The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Arachaporn Atathep, 2019-12-16 07:15:35

ทวบทวนก่อนสอบกลางภาค ม.6

ทบทวนกลางภาค ม

Keywords: การแต่งคำประพันธ์

ทบทวนกลางภาค ม.6
คาชี้แจง เลือกคาตอบทีถ่ ูกต้องที่สุดเพยี งข้อเดยี ว
อ่านคาประพนั ธ์ต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ ๑-๒

นี่จะให้อะไรกันบ้างไหม มหาวทิ ยาลัยใหญ่โตเหวย
แม้นท่านมิอาจให้อะไรเลย วานนิ่งเฉยอย่าบ่นอย่าโวยวาย
ฉันจงึ มาหาความหมาย
ฉันเยาว์ฉันเขลาฉันท่งึ สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย
วทิ ยากร เชียงกุล

๑. จากคาประพนั ธ์ข้างต้นสะท้อนปญั หาด้านใดเด่นชัดท่ีสุด

ก. ขนาดของมหาวทิ ยาลยั ใหญ่เกนิ ไป

ข. อาจารย์มหาวทิ ยาลยั มกั จะโอ้อวดความรู้

ค. การขาดวนิ ัยในการทางานของบุคลากรในมหาวิทยาลัย

ง. แนวคดิ และความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัยน้อยเกินไป

๒. ข้อใดคือลกั ษณะเด่นของคาประพันธ์ข้างต้น

ก. การใช้ภาษาตรงไปตรงมา ข. การใช้อปุ มาเปรียบเทียบ

ค. การพรรณนาอย่างเห็นภาพ ง. การใช้ถ้อยคาท่ตี ้องตีความหมายลึกซึ้ง

๓. “ ดูผวิ สีนวลละอองอ่อน มะลซิ ้อนดูดาไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคนิ นางนี้เป็ นป่ิ นโลกา

งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวญั ฟ้า งามย่ิงบุบผาเบ่งบาน”

คาประพันธ์ข้างต้น ควรอ่านด้วยน้าเสียงอย่างไร

ก. เรียบๆ ช้าๆ ข. เศร้าโศกสลด ค. เข้มแข็ง ดดุ นั ง. นุ่มนวล อ่อนหวาน

๔. คาประพันธ์ในข้อใดใช้โวหารภาพพจน์ต่างจากข้ออื่น

ก. ดังห่ิงห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ เห็นผดิ ระบอบบุราณมา

ข. นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพแี่ นบนวลสมรจนิ ตะหรา

ค. กไู ม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็ นภสั ม์ธุลีผง

ง. ท้าวกะหมงั กหุ นิงแขง็ ขนั ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกลั ป์

๕. “ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู ควรคู่ภิรมย์สมสอง

ไม่ตา่ ศักด์ิรูปชั่วเหมือนตัวน้อง ท้ังพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธ์ุ”

คาประพนั ธ์ข้างต้นใช้โวหารภาพพจน์ใด

ก. อปุ ลกั ษณ์ ข. อวพจน์ ค. อติพจน์ ง. อปุ มา

๖. “ต้ังแต่จากเมืองมาอยู่ไพรเข็ญใจไร้ทรัพย์แสนทวี มาพบขุมนิธีทีธ่ รรมชาติกม็ ใี จประสาทหรรษา”

คาประพันธ์ข้างต้นใช้โวหารภาพพจน์ใด

ก. อุปมา ข. อปุ ลกั ษณ์ ค. อติพจน์ ง. บุคลาธิษฐาน

๗. คาประพันธ์ในข้อใดไม่มีความเปรียบแบบอุปมา

ก. เจ้าก็สะดุ้งตระหนกตกพระทัยไหวหวน่ั ขวัญไม่มี ดั่งโปดกมฤคอี ันอ่อนแอ

ข. ทุกข์ท้ังนกี้ ม็ ิเท่าถงึ ทุกข์พระแม่เจ้า จะกลบั เข้ามาแต่ป่ าจะมิได้เห็น

ค. นา้ ในสาครจะน้อยลงก็หาไม่ เสมือนหนงึ่ น้าพระทยั ทูลกระหม่อมแก้ว

ง. ท่านมาออกปากขอสองกมุ ารพระลูกรักเราดังดวงตา เรากต็ ดั ห่วงเสน่หาให้แก่พราหมณ์เฒ่า

๘. ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์ด้วยวธิ กี ารอปุ ลกั ษณ์

ก. ลมระเริงลู่หวิวพลิว้ ระลอก สัพยอกยอดไม้ไปลิว่ ล่อง

ข. เพลินฟังวงั เวงเพลงเรไร พณิ พาทย์ไพรกล่อมขับสาหรับดง

ค. โอ้โอ๋อกพระชนกชนนี นีจ้ ะแตกครากสักเจด็ ภาคภนิ ทนาการ

ง. มที ้งั ว่านยาสารพนั อดุ มดบั โรคาพยาธิดุจทิพย โอสถปรากฏคณุ ประสิทธ์ิประสาทสุพรรณนา

