1.3) กรม หรือส่วนราชการท่ีมีฐานะ
เป็นกรม เป็นส่วนราชการที่แบ่งยอ่ ยลงมาจากกระทรวง มี
อธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการ
ปฏิบัติราชการของกรมและมีรองอธิบดีหรือผู้ช่วยอธิบดี
เปน็ ผ้บู งั คบั บัญชาข้าราชการรองจากอธิบดี แต่ละกรมอาจ
มีการแบ่งส่วนราชการเป็นสานักงานเลขานุการกรมหรือ
กอง
2) ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค คือ
การแบ่งอานาจการปกครองจากส่วนกลางไปปฏิบัติยัง
ท้องท่ีต่างๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางของกระทรวงหรือ
กรมไปประจา เพื่อปฏิบัติงานตามนโยบายของส่วนกลาง
ให้เหมาะสมกับท้องทน่ี ้นั ๆ
การบริหารราชการส่วนภูมิภาค แบ่ง
สว่ นราชการออกเป็น ดังนี้
2 . 1 ) จั ง ห วั ด จั ด ตั้ ง ขึ้ น โ ด ย
พระราชบัญญัติ โดยรวมท้องท่ีหลายๆ อาเภอต้ังขึ้นเป็น
จังหวัด มีฐานะเป็นนิติบุคคล ในแต่ละจังหวัดจะมีผู้ว่า
ราชการจงั หวดั เป็นผรู้ ับนโยบายและคาส่ังจากสว่ นกลางมา
ปฏบิ ัติให้เหมาะสมกบั ท้องที่และประชาชน
2.2) อาเภอ เป็นหน่วยราชการบริหาร
รองจากจังหวัด มีนายอาเภอเป็นหัวหน้าปกครองบังคับ
บัญชาข้าราชการในอาเภอ และรับผิดชอบงานบริหาร
ราชการของอาเภอให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ
แบบแผนทางราชการ
3) ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน คือ
การบริหารราชการโดยกระจายอานาจการปกครองไปยัง
ท้องถ่ิน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิ่น
นั้นๆ ให้เป็นไปตามหลักการกระจายอานาจการปกครอง
ภายใต้เง่ือนไขและกฎเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ
ภายใต้การอานวยการและความรบั ผิดชอบของรัฐบาล
การบริหารราชการส่วนท้องถ่ินเป็นส่วนท่ีแยกไป
จากการบรหิ ารราชการส่วนกลางตลอดจนไม่เป็นสาขาของ
การบริหารราชการส่วนกลางเหมือนอย่างการบริหาร
ราชการส่วนภูมภิ าค
3.1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด
จัดต้ังขึ้นในจังหวัดตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วน
จังหวัด พ.ศ. 2540 ซึ่งมีการแก้ไขเพ่ิมเติมจนถึงฉบับที่ 4
พ.ศ. 2552 เพื่อจัดกจิ การส่วนจังหวดั ภายในเขตจงั หวดั
3.2) เทศบาล เทศบาลแบ่งเป็น 3
ประเภท คือ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาล
ตาบล เทศบาลแตล่ ะแหง่ มที รพั ยส์ ิน รายได้ และเจ้าหน้าท่ี
ของตนเอง
3.3) องค์การบริหารส่วนตาบล
ประกอบด้วยสภาองค์การบริหารส่วนตาบลท่ีสมาชิกสภา
มาจากการเลือกต้ังของประชาชนในแต่ละหมู่บ้านในตาบล
น้นั
3.4) การปกครองท้องถิ่นรูปแบบ
พิเศษ ไดแ้ ก่ กรุงเทพมหานครและเมืองพทั ยา
1. กรุงเทพมหานคร เป็น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษประกอบด้วย
สภากรุงเทพมหานคร ซ่ึงสมาชิกสภามาจากการเลือกต้ัง
ของประชาชน และมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครท่ีมา
จากการเลอื กตงั้ ของประชาชน
2. เมืองพัทยา เป็นองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษ ประกอบด้วยสภาเมือง
พัทยาซึ่งสมาชกิ สภามาจากการเลือกต้ังจากราษฎรผู้มีสิทธิ
เลือกต้ังในเขตเมืองพัทยา มีนายกเมืองพัทยามาจากการ
เลือกต้ังโดยตรงจากราษฎร ผู้มีสิทธิเลือกต้ังในเขตเมือง
พัทยาเป็นผู้ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการ
ของเมืองพัทยา
4.4 กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม
กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม มีอยู่ด้วยกันหลายฉบับ สาหรับกฎหมาย
เกี่ยวกับ การอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมที่นักเรียน
ควรรู้ ได้แก่ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ร ว ม ถึ ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ส่ ง เ ส ริ ม แ ล ะ รั ก ษ า คุ ณ ภ า พ
สิ่งแวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. 2535
1) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.
