The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ห้องเรียนกลับด้านบทเรียนออนไลน์แก้ไข

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sureeporn panyudod, 2021-02-10 21:31:39

ห้องเรียนกลับด้านบทเรียนออนไลน์แก้ไข

ห้องเรียนกลับด้านบทเรียนออนไลน์แก้ไข

นางสาวสรุ พี ร พนั ยโุ ดด
ศกึ ษานิเทศก์ สพป.นครปฐม เขต 2

กลมุ นเิ ทศตดิ ตาม และประเมินผลการจดั การศกึ ษา
สาํ นักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครปฐม เขต 2



คาํ นาํ

บทเรียนออนไลนเร่ืองหองเรียนกลับดาน Flipped Classroom
ฉบับน้ีจัดทําเพ่ือเป(นแนวทางใหครูผูสอนไดนําความรูท่ีไดไปใชเป(น
ทางเลือกในการจัดการเรียนการสอนใหแก2ผูเรียน เพ่ือใหผูเรียนไดเกิด
การเรียนรูท่ีหลากหลายเต็มศักยภาพ ท้ังในเชิงสติป8ญญา ทักษะ เจต
คติ ประสบการณ ความสนใจและรับผิดชอบ ครูผูสอนสามารถนํา
ความรูท่ีไดไปผลิตสื่อการจัดเรียนการสอนที่ช2วยกระตุนใหผูเรียนไดฝ@ก
ปฏิบตั ิ ทาํ ใหเขาใจเน้ือหาบทเรียนไดมากย่ิงข้ึน เป(นเครื่องมือใหผูเรียน
ไดฝ@กทบทวนซ้ํา จนเกิดความชํานาญ ผูเรียนสามารถเรียนรูไดอย2าง
ง2ายดายรวดเร็ว ทุกท่ี ทุกเวลา สนุกสนานเพลิดเพลินกับการเรียนและ
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น นอกจากนี้ครูผูสอนยังไดมีปฏิสัมพันธ
กบั ผเู รียนมากขนึ้ อีกดวย

ผูจัดทําหวังเป(นอย2างย่ิงว2า เอกสารฉบับน้ีจะเป(นประโยชนกับผู
ทาสนใจไม2มากก็นอย หากมีขอผิดพลาดประการใดตองขออภัยไว ณ
ท่ีนีด้ วย

นางสาวสุรีพร พนั ยุโดด
ศกึ ษานเิ ทศก

สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครปฐม เขต 2

สารบญั ข

คาํ นํา หนา
สารบญั ก
ความหมาย หองเรียนกลบั ดาน ข
ความสําคญั ของหอเรยี นกลบั ดาน 1
รปู แบบของหองเรียนกลบั ดาน 3
ขอเปรยี บเทียบของการเรียนการสอนแบบเดมิ กับ 5
การเรียนการสอนแบบกลบั ดาน
ประโยชนทเ่ี กิดจากการเรียนแบบหองเรียนกลับดาน 8
หองเรียนกลับดานกับการจัดการสอน 10
เทคนคิ การสอนในหองเรยี นกลบั ดาน 12
ขอควรคํานงึ ในการนําหองเรียนกลบั ดาน 16
มาประยกุ ตใชในบริบทของประเมศไทย
การสรางหองเรียนกลับดานแค2 6 ขั้นตอน 18
บทบาทของครู 22
บทบาทของนกั เรยี น 26
การใชเวลาในชั้นเรยี น 27
การวดั ผลและประเมนิ ผล 28
29

หอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น 1
Flipped Classroom

ความหมาย หองเรยี นกลับดาน (Flipped Classroom) หมายถึง กระบวนการ
เรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซ่ึงเปล่ียน การใชช2วงเวลาของการบรรยายเน้ือหา
(lecture) ในหองเรียนเป(นการทํา กิจกรรมต2าง ๆ เพ่ือเสริมสราง ประสบการณฝ@ก
แกป8ญหา และประยุกตใชจรงิ สว2 น การบรรยายจะอยู2ในช2องทางอ่ืน เช2น วีดิทัศนวีดิ
ทัศน ออนไลนpodcasting หรือ screencasting ฯลฯ ซ่ึง นักเรียนเขาถึงไดเมื่ออย2ูท่ี
บานหรือนอกหองเรยี นที่ นักเรียนอา2 น ฟ8ง ดไู ดเองที่บาน

ภาพท่ี 1 หองเรยี นกลับดาน
ทม่ี า : http://fltmag.com/the-flipped-classroom/
ความเปนมา
Jonathan และ Aaronไดกล2าวว2ารูปแบบหองเรียนกลับดาน เป(นวิธีการ
ที่ครอบคลุมการใชงานและประยุกตใชเทคโนโลยีอินเทอรเน็ต เพื่อยกระดับการ
เรียนรูในหองเรียนต2าง ๆ เพื่อใหสามารถใชเวลามากขึ้นในการมีปฏิสัมพันธกับ
นกั เรยี นแทนการบรรยายหนาช้นั เรียนเพียงอย2างเดียว ซึ่งวิธีการที่ถูกใชเป(นส2วนใหญ2
มักจะทําการสอนโดยใชวีดิทัศนที่ถูกสรางข้ึนโดยครู ซ่ึงนักเรียนสามารถเรียนรูได
นอกเวลาเรียน Jonathan และAaron เรียกกว2า หองเรียนกลับดาน เพราะ
กระบวนการเรียนและการบานท้ังหมดจะ “พลิกกลับ” ส่ิงที่เคยเป(นกิจกรรมในช้ัน
เรียน เช2นการจดบันทึก (lecture) จะถูกทําที่บานผ2านทางวีดิทัศนท่ีครูสรางขึ้นและ
นาํ มาปฏิบตั ิในชั้นเรยี น

2

จุดเริ่มตนของหองเรียนกลับดาน เกิดจากการพัฒนา
กระบวนการเรียนการสอนท่ีนํามาใชกับนักเรียนระดับมัธยมปลายที่
โรงเรียน Woodland Park High School เมือง Woodland Park
รัฐ Coloradoสหรัฐอเมริกา โดยครูผูสอนวิทยาศาสตรสองคนชื่อ
Jonathan Bergmann และ Aaron Sams ราวปnค.ศ. 2007 ท่ีเขา
ไดเริ่มทําการบันทึกเทปวีดิทัศนซ่ึงเป(นเน้ือหาสาระการสอนเพ่ือให
นักเรียนนําไปศึกษาคนควาดวยตนเองที่บาน แลวใหนักเรียนนําเอา
ผลการศึกษา และเรียนรูดวยตนเองนํากลับมาสู2กระบวนการ
อภิปราย สืบคนเพื่อหาบทสรุปของคําตอบท่ีชั้นเรียนอีกคร้ังหนึ่ง
โดยครูทําหนาท่ีเป(นผูอํานวยความสะดวกในการจัดประสบการณ
ทางการเรียน ซึ่งวิธีการเรียนแบบน้ีเป(นการเรียนแบบกลับดาน
แนวคิดจากการเรียนรูแบบเดิมที่ตองเรียนเน้ือหาท่ีโรงเรียน และนํา
งานตา2 ง ๆ กลับไปทาํ ต2อทบ่ี าน โดยปรบั เปลี่ยนแนวคิดมาเป(นการให
นักเรียนเรียนเนื้อหาที่บานดวยตนเองแลวนํางานหรือประสบการณ
ท่ีไดรับมาทําการเรียนรูเพิ่มเติมท่ีโรงเรียนร2วมกันกับเพื่อนต2อไปโดย
ครูจะเป(นผูใหคําแนะนําชี้แจงในประเด็นคําตอบท่ีเกิดขึ้น ซึ่งรูปแบบ
ดังกล2าวน้ีภายหลังไดพัฒนาและขยายขอบข2ายไปกวางขวาง
โดยเฉพาะการปรับใชกับส่ือ ICT หลากหลายประเภทท่ีมีศักยภาพ
คอ2 นขางสงู ในป8จจุบนั

3

ความสําคญั ของหองเรยี นกลบั ดาน
หองเรียนกลับดานมีความสําคัญในการจัดกระบวนการเรียนการ

