สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๔๖ วันเซ่นไหว้หลุมศพ ลีซูเรียกว่า“หลี่ฮีชัว” หลังจากปีใหม่ผ่านไปสักสองเดือนกว่าๆ พิธีนี้จะจัดขึ้น ณ สุสานหรือหลุมฝังศพ ลีซูมีการเซ่นไหว้ที่ ณ หลุมฝังศพ พิธีกรรมนี้จะทำการ 3 ครั้ง ทำทุกๆปี หลังจากนั้นเซ่นไหว้ครบ 3 ครั้งแล้ว ไม่ต้องทำแล้ว ลีซูมี ความเชื่อว่าวิญญาณไปเกิดใหม่แล้ว
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๔๗ พิธีกรรม “คุ๊สัว” พิธีกรรม “ต๊ะเฉาะ” พิธีกรรม “ซะลาฉา” 6.ศาสนาและความเชื่อ ชาวลีซอส่วนใหญ่นับถือผี (เหน่) ควบคู่กับ ศาสนาคริสต์ หรือศาสนาพุทธ ผีที่สำคัญมากคือ ผีปู่ ตา ย่า ยาย ผีที่นับถือหรือเกรงกลัวคือ ผีที่อยู่ตามธรรมชาติ เช่น ผีดอย ผีดิน ผีน้ำ ผีไร่ การเรียกขวัญ เป็นความ เชื่อด้วยด้านจิต วิญญาณ เพื่อความสุขสบายกาย ใจ ทำต่อเมื่อคนในครอบครัว เจ็บป่วย บาดเจ็บ การทำนาย โชค การเลี้ยงผีลีซอ เซ่นไหว้จะใช้กระดูกไก่ทำนายโชคชะตาของเจ้าภาพและครอบครัว ข้อห้าม ข้อปฏิบัติของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู 1. ผู้หญิงหรือผู้ชายลีซูรวมถึงคนอื่น ๆ ที่สนใจสวมใส่กางเกงลีซู ไม่ควรสวมใส่สีกางเกงสลับเพศ 2. ผู้หญิงและผู้ชายหรือภรรยาไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าบิดาหรือสามี เช่น เรื่องประจำเดือน การ คลอดลูก หรือการพูดเล่นซึ่งมีลักษณะลามก ฯลฯ 3. ไม่ควรมองข้ามความสำคัญในการนับญาติ เพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติกับฝ่ายที่ถูกเรียก เช่น น้า ชาย ไม่ควรเรียกว่า คุณอา หรือคุณป้าไม่ควรถูกเรียกว่า คุณน้า หรือเรียกคุณลุงไม่ควรถูกเรียกว่า คุณอา ฯลฯ 4. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ต่อหน้าบิดา ผู้นำพิธี/ผู้ประกอบพิธีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู ผู้นำพิธีในกลุ่มชาติพันธุ์ลีซูจะมีอยู่ด้วย 3 คนคือ “เหมอเมอผะ” หรือหมอเมือง และ “หนี่ผะ” หรือ หมอผี และหัวหน้าครัวเรือนที่เป็นชาย พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ลีซูที่ยังคงนับถือศาสนาดั้งเดิมหรือการให้ความเคารพแก่บรรพบุรุษ นั้นประกอบด้วยพื้นที่ดังต่อไปนี้ - ศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน หรือ อาปาโหม่ฮี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือน เข้าไปในบริเวณศาลเจ้า - ศาลเทพเจ้าแห่งขุนเขาหรือ “อิด่ะมอฮี” ศาสนาและความเชื่อ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๔๘ - บริเวณหลุมฝังศพ หลังจากที่ทำพิธีเซ็งเม้งในแต่ละปีเสร็จแล้ว จะไม่สามารถเข้าใกล้หรือหยิบ สิ่งของใด ๆ ออกจากบริเวณหลุมฝังศพ - หิ้งบรรพบุรุษของแต่ละครัวเรือน พื้นที่นี้สามารถจับต้องได้หรือทำความสะอาดได้เฉพาะใน โอกาสพิเศษเท่านั้น เช่น โอกาสปีใหม่ หรือกินข้าวโพดใหม่ และทุกวันศีลซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำที่หิ้งฯ ข้อ สำคัญเวลาที่ต้องการพักบ้านลีซู โดยเฉพาะสามีภรรยา คือไม่ควรหลับนอนด้วยกันในบริเวณหน้าหิ้งบรรพบุรุษ พิธีกรรมสำคัญของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู 1. พิธีกรรม “ต๊ะเฉาะ” จะกระทำเมื่อรู้สึกไม่สบายหรือทานอาหารไม่อร่อย หรือเมื่อหมอผีได้ทำการ สวดภาวนาแล้วพบว่าควรทำพิธีกรรมดังกล่าว พิธีกรรมนี้โดยปกติจะทำร่วมกันกับพิธี “ซะละฉา” หรือสร้าง ศาลา แต่หากต้องการทำพิธีนี้อย่างเดียวโดยไม่ต้องทำพิธีทานศาลาก็ทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ ความถี่ของการทำ พิธีกรรมนี้ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ในเครื่องเซ่นไหว้ การจะทำพิธีให้ได้ผลและเพื่อให้หายจากอาการต่าง ๆ ต้อง ทำพิธีให้สุดและให้ศักดิ์สิทธิ์ หากเครื่องเซ่นไม่สมบูรณ์หรือที่ชาวลีซูเรียกว่า “ อิหลี่กือหม่าเป” (อิหลี่ หมายถึง ธรรมเนียมหรือพิธี, กือ หมายถึง วาง, หม่าเป หมายถึง ไม่ถึง) ก็จะต้องมีการทำพิธีกรรมนี้บ่อยมากขึ้น แต่ถ้า ทำพิธีครบ ไม่ขาดสิ่งของเซ่นไหว้ใด ๆ จะทำให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวหายเป็นปกติ พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับ บุคคล การเข้าร่วมของสมาชิกในครอบครัวสามารถยืดหยุ่นได้ ตามความสะดวกของสมาชิกแต่ละคน พิธีกรรม “ต๊ะเฉาะ” ภาพโดย โอโตเม่ ไกล์น ฮัทธิซิงค์ ราวปี พ.ศ. 2543
