The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพนกวินไม่ได้อยุ่ขั้วโลกเหนือ-1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Going NBMiat, 2024-03-06 08:20:36

เพนกวินไม่ได้อยุ่ขั้วโลกเหนือ-1

เพนกวินไม่ได้อยุ่ขั้วโลกเหนือ-1

โครงงานภาษาไทย เรื่อง เพนกวินไม่ได้อยู่ที่คั่วโลกแหนือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย จัดทำโดย นางสาวโชติกา มะนาวนอก เลขที่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาที่ 5/2 เสนอ คุณครู พิสมัย สืบเลย รายวิชา ท32102 ภาษาไทย ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสีชมพูศึกษา สำนักเขตพื้นที่การศึกษา เขตที่5


คำนำ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ท๓๒๑๐๒ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่๕ มี จุดประสงค์เพื่อศึกษาเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหมีขั้วโลกและปัญหาโลกร้อนยังเป็นปัญหาใหญ่ของโลกใน ปัจจุบันจึงทำให้จะเกิดการสูญพันธุ์ของหมีขั้วโลกในเวลาอันใกล้นี้ดังนั้นเราจะต้องศึกษาทำความเข้าใจวิถีชีวิต ของหมีขั้วโลกและอนุรักษ์ไว้โดยที่จะเราจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนนี้ ผู้เขียนตระหนักถึงความสำคัญของหมีขั้วโลก จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหมีขั้วโลก นำเสนอรายงาน เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักลักษณะของหมีขั้วโลก ที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร วงจรการใช้ชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านสามารถ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้บ้างตามสมควร ขอขอบพระคุณคุณครูพิสมัย สืบเลย ที่กรุณาให้คำแนะนาในการจัดทำรายงาน และคุณครูนพคุณ สืบเลย ที่อำนวยความสะดวกในการใช้ห้องคอมพิวเตอร์


สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข บทนำ 1- 2 เพนกวินไม่ได้อยู่ขั้วโลกเหนือ 3- 4 ต้นกำเนิดเพนกวิน 5 ความเป็นมาของเพนกวิน 6 ถิ่นที่อยู่อาศัยของเพนกวิน 7 “ลายทักซิโด ”บนตัวเพนกวิน. 8 การสืบพันธุ์ของเพนกวิน 9- 11 ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 12 พฤติกรรมน่ารู้ของเพนกวิน 13 บทสรุป 14 บรรณานุกรม 15


1 บทนำ “ลูกเพนกวินจักรพรรดิ”เสียชีวิตจำนวนมากเนื่องจากภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำทะเลอุ่นขึ้นเป็น ผลให้น้ำแข็งในมหาสมุทรละลายก่อนเวลาอันควรส่งผลให้ลูกนกเพนกวินตายเพราะตกลงไปในน้ำแล้วจมน้ำ (เพนกวินจักรพรรดิพบได้เฉพาะในทวีปแอนตาร์กติกาผสมพันธุ์และเลี้ยงลูก นกบนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ ลอยอยู่ในมหาสมุทรซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นดินหรือแผ่นน้ำแข็งอื่น)แอนน์ลีศาสตราจารย์จากสถาบันการศึกษาทาง ทะเลและแอนตาร์กติกแห่งมหาวิทยาลัยแทสเมเนียกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงในทวีปแอนตาร์กติกาเกิดขึ้นเร็ว กว่าที่คาดการณ์ไว้หวังได้เพียงว่านี่จะเป็นความผิดปกติบางอย่างในภูมิภาคนี้เท่านั้นแต่มีการคาดการณ์ว่าเหตุ ที่คล้ายกันนี้อาจเกิดขึ้นกับนกเพนกวินจักรพรรดิและสายพันธุ์อื่นๆในฤดูร้อนที่จะถึงและหากโลกยังร้อนขึ้น เรื่อยๆก็เป็นไปได้ว่าเพนกวินจักรพรรดิและเพนกวินอีกหลายสายพันธุ์อาจสูญพันธุ์ภายในศตวรรษนี้ซึ่งสิ่งที่ กำลังเกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นสัญญาณเตือนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่ส่งผล กระทบกับทุกสิ่งมีชีวิตที่เราทุกคนต้องเร่งร่วมมือแก้ไขปัญหาเพนกวินจักรพรรดิกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดที่ถูก วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นบัญชีดำตามแถลงการณ์ของหน่วยงานดูแลสัตว์ป่าของสหรัฐฯ U.S. Fish and Wildlife Service ได้แจ้งว่า‘เพกวินจักรพรรดิ’ ถูกบรรจุรายชื่อเข้าสู่รายการสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ – Endangered SpeciesAct(ESA)เป็นที่เรียบร้อยโดยสาเหตุถูกระบุว่าเป็นผลพวงจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศที่กำลังบุกจู่โจมน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาอย่างไร้ความปราณี สำหรับเพนกวินจักรพรรดิ สายพันธุ์นี้ต้องการที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย และเอื้อต่อการดำรงชีวิตอย่างการหาอาหาร หรือภูมิประเทศที่ สามารถช่วยกำบังแรงลมหนาว หากพื้นที่เหล่านี้หายไปโอกาสรอดของเพนกวินก็จะลดลงไม่นับว่าในบางกรณีอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ทำให้แผ่น น้ำแข็งเกิดการแตกตัวอย่างกระทันหันนั่นก็ยิ่งกระทบต่อการอยู่รอดของเพนกวินได้โดยตรงตัวอย่างเช่นปีค.ศ.


2 2016แผ่นน้ำแข็งที่บริเวณอ่าวฮัลเลย์ซึ่งเป็นอาณานิคมที่เพนกวินจักรพรรดิใช้ฟักไข่เกิดการแตกตัวในช่วงที่ เพนกวินเด็กเพิ่งลืมตาออกมาดูโลกได้ไม่นานกำลังวังชายังไม่แข็งแรงดีพอจะว่ายน้ำหรือวิ่งหาที่หลบภัยได้ทัน เหตุการณ์นั้นทำให้มีเพนกวินน้อยจมน้ำเสียชีวิตลงไม่ต่ำกว่า10,000ตัวและถูกนับเป็นภัยพิบัติใหญ่ของ ประชากรเพนกวินจักรพรรดิเนื่องจากอ่าวฮัลเลย์ถือเป็นที่อยู่อาศัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเพนกวินจักรพรรดิ แม้ในเวลาต่อมาจะพบการกระจายตัวของเพนกวินจักรพรรดิในพื้นที่ใกล้เคียงแทนแต่จำนวนที่พบก็ขาด หายไปเป็นจำนวนมากเทียบไม่ได้เลยกับที่เคยปรากฏตัวบริเวณอ่าวฮัลเลย์นอกจากนี้ด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ยังส่งผลให้น้ำทะเลเกิดความกรดซึ่งกระทบต่อวงจรชีวิตของคริล(Krill)หนึ่งในเมนูโปรดของเพนกวิน จักรพรรดิให้มีจำนวนลดน้อยลงตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ปัจจุบันมีเพนกวินจักรพรรดิเหลืออยู่บนโลก ราวๆ650,000ตัวหากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปภายในปี2050จำนวนของมันจะลดลง47เปอร์เซ็นต์และ หากมนุษยชาติล้มเหลวในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงเพนกวินจักรพรรดิจะหายไป99เปอร์เซ็นต์ ในวันสิ้นศตวรรษนี้ทั้งนี้ตามข้อมูลของสถาบันสมุทรศาสตร์วูดส์โฮลในแมสซาชูเซตส์อ้างว่าในช่วง30ปีที่ผ่าน มาส่วนหนึ่งของน้ำแข็งทะเลในคาบสมุทรแอนตาร์กติกละลายไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์