สอนซึ่งเปลี่ยนการใชช2วงเวลาของการบรรยายเนื้อหา (lecture) ใน
หองเรียนเป(นการทํากิจกรรมต2าง ๆ เพื่อเสริมสรางประสบการณการ
เรยี นรูสาํ หรับนักเรียน สว2 นการบรรยายจะอยู2ใน ช2องทางอ่นื ๆ เช2น วีดิ
ทัศนวีดิทัศนออนไลนฯลฯ ซ่ึงนักเรียนเขาถึงไดเมื่ออยู2ท่ีบานหรือนอก
หองเรยี น ดังนน้ั การบานที่เคยมอบหมายใหนักเรยี นฝก@ ทาํ เองนอกหอง
จะกลายมาเป(นส2วนหนึ่งของกิจกรรมในหองเรียนและในทางกลับกัน
เนื้อหาท่ีเคยถ2ายทอดผ2านการบรรยายในหองเรียนจะเปล่ียนไปอย2ูในส่ือ
ท่ีนักเรียนอ2าน ดู ฟ8งไดเองท่ีบานหรือที่ต2าง ๆ ตามตองการ(Kachka,
2012) ผูสอนอาจทิ้งโจทยหรือใหนักเรียนสรุปความเนื้อหานั้น ๆ เพ่ือ
ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน และนํามาอภิปรายหรือปฏิบัติจริงใน
หองเรยี น

หองเรียนกลับดาน เป(นทางเลือกหน่ึงท่ีน2าสนใจในการจัดการ
สภาพแวดลอมของการเรียนรู(learning environment) ท2ามกลาง
ความตองการที่จะลดอัตราส2วนระหว2างครูกับนักเรียนของการเรียนใน
หอง อาจดูเหมือนว2า การเรียนการสอนมักจะทาทายต2อความเคยชินใน
การจัดการเรียนการสอนที่ใหความสําคัญกับการบรรยาย แต2ท่ีจริงแลว
หองเรียนกลับดานไม2ไดต2อตานวิธีการสอนแบบบรรยายและมีหลาย
รูปแบบและไม2ใช2สูตรสําเร็จ เพียงแต2จะสอดแทรกเทคนิคการต้ังคําถาม
กบั การสอนแบบบรรยายทเ่ี ป(นteacher-centered lectures และสนใจ
ว2าจะทํา ใหวิธีการสอนแบบบรรยายมีประสิทธิภาพมากขึ้นไดอย2างไร
บางมากกวา2

4

นอกจากน้ี รูปแบบของหองเรียนกลับดานยังเนนท่ีกิจกรรมการเรียนรูท่ีให
นักเรียนไดใชกระบวนการคิดเก่ียวกับแนวคิดหลักหรือแก2นของความรูน้ัน ๆ
(core concept) ช2วยใหผูสอนทราบว2านักเรียนยังตองการความรูหรือขาดความ
เขาใจในสว2 นใดตองการคําชี้แนะอยา2 งไรบาง บรรยากาศในหองเรียนลักษณะนีด้ กี ว2า
การมงุ2 บรรยายสาระความรูท่ีผสู อนตองการใหครบถวนตามแผนการสอนในลักษณะ
ของการสื่อสารทางเดียวแต2ไม2สามารถสรางส2วนร2วมหรือดึงดูดความสนใจจาก
นักเรียน ฉะนั้นเหตุผลประการหนึ่งที่น2าสนใจของหองเรียนกลับดาน คือการเรียน
การสอนที่ใหความสําคัญกับการพัฒนานักเรียน เน่ืองจากกิจกรรมที่ใหฝ@กฝนนั้นจะ
ช2วยใหผูสอนไดทราบขอมูลยอนกลับ(feedback) ว2านักเรียนมีความรู มีทักษะ
หลังจากการเรียนไปแลวดงั ทคี่ าดหวังไวหรอื ไม2

แนวคดิ เรื่องหองเรยี นกลับดานไม2ไดเป(นเรอื่ งใหม2แต2อย2างใด หากพูดถึงมิติ
เพียงแคก2 ารใหนกั เรยี นอา2 นเน้อื หาลว2 งหนาและมาทาํ กิจกรรมในหอง ลองนกึ ถึง
การเรียนวชิ าวรรณกรรมซง่ึ นักเรยี นตองอ2านเรื่องราวต2าง ๆ มาก2อนล2วงหนา แลว
นาํ มาวิเคราะหตอ2 ในหองเรยี น หรือการเรยี นวิชาดานกฎหมายซง่ึ นํา สิง่ ทอ่ี า2 น
มาแลวมาอภปิ รายตอ2 ในบรรยากาศแบบ Socratic seminarก็นบั ไดว2าเขาข2าย
ลกั ษณะของหองเรยี นกลับดานไดในส2วนหน่ึง (Berrett, 2012) สง่ิ ที่ Eric Mazur
ซึง่ เปน( อาจารย/นกั ฟสy ิกสทมี่ หาวทิ ยาลัย Harvard ใชวิธีการสอนทีเ่ รยี กวา2 Peer
instruction ทเี่ นนการฝก@ กระบวนการคดิ ขนั้ สงู มากกวา2 การจดจํา เนื้อหาและทํา
มาต2อเนอื่ งมาแลวกว2า 21 ปหn รือโครงการSCALE UP ท่ี North Carolina State
University กส็ อดคลองในวธิ กี ารสอนเพอ่ื กระตุนใหนกั เรียนตั้งใจและมีสว2 นรว2 มใน
การเรยี นรเู ชงิ รกุ การใชเทคนคิ และเครอื่ งมอื การเรยี นรตู า2 งๆ เปน( แนวคิดทีค่ ลายกับ
การ เรยี นรูในหองเรยี นกลับดาน โดยจุดรว2 มของวธิ กี ารสอน เหล2านค้ี อื การตอบ
โจทยว2าจะทํา ใหนกั เรยี นเกิดการ เรยี นรใู นหองเรียนหรอื มสี ว2 นรว2 มในหองเรียนมาก
ขึน้ ไดอย2างไร ผ2านการเรียนรเู ชิงรกุ การเรยี นรแู บบรว2 ม มือและการใชเทคโนโลยี
สารสนเทศเพ่ือการสอนและ การเรยี นร(ู ICT for teachingandlearning) เป(นตน

5

รปู แบบของหองเรยี นแบบกลบั ดาน
การจัดการเรยี นการสอนแบบหองเรยี นกลบั ดาน ซึ่งเป(นนวตั กรรมการ

เรียนการสอนรปู แบบใหม2 ในการสรางนักเรยี นใหเกิดการเรยี นรแู บบรอบดาน
หรือ Mastery Learning นนั้ จะมีองคประกอบสําคญั ทเ่ี กดิ ขึน้ 4องคประกอบ
ท่เี ป(นวฏั จกั ร (cycle) หมุนเวยี นกนั อยา2 งเป(นระบบ ซึง่ องคประกอบท้ัง 4 ท่ี
เกิดข้ึนไดแก2

1. การกําหนดยทุ ธวธิ เี พิ่มพูนประสบการณ (experiential
engagement) โดยมีครูผูสอนเปน( ผชู ีแ้ นะวธิ กี ารเรียนรใู หกบั นักเรยี นเพ่ือ
เรยี นเนื้อหาโดย อาศยั วธิ กี ารทีห่ ลากหลาย ทั้งการใชกจิ กรรมท่ีกํา หนด ขึน้ เอง
เกม สถานการณจาํ ลอง สอ่ื ปฏสิ มั พนั ธการ ทดลอง หรืองานดานศิลปะแขนง
ตา2 งๆ

2. การสบื คนใหเกิดความคิดรวบยอด (concept exploration) โดย
ครผู สู อนเป(นผคู อยช้แี นะ ใหกับนกั เรียนจากส่อื หรือกิจกรรมประเภทส่อื
ประเภท วดี ทิ ศั นบันทกึ การบรรยายของครู การใชสือ่ บนั ทกึ เสียงประเภท
podcasts การใชสือ่ websites หรือ ส่ือออนไลนchats

3. การสรางองคความรูอยา2 งมคี วามหมาย (meaning making) โดย
นักเรียนเป(นผูบูรณาการ สรางทกั ษะองคความรจู ากสอ่ื ทไี่ ดรับจาก การเรยี นรู
ดวยตนเองโดยการสรางกระดานความรูอิเลก็ ทรอนิกส (blogs) การใช
แบบทดสอบ (tests) การใชสือ่ สังคม ออนไลนและกระดานสํา หรบั อภิปราย
แบบออนไลน (social networking & discussion boards)

4. การสาธิตและประยกุ ตใช(demonstration & application) เป(นการ
สรางองคความรูของนกั เรียน ดวยตนเองในเชิงสรางสรรค โดยการจัดทาํ เป(น
โครง งาน (project) และผา2 นกระบวนการนาํ เสนอผลงาน (presentations)
ทเ่ี กิดจากการสรางสรรคงาน

การสาธิตและ การกาํ หนดยทุ ธวธิ ี 6
ประยกุ ตใ์ ช้ เพิ-มพนู
(demonstration & การสืบคน้ เพื-อให้
application) ประสบการณ์ เกิดความคิดรวบ
(experiential ยอด (concept
engagement)
exploration)
องคป์ ระกอบสาํ คญั
ของหอ้ งเรียนกลบั

ดา้ น

(Flipped Classroom)

การสร้างองค์
ความรู้อยา่ งมี
ความหมาย
(meaning making)