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๔๙ 2. พิธีกรรม “ซะละฉา” หรือการสร้างศาลา (บางครั้งเรียกทานศาลา) นี้จะกระทำเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรงหรือให้หมอผีทำพิธีสวดและฟังผลการสวดว่าเป็นเพราะอะไร พิธีกรรมนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้อาวุโส เนื่องจากเป็นพิธีกรรมที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นอายุยืน โดยจะกระทำทุก ๆ 3-4 ปี ในส่วนของสถานที่ที่ เหมาะสมสำหรับทำพิธีกรรมนี้คือบริเวณที่มีคนนั่งพักบ่อย ๆ เช่นบริเวณแยกต่าง ๆ เวลาที่มีคนเดินทางไปไร่ ก็ จะนั่งพักศาลานี้และเวลาที่ผู้คนนั่งพักแล้วประทับใจ จะพูดความรู้สึกที่ดีออกมา และคำพูดดังกล่าวจะส่งผลให้ เจ้าของศาลารู้สึกสบายใจและมีแรงมากขึ้น พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับบุคคล การเข้าร่วมของสมาชิกใน ครอบครัวสามารถยืดหยุ่นได้ ตามความสะดวกของสมาชิกแต่ละคน พิธีกรรม “ซะละฉา” หรือการสร้างศาลา ภาพโดย โอโตเม่ ไกล์น ฮัทธิซิงค์ ราวปี พ.ศ. 2543 3. พิธีกรรม “คุ๊สัว” นี้จะกระทำหลังปีใหม่ อาจเป็นช่วงเดือนไหนก็ได้แต่ไม่ควรรอนานเกินไปเพราะ ผี “คุ๊สัว” นี้เป็นผีที่ดุร้ายที่สุดในบรรดาผีทั้งหมด หากล่าช้าเกินไปอาจทำให้มีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ เช่น การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ฯลฯ เหตุผลที่ต้องกระทำพิธีกรรมดังกล่าวเพราะต้องการนำเอาสิ่งไม่ดีออก จากบ้าน ให้ความโชคร้ายในปีที่ผ่านมาหายไปกับสิ่งของที่เซ่นไหว้ในพิธี โดยสิ่งของเซ่นไหว้เพื่อทำพิธีกรรมนี้ ประกอบไปด้วยเกลือ พริก ขิง เมล็ดฟักทอง ข้าวโพด 1 ฝัก ขวดแก้วเปล่า ของมีคม ถ้วยชามที่ไม่ดี เทียน ไข 1 คู่ (สมัยก่อนไม่มีเทียนไข ชาวลีซูใช้น้ำมันหมูแทน) ธูป 1 คู่ ลำกล้วยสั้น 1 ลำ (พร้อมกับแต่งตัวให้กับ ลำกล้วยด้วยการใส่หมวก ใส่เสื้อผ้า หากมีกางเกงเด็กก็สวมกางเกงเด็กให้กับลำกล้วยด้วย) กระดาษที่ตัด ออกมาเป็นรูปภาพคน 3 แผ่น เสื้อผ้าเก่า ผ้าเช็ดตัว รองเท้า ตุ๊กตา ไผ่สาน อาหารแต่ละประเภท เช่น ผักกาด ผักชี หรือผักอะไรก็ตามที่มีอยู่ในบ้าน เป็นต้น เครื่องเซ่นไหว้เหล่านี้จะสามารถพบได้ตามท้ายหมู่บ้านของชาว ลีซู พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับครัวเรือน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกในครอบครัวจะต้องเข้าร่วมพิธี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๐ แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้สมาชิกในครัวเรือนแต่ละคนต้องแยกย้ายและห่างเหินกันออกไปเนื่องจาก การศึกษา การงานและวิถีชีวิตแบบใหม่ในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ไม่สะดวกเข้าร่วมพิธีได้ ความจำเป็น ในการปรับความเชื่อและการปฏิบัติต่อพิธีกรรมต่าง ๆ จึงปรับเปลี่ยนและต้องยอมรับกับสถานการณ์เหล่านี้ พิธีกรรม “คุ๊สัว” ภาพโดย โอโตเม่ ไกล์น ฮัทธิซิงค์ ราวปี พ.ศ. 2525 4. พิธีกรรม “ชือ แป๊ะ กั๊วะ” หรือพิธีกินข้าวโพดใหม่ พิธีกรรมนี้จะเริ่มขึ้นในเดือน 7 ของลีซู ซึ่ง ตรงกับเดือนมิถุนายนของไทย พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมที่จะต้องทำในแต่ละปีโดยการเอาพืชผักที่เราปลูกหรือ พืชต่าง ๆ มาเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นพิธีกรรมที่ส่งผลให้วิญญาณบรรพบุรุษได้ทานสิ่งของเซ่น ไหว้ และขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยดูแลพืชผลตลอดปีที่ผ่านมา สิ่งของต่าง ๆ ที่จะต้องนำมาทำพิธีประกอบ ไปด้วย ดอกไม้แต่ละประเภท รวมถึงดอกแตงกวา อ้อย ข้าวโพดฝักอ่อน (ที่ยังมีดอกข้าวโพดติดอยู่) ข้าวโพด ฝักแก่ (ไม่มีดอกข้าวโพด) สัปปะรด และผลไม้ต่าง ๆ จำนวนการสักการะของพืชผักนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนบรรพ บุรุษ ได้มีชาวลีซูเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้ว่า ตระกูลที่เชื่อว่า “เป็นลีซูจริง ๆ” คือตระกูล “แมวป่า” จะ ไม่ทำพิธีกรรมนี้ และมีเรื่องเล่าอีกเช่นกันว่า เป็นเพราะตระกูลนี้ไม่ได้ทำพิธีดังกล่าว วิญญาณบรรพบุรุษของ ตระกูลแมวป่าจึงถูกจ้างให้ช่วยแบกสิ่งของเซ่นไหว้จากวิญญาณบรรพบุรุษของตระกูลอื่น ๆ โดยในวันที่ทำ พิธีกรรม วิญญาณบรรพบุรุษของตระกูลแมวป่า จะบ่นว่าไม่มีแตงกิน ไม่มีผักกิน วิญญาณบรรพบุรุษจาก ตระกูลอื่นจึงบอกกับพวกเขาไปว่า “ไม่เป็นไร มาช่วยแบกของให้ข้า ข้าจะจ้างพวกเจ้า และจะเอาเงินให้พวก เจ้าด้วย” พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับครัวเรือน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกในครอบครัวจะต้องเข้าร่วม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๑ พิธี แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้สมาชิกในครัวเรือนแต่ละคนต้องแยกย้ายและห่างเหินกันออกไปเนื่องจาก การศึกษา การงานและวิถีชีวิตแบบใหม่ในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ไม่สะดวกเข้าร่วมพิธีได้ ความจำเป็น ในการปรับความเชื่อและการปฏิบัติต่อพิธีกรรมต่าง ๆ จึงปรับเปลี่ยนและต้องยอมรับกับสถานการณ์เหล่านี้ พิธีกรรม “ชือ แป๊ะ กั๊วะ” หรือพิธีกินข้าวโพดใหม่ ภาพโดย โอโตเม่ ไกล์น ฮัทธิซิงค์ ราวปี พ.