The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการ กระบวนการวิเคราะห์
และแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
ในงานส่งเสริมการเกษตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หลักการ กระบวนการวิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ในงานส่งเสริมการเกษตร

หลักการ กระบวนการวิเคราะห์
และแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
ในงานส่งเสริมการเกษตร

49

เปลย่ี นแปลงของปัจจยั กเ็ ป็นไปอย่างรวดเรว็ ความสมั พนั ธข์ องปัจจยั กเ็ ป็นไปอย่างซบั ซ้อน การแก้ไข
ปัญหาจงึ ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ สรุปความสาคญั ของการแก้ไขปัญหาในการ
ส่งเสรมิ การเกษตรอยา่ งบรู ณาการไดด้ งั น้ี

1. งานส่งเสริมการเกษตรในสถานการณ์ปัจจบุ นั เกี่ยวข้องกบั ปัจจยั ต่าง ๆ มากมายจงึ
ตอ้ งอาศยั ความรหู้ ลายสาขาวชิ าหรอื ศาสตรแ์ ละทกั ษะหลายดา้ น การแกป้ ัญหาอย่างบูรณาการจงึ ช่วย
ใหเ้ กดิ การแกป้ ัญหาอยา่ งสมบรู ณ์รอบดา้ นมากขน้ึ

2. การแก้ไขปัญหาอย่างบรู ณาการช่วยเหลือเชื่อมโยง แนวทางการแก้ไขปัญหาให้เข้า
กบั สถานการณ์จริง ชวี ติ จรงิ ของเกษตรกรไดเ้ ป็นอยา่ งดที าใหก้ ารแกป้ ัญหาตรงกบั สภาพการณ์จรงิ

3. การแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการช่วยขจดั ความขดั แย้งในการทางานท่มี กี ารทางาน
รว่ มหลายหน่วยงาน ซง่ึ บางครงั้ อาจจะก่อใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กนั ได้ การแก้ไขปัญหาอยา่ งบรู ณาการจงึ
ช่วยขจดั ความขดั แยง้ และทาใหเ้ กดิ การรว่ มมอื ประสานงานกนั ได้

4. ก่อให้เกิดการประสานทรพั ยากรทงั้ ด้านงบประมาณ เวลา บุคลากรในการทางานทา
ใหเ้ กดิ การระดมพลงั และทาใหง้ านเสรจ็ เรว็ ขน้ึ การแกไ้ ขปัญหามปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขน้ึ ลดความซา้ ซอ้ น

5. ทาให้ผ้เู กี่ยวข้องทงั้ หมดเกิดความเข้าใจในปัญหาและเกิดการเรียนร้รู ่วมกนั ในเรื่อง
ต่าง ๆ เป็นการพฒั นาบุคลากรท่เี ก่ยี วขอ้ งทงั้ หมดไปพรอ้ ม ๆ กบั การไดร้ ่วมกนั แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ท่ี
เกดิ ขน้ึ จากทก่ี ล่าวมาจะเหน็ ไดว้ ่าการแก้ไขปัญหาดา้ นต่าง ๆ ของงานส่งเสรมิ การเกษตรอยา่ งบรู ณาการมี
ความสาคญั และจาเป็นอย่างยง่ิ ในสถานการณ์ปัจจุบนั ซ่งึ จะได้ยกตวั อย่างการแก้ปัญหาการส่งเสรมิ
การเกษตรอยา่ งบรู ณาการในดา้ นต่าง ๆ ต่อไป

50

เร่ืองท่ี 3.2 การแก้ปัญหาการดาเนินการโครงการในงาน
ส่งเสริมการเกษตรอยา่ งบรู ณาการ

การบูรณาการในงานส่งเสรมิ การเกษตรมหี ลายด้านในท่นี ้ีจะขอยกตัวอย่างการบูรณาการ
เพ่อื แก้ไขปัญหาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั งานส่งเสรมิ การเกษตร 3 ดา้ น คอื การบรู ณาการโครงการทางส่งเสรมิ
การเกษตร การจดั การเรยี นรู้ทางการเกษตรแบบบูรณาการ และการบูรณาการงานวิจยั ทางส่งเสรมิ
การเกษตร โดยมรี ายละเอยี ดทจ่ี ะกล่าวถงึ ต่อไป

เป็นทท่ี ราบดวี ่าการบรหิ ารงานและการทางานส่งเสรมิ การเกษตรในปัจจบุ นั มคี วามซบั ซอ้ นมากขน้ึ
มกี ารนาเทคโนโลยตี ่าง ๆ เขา้ มาใช้ ความตอ้ งการ พฤตกิ รรมของเกษตรกร และแนวคดิ ต่าง ๆ
เปลย่ี นแปลงไป มกี ารแขง่ ขนั ทางการคา้ และการดาเนนิ งานกนั มากขน้ึ ประกอบกบั มขี อ้ จากดั ทางดา้ น
การใชท้ รพั ยากรต่าง ๆ เขา้ มาเกย่ี วขอ้ ง เชน่ งบประมาณ บคุ ลากร เวลา และทรพั ยากรดา้ นอ่นื ๆ
ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมกี ารปรบั การบรหิ ารงานและวธิ กี ารทางานสง่ เสรมิ การเกษตรใหส้ อดคลอ้ งกบั
สภาวะการณ์ในปัจจบุ นั โดยมกี ารนาเทคนคิ การบรหิ ารงานและการสง่ เสรมิ การเกษตรใหม่ ๆ เขา้ มาใช้
จากการทางานในลกั ษณะต่างคนต่างทา มาเป็นการรว่ มคดิ รว่ มทา จงึ นามาสกู่ ารบรู ณาการโครงการ
ต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื ในดา้ นต่าง ๆ เกดิ ความประหยดั และลดความซ้าซอ้ น
ตลอดจนใชท้ รพั ยากรในการสง่ เสรมิ การเกษตรอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ แต่ก่อนทจ่ี ะดาเนินการบรู ณาการ
โครงการส่งเสรมิ การเกษตรจะตอ้ งวเิ คราะหถ์ งึ ระบบการบรหิ ารและการทางาน เพ่อื ทจ่ี ะนาเทคนคิ ต่าง
ๆ มาช่วยในการทางาน ซง่ึ ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 7) ไดก้ ลา่ ววา่ การแสดงระบบการบรหิ ารงาน
โครงการสามารถแสดงได้ 3 ระบบใหญ่ ๆ ดว้ ยกนั คอื

1) ระบบลกู โซ่ (Chain System)
2) ระบบเครอื ข่าย (Network System)
3) ระบบวงจร (Loop or Cyclic System)

โดยทงั้ 3 ระบบ จะเกย่ี วขอ้ งและเช่อื มโยงซง่ึ กนั และกนั สามารถบูรณาการโครงการเขา้ ดว้ ยกนั ได้ ซง่ึ
มเี ทคนิคและวธิ กี ารสรปุ ไดด้ งั น้ี

1. ระบบลูกโซ่ (Chain System) โครงการทก่ี าหนดขน้ึ ประกอบไปดว้ ยกจิ กรรมต่าง ๆ และถ้า
กาหนดให้ (1) สายโซ่ใชแ้ ทนโครงการ (2) ขอ้ โซ่แต่ละขอ้ ใชแ้ ทนกจิ กรรม กจ็ ะไดร้ ปู ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี

51

โครงการ 1 OO A OO B OO C OOD OOE1
โครงการ 2 OO A OOB OO F OOG OOE2
โครงการ 3 OO A OOB OO I OOJ OOE3

ภาพที่ 27 แสดงระบบลกู โซใ่ นการดาเนินโครงการ
ที่มา : ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 9)

จากรูปจะเห็นได้ว่าโครงการ 1 จะแทนด้วยสายโซ่ท่ี 1 ซ่งึ ประกอบด้วยกิจกรรม A, B, C, D, E1
โค รงก าร 2 จะ แ ท น ด้ ว ย ส าย โซ่ ท่ี 2 ซ่ึ งป ระ ก อ บ ด้ ว ย กิ จ ก รรม A, B, F, G, E2 โค รง ก าร 3
จะแทนดว้ ยสายโซท่ ่ี 3 ซง่ึ ประกอบดว้ ยกจิ กรรม A, B, I, J, E3

โครงการต่าง ๆ ท่ดี าเนินการจะมคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั และสามารถแสดงความสมั พนั ธ์
ระหว่างโครงการได้ 2 วธิ ี ดงั น้ี

วิธีที่ 1 โดยวิธี Flow or Block Diagram
เวลา

AB

วิธีท่ี 2 โดยวิธี Node or Arrow Diagram

SA A FA SB B FB

O O O O

SA FAO,SB FOB

O

SA… คอื จดุ เรม่ิ งานของกจิ กรรม A…. (S = Start)
FA… คอื จดุ เสรจ็ สน้ิ งานของกจิ กรรม A… (F = Finish)

ภาพที่ 28 วธิ แี สดงความสมั พนั ธข์ องโครงการทจ่ี ะนามาบรู ณาการเขา้ ดว้ ยกนั
ที่มา : ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 10)

52

2. ระบบเครือข่าย (Network System) โครงการต่าง ๆ ท่ดี าเนินการจะมหี ลายลกั ษณะและ

มคี วามสมั พนั ธ์ต่างกนั ออกไป เช่น 1) โครงการทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั หรอื เหมอื นกนั 2) โครงการท่สี ่งเสรมิ
และสนับสนุนซ่ึงกันและกัน 3) โครงการท่ีแตกต่างกัน เป็ นต้น ถ้านาระบบลูกโซ่ในข้อท่ี 1 ซ่ึง
กาหนดใหส้ ายโซ่แต่ละเส้นแทนโครงการแต่ละโครงการมาสรา้ งเป็นโครงข่าย จากความสมั พนั ธร์ ะหว่าง
โครงการต่าง ๆ สามารถนามาเชอ่ื มโยงกนั เป็นเครอื ข่ายได้ ดงั น้ี

