กฎหมายฮัมมูราบี—ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

สารบัญ ประวัติของพระเจ้าฮัมมูราบี กฎหมายฮัมมูราบีโดยสรุป ข้อดีข้อเสียของตัวกฎหมาย กฎหมายที่ใกล้เคียง ที่มาของกฎหมาย ประวัติ Ur-nammu กฎหมาย Ur-nammu Mesopotamia

เรื่องราวของ จนกระทั่ง Sin-Mubaliit พิชิต ชาวAkadian,Guitian แล้วได้ก่อตั้งอาณาจักรบาบิ ลอนแห่งใหม่ที่เป็นใจกลางจักวรรดิและสถาปนา ตนเองเป็นกษัตริย์ เมื่อ 1812 BC. Mesopotamia พระเจ้า จ้ ฮัม ฮั มูร มู ะบีโบี ดยสรุป รุ ช่วง 1800BC อาณาจักรบาบิ ลอนได้แตกกระจายจากการรุกรานของ ชาว Akadian,Guitian ในสมัยของSin-Mubalit เขาได้ขยายอาณาเขตของบาบิลอนสู่ Kish,Siappa,Borsipper ได้วางรากฐานให้ลูกเขา(พระเจ้าฮัมมูระบี) เช่น ตั้ง กำ แพงค่าย ขุดครอง ฝึกทหาร จนกระทั่งเขาได้ล้มป่วยและสละราชสมบัติ พร้อมแต่ตั้งลูกชายเป็นกษัตริย์เมื่อ 1792 BC.ให้พระเจ้าHammurabi เมื่อเขา อายุ 18 ปี พระเจ้าฮัมมูระบีได้สืบทอดโครงการพัฒนาอาณาจักรจากพ่อของ เขาและได้สร้างโครงการพัฒนาอาณาจักรและขยายอาณาเขตของพระองค์เอง

เรื่องราวของ Mesopotamia พระเจ้า จ้ ฮัม ฮั มูร มู ะบีโบี ดยสรุป รุ เขาได้สร้างวิหารให้แก่เทพแห่ง สายฟ้า Marduk และจ่ายหนี้สิน อาณาจักรจนหมดสิ้นทำ ให้เป็นที่รัก ของเหล่าประชาชน ในช่วง10ปีแรก ของการครองบัลลังก์นั้นยังคงไร้ สงคราม ทางElamได้วางแผนให้ Babylon มีสงครามกับ Larsa ทว่าอาณาจักรทั้ง 2 จับได้ Hammurabi กับ Rim-Sin ผู้ ปกครองเมือง Larsa ได้ผนวก กำ ลังทหารสกัดชาว Elamite ที่ อ่าวได้ แต่จำ นวนทหารที่ Rimsin ส่งมาช่วยนั้นน้อยเกิน จนกระทั่ง อาณาจักร Elam ได้รุกร้ำ พื้นที่ชาว Mesopotemian และ ได้พิชิตเมืองEshnunnaและตั้งเป้ายึดกรุงบาบิลอน ทำ ให้พระเจ้า Hammurabi ได้ชักชวนอาณาจักรทางใต้ช่วยกันตีเมือง Larsa ใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะพิชิตได้ Rim-Sin ถูกจับตัวและสังหาร

เรื่องราวของ Mesopotamia พระเจ้า จ้ ฮัม ฮั มูร มู ะบีโบี ดยสรุป รุ หลังจากจบสงครามทางใต้ด้วยกำ ลังคนชาว Mari ที่เหลือน้อยจาก การช่วยพระเจ้า Hammurabi จึงถูกหักหลังและยึดเมือง Mari รวมถึง เมืองทางเหนือได้ในที่สุด เมื่อพระเจ้า Hammurabi ได้รู้ถึงความสามารถกองกำ ลังทหารตนจึง เลือกหักหลังพันธมิตรที่ช่วยเหลือพิชิต Larsa ด้วยความช่วยเหลือของชาว Mari และยึดเมืองเหล่านั้นให้ตกอยู่ใต้การปกครองของตน ทำ ให้ยึดครอง Assyria และพื้นที่ทางเหนือทั้งหมด อย่างไรก็ตามพระเจ้า Hammurabi ได้ล้มป่วยไม่นานหลังจากนั้นและเสียชีวิตในช่วง 1750 BC. ในวัย 60 ปี การพิชิตครั้งสุดท้ายคือการต่อสู้กับอาณาจักร Assyria ทางเหนือผู้ไร้มิตร ปกครองด้วยตนเอง ด้วยการจากไปของกษัตริย์ Shamshi, Adad ที่ทำ ให้ ทั้งอาณาจักรสับสนวุ่นวายจึงเป็นเวลาที่ดีต่อการโจมตี