ศ. 2525 5. พิธีกรรม “ฉะลั๊วะ” พิธีกรรมนี้กระทำเมื่อคนในตระกูลใดตระกูลหนึ่งฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง พิธีกรรม นี้กระทำได้ทุกตระกูล สถานที่สำหรับจัดทำพิธีนี้คือบริเวณที่มีลำธารเล็ก ๆ เพื่อเดินข้ามเวลาที่ทำพิธี ทั้งนี้ มี ความเชื่อว่า เวลาที่ลอดใต้อุโมงค์ใบไม้แล้ว วิญญาณร้ายจะไหลไปกับลำธาร ข้อสำคัญระหว่างปฏิบัติพิธีกรรมนี้ คือ ห้ามหันหลังให้กับคนอื่นซึ่งอยู่ระหว่างการลอดใต้อุโมงค์ใบไม้เช่นกัน มิเช่นนั้นวิญญาณร้ายจะตามมาด้วย พิธีกรรมนี้มีอยู่ 2 แบบ แบบใหญ่เรียกว่า “ฉะแน” หรือ “ฉะสีดำ” และ “ฉะซัว” หรือ “ฉะเล็ก” ทั้ง สองสิ่งนี้ต่างกันที่สัตว์บูชา สุนัขและไก่ ที่ไม่นิยมทำแบบใหญ่ในปัจจุบันเพราะอัตราการฆ่าตัวตายยังไม่สูง เกินไป พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับตระกูล มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกในครอบครัวจะต้องเข้าร่วมพิธี แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้สมาชิกในครัวเรือนแต่ละคนต้องแยกย้ายและห่างเหินกันออกไปเนื่องจาก การศึกษา การงานและวิถีชีวิตแบบใหม่ในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ไม่สะดวกเข้าร่วมพิธีได้ ความจำเป็น ในการปรับความเชื่อและการปฏิบัติต่อพิธีกรรมต่างๆ จึงปรับเปลี่ยนและต้องยอมรับกับสถานการณ์เหล่านี้
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๒ พิธีกรรม “ฉะลั๊วะ” ภาพโดย อะมีมะ แซ่จู ราวปี พ.ศ. 2543 6. พิธีกรรมเรียกขวัญ หรือ “โชฮาคู” จะถูกจัดขึ้นเมื่อมีอาการดังตัวอย่างต่อไปนี้ เช่น อารมณ์ แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเมื่อได้ยินคนอื่นพูด (แม้คนอื่นจะพูดดีด้วย แต่ฟังอย่างไรก็ไม่รู้สึกสบอารมณ์) จิตใจไม่ สงบ สับสนวุ่นวาย บางครั้งรู้สึกเหมือนมีเสียงออกมาจากหูหรือหูอื้อซึ่งแสดงให้เห็นว่าขวัญหาย นอนละเมอ และถูกผีอำบ่อย (แสดงว่าขวัญอยู่กับผี) หรือฝันไม่ดีบ่อยครั้ง เช่น ฝันว่ามีลูก ฝันถึงผีร้าย ฯลฯ ด้วยอาการที่ กล่าวมาข้างต้น ทำให้ต้องมีพิธีกรรมนี้เพื่อเรียกขวัญกลับมาสู่โลกมนุษย์ ผู้ที่มีขวัญอ่อนจะต้องรับประทานหัวใจไก่หรือหมู (แล้วแต่ว่าจะเลือกสัตว์ประเภทใดในการพิธีกรรมนี้) หลังจากที่หมอเมืองทำพิธีเสร็จสิ้น โดยมีความเชื่อว่า ระหว่างที่หมอเมืองได้ทำพิธีอยู่นั้น ขวัญได้กลับมานั่งอยู่ ในหัวใจของหมูหรือไก่แล้ว ผู้ที่ขวัญอ่อนจะต้องทานหัวใจสัตว์และข้าวสวยที่อยู่ในถ้วยอย่างน้อย 3 คำ และที่ เหลือสามารถแบ่งให้คนอื่นทานได้เช่นกัน ชาวลีซูเชื่อว่าบุคคลคนหนึ่งไม่ควรใช้ชีวิตโดยปราศจากการทำ พิธีกรรมนี้นานเกินไป เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ เช่น การเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม พิธี เรียกขวัญนี้จะได้ผลดียิ่งถ้ามีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขาจะนำขวัญที่แข็งแรงของพวกเขาแบ่ง ให้กับคนที่ขวัญอ่อนในวันนั้น ทั้งการให้พรและการผูกสายสิญจน์จากพวกเขาจะช่วยเติมพลังให้ขวัญแข็งแรง ยิ่งขึ้น พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับบุคคล การเข้าร่วมของสมาชิกในครอบครัวสามารถยืดหยุ่นได้ ตามความ สะดวกของสมาชิกแต่ละคน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๓ พิธีกรรมเรียกขวัญ มีความเชื่อว่าขวัญได้กลับมาอยู่ในหัวใจของหมู เพราะฉะนั้น ผู้ที่ถือถ้วยจะต้องทานหัวใจหมูหลังจากหมอ เมืองทำพิธีเสร็จแล้ว ภาพโดย อะมีมะ แซ่จู ราวปี พ.ศ. 2543 7. พิธีกรรม “อิ๊ดามาลัว” เป็นพิธีกรรมที่เริ่มทำช่วงหลังปีใหม่ ก่อนที่จะลงมือทำการเกษตรใด ๆ พิธีขอขมากับ “อิด่ะมา” จะต้องเริ่มต้นก่อนเพื่อให้ความคุ้มครองกับเจ้าของที่จะทำไร่ พิธีกรรมนี้จะถูกจัดที่ ศาลเทพเจ้าแห่งขุนเขา โดยศาลนี้จะตั้งอยู่เหนือบริเวณศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน หรือ "อาปาโหม่ฮี" สถานที่ จัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปข้างในศาลได้ พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับ ครัวเรือน การเข้าร่วมของสมาชิกในครอบครัวสามารถยืดหยุ่นได้ ตามความสะดวกของสมาชิกแต่ละคน 8. พิธีกรรม “ชูฮาเกี๊ยะ” เป็นพิธีกรรมที่จัดทำหลังการเสียชีวิต 