2.1 โครงการทีค่ ล้ายคลึงกนั หรือเหมือนกนั

โครงการ 1 OO A OO B OO C OO

โครงการ 2 OO A OO B OO C OO

โครงการ 3 OO A OO B OO C OO

โครงการที่บรู ณาการแล้ว O O 3A O 3B O 3CO O

ภาพท่ี 29 การบรู ณาการโครงการทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั
ท่ีมา : ดดั แปลงจาก ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 110)

จากรปู ท่ี 1 โครงการทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั หรอื เหมอื นกนั หลายโครงการ สามารถนามา
วเิ คราะหก์ จิ กรรมต่าง ๆ ของแต่ละโครงการ และนามาบรู ณาการเขา้ ดว้ ยกนั ได้ เช่น โครงการท่ี 1, 2, 3
มกี ิจกรรม A, B, C ท่คี ล้ายคลงึ กันหรอื เหมอื นกนั ก็นามาบูรณาการเขา้ ด้วยกันเป็นกิจกรรม 3A, 3B, 3C
ดงั นัน้ จากการท่จี ะต้องดาเนินโครงการ 3 โครงการ เม่อื นามาบูรณาการเข้าด้วยกนั แล้ว ก็คงเหลือ
ดาเนนิ การเพยี งโครงการเดยี ว จะเหน็ วา่ สามารถประหยดั ทงั้ งบประมาณ เวลา และอตั รากาลงั ลง 3 เท่า

ตวั อย่างเช่น โครงการอบรมให้ความรเู้ ร่อื งการใช้สารเคมเี กษตร โครงการอบรมใหค้ วามรู้
เก่ยี วกบั การปลกู พชื ปลอดภยั จากสารพษิ โครงการอบรมใหค้ วามรเู้ รอ่ื งการป้องกนั กาจดั ศตั รพู ชื แบบ
ผสมผสาน ทงั้ สามโครงการเป็นโครงการท่คี ลา้ ยคลงึ กนั โดยเป็นโครงการอบรมให้ความรเู้ ช่นเดยี วกนั
และหลกั สูตรท่อี บรมก็มคี วามสมั พนั ธ์เก่ยี วเน่ืองซ่งึ กนั และกนั สามารถสอดแทรกเขา้ ไปในชวั่ โมงการ
อบรมในแต่ละโครงการได้ จงึ ดาเนินการนามาบูรณาการเข้าด้วยกันเป็นโครงการ อบรมให้ความรู้
เกย่ี วกบั การปลกู พชื ปลอดภยั จากสารพษิ และการป้องกนั กาจดั ศตั รพู ชื แบบผสมผสาน เป็นตน้

53

2.2 โครงการทีส่ ่งเสริมและสนับสนุนซึง่ กนั และกนั

โครงการ 1 OO A OO B OO C OO

โครงการ 2 OO A OO D OO E OO

โครงการ 3 OO A OO C OO F OO

โครงการที่บรู ณาการแล้ว O O 3A O B O 2C O D O E O F O

ภาพท่ี 30 การบรู ณาการโครงการทส่ี ่งเสรมิ และสนับสนุนซง่ึ กนั และกนั
ท่ีมา : ดดั แปลงจาก ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 11)

จากภาพเม่อื นาโครงการท่ีส่งเสรมิ และสนับสนุนซ่งึ กันและกันหลายโครงการมาวิเคราะห์
จะเหน็ ว่ามบี างกจิ กรรมทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั หรอื เหมอื นกนั บางกจิ กรรมเกย่ี วเน่ืองสมั พนั ธก์ นั โดยส่งเสรมิ และ
สนับสนุนซง่ึ กนั และกนั เช่น โครงการท่ี 1, 2, 3 มกี จิ กรรม A เป็นกจิ กรรมท่เี หมอื นหรอื คลา้ ยคลงึ กนั
กส็ ามารถนามารวมกนั เป็นกจิ กรรม 3A ได้ โครงการท่ี 1, 3 มกี จิ กรรม C ทเ่ี หมอื นหรอื คลา้ ยคลงึ กนั
ก็สามารถนามารวมกนั เป็นกิจกรรม 2C สาหรบั กิจกรรมอ่ืน ได้แก่ B, D, E, และ F เป็นกจิ กรรมท่ี
ส่งเสรมิ และสนับสนุนซง่ึ กนั และกนั ไม่สามารถรวมกนั ได้ แต่สามารถดาเนินการต่อเน่ืองกนั ไปไดก้ ็นา
กจิ กรรมมาเรยี งต่อกนั โดยจดั ลาดบั ก่อนหลงั ตามความเหมาะสมต่อไป

ตัวอย่างเช่น โครงการขุดสระน้าเพ่ือการเกษตรของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมประมง
กรมส่งเสรมิ การเกษตรและกรมชลประทาน ซง่ึ แต่ละหน่วยงานมวี ตั ถุประสงคใ์ นการขดุ สระแตกต่างกนั ไป
โดยทก่ี รมประมงจะดาเนินการส่งเสรมิ เก่ยี วกบั การเลย้ี งสตั ว์น้า การส่งเสรมิ การเกษตรส่งเสรมิ เก่ยี วกบั
เร่อื งเกษตรผสมผสาน และกรมชลประทานส่งเสรมิ การมนี ้าเพ่อื การเกษตรและอุปโภคบรโิ ภคอย่าง
เพยี งพอ เมอ่ื แต่ละหน่วยงานดาเนินการขดุ สระเรยี บรอ้ ยแลว้ กรมชลประทานกจ็ ะจดั อบรมกลุ่มผใู้ ชน้ ้า
และบรหิ ารการใชน้ ้า กรมประมงกจ็ ะดาเนินการจดั อบรมเก่ยี วกบั การเล้ยี งปลา และสตั วน์ ้าอ่นื ๆ การ
ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดน้าเสีย กรมส่งเสรมิ การเกษตรก็จะดาเนินการจดั อบรมเก่ียวกับกลุ่มผู้ใช้น้า
การเกษตรผสมผสาน การใชป้ ๋ ยุ และสารเคมปี ้องกนั กาจดั ศตั รพู ชื เป็นตน้ ถา้ ศกึ ษาและวเิ คราะหแ์ ต่ละ
กิจกรรมแล้วจะเห็นว่าสามารถนามาบูรณาการเข้าด้วยกนั ได้ เช่น มกี ารดาเนินการขุดสระร่วมกนั
การจดั อบรมกลุ่มผู้ใช้น้าร่วมกัน เป็นต้น และกิจกรรมอ่ืน ๆ แต่ละหน่วยงานก็ดาเนินการส่งเสรมิ
ดา้ นต่าง ๆ ต่อเน่ืองกนั ไป เช่น อบรมเก่ยี วกบั การเลย้ี งปลาและสตั วน์ ้าอ่นื ๆ ส่งเสรมิ การเกษตรผสมผสาน
การใชป้ ๋ ยุ และสารเคมี เป็นตน้

54

2.3 โครงการทีแ่ ตกต่างกนั

โครงการ 1 SB SC SD SE
โครงการ 2
โครงการ 3 OSAO A OFAO B OFBO C OFCO D OFDO E1 O
OO A OO B OO F OO G OO E2 O
OO A OO B OO I OO J OO E3 O

SD SE1
FC FD

SC OD O

S3B SF SG SE2 E1

โครงการที่บรู ณาการแล้ว S3A F3A F3B FOF G FOG FE1 สรุป

O 3A O 3B O E2 O FE2 O
E3 FE3
SI I

OJ O

FI FJ

SJ SE3

ภาพที่ 31 การบรู ณาการโครงการทแ่ี ตกต่างกนั
ท่ีมา : ดดั แปลงจาก ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 12)

จากภาพโครงการท่แี ตกต่างกนั ถ้าวเิ คราะหก์ จิ กรรมต่าง ๆ ของแต่ละโครงการแลว้ จะพบว่า
มบี างกิจกรรมท่มี กี ารดาเนินงานท่คี ลา้ ยคลงึ กนั สามารถท่จี ะนามารวมกนั เป็นกจิ กรรมเดยี วกนั ได้ก็
นามาบูรณาการเขา้ ด้วยกนั เช่น โครงการ 1, 2, 3 มกี จิ กรรม A, B ทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั กน็ ามาบรู ณาการเขา้
ดว้ ยกนั เป็นกจิ กรรมเดยี วคอื 3A, 3B และกจิ กรรมใดไม่สามารถรวมกนั ไดแ้ ต่ดาเนินงานไปพรอ้ มกนั ไดก้ ็
ดาเนินการไปพรอ้ มกนั เช่น โครงการ 1, 2, 3 มกี จิ กรรม C, D, E1, F, G, E2, I, J, E3 ไม่สามารถรวมกนั ได้
แต่ดาเนินงานไปไดพ้ รอ้ มกนั กด็ าเนินการไป และสน้ิ สุดโครงการพรอ้ มกนั กส็ รปุ โครงการทงั้ สามพรอ้ ม
กนั