7

รูปแบบของหองเรียนแบบกลับดานสามารถกําหนด ดงั ภาพ 2 ดังน้ี

ภาพที่ 2 โมเดลหองเรยี นแบบกลับดาน (Flipped Classroom
Model)
ทมี่ า http://www.sooop.it/t/the-flipped-classroom

ขอเปรียบเทียบของการเรียนแบบเดิมกบั การเรียนแบบกลบั ดาน 8

แนวคิดของหองเรียนกลับดานมาในเบ้ืองตนน้ันมีบทสรุปเปรียบเทียบใหเห็นถึงรูปแบบ

ของการจัดการเรียนการสอนแบบกลับดาน (flippedlearning)กับรูปแบบการจัดการเรียนการ

สอนแบบเดมิ (traditionallearning) กลา2 วคอื การจัดการเรียนการสอนแบบหองเรียนกลับทาง

น้ันจะมง2ุ เนนการสรางสรรคองคความรดู วยตนเองตามทักษะความรูความสามารถและสติป8ญญา

ของเอกัตบุคคล (lndividualized competency) ตามอัตราความสามารถทางการเรียนแต2

ละคน (self-paced) จากมวลประสบการณท่ีครูจัดใหผ2านสื่อเทคโนโลยีICT หลากหลาย

ประเภทในปจ8 จุบัน และเป(นลักษณะการเรียนรูจากแหล2งเรียนรูนอกชั้นเรียนอย2างอิสระท้ังดาน

ความคิดและ วิธีปฏิบัติซ่งึ แตกตา2 งจากการเรยี นแบบเดมิ ทีค่ รูจะ เป(นผูปƒอนความรูประสบการณ

ใหนกั เรยี นในลักษณะ ของครูเป(นศนู ยกลาง (teacher center) ดงั นัน้ การ สอนแบบกลับทางจะ

เป(นการเปล่ียนแปลงบทบาทของ ครูอย2างส้ินเชิง กล2าวคือครูไม2ใช2ผูถ2ายทอดความรูแต2 จะมี

บทบาทเป(นติวเตอร (tutors) หรือโคช (coach) ที่จะเป(นผูจุดประกายและสรางความ

สนุกสนานในการ เรียน รวมท้งั เป(นผอู ํา นวยความสะดวกในการเรียน (facilitators) ในชั้นเรียน

น้ัน ๆ ซึ่งมีขอเปรียบเทียบ กิจกรรมและเวลา ระหว2างการเรียนแบบเดิมกับ หองเรียนกลับดาน

สามารถแสดงใหเห็นได ดงั ตาราง 1 ดงั น้ี

ตารางท่ี 1 เปรยี บเทยี บกจิ กรรมและเวลาเรียน ระหว2างหองเรียนแบบเดมิ กับหองเรยี นกลับดาน

9

การเรียนการสอนแบบหองเรียนกลับดาน มัก ถูกมองว2าเป(นการแทนการสอนใน
หองดวยเทคโนโลยี ต2าง ๆ เช2น สื่อ วีดิทัศนBergmann J., Overmyer J. และ
Wilie B. (2012) ย้ํา ถึงสิ่งที่ใช2และไม2ใช2การสอน แบบ Flipped ว2า Flipped
Classroom เป(นการปรับ กระบวนการเรียนรูท่ีมีนักเรียนเป(นศูนยกลาง เป(นการ
ผสมผสานระหว2างการบรรยายและการหล2อหลอมให นักเรียนสรางความรูดวย
ตนเองได(ablendingofdirect instruction withconstructivist learning) ไม2ใช2
การทดแทนผูสอนดวยส่ือหรือคอรสออนไลนไม2ใช2การ ปล2อยใหนักเรียนพ่ึงพา
ตนเองอย2างโดดเดยี่ ว หรอื ตา2 ง คนต2างเรยี น ดงั ภาพท่ี 3 ดังนี้

ภาพท่ี 3 เปรียนเทยี บหองเรียนเดมิ กับหองเรยี นกลับดาน
ทีม่ า http://www.uwedu/teaching.pdf

10

ประโยชน!ที่เกดิ จากการเรียนแบบหองเรียนกลับดาน

การเรียนการสอนในลักษณะของหองเรียนกลับ ดานที่ Bergmannและ
Sams กล2าวไวในหนังสือ ของเขาที่ชื่อ Flip Your Classroom: Reach Every
Student in Every Class Every Day สรุปไดดงั น้ี

1. เพ่ือเปล่ียนวิธีการสอนของครู จากการ บรรยายหนาชั้นเรียนหรือจากครู
สอนไปเป(นครูฝ@ก ฝ@กการทําแบบฝ@กหัดหรือทํา กิจกรรมอื่นในช้ันเรียน ใหแก2
นกั เรยี นเป(นรายบุคคลหรอื อาจเรยี กวา2 เป(นครู ตวิ เตอร

2. เพือ่ ใชเทคโนโลยกี ารเรยี นโดยใชสื่อ ICT ซ่ึงกล2าวไดว2าเป(นการนํา โลกของ
โรงเรยี นเขาสโู2 ลกของ นกั เรยี นซึง่ เปน( โลกยคุ ดจิ ิทลั

3. ช2วยเหลือนักเรียนท่ีมีงานยุ2ง นักเรียนสมัยน้ี มีกิจกรรมมาก ดังน้ันจึงตอง
เขาไปช2วยเหลือในการ จัดการเรียนรูโดยใชบทสอนท่ีสอนดวยวีดิทัศนอย2ูบน
อินเทอรเน็ต (internet) ช2วยใหนักเรียนเรียนไวล2วง หนาหรือเรียนตามช้ันเรียนได
ง2ายข้นึ รวมทัง้ เป(นการ ฝก@ นกั เรียนใหรูจักการจัดเวลาของตนเอง

4. ช2วยเหลือนักเรียนเรียนอ2อนใหขวนขวาย หาความรู ในช้ันเรียนปกติ
นักเรียนเหล2าน้ีจะถูกทอด ทิ้งแต2ในหองเรียนกลับดานนักเรียนจะไดรับการเอาใจ
ใส2จากครูมากท่ีสดุ โดยอัตโนมัติ

5. ช2วยเหลือนักเรียนที่มีความสามารถแตกต2าง กันใหกาวหนาในการเรียน
ตามความสามารถของ ตนเอง เพราะนักเรียนสามารถฟ8งหรือดูวีดิทัศนไดเอง จะ
หยดุ ตรงไหนก็ไดกรอกลบั (review) ก็ไดตามท่ี ตนเองพึงพอใจท่จี ะเรยี น

6. ชว2 ยใหนักเรียนสามารถหยดุ และกรอกลับ ครูของตนเองได ทํา ใหนักเรียน
จัดเวลาเรียนตามท่ตี น พอใจ เบือ่ ก็หยดุ พักไดสามารถแบง2 เวลาในการดูเปน( ชว2 งได

11

7. ช2วยใหเกิดปฏิสัมพันธระหว2างนักเรียนกับครู เพิ่มขึ้น ตรงกันขามกับ
การท่ีเรียนแบบออนไลน การ เรียนแบบหองเรียนกลับดานยังเป(นรูปแบบการ
เรียน ที่นักเรียนยังคงมาโรงเรียนและนักเรียนพบปะกับครู หองเรียนกลับดาน
เป(นการประสานการใชประโยชน ระหว2างการเรียนแบบออนไลน และการ
เรียนระบบ พบหนาช2วยเปล่ียนและเพ่ิมบทบาทของครูใหเป(นท้ังพ่ีเล้ียง
(mentor) เพ่อื นบาน (neighbor)และผูเชย่ี วชาญ (expert)

8.ช2วยใหครูรูจักนักเรียนดีข้ึน หนาที่ของครูไม2ใช2 เพียงช2วยใหศิษยได
ความรูหรือเนื้อหา แต2ตองกระตุน ใหเกิดแรงบันดาลใจ (inspire)ใหกําลังใจ
รับฟ8งและ ช2วยเหลือ ส2งเสริมนักเรียนซ่ึงเป(นมิติสํา คัญท่ีจะช2วย เสริม
พัฒนาการทางการเรยี นของนักเรียน

9.ช2วยเพ่ิมปฏิสัมพันธระหว2างเพื่อนนักเรียนดวย กันเองจากกิจกรรม
ทางการเรียนที่ครูจัดประสบการณ ข้ึนมานั้น นักเรียนสามารถที่จะช2วยเหลือ
เกื้อกูลซ่ึง กันและกันไดดีเป(นการปรับเปล่ียนกระบวนทัศนของ นักเรียนที่เคย
เรียนตามคํา สั่งครูหรือทํา งานใหเสร็จ ตามกํา หนดเป(นการเรียนเพ่ือตนเอง
ไม2ใช2คนอื่น สง2 ผลต2อนักเรียนท่ีเอาใจใส2การเรียน ปฏิสัมพันธระหว2าง นักเรียน
ดวยกันจะเพ่มิ ข้นึ โดยอัตโนมัติ