7 วันของสมาชิกในครอบครัว เหตุผล ที่ต้องจัดทำพิธีกรรมนี้เพราะต้องการทราบถึงสาเหตุของการเสียชีวิต โดยหมอผีจะทำหน้าที่สื่อสารกับวิญญาณ ของผู้เสียชีวิต บ่อยครั้งที่พิธีกรรมนี้ได้นำมาซึ่งความเศร้าหมองและหมอผีอาจจะร้องไห้ระหว่างทำพิธีด้วย เช่นกัน (ผู้เสียชีวิตอยู่ในร่างหมอผี) เนื่องจากผู้เสียชีวิตบางคนได้ฝากข้อความหรือเล่าถึงชีวิตตนเองผ่านหมอผี ถึงสาเหตุการเสียชีวิต ตัวอย่างเช่น ยังไม่ถึงเวลาก็ได้จากทุกคนไปแล้ว หรือมีชีวิตอยู่ก็ไม่สบาย ตายเสียจะได้ หมดทุกข์ แต่ในกรณีคนชราเสียชีวิต มักจะมีข้อความฝากถึงสมาชิกในครอบครัวว่า แก่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปอยู่ กับบรรพบุรุษแล้ว พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมระดับบุคคลและระดับครัวเรือน การเข้าร่วมของสมาชิกในครอบครัว สามารถยืดหยุ่นได้ ตามความสะดวกของสมาชิกแต่ละคน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๔ 9. พิธีเอ้อยี่ปา จะมีขึ้นหลังจากปีใหม่ผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ พิธีนี้มีเพียง 1 วัน 1 คืนเท่านั้นจะมีการเซ่นไหว้บูชา บรรพบุรุษในบ้านและผีบรรพบุรุษประจำหมู่บ้าน ตอนกลางคืนก็จะมีการเต้นรำกัน หน้าบ้านของผู้นำศาสนา (มือหมือผะ) จะไม่มีต้นไม้ปีใหม่ พิธีกรรมนี้ก็สำคัญมากสำหรับชาวลีซูเช่นกัน 10. วันศิล เรียกว่า“จื้อ” วันศิลหรือวันอยู่กรรมของลีซู จะมีขึ้นทุกๆ 15 วันในรอบการนับวันของลีซู ซึ่งการนับวันเดือนปีของ ลีซูนั้นนับตามปฏิทินจีน และวันศิลของลีซู คือวันที่พระจันทร์เต็มดวงและพระจันทร์มืดมิด จึงเป็นวันศีล เป็น หน้าที่ของผู้นำศาสนา ประจำหมู่บ้าน (มือหมือผะ) ที่จะประกาศให้ชาวบ้านทราบล่วงหน้า 1 วันว่า วันรุ่งขึ้น จะเป็นวันศิล บอกให้ชาวว่าห้ามใช้ของมีคม เช่น มีด ขวาน จอบ เสียม ห้ามทำงานไร่,สวน นอกจากนั้นก็ห้าม ฆ่าหมู ไก่หรือสัตว์ทุกชนิดที่มีชีวิต วันศิลจะหยุดงาน 1 วัน อยู่ที่บ้านอยู่กับครอบครัว ส่วนผู้หญิงก็เย็บผ้าปักผ้า ส่วนผู้ชายทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆที่บ้าน 11. พิธีเซ่นไหว้หลุมศพ ลีซูเรียกว่า“หลี่ฮีชัว” หลังจากปีใหม่ผ่านไปสักสองเดือนกว่าๆ พิธีนี้จะจัดขึ้น ณ สุสานหรือหลุมฝังศพ ลีซูมีการเซ่นไหว้ที่ ณ หลุมฝังศพ พิธีกรรมนี้จะทำการ 3 ครั้ง ทำทุกๆปี หลังจากนั้นเซ่นไหว้ครบ 3 ครั้งแล้ว ไม่ต้องทำแล้ว ลีซูมี ความเชื่อว่าวิญญาณไปเกิดใหม่แล้ว ถ้าครอบครัวไหนอยากจะทำต่อสามารถทำได้ พิธีนี้ทำได้เฉพาะคนที่มีลูก ชาย เช่น เวลาพ่อและแม่เสียชีวิตไป ลูกชายก็จะทำพิธี“หลี่ฮีชัว”ให้พ่อแม่ที่เสียไปแล้ว ถ้าครอบครัวไหนไม่มี ลูกชายมีแต่ลูกสาวไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะผู้หญิงไม่สามารถทำพิธีกรรมได้นอกจากผู้ชาย การทำนาย โหราศาสตร์/ไสยศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู การทำนายของชาวลีซูมีอยู่สองประเภทคือ การทำนายกระดูกไก่และตับหมู โดยการทำนายกระดูกไก่ คือการนำเอากระดูกสะโพกไก่ที่ทำพิธีและปรุงทานเสร็จแล้ว “มาล่อนเนื้อออกให้เกลี้ยง เหลาไม้ไผ่ปลาย แหลมยาวประมาณ 2 นิ้ว ขนาดเดียวกันกับไม้จิ้มฟัน นำไปเสียบที่รูเล็ก ของกระดูกทั้งสองข้าง กระดูกสะโพก ไก่ทั้งสองที่มีเศษไม้เสียบอยู่นี้เอง จะเป็นข่าวสารหรือคำทำนายอนาคตจากผีอารักษ์ถึงมนุษย์ ผู้อาวุโสและผู้มี ประสบการณ์สามารถอ่านหรือตีความได้ การแปลความหรือถอดรหัสจากกระดูกไก่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ร่วมกันของกลุ่มผู้อาวุโสและผู้มีประสบการณ์ แต่ละคนจะพิจารณาจากลักษณะการทำมุมระหว่างไม้ที่เสียบอยู่ กับกระดูกไก่อย่างพินิจพิเคราะห์ การถอดความหมายที่ซ่อนอยู่นี้ จะไม่มีการด่วนสรุปจากความเห็นของคนใด คนหนึ่ง แต่เป็นกระบวนการเสนอและแลกเปลี่ยนความเห็นจากหลาย ๆ คน เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ลงตัว ดังนั้น ความหมายที่ถอดรหัสได้จากการดูกระดูกไก่ จึงมักจะมีลักษณะคลุมเครือหรือเคลื่อนไหว ไม่ตายตัว และมี ทางออกหรือมีวิธีแก้ไขเสมอ” (ทวิช จตุวรพฤกษ์, 2541: 213) การทำนายตับหมูกระทำในลักษณะเดียวกัน แต่การทำนายจะกระทำก่อนนำตับหมูไปปรุง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๕ การรักษาโรคของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู การรักษาโรคต่าง ๆ นอกเหนือจากการไปโรงพยาบาลคือ การใช้ถ้วยหรือเหรียญเงินหรือถ้วยเพื่อทำ การรักษาไข้เบื้องต้น และอีกวิธีการหนึ่งคือ การนำเอาสมุนไพรชนิดหนึ่งมาประกบบริเวณฝ่าเท้า ทั้งนี้ หาก ประกบสมุนไพรฝ่าเท้าด้านซ้าย จะต้องประกอบฝ่ามือขวา และหากประกบสมุนไพรฝ่าเท้าขวา จะต้อง ประกอบสมุนไพรฝ่ามือซ้าย ภาษาลีซูเรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า “ติ๊เผี่ยะ” และการรักษาดังกล่าวเรียกว่า “ติ๊เป๊าะ” การรักษาด้วยวิธีการนี้ทำได้เมื่อรู้สึกเวียนหัวหรืออยากอาเจียน สมุนไพรนี้เป็นสมุนไพรที่ได้รับความ นิยม และบางครัวเรือนยังปลูกไว้ในบริเวณบ้านอีกด้วย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๖ เครือ่งดนตรีฝู่หลูเครือ่งดนตรีซอืบอืหรอื ซงึ เครือ่งดนตรีซอืบอืหรอื ซงึ 7.