3 เพนกวินไม่ได้อยู่ขั้วโลกเหนือ..? เพนกวินเกือบมีถิ่นอาศัยอยู่เฉพาะบริเวณซีกโลกทางใต้หรือขั้วโลกใต้เท่านั้นเป็นนกที่บินไม่ได้ในขณะที่หมีขาว หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือบริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้นจัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้นกเพนกวินเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของขั้วโลกใต้เหมือนกับหมีขาวที่เป็น สัญลักษณ์ของขั้วโลกเหนือแต่สงสัยหรือไม่ว่าทำไมเพนกวินกับหมีขั้วโลกจึงอาศัยอยู่คนละถิ่นฐาน นั่นเป็น เพราะอิทธิพลของลักษณะภูมิศาสตร์ขั้วโลกเหนือเป็นทะเลที่ถูกโอบล้อมด้วยแผ่นดินดังนั้นหมีขาวจึงสามารถ ข้ามไปอาศัยที่ขั้วโลกเหนือซึ่งมีส่วนของแผ่นดินเชื่อมติดอยู่ส่วนขั้วโลกใต้อยู่ห่างจากแผ่นดินมากสัตว์ปีกซึ่ง เป็นบรรพบุรุษของเพนกวินจึงบินข้ามไปและกลายเป็นเพนกวินที่ อาศัยอยู่ในปัจจุบันขึ้นชื่อว่าขั้วโลกไม่ว่าจะ ใต้หรือหนาวพอได้ยินก็รู้ว่าคงจะหนาวพอๆกันแน่ๆสองขั้วนี้ไม่ได้เหมือนกันเสียหมดแต่มีความแตกต่างอยู่บ้าง เหมือนกัน อ่านไว้น่าจะสนุกดี เป็นความรู้ที่ดีอีกข้อเลยนะ ขั้วที่ต่างกัน แดนอาร์กติก (ขั้วโลกเหนือ) เป็น สถานที่ที่มีมหาสมุทรแข็ง และรอบๆ เต็มไปด้วยแผ่นดิน (ที่มีแต่น้ำแข็งเหมือนกัน) ส่วนแดนแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) เต็มไปด้วยภูเขา และทะเลสาบ น้ำแข็ง ที่ขั้วโลกใต้นั้น เป็นแดนที่รวบรวมน้ำแข็งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก และเป็นที่ที่เก็บน้ำบริสุทธิ์มากมาย ที่นี่น้ำแข็งเยอะมากจนทำให้เจ้าชาย Mohammed al Faisalแห่งซาอุดิอาระเบีย แอบคิดวางแผนที่จะบรรทุกน้ำแข็งกว่า 100 ล้านตันไปที่ประเทศของเขาทีเดียว ไม่ รู้วันหนึ่ง แผนนี้จะสำเร็จหรือเปล่า ไม่มีเจ้าของ ทั้งที่มีคนรู้จักมากมาย มีการเดินทางไปสำรวจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ขั้วโลกใต้เป็นดินแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ!!! (ไปเป็นเจ้าของกันดีกว่า) ดินแดนแห่งนี้ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ เหมือนแดนอื่นๆ ที่ว่ามีคนป่าครอบครอง หรือมีคนปกครอง ขั้วโลกใต้เป็นดินแดนที่มีกลุ่มคนที่เข้าไปมากที่สุด คือ นักวิทยาศาสตร์ส่วนขั้วโลกเหนือแม้จะเป็นดินแดนที่หนาวมากเหมือนกันแต่ก็มีประชากรอยู่4ล้านกว่าคน และมีเมืองเล็กๆกับเมืองหลักอยู่หลายเมืองทีเดียวแดนแห่งขุมทรัพย์จากการตรวจสอบของสหรัฐฯ และรัสเซีย พวกเขาค่อนข้างเชื่อว่า ที่ขั้วโลกเหนือ น่าจะเต็มไปด้วยพลังงานอย่างแก๊สต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง ส่วนขั้วโลกใต้ นั้น ถูกคาดหวังว่าน่าจะมีน้ำมันปิโตรเลียม เพนกวิน และหมีขาว เพนกวินอาศัยอยู่ในขั้วโลกใต้ ส่วนหมีขาวอยู่ที่ขั้วโลกเหนือและพวกมันไม่สามารถอพยพออกจากที่นั่นได้แน่ๆ(ก็นั่นน่ะสิ)แต่นักวิทยาศาสตร์ เชื่อกันว่าเมื่อก่อนเพนกวินมีปีกที่สามารถบินได้ แต่พอนานๆ ไป เมื่อมันไม่ต้องใช้ปีกบินไปไหน ปีกนั้นก็หดลง จนเหลือนิดเดียวอย่างทุกวันนี้แดนแห่งซานตาคลอส ทุกคริสต์มาส จะมีจดหมายถึงซานตาคลอสมากมายถูก ส่งไปที่ขั้วโลกเหนือ อลาสก้า เพราะเชื่อกันว่า ซานตาคลอสอาศัยอยู่ที่นั่น ความหนาว ที่ขั้วโลกใต้ เชื่อกันว่า เป็นที่ที่หนาวที่สุด และหิมะไม่เคยละลายมาก่อน ที่นี่มีอุณหภูมิที่หนาวที่สุดถึง – 49 องศาเซลเซียส ในหน้า หนาว ส่วนที่ขั้วโลกเหนือนั้น อุณหภูมิเฉลี่ยจะประมาณ -34 องศาเซลเซียส และจะอุ่นขึ้นในหน้าร้อน และ อุณหภูมิที่หนาวที่สุดที่วัดกันได้ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1983 อยู่ที่ขั้วโลกใต้ วัดได้-89.6 องศาเซลเซียส โอโซน