10. ช2วยใหเห็นคุณค2าของความแตกต2าง ตาม ปกติแลวในช้ันเรียน
เดียวกันจะมีนักเรียนท่ีมีความแตก ต2างกันมาก มีความถนัดและความชอบที่
แตกต2างกัน ดังนั้น การจัดกิจกรรมการสอนแบบหองเรียนกลับทาง จะช2วยให
ครูเห็นจุดอ2อนจุดแข็งของนักเรียนแต2ละคน เพ่ือนดวยกันก็เห็น และช2วยเหลือ
กนั ดวยจดุ แข็งของ แตล2 ะคน

12

11. เป(นการปรับเปล่ียนรูปแบบการจัดการหองเรียนช2วยเปyดช2องใหครู
สามารถจัดการช้ันเรียน ไดตามความตองการที่จะทํา ครูสามารถทําหนาที่ของ
การสอนทส่ี ําคัญในเชิงสรางสรรค เพ่ือสรางคุณภาพแก2ชั้นเรียนช2วยใหนักเรียนรู
อนาคตของชวี ติ ไดดีท่ีสดุ

12. เปลย่ี นคําสนทนากับพ2อแม2ประสานความสัมพันธท่ีดีระหว2างโรงเรียน
กับผูปกครอง ซ่ึงการรับ ทราบและแลกเปลี่ยนความรูร2วมกันจะทําใหนักเรียน
เกิดการเรยี นรทู ี่ดีได

13. ชว2 ยใหเกิดความโปร2งใสในการจัดการศึกษาการใชหองเรียนแบบกลับ
ทางโดยนําสาระคําสอนไปไว ในวีดิทัศนนํา ไปเผยแพร2ทางอินเทอรเน็ตเป(นการ
เปyดเผยเน้ือหาสาระทางการเรียนใหสาธารณชนไดทราบ สรางความเช่ือมั่นใน
คณุ ภาพการเรียนการสอนให ผูปกครองทราบ

หองเรียนกลับดานกับการจัดการเรียนการสอน
การจัดประสบการณการเรียนการสอนแบบหองเรียนกลับดานน้ัน
จะก2อใหเกิดกระบวนการสรางองคความรูท่ีเรียกว2าการเรียนแบบรอบรูหรือการ
เรียนใหรจู รงิ (mastery learning) ซ่ึงเปน( การเรยี นทช่ี 2วยเพ่ิมผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนของนักเรียนเพ่ิมความร2วมมือระหว2างนักเรียน เพิ่มความม่ันใจในตนเอง
ของนักเรียน และช2วยใหโอกาสแก2นักเรียนไดปรับปรุงแกไขตนเองในการเรียนรู
ใหบรรลผุ ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ซ่ึงมีผลการวิจัยที่บ2งบอกว2าการเรียนแบบรอบ
รูจะช2วยใหนักเรียนประมาณรอยละ 80 สามารถเรียน เนื้อหาสําคัญไดเทียบกับ
รอยละ20เมื่อใชวิธีสอนแบบเดมิ ทใ่ี ชกนั อยูใ2 นปจ8 จบุ นั

ลักษณะสําคญั ของการเรยี นแบบรูจรงิ มดี งั น้ี 13

1. ครกู ําหนดวัตถุประสงคอยา2 งละเอยี ดในการเรยี นรเู นื้อหาสาระ มีการจัด

กลุ2มวัตถุประสงคและตองบ2งบอกส่ิงสําคัญท่ีนักเรียนจะตองกระทําใหได

เพื่อแสดงว2าตนไดเกิดการเรียนรูจริงในสาระนั้น ๆ วัตถุประสงคดังกล2าวตอง

จดั เรยี งจากสิง่ ท่ีเปน( พ้นื ฐานไปสู2สิง่ ทซี่ บั ซอนขน้ึ หรือจดั เรยี งจากง2ายไปหายาก

2. ครูมีการวางแผนการเรียนรูสําหรับนักเรียนแต2ละคนใหสามารถ

ตอบสนองความถนัดท่ีแตกต2างกันของนักเรียน ซึ่งอาจใชส่ือการเรียนรูวิธีสอน

หรือเวลาท่ีแตกต2างกัน เพื่อช2วยใหนักเรียนบรรลุวัตถุประสงคทางการเรียน

ทก่ี ําหนด

3. ครูแจงใหนักเรียนเขาใจจุดม2ุงหมาย วิธีการเรียน ระเบียบกติกา

ขอตกลงตา2 ง ๆ ในการทาํ งานให ชดั เจน

4. นักเรียนมีการดําเนินการเรียนรูตามแผนการเรียนที่ผูสอนจัดใหมีการ

ประเมินการเรียนตามวัตถุประสงคแต2ละขอ โดยผูสอนคอยดูแลและให

คําปรึกษาเปน( รายบคุ คล

5. หากนักเรียนบรรลุวัตถุประสงคหนึ่งท่ีกําหนดไวแลว จึงจะมีการ

ดําเนนิ การเรียนรตู ามวตั ถุประสงคต2อไป

6. หากนักเรียนไม2สามารถบรรลุวัตถุประสงคท่ีกําหนดไว ครูตองมีการ

วินิจฉัยป8ญหาและความตองการของนักเรียน และจัดโปรแกรมการสอนซ2อมใน

ส2วนที่ยังไม2บรรลุผลน้ัน แลวจึงประเมินผลอีกครั้งหน่ึงหากสามารถทําไดจึงให

เรยี นรตู ามวัตถุประสงคต2อไป

7. นักเรียนดําเนินการเรียนรูอย2างต2อเน่ืองตามวัตถุประสงคท่ีกําหนด

จนบรรลุครบทุกวัตถุประสงค ซึ่งนักเรียนอาจใชเวลาในการเรียนมาก หรือนอย

แตกต2างกันตามความถนัดและความตองการ ของนกั เรียนแต2ละคน

8.ครูควรมีการติดตามความกาวหนาในการเรียนรูตามวัตถุประสงคของ

นักเรยี น และเก็บขอมลู การเรียนรขู องนกั เรียนเป(นรายบุคคล และมกี ารใชขอมลู

ในการวางแผนการเรยี นรูใหแกน2 ักเรียนต2อไป

ทาํ ไมครจู งึ ตองนาํ หองเรียนกลับดานมาใชในช้ันเรียน 14

หองเรียนกลับดาน เป(นการจัดการเรียนการสอนท่ีพลิกรูปแบบการเรียน
การสอนแบบเดิมโดยส้ินเชิงจากการท่เี ราคนุ เคยกัน เมื่อก2อนเด็กนักเรียนจะตอง
ไปเรียนหรือฟ8งครูในหองเรียนและเอาการบานกลับไปทําที่บาน แต2หองเรียน
กลับดาน นักเรียนจะตองฟ8งคําบรรยายของครู ซ่ึงอัดเป(นวีดิทัศนเอาไวแลวไป

ฟ8งเองที่บาน แลวค2อยมาทําโจทยหรือกิจกรรมอย2างอ่ืนในหองเรียนแทน การ
เรียนการสอนแบบนี้มีหลายประเทศที่เริ่มทําแลว สิ่งท่ีเกิดขึ้นก็คือว2าการเรียน
การสอนน้ันมีประสิทธิภาพมากขึ้นเด็กนักเรียนนั้นเรียนดีข้ึน และสนุกกับการ
เรียนมากข้ึน

ครูจะไดเวลากลับมามากมาย สามารถเพิ่มเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมใน
หองไดถึง 50 % เป(นการเพิ่มเวลาทํากิจกรรมเป(นอย2างมาก นอกจากน้ี ครูยัง
สามารถเดินไปรอบหอง เพื่อช2วยนักเรียนที่ตองการความช2วยเหลือมากท่ีสุดได
ดวย หองเรียนแบบเดิม ๆ เราจะทําส่ิงง2ายๆ ในหองเรียน แลวใหนักเรียนไปทํา
ส่ิงทย่ี ากมากขึ้นท่ีบาน