ดนตรี/นาฏศิลป์/การละเล่นพื้นบ้าน ๑. ดนตรี เครื่องดนตรีชาติพันธุ์ลีซูมีอยู่ 3 ชนิด คือ ฝู่หลู ชือบือ และหยื่ลุหรือขลุ่ย เครื่องดนตรีของแต่ละชนเผ่า คือ สิ่งที่บ่งบอกถึงความสวยงาม และความหลากหลายทางภูมิปัญญา ความคิด ภูมิปัญญาของชาวบ้านที่เกิดขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อทางอารมณ์ แทนการบอกเล่ากันทางปากต่อปาก เสียงไพเราะ เพราะพริ้งของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดยามตะวันตกดิน จะยังคงอยู่และสืบเนื่องต่อไป หากได้รับ การปลูกฝัง และการเอาใจใส่ ของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าชนรุ่นใหม่ คือ สิ่งสวยงาม สิ่งที่เรามีไม่เหมือนใคร และไม่ มีของใครเหมือนเราเช่นกัน เครื่องดนตรีชนเผ่าลีซู มีไม่มากชิ้น ได้แก่ แคนน้ำเต้า และซึง ใช้เล่นประกอบการเต้นรำในงานต่าง ๆ เครื่องดนตรีที่พบเห็นของชาวลีซู ได้แก่ ฝู่หลู และชือบือ ฝู่หลู หรือ แคนน้ำเต้า เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าของชาวลีซู ที่นิยมเล่นกันของผู้ชาย ซึ่งจะเล่นใน เวลาที่ว่างหรือช่วงประเพณีต่าง ๆ โดยใช้บริเวณลานวัฒนธรรมชุมชนเป็นสถานที่เล่น เป็นเครื่องดนตรีเป็นที่ สืบทอดกันมา แต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันมีคนเล่น ฝู่หลู น้อยลงคนที่สามารถเล่นได้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูง วัย ฝู่หลูปาลิหรือแคนน้ำเต้าขนาดเล็กเป็นแคนที่ได้รับความนิยมมากกว่าแคนประเภทอื่น ๆ เนื่องจากมี ขนาดเล็ก ทำนองฟังง่าย สนุกสนาน มีเสียงสูง ไม่กินลมมาก ทำให้ผู้เป่าสามารถเป่าได้นานและไม่เหนื่อย เครื่องดนตรีประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ฝู่หลูแลแลหรือแคนน้ำเต้าขนาดกลาง จะมีความใหญ่และและ ยาว ระดับเสียงต่ำกว่าประเภทแรก ปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมเนื่องจากฝึกหัดได้ยาก ต้องใช้ลมเป่าและ แรงเป่ามากเมื่อเป่าประกอบกับการเต้นรำจะทำให้เหนื่อยเร็ว เครื่องดนตรีประเภทนี้ได้รับความนิยมในหมู่ ผู้สูงอายุเพราะมีทำนองที่ไม่เร็ว และลีลาการเต้นรำจะสวยงามกว่าประเภทแรก เยาวชนรุ่นใหม่ไม่ค่อยให้ความ สนใจกับเครื่องดนตรีประเภทนี้เพราะรู้สึกไม่เร้าใจและไม่สนุกสนานเหมือนกับประเภทแรก ฝู่หลูนาอุหรือแคน ดนตรี/นาฏศิลป์/การละเล่นพื้นบ้าน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๗ น้ำเต้าขนาดใหญ่ มีเสียงเบาและทุ้มต่ำ ไม่ค่อยได้รับความนิยมในปัจจุบันเนื่องจากขนาดที่ใหญ่และใช้ลมเป่า มาก รวมถึงเพลงที่ใช้ในการบรรเลงก็มีความยากที่สุดในบรรดาแคนน้ำเต้าทั้งหมด (องอาจ อินทนิเวศ, 2555) วัสดุอุปกรณ์ในการทำฝู่หลู ๑. ลูกน้ำเต้า ๒. ไม้เฮี้ย ๓. ขี้ผึ้ง วิธีการทำ ๑. นำลูกน้ำเต้าที่แห้งแล้วมาเจาะรูทั้ง ๒ ข้างของลูกน้ำเต้า ๒. เอาเมล็ดน้ำเต้าข้างในออกให้หมด ๓. ตัดไม้เฮี้ยที่แห้งแล้ว ๕ อันสั้นยาวตามลำดับ แต่อันที่ยาวที่สุดต้องยาวเท่ากัน ๒ อัน ๔. นำไม้ที่ตัดแล้วมาใส่ในลูกน้ำเต้าที่เจาะรูไว้ ๕. นำขี้ผึ้งมาปิดรูตรงที่ใส่ไม้ไว้เพื่อให้แน่น ฝู่หลู หรือ แคนน้ำเต้า เครื่องดนตรีประเภทเป่าของชาวลีซู ชือบือ หรือ ซึง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายของชาวลีซู เป็นเครื่องดนตรีที่ดังกังวาน มีเสียงที่ ไพเราะ มีเทคนิคการสะบัดสาย และเลื่อนเสียง รวมทั้งท่าทางการบรรเลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นิยมเล่น ร่วมกับ ฝู่หลู มักเล่นในช่วงเทศกาลกาลสำคัญต่าง ๆ จึงทำให้ซือบือเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญของชาวลีซู เป็น เครื่องดนตรีเป็นที่สืบทอดกันมา แต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ชือบือ เป็นเครื่องดนตรีประเภทสาย จัดอยู่ในกลุ่ม เดียวกันกับซึง หรือพิณลักษณะทางกายภาพของชือบือนั้น เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย (Chordophone) ที่ใช้การดีดเพื่อให้เกิดเสียง มี 3 สาย เรียกสายล่างสุด จนสายบนบนสุดว่า สายลูก สายพ่อ และสายแม่ ตัวเครื่องทำมาจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ซ้อ ไม้สัก ไม้ตะเคียน เมื่อทำการแยกชิ้นส่วนของเครื่อง จะ มีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ส่วนหลักคือ ส่วนตัวเครื่อง และส่วนกล่องเสียง” (องอาจ อินทนิเวศ, 2555: 28)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๘ วัสดุอุปกรณ์ ๑. ไม้เนื้อแข็งชนิดใดก็ได้ ๒. ลวด หรือสายเอ็น วิธีการทำ ๑. ตัดไม้มา ๑ ท่อน ความหนาพอประมาณ ๒. ตัดแต่งให้เป็นรูปร่าง ๓. ส่วนหัวเจาะรู ๖ คู่ เหลาไม้ใส่เข้าไป ๔. ส่วนตัวคว้านเนื้อไม้ออกให้โปร่ง ๕. เอาไม้มาปิดทับ และเจาะรูเล็กๆ ประมาณ ๙ - ๑๐ รู เพื่อให้เกิดเสียง ๖. เอาลวด หรือสายเอ็นมาขึงให้ตึง โดยร้อยไว้ที่ไม้ไผ่ที่ได้เจาะรูไว้แล้ว ๖ คู่ “ชือบือ” หรือ ซึง เครื่องดนตรีประเภทดีดของชาวลีซู
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๕๙ หยี่ลุ เป็นเครื่องดนตรีที่ทำมาจากไม้ไผ่รวก หรือวัสดุดัดแปลงเป็นรูปท่ออื่น ๆ ได้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 50-60 เซนติเมตร ปลายด้านที่เป่าจะปิดตัน ส่วนปลายอีกด้านจะเปิด โล่ง มีรูเป่าเพื่อปรับระดับเสียง 5 รู ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ท่อพลาสติกหรือด้ามไม้ถูกพื้นมาดัดแปลงเป็น เครื่องดนตรีแทน เนื่องจากหาได้ง่ายและไม่มีปัญหาเรื่องของมอดกินเนื้อไม้ (องอาจ อินทนิเวศ, 2555: 28) เครื่องดนตรีทั้งสามประเภทสามารถเล่นได้ในทุกโอกาส ยกเว้นงานศพ เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซูเป็นเพลงลักษณะโต้ตอบและขับร้องในโอกาสต่าง ๆ เช่น งานเฉลิมฉลองปี ใหม่ งานแต่งงานและงานศพ การขับร้องลักษณะนี้ยังสามารถทำได้ระหว่างทำงานกับเพื่อนร่วมงานในไร่ การ โต้ตอบอาจโต้ตอบเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ เนื้อหาของเพลงแต่ละประเภทจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น เนื้อหาของเพลงที่ถูกขับร้องระหว่างเทศกาลปีใหม่มักจะเกี่ยวกับเครื่องดนตรีและเครื่องแต่งกาย เนื้อหา ของเพลงในงานแต่งงานมักจะเกี่ยวกับการดื่มเหล้าข้าวโพดและค่าน้ำนมแม่ เนื้อหาของเพลงในงานศพมักจะ เกี่ยวกับความรู้สึกโดดเดี่ยว (กรณีที่สูญเสียบิดาหรือมารดาตั้งแต่เด็ก) และเนื้อหาสำหรับขับร้องเวลาเดินทาง ไปทำงานไร่มักจะเกี่ยวกับความคิดถึงและวิถีชีวิตของแต่ละคน เป็นต้น ในส่วนของภาษาสำหรับการใช้ร้องเพลงนั้นจะมีความแตกต่างจากภาษาที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน เรียกว่าเป็นภาษาเฉพาะสำหรับการร้องเพลงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำหรับชาวลีซูในปัจจุบันคือ การพยายามเข้าใจภาษาเพลงและสิ่งที่ท้าทายมากกว่านั้นคือความสามารถในการแต่งเพลงเพื่อโต้ตอบกับ สถานการณ์เฉพาะ การเต้นรำของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู การเต้นรำของชาติพันธุ์ลีซูพบเห็นได้ตามโอกาสต่าง ๆ เช่น ช่วงเทศกาลปีใหม่ งานแต่งงาน งานขึ้น บ้านใหม่ งานทำบุญบางประเภท ฯลฯ การเต้นรำของชาวลีซูเน้นการเต้นรำเป็นวงกลมใหญ่ หรืออาจเต้นรำใน ลักษณะเป็นกลุ่มดังตัวอย่างภาพประกอบ (ยกเว้นผู้ชาย) การเต้นรำของชาวลีซูมีข้อห้ามข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้ - พี่สาวไม่สามารถจับมือน้องชายเต้นรำได้ - ชายหนุ่มไม่ควรจับมือกับลูกสาวของคนที่มีศักดิ์เป็นน้าชาย - ชายและหญิงที่มีแซ่หรือตระกูลเดียวกัน ไม่สามารถจับมือเต้นรำได้ - สมัยก่อน ชายที่มีอายุเยอะจะไม่นิยมขอจับมือเต้นรำกับหญิงสาว - ชายหนุ่มและหญิงสาวไม่ควรจับมือกับลูกสาวหรือลูกชายของคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาว ฯลฯ หากละเมิดข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติจะได้รับคำติฉินนินทาว่า “ไม่มียางอาย” ซึ่งเป็นคำพูดที่ค่อนข้าง รุนแรงในสังคมลีซู ทั้งยังส่งผลให้ครอบครัวของบุคคลที่ละเมิดข้อห้ามเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๐ เพลงร้องของลีซู (โมะกั่วกัวตั๋ว) ในอดีตเป็นเพลงร้องที่ใช้ในโอกาสต่างๆ เช่น การทำพิธีกรรม และกิจกรรมต่างๆ แต่ในปัจจุบันจะได้ยินเฉพาะในช่วงงานปีใหม่ลีซู ซึ่งตรงกับช่วงตรุษจีน เพลงร้องโมะกั่วกัวตั๋ว เป็นเพลง ที่ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบในการคิดเนื้อร้องเพื่อร้องโต้ตอบกัน โดยมากจะเป็นฝ่ายชายสอนฝ่ายหญิงร้อง และจะยึดทำนองเดิมไปตลอด เช่นเดียวกับเพลงไทยพื้นเมืองประเภทร้อยเนื้อทำนองเดียว เพลงลีซู มีหลายประเภท เพลงที่นิยมคือเพลงเกี้ยวสาว ซึ่งชาย-หญิงร้องโต้ตอบกัน เพลงแต่งงาน เป็นต้น การเต้นปีใหม่ของชาวลีซู