2507 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559) เป็น
กฎหมายท่ีจะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป้องกันการบุก
รุกและทาลายปา่ ไม้
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติได้กาหนด
หลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมดูแลรักษาป่าสงวน ซ่ึง
สามารถสรุปสาระสาคญั พอสงั เขปได้ ดงั น้ี
1.1) ห้าม บุคคลใดๆ เข้ายึดถื อ
ครอบครองทาประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในท่ีดินก่อสร้าง
แผ้วถาง เผาป่า ทาไม้ เก็บหาของป่าในเขตป่าสงวน
แห่งชาติ หรือกระทาด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อม
เสียแกส่ ภาพปา่ สงวนแหง่ ชาติ ยกเวน้ ในกรณตี ่างๆ ดงั น้ี
1. ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรม
ป่าไม้ (โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการ
ใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ) ให้บุคคลหนึ่งบุคคล
ใดเข้าทาประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
คราวละไมน่ อ้ ยกวา่ ห้าปี แต่ไม่เกินระยะเวลาสามสบิ ปี
2. ได้รับอนุญาตจากพนักงาน
เจ้าหนา้ ที่ พนักงานเจ้าหนา้ ทม่ี อี านาจอนุญาตใหบ้ ุคคลใดๆ
ทาไมห้ รือเก็บหาของปา่ ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาตไิ ด้
3. ในกรณีท่ีป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งหมด หรือบางส่วนมีสภาพเป็นป่า ไร่ร้างเก่า หรือทุ่ง
หญ้า หรือเป็นป่าท่ีไม่มีไม้มีค่าข้ึนอยู่เลย หรือมีไม้มีค่าท่ีมี
ลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่เป็นส่วนน้อย และป่าน้ันยากท่ีจะ
กลับฟ้ืนคืนตามธรรมชาติ ให้ถือว่าป่าสงวนแห่งชาติใน
บรเิ วณดังกล่าวนน้ั เป็นป่าเสอื่ มโทรม
1.2) การเข้าไปทาประโยชน์ในเขต
ปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ ประชาชนจะเข้าไปอยู่อาศัย
หรือทาประโยชน์ในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติได้ ใน
กรณตี อ่ ไปนี้
1. ถ้าบุคคลใดได้เข้าทา
ประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตดังกล่าวอยู่แล้วจนถึงวันที่
ประกาศกาหนดให้เป็นเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ เม่ือ
บุคคลดังกล่าวร้องขอ และอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
เหน็ ว่าบุคคลดังกล่าวนั้นยังมีความจาเป็นเพ่ือการครองชีพ
ก็ มี อ า น า จ อ นุ ญ า ต เ ป็ น ห นั ง สื อ ใ ห้ บุ ค ค ล ดั ง ก ล่ า ว ท า
ประโยชน์และอยู่อาศัยต่อไปในท่ีท่ีได้ทาประโยชน์หรือ
อาศัยอยู่แล้วนั้นได้ แต่ต้องไม่เกินย่ีสิบไร่ต่อหนึ่งครอบครัว
และมีกาหนดเวลาคราวละไม่น้อยกว่าห้าปีแต่ไม่เกิน
สามสบิ ปี
2. การขออนุญาตเข้าไปใน
เขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติเพ่ือประโยชน์ในการศึกษา
หรือวิจัยทางวิชาการ อธิบดีมีอานาจอนุญาตเป็นหนังสือ
แก่กระทรวง ทบวง กรม หรือบุคคลอ่ืนใดให้กระทาการ
อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติได้
3 . ใ น ก ร ณี ที่ ป่ า ส ง ว น
แห่งชาติใดมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ให้อธิบดีโดยความ
เห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ใน
เขตป่าสงวนแห่งชาติมีอานาจอนุญาตเป็นหนังสือให้บุคคล
หน่ึงบุคคลใดทาการบารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือไม้