เรื่องราวของ Mesopotamia พระเจ้า จ้ ฮัม ฮั มูร มู ะบีโบี ดยสรุป รุ กฎหมายฮัมมูระบี 282 ข้อได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อจบศึกกับ Mari และพระเจ้าฮัมมูระบีได้นำ กฎหมายของชาว Sumerian และ Akkadian มาประกอบกันจนได้กฎหมายฮัมมูระบี โดยใช้ภาษา Akkadian จารึกในรูปแบบตัวอักษร Cuneiform ในหิน diorite ดำ ขนาด 7 ฟุต ซึ่งมีการสลักรูปพระองค์ยืนรับคำ สั่งจากเทพ Shamash เทพแห่งความยุติธรรม กลยุทธ์ทางการทหารที่โดดเด่นของเขาคือ การสร้างเขื่อน กักน้ำ เพื่อให้ศัตรูหิวโหยและหาจังหวะปล่อยน้ำ ท่วมให้ศัตรูจม

กฎ หมาย law Timeless History Hammurabi -การแบ่งชนชั้น ประเภทกฎหมาย กฎหมายมหาชน กฎหมายอาญา -ยืนหยัดการแก้แค้นรุนแรง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (Lex Talionis) -เช่าอสังหาริมทรัพย์ -เช่าปศุสัตว์ -นิติกรรมและสัญญา -จ้างแรงงาน -ครอบครัว -ชลประทาน -จุดเริ่มต้นของประกัน กฎหมายเอกชน(แพ่ง)

กฎหมายฮัมมูราบี Mesopotamia 1. กฎหมายมหาชน ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั -ชนชั้นล่าง (Ardu) = ทาส แบ่งเป็น 3 ชนชั้น คือ -ชนชั้นสูง (Awellu) = ชนชั้นปกครอง/ข้าราชการ -ชนชั้นกลาง (Muskinuเขต) = ประชาชน/เสรีชน (Code of Hammurabi) ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยจะมีในเรื่องของ -การกระทำผิดระหว่างชนชั้น -กระทำผิดต่อชนชั้นสูง = รับโทษ/ถูกปรับมากกว่าปกติ -ชนชั้นล่างทำร้ายชนชั้นสูง = สามารถแก้แค้นได้ -ชนชั้นสูงทำร้ายชนชั้นล่าง = ห้ามแก้แค้นให้จ่ายค่าปรับ -การเปลี่ยนแปลงชนชั้น -ทาสสามารถเปลี่ยนเป็นเสรีชนได้โดยการมอบเงินไถ่ตัว -ลูกของหญิงเสรีชน กับชายทาส มีชนชั้นเป็นเสรีชน

กฎหมายฮัมมูราบี Mesopotamia 2. กฎหมายเอกชน (แพ่ง) ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั แบ่งเป็น 6 ประเภท คือ -ดูแลไม่ปล่อยให้สัตว์ที่เช่าสูญพันธ์ -หากสัตว์ที่่เช่าก่อความเสียหาย ผู้เช่าต้องรับผิด ชลประทาน -ประชาชนสามารถนำ น้ำ จากคูคลอง ที่เป็นแหล่งน้ำ ส่วนกลางไปใช้ได้ -แต่หากเกิดความเสียหายจากการนำ น้ำ ไปใช้ต้อง รับผิดชอบ ผู้เช่ามีหน้าที่และต้องรับผิดชอบ ดังนี้ เช่าปศุสัตว์ -ให้เช่าสัตว์เลี้ยงสำ หรับใช้แรงงาน เช่น ม้า วัว เช่าอสังหาริมทรัพย์ ภาพวาดสวนลอยบาบิโลน (ผู้เช่าสามารถให้ผู้อื่นเช่าต่อ) -ประชาชนมีกรรมสิทธิในที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ได้ -ย่อมนำ ที่ดินของตนไปให้ผู้อื่นเช่าได้ -สามารถ"เช่าช่วง"ได้