๙. “อกนางพระธรณจี ะแยะแยกแตกกระจายอยู่รอนๆ” คาประพนั ธ์นใี้ ช้โวหารภาพพจน์ใด

ก. อุปมา ข. อุปลกั ษณ์ ค. สัญลักษณ์ ง. บคุ ลาธิษฐาน

๑๐. “กมุ แสงกรายกรนาด ยุรยาตรอย่างไกรสร” คาประพนั ธ์นี้ใช้โวหารภาพพจน์ใด

ก. อปุ มา ข. อุปลกั ษณ์ ค. อติพจน์ ง. อวพจน์

๑๑. “สลดั ไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤา

เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้”

คาประพนั ธ์ข้างต้นใช้โวหารภาพพจน์ใด

ก. เล่นคา ข. สัทพจน์ ค. อพั ภาส ง. เล่นเสียงวรรณยุกต์

๑๒. ความในข้อใดใช้วธิ ีการ “ปฏพิ ากษ์” ในการนาเสนอสาร

ก. ความเกิดดบั ธรรมดาอุทาหรณ์ ข. วนเวียนหว่างทกุ ข์สุขทกุ วนั วาร

ค. เกดิ แล้วก่อล่อแล้วเร้นเยน็ แล้วร้อน ง. วนและวิ่งคืนและวนั หว่ันและไหว

๑๓. ศิลปะการประพันธ์ข้อใดใช้เลียนเสียงธรรมชาติ

ก. ชะโดดุกกระดโี่ ดด สลาดโลดยะหยอยหยอย

กระเพ่อื มนา้ พะพร่าพรอย กระฉอกฉานกระฉ่อนชล

ข. พลหัวหน้าพะกัน แกว่งดาบฟันฉะฉาด แกว่งดาบฟันฉะฉัด

ซ้องหอกซัดยะยุ่ง ซ้องหอกพุ่งยะย้าย

ค. หางนกยูงระย้าเร่ียคลอเคลียนา้ แพนดอกฉ่าช้อยช่อวรวจิ ติ ร

งามด่ังเปลวเพลิงป่ ามานิรมิต สร้อยโสภติ อภิรุมพ่มุ หัวใจ

ง. เพชรนา้ ค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า เยน็ หยาดฟ้ามาฝันหลงวนั ใหม่

เคล้าเคลยี หยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวนั

๑๔. กวีใช้ภาพพจน์ชนิดใดมากทีส่ ุดจากตวั เลือกในคาประพันธ์จากข้อ ๑๓

ก. อุปมา ข. อปุ ลักษณ์ ค. บุคลาธิษฐาน ง. อตพิ จน์

๑๕. “พริ าบบินกลบั มาหลังคาโบสถ์ พายุโหดยงั กระห่ึมกระเหีย้ นหือ

เมื่อแก้วตกลงแตกกแ็ หลกรื้อ แต่แก้วคอื แก้วพร่างอยู่กลางใจ”

คาประพนั ธ์ข้างต้นใช้ภาพพจน์ชนิดใดบ้าง

ก. สัญลกั ษณ์ บุคลาธิษฐาน อปุ ลักษณ์ ข. สัญลกั ษณ์ ปฏิพากย์ อุปลกั ษณ์

ค. อปุ ลกั ษณ์ บุคลาธิษฐาน อติพจน์ ง. อุปลกั ษณ์ อติพจน์ อปุ มา

๑๖. ข้อใดมกี ารซ้าคาทีม่ คี วามหมายเหมอื นกันทกุ คา

ก. ท้งั หนาวลมหนาวพรมน้าค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเยน็