ยืนตน้ ในเขตป่าเส่ือมโทรมได้
2 ) พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ส ง ว น แ ล ะ
คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ
ห้ามมิให้ผู้ใดล่าหรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า
คุ้มครอง ห้ามยิงสัตว์ป่า ห้ามเก็บ ทาอันตราย หรือมีไว้
ครอบครองซึ่งรังของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่า
คุ้มครองห้ามมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่า
คุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่า
คุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นหรือรับอนุญาตตาม
บทบญั ญัตขิ องกฎหมาย
แนวปฏิบัติในเขตรักษาพนั ธ์ุสัตว์ปา่ มดี งั ตอ่ ไปน้ี
2.1) ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือมีไว้
หรือเก็บ หรือทาอันตรายแก่รังของสัตว์ป่า เว้นแต่จะ
กระทาเพ่ือการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ และได้รับ
อนุญาตเปน็
หนังสือจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์
พืชหรืออธิบดีกรมประมงที่เก่ียวกับสัตว์น้าโดยความ
เห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
แห่งชาติ
2.2) ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปใน
เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงาน
เจ้าหน้าที่ ยกเว้นพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานอื่นใดซ่ึง
ตอ้ งเข้าไปปฏิบตั ิการตามหน้าท่ี ผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องปฏิบัติตามเง่ือนไขท่ีกาหนดใน
กฎกระทรวง
2.3) ห้ามมิให้ผู้ใดยดึ ถือหรือ
ครอบครองที่ดิน หรือปลูก หรือก่อสร้างสิ่งหนึ่งส่ิงใด หรือ
ตัดโค่น แผ้วถาง เผา หรือทาร้ายต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น
หรือขุดหาแร่ ดิน หิน หรือเล้ียงสัตว์ป่า หรือปล่อยสัตว์ป่า
หรือเปล่ียนแปลงทางน้า หรือทาให้น้าในลาน้า ลาห้วย
หนอง บึงท่วม หรือเหือดแห้ง เป็นพิษ หรือเป็นอันตราย
ตอ่ สตั ว์ป่า
2.4) การกาหนดเขตห้ามล่า
สั ต ว์ บ ริ เ ว ณ ส ถ า น ท่ี ท่ี ใ ช้ ใ น ร า ช ก า ร ห รื อ ใ ช้ เ พ่ื อ
สาธารณประโยชน์ หรือประชาชนใช้เป็นประโยชน์ร่วมกัน
แห่งใด รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ จะกาหนดให้เป็นเขต
ห้ามลา่ สัตว์ปา่ โดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
2.5 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า
หรือมไี ว้เพอ่ื เกบ็ หรอื ทาอนั ตรายแก่รงั ของสัตว์ป่า ไม่ว่าจะ
เป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ในบริเวณวัดหรือใน
บริเวณสถานท่ีที่จัดไว้เพื่อใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทาง
ศาสนา กล่าวได้ว่า กฎหมายเก่ียวกับการอนุรักษ์
ธรรมชาตินน้ั มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่
1. พ้ืนที่ซ่ึงมีลักษณะเป็นต้นน้าลาธาร
หรือมีระบบนิเวศตามธรรมชาติ หรือพ้ืนที่ที่มีคุณค่าทาง
ธรรมชาติควรแก่การอนุรักษ์ ได้รับการประกาศเป็นเขต
อนุรักษ์ ส่งผลต่อคุณภาพของธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
อันจะเป็นผลดตี ่อการดารงชวี ติ ของมนุษย์
2. ทาให้ทุกคนเห็นความสาคัญหรือ
ประโยชน์ของป่าไม้ และเกรงกลัวต่อโทษของการฝ่าฝืน
กฎหมาย ไม่กระทาการที่เป็นการบุกรุก ทาลายป่าไม้ท่ีรัฐ
ได้สงวนคุ้มครองไว้ ซึ่งจะมีส่วนในการรักษาป่าไม้อันเป็น