กฎหมายฮัมมูราบี Mesopotamia ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั -ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ ทาส เพราะ ทาสไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทน -นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างที่ เป็นเสรีชน 2. กฎหมายเอกชน (แพ่ง) จ้างแรงงาน นิติกรรมและสัญญา -ภาษิตผู้ซื้อต้องระวัง (Caveat emptor) -ที่พบบ่อยคือสัญญาซื้อขาย และเช่าซื้อ -สัญญาอื่นๆ เช่น ให้โดยเสน่หา กู้ยืม จำ นำ -หากเป็นทรัพย์สินราคาแพง -ทำ สัญญาโดยให้ข้าราชการ เป็นผู้เขียนสัญญาให้ (Scrivener) -หากสัญญาได้ทำ เป็นหนังสือ คู่สัญญาจะนำ พยาน บุคคลมานำ สืบไมได้ -การซื้อทรัพย์สินจากผู้เยาว์หรือทาส โดยปราศจาก อำ นาจ -มีโทษฐานลักทรัพย์/รับของโจร มีโทษถึงตาย -เว้นแต่ซื้อมาโดยสุจริต แต่ต้องคืนทรัพย์สินแก่ เจ้าของ

กฎหมายฮัมมูราบี -หญิงหย่าชายได้ เมื่อสามีทารุณโหดร้ายและทิ้งภรรยา-หากสามีตาย ภรรยาจะสมรสใหม่ได้เมื่อศาลอนุญาต -การสมรส (เป็นไปในลักษณะซื้อขาย) -บิดามารดาทั้งสองฝ่ายเป็นผู้จัดการ -พ่อแม่ฝ่ายชาย ต้องมอบเงิน (bride price) ให้แก่ฝ่ายหญิง -ถือว่าเป็นการซื้อขายหญิงมาเป็นภรรยา -พ่อแม่ฝ่ายหญิง จะมอบทรัพย์สิน เรียกว่า เงินทุน (dowry) ให้แก่หญิง -ซึ่งเงินทุนจะเป็นทรัพย์ของหญิงนั้น หากหญิงตายจะเป็นของบุตร หาก ไม่มีบุตรจะกลับเข้าฝ่ายหญิง -สามีภริยา เป็นบุคคลเดียวกัน (ในทรัพย์สิน/หนี้ ระหว่างสามีภริยา) -สามี/ภริยา ต้องรับผิดในหนี้สินที่ภรรยา/สามีก่อ แม้จะก่อขึ้นก่อนการ สมรม -ยกเว้นทำหนังสือจำกัดความรับผิดไว้ว่าจะไม่ร่วมรับผิดในหนี้ที่ก่อขึ้น ก่อนการสมรส -การหย่า (ชายหย่าหญิงได้ง่าย แต่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู) Mesopotamia ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั ครอบครัว

กฎหมายฮัมมูราบี Mesopotamia ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั -ภายหลัง ขายผ่าน พ่อค้าเร่ (travelling salesman) -ช่วงแรกมักขายสินค้าผ่านลูกจ้างหรือทาส (ไม่มีอำ นาจตกลงกับผู้ซื้อ) กำ เนิดประกันภัย 1. ในระยะแรก -หากสินค้าถูกปล้น หรือ พ่อค้าเร่ หนีหาย บรรดา ทรัพย์สินที่ค้ำ ประกันไว้จะถูก ยึด ภรรยา/บุตรจะตกเป็นทาส -พ่อค้าเร่ รับสินค้า ต้องมอบ ทรัพย์สิน ภรรยา หรือบุตร ไว้เป็นประกัน 2. ระยะหลัง -ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของประกันในสมัยสุเมเรียน -พ่อค้ายังคงต้องมีสิ่งค้ำ ประกัน -หากสินค้าถูกปล้น แล้วไม่ได้เป็นความผิดพ่อค้า เช่น ถ้าพ่อค้า พยายามปกป้องสินค้า จะไม่สามารถริบทรัพย์สิน ภรรยา/บุตร ไม่ได้