4 ในขณะที่ขั้วโลกเหนือ มีรูโหว่ที่โอโซนที่ใหญ่มาก ขั้วโลกใต้ก็เริ่มที่จะมีรูโหว่เช่นกัน เพียงแต่น้อยกว่า แต่ใน ความเป็นจริง รู้ที่ว่านี้ไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน แต่ว่ามันอยู่ทั่วโลก และถูกทำลายมากพอๆ กัน เพียงแต่เมื่อ ตรวจสอบแล้ว นักวิทยาศาสตร์พบว่าที่ขั้วโลกเหนือนั้นมีการสูญเสียโอโซนที่มากกว่าขั้วโลกใต้เพราะอากาศที่ นั่นอบอุ่นมากกว่าในขณะที่ขั้วโลกใต้แทบไม่ได้รับแสงอาทิตย์เลยจึงมีความเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลาน้ำแข็งแตก ที่ขั้วโลกเหนือมีแผ่นน้ำแข็งที่ค่อนข้างบางเพราะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอากาศที่มากกว่า เนื่องจากอุณหภูมิที่นั่นอบอุ่นกว่าขั้วโลกใต้จึงทำให้น้ำแข็งที่เคยหนาหนักเริ่มละลายและแตกออกจากกันและ ครั้งแรกที่มีการพูดถึงเรื่องการแตกของแผ่นน้ำแข็งก็เกิดที่ขั้วโลกเหนือนี่เองเริ่มละลายในหน้าร้อนนั้นขั้วโลก เหนือจะเกิดการละลายของน้ำแข็งและจะกลับมาแข็งตัวเช่นเดิมในหน้าหนาวแต่เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่เริ่ม เกิดขึ้นทำให้การละลายเกิดขึ้นมากจนเกินพอดีทำให้อันตรายเริ่มจะเกิดขึ้นส่วนขั้วโลกใต้ ที่ไม่เคยเกิดการ ละลายของน้ำแข็งมาก่อนก็เริ่มเกิดการละลายทีละน้อยอันเป็นปรากฎการณ์ที่น่าตกใจและเป็นอันตรายอย่าง มาก เรียกว่าตอนนี้ยังไม่ละลายมาก แต่ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น


5 ต้นกำเนิดเพนกวิน เพนกวินเกิดมาได้ยังไงกันนะ..? เมื่อพูดถึงเพนกวินเราจะนึกถึงภาพนกบินไม่ได้ตัวสีดำขาวที่เดินอยู่บนหิมะหรือว่ายน้ำในทะเลที่เย็นยะเยือก ของทวีปแอนตาร์กติกาแต่งานวิจัยชิ้น ใหม่ระบุว่าเพนกวินไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในทวีปดังกล่าวแต่มีต้นสาย วิวัฒนาการในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยา เขตเบิร์กลีย์ ร่วมกับพิพิธภัณฑ์และมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้วิเคราะห์ตัวอย่างเลือดและเนื้อเยื่อจากเพนกวิน18 สายพันธุ์และใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมนี้สืบย้อนการเคลื่อนที่และการแตกสายพันธุ์ในช่วงนับพันๆปีกลุ่มอนุรักษ์ ห่วง“ลูกเพนกวินอาเดลี”ขาดอาหารตายนับพันตัวผลปรากฏว่าเพนกวินมีต้นกำเนิดใน บริเวณที่อากาศอบอุ่น กว่าอย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เมื่อ22ล้านปีที่แล้วหรือยุคไมโอซีน(Miocene)จากนั้นบรรพบุรุษของ เพนกวินราชาและเพนกวินจักรพรรดิได้แยกกันและย้ายถิ่นไปอยู่ในน่านน้ำแอนตาร์กติกโดยน่าจะถูกดึงดูดจาก แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์การค้นพบนี้ยังสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าเพนกวินราชาและเพนกวินจักรพรรดิเป็นกลุ่มพี่ น้องของลูกหลานเพนกวินอื่นๆทั้งหมดถือเป็นตัวต่อจิ๊กซอว์อีกชิ้นที่ไขปริศนาที่ถกเถียงกันมานานว่าเพนกวิน สองพันธุ์นี้อยู่ตรงไหนในลำดับเครือญาติจากนั้นประมาณ12ล้านปีที่แล้วน่านน้ำระหว่างแอนตาร์กติกาและ ทางใต้สุดของอเมริกาใต้ที่เรียกว่า“ช่องแคบเดรก”ก็เปิดออกอย่างเต็มที่ทำให้เพนกวินสามารถว่ายไปได้ทั่ว มหาสมุทรใต้และกระจายตัวไปกว้างขวางขึ้นสู่เกาะต่างๆในแถบซับแอนตาร์กติกรวมถึงพื้นที่ชายฝั่งที่อบอุ่น กว่าของทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกา penguin มาจากคำในภาษาสเปนว่า penguinos ซึ่งแปลว่า สัตว์ที่มี ไขมันในร่างกายมากในอดีตเมื่อ60 ล้านปีมาแล้ว บรรพสัตว์ของเพนกวินอาศัยอยู่ทั่วทุกหนแห่งบนโลก แต่ใน สมัยปัจจุบัน เราพบเห็นเพนกวินเฉพาะในบริเวณริมทวีปแอนตาร์กติกา หมู่เกาะ Galapagos และอเมริกาใต้ เท่านั้นในปีพ.ศ.2534H.Cosquer ชาวฝรั่งเศส ขณะดำน้ำเข้าไปในถ้ำใกล้ทะเลชายฝั่งนอกเมือง Marseilles เมื่อโผล่พ้นน้ำในถ้ำได้เห็นภาพวาดรูปนกที่บริเวณเพดานถ้ำว่านกเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายเพนกวินมาก ภาพวาดจึงแสดงให้เห็นว่า ในอดีตเมื่อ 25,000 ปีก่อนนี้ เพนกวินเคยอาศัยอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมี ตัวสูงถึง 1.5 เมตร อีกทั้งหนักประมาณ 50 กิโลกรัม แต่เพนกวินปัจจุบันเช่น (Emperor penquin) เพนกวิน จักรพรรดิสูงเพียง 1.2 เมตร และหนักเพียง 40 กิโลกรัมเท่านั้นเอง โดยทั่วไปเพนกวินมีความสามารถในการ ว่ายน้ำได้ดีพอๆกับแมวน้ำปีกที่แข็งแรงของมันช่วยให้มันลิงโลดกระโดดคลื่นได้ดีพอๆกับปลาโลมามันใช้ปีก ว่ายน้ำและใช้ขาต่างหางเสือเวลาอยู่บนน้ำแข็งมันใช้ปีกต่างไม้เท้าประ คองตัว และใช้ท้องไถลตัวไปบนก้อน น้ำแข็งนั่นเอง