ตวั อยา่ งเช่น โครงการฝึกอาชพี ดา้ นการเกษตร โครงการส่งเสรมิ อาชพี เกย่ี วกบั การแปรรปู
ผลติ ผลเกษตร และโครงการส่งเสรมิ หตั ถกรรมเกษตรในครวั เรอื น จะเห็นได้ว่าทงั้ สามโครงการน้ี
แตกต่างกนั แต่ถ้าวเิ คราะหก์ จิ กรรมต่าง ๆ แล้วจะพบว่าดาเนินการในพ้นื ท่ใี กล้เคยี งกนั และมกี ิจกรรม

55

พธิ เี ปิดและปิดโครงการทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั สามารถนากจิ กรรมมารวมกนั ได้ จงึ สามารถนาโครงการมาบูรณา
การเขา้ ดว้ ยกนั ได้ และประหยดั งบประมาณไดส้ ่วนหน่งึ

3.ระบบวงจร (Loop or Cyclic System) จากการทร่ี วู้ ตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายในการดาเนินงาน
ประกอบกบั มที รพั ยากรในการส่งเสรมิ การเกษตรอย่างจากดั ทงั้ ด้านงบประมาณ กาลงั คน และเวลา
จงึ ทาใหต้ อ้ งมกี ารวางแผนและนาโครงการส่งเสรมิ การเกษตรมาบรู ณาการเขา้ ดว้ ยกนั ในรปู แบบระบบ
เครอื ขา่ ย ดงั ขอ้ ท่ี 2 ทก่ี ล่าวมาแลว้ เพอ่ื นาไปสกู่ ารปฏบิ ตั งิ านต่อไป และถา้ ไม่มกี ารตดิ ตามประเมนิ ผล
หรอื ไม่มี Feedback ยอ้ นกลบั ไปกจ็ ะไม่ทราบว่าการวางแผนและการนาโครงการต่าง ๆ มาบูรณาการ
เขา้ ดว้ ยกนั สามารถตอบสนองความจาเป็นไดม้ ากน้อยเพยี งใดจงึ ควรมกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลการบูร
ณาการโครงการซง่ึ สามารถแสดงรปู แบบของระบบวงจรไดด้ งั ภาพ

ความจาเป็น ทรพั ยากรทม่ี อี ย่างจากดั การวางแผน การปฏบิ ตั งิ าน
(งบประมาณ คนเวลา ฯ) การบรู ณาการโครงการ อยา่ งบรู ณาการ

การตดิ ตามประเมนิ ผลวา่ ไดต้ อบสนอง
ความจาเป็นหรอื ไม่เพยี งใด
(Feedback)

ภาพที่ 32 ระบบวงจรในการบรู ณาการโครงการส่งเสรมิ การเกษตร
ท่ีมา : ดดั แปลงจาก ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 14)

หลกั การบรู ณาการโครงการส่งเสริมการเกษตร
ดงั ทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ สามารถสรปุ หลกั การในการบูรณาการโครงการส่งเสรมิ การเกษตรตาม

แนวทางท่ี ชานาญ รงุ่ แสง (2541 : 13-17) ไดก้ ล่าวไวม้ าประยกุ ตไ์ ดด้ งั น้ี
1) พิจารณาวตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการส่งเสริมการเกษตรต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มแต่ละ

หน่วยงานวา่ มโี ครงการใดบา้ งทม่ี วี ตั ถุประสงคข์ องโครงการสง่ เสรมิ สนบั สนุนซง่ึ กนั และกนั หรอื
คลา้ ยคลงึ กนั ซง่ึ สามารถจะบรู ณาการเขา้ ดว้ ยกนั ได้

2) พิจารณากลุ่มเป้าหมายในการส่งเสริมการเกษตรโดยพิจารณาว่าโครงการใดมกี ลุ่ม
เป้าหมายเดยี วกนั หรอื เป็นโครงการทส่ี มารถรวมกลุม่ เป้าหมายเขา้ ดว้ ยกนั ได้

3) พิจารณาเนื้อหารายละเอียดกิจกรรม โดยพิจารณาว่าโครงการใดสามารถจะปรบั
กจิ กรรมรวมกนั ไดบ้ า้ ง

4) พิจารณาพื้นท่ีเป้าหมาย โดยพจิ ารณาว่าโครงการส่งเสรมิ การเกษตรใดบา้ งทส่ี ามารถรวม
พน้ื ทเ่ี ป้าหมายกนั ได้ หรอื โครงการใดควรตดั พน้ื ทด่ี าเนินการลง หรอื ปรบั เปลย่ี นพน้ื ทด่ี าเนินการ เพ่อื ให้
สามารถดาเนินการไปพรอ้ มกนั ได้

56

5) พิจารณาระยะเวลาดาเนิ นการ โดยพจิ ารณาปรบั เวลาดาเนินการของโครงการส่งเสรมิ
การเกษตรต่าง ๆ ใหส้ ามารถดาเนินการไปพรอ้ ม ๆ กนั ได้ เพ่อื ใหส้ ามารถประหยดั เวลาในการทางาน
ลงได้

6) พิจารณารายละเอียดงบประมาณดาเนิ นการ โดยพิจารณาว่าจะสามารถปรบั ลด
งบประมาณของโครงการใดลงจานวนเท่าไร เพอ่ื ใหใ้ ชง้ บประมาณอยา่ งประหยดั ทส่ี ุด

7) พิจารณาหน่วยงานหลกั และหน่วยงานสนับสนุน โดยพจิ ารณาว่าเม่อื โครงการส่งเสรมิ
การเกษตรต่าง ๆ ได้บูรณาการเข้าด้วยกนั แล้ว หน่วยงานใดควรจะเป็นหน่วยหลกั ในการดาเนินการ
และหน่วยงานใดจะช่วยเสรมิ ให้โครงการส่งเสรมิ การเกษตรสามารถดาเนินไปไดอ้ ย่างสมบูรณ์ ทงั้ น้ี
อาจพจิ ารณาจากงบประมาณของแต่ละหน่วย หรอื ภารกจิ ทจ่ี ะดาเนนิ การ

เมอ่ื เขา้ ใจในสงิ่ เหล่าน้ีแลว้ กส็ ามารถนาโครงการส่งเสรมิ การเกษตรต่าง ๆ มาบรู ณาการเขา้ ดว้ ยกนั
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และจะก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อเกษตรกร หน่วยงาน และต่อส่วนรวมต่อไป

ผลการบรู ณาการโครงการในงานส่งเสริมการเกษตร
ผลจากการบรู ณาการโครงการในงานส่งเสรมิ การเกษตรก่อใหเ้ กดิ ผลดที ส่ี าคญั ดงั น้ี
1) เกิดกระบวนการรว่ มคิด รว่ มทา รว่ มรบั รู้ รว่ มเรียนรู้ รว่ มรบั ผล ในการทางานรว่ มกนั

ของบคุ คลหน่วยงานต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
2) ก่อให้เกิดการแปลงแผนงานต่าง ๆ ไปส่กู ารปฏิบตั ิการจริงและแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งเป็น

รปู ธรรม
3) ทาให้เกิดการประหยดั ทรพั ยากรต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ดา้ นงบประมาณ อตั รากาลงั คน

ระยะเวลา วสั ดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นตน้
4) สามารถลดความซา้ ซ้อน สบั สน ระหวา่ งขา้ ราชการ หน่วยงานต่าง ๆ ดว้ ยกนั และ

ระหว่างประชาชนกบั หน่วยงานสง่ เสรมิ การเกษตร และระหวา่ งประชาชนดว้ ยกนั เอง
5) ก่อให้เกิดภาพลกั ษณ์ที่ดีของหน่วยงานต่าง ๆ ในการปฏบิ ตั งิ านส่งเสรมิ การเกษตร

ทร่ี บั ผดิ ชอบงานรว่ มกนั
6) ทาให้บุคลากรเกิดการพฒั นาตนเองในการปฏิบตั ิงานแบบบูรณาการทงั้ ความรู้ ทกั ษะ

ทศั นคติ เป็นการพฒั นาบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ โดยตรงโดยผ่านการทากจิ กรรมโครงการต่าง ๆ
อยา่ งบรู ณาการรว่ มกนั ทาใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ละแลกเปลย่ี นประสบการณ์ในการทางานรว่ มกนั

57

เรื่องที่ 3.3 การแก้ปัญหาการการจดั การเรียนรทู้ างการเกษตร
อยา่ งบรู ณาการ

ในปัจจุบนั บทบาทหลกั ท่ีสาคญั ประการหน่ึงในการส่งเสรมิ การเกษตรคือ การจดั การเรยี นรู้
การเกษตรให้แก่เกษตรกร แต่การจดั การเรยี นรทู้ ่ผี ่านมามปี ัญหาหลายประการทงั้ ในส่วนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั
กระบวนการจดั การเรยี นรขู้ องหน่วยงานต่าง ๆ ทร่ี บั ผดิ ชอบ และผลสมั ฤทธทิ ์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากการเรยี นรทู้ ่ี
ไมไ่ ดเ้ ป็นไปตามทค่ี าดหวงั ไว้ ซง่ึ การจดั การเรยี นรดู้ งั กลา่ วควรจะเป็นการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการ
เพราะวถิ ชี วี ติ ของเกษตรกรเก่ียวขอ้ งกบั สงิ่ ต่าง ๆ มากมาย ขณะเดยี วกนั กระบวนการเรยี นรกู้ ต็ ้อง
อาศยั เทคนิควธิ กี ารท่หี ลากหลายเพ่อื ให้การเรยี นรปู้ ระสบผลสาเรจ็ การจดั การเรยี นรูท้ างการเกษตร
แบบบรู ณาการเป็นแนวทางหน่ึงในการแกไ้ ขปัญหาการจดั การเรยี นรขู้ องนกั ส่งเสรมิ การเกษตรใหป้ ระสบ
ผลสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคท์ ไ่ี ดก้ าหนดไว้