กฎหมายฮัมมูราบี Mesopotamia กฎหมายอาญา Lex Talionis (ตาต่อตา ฟันต่อฟัน) 3. ตาต่อ ต่ ตา ฟัน ฟั ต่อ ต่ ฟัน ฟั ผู้สร้างบ้านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตัวอย่าง -บุคคลทำ ลายตาผู้หนึ่งดวงตาของบุคคล ผู้นั้นจะถูกทำ ลายเช่นกัน -ถ้าบ้านพังลงมาทับเจ้าของบ้านตาย -หากทำ บุตรสาวผู้อื่นตาย บุตรสาวของตนจะถูกลงโทษถึงตายด้วย -ถ้าบ้านพังลงมาทับบุตรเจ้าบ้านตาย โดยความประมาทของผู้สร้าง บุตของผู้สร้างบ้านต้องชดใช้ด้วยชีวิต -เจ้าหนี้ที่บุตรเจ้าหนี้ตาย (ในฐานะผู้ขัดหนี้) บุตรลูกหนี้ต้องตายตาม -ต่างจากปัจจุบัน ที่ไม่มีการลงโทษแก้แค้นบุตร/ธิดา ของผู้กระทำ ผิด แต่ลงโทษ แก้แค้นผู้กระทำ ผิดโดยตรง -ไม่มีโทษจำ คุก แต่ถ้าหากทำ ผิดร้ายแรง เช่น ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ มีโทษตายสถานเดียว -โทษอื่นๆ เช่น ถ้าลูกทำ ร้ายพ่อให้ตัดมือลูก พิสูจน์ว่าภริยามีชู้มั้ยให้ไปลอยน้ำ 2. แก้แค้นต่อตัวบุตรผู้ทำ ผิด 1. แก้แค้นต่อตัวผู้ทำ ผิดโดยตรง

ข้อดีข้อเสีย -กษัตริย์ไม่สามารถแก้กฎหมายตามใจชอบได้ -เป็นเรื่องยากที่จะแก้กฎหมายและทุกคนต้องเห็นด้วย -ทุกคนรู้ว่าบทลงโทษของการทำ ผิดมีอะไรบ้าง -กฎหมายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนและทุกคนสามารถหาดูได้ -หากเปรียบเทียบกับ กฎหมายแห่ง ur-nammu นั้นจะมีความครอบคลุมมากกว่า โดยกฎหมาย ur-nammu จะเน้นเขียนในเรื่องกฎหมายแพ่งมากกว่า แม้ว่าอาณาจักรบาบิลอนได้ล่มสลายแต่ยังคงมีการใช้งานกฎหมายต่อในยุคถัดไปตาม ข้อความ: “อาณาจักรของฮัมมูราบีตกต่ำ ลงหลังจากการสวรรคตของพระเจ้าฮัมมูระบีในปี 1750 ก่อนคริสต์ศักราช ก่อนที่จะหายสาบสูญโดยสิ้นเชิงในปี 1595 ก่อนคริสต์ ศักราช เมื่อกองทัพฮิตไทต์ไล่ล่าบาบิโลนและยึดทรัพย์สมบัติและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลักจรรยาบรรณของฮัมมูราบีได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอิทธิพลมากจนสามารถดำ รง อยู่ในฐานะผู้นำ ทางกฎหมายในภูมิภาคนี้เป็นเวลาหลายศตวรรษ แม้ว่าการปกครอง เหนือเมโสโปเตเมียจะเปลี่ยนหลายครั้งก็ตาม การคัดลอกกฎหมายดูเหมือนจะเป็น งานยอดนิยมสำ หรับอาลักษณ์ในการฝึกอบรม อันที่จริง มีการพบเศษของกฎหมายบน แผ่นดินเหนียวที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช หรือมากกว่า 1,000 ปี หลังจากรัชสมัยของฮัมมูราบี” Mesopotamia ข้อดี ของกฎหมายฮัม ฮั มูร มู ะบี