ในหองเรียนกลับดาน ครูใหนักเรียนทําสิ่งที่ง2ายท่ีบาน น้ันก็คือการใหรับรู
ขอมูล เพ่ือที่ว2าเวลามาในหองเรียน ดวยความช2วยเหลือจากครู นักเรียน
สามารถนําสิ่งท่ีเรียนรูมาปรับใชจริง และทําโจทยยากๆ ไดโดยมีครูคอย
ชว2 ยเหลอื การทน่ี ักเรียนไดเขาถึงเนื้อหาเป(นส่ิงที่นักเรียนทุกคนทําเองได ทุกคน
ดูวีดิทัศนผูปกครองส2งเสริมลูกตรงจุดนี้ได แต2ไม2ใช2ผูปกครองทุกคนที่สามารถ
ชว2 ยนักเรยี นตีโจทยยากๆ ได การใหนักเรียนทําส่ิงท่ีพวกเขาทําไดท่ีบาน และให
การช2วยเหลือท่ีจําเป(นในช้ันเรียน ไม2ใช2การทําทุกอย2างใหนักเรียนแต2เป(นการ
ชว2 ยเหลือใหคําชแ้ี นะ เปน( วิธีการเรยี นรูทท่ี รงพลัง

15

ในหองเรียนของครู บรรยากาศในการเรียนควรเป(นบรรยากาศว2ุนวาย
มาก มชี ีวติ ชวี ามาก บอ2 ยครั้งครูจะนึกภาพของครูท่ียืนหนาช้ัน แลวนักเรียน
ก็น่ังกับที่ นั่งเงียบๆ หองเรียนในลักษณะหองเรียนกลับดานไม2เป(นแบบนั้น
มีจุดปฏิบัติการหลายๆ จุดในหอง มีท่ีใหจดบันทึก และมีส2วนของการทํา
การทดลอง นักเรยี นทําสิ่งท่พี รอมท่ีจะทํา นกั เรยี นทําอะไรหลายอย2างมาก
ครูอาจเดินไปทวั่ หอง พดู คุยกบั นักเรียนทุกคน ทกุ ชั้นเรยี น ทกุ ๆ วนั

ตอนท่ีครูดําเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบหองเรียนกลับ
ดานคร้ังแรก นักเรียนในหองอาจจะมีปฏิกิริยาต่ืนเตน รูสึกว2าน2าสนใจ เป(น
สิ่งท่ีแตกต2างออกไป หองเรียนกระฉับกระเฉงมากขึ้น ซ่ึงก2อนหนานี้ เป(น
สภาพแวดลอมท่ีเนือยๆ ครูพูดใหนักเรียนฟ8งโดยนักเรียนไม2ไดมีส2วนร2วมใน
กระบวนการเรียนรนู กั เรยี นชอบท่ีจะมสี 2วนร2วม สิ่งท่นี า2 สนใจคอื ความ
แปลกใหม2ในการใชวีดิทัศน ในฐานะสื่อการสอน เป(นสิ่งท่ีหมดความน2า
ตน่ื เตนเรว็ มาก นักเรียนเขาไปดูวีดิทัศนเป(นประจําอย2ูแลว นักเรียนสามารถ
ดูบนมอื ถอื และอุปกรณอ่ืน ๆ youtube ไม2ใช2สิ่งท่ีใหม2สําหรับนักเรียนตอน
แรกนักเรียนต่ืนเตน แต2ไม2นานวีดิทัศนของครูก็กลายเป(นส2วนหน่ึงของการ
เรยี นการสอนในหองนกั เรียนกจ็ ะปรบั ตวั เร็วมาก และชอบความยืดหยุน2 ท่ี
ครูมอบให

เทคนคิ การสอนในหองเรยี นกลับดาน 16

ครูจํานวนมากใชหองเรียนกลับดาน เพื่อนําไปส2ูการเรียนรูผ2าน
โครงการ และการเรียนรูผ2านการแกป8ญหา มีการวิจัยจํานวนมากแสดงให
เห็นว2า เป(นวิธีการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ แต2ครูไม2นอยไม2รูว2าจะ
เปลี่ยนจากครูท่ีเนนบรรยายไปเป(นครูที่ส2งเสริมใหนักเรียนตอบคําถามและ
ทําการคนควาอย2างไรคุณสมบัติท่ีครูตองมีคือ การทําใหนักเรียนรูสึกมีส2วน
ร2วมกับโครงการหรือกับคําถามที่จะทําใหนักเรียนตองกลับไปเร่ิมจากเน้ือหา
ท่ีอย2ูในวีดิทัศน แลวขยายออกไปจากตรงนั้น แตกต2างจากแค2บรรยายอย2าง
มาก ตองเป(นคนเอ้อื ใหเกดิ การเรียนรใู นหองเรียน ที่อาจไม2ค2อยมีระเบียบสัก
เท2าไหร2 แต2การเรียนรูก็ไม2จําเป(นตองมีระเบียบอะไรมากนักวีดิทัศนควรมี
ความยาวหรือสัน้
ขนาดไหนดี กฎของครูคือ ความยาว 1 นาทีถึง 1 นาทีครึ่ง สําหรับแต2ละ
ระดับชั้นเรียน สมมติครูสอนเกรด 3 ความยาวก็ 3 ถึง 4 นาทีครึ่ง ครูสอน
เกรด 10 ความยาวก็10-15 นาทีสําหรับอายุของนักเรียน ถานักเรียนมีอายุ
8 ขวบก็ใชเวลาในการชมวีดิทัศน 8 นาที พยายามทําใหสั้นๆความสัมพันธ
ระหว2างครูกับนักเรียน ครูมีความเชื่อมโยงกับนักเรียนอย2างที่คนอื่นในโลก
ไม2สามารถมีได ถาครูคนอื่นใชวีดิทัศนของเพื่อนครูในช้ันเรียนของเขาโดยที่
ไม2ไดผลิตเองนักเรียนก็จะเรียนรูวิชาน้ันโดยมองครูผูสอนคนอ่ืนที่ครูนํามาใช
กลายเป(นคนแปลกหนามาพดู เรอื่ งวิชาต2าง ๆใหนกั เรียนฟง8 ครูจึงควรเป(นคน
จดั ทําเน้อื หาและผลติ เนื้อหาตา2 ง ๆท่จี ะสอนดวยตนเอง

17

หองเรียนกลับดาน สามารถใชกับนักเรียนระดับชั้นเล็ก ๆ ไป
จนถึงนักศึกษาปริญญาโท ส2วนใหญ2สามารถใชในวิชาวิทยาศาสตร
และคณิตศาสตร แต2วิชามนุษยศาสตร ประวัติศาสตร ดนตรี และ
ศิลปะ ครูสามารถใชในการใหขอมูลพ้ืนฐานกับนักเรียน อาจเป(น
ความรูดานทักษะสําหรับวิชาศิลปะ หรือการทําความเขาใจกับ
ประวัติศาสตรบางช2วง หรือการทําความเขาใจเก่ียวกับนักเรียนใน
วิชาวรรณกรรม เป(นตน เป(นการใหขอมูลกับนักเรียน เพ่ือจะไดมี
เวลาในชั้นเรียนกลับมามากข้ึน สามารถใชหองเรียนกลับดาน ได
กับหลากหลายวชิ า

หองเรียนกลับดาน มีขอจํากัดอย2างหนึ่งที่ครูตองยอมเสียไป
คือ การถามคทําถามสดๆ ในชั้นเรียนจะหายไป ซึ่งในขณะเวลาที่
ครูบรรยายในชน้ั เรยี นปกติ
นักเรียนไม2เขาใจ นักเรียนจะถามคําถามทันที แต2ในหองเรียนกลับ
ดานไม2มีแบบนี้ ดังนั้น สิ่งท่ีครูควรทําคือใหนักเรียนเขียนคําถาม
และใหนําคําถามเหล2าน้ันมาในหองเรียน โดยครูตอบคําถามทันที
ระหว2างท่ีนักเรียนดูวีดิทัศนไม2ได แต2จะนํามาตอบในหองทีหลัง
แทน

18

ขอควรคํานึงในการนําหองเรียนกลับดานมาประยุกต!ใชใน
บรบิ ทของประเทศไทย

นวัตกรรมประเภทการเรียนการสอนแบบหองเรียนกลับดาน
กําลังเป(นที่สนใจและจับตามองของนักการศึกษาหลายฝ‰ายทั้งใน
และต2างประเทศที่จะนํามาปรับใชกับการจัดการเรียนรูตามบริบท
ของแต2ละแห2ง ซ่ึงจะช2วยเสริมสรางประสิทธิภาพการเรียนของ
นักเรียนใหเกิดขึ้นไดภายใตสถานการณของสังคมท่ีแปรเปล่ียนไป
โดยมีขอควรคาํ นงึ ถงึ ในการนาํ ไปใช ดงั น้ี

1. รูปแบบของหองเรียนกลับดาน ไม2มีคําตอบเดียว การจะ
ใชสื่อหรือเทคโนโลยีเขามาช2วยสนับสนุนมากนอยเพียงใด ขึ้นอยู2
กับสถานการณของแต2ละหองเรียน และควรมองไปที่เปƒาหมาย
ของ Flipped ว2าทําใหเกิดการเรียนรูที่นักเรียนเป(นศูนยกลางได
อย2างไร
เช2น การใชเวลาในหองเรียนเพื่อทําโจทยแกป8ญหาหรือเปล่ียนมา
ทํางานที่เคยมอบหมายใหนักเรียนทําเป(นการบานแทนท่ีจะเป(น
การบรรยายเนื้อหาใหนักเรียนฟ8งตลอดช2วงเวลาในคาบเรียน จะ
เปน( ผลดกี บั นักเรยี นอย2างไรบาง