เหตผุ ลการจดั การเรียนร้ทู างการเกษตรแบบบรู ณาการ
กลา่ วสรปุ ไดว้ ่าเหตุผลความจาเป็นทน่ี กั สง่ เสรมิ การเกษตรจาเป็นตอ้ งมกี ารจดั การเรยี นรู้

ทางการเกษตรแบบบรู ณาการเพราะเหตุผลดงั ต่อไปน้ี
1. สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ จรงิ ของเกษตรกรและการดาเนินชวี ติ ประจาวนั ไมไ่ ดจ้ ากดั ว่าจะเกย่ี วขอ้ ง

กบั วชิ าใดวชิ าหน่งึ โดยเฉพาะ
2. การแกป้ ัญหาและการตดั สนิ ใจของเกษตรกรจาเป็นต้องใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะจากหลาย

สาขาวชิ ารว่ มกนั
3. ชว่ ยเช่อื มโยงสง่ิ ทเ่ี รยี นรขู้ องเกษตรกรเขา้ กบั ชวี ติ จรงิ ได้ และทาใหเ้ กษตรกรเขา้ ใจวา่ สง่ิ ท่ี

เรยี นมปี ระโยชน์และนาไปใชจ้ รงิ ได้ นอกจากน้กี ารเรยี นรแู้ บบบรู ณาการทาใหเ้ กษตรเขา้ ใจ
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างวชิ าการต่าง ๆ และความสาคญั ของวชิ านนั้ ๆ กบั ชวี ติ จรงิ ทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู้
อยา่ งมคี วามหมาย

4. การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการของเกษตรกรทม่ี กี ารเชอ่ื มโยงศาสตรต์ ่าง ๆ นนั้ ทาใหเ้ กษตรกร
เขา้ ใจเน้อื หาและกระบวนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการทาใหเ้ กษตรกรเขา้ ใจในวชิ าการนนั้ ๆ และวชิ าการ
อ่นื ๆ ดขี น้ึ ดว้ ย

5. เป็นการขจดั ความซ้าซอ้ นของการจดั การเรยี นรแู้ ละความซ้าซอ้ นของเน้อื หาต่าง ๆ
ในการจดั การเรยี นรใู้ หแ้ ก่เกษตรกร

6. การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการจะตอบสนองความสามารถของผเู้ รยี นคอื เกษตรกรซง่ึ มหี ลายดา้ น
และสนองตอบต่อความสามารถในดา้ นการแสดงออกและดา้ นอารมณ์ของเกษตรกร

58

7. กระบวนการเรยี นรแู้ บบบูรณาการสอดคลอ้ งกบั แนวคดิ การสรา้ งองคก์ รแห่งการเรยี นรู้
การสรา้ งองคค์ วามรู้ ซง่ึ เป็นแนวทางใหมใ่ นการสง่ เสรมิ การเกษตรและการสรา้ งการเรยี นรใู้ หแ้ ก่
เกษตรกร

ลกั ษณะสาคญั ของการบรู ณาการเรียนร้ทู างการเกษตร
จากแนวคดิ ของ สนุ นั ทา สนุ ทรประเสรฐิ (ม.ป.ป. : 9) สามารถประยกุ ตถ์ งึ ลกั ษณะสาคญั ของ

การบูรณาการการเรยี นรทู้ างการเกษตรไดด้ งั น้ี
1. เป็ นการบูรณาการระหว่างความร้ทู างการเกษตรและกระบวนการเรียนรู้ เพราะใน

ปัจจุบนั ความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับการเกษตรมมี าก และสลบั ซับซ้อนมากข้นึ การส่งเสรมิ การเกษตร
แบบเดมิ ท่มี เี พยี งการบรรยาย บอกเล่า อาจจะไม่เพยี งพอท่จี ะให้เกษตรกรเกิดการเรยี นรไู้ ด้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพได้ การบรู ณาการการเรยี นรทู้ างการเกษตรจะทาใหผ้ เู้ รยี นและผจู้ ดั กระบวนการเรยี นรไู้ ด้
พจิ ารณาตรวจสอบตนเองว่าผู้เรยี นจะแสวงหาความรเู้ ร่อื งใดและด้วยการงานการเรยี นรลู้ กั ษณะใด
เพราะเกษตรกรแต่ละรายและเน้ือหาการเรยี นรแู้ ต่ละประเดน็ จะมกี ารจดั กระบวนการเรยี นรทู้ แ่ี ตกต่าง
กนั ได้

2. เป็ นการบูรณาการระหว่างพัฒนาการทางความรู้ด้านการเกษตรและพัฒนาการ
ทางด้านจิตใจ การบูรณาการเรยี นรู้ทางการเกษตรจะให้ความสาคญั กบั การพฒั นาทงั้ ด้านเจตคติ
ค่านิยม การสรา้ งความสนใจแก่เกษตรกรในการแสวงหาความรดู้ ้วย ไม่ได้เน้นเพียงด้านความรู้ ความ
เขา้ ใจในเน้อื หาหรอื ประเดน็ การเรยี นรเู้ ท่านนั้

3. เป็นการบูรณาการระหว่างความรแู้ ละปฏิบตั ิและสิ่งท่ีอยู่ในชีวิตจริง ในการบูรณาการ
การเรยี นรทู้ างการเกษตรจะใหค้ วามสาคญั แก่การบรู ณาการ ความรกู้ บั การปฏบิ ตั ขิ องเกษตรกรรวมถงึ
สภาพการณ์ในชวี ติ จรงิ โดยความรทู้ ่สี มั พนั ธ์กบั การปฏบิ ตั จิ รงิ ของเกษตรกรจะทาใหเ้ กษตรกรมที งั้
ความรแู้ ละความชานาญ

4. เป็นการบรู ณาการระหว่างเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ทงั้ น้เี พ่อื ใหผ้ เู้ รยี นรเู้ กดิ ความรู้ เจตคติ และ
การกระทาท่เี หมาะสมกบั ความต้องการและความสนใจของเกษตรกร ซ่งึ เป็นผู้เรยี นรอู้ ย่างแท้จรงิ ทงั้ น้ี
เพอ่ื ตอบสนองต่อความตอ้ งการและปัญหาทเ่ี กษตรกรสนใจ

หลกั การสาคญั ท่ีจะต้องคานึงถึงในการบรู ณาการการเรยี นรทู้ างการเกษตรของเกษตรกร
ในการบรู ณาการการเรยี นรทู้ างการเกษตรของเกษตรกรมหี ลกั การทค่ี วรพิจารณา ดงั น้ี
1. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นเกษตรกรเป็ นสาคญั คอื กจิ กรรมการเรยี นรู้ใด ๆ

จะต้องพิจารณาถึงการให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการเรยี นรู้ ไม่ใช่ตวั เจ้าหน้าท่หี รอื วิทยากรเป็น
ศนู ยก์ ลาง

2. จดั ประสบการณ์ตรงให้กบั เกษตรกรได้ฝึ กปฏิบตั ิจริง เพราะเกษตรกรจะเรยี นรไู้ ดด้ ี เม่อื
มโี อกาสไดฝ้ ึกปฏบิ ตั จิ รงิ และเป็นเรอ่ื งทเ่ี กษตรกรไดม้ ปี ระสบการณ์ตรงในเรอ่ื งนนั้ ๆ

59

3. จดั บรรยากาศท่ีส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีโอกาสและกล้าคิด กล้าทาโดยเปิดโอกาส
อานวยความสะดวกใหเ้ กษตรกรไดแ้ สดงออกพดู คุยซกั ถามไดไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก

4. จดั กิจกรรมการเรียนร้ใู ห้เกษตรกรได้ร่วมกนั คิด ร่วมกนั ทา และทางานร่วมกนั เป็น
กลุ่มเพราะการเรยี นรูท้ ่ีดี คือการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้แก่ผู้เรยี นรู้คือเกษตรกรได้คิดได้
แลกเปลย่ี นประสบการณแื ละไดท้ างานรว่ มกนั เป็นกลุม่

5. จดั ประสบการณ์การเรียนร้ใู ห้เกษตรกรสามารถนาความร้ไู ปใช้ในชีวิตจริงอย่างมี
ความสขุ โดยเรอ่ื งทจ่ี ดั การเรยี นรใู้ หแ้ ก่เกษตรกรควรจะเป็นเรอ่ื งทเ่ี ขาสามารถนาไปปรบั ใชไ้ ดจ้ รงิ ใน
วถิ ชี วี ติ หรอื เป็นเรอ่ื งทช่ี ว่ ยเกษตรกรในการแกไ้ ขปัญหาทเ่ี กษตรกรประสบอยไู่ ด้

6. เน้นการปลูกจิตสานึก ค่านิ ยมท่ีดีงาม ถูกต้องแก่เกษตรกรผู้เรยี นรู้ รวมถึงการสร้าง
วสิ ยั ทศั น์ใหแ้ ก่ผเู้ รยี นรู้

ท่กี ล่าวมาเป็นหลกั การสาคญั บางประการท่ผี ู้จดั การเรยี นรแู้ ก่เกษตรกร ซ่งึ ไดแ้ ก่ ตวั ของนัก
สง่ เสรมิ การเกษตรในทกุ ระดบั ควรพจิ ารณาในการจดั การเรยี นรทู้ างการเกษตรใหแ้ ก่เกษตรกรต่อไป