ข้อดีข้อเสีย Mesopotamia แต่ต้องยอมรับว่ายังคงมีมรดกที่สืบทอดมาจนถึงกฎหมายในยุค ปัจจุบัน แม้ว่าตัวกฎหมายจะเน้นการลงโทษด้วยความรุนแรง แบบ ตาต่อตาฟันต่อฟัน "Lex Talionis" ทำ ให้โทษส่วนใหญ่ไม่พ้นกับ ความรุนแรงและความตาย มรดกของตัวกฎหมาย ของกฎหมายฮัม ฮั มูร มู ะบี แล้วเมื่อถึงการข้อพิพาทพวกเขา สามารถนำ ให้คดีขึ้นสู่ชั้นศาลได้ แสดงหลักฐานและพยานของตน เพื่อให้ผู้พิพากษาตัดสิน ซึ่งนั่นคือ กฎที่ว่า "ผู้ถูกกล่าวหา จะยังคงสถานะและได้รับการ ปฏิบัติเยี่ยงผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะถูก พิสูจน์ว่ามีความผิด"

ข้อดีข้อเสีย กฎหมายหนึ่งข้อในนั้นคือ "ถ้ามีคนบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลหรือบ้าน เขาผู้นั้นต้องถูกฆ่าก่อนจะเข้ามาได้และฝังเขาไว้ ณ ที่นั้น" -ชนชั้นปกครองนั้นมีอิสระมาก เมื่อพวกเขาทำ ผิดเขาเพียงแค่ถูก ปรับต่อให้เขาทำ การฆาตกรรมชนชั้นต่ำ กว่า -เป็นเรื่องยากที่จะเขียนและปรับเปลี่ยนกฎหมาย -การลงโทษรุนแรงเกินไป และบทลงโทษจำ นวนมากคือโทษตาย -สามารถถูกตีความผิดได้ง่าย Mesopotamia ข้อเสีย ของกฎหมายฮัม ฮั มูร มู ะบี หากคุณเชิญเพื่อนเข้ามาในบ้านแล้วยิงเพื่อนคุณทิ้ง และฝังไว้ เพื่ออำ พรางคดี ศาลจะไม่สามารถตัดสิน ว่าคุณผิดได้เพราะไม่มีหลักฐานและข้อพิสูจน์ว่า เพื่อนไม่ได้เข้าบ้านของคุณ ยกตัวอย่าง

กฎหมายที่คล้ายคลึง Mesopotamia ประวัติ วั ติUr-Nammu Ur-Nammu กษัตริย์ลำ ดับที่ 3 แห่งราชวงศ์ Ur ในสุเมเรียน ซึ่งเป็น ผู้ริเริ่มสิ่งที่เรียกว่ายุค Ur III ค.ศ. 2047-2030 ก่ก่ก่ก่อก่ก่นคริริริริสริริตศัศัศัศักศัศัราช ยุยุยุ ยุ ค ยุ ค ยุ ค Ur III 2047 -1750 ก่ก่ก่ก่อก่ก่นคริริริริสริริตศัศัศัศักศัศัราช หรือที่รู้จักในชื่อยุคฟื้นฟูศิลปะสุเมเรียน เขาเป็นที่รู้จักกันดีในนามกษัตริย์ผู้ประพันธ์ ประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลก นั่นคือ Code of Ur-Nammu

ประมวลกฎหมายก่อนหน้านี้ (เรียกว่าประมวลกฎหมาย Urukagina ตั้งแต่ศตวรรษที่ 24 ก่อนคริสตศักราช) เป็นที่รู้จักโดยการอ้างอิงเพียงบาง ส่วนเท่านั้น ดังนั้น เนื่องจากไม่พบข้อความจริงกฎหมาย Ur-Nammu จึง ถือเป็นกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ซึ่ง Ur-Nammu ยังได้รับการ ยกย่องว่าเป็นผู้สร้าง Great Ziggurat of Ur (หรืออย่างน้อยก็ได้รับการ ยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ผู้สั่งการมัน) ซึ่งยังคงตั้งตระหง่านเหนือซากปรักหัก พังของเมืองในยุคปัจจุบัน พระองค์ทรงนำ เสนอพระองค์เองในฐานะบุคคล ต้นแบบของบิดาต่อประชาชน และความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ที่ดีของ ประชาชนสะท้อนให้เห็นในประมวลกฎหมาย ตลอดจนผ่านการอุปถัมภ์ด้าน ศิลปะ การสนับสนุนการพัฒนาวัฒนธรรม และการเพาะปลูกสวน สวน สาธารณะ และการปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐาน กฎหมายที่คล้ายคลึง Mesopotamia ประวัติ วั ติUr-Nammu