19

2. หองเรียนกลับดานจึงไม2ใช2เพียงว2าเป(นหลักการง2ายๆ ของการ
สลับกิจกรรมในหรือนอกหองเรียนการทําใหเกิดหองเรียนกลับดานได
จริงในทางปฏิบัติน้ันตองการเงื่อนไขสนับสนุนหลายประการ อาทิการ
เตรียมพรอมของท้ังผูสอนและนักเรียนท่ีตองใชเวลาและใหความสําคัญ
กับการเรียนรูแมอยู2นอกหองเรียน การออกแบบกิจกรรมเรียนรูในและ
นอกหองเรียนที่สอดคลองกัน สามารถทําใหเกิดการมีส2วนร2วมและทํา
ใหนักเรียนบรรลุวัตถุประสงคของรายวิชานั้นๆ (เช2น การยกโจทย
หัวขอโครงงาน หรือกิจกรรมนอกหองเรียนท่ีถูกดึงมาเป(นส2วนหลักของ
การเรียนในแต2ละครั้ง) และกระตุนใหนักเรียนเตรียมพรอมก2อนเขา
หองเรียนได ซึ่งเหล2าน้ีอาจหมายถึงการท่ีครูตองฝ@กฝนทักษะบาง
ประการเพ่ิมเติม เช2น การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ และบทบาทใน
การทํากิจกรรมกลุ2มซึ่งครูจะทําหนาที่ชี้แนะ และ ต้ังคําถามท่ีทาทาย
กระตนุ ใหแสดงความคดิ เหน็

3. การจัดการเรียนรูแบบเชิงรุกรูปแบบอ่ืนๆ ท่ีค2อนขางใช
บคุ ลากรจํานวนมาก (labor intensive)หองเรียนกลับดานอาจตองการ
การสอนแบบเป(นทีมซึ่งประกอบดวยอาจารย ผูช2วยสอนระดับ
บัณฑิตศึกษาและระดับปริญญาตรี ตลอดจนที่ปรึกษาและเจาหนาท่ีที่
ดูแลเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ และเรื่องการศึกษาหรือในส2วนของ
นักเรียน ความเคยชินและความคาดหวังในการเรียนจากการบรรยายท่ี
ผูสอนถ2ายทอดความรูในหองเรียน (face-to-face lecture) ทําให
นกั เรียน
อาจไม2เตรียมความพรอมในการทํากิจกรรม ขาดความกระตือรือรน
เท2าท่ีควร และอาจไม2ใหความสําคัญในการเขาเรียนเพราะเห็นว2า
สามารถเขาถึงเนอ้ื หาการบรรยายไดตามทีต่ นเองตองการ

20

4. หองเรยี นกลับดานอาจตองใชเวลาในการปรับพฤตกิ รรมและ
ทศั นคติของนกั เรยี นเกย่ี วกบั การใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ออนไลน)
ในการเรียนการสอนแบบน้ี ตลอดจนคํานงึ ถงึ ปจ8 จัยดานความพรอม
ของอปุ กรณและระบบสารสนเทศทเ่ี อื้อตอ2 การเรยี นรูดวยตนเองซ่งึ
อาจเป(นขอจํากดั ของนักเรยี นบางคนได ดวยการปรับใชเทคโนโลยใี น
การสรางกระบวนการเรียนรคู วามกาวหนาทางเทคโนโลยที เ่ี ปน( ไป
อย2างรวดเรว็ กเ็ ปน( อกี หนึง่ ป8จจัยทผี่ สู อนควรรทู ันและเลือกใชให
เหมาะสมกับวัตถุประสงคและกลุม2 เปƒาหมาย รวมถึงการรบั แนวคดิ
หองเรียนกลับดานไปใชโดยพจิ ารณาถึงสภาพ
การเรียนการสอนทีเ่ ป(นอย2ู หรือบริบทภายในหองเรยี นว2าสอดรบั หรอื
ตองปรบั อะไรอย2างไรเพื่อใหเกดิ กิจกรรมการเรยี นรูไดดีเพื่อช2วยใหถึง
เปาƒ หมายการเรยี นรเู ปน( สาํ คัญ ครอบคลุมถึงวธิ กี ารสอนหลากหลาย
รูปแบบ

5. หองเรียนกลบั ดานนา2 จะใชไดดีสาํ หรบั นกั เรยี นท่ีครอบครัว
ครู และโรงเรยี นทมี่ ีความพรอมดานการใชเทคโนโลยี และไดรับการ
สนบั สนนุ ส2งเสริมในการนาํ เทคโนโลยีมาใชในการคนหาความรอู ย2างมี
ประสทิ ธิภาพ เพราะกระบวนการเรยี นสว2 นใหญ2สาํ หรับ
หองเรียนกลับดาน นกั เรียนตองเรียนรูทีบ่ านเป(นสว2 นใหญ2 เพื่อจะ
นํามาปฏบิ ตั ิกิจกรรมทเ่ี สรมิ สรางความรูในหองเรยี น จึงตอง
เตรยี มการสําหรบั ความพรอมของผปู กครอง ครู และโรงเรยี นอย2าง
เร2งดว2 น

21

6. ครูท่ีจะนําหองเรียนกลับดานไปใช ควรจะตองเร2ง
ผลิตส่ือการเรียนรูที่จะใหนักเรียนนําไปเรียนท่ีบานให
เหมาะสมกับนักเรียน เหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะของ
นักเรียนตามความแตกต2างระหว2างบุคคลเพราะสื่อหรือ
ความรูที่จะมอบใหนักเรียนไปศึกษาควรเป(นความรูที่ครูควร
ผลิตเอง มากกว2าที่จะนําสื่อความรูของเพื่อนครูท2านอ่ืนมาให
นักเรียนของตนเรียนรู ซ่ึงนักเรียนจะไดไม2รูสึกแปลกที่จะ
เรียนกบั คนแปลกหนา

7. ควรจะมกี ารดําเนินการวิจยั การใชหองเรยี นกลับดาน
ในมติ ิต2างๆ เพ่อื สรางความม่นั ใจท่ีจะนําไปใชกับนักเรียนไทย
ในอนาคต เพ่ือเป(นการประกันคุณภาพการศึกษาท่ีเหมาะสม
กบั นกั เรียนไทยและสังคมไทย

สรางหองเรียน กลับดาน แค- 6 ขน้ั ตอน 22

รูปแบบการจดั การเรยี นการสอน FlippedClassroom หรือ

หองเรยี นกลับดาน ทีค่ ุณครูอาจตองใชในการจดั กจิ กรรมในชว2 งการแพร2

ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโครโรนา 2019

“Flipped Classroom” หมายถึงกระบวนการเรยี นการสอนรูปแบบ

หนง่ึ ซ่งึ เปลย่ี นการใชช2วงเวลาของการบรรยายเน้ือหา (Lecture)ใน

หองเรียนเปน( การทาํ กจิ กรรมตา2 งๆ เพื่อฝก@ แกโจทยปญ8 หา และประยกุ ตใช

จรงิ ส2วนการบรรยายจะอย2ูในช2องทางอ่ืนๆ เชน2 วดิ โี อ วดิ ีโอออนไลน

podcasting หรือ screen casting ฯลฯ ซ่งึ นักเรยี นเขาถึงไดเม่ืออยท2ู ่ีบาน

หรือนอกหองเรียน ดงั นั้น การบานท่ีเคยมอบหมายใหนกั เรียนฝก@ ทําเอง

นอกหองจะกลายมาเปน( สว2 นหน่ึงของกจิ กรรมในหองเรยี น และในทาง

กลบั กัน เนอื้ หาที่เคยถา2 ยทอดผา2 นการบรรยายในหองเรยี นจะเปล่ยี นไปอยู2

ในส่ือทน่ี ักเรยี นอา2 น-ฟง8 -ดู ไดเองทบี่ านหรือที่ไหน ๆ ก็ตาม (Kachka,

2012) ผสู อนอาจท้งิ โจทย หรอื ใหนกั ศึกษาสรุปความเนอื้ หาน้นั ๆ เพือ่

ตรวจสอบความเขาใจของนักศกึ ษา และนาํ มาอภปิ รายหรอื ปฏิบัติจรงิ ใน

หองเรียน

หองเรยี นกลับดานเปน( การพลกิ ประสบการณการเรียนรู โดยผเู รยี น

จะใชเวลาทาํ ความเขาใจเนือ้ หาการสอนผา2 นอนิ เทอรเนต็ และเปลี่ยน

บทบาทของหองเรียนใหเป(นพื้นที่จัดกจิ กรรม และทาํ การบาน โดยมีครู

เป(นผอู ํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเรียนรูแนวคดิ ของหองเรยี น