6 ความเป็นมาของเพนกวินคืออะไรกันนะ..? เพนกวินเป็นมีสัตว์กระดูกสันหลังประเภทสัตว์ปีกแต่บินไม่ได้มีลักษณะเด่นคือมีขนสีดำที่ด้านหลังและขนสีขาว ที่ด้านหน้าท้องซึ้งช่วยป้องกันเพนกวินจากนักล่าต่างๆเวลามันว่ายน้ำปีกของเพนกวินมีลักษณะคล้ายครีบปลา ช่วยในการว่ายน้ำแต่ไม่สามารถใช้ปีกในการบินเหมือนนกทั่วไป เพนกวินไม่สามารถหายใจในน้ำได้แต่สามารถ กลั้นหายใจได้นานมากในน้ำ75%ของชีวิตมันจะอาศัยในน้ำมันสามารถว่ายน้ำได้เร็วเฉลี่ยประมาณ22-24กม./ ชม.และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง250เมตรนกเพนกวินออกลูกเป็นไข่ เมื่อเพนกวินตัวเมียออกลูกจะให้ตัวผู้กกไข่ ส่วนตัวเมียจะออกไปหาอาหาร ลูกเพนกวินแรกเกิดจะมีขนสีเทาเมื่อมันโตขึ้นขนสีเทาจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ที่ด้านหลังและขนสีขาวที่ด้านหน้าท้องนกเพนกวินทุกชนิดอาศัยอยู่ในอาณาเขตซีกโลกใต้และบริเวณที่มี อากาศหนาวทำให้เพนกวินต้องมีชั้นไขมันที่หนาเพื่อช่วยในการกักเก็บความร้อนจากร่างกายและเป็นอาหาร ใน ช่วงที่คลาดแคลนขนของเพนกวินมี2ชั้นชั้นในทำหน้าที่เหมือนขนของนกทั่วไปส่วนชั้นนอกจะมีไขมัน เคลือบไว้เพื่อป้องกันน้ำความหนาวเย็นและลมหนาวจากภายนอกเพนกวินจะผลัดขนปีละครั้งขนที่เก่าและ เสียหายจะหลุดออกและขนใหม่จะขึ้นอย่างรวดเร็วนกเพนกวินเป็นสัตว์ปีกที่อาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกรับเป็นสัตว์ปีก อีกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถบินได้เหมือนกับสัตว์ปีกชนิดอื่นเป็นคำถามกันอย่างมากมายว่านกเพนกวินนั้นจะมีปีก ไว้เพื่อสิ่งใดเมื่อไม่สามารถบินได้แบบนกชนิดหรือหลายคนที่เคยดูสารคดีก็คงจะรู้คำตอบกันดีอยู่แล้วว่านก เพนกวินมีปีกไว้เพื่ออะไรเราสามารถลองดูในสารคดีเปรียบเทียบในความเป็นจริงได้ว่าปีกของนกเพนกวินนั้น เขาสร้างมาเพื่อการว่ายน้ำการControlตัวเองอยู่ในน้ำให้สามารถที่จะหาอาหารกินได้อย่างรวดเร็วเพราะ อาหารประจำของเพนกวินนั้นคือปลาจากท้องทะเลนกเพนกวินจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ครั้งละเป็นพันตัวหรือ เป็นหมื่นตัวสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดก็คือเวลาที่เจอลมหนาวพัดมาจะมีการเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนอยู่กันเป็นกลุ่ม หนาแน่นแล้วจะมีการสลับปรับเปลี่ยนตัวเองตัวที่อยู่ด้านในเมื่อได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จะสลับออกมาอยู่ ด้านนอกให้ตัวด้านนอกนั้นเข้าไปรับข้อมูลด้านในแทนจะสลับปรับเปลี่ยนกันแบบนี้อยู่ตลอดเวลาจนกว่าลม หนาวนั้นจะพัดผ่านไปถือว่าเป็นสัตว์สังคมที่น่ารักและไม่เอาเปรียบกันเลย


7 เพนกวินอาศัยอยู่แถวไหนกันนะ..? เพนกวินนั้นเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงสำหรับพวกเราไม่น้อยด้วยความน่ารักและพิเศษของพวกมันหลายๆ อย่างเจ้าเพนกวินเหล่านี้มีสายพันธุ์ทั้งหมดถึง17สายพันธุ์ด้วยกันและทุกสายพันธุ์มีขั้วโลกใต้เป็นแหล่งที่อยู่ อาศัยสายพันธุ์ที่โด่งดังก็มีเพนกวินจักรพรรดิเพนกวินเจนทู เพนกวินร็อกฮอปเปอร์เป็นต้นเราจึงรวบรวมมุม ตลกๆของนกที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจในการดำน้ำและว่ายน้ำรวมทั้งสิ่งสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับเพนกวินดังนี้ โดยปกติแล้วเพนกวินทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในซีกโลกใต้และแม้ว่ามันจะคุ้นเคยกับน้ำแข็งมากแต่มีเพียงแค่2สาย พันธุ์เท่านั้นที่อาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกาและยังมีเพนกวินกาลาปากอสที่เป็นเพนกวินเป็นสายพันธุ์เดียวที่ เดินทางไปยังซีกโลกเหนือเพื่อหาอาหารเพนกวินเกือบทุกชนิดพบได้ที่ซีกโลกใต้ ที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด - 60 องศาเซลเซียส และมีเพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้นคือ เพนกวินกาลาปาโกสที่พบได้ในทางเหนือของเส้นศูนย์ สูตรด้วยอากาศที่หนาวเย็นจึงทำให้เพนกวินมีร่างกายที่มีชั้นไขมันที่หนา 2 ชั้น เพื่อกักเก็บความร้อนจาก ร่างกาย ในส่วนขนชั้นแรกทำหน้าที่เหมือนขนนกทั่วไป แต่ส่วนของชั้นนอกจะมีไขมันเคลือบไว้เพื่อป้องกันน้ำ ความหนาวเย็นและลมนกเพนกวินทุกชนิดอาศัยอยู่ในอาณาเขตซีกโลกใต้และบริเวณที่มีอากาศหนาวทำให้ เพนกวินต้องมีชั้นไขมันที่หนาเพื่อช่วยในการกักเก็บความร้อนจากร่างกายและเป็นอาหารในช่วงที่คลาดแคลน ขนของเพนกวินมี2ชั้นชั้นในทำหน้าที่เหมือนขนของนกทั่วไป ส่วนชั้นนอกจะมีไขมันเคลือบไว้เพื่อป้องกันน้ำ ความหนาวเย็นและลมหนาวจากภายนอกเพนกวินจะผลัดขนปีละครั้งขนที่เก่าและเสียหายจะหลุด ออก และ ขนใหม่จะขึ้นอย่างรวดเร็ว