รปู แบบของการบรู ณาการการเรียนรทู้ างการเกษตร
การบูรณาการการเรยี นรทู้ างการเกษตรมกี ารบรู ณาการไดห้ ลายลกั ษณะ ในท่นี ้ีจะยกตวั อย่าง

การบรู ณาการทส่ี าคญั 2 ประการคอื การบูรณาการเน้ือหาและการบรู ณาการกจิ กรรม การเรยี นรโู้ ดยมี
รายละเอยี ดดงั น้ี

1. การบรู ณาการเนื้อหา
ในการบูรณาการด้านเน้ือหาในการจดั การเรยี นรู้ เจา้ หน้าท่สี ่งเสรมิ การเกษตรควรจะมี

การบูรณาการเน้ือหาทจ่ี ะใหก้ ารเรยี นรกู้ บั เกษตรกรในหลายดา้ นทเ่ี น้ือหามคี วามเกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั
เพง่ิ ให้เกษตรกรมคี วามเขา้ ใจในเน้ือหานนั้ ๆ ไดอ้ ย่างชดั เจนและครอบคลุม เช่น ในการจดั การเรยี นรู้
เรอ่ื งการปลูกขา้ ว เจา้ หน้าทส่ี ่งเสรมิ ต้องพจิ ารณาว่าในเรอ่ื งขา้ ว มเี น้ือหาเก่ยี วขอ้ งกบั เร่อื งใดบา้ ง เช่น
การปลกู การดแู ลของ การแปรรปู และการบรรจภุ ณั ฑ์ การตงั้ กลุม่ ผปู้ ลกู ขา้ ว การตลาดขา้ ว เป็นตน้ แลว้
จงึ จดั กระบวนการเรยี นรใู้ นเน้ือหาต่าง ๆ ใหค้ รอบคลุมกบั ประเดน็ ต่าง ๆ เพ่อื ใหเ้ กษตรกรไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื ง
การปลูกขา้ วอย่างเป็นระบบ ซ่งึ ในเน้ือหาต่าง ๆ เหล่าน้ีเจา้ หน้าท่สี ่งเสรมิ การเกษตรอาจจะพจิ ารณา
บรู ณาการ วทิ ยากรผเู้ ชย่ี วชาญรวมถงึ ผรู้ ทู้ เ่ี ป็นเกษตรกรมารว่ มจดั กระบวนการเรยี นรรู้ ว่ มดว้ ย

การตลาดข้าว 60 การตงั้ กล่มุ ผปู้ ลูกข้าว
การจัดการธุรกิจข้าว
ผลกระทบโลกาภิวัต ์นการปลูกและดแู ลรกั ษา การจดั การเครอื ขา่ ยกลมุ่

ตลาดข้าววทิ ยาการหลงั การเกบ็ เกย่ี วการดาเนนิ การกลมุ่ และการพฒั นากลุ่ม
การเกบ็ เกย่ี ว การจดั โครงสรา้ งกลมุ่
การดแู ลรกั ษาการตงั้ กลมุ่
การปลกูผปู้ ลกู ขา้ ว
การเตรยี มพน้ื ท่ี
และเมลด็ พนั ธ์
การปลกู ขา้ ว

การแปรรปู ขา้ ว

มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์

การบรรจภุ ณั ฑ์

การแปรรปู และการบรรจภุ ณั ฑ์

ภาพท่ี 33 การบูรณาการเน้อื หาในการจดั การเรยี นรเู้ ร่อื งการปลกู ขา้ ว
2. การบรู ณาการกิจกรรมการเรียนรู้

เป็นลกั ษณะการบูรณาการกจิ กรรมต่าง ๆ ในการเรยี นรู้ เช่น การจดั โครงการวนั รณรงค์การ
ผลติ ผกั ปลอดภยั จากสารพษิ เจา้ หน้าท่สี ่งเสรมิ การเกษตรอาจจะมกี ารจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ในการ
เรยี นรูอ้ ย่างบูรณาการ เช่น การจดั สาธติ ผล การจดั งานวนั สาธติ การแข่งขนั การประกวด การจดั
นิทรรศการ การสมั มนา การจดั สมั มนา และบรรยายทางวชิ าการ เป็นตน้ ดงั ภาพ

61

การสาธติ ผล

การสาธติ วธิ ี

การเสวนา แขง่ ขนั แขง่ ขนั
ผลงาน การบรรยาย
ทางวชิ าการ การจดั สาธติ ตอบ ทา
วจิ ยั ดา้ น การปลกู ผกั ปัญหา อาหาร
พชื ผกั ปลอดภยั จาก การ จาก
สมั มนา การ การผลติ พชื ผกั
สารพษิ ปัญหา แขง่ ขนั ผกั

สารพษิ ใน การรณรงคก์ ารผลิต
ผกั
ผกั ปลอดภยั

การบรกิ าร จากสารพิษ การ
ประกวด
การตรวจ ตรวจ การ
สารพษิ ประกวด การ
การตรวจ สารพษิ แปลงผกั ประกวด
สารพษิ ตก ตกคา้ งใน การจดั นิทรรศการ
การผลติ ผกั ปลอดภยั จาก พชื ผกั
คา้ งใน ผกั
สารพษิ คุณภาพ
มนุษย์

การจดั นทิ รรศการเคลอ่ื นท่ี

ภาพท่ี 34 การบูรณาการกจิ กรรมการเรยี นรเู้ รอ่ื งการรณรงคก์ ารผลติ ผกั ปลอดภยั จากสารพษิ

กระบวนการจดั การเรยี นร้ทู างการเกษตรแบบบูรณาการ
การจดั การเรยี นรทู้ างการเกษตรแบบบรู ณาการมกี ระบวนการในการจดั การเป็นขนั้ ตอน ดงั น้ี
1) ศึกษาข้อมูล ปัญหา และวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของเกษตรกร เป็ นขัน้ ตอนแรก

ท่ีเจา้ หน้าท่สี ่งเสรมิ การเกษตรจะต้องทาการศึกษาปัญหาข้อมูลเบ้อื งต้นและกาหนดวตั ถุประสงค์
ในการเรยี นรขู้ องเกษตรกรว่าเพอ่ื วตั ถุประสงคใ์ ด

2) วิเคราะห์ประเด็นการเรียนรู้ โดยการวเิ คราะห์ประเดน็ การเรยี นรใู้ นแต่ละประเดน็ แยก
เป็นเน้อื หา กจิ กรรม และจดุ ประสงคข์ องแต่ละกจิ กรรมวา่ กระทาไปเพอ่ื อะไร

62

3) กาหนดเรื่องกิจกรรมสู่การบูรณาการ โดยกาหนดหวั เร่อื งใหญ่ หวั เร่อื งย่อย เน้ือหา
กจิ กรรม รวมถงึ การวดั การประเมนิ ผลในแต่ละเร่อื งของการเรยี นรู้ นามาหลอมรวม และเขยี นเป็น
แผนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการทเ่ี น้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั

4) ออกแบบและผลิตส่ือท่ีจะใช้ในการเรียนรู้ โดยออกแบบและสร้างส่ือการเรียนรู้
ท่สี อดคล้องกบั เน้ือหาและกิจกรรมท่กี าหนด ส่อื ในการเรยี นรู้ อาจจะเป็นส่อื ธรรมชาติ ส่อื พ้ืนบ้าน
ส่อื บุคคล ส่อื สง่ิ พิมพ์ รวมถึงส่อื อ่นื ๆ ท่จี ะให้ผู้เรยี นได้เรยี นรู้ และใช้ประกอบการเรยี นรทู้ าให้เกิด
การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสุขและสนุกกบั การเรยี นรู้

5) จัดการเรียนรู้อย่างผสมผสาน เป็นการนาแผนการเรียนรู้อย่างบูรณาการไปสร้าง
กระบวนการเรยี นรใู้ หแ้ ก่เกษตรกร อย่างผสมผสานกลมกลนื ทงั้ เน้ือหา วธิ กี าร และการใชส้ ่อื อุปกรณ์
ต่าง ๆ โดยเกษตรกรมโี อกาสได้ร่วมคดิ ร่วมทา ร่วมวเิ คราะห์ และไดค้ ้นพบความรดู้ ว้ ยตนเอง และ
มงุ่ เน้นใหเ้ กษตรกรสามารถนาความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใชใ้ นชวี ติ จรงิ

6) การประเมินผลเพ่ือปรบั ปรุง เม่อื มกี ารจดั การเรยี นรู้ให้แก่เกษตรกรแล้ว จึงทาการ
รวบรวมขอ้ มลู ศกึ ษาว่า การเรยี นรเู้ ป็นไปตามจดุ ประสงค์ในการเรยี นรหู้ รอื ไม่ เพยี งใด การประเมนิ ผลจะ
ดาเนินการภายใตส้ ภาพจรงิ และใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ทห่ี ลากหลาย จากนนั้ นาผลการประเมนิ การเรยี นรไู้ ป
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขในส่วนทบ่ี กพรอ่ งและพฒั นาใหก้ ารเรยี นรขู้ องเกษตรกรสมบูรณ์ต่อไป

ผลจากการเรียนรทู้ างการเกษตรแบบบรู ณาการของเกษตรกร
ในการจดั การเรยี นรทู้ างการเกษตรแบบบูรณาการก่อใหเ้ กดิ ผลหลายประการ ดงั เชน่
1) เกษตรกรจะเกิดมโนทศั น์ในเรื่องที่เรียนร้มู ากขึ้นและมีวิสยั ทศั น์ที่ดี เพราะเกษตรกร