กลบั ดานจงึ อาจเปน( ส่ิงท่ีคุณครหู ลายคนยังไม2คนุ ชนิ แตข2 า2 วดีก็คือแคท2 ํา

ตาม 6 ขัน้ ตอนน้ี คณุ ครกู ส็ ามารถสรางหองเรียนกลับดานไดงา2 ย ๆ และมี

ประสิทธภิ าพทงั้ ในขนั้ เตรียมสอ่ื ฯ แบบออนไลน ขั้นกิจกรรมในหองเรียน

และขน้ั ทบทวน เพ่อื ตอ2 ยอดการสอนใหประสบความสาํ เร็จยิง่ กว2าเดิม

23

24

6 ขั้นตอนการสอนของหองเรียนกลับดาน (Flipped Classroom)
กอ- นเรม่ิ การสอน

ข้ันท่ี 1 คุณครูออกแบบแผนการสอน กําหนดวัตถุประสงคการ
สอน การเลอื กใชสอื่ การสอน กจิ กรรมเสรมิ ท่เี หมาะสมกับวัยผูเรียน กับ
หองเรียน และบรบิ ทของโรงเรียน

ข้ันท่ี 2 เตรียมวิดีโอการสอน คุณครูอาจบันทึกการสอนของตัวเอง
หรอื ใชบรกิ ารจากวดิ โี อการสอนทีม่ ีเน้ือหาของบทเรยี นครบตามตัวชี้วัด

ข้ันที่ 3 คุณครูแชรวิดีโอการสอน ส2งใหกับนักเรียน และอธิบายว2า
เน้ือหาในวิดีโอจะนํามาพูดคุยกันในหองเรียน (ในข้ันตอนน้ีคุณครูอาจ
สรางกิจกรรม หรือแจกแบบทดสอบก2อนเรียนเพ่ือใหนักเรียนไดลองทํา
กอ2 นการสอนในหองเรยี น)

ข้ันที่ 4 แลกเปล่ียน เพ่ือสนับสนุนการสรางปฏิสัมพันธระหว2างกัน
คุณครูเปyดโอกาสใหเด็ก ๆ ไดร2วมพูดคุย แลกเปล่ียน และซักถาม จาก
เนื้อหาที่ไดศึกษามาแลวในวิดีโอ เพื่อใหเกิดทักษะการคิดวิเคราะห และ
การสือ่ สาร

ข้ันที่ 5 แบ2งกลุ2ม เพื่อใหไดผลสัมฤทธ์ิตามที่วางแผนไว คุณครู
แบ2งกลุ2มเพื่อใหนักเรียนไดร2วมกันทํางาน ในหัวขอท่ีครูมอบหมาย หรือ
ช2วยกันเลือกหัวขอในการทํางานเพื่อใหเกิดทักษะการคิด สรางสรรค
และการทํางานร2วมกัน (ในระหว2างนี้คุณครูสามารถสังเกตเพื่อประเมิน
นักเรียนในระหว2างการนําเสนอ คุณครูอาจมอบหมายเป(นแบบฝ@กหัด
หรอื ใบงาน)

ข้ันท่ี 6 รวมกลุ2มกันอีกคร้ัง เพื่อนําเสนอผลงานกล2ุม เปyดเวทีให
เพอื่ น ๆ ร2วมกันแสดงความคิดเห็น และซักถาม

25

หลงั จบการสอน
คุณครูทบทวนการเรียนการสอน แผนการสอนทอ่ี อกแบบไว

วดิ โี อ และสอ่ื ฯ ที่อย2ใู นแผน ไดผลสมั ฤทธ์หิ รือไม2 อยา2 งไร และ
เปน( การวัดและประเมนิ การสอนของคุณครดู วยเช2นกนั

- ทบทวน แผนการสอนทอ่ี อกแบบไป รวมถึงส่อื การเรียนรู
และกิจกรรมการสอนวา2 ไดผลสมั ฤทธห์ิ รือไม2 นักเรยี นมคี วาม
เขาใจมากนอยอยา2 งไร

- ปรบั แก หากนักเรยี นหลายตนยงั มขี อสงสยั คณุ ครูควร
ปรับแกเพอ่ื ใหผูเรยี นมีความเขาใจมากย่งิ

- ทําซาํ้ หากการเรยี นการสอนในวันนัน้ ไดผลดี คณุ ครคู วร
ทาํ ซ้ํา และเสรมิ กจิ กรรมทท่ี าทายเพอ่ื ใหนักเรยี นไดใชทักษะที่
สูงข้ึน

หลังจากน้ีหองเรียนของคุณครูจะเปลยี่ นไป บทบาทของคณุ ครู
จะเปลยี่ นแปลงอย2างเหน็ ไดชดั เพราะเทคโนโลยีจะเขามามีสว2 น
ช2วยใหคณุ ครูมเี วลาในการวางแผนและออกแบบแผนการจดั การ
เรยี นรู การเลอื กใชสอ่ื ฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ การวดั และ
การประเมนิ ผลในรูปแบบทเ่ี ปลย่ี นไป พรอมทั้งนักเรยี นเขาถงึ
เนอ้ื หาไดง2าย จงึ ทําใหการสรางปฏสิ มั พนั ธของผูเรียนกับคณุ ครู
และเพอ่ื นร2วมช้นั จะมีประสิทธภิ าพมากยิ่งขน้ึ

26

บทบาทของครู

1) การจัดการหองเรียน จัดสภาพบรรยากาศใน
หองเรียนใหเหมาะสมต2อการจัดการเรียนรู ใชสื่อเทคโนโลยี
รวมถึงอุปกรณต2าง ๆ เพื่อส2งเสริมเท2าน้ัน โดยรูปแบบ
การเรยี นรูนําเทคโนโลยีไม2ใชเ2 ทคโนโลยเี ปน( ตวั นํา

2) ครูมีการทํางานที่กลับทางคือ แทนท่ีสอนวิชา
หนาชั้นเรียน เปลี่ยนการสอนมาสอนหนากลองวิดิทัศนแทน
เตรียมหรือจัดหาสื่อวีดิทัศน โดยสรางเองหรือจัดหามาเพื่อ
สาระความรูแกน2 กั เรียน

3) เวลาท่ีโรงเรียน ครูทําหนาท่ีเป(นครูฝ@ก (Coach)
ใหนักเรียนฝ@กแปลงวิชาหรือประยุกตใชวิชา ซึ่งนักเรียนตอง
สรางความรูความเขาใจของตนเองข้ึนมา ก2อนจะประยุกตใช
ความรูในกิจกรรมหรือโจทย แบบฝ@กหัดเป(นการฝ@กฝน
การเรยี นรูที่แทจรงิ ไดตรงตามวตั ถุประสงคของการเรียนรู

บทบาทของนักเรียน 27

1) นักเรียนมีความรับผิดชอบในวิธีการเรียนท่ีกลับทาง

คือ ใชเวลาเรียนเน้ือหาท่ีบาน มีอัตราเร็วที่เหมาะสมกับ

ตนเองโดยผ2านการดูวิดีโอ นักเรียนตองรูจักหยุดวิดีโอ หรือ

ดูบางตอนซํ้า จดบันทึกประเด็นท่ีสําคัญ และสิ่งท่ีสงสัยไม2

เขาใจมาซักถามครูในเชาวนั รง2ุ ขน้ึ

2) นกั เรียนรว2 มกิจกรรมการเรียนที่โรงเรียน จะเป(นการ

ทดลอง กิจกรรมคนควา โครงงานหรือกิจกรรมแกป8ญหา

หรือการทดสอบ โดยนักเรียนตองใหความร2วมมือในการทํา

กิจกรรม หากเกิดขอสงสัยสามารถถามและพูดคุยกับครูหรือ

เพ่ือนร2วมช้ันไดทันทีอย2างเป(นธรรมชาติ เป(นรายบุคคลหรือ

เปน( กลุม2

จึงสรุปไดว2า ครมู ีหนาท่ีอํานวยความสะดวกในการจัดทํา

หรือคนหาสื่อวิดีโอทําเป(นแหล2งเรียนรูใหนักเรียนท่ีบาน โดย

ผูเรียนอาจมีส2วนในการจัดทําหรือคนหาสื่อวีดิโอ และครูมี
หนาท่ีเป(นโคชช2วยเหลือนักเรียนในการทําการบานหรือ