กฎหมายที่คล้ายคลึง Mesopotamia ประวัติ วั ติUr-Nammu แม้ว่าเขาจะได้รับการ ยกย่องบ่อยครั้งในการโค่นล้ม การปกครองของชาว Gutian (ผู้พิชิตชาว Akkad และเข้า ควบคุมสุเมเรียนและส่วนที่ เหลือของเมโสโปเตเมีย) จริงๆ แล้ว เขาได้ติดตามการนำของ กษัตริย์แห่งอูรุก อูตูเฮกัลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของเขาในกฎหมาย และมีบทบาท เป็นผู้บังคับบัญชาเมื่อ Utu-Hegal ถูกสังหารเท่านั้น แม้ว่าเขาจะทำ สงครามกับพวก Gutian ต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้พิชิตพวกเขา และใน ความเป็นจริง เขาถูกสังหารในการสู้รบในปี 2030 ก่อนคริสต์ ศักราช

การปลดปล่อยชาว Sumerian จากการปกครองของ Gutian สำ เร็จลุล่วงได้โดยบุตรชายและผู้สืบทอดตำ แหน่งของ เขา ชุลกิแห่งอูร์ (ราวปี 2029-1982 ก่อนคริสตศักราช); นัก วิชาการบางคนอ้างว่า Shulgi ได้เขียนประมวลกฎหมายที่มีชื่อ เสียงหรืออย่างน้อยก็นำ ไปใช้งานได้อย่างเต็มที่ ถึงกระนั้นก็ตาม Ur-Nammu ยังคงเป็นที่จดจำ สำ หรับกฎหมายที่เป็นชื่อของเขา เช่นเดียวกับการปกครองที่ชาญฉลาดและมีเมตตาในสมัยของ เขา และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของ Great Ziggurat แห่ง Ur ที่เขาสร้าง กฎหมายที่คล้ายคลึง Mesopotamia ประวัติ วั ติUr-Nammu

กฎหมายที่คล้ายคลึง Mesopotamia กฎหมาย Ur-Nammu การเกริ่นริ่และยกตัว ตั อย่า ย่ ง ต่อมาแม้ว่าตัวกฎหมายไม่ สมบูรณ์แต่ทว่ามันเพียงพอสำ หรับ สมัยนั้นที่มีความสงบสุขและผู้คน เข้าใจหลักการประพฤติเป็นสากล กฎหมาย Ur-Nammu นั้นมี มาก่อนกฎหมายฮัมมูระบี 3 ศตวรรษ 2,100 ปีก่อนคริสตกาล ถูกจารึกด้วยอักษรคูลิฟอร์มโดยที่ ตัวกฎหมายจะเน้นไปทางแพ่งไม่ ครอบครุมและไม่รุนแรงเท่า Lex talionis เหมือนกฎหมายฮัมมูระบี จะมีการปรับมากกว่าการลงโทษ รุนแรง จะไม่มีการตัดมือ ทำ ลาย กระดูกเหมือนฮัมมูระบี หากเกิด กรณีนั้นขึ้น โทษตายคือผลลัพธ์เดียวที่ผู้ กระทำ ผิดพึงจะพบ