จะมกี ารเรยี นรแู้ บบเป็นองค์รวมและการเรยี นรไู้ ม่ไดต้ ดั ตอนเป็นเร่อื ง ๆ และเป็นการเรยี นรผู้ ่านกจิ กรรม
ทห่ี ลากหลาย แบบแยกส่วนทาใหผ้ เู้ รยี นรมู้ คี วามชดั เจนและไดร้ บั ประโยชน์ต่อชวี ติ ของตนเอง เน่ืองจาก
เป็นการเรยี นรทู้ อ่ี ยใู่ นวถิ ชี วี ติ ของเกษตรกรเอง

2) การเรียนร้ขู องเกษตรกรจะเป็นไปอย่างมีความหมาย เพราะสาระทเ่ี กษตรกรไดเ้ รยี นรู้
จะสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ วถิ ชี วี ติ ของเกษตรกรและท้องถนิ่ เกษตรกรจะมคี วามรสู้ กึ ว่าสงิ่ ท่เี รยี นรู้
นัน้ เป็นเร่อื งท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั ชวี ติ เกษตรกรและเขาไม่ใช่เป็นเร่อื งท่หี ่างไกลหรอื แยกส่วนออกจากชวี ติ
ของเกษตรกร

3) ก่อให้เกิดการเรียนร้ทู ี่ผสมผสานระหว่างทฤษฎี วิชาการกบั การปฏิบตั ิไม่ใช่เกษตรกร
มาเรยี นรู้วชิ าการแล้วต้องจาหรอื ต้องศึกษาวิชาการจบแล้วจงึ นาไปปฏิบัติได้ แต่เป็นการเรยี นรู้
ทม่ี กี ารนาไปประยุกต์ทดลองใช้ พฒั นา สรุปบทเรยี น เป็นการเรยี นรทู้ จ่ี ะทาให้เกษตรกรมกี ารปฏบิ ตั ิ
พฒั นา และเกดิ การพฒั นาองคค์ วามรใู้ หม่ได้ด้วยตนเองเป็นวธิ คี ดิ ทเ่ี กษตรกรสามารถพฒั นาวธิ คี ดิ ท่ี
ตดิ ตวั เกษตรกรตลอดไป

4) เกิดการเรียนร้แู บบองคร์ วม บทบาทของนักส่งเสรมิ การเกษตรจะเป็นผเู้ ออ้ื อานวยใหเ้ กดิ
กระบวนการเรยี นรู้ เป็นผูจ้ ดั สง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมกบั การเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมแบบบูรณาการทน่ี าเอา
ประสบการณ์ เร่อื งราวในชวี ติ ของเกษตรกร ส่งิ แวดล้อม ชุมชน สงั คม ของเกษตรกรมาพิจารณา

63

ในการจดั การเรยี นรู้ เรมิ่ จากเร่อื งใกลต้ วั ของเกษตรกรเช่อื มโยงสมั พนั ธก์ บั ปัจจยั หรอื สภาพแวดลอ้ ม
อ่นื ๆ เกษตรกรจะเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งรอบดา้ นเป็นองคร์ วมไมใ่ ช่เป็นการเรยี นรแู้ บบแยกสว่ น

5) ก่อให้เกิดการทางานร่วมกนั ในการจดั การเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย โดยการจดั การเรยี นรู้
แบบบูรณาการแก่เกษตรกรจาเป็นต้องอาศยั การทางานร่วมกนั ของบุคลากรจากหลากหลายสาขาวชิ า
หลากหลายองคก์ รทาใหเ้ กดิ การทางานรว่ มกนั เป็นทมี เพอ่ื พฒั นาเกษตรกร

6) เกษตรกรผ้จู ดั การเรียนร้ไู ด้รบั การพฒั นาร่วมกนั ในระหว่างการจดั การเรยี นรเู้ จา้ หน้าท่ี
ส่งเสรมิ การเกษตรจะได้รบั การพัฒนาตนเองทัง้ ทักษะ วิชาการ และอ่ืน ๆ เพราะเป็ นการเรยี นรู้
ทท่ี ุกฝ่ายทกุ คนทเ่ี กย่ี วขอ้ งจะมโี อกาสไดร้ บั การเรยี นรแู้ ละพฒั นาไปดว้ ย

7) เป็ นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกร เพราะการเรยี นรู้ในเร่อื งท่ีเป็น
ประโยชน์และตรงต่อความต้องการของตนเอง โดยสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ จะทาให้
เกษตรกรหรอื ผเู้ รยี นรไู้ ดพ้ ฒั นาคุณภาพชวี ติ และการดารงชวี ติ ของเกษตรกรเองใหด้ ขี น้ึ

64

เร่อื งที่ 3.4 การแก้ปัญหางานวิจยั ทางส่งเสริมการเกษตร
อยา่ งบรู ณาการ

เหตุผลการบรู ณาการงานวจิ ยั เพราะในการดาเนินงานวจิ ยั นนั้ พบว่า มปี ัญหาในความซา้ ซอ้ น
ของการดาเนินงานวจิ ยั ทาให้การใช้ทรพั ยากรทงั้ ด้านบุคลากร งบประมาณ เวลา เกดิ การใช้อย่าง
ส้นิ เปลอื ง และก่อให้เกดิ ความสบั สนในการดาเนินงานวจิ ยั ทงั้ ในส่วนภายในหน่วยงาน และระหว่าง
หน่วยงาน ตลอดจนอาจเกดิ ความขดั แย้งระหว่างกนั มผี ลใหง้ านวจิ ยั ถูกตงั้ คาถามว่าก่อใหเ้ กดิ ผลอะไร
กบั บคุ คลเป้าหมาย หน่วยงาน และสงั คม ดงั นนั้ การแกป้ ัญหาในการดาเนินงานวจิ ยั โดยการบรู ณาการ
งานวจิ ยั จงึ เป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาทผ่ี ่านมา

จากความหมายของการบูรณาการท่ีกล่าวมา เม่อื กล่าวถึงการบูรณาการงานวจิ ัยสรุปได้ว่า
การบูรณาการงานวจิ ยั หมายถงึ การระดมความคดิ และปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั ร่วมกนั อย่างเป็นระบบ จากทุก
ภาคส่วนทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพ่อื ใหก้ ารวจิ ยั ของหน่วยงานต่าง ๆ ฝ่ายต่าง ๆ และระดบั ต่าง ๆ มคี วามสมั พนั ธ์
สอดคลอ้ งกนั และกนั เพอ่ื นาไปส่ผู ลสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั รว่ มกนั

ลกั ษณะการบูรณาการงานวิจยั ทางส่งเสริมการเกษตร
การบูรณาการงานวจิ ยั ทางส่งเสรมิ การเกษตรมหี ลายลกั ษณะ
1. การบรู ณาการระหว่างงานวิจยั กบั งานปกติ คอื การบรู ณาการในการทาวจิ ยั กบั งานปกติ

ท่ผี ูว้ จิ ยั เก่ยี วข้องหรอื รบั ผดิ ชอบอย่เู ป็นการผสมผสานให้งานวจิ ยั สามารถทาไปได้พรอ้ ม ๆ กบั การ
ปฏบิ ตั งิ านปกติ โดยไม่แยกส่วนโดยเฉพาะการทางานวจิ ยั ท่นี าไปสู่การแก้ไขหรอื พฒั นางานปกติท่ี
ผวู้ จิ ยั ไดร้ บั ผดิ ชอบอยู่

2. การบูรณาการระหว่างประเดน็ งานวิจยั ที่สนใจกบั ประเดน็ งานวิจยั อ่ืน ๆ ในการวจิ ยั
ทางส่งเสรมิ การเกษตร ผู้วิจยั อาจจะมีเร่อื งท่ีตนเองสนใจแต่เร่อื งเหล่านัน้ อาจจะมีความสัมพันธ์
เก่ยี วขอ้ งกบั ประเดน็ อ่นื ๆ ซง่ึ อาจจะมกี ารทางานวจิ ยั เช่นกนั ดงั นัน้ ใในหลายกรณีผวู้ จิ ยั จะต้องหารอื
ผสมผสานเช่อื มโยงประเดน็ งานวจิ ยั ทต่ี นเองสนใจกบั ประเดน็ งานวจิ ยั อ่นื ๆ ดว้ ย

3. การบรู ณาการระหว่างงานวิจยั ในหน่วยงานกบั นอกหน่วยงาน เน่ืองจากในหลายกรณี
งานวจิ ยั ทางส่งเสรมิ การเกษตรเก่ยี วขอ้ งกบั หน่วยงานอ่นื ๆ ดว้ ย ดงั นนั้ การบูรณาการจงึ มกี ารบรู ณา
การระหว่างงานวจิ ยั ในหน่วยงานทผ่ี ู้วจิ ยั ทางานอย่กู บั หน่วยงานอ่นื ๆ เช่น ระหว่างหน่วยงาน ระดบั กรม
ต่าง ๆ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรอื ในหลายกรณีจะต้องบูรณาการกบั หน่วยงานนอกกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ รวมถงึ หน่วยงานภาคเอกชนอ่นื ๆ อกี ดว้ ย

65

4. การบูรณาการงานวิจยั ในระดบั ต่าง ๆ คอื งานวจิ ยั ในระดบั ส่วนกลาง เช่น กระทรวง กรม
เขต กับงานวิจยั ในระดบั พ้ืนท่ี เพราะงานวิจยั จาเป็นต้องเช่อื มโยงตัง้ แต่ระดบั นโยบายจนถึงระดับ
ปฏบิ ตั กิ าร