บริเวณต้นน้าลาธาร ป้องกันการเกิดความแห้งแล้ง พื้นดิน
พังทลาย ลาน้าตื้นเขิน การเกิดอุทกภัย อันจะเกิดความ
เสยี หายทางการเกษตรและเศรษฐกิจของประเทศ
3. ทาให้ทุกคนเห็นความสาคัญและ
เกรงกลัวต่อโทษของการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่กระทาการใดที่
จะเป็นการทาลายสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซ่ึงจะ
ทาให้จานวนสัตว์ป่าท่ีเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของ
ประเทศไม่ลดลงหรือสูญพันธ์ุไป อันจะเป็นผลดีต่อ
ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ระบบนิเวศ การท่องเท่ียว
ตลอดจนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ดังน้นั ประชาชนทุกคนจงึ ควรมสี ว่ น
ร่วมและปฏิบตั ติ นตามกฎหมายเกี่ยวกบั การอนรุ ักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความสมดุลทางธรรมชาติ อนั จะ
ก่อให้เกดิ สภาพแวดล้อมที่ดี
3) พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ
ส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่
2 พ.ศ. 2561) มีบทบัญญัติเพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้
ประชาชนทุกคน องค์กรเอกชน หน่วยงานของรัฐ และผู้ที่
มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกัน เพ่ือป้องกัน แก้ไข และ
พัฒนาสภาพแวดล้อมให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งผลดีต่อ
การดารงชีวิตของมนุษย์ โดยผู้ท่ีมีบทบาทสาคัญในการ
ดาเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย คือ คณะกรรมการ
สิ่งแวดลอ้ มแหง่ ชาติ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอานาจ
หน้าที่ในการเสนอนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กาหนดมาตรฐานคุณภาพ
สิ่งแวดล้อม พิจารณาให้ความเห็นชอบในแผนจัดการ
คณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ มทร่ี ฐั มนตรเี สนอ และเสนอแนะใหแ้ ก้ไข
เพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมและ
รักษาคุณภาพส่งิ แวดลอ้ มตอ่ คณะรัฐมนตรี
สมาชิกในสังคมประชาธิปไตยทุกคนมีหน้าท่ีที่
จะต้องปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมและประเทศชาติ
ซง่ึ การปฏิบัตติ นตามกฎหมายถือเปน็ สิง่ สาคัญประการหน่ึง
เพราะกฎหมาย คือ กฎกติกาท่ีสังคมกาหนดข้ึนมาเพ่ือใช้
เป็นเครื่องมือควบคุมหรือจัดระเบียบทางสังคม โดย
กฎหมายได้วางแนวทางสาหรับการอยู่ร่วมกันและกาหนด
บทบาท สิทธิ และหน้าที่ของแต่ละคนในสังคมไว้ตั้งแต่เกิด
จนตาย
ดังนั้น ในฐานะสมาชิกของสังคมจึงมีความ
จาเป็นที่จะต้องศึกษาและทาความเข้าใจในกระบวนการ
ตรากฎหมาย และกฎหมายต่างๆ ที่สาคัญ โดยเฉพาะ
กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัว เช่น
กฎหมายแพ่งเก่ียวกับครอบครัว และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง
กับชุมชน และประเทศชาติ เช่น กฎหมายแรงงาน
กฎหมายภาษีอากร กฎหมายปกครอง กฎหมายเกี่ยวกับ
การอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เป็นต้น เพ่ือนา
ความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับกฎหมายมาใช้ในการ
ดาเนินชีวิตประจาวัน เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นไป
อยา่ งปกตสิ ุข
จบหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 กฎหมาย
กบั การดาเนินชีวิตประจาวัน