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๑ ๒. นาฏศิลป์ การเต้นจะคึ ศิลปะการแสดงที่โดดเด่นของชาวลีซูได้แก่ การเต้นจะคึเป็นการเต้นเพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน พิธีกรรมสำคัญ เช่น งานปีใหม่ (การกินวอ) เป็นการบ่งบอกถึงความหลากหลายของการทำมาหากิน เต้นเพื่อ เฉลิมฉลองในงานประเพณี เพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาร่วมในงาน การเต้นจะคึ จะเป็นการเต้นเป็นจังหวะ โดยจะมีท่าทางประกอบหลากหลายท่าอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่น ท่าเกี่ยวข้าว ท่าตักข้าว และท่าตีข้าว เป็นต้น ลักษณะการเต้นจะมีนักดนตรีเป็นผู้กำหนดจังหวะดนตรี ส่วนชาวบ้านที่มาร่วมเต้นจะจับมือกันเป็น วงกลมแล้วเต้นกันไปตามจังหวะเพลงโดยมีการร้องเพลงร่วมกันเป็นบทเพลงสั้นๆ ที่สร้างความสนุกสนาน การเต้นจะคึ ของชาวลีซู ศิลปะการแสดง ศิลปะการแสดงที่โดดเด่นของชาวลีซอ คือ การเต้นรำ ลีซอจะมีการเต้นรำการเฉลิมฉลองด้วยการทำ พิธีกรรม และจัดงานรื่นเริง เช่น งานปีใหม่ งานแต่งงาน และงานทำความสะอาดศาลเจ้าหมู่บ้าน เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีศิลปะการแสดง เช่น การร้องเพลง มีทั้งเพลงเกี้ยวพาราสี เพลงแต่งงาน เพลงสำหรับคนตาย เพลงสำหรับลูกกำพร้า และ เพลงกล่อมเด็ก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๒ การเต้นรำของชาติพันธุ์ลีซูพบเห็นได้ตามโอกาสต่าง ๆ เช่น ช่วงเทศกาลปีใหม่ งานแต่งงาน งานขึ้น บ้านใหม่ งานทำบุญบางประเภท ฯลฯ การเต้นรำของชาวลีซูเน้นการเต้นรำเป็นวงกลมใหญ่ หรืออาจเต้นรำใน ลักษณะเป็นกลุ่ม การเต้นรำ โดยอาศัยเครื่องดนตรีของชนเผ่า ได้แก่ แคนน้ำเต้า และซึง ใช้เล่นประกอบการเต้นรำใน งานต่างๆ เพลงลีซอมีหลายประเภท เพลงที่นิยมคือเพลงเกี้ยวสาว ซึ่งชาย-หญิงร้องโต้ตอบกัน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๓ การเต้นรำของชนเผ่าลีซอ การเต้นรำเป็นสิ่งจำเป็น อย่างหนึ่งที่ชาวลีซอทุกคนต้องเรียนรู้ เพราะเวลามีงานรื่นเริงประจำปี ถ้า ผู้ใดไม่เต้นรำจะถูกฉุดมือไปเต้นรำจนได้ เมื่อเสียงแคนดังขึ้นครั้งใดเป็นอันทายล่วงหน้าได้ว่าบ้านนั้นเต้นรำกัน อยู่ ถ้าเข้าไปดูจะเห็นชายผู้สูงอายุเจ้าของบ้านเป็นคนเป่าแคนนำหน้า บรรดาเด็กหนุ่มและหญิงสาวสลับกันไป เต้นรำข้างกองไฟเป็นรูปวงกลม ถ้าคนข้างหน้ายกเท้าอย่างไร คนข้างหลังทุกคนต้องทำตามอย่างพร้อมเพียง กันให้เข้ากับจังหวะเสียงแคน หรือเครื่องดนตรีซึบึ การเต้นรำของผู้ชายชาวลีซอหนักไปในทางโยกตัวส่ายศีรษะ เอาเท้าก้าวตบบนพื้นดินแรงๆ ให้ได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายกระโดดไปกระโดดมา ก้าวกระทืบพื้นดินไปทางซ้าย เอียงตัวไปทางด้านนั้นแล้วก้าวกระทืบไปทางขวา โยกตัวตามไปด้วยกระโดดถอยหลังให้เข้าจังหวะเท้า และ เอนตัวอ่อนไหวไปตามเสียงดนตรี ถ้าเต้นในงานรื่นเริงผู้ชายจะจับมือเต้นกันอยู่รอบนอก ส่วนผู้หญิงอยู่วงในจับ มือกันเป็นวง แต่ไม่ได้เต้นโยกตัวกระโดดไปมาอย่างชาย เขาจะค่อยๆ ก้าวไปข้างสืบเท้าไปชิดเท้า ก้าวไปใน ทำนองนี้แล้วแต่เพลง ทั้งนี้ทุกคนก้าวพร้อมกันดูสวยงามหน้าดูและมีศิลป์ดีไม่น้อย บทเพลงที่ใช้เต้นรำมีกว่า ๑๐ บท การเต้นรำวางเท้าไม่เหมือนกัน บางเพลงทำนองเนิบนาบ การก้าวเท้าเต้นรำจึงช้าไปด้วย บางเพลง จังหวะเร็ว บางเพลงปานกลาง การเต้นรำก็คล้อยตามเพลง บางเพลงคู่เต้นหลอกล่อคนข้างหน้า ๓. การละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นของชาวลีซู ในอดีตนั้นมีการนำวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ มาทำเป็นอุปกรณ์ในการละเล่นของ ชุมชน เช่น การเล่นลูกสะบ้า (หมะยี้สื่อต่อดะเว) ลูกข่าง (ข่อสือบ่าดะเว) แต่ในปัจจุบันนี้การละเล่นพื้นบ้าน ไม่ได้ค่อยรับความนิยม เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนทำให้ชาวลีซูในสมัยใหม่หันไปเล่นโทรศัพท์มือถือมาก ขึ้น ทำให้การละเล่นพื้นบ้านเริ่มจางหายไป การเล่นลูกข่าง หรือ ข่อสือบ่าดะเว ของชาวลีซู