8 “ลายทักซิโด” หรือลายขาวและดำบนตัวเพนกวินมีไว้เพื่ออะไรกันนะ..? เพนกวินส่วนใหญ่จะมีส่วนหลังสีดำและสีขาวตรงหน้าท้อง ซึ่งทำให้มองเห็นได้ยาก ถ้าหากมองจากมุมบนสีดำ จะกลมกลืนกับพื้นผิวของมหาสมุทร และถ้ามองจากมุมล่างหน้าท้องของเพนกวินจะกลมกลืนกับท้องฟ้าสี สว่างอีกฉายาหนึ่งที่มักได้ยินคนเรียกนกเพนกวินกันนั่นก็คือ “Business Goose” หรือเจ้านกนักธุรกิจ เพราะ ลายขาวดำของเพนกวินนั้นทำให้เจ้านกชนิดนี้เหมือนใส่สูทเพื่อไปทำธุรกิจตลอดเวลานั่นเอง


9 เพนกวินสร้างครอบครัวยังไงกันนะ..? เพนกวินจักรพรรดิ์เจอกันปีละครั้งและน้อยนักที่จะตามหากันเจอไม่ใช่ทุกวันวาเลนไทน์แต่เป็นปลายเดือน มีนาคมของทุกปีที่เหล่าเพนกวินจักรพรรดิ์ได้เดินทางมารวมตัวกันเมื่อถึงเวลานัดหมาย ในชุมชนเพนกวินตัวผู้ ก็จะก้มหัวแนบกับอก และส่งเสียงเรียกตัวเมีย เมื่อเจอหรือเสียงจูนกันติดแล้ว ทั้งคู่ก็จะเข้าหากันเอาอกมาชน กัน พร้อมส่งเสียงร้องการผสมพันธุ์ของเพนกวิน ก็เหมือนกับสัตว์ปีกส่วนใหญ่ เพนกวินไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ยื่น ออกมา ขณะที่ตัวเมียก็ไม่มีช่องคลอดตัวผู้จะสร้างสเปิร์มและเก็บไว้ในช่องทวารร่วมส่วนตัวเมียก็ตกไข่ที่ ช่องทางเดียวกันโดยตัวผู้จะฉีดสเปิร์มเข้าไปเมื่อเพนกวินสาวออกไข่ ก็จะค่อยๆ ส่งต่อยังตัวผู้ เพราะถ้าไข่โดน หิมะเมื่อไหร่ก็จะแข็งและตัวอ่อนจะตายในที่สุด ทันทีที่ส่งต่อไข่เสร็จ ตัวเมียจะมุ่งหน้าสู่ทะเล ปล่อยให้ตัวผู้ฟัก ไข่โดยไร้อาหารอยู่ 2 เดือน ระหว่างนี้ฝูงเพนกวินตัวผู้จะอยู่ร่วมกันเป็นฝูง เพื่อสร้างความอบอุ่นท่ามกลาง ความหนาว และอาจต้องเผชิญกับลมแรงถึง200กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อเพนกวินตัวเมียกลับมา ก็จะตามหาลูก และคู่ที่ฝังตัวอยู่กับฝูงเพนกวินด้วยการฟังโทนเสียง ซึ่งมีเพียง 15% เท่านั้นที่กลับมาหาคู่กันเจอ และในรอบปี ที่ 3 หากันจนเจอเพียง 5% ซึ่งถ้าหากันไม่เจอ ในรอบปีถัดไป แน่นอนว่าเพนกวินก็จะจัดการหาคู่ใหม่เพนกวิน เหล่านี้คือตัวแทนของความมุ่งมั่นในระยะยาวแต่นกเพนกวินทุกตัวมีพันธะผูกพันกับคู่เดียวตลอดชีวิตหรือไม่? กลายเป็นว่าเพนกวินเหล่านี้อาจเป็นข้อยกเว้นไม่ใช่กฎ แม้ว่านกเพนกวินส่วนใหญ่จะจับคู่กับคู่เพียงตัวเดียวใน แต่ละฤดูผสมพันธุ์ แต่พวกมันอาจผสมพันธุ์กับนกเพนกวินตัวอื่นๆในฝูงผสมพันธุ์ก่อนที่จะลงหลักปักฐานทำรัง และอัตราความจงรักภักดีก็แตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ความรักของนกเพนกวิน – มันซับซ้อนคำตอบสั้นๆ คือไม่ เพนกวินไม่ใช่คู่ครองจริงๆ” เอ็มมา มาร์คส์ นักนิเวศวิทยาเชิงพฤติกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ใน นิวซีแลนด์ผู้ศึกษาพฤติกรรมการผสมพันธุ์และการเลือกคู่ในการผสมพันธุ์แบบโคโลเนียลกล่าว — นกที่รวมกัน เป็นฝูงขนาดใหญ่เพื่อทำรัง . “ผู้เพาะพันธุ์ในยุคอาณานิคม เช่น เพนกวินอาจเป็นคู่สมรสคนเดียว เนื่องจาก พวกมันมีคู่เดียวซึ่งพวกมันทำรังและเลี้ยงลูกในแต่ละฤดูกาล” Marks กล่าวกับ Live Science “แต่นั่นไม่ได้ หมายความว่าจะไม่มี ‘กิจกรรมนอกหลักสูตร’เกิดขึ้น”พูดได้อย่างปลอดภัยว่านกเพนกวินไม่ได้มีคู่สมรสคน เดียวนกเพนกวินหลายตัวเล่นในสนามก่อนที่จะลงเอยกับคู่ครองสำหรับฤดูกาล - บางครั้งก็มีเพศสัมพันธ์กับ สมาชิกอื่น ๆเมื่อตัวผู้ที่ผูกมัดเป็นคู่ไม่สามารถกลับไปยังพื้นที่ผสมพันธุ์ได้ ตัวอย่างเช่น คู่ที่โดดเดี่ยวของมันอาจ ไปเพิงกับตัวผู้ตัวอื่นเมื่อคู่หูที่ซื่อสัตย์ของตัวผู้จากฤดูกาลที่แล้วมาถึงรังเพียงเพื่อจะหาตัวเมียตัวใหม่มาแทนที่ การต่อสู้จึง เกิดขึ้นตัวเมียดั้งเดิมมักจะชนะ“คำตอบสั้นๆคือไม่เพนกวินไม่ใช่คู่ครองจริงๆ”เอ็มมามาร์คส์นัก นิเวศวิทยาเชิงพฤติกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ในนิวซีแลนด์ ผู้ศึกษาพฤติกรรมการผสมพันธุ์และการ เลือกคู่ในการผสมพันธุ์แบบโคโลเนียลกล่าว — นกที่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่เพื่อทำรัง . “ผู้เพาะพันธุ์ในยุค อาณานิคม เช่น เพนกวินอาจเป็นคู่สมรสคนเดียว เนื่องจากพวกมันมีคู่เดียวซึ่งพวกมันทำรังและเลี้ยงลูกในแต่