5. การบูรณาการระหว่างศาสตรห์ รือความร้สู าขาต่าง ๆ เน่ืองจากงานส่งเสรมิ การเกษตร
ซง่ึ เก่ยี วขอ้ งกบั เกษตรกรนัน้ จาเป็นตอ้ งอาศยั ความรหู้ รอื ศาสตรใ์ นหลาย ๆ ด้าน เพ่อื ทาความเขา้ ใจ
กาหนดแนวทาง และการดาเนนิ การวจิ ยั ทงั้ ทางดา้ นเกษตรศาสตร์ สงั คมศาสตร์ จติ วทิ ยา เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ
การบรู ณาการงานวจิ ยั ทางส่งเสรมิ การเกษตรจงึ ตอ้ งมกี ารบูรณาการระหว่างศาสตรต์ ่าง ๆ เหลา่ น้ี

จากท่กี ล่าวมาในปัจจุบนั เพ่อื ให้เกิดการบูรณาการในการวจิ ยั มากขน้ึ จงึ มกี ารแก้ไขปัญหา
โดยการจดั ทางานวจิ ยั เป็นลกั ษณะของชุดโครงการ ซ่งึ จะทาใหเ้ กดิ การบูรณาการงานวจิ ยั ได้มากกว่า
การทางานวจิ ยั เดย่ี ว เพราะการทาชุดโครงการจะทาใหเ้ กดิ การบูรณาการในลกั ษณะไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ขนั้ ตอนการวิจยั แบบบรู ณาการ

การวิจยั แบบบูรณาการมีการดาเนินงานเป็ นขัน้ ตอนตัง้ แต่การค้นหาประเด็นในการวิจัย
การพัฒนา โครงการวิจยั การเตรยี มทีมและกาหนดบทบาท การดาเนินการวิจยั และพัฒนานักวิจัย
การร่วมแลกเปล่ียนความคิดเห็น การร่วมสังเคราะห์ยกระดับความรู้ การเผยแพร่ผลงาน และ
การเช่อื มโยงกบั นโยบายและระดบั ต่าง ๆ และในขนั้ ตอนต่าง ๆ จะมกี ารตดิ ตาม หนุนเสรมิ เช่อื มโยง และ
ประสานงานกนั ในทุกขนั้ ตอนดงั ภาพ

เชอ่ื มโยงระดบั นโยบาย
และระดบั ต่าง ๆ

เผยแพรผ่ ลงาน

ร่วมสงั เคราะห์ ยกระดบั ความรู้
ในทมี วจิ ยั และระหว่างทมี วจิ ยั อน่ื ๆ
ร่วมแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ วเิ คราะห์
การทางานในทมี และระหว่างทมี

พฒั นานกั วจิ ยั และดาเนินการวจิ ยั

เตรยี มทมี วจิ ยั กาหนดบทบาท ประสานงานดา้ นบคุ ลากร
งบประมาณ เวลา
ร่วมพฒั นาเอกสารเชงิ หลกั การ พจิ ารณาความเป็นไปได้
พฒั นาโครงการวจิ ยั

ร่วมพฒั นาประเดน็ (โจทย์ วจิ ยั )

ร่วมปรกึ ษา ประชุม เรยี นรู้ สถานการณ์ คน้ หาประเดน็ ปัญหา

ภาพที่ 35 ขนั้ ตอนการวจิ ยั แบบบูรณาการ

66

ในทน่ี ้ีจะขอยกตวั อยา่ งชุดโครงการวจิ ยั ทม่ี กี ารบรู ณาการในลกั ษณะต่าง ๆ เชน่
1. ชุดโครงการวิจยั เร่ือง ความเข้มแขง็ ของชุมชนเกษตรกรรมในพื้นลุ่มน้าภาคใต้ ซ่งึ
เป็นชุดโครงการทท่ี างานวจิ ยั ในพ้นื ทล่ี ุ่มน้าภาคใต้ 9 ลุ่มน้า ประกอบด้วย โครงการยอ่ ย 19 โครงการ
มนี ักวจิ ยั ในโครงการแบ่งเป็นทมี ย่อย 19 ทมี วจิ ยั ประกอบดว้ ย ผนู้ าชุมชน นกั พฒั นา นกั วชิ าการ โดย
มที มี วจิ ยั กลางและมกี องประสานงานกลาง และทมี สงั เคราะหก์ ลางเป็นทมี สนับสนุนเช่อื มโยงนักวจิ ยั
ยอ่ ยในทมี ต่าง ๆ เป็นงานวจิ ยั ทม่ี ปี ระเดน็ ยอ่ ยในการศกึ ษาประเดน็ ต่าง ๆ คอื

1.1 ศกึ ษาปรชั ญา ฐานคดิ และภมู ปิ ัญญาในการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชนเกษตรกร
และการจดั การในดา้ นต่าง ๆ

1.2 ศกึ ษาถงึ การรวมกลุ่มทงั้ เพอ่ื การเรยี นรแู้ ละทากจิ กรรมรว่ มกนั
1.3 ศกึ ษาการจดั การการผลติ การแปรรปู การจดั การทุนเพอ่ื การดาเนินงานของชุมชน
1.4 ศกึ ษาการจดั การทอ่ งเทย่ี วทเ่ี หมาะสมในชุมชน
1.5 ศกึ ษาการจดั การตลาดสเี ขยี วหรอื ตลาดสนิ คา้ ผลติ ภณั ฑธ์ รรมชาตขิ องชุมชน
1.6 ศกึ ษาการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยงั่ ยนื ในชมุ ชน
โดยเป็นการศกึ ษาในทุกมติ ทิ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ความเขม้ แขง็ ของชุมชนเกษตรกรรม ในพ้นื ทล่ี มุ่ น้า
ภาคใต้ท่มี รี ะบบนิเวศน์แตกต่างกนั ทงั้ ในเขตพ้นื ท่ปี ่ าเขา พ้นื ท่สี วน พ้นื ท่นี า และพ้นื ท่ชี ายฝัง่ ทะเล
โดยมกี รอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ดงั น้ี

การผลติ
ระบบเกษตร

ตลาด กลุ่ม แปรรปู
สเี ขยี ว
กระบวนก
ภูมปิ ัญญาภายใน ารเรยี นรู้

ปรชั ญา ทนุ
ฐานคิด

การ ภมู ปิ ัญญาภายนอก
ท่องเทย่ี ว กจิ กรรมกลุ่ม

ทรพั ยากร
ธรรมชาติ

ภาพท่ี 36 กรอบแนวคดิ ชุดโครงการความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนเกษตรกรรม

67

2. ชุดโครงการวิจยั เร่ืองการผลิต การแปรรปู และการตลาดเครือข่ายผลิตผลเกษตร
ท่ีมีมาตรฐาน เป็นชุดโครงการวจิ ยั ท่มี กี ารดาเนินงาน ประกอบดว้ ย โครงการวจิ ยั ย่อย 5 โครงการ
มีลักษ ณ ะเป็ นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Paticipatory Action Research : PAR)
ทเ่ี น้นการพฒั นาเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมกบั ชุมชนเพ่อื พฒั นาการผลติ ทางการเกษตร การแปรรปู ผลผลติ
การเกษตรให้ได้มาตรฐาน รวมถึงการจดั การการตลาดและการสร้างเครอื ข่ายตลาดชุดโครงการ
ดงั กล่าวน้ี ประกอบดว้ ย นักวจิ ยั คอื นกั วชิ าการจากสถาบนั การศกึ ษาต่าง ๆ นกั พฒั นาจากหน่วยงาน
ต่าง ๆ ทงั้ ในส่วนการ ระดบั พน้ื ท่ี และผนู้ าชมุ ชน โดยมที มี ประสานงานและทมี สงั เคราะหก์ ลางเป็นทมี
สนับสนุนและสรปุ วเิ คราะหภ์ าพรวม งานวจิ ยั ดงั กล่าวเป็นการวจิ ยั ทบ่ี ูรณาการทงั้ ในส่วนของผรู้ ว่ มวจิ ยั
ท่มี าจากหลายหน่วยงานหลายระดบั บูรณาการประเด็นงานท่เี ก่ียวข้องกับการผลิต การแปรรูปและ
การตลาดสนิ คา้ เกษตรแบบครบวงจรทงั้ ระบบและเช่อื มโยงกนั โดยมงุ่ ศกึ ษาถงึ เทคโนโลยที เ่ี หมาะสมในการ
ผลติ และการแปรรปู ผลผลติ แต่ละพน้ื ทร่ี วมถงึ แนวทางในการผลติ สนิ คา้ เกษตรทไ่ี ดม้ าตรฐาน การศกึ ษา
แนวทางการพฒั นาการตลาดรวมถงึ การจดั การตลาดทเ่ี หมาะสมในแต่ละพน้ื ท่ี ดงั ภาพ

การจดั การตลาด
เครอื ขา่ ย

พฒั นา
การตลาด

พฒั นา สนิ คา้ ทม่ี ี
การแปรรปู มาตรฐาน
ผลผลติ

พฒั นา พฒั นา
เทคโนโลยี การผลติ
ทเ่ี หมาะสม การเกษตร

ภาพที่ 37 กรอบแนวคดิ ชดุ โครงการวจิ ยั การผลติ การแปรรปู และการตลาดเครอื ขา่ ย
ผลติ ผลเกษตรทม่ี มี าตรฐาน