ข. เห็นรอหักเหมือนหน่ึงรักพร่ี อรา แต่รอท่าร้ังทุกข์มาตามทาง

ค. ระกากายมาถึงท้ายระกาบ้าน ระกาย่านนี่กย็ าวนะอกเอ๋ย

ง. ถงึ เกาะเกิดเกดิ เกาะขนึ้ กลางน้า เหมือนเกดิ กรรมเกิดราชการหลวง

๑๗. ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์ต่างกบั ข้ออื่น

ก. ดอกไม้แย้มกลีบยมิ้ ริมบงึ ช่างตรึงจิต ลมจุมพิตเท่าไรกไ็ ม่หมอง

ข. เห็นกรวดทรายชายทะเลชโลธร ละเอยี ดอ่อนดงั ละอองสาลดี ี

ค. เป็ นฟองฟ้งุ รุ่งเรืองอยู่รางราง กระเดน็ พร่างพรายพราวราวกับพลอย

ง. อนั พริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ

๑๘. ข้อใดใช้โวหารภาพพจน์ต่างกับข้ออื่น

ก. แล้วเทวัญวางจันทะวงศ์แอบ ให้นอนแนบเคยี งเขนยขนิษฐา

พลางภิรมย์ชมสองกษตั รา ดังดาราวางเรียงไว้เคยี งกนั

ข. พศิ พผี่ ่องเพยี งสุริย์ฉนั พิศน้องพยี งจันทรส่องปะทะรัศมี

ค. พศิ ไท้ไท้ว่าไท้ ทินกร

พิศอ่อนคอื ศศิธร แจ่มฟ้า

ง. งามดังสุริยนั มะลันตอน เคยี งดวงศศิธรมะลอนฉู

จะดูไหนวไิ ลกระไรตู สมสองครองคู่จะลูเจ

๑๙. คาประพันธ์ในข้อใดใช้กลวธิ ีการเล่นคาลกั ษณะเดยี วกบั ตวั อย่างนี้

“ท้งั จากทีจ่ ากคลองเป็ นสองข้อ ยงั จากกอกม็ าขนึ้ ในคลองขวาง”

ก. นกขมิน้ จบั เถาขมนิ้ เครือ คาบเหย่ือเผ่ือลกู แล้วโผบิน

ข. สาลิกาพาหม่เู ทีย่ วจู่บิน เขาคูคู่ถ่นิ อยู่ริมรก

ค. กระทาปกั หาตวั เมียจ้อ ชูคอปี กกางหางหก

ง. ค้อนทองร้องรับกันป๊ กป๊ ก นกคุ่มเปรียวปร๋ือกระพือบนิ

๒๐. ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์

ก. น่ีจนใจไม่มีเท่าขเี้ ลบ็ ขเี้ กียจเก็บเลยทางมากลางหน

ข. ถงึ ห้วยโป่ งเห็นธารละหานไหล คงคาใสปลาว่ายคล้ายคล้ายเห็น

ค. เสียงสินธุดดุ ้นั ลนั่ พิลึก สะท้านสะทกึ โถมฟาดฉาดฉาดฉาน

ง. เหมือนนกฟ้องดวงจันทร์ให้ผนั ดู คนมาสู่ซ่องพกั มันรักษา

อ่านคาประพนั ธ์ต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ ๒๑ – ๒๒

(1) เป็ นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องน่ังปัดแปะไปมิได้นอน

(2) คร้ันยามเยน็ เห็นเหมือนหนึ่งเมฆพล่งุ เป็ นควันฟ้งุ ราวกับไฟไกลหนักหนา

(3) ดูเหย้าเรือนหาเหมือนอย่างไทยไม่ หลงั คาใหญ่พืน้ เลก็ เป็ นโรงผี

(4) เราเป็ นมนุษย์สุดรักต้องลักพา เหมือนอนิ ทราตรึงส์ตรัยเป็ นไรมี

๒๑. ข้อใดใช้ภาพพจน์ชนิดอปุ ลักษณ์

ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒ ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔

๒๒. ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์ชนิดอปุ มา

ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒ ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔

๒๓. ข้อใดไม่มีการเล่นคา

ก. เบญจวรรณวนั จากเจ้า กาสรดเศร้าแทบวายวาง

ข. นามแก้วดอกแก้วคอื แก้วเนตรพีน่ ใี้ ช่ใคร

ค. งามทรงวงดังวาด งามมารยาทนาดกรกราย

ง. นางแย้มดจุ เรียมยล น้องแย้มยมิ้ พริ้มพรายงาม

๒๔. “ท้ังยุงชุมรุมกัดปัดเปรียะปะ เสียงผวั ะผะพึบพับปุบปับแปะ”

กลอนสุภาพทยี่ กมานี้ดีเด่นด้านใด

ก. การใช้คาซ้า ข. การสัมผสั สระ

ค. การสัมผสั พยญั ชนะ ง. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์

จงเลือกคาตอบจากตัวเลือกท่กี าหนดให้แล้วตอบคาถามข้อ ๒๕ – ๒๘

ก. เสาวรจนี ข. นารปี ราโมทย์ ค. พโิ รธวาทัง ง. สลั ปงั คพิสยั

๒๕. เจา้ พลายงามความแสนสงสารแม่ ชา้ เลืองแลดหู นา้ น้าตาไหล

แล้วกราบกรานมารดาดว้ ยอาลยั ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแมค่ ุณ