10 ละฤดูกาล” Marks กล่าวกับLiveScience“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ‘กิจกรรมนอกหลักสูตร’ เกิดขึ้น” พูดได้อย่างปลอดภัยว่านกเพนกวินไม่ได้มีคู่สมรสคนเดียว นกเพนกวินหลายตัวเล่นในสนามก่อนที่จะลงเอยกับ คู่ครองสำหรับฤดูกาล-บางครั้งก็มีเพศสัมพันธ์กับสมาชิกอื่นๆเมื่อตัวผู้ที่ผูกมัดเป็นคู่ไม่สามารถกลับไปยังพื้นที่ ผสมพันธุ์ได้ตัวอย่างเช่นคู่ที่โดดเดี่ยวของมันอาจไปเพิงกับตัวผู้ตัวอื่น เมื่อคู่หูที่ซื่อสัตย์ของตัวผู้จากฤดูกาลที่ แล้วมาถึงรังเพียงเพื่อจะหาตัวเมียตัวใหม่มาแทนที่ การต่อสู้จึงเกิดขึ้น ตัวเมียดั้งเดิมมักจะชนะ ผลที่ตามมา อย่างหนึ่งของรักสามเส้ายุ่งเหยิงเหล่านี้ก็คือเมื่อถึงเวลาที่ตัวเมียจะวางไข่ก็ไม่ชัดเจนเสมอไปว่าตัวผู้ที่เธอจะใช้ เวลาในช่วงเทศกาลนี้กำลังเลี้ยงลูกไก่ของตัวเองอยู่หรือไม่ การศึกษาในปี 2018 ในวารสารZoo Biologyได้ บรรยายถึงเพนกวิน Gentoo ( Pygoscelis papua ) ตัวหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยูทาห์ซึ่งจบลงด้วยการเลี้ยง ดูลูกไก่สองตัวซึ่งเป็นลูกของตัวผู้คนละตัวกันนักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในธรรมชาติบ่อยแค่ไหน เพราะในขณะที่เครื่องติดตามและเทคโนโลยีอื่นๆ สามารถช่วยนักวิจัยติดตามพฤติกรรมการผสมพันธุ์และการ จับคู่ได้ แต่ไม่มีความพยายามร่วมกันในการทดสอบความเป็นพ่อลูกไก่ในป่าผู้เขียนรายงานการศึกษาใน ขณะเดียวกันเพนกวินก็มีคู่สมรสคนเดียวในสังคมไม่มากก็น้อยต้องใช้คู่หูที่มีความมุ่งมั่นสองคนในการเลี้ยง ลูกไก่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นแอนตาร์กติกาและเพนกวินจะจับคู่ผูกพันกันเพื่อแบ่งหน้าที่ความ รับผิดชอบในการดูแลรัง การฟักไข่ และการล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ“การมีคู่สมรสคนเดียวในสังคมเป็นสิ่งที่ จำเป็น” มาร์คส์กล่าว “การเลี้ยงลูกไก่ต้องการการประสานงานอย่างมากระหว่างคนทั้งสองและถ้าหากสิ่งนี้พัง การผสมพันธุ์ก็จะล้มเหลวในฤดูกาลนี้”ข้อตกลงทางสังคมเหล่านี้สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาวโดยในแต่ละฤดู ผสมพันธุ์จะนำพ่อแม่นกเพนกวินสองตัวเดิมกลับไปที่รังของพวกมันอีกปีหนึ่งความถี่ที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับสาย พันธุ์ การทบทวนวรรณกรรมปี 2013 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารComptes Rendus Biologiesพบว่า 89% ของ เพนกวินกาลาปาโกส ( Spheniscus mendiculus ) ติดเพื่อนของมัน อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาในปี 1999 ในวารสารThe Aukพบว่าเพนกวินจักรพรรดิ ( Aptenodytes forsteri ) เพียง 15% เท่านั้นที่จะหาคู่ เดียวกันสำหรับฤดูผสมพันธุ์ที่ตามมา สปีชีส์ส่วนใหญ่กลับไปหาคู่เดิมอย่างน้อยสม่ำเสมอ โดยมีอัตราความ จงรักภักดีระหว่าง59ถึง89จากการศึกษาในปี2556ความสำเร็จของฤดูกาลที่แล้วมีบทบาทในการตัดสินว่าคู่รัก เพนกวินจะอยู่ด้วยกันในระยะยาวหรือไม่Marksอธิบายหากทั้งคู่สามารถเลี้ยงลูกไก่ได้จนโตเต็มวัยและตัว ผู้ดูแลรังคุณภาพสูงในทำเลที่ดีโอกาสที่ตัวเมียจะกลับไปหาคู่เดิมมักจะสูงกว่า มิฉะนั้นตัวเมียก็มีแนวโน้มที่จะ เดินเตาะแตะเพื่อค้นหาทุ่งหญ้าสีเขียวMarks กล่าวว่า “สำหรับสายพันธุ์อาณานิคมมีทางเลือกมากมาย “หาก การผสมพันธุ์ล้มเหลวก่อนหน้านี้ เราคาดว่าจะเห็น ‘การหย่าร้าง’ มากขึ้นในฤดูกาลหน้า”อัตราที่แท้จริงของ “การหย่าร้าง” ซึ่งเพนกวินมักจะดูแคลนเพื่อนเก่าเพื่อชัยชนะครั้งใหม่นั้นเป็นเรื่องยากที่จะคำนวณได้เพราะ ไม่ใช่เพนกวินทุกตัวที่จะกลับมายังแหล่งเพาะพันธุ์ในแต่ละฤดูกาลเมื่อมีการจับคู่ครั้งใหม่อาจเป็นเรื่องยากที่จะ ระบุว่าเป็นนกเพนกวินส่วนตัวหรือนกเพนกวินเคลื่อนไหวต่อไปหลังจากที่อีกครึ่งหนึ่งของมันไม่กลับมาแล้ว