68

ข้อพิจารณาการบรู ณาการงานวิจยั
ในการบรู ณาการงานวจิ ยั ทางสง่ เสรมิ การเกษตรมขี อ้ พจิ ารณาดงั น้ี
1. ควรมีการประชุม พบปะ พูดคุย ในทีมวิจยั อย่างสม่าเสมอเพ่ือให้ทุกคนได้รบั ทราบ

สถานการณ์และแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการดาเนินการรว่ มกนั
2. ร่วมกนั กาหนดและสร้างความชดั เจนในเป้าหมายการวิจยั รว่ มกนั สรา้ งการเช่อื มโยง

และความสอดคลอ้ งในระดบั ต่าง ๆ และในระดบั เดยี วกนั เพ่อื ให้การดาเนินการวจิ ยั เป็นไปอย่างเป็น
กระบวนและทศิ ทางเดยี วกนั

3. สร้างความเข้าใจในการทางานซ่ึงกนั และกนั และใหค้ วามเคารพในความคดิ เหน็ เพราะ
การทาวจิ ยั แบบบูรณาการตอ้ งอาศยั ความเขา้ ใจและประสานความคดิ ท่แี ตกต่างกนั ใหส้ ามารถนาไปสู่
บทสรปุ ทด่ี ที ส่ี ุด

4. พิจารณามองงานที่ภาพรวมไม่ควรยึดติดกบั งานของเราของหน่วยงาน เพราะเป็น
งานท่มี ุ่งเป้าหมายร่วมกนั ดงั นัน้ ผู้วจิ ยั จะต้องทาความเข้าใจกบั ผู้ร่วมทีม หน่วยงานท่ีร่วมทมี และ
ช่วยเหลอื ผอู้ ่นื ดว้ ย

5. สร้างความเป็นทีมวิจยั และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ ายทุกระดบั สรา้ งสานึกรว่ มกนั ของ
ทมี วจิ ยั ใหเ้ กดิ ขน้ึ ตงั้ แต่เรมิ่ ตน้ งานวจิ ยั จงึ จะทาใหง้ านวจิ ยั ประสบความสาเรจ็

6. จดั ระบบการส่ือสาร การจงู ใจ และบริหารความขดั แย้งในการบูรณาการงานวจิ ยั ใน
ทมี งาน ควรมกี ารจดั ระบบการสอ่ื สารและสรา้ งแรงจงู ใจ รวมถงึ การรจู้ กั การบรหิ ารความขดั แยง้ ทจ่ี ะ
เกดิ ขน้ึ

7. สร้างระบบการสนับสนุน เพ่อื หนุนให้เกดิ การทางานมากกว่าการกาหนดเง่อื นไขกฎเกณฑ์
เพอ่ื ขดั ขวางหรอื เป็นอุปสรรคในการทางานรว่ มกนั ของทมี วจิ ยั

8. ไม่ปล่อยให้ระดบั ใดระดบั หน่ึง ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงทางานไปตามลาพงั ผปู้ ระสานงานหรอื
หวั หน้าโครงการรวมถงึ สมาชกิ ในทมี วจิ ยั ควรใหก้ าลงั ใจ ตดิ ตามชว่ ยเหลอื กนั อยา่ งใกลช้ ดิ และสม่าเสมอ

ท่กี ล่าวมาเป็นข้อพิจารณาบางประการเพ่ือให้การบูรณาการงานวิจยั ทางส่งเสรมิ การเกษตร
ประสบความสาเรจ็ เป็นการแกไ้ ขปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการทางานวจิ ยั ทางส่งเสรมิ การเกษตรทผ่ี ่านมา

ผลการบรู ณาการในงานวิจยั ทางส่งเสริมการเกษตร
การบูรณาการในงานวจิ ยั ทางส่งเสรมิ การเกษตรก่อให้เกดิ ผลดที งั้ ในระยะสนั้ และระยะยาว

กลา่ วคอื
1. ในระยะสนั้ ก่อใหเ้ กดิ การประสานความคดิ กจิ กรรม งบประมาณ บุคลากร ทาใหเ้ กดิ ความ

ประหยดั การใชท้ รพั ยากรต่าง ๆ ในงานวจิ ยั
2. ในระยะยาว ก่อให้เกดิ การระดมความคดิ การเรยี นรรู้ ่วมกนั และทาให้เกดิ ความรบั ผดิ ชอบ

ในการวจิ ยั เพ่อื สรา้ งองค์ความรูใ้ หม่ร่วมกนั ระหว่างภาคตี ่าง ๆ ทีเก่ยี วขอ้ งกบั ประเด็นปัญหาหรอื
โจทยใ์ นการวจิ ยั นัน้ ทงั้ ในส่วนของภาครฐั เอกชน และประชาชนท้องถนิ่ อนั จะทาให้เกิดการพฒั นา
คุณภาพชวี ติ ของบุคคลเป้าหมายใหด้ ขี น้ึ ในทส่ี ดุ

69

บรรณานุกรม

กรมส่งเสรมิ การเกษตร การวางแผนและจัดทาโครงการส่งเสริมการเกษตร กรุงเทพมหานคร
กรมส่งเสรมิ การเกษตร 2535

เกรยี งศกั ดิ ์เจรญิ วงศศ์ กั ดิ ์การคดิ เชงิ บรู ณาการ กรงุ เทพมหานคร บรษิ ทั ซคั เซส มเี ดยี จากดั 2537
ชัยวัฒ น์ ถิระพันธุ์ วิธีคิดกระบวนระบบ กรุงเทพมหานคร สถาบันการเรียนรู้และพัฒ นา

ประชาสงั คม 2545
ชานาญ รุ่งแสง การบูรณาการโครงการ กรุงเทพมหานคร กรมประสานการพฒั นาชนบท สานักงาน

คณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ 2541
ดุษฎี ณ ลาปาง การวางแผนและประเมินผลโครงการส่งเสรมิ การเกษตร เชียงใหม่ ภาควิชา

ส่งเสรมิ และเผยแพรก่ ารเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 2543
เดชน์ เทียมรตั น์ และ กานต์สุดา มาฆะศิรานนท์ วินัยสาหรบั องค์การเรยี นรู้ กรุงเทพมหานคร

ธรี ะป้อมวรรณกรรม 2544
ธงชยั สนั ติวงษ์ และ ชยั ยศ สนั ติวงศ์ พฤติกรรมบุคคลในองค์การ บรษิ ัทโรงพมิ พ์ไทยวฒั นาพานิช

จากดั 2540
ธนพรรณ ธานี การศกึ ษาชมุ ชน ขอนแก่น บรษิ ทั เพญ็ พรน้ิ ตง้ิ จากดั 2542
บาเพ็ญ เขยี วหวาน การวจิ ยั ชุมชน ใน ประมวลสาระชุดวิชาการวจิ ยั เพ่ือการพฒั นาการส่งเสรมิ

การเกษตร เล่มท่ี 2 หน่ วยท่ี 6 นนทบุรี สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์
มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช 2544
บาเพ็ญ เขียวหวาน การบูรณาการงานวจิ ยั กรุงเทพมหานคร สาขาวิชาส่งเสรมิ การเกษตรและ
สหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช 2546
ปารชิ าติ วลยั เสถยี ร และคนอ่นื ๆ กระบวนการและเทคนิคการทางานของนักพฒั นา กรงุ เทพมหานคร
สานกั งานกองทุนสนบั สนุนงานวจิ ยั 2543
พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยตุ โต) เพ่อื อนาคตของการศกึ ษาไทย กรงุ เทพมหานคร : คณะศกึ ษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 2531
ยุดา รกั ไทย และ ธนิกานต์ มาฆะศิรานนท์ เทคนิคการแก้ปัญหาและตัดสนิ ใจ กรุงเทพมหานคร
ธรี ะป้อมวรรณกรรม 2544
ราชบณั ฑติ ยสถาน พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 กรุงเทพมหานคร บรษิ ทั นานมี
บุคส์ พบั ลเิ คชนั่ ส์ จากดั 2546
วรี ะวุธ มาฆะศิรานนท์ และ ณัฐพงศ์ เกศมารษิ System Thinking : หวั ใจนักคิด กรุงเทพมหานคร
ด่านสทุ ธาการพมิ พ์ จากดั 2544

ศริ วิ รรณ เสรรี ตั น์ และคณะ องคก์ ารและการจดั การ กรงุ เทพมหานคร สานกั พมิ พพ์ ฒั นาศกึ ษา 2539

70

ศริ วิ รรณ เสรรี ตั น์ และคณะ พฤตกิ รรมองคก์ าร กรงุ เทพมหานคร บรษิ ทั ธรี ะฟิลม์ และไซเทก็ ซ์ จากดั
2541

สมยศ นาวกี าร การบรหิ าร กรงุ เทพมหานคร สานกั พมิ พด์ อกหญา้ 2537
สุรชยั ประเสรฐิ สรวย กระบวนการกลุ่มกบั การแกป้ ัญหา กรงุ เทพมหานคร มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั -ธรร

มาธริ าช 2538
สุนนั ทา สุนทรประเสรฐิ หลากหลายการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ กรงุ เทพมหานคร หจก. รมิ ปิง การพมิ พ์

มปป.
อรรถ ชัย จิน ต ะเวช วิธีก ารวิเค ราะห์พ้ืน ท่ี ขอ น แก่ น โครงก ารวิจัยระบ บ ก ารท าฟ าร์ม

มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 2531

71


Click to View FlipBook Version