม้ได้ดาเนนิ การ
ผนวกพนื ้ ที่เพมิ่ เตมิ ในท้องทีอ่ าเภอเถิน จงั หวดั ลาปาง มีพนื ้ ทป่ี ระมาณ 106 ตารางกิโลเมตร รวมพนื ้ ท่ี
ทงั้ สนิ ้ 319 ตารางกโิ ลเมตร อทุ ยานฯ มลี กั ษณะเป็นทงุ่ หญ้าคาขนาดใหญ่ เป็นต้นนา้ ของแม่นา้ ท่าแพ
สภาพพนื ้ ที่โดยทว่ั ไปมีลกั ษณะสณั ฐานเป็นเทือกเขา ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเตง็ รัง ป่าดงดบิ เขา
สตั วป์ ่าทพ่ี บได้แก่ กระแต เสอื ไฟ อเี ห็นข้างลาย เลียงผา เต่าปลู ู เป็นต้น และได้รับการประกาศเป็นอทุ ยาน
แห่งชาติ

ศนู ย์หตั ถกรรมพนื ้ บ้านโบราณหาดเสีย้ ว(สนุ ทรีผ้าไทย)ตาบลหนองอ้อ

ชมุ ชนหตั ถกรรมทอผ้าจกหาดเสีย้ ว เป็นกลมุ่ ชาวไทพวนหรือลาวพวน ท่ีอพยพมาจากเมอื งพวนแขวงเชยี ง
ขวางของ สปป.ลาว มาตงั้ ถนิ่ ฐานอยใู่ นภาคเหนอื ของไทย และในภาคกลางบางจงั หวดั กล่มุ ชาวไทยเชอื ้
สายพวนในประเทศไทยทม่ี ีการทอผ้าจกกนั มากที่สดุ คอื ที่ตาบลหาดเสีย้ ว อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั
สโุ ขทยั โดยผ้าทอแต่ละผนื ของหาดเสีย้ วจะผา่ นการทอด้วยหวั ใจแสดงให้เห็นถึงความอดทน สมาธิ และ
จิตวิญญาณทีใ่ สล่ งในผืนผ้าสะท้อนออกมาเป็นความวจิ ติ รงดงาม

ชมุ ชนผ้าทอไทครัง้ ตาบลหนองอ้อ

การทอผ้าตนี จก ถอื เป็นภมู ิปัญญาที่ชาวไทครง่ั หรือลาวครั่งได้ถ่ายทอดมาจากบรรพบรุ ุษมาช้านานและยงั
เป็นความภาคภูมใิ จของชาวไทครั่งชมุ ชนเกาะน้อยอกี ด้วยครับ ซง่ึ สีพนื ้ ดงั้ เดมิ จะเป็นสแี ดงอมมว่ งทไ่ี ด้มา
จากสขี องตวั คร่ัง คณุ ป้านารียงั บอกอกี ว่าผ้าแต่ละผืนต้องใช้เวลาทอเป็นเดอื น โดยผ้าซ่นิ ของชาวไทคร่ังจะ
ใช้ตีนซ่ินด้วยฝ้ายหรือไหม ตนี ซนิ่ ทอเป็นพนื ้ สแี ดงใช้เทคนคิ ด้วยการใช้มือจกฝา้ ยหรือไหม สีเหลอื ง ส้ม นา้
เงิน ขาว เขียว ให้เกิดลวดลายโดยทงิ ้ สีพนื ้ สีแดงไว้ดา่ นล่างของตนี ซ่นิ

ชมุ ชนไทพวน บ้านหาดเสยี ้ ว ตาบลหาดเสยี ้ ว

ไทยพวนบ้านหาดเสีย้ ว เป็นชมุ ชนในหมบู่ ้านหาดเสีย้ ว อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั มีเนอื ้ ที่
ประมาณ 8,932 ไร่ หรือประมาณ 143 ตารางกโิ ลเมตร อาณาเขตติดต่อกบั ชุมชนอน่ื โดยรอบ คือ
ทิศเหนือ จดตาบลป่างวิ ้ อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั
ทิศใต้ จดตาบลหนองอ้อ อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั
ทิศตะวนั ออก จดตาบลดงคู่ อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั
ทิศตะวนั ตก จดตาบลหนองอ้อ อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั

ทอ่ งเที่ยวเชงิ นเิ วศบ้านนาต้นจนั่ ตาบลบ้านตกึ

บ้านนาต้นจน่ั ตงั้ อยใู่ นตาบลบ้านตึก อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั เป็นแหลง่ ท่องเท่ยี วท่ีนกั ท่องเทย่ี ว
จะได้เรียนรู้วถิ ชี ีวติ ของคนในชุมชน ในเชิงอนรุ กั ษ์ ได้ท่องเที่ยวสมั ผสั กบั ธรรมชาติแบบครบวงจร โดยได้
จดั เป็นทีพ่ กั แบบโฮมสเตยใ์ ห้นกั ท่องเทย่ี ว ได้มาพกั ร่วมกับเจ้าของบ้านทากจิ กรรมร่วมกันเรียนรู้วิถีชีวิต
ตามชมุ ชน บ้านนาต้นจน่ั เป็นชมุ ชมดงั้ เดมิ อพยพมาจากเมืองเหนอื และเมืองลบั แล ภาษาทใี่ ช้เป็นภาษา
เหนอื

ปางช้างศรีสชั นาลยั (หม่บู ้านช้างบ้านภนู ก) ตาบลบ้านตกึ

ปางช้างแม่สนิ ตงั้ อยบู่ ้านสะท้อ หมทู่ ่ี 6 ตาบลแม่สนิ อาเภอศรีสชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั มีเนอื ้ ท่ปี ระมาณ
10 ไร่ ภายในบริเวณปางช้าง มกี ิจกรรมนง่ั บนหลงั ช้าง ลอ่ งแพ และขี่รถเอทวี ี เพ่อื เทีย่ วชมความอดุ ม
สมบรู ณ์ของธรรมชาตริ อบ ๆ บริเวณ มนี กั ทอ่ งเทยี่ วทงั้ ชาวไทยและชาวต่างชาตเิ ดนิ ทางมาเทย่ี วชม

ศนู ย์การท่องเท่ียวชมุ ชนบ้านคกุ พฒั นา โดย อพท. ตาบลสารจิตร

บ้านคกุ พฒั นา แยกมาจากบ้านคกุ ซง่ึ ตงั้ ช่อื ตามตานานรักของหนุ่มสาว ในสมยั พระร่วงเจ้า กลา่ วตาม
ประวตั คิ วามเป็นมา ระหว่างพระร่วงเจ้า และสาวงามชอ่ื วา่ นางคา ซึง่ เป็นสาวงามท่สี ดุ ในสมยั นนั้ ได้พบรกั
กนั และในกาลต่อมา ได้เกิดมีการเข้าใจผิดกันขนึ ้ ระหวา่ งพระร่วงเจ้าและนางคา นางได้หนีพระร่วงเจ้ามา
พอพระร่วงเจ้ารู้ว่านางคาหนมี า พระร่วงจึงรีบเร่งติดตามนางคามา ด้วยความรีบร้อน และขาดความ
ระมดั ระวงั พระร่วงเจ้าเกิดสะดดุ ตอ ในสถานที่วิง่ ผ่าน ในปัจจบุ นั สถานทแี่ หง่ นนั้ ชื่อว่า “บ้านแสนตอ”
เนอื่ งจากมีตอไม้เป็นจานวนมาก และจากความเหนือ่ ยออ่ นได้มานงั่ คกุ เข่าในท่อี นั เป็นสถานทีต่ งั้ ของ
หมบู่ ้านคกุ แหง่ นี ้
ตงั้ แต่นนั้ มาหมบู่ ้านนีจ้ งึ ได้ช่อื ว่า “บ้านคกุ ” ซึ่งมาจากการ “คกุ เข่า” ของพระร่วงเจ้าในครงั้ นนั้ ซ่ึงตานานรัก
ระหว่างพระร่วงเจ้าและนางคา ป่ ู ย่า ตา ยาย ได้รบั เลา่ ขานให้ลกู หลาน เหลน โหลน รบั รู้สบื ตอ่ กนั มา

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version