11 เท่านั้น เช่น หากมันถูกกินโดยปลาวาฬเพชรฆาตหรือแมวน้ำการปล้นสะดมไม่ได้เป็นเพียงภัยคุกคามต่อชีวิตรัก ของนกเพนกวินเท่านั้น การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารAmbioพบว่าประชากรนกเพนกวินกำลังลดลงตาม สัดส่วนที่ลดลงของปริมาณตัวเคยที่สามารถให้อาหารได้ จากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกิจกรรมการจับปลาของมนุษย์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนตัวคริลล์ลดลง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก สภาพอากาศในทะเลน้ำแข็งยังบังคับให้เพนกวินเข้าสู่แหล่งเพาะพันธุ์ที่แตกต่างกัน ทำให้คู่รักที่อยู่กันมานาน ต้องแยกจากกันและส่งผลกระทบต่อการย้ายถิ่นฐานมาร์คส์กล่าวว่าตอนนี้ตัวผู้บางตัวมาถึงแหล่งเพาะพันธุ์ ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินเรือในภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงของทะเลและน้ำแข็งมาร์คบอกว่ารุงรังเกิน กว่าจะจีบตัวเมียและใช้เวลามากเกินไปในการดูแลไข่ อย่างเหมาะสมโดยรวมแล้วคิดว่าปัจจัยเหล่านี้มีบทบาท ใน ความล้มเหลว ของ Halley Bay ที่มีรายงานอย่างกว้างขวาง แหล่งเพาะพันธุ์ที่เคยเลี้ยงเพนกวินจักรพรรดิ 25,000คู่ในแต่ละฤดูกาลกลายเป็นหมันตั้งแต่ปี2559 Marksกล่าวว่า“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจ ทำให้อัตราความสำเร็จของการขยายพันธุ์ลดลง “เมื่อใดก็ตามที่มีอัตราความล้มเหลวสูงขึ้น เราคาดว่าอัตรา การหมุนเวียนของคู่ครองจะสูงขึ้น”


12 ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของเจ้าเพนกวิน..? เจ้านกลายทักซิโดพวกนี้มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์เป็นอย่างมากเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วเพนกวินจักรพรรดิในทวีปแอนตาร์กติกากำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่ม สูงขึ้นและน้ำแข็งทะเลที่ลดลง รัฐบาลวอชิงตันกล่าวในการสรุปการคุ้มครองสัตว์ ภายใต้รัฐบัญญัติสิ่งมีชีวิต ใกล้สูญพันธุ์ของสหรัฐสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่า องค์การบริการปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ (ยูเอสเอฟดับเบิลยูเอส) กล่าวว่า เพนกวินจักรพรรดิควรได้รับการ คุ้มครองภายใต้กฎหมายดังกล่าว เนื่องจากพวกมันสร้างอาณาจักรและเลี้ยงลูกน้อยบนแผ่นน้ำแข็งในทวีปแอน ตาร์กติกาซึ่งถูกคุกคามโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศยูเอสเอฟดับเบิลยูเอส ระบุว่า การตรวจสอบหลักฐาน อย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงข้อมูลดาวเทีมในช่วง 40 ปี แสดงให้เห็นว่า เพนกวินจักรพรรดิ ไม่ตกอยู่ในอันตราย จากการสูญพันธุ์ แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้น เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ามันจะมีแนวโน้มเป็นเช่นนั้นตามข้อมูลของรัฐบาล สหรัฐ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลให้อาณาจักรเพนกวินจักรพรรดิ ประสบความล้มเหลวในการผสม พันธุ์ โดยอาณาจักรเพนกวินที่อ่าวฮัลเลย์ ในทะเลเวดเดลล์ ซึ่งเป็นอาณาจักรเพนกวินจักรพรรดิที่ใหญ่เป็น อันดับ 2 ต้องเผชิญกับสภาพน้ำแข็งทะเลที่เลวร้ายมานานหลายปี จนทำให้ลูกเพนกวินแรกเกิดทั้งหมดจมน้ำ ตายเมื่อปี2559ทั้งนี้สถานะสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสำหรับกลยุทธ์การอนุรักษ์ ,เพิ่มเงินทุนให้กับโครงการอนุรักษ์ต่างๆและกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางในสหรัฐดำเนินการเพื่อลด ภัยคุกคามข้างต้นการกำหนดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้รับการอธิบายเป็นคำเตือนโดยนางชาเย วูล์ฟ ผู้อำนวยการด้านภูมิอากาศศาสตร์ของศูนย์ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ซีบีดี) ว่า เพนกวินจักรพรรดิ ต้องการ “การดำเนินการด้านสภาพอากาศอย่างเร่งด่วน” เพื่อที่จะอยู่รอดต่อไป“การมีอยู่ของเพนกวินนั้น ขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลของเราจะดำเนินการอย่างจริงจังในตอนนี้เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นสาเหตุของ ภาวะโลกร้อนและป้องกันความเสียหายต่อชีวิตบนโลกที่ไม่อาจย้อนกลับหรือไม่” วูล์ฟ กล่าวเพิ่มเติม