ภาษาคูลิฟอร์ม 2100–2050 ปีก่อน คริสตกาล แม้ว่าคำ นำ จะยกเครดิตให้กับ กฎหมายโดยตรงถึงกษัตริย์อูร์-นัมมูแห่งอูร์ (พ.ศ. 2112–2095) เป็นประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดที่ เคยถูกค้นพบในปัจจุบัน มันถูกเขียนไว้บน แผ่นจารึกในภาษาสุเมเรียน Mesopotamia กฎหมาย Ur-Nammu ก่อนคริสต์ศักราช นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่าควรกำ หนดให้เป็น บุตรชายของเขา ชูลกิ (Shulgi) สำ เนาแรกของกฎหมาย แบ่งออกเป็นสอง ส่วนที่พบใน Nippur ได้รับการแปลโดย Samuel Kramer ในปี 1952 การ อนุรักษ์บางส่วน มีเพียงอารัมภบทและกฎหมาย 5 ประการเท่านั้นที่มอง เห็นได้ พบแท็บเล็ตเพิ่มเติมใน Ur และแปลในปี พ.ศ. 2508 โดย อนุญาตให้มีการสร้างกฎหมาย ประมาณ 40 ฉบับจากทั้งหมด 57 ฉบับขึ้นใหม่ 2 สำ เนาอีก ฉบับที่พบใน Sippar กฎหมายที่คล้ายคลึง การเกริ่นริ่และยกตัว ตั อย่า ย่ ง

ข้อความทาง กฎหมาย มีอายุมากกว่า ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี 3 ศตวรรษ และหากก่อ อาชญากรรมแล้ว Mesopotamia กฎหมาย Ur-Nammu จึงโดนลงโทษ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ตามมาเกือบทั้งหมด ในเวลาต่อมา ประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ซึ่งเป็นที่รู้จักใน ประวัติศาสตร์ ถือว่ามีความก้าวหน้าอย่างมาก เนื่องจากเป็นสถาบัน ค่าปรับเป็นเงินสำ หรับความเสียหายต่อร่างกาย ซึ่งตรงกันข้ามกัน หลักการ lex talionis (ตาต่อตา) อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรม การ ปล้น การล่วงประเวณี และการข่มขืนถือเป็นความผิดร้ายแรง กฎหมายที่คล้ายคลึง การเกริ่นริ่และยกตัว ตั อย่า ย่ ง

กฎหมายได้เผยให้เห็น ภาพรวมขอโครงสร้างทาง สังคมในช่วง "สุเมเรียนเรเน ซองส์" ใต้ lugal ("ผู้ยิ่ง ใหญ่" หรือกษัตริย์) สมาชิก ทุกคนในสังคมอยู่ในหนึ่งใน Mesopotamia กฎหมาย Ur-Nammu 2 ชนชั้นพื้นฐานะ "lu" หรือบุคคลที่เป็นอิสระหรือทาส (ชาย, อาราด ; เจมผู้หญิง) บุตรชายของลูถูกเรียกว่า ดูมู-นิตา จนกระทั่งเขาแต่งงาน กลายเป็น "ชายหนุ่ม" (กูรู) ผู้หญิง (มุนุส) เปลี่ยนจากการเป็นลูกสาว (ดูมู มิ) มาเป็นภรรยา (แม่) ถ้านางอายุยืนกว่าสามีจะเป็นม่าย (นู-มาซู) ที่สามารถแต่งงานใหม่ได้ กฎหมายที่คล้ายคลึง การเกริ่นริ่และยกตัว ตั อย่า ย่ ง

Mesopotamia ตัวอย่างกฎหมาย ถ้าบุคคลหนึ่งฆาตกรรม บุคคลอื่น บุคคลผู้นั้น ต้องถูกฆ่า หากบุคคลใดทำ การชิงทรัพย์ บุคคลนั้นต้องถูกฆ่า หากบุคคลใดทำ การ ลักพาตัว เขาต้องถูกขัง และปรับ 15 ด้วยเงิน Shekel ถ้าชายคนใดละเมิดสิทธิของผู้ อื่นและทำ ให้ภรรยาพรหมจารี ของชายหนุ่มเป็นมลทิน เขาจะ ต้องฆ่าชายคนนั้นเสีย กฎหมายที่คล้ายคลึง การเกริ่นริ่และยกตัว ตั อย่า ย่ ง

Mesopotamia สมาชิก 4. นาย ศุภกร เคนบัวบาน เลขที่ 37 1. นาย มุนินนาท พระสว่าง เลขที่ 3 2. น.ส. ปุณยวีร์ จงอุดมทรัพย์ เลขที่ 29 3. นาย พันธสรณ์ ควรเอี่ยม เลขที่ 36 กฎหมายฮัมมูราบี นำ เสนอ เสนอ วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อาจารย์ ประเสริฐ เจริญสุข รายวิชาประวัติศาสตร์ ม.5/1 โรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