๒๖. เจ้าร่างน้อยนอนนิ่งบนเตียงต่้า คมข้างามแฉล้มแจ่มใส

คิวคางบางงอนออ่ นละไม รอยไรเรียบรดั ระดับดี

๒๗. เอนองคล์ งแอบแนบนอ้ ง เชยปรางพลางประคองสองสม

คลงึ เคล้าเย้ายวนส้ารวลรมย์ เกลยี วกลมสมสวาทไม่คลาดคลาย

๒๘. เอออุเหม่นะมงึ ชชิ า่ งกระไร ททุ าสสถุ ลฉะนไี ฉน ก็มาเปน็

ศกึ บ ถึงและมงึ ก็ยังมิเห็น จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด

จงเลือกคาตอบจากตัวเลือกท่กี าหนดให้แล้วตอบคาถามข้อ ๒๙ – ๓๒

ก. ศานติรส ข.วีรรส ค.หาสยรส ง. รุทธรส

………. ๒๙. รสแห่งความขบขัน

………. ๓๐. รสแห่งความสงบ

………. ๓๑. รสแห่งความโกธรเคือง

………. ๓๒. รสแห่งความเพียร หรือ ความกล้าหาญ

๓๓. กลอนสุภาพแต่ละวรรคมชี ื่อเรียกเรียงกนั ว่าอย่างไร

ก. ส่ง,รับ,รอง,สลับ ข. สดบั ,รับ,รอง,ส่ง

ค. รอง,รับ,ส่ง,สลับ ง. รับ,รอง,สลบั ,ส่ง

๓๔. ข้อใดผิดลกั ษณะบงั คบั ของกลอนสุภาพ

ก. พศิ พกั ตร์พกั ตร์ผ่องผดุ งามบริสุทธ์ิเล่ห์จันทร

ข. โอ้อกเอ๋ยอกโอ้โอ้อกโอย ช่างชมโชยชายเชือนเช่นเชิงชี้

ค. ซ่ึงบ้านเมอื งเคอื งเข็ญถงึ เช่นนี้ เพราะโลกยี ์ตัณหาพาฉิบหาย

ง. แสนสงสารมารดาอุตส่าห์ถนอม จะซูบผอมเผือกผิวเพราะหิวโหย

๓๕. ข้อใดเหมาะสมทจี่ ะเป็ นวรรครับของกลอนสุภาพ

ก. ยมิ้ ให้สายลมทีร่ ินรวย ข. หร่ีตาล้อเล่นกบั ดอกไม้

ค. มาเถิดมามาช่วยกนั แย้มยมิ้ ง. ยมิ้ หน่อยได้ไหมดอกไม้สวย

๓๖. ศพเอ๋ยศพไพร่ ไม่มใี คร ขนึ้ ช่ือ ระบือขาน

ไม่เกรง ใคร นินทา ว่าประจาน ไม่มีการ จารึก บนั ทึกคุณ

ถงึ บางที่ มีบ้าง เป็ นอย่างเลศิ กไ็ ม่ฉูด ฉาดเชิญ ประเสริฐสุนทร

พอเตือนใจ ได้บ้างใน ทางบุญ เป็ นเครื่องหนุน นาเหตุ สังเวชเอย

กวีกล่าวด้วยนา้ เสียงอย่างไร

ก. ปลงตก ข. เคยี ดแค้น ค. ดูถูกดูหม่ิน ง. เยาะเย้ย

๓๗. ข้อใดแบ่งวรรคตอนการอ่านกลอนสุภาพได้ถูกต้อง

ก. เมื่อเห็นดาว/ล้อมเดือน/กลาดเกลือ่ นฟ้า ข. เมื่อเห็น/ดาวล้อม/เดือนกลาด/เกลอ่ื นฟ้า

ค. เมื่อเห็นดาวล้อม/เดือนกลาดเกลื่อนฟ้า ง. เมื่อเห็น/ดาวล้อมเดือน/กลาดเกลื่อนฟ้า

๓๘. อะไรเป็ นคณุ สมบตั ิท่ีสาคญั ทส่ี ุดของร้อยกรอง

ก. สัมผสั ข. วรรคตอน ค. จานวนคา ง. เอก โท และ ครุ ลหุ

๓๙. ข้อใด เป็ นสัมผสั บังคบั ในการแต่งคาประพนั ธ์

ก. สัมผัสสระ ข. สัมผัสภายในวรรค

ค. สัมผัสระหว่างวรรค ง. ข้อ ข และ ข้อ ค

๔๐. ข้อความต่อไปนี้ใช้ภาพพจน์กีแ่ ห่ง

ผลเดื่อเม่ือสุกไซร้ มีพรรณ

ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย

ภายในย่อมแมลงวนั หนอนบ่อน

ดจุ ด่ังคนใจร้าย นอกน้ันดูงาม

ก. ๑ แห่ง ข. ๒ แห่ง ค. ๓ แห่ง ง. ๔ แห่ง


Click to View FlipBook Version