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๔ การละเล่นของชนเผ่าลีซอ การละเล่นของชนเผ่าลีซอที่เคยได้รับความนิยมในอดีต ปัจจุบันยังคงเล่นอยู่บ้าง เนื่องจากรูปแบบ สังคมเปลี่ยนไป โดยการละเล่นเหล่านั้นได้แก่ การเล่นสะบ้า การโยนลูกบอลที่ทำมาจากผ้า คล้ายกับการโยง ลูกช่วงของชาติพันธุ์ม้ง การเล่นโก๋งเก๋ง การเล่นรถไม้ การกระโดดเชือก หมากเก็บหิน หมากเก็บไม้ การเล่น กระดานหก การเป่าหนังยาง การเล่นหนังสติ๊ก การเล่นซ่อนหา ฯลฯ การเล่นแบบทำไร่ทำสวน การเล่นก็จะมีสองคนที่เป็นพ่อและแม่ นอกจากนั้นจะเป็นลูกหลาน เด็กที่เล่นพ่อและแม่จะสอนลูกใน การทำมาหากินหรือรู้จักชีวิตที่ดี เล่นเป็นหลาย ๆ ครอบครัว อีกครอบครัวหนึ่งเป็นแม่ค้าขายของ มีการไปไร่ ทำงานและจะมีการแบ่งไร่ ไร่ใครไร่มันอยู่ห่างกันนิดเดียว ทางเดินที่จะไปไร่ทำเป็นแนวจากหมู่บ้าน พอไปถึงไร่ มีการทำท่าแสดงถึงการทำงาน คือ มีการถางหญ้าทำเหมือนกับผู้ใหญ่ถางหญ้าจริง ๆ โดยใช้ไม้มาทำเป็น อุปกรณ์ในการทำไร่ เช่น จอบ มีด พอสักพักมีการกินข้าวเที่ยงและมีการพักผ่อน บางทีตอนกลางวันมีการร้อง เพลงโต้ตอบกันระหว่างหนึ่งไร่กับอีกไร่หนึ่งที่อยู่ติดกัน ตอนเย็นมีการหาผัก และหาใบตองกลับบ้านเพื่อเป็น อาหาร พอไปถึงบ้านผู้หญิงทำกับข้าว ส่วนผู้ชายผ่าฟืนให้ผู้หญิง มีการตำข้าว กินข้าวเสร็จนอน ตอนเช้ามีการ ทำเสียงไก่ขัน เริ่มทำอาหารเช้าและไปไร่เหมือนวันก่อน มีการทำพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเรียกขวัญให้เด็ก การ ตั้งชื่อให้เด็ก การละเล่นนี้ทำให้รู้ถึงการทำมาหากินของเด็ก การเล่นแบบต่อคำ เป็นการเล่นต่อคำที่เน้นความสนุกสนาน เพลิดเพลิน โดยลักษณะการเล่นจะเล่นเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไปไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น โดยกลุ่มที่ 1จะเป็นผู้เริ่มคำถามก่อนและกลุ่มที่ 2 จะเป็นฝ่ายตอบคำถาม กลุ่มที่ 1 โก บ่ โต้ง โต้ง อ่า มา ง้า อ่า บูว อ๊ะเสียะเยียะ ลูโท อ๊ะเสียะเยียะ บื่อสื่อ อ๊ะเสียะเยียะ แหวะป๊ะ อ๊ะเสียะเยียะ ฉึมา อ๊ะเสียะเยียะ หย่าฉึ อ๊ะเสียะเยียะ ลูมีปู้ อ๊ะเสียะเยียะ อ๊ะถ่า อ๊ะเสียะเยียะ กู่มี อ๊ะเสียะเยียะ อ๊ะหน่า อ๊ะเสียะเยียะ อูชือเทมา อ๊ะเสียะเยียะ อ้าก้าเทมา อ๊ะเสียะเยียะ อู้น่าเบ่เด อ๊ะเสียะเยียะ งั้วเมี่ย อ๊ะเสียะเยียะ อ้าปากึจ๋า อ๊ะเสียะเยียะ อ้าปาฉิซาจึ้มานูจ๋า
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๕ กลุ่มที่ 2 อ่า บูว ลูโทจั้ว บือสื่อโกเกือะ แหว่ะป๊ะซา ฉึมาคัว หย่าฉึหฮูเกียะ ลูมีปู้เกียะ อ๊ะถ่าเสื๊อ กู่มีเชี๊ยะ อ๊ะหน่าชั๋ว อูชือก่าเจี๋ยะ อูชือเทมา อ้าก้าเงียะ อ้าก้าเทมา อู้น่าเบ่เดเชียะ อู้น่า เบเด เงีย งั้วเมี่ยะ อ้าปากึจ๋า อ้าปาฉิเฉียง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๖ บรรณานุกรม ทวิช จตุวรพฤกษ์. (254๑). ครอบครัวและระบบเครือญาติของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู. อาชีพ. ทวิช จตุวรพฤกษ์. (2560). ประวัติ/ที่มาของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู องอาจ อินทนิเวศ. (2555,ข,28). เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู, เครื่องดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู. Bradley, 2006: 16, (Lewis Paul and Elaine, 1984: 242). ถิ่นกำเนิดของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู. Dessaint, 1980: 9 อ้างใน Hutheesing,1990: 31 , (Bradley and Kane, 1981: 23, Lewis Paul and Elaine, 1984: 242). การทำนาย โหราศาสตร์/ไสยศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู Geddes. (1976). อ้างใน Durrenberger 1983: 94), (Rashid 1975:162) , (Hutheesing 1990: 164) (Gillogly 2006: 63), (Renard 2005: 11) ,Hutheesing (1990). วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู. Hutheesing. (1990:24), (Liao Pin, 1989: 122) ,(อะซามะ ฉินหมี, 2548: 46) Lebar, n.d.: 27, LeBar, et al. 1964: 77 , (Bradley, 2008: 3) , (Mazard, 2012: 1) , (Bradley, 2008: 7). มิติ ทางประวัติศาสตร์ที่มีผลต่อการเรียกชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ .
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๗ ภาคผนวก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๘
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๖๙
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๐
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๑
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๒
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๓
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๔
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๕
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๖
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๗
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๘
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๗๙
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๓ โครงการรักถิ่นฐานผูกพันบ้านเกิด ๘๐