13 พฤติกรรมน่ารู้ของเจ้านกลายทักซิโด เพนกวินจักรพรรดิเป็นสัตว์สังคมในการดำรงชีวิตและการหาอาหาร นอกจากจะออกหาอาหารด้วยกันแล้วก็ อาจจะร่วมมือกันในการดำหรือผุดจากน้ำในการหาอาหาร นกแต่ละตัวอาจจะตื่นช่วงกลางคืนหรือกลางวัน นก ที่โตเต็มที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเกือบตลอดปีในการเดินทางไปหาอาหาร ระหว่างบริเวณที่อาศัยกับแหล่ง อาหารที่อยู่ไกลออกไปตามฝั่งทะเล ยกเว้นเดือนระหว่างมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่จะหายไปในมหาสมุทรนัก สรีรศาสตร์ชาวอเมริกันเจอร์รีคูยแมนวิวัฒนาการวิธีการศึกษาพฤติกรรมในการหาอาหารของเพนกวินในปี ค.ศ.1971โดยการติดอุปกรณ์ที่บันทึกการดำน้ำกับตัวนกผลของการศึกษาพบว่าเพนกวินจักรพรรดิสามารถดำ น้ำได้ลึกถึง 265 เมตร (869 ฟุต) ได้ช่วงละนานถึง 18 นาทีการศึกษาต่อมาพบว่าเพนกวินตัวเมียที่มีขนาดเล็ก กว่าสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 535 เมตร (1,755 ฟุต)ไม่ไกลจากอ่าวแม็คเมอร์โดอาจจะเป็นไปได้ว่าเพนกวิน อาจจะดำน้ำได้ลึกกว่านั้นเพราะอุปกรณ์ที่วัดลดสมรรถภาพลงเมื่อความลึกของการดำลึกลงไปกว่าที่กล่าว การศึกษาต่อมาของพฤติกรรมการดำน้ำของนกตัวหนึ่งพบว่ามักจะดำลึกประมาณ 150 เมตร (490 ฟุต) ใน บริเวณที่มีน้ำลึก 900 เมตร (3,000 ฟุต) และดำตื้นเพียง 50 เมตร (160 ฟุต) สลับกับการดำที่ลึกกว่า 400 เมตร (1,300 ฟุต) ในบริเวณที่มีน้ำลึกเพียง 450 ถึง 500 เมตร (1500 ถึง 1600 ฟุต)ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่า บางครั้งก็เป็นดำเพื่อหาอาหารบนก้นทะเลทั้งตัวผู้และตัวเมียจะหาอาหารราว 500 กิโลเมตร (311 ไมล์) ไกล จากที่ตั้งกลุ่ม เมื่อไปหาอาหารให้ตัวเองและลูกนกก็จะเดินทางระหว่าง 82 ถึง 1,454 กิโลเมตร (51 ถึง 904 ไมล์) ต่อตัวต่อครั้ง นกตัวผู้จะกลับไปยังทะเลกว้างที่เรียกว่า“polynya”หลังจากลูกนกออกจากไข่ราว100 กิโลเมตร(62ไมล์)ไกลจากฝูงการว่ายน้ำของเพนกวินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้ความกดดันทั้งใน การพุ้ยขึ้นหรือลงขณะที่ว่ายการพุ้ยขึ้นทำให้รักษาระดับความลึกของการดำได้ ความเร็วถัวเฉลี่ยของการดำน้ำ ราว69กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง(4ไมล์/ต่อชั่วโมง)การเคลื่อนไหวบนบกเพนกวินจะสลับระหว่างการเดินอุ้ยอ้ายกับ การไถลด้วยท้องและผลักเร่งด้วยปีกไปกับพื้นน้ำแข็งการป้องกันตัวจากความหนาวจะทำโดยการเข้ามายืน รวมตัวกันเป็นกระจุกหรือที่เรียกว่าการรวมเป็น รูปเต่า ขนาดของกลุ่มก็มีตั้งแต่สิบตัวไปจนถึงหลายร้อยตัว โดยนกแต่ละตัวก็จะเอนไปข้างหน้าบนหลังของนกตัวหน้า ตัวที่อยู่วงนอกมักจะค่อยๆ เดินลากขาวนรอบวง และจะมีการสลับที่กันระหว่างนกที่อยู่ในวงในและวงนอก


14 สรุป ผลการศึกษาชิ้นใหม่ชี้ว่าลูกเพนกวินจักรพรรดิหลายพันตัวจมน้ำตายในขั้วโลกใต้เมื่อปีที่แล้วหลังจากเกิดเหตุแผ่น น้ำแข็งแยกออกจากทวีปแอนตาร์กติกาผลสำรวจของบริติชแอนตาร์กติก (British Antarctic Survey) ชี้ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าอาจมีลูกเพนกวินราว10,000ตัวที่ตายไปเมื่อปีที่แล้วและกล่าวโทษว่าการ เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกคือสาเหตุสำคัญของเหตุการณ์นี้ทั้งนี้ เพนกวินจักรพรรดิหรือ Emperor penguin คือเพนกวินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา18สายพันธุ์เพนกวินและยังเป็นหนึ่งในสัตว์จำพวกนกที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดด้วยนักวิทยาศาสตร์อังกฤษรายงานว่าจากการตรวจสอบข้อมูลจากดาวเทียมเซทิเนล2ของสหภาพยุโรป พบว่ามีลูกเพนกวินพันธุ์นี้ตายลงจำนวนมากและงานวิจัยยังพบด้วยว่า4ใน5ของอาณานิคมของเพนกวินจักรพรรดิ ในแถบทะเลเบลลิงส์เฮาเซนใกล้คาบสมุทรแอนตาร์กติกกำลังเผชิญหายนะเรื่องการขยายพันธุ์เพนกวินงานศึกษา ชิ้นนี้เผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วในวารสารCommunicationsEarth&Environmentซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ที่มีการรายงานเรื่องการล่มสลายด้านการขยายพันธุ์ของเพนกวินจักรพรรดิในดินแดนนี้ปกติแล้วเพนกวินจักรพรรดิ จะผสมพันธุ์และเลี้ยงลูกนกบนแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นดินหรือแผ่นน้ำแข็ง อื่นนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นทำให้แผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรละลายเร็วขึ้นเป็นเหตุให้ลูก เพนกวินที่ยังไม่โตเต็มวัยจมน้ำตายเพราะเมื่อแผ่นน้ำแข็งแตกออกจากทวีปแอนตาร์กติกาเร็วเกินไปเนื่องจากภาวะ โลกร้อนลูกนกเหล่านั้นอาจตกลงไปในทะเลและจมน้ำตายหรืออาจตายเพราะความหนาวเย็นแมรีแอนน์ลีอา ศาสตราจารย์ด้านสัตว์น้ำและแอนตาร์กติกมหาวิทยาลัยแห่งแทสมาเนีย(UniversityofTasmania)กล่าวกับสื่อ ออสเตรเลียว่าการล่มสลายของการขยายพันธุ์เพนกวินในปีนี้อาจรุนแรงกว่าปีที่แล้วปัจจุบันเพนกวินจักรพรรดิ ได้รับการจัดให้เป็น“สายพันธุ์สัตว์ที่เผชิญการคุกคาม”ซึ่งนักวิจัยต่างเชื่อว่าเพนกวินพันธุ์นี้อาจสูญพันธุ์ได้ภายใน เวลาสิ้นศตวรรษนี้เนื่องจากอุณหภูมิน้ำ ทะเลที่สูงขึ้นต่อเนื่อง


15 บรรณานุกรม นางสาว กาญจนา กบ โพธิ์ไทร 2558, นกเพนกวิน สืบค้นเมื่อ 29 กุมภาพันธ์256 ที่มาา:https://www.gotoknow.org/posts/596443#google_vignette วันทนา อรรถสถาวร : แปลและเรียบเรียง, 5 กรกฎาคม 2566 นกเพนกวินทุกตัวมีพันธะผูกพันกับคู่เดียว ตลอดชีวิตหรือไม่? สืบค้นเมื่อ 29 กุมภาพันธ์2567 ที่มา:https://www.thaiquote.org/content/250652 สุทัศน์ ยกส้าน 2548. เพนกวิน : อดีต และปัจจุบัน สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2567 ที่มา:https://mgronline.com/daily/detail/9480000039781 VOA 2566, ผลศึกษาเผย ลูกเพนกวินขั้วโลกใต้นับหมื่นตัวจมน้ำตายปีที่แล้ว สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2567 ที่มา:https://www.voathai.com/a/scientists-report-mass-antarctic-penguin-die-off-/7243288.html


Click to View FlipBook Version