กิจกรรมในเวลาที่นักเรียนเกิดขอสงสัย ภาระงานที่โรงเรียน

ส2วนนักเรียนมีหนาท่ีแสวงหาความรูที่บานดวยการเรียนรู

เนื้อหาผ2านทางวิดีโอ และทําการบานที่โรงเรียน หากเกิดขอ
สงสยั ใหถามครทู ันที

การใชเวลาในช้ันเรยี น 28

การกล2าวถึงการใชเวลาในชนั้ เรยี น ดังนี้ ในชน้ั เรียนทม่ี ีการเรียนการ
สอนรปู แบบเดมิ นนั้ ครูมักใชเวลาในการบรรยาย ทําใหเหลอื เวลาเพยี ง
เลก็ นอยสาํ หรับการตอบขอสงสยั ต2าง ๆ หรือใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมการ
เรียนรู เกิดความกระจา2 งในสิง่ ทย่ี งั ไมเ2 ขาใจ โดยครเู ป(นผใู หความชว2 ยเหลอื
แต2ภายใตวธิ ีการกลับดานชน้ั เรียนสัดส2วนการใชเวลาในช้นั เรยี นจะ
เปล่ยี นไป นักเรยี นมเี วลามากข้ึนสําหรบั ทํากิจกรรมทช่ี ว2 ยเพ่มิ พลู ความรใู ห
กวางขวางและล2ุมลึกข้นึ หรอื ใชในการฝ@กทกั ษะการแกป8ญหาต2างๆ
ตารางเปรียบเทียบเวลาทีใ่ ชเรียน

การเรียนการสอนแบบเดิม การกลบั ดานการเรียน

กจิ กรรม เวลา กจิ กรรม เวลา

ขัน้ นาํ (Warm-up) 5 นาที ขนั้ นํา (Warm-up) 5 นาที

ตอบขอสงสยั เกยี่ วกบั การบานท่ี 20 นาที ถาม-ตอบ เกีย่ วกบั วดิ โิ อ 10

นักเรียนไดรับมอบหมาย ทด่ี ู นาที

บรรยายเนื้อหาใหม2 30-45 นาที นักเรยี นทาํ งาน/กจิ กรรม 75

การเรยี นรตู า2 งๆ นาที

นักเรียนทาํ งาน/กจิ กรรมการ 20-35นาที
เรียนรตู า2 ง ๆ

การจัดการเรียนการสอนแบบเดิมจะเนนท่ีตัวครู เนนการบรรยาย
การกลับดานครูมีปฏิสัมพันธสองทางกับนักเรียนและนักเรียนมีเวลาทํา
กิจกรรมมากข้ึน และมีเวลาในการคนควาเรียนรูและสามารถเรียนรูไดทุก
สถานท่ี ทกุ เวลาตามตองการ โดนครคู อยเปน( ผชู ว2 ยเหลือ

29

การวัดผลและประเมินผล

การวัดผลและประเมินผลภายใตรูปแบบการเรียนแบบ
หองเรยี นกลับดานน้ัน มีท้ังการประเมินเพื่อพัฒนา (formative
assessment) เพ่ือพัฒนาและสรางความรูความเขาใจแก2
นั ก เ รี ย น แ ล ะ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ร ว บ ย อ ด ( summative
assessment) เพื่อตัดสินว2านักเรียนมีความรูความสามารถ
บรรลุตามจุดประสงคการเรียนรูที่เป(นเปƒาหมายหรือไม2 การ
วัดผลและประเมินผลมีความยืดหยุ2นหลากหลายทั้งรูปแบบ
วธิ ีการและระยะเวลา เพ่ือช2วยใหนักเรียนสามารถเรียนรูไดตาม
ศกั ยภาพของตนเอง

1) วัดผลและประเมินผลดวยวิธีท่ีหลากหลาย เช2น การ
ทดสอบ การปฏิบัติทดลอง ช้ินงาน การเขียน การพูด เพื่อ
ประเมนิ นักเรยี นไดตรงตามจุดประสงคท่ีกาํ หนด

2) การจัดทําขอสอบหลายชุดแต2มีวัตถุประสงคเดียวกัน
วัดและประเมินผลซ้ํา นักเรียนบางคนอาจจะไม2ผ2านเกณฑหรือ
ยังไม2บรรลุจุดประสงคการเรียนรู หรือแมบางคนท่ีผ2านเกณฑ
การประเมินแตย2 ังไมพ2 อใจในคะแนนของตนเองก็สามารถเขารับ
การประเมินซ้ําได เพ่ือเพ่ิมโอกาศใหผูเรียนไดปรับปรุงพัฒนา
ตนเองใหยิง่ ขน้ึ

30

3) ใชเทคโนโลยีช2วยในการวัดผลและประเมินผล ดวย
เหตุที่การวัดและประเมินผลอาจตองดําเนินการหลายคร้ังใน
ระยะเวลาท่ีแตกต2างกัน และแบบทดสอบหลายชุด การใช
คอมพิวเตอรช2วยในการเลือกขอสอบและตรวจใหคะแนนจะ
ช2วยลดภาระงานของครูเป(นอย2างมาก และทราบผลไดอย2าง
รวดเรว็

4) ใชผลการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู หลังการ
ประเมินแต2ละคร้ังนักเรียนสนทนาซักถามเกี่ยวกับส่ิงที่นักเรียน
ท้ังเขาใจและยังไม2เขาใจ ครูก็จะพิจารณาว2าส่ิงใดที่เขาตอง
ไดรับการพฒนาใหตรงกับผเู รียนแตล2 ะคน

จากการวัดและประเมินผลการเรียนรูภายใตหองเรียนกลับ
ดานสามารถสรุปไดว2า มีทั้งการประเมินเพ่ือการพัฒนา
(formative assessment) ซึ่งเป(นฐานสําคัญในการพัฒนาและ
สรางความรูความเขาใจแก2นักเรียน และการประเมินผล
รวบยอด (summative assessment) เพ่ือตัดสินผลว2าผูเรียนมี
ความรูความสามารถบรรลุตามวัตถุประสงคการเรียนรูท่ีเป(น
เปƒาหมายหรือไม2เพ่ือช2วยใหผูเรียนสามารถเรียนรูไดตาม
ศักยภาพของตนเอง

บทสรุป 31

หองเรียนกลับดาน เป(นการจัดการเรียนการสอนท่ีพลิกรูปแบบ
การเรียนการสอนแบบเดิมโดยสิ้นเชิงจากการที่ครูคุนเคยกับการให
นักเรยี นตองไปเรยี นหรือฟ8งครูในหองเรียน และนําเอาการบานกลับไป
ทําท่ีบานแต2หองเรียนกลับดาน นักเรียนจะตองฟ8งคําบรรยายของครู
ซ่ึงอัดเป(นวีดิทัศนเอาไวแลวไปฟ8งเองท่ีบานแลวค2อยมาทําโจทยหรือ
กิจกรรมอย2างอ่ืนในหองเรียนแทนการเรียนการสอนแบบนี้มีหลาย
ประเทศท่ีเร่ิมทํา สิ่งท่ีเกิดขึ้นคือ การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมาก
ขึน้ เดก็ นกั เรยี นน้นั เรยี นดขี ้ึน และสนุกกบั การเรยี นมากขึ้น

แนวโนมใหม2ๆ ในการเรียนการสอนจะเป(นการเรียนการสอนท่ี
เนนเฉพาะบุคคลมากข้ึน จะเป(นการประเมินนักเรียนรายบุคคลว2า
เรียนรูอะไรมาบางแลวและจัดการเรียนการสอน เพ่ือใหนักเรียนไปยัง
จดุ ที่ควรจะเป(น ครจู ึงตองมมี าตรฐานซ่งึ เปน( การเหน็ ชอบร2วม
กนั ของสงั คมวา2 สงิ่ ที่นักเรียนควรเรียนรู เนื้อหาต2าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม
แต2วิธีการเรียนรูเนื้อหาจะต2างออกไปหนทางท่ีนักเรียนจะไปส2ูเน้ือหา
นั้นจะต2างออกไปนกั เรียนแต2ละคนมีประสบการณทไ่ี มเ2 หมอื นกัน ถาครู
รูว2านักเรียนแต2ละคนรูอะไรมาบางแลว และใหเคร่ืองมือนักเรียนใน
การเรียนรูต2อไป โดยใชเทคโนโลยีที่สามารถออกแบบในการเรียนรูให
เหมาะสมกับความตองการของนักเรยี นทุกคน ครจู ะตองพลกิ บทบาท
ของตนเองจากครูบรรยายแบบเดิม ๆ มาเป(นโคช หรือผูชี้แนะ คอยให
คําปรึกษาและคําชี้แนะกับนักเรียนแทนโดยใชเทคโนโลยีเขามาช2วย
เพื่อใชเวลาในหองเรยี นใหเกดิ ประสทิ ธิภาพมากทส่ี ุด

กลุมนิเทศติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา
สาํ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครปฐม เขต 2


Click to View